คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : Black Candy : 6
Chapter : 6
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกครั้งเวลาเดิม ร่างโปร่งค่อยๆ เดินไปเปิดประตูให้บรรดาเพื่อนๆ ที่ยกขบวนมาเยี่ยมหลังจากวันที่ซุ่มซ่ามไปเหยียบเปลือกหอยเข้าจนเดินไม่ได้ หลายวันมาแล้วที่ชานยอลต้องนอนเหงาอยู่ที่หอเพียงคนเดียวเพราะไม่สามารถไปเรียนได้
“ยู้ฮูววว หิว’ยังจ๊ะ” ฮยอนอาทักทายขึ้นหลังจากที่บานประตูถูกเปิดออก
“มากกกกก พยาธิลุกขึ้นมาเต้นกังนัมสไตล์ประท้วงแล้วเนี้ย” คนป่วยบอกพลางลูบหน้าท้องตัวเองไปมา
“งั้นกินให้เยอะๆ เลยนะวันนี้ของกินเพียบ” แบคฮยอนชูถุงของกินที่อยู่ในมือให้เจ้าของห้องดู
“พวกแกถูกหวยหรอ? ซื้อมาอย่างกะจะจัดงานเลี้ยง” ร่างโปร่งค่อยๆ นั่งลงบนเก้าอี้โดยที่มีซอลลี่คอยพยุง
“เอาตามความจริงนะแก นอกจากวันแรกที่ฉันมาเยี่ยม พวกฉันก็ไม่เคยซื้ออะไรมาให้แกเลย”
“อ้าว! แล้วแกเอาของใครมาให้ฉันกินวะเนี้ย” ร่างโปร่งถามออกไปทั้งๆ ที่กำลังหยิบขนมเข้าปาก
“ฉันไม่รู้ ก็เห็นมันแขวนอยู่หน้าห้องแกทุกวัน”
สิ่งที่คริสตัลบอกทำให้ชานยอลเริ่มสงสัย มีของมาแขวนอยู่หน้าห้อง....อีกแล้ว ครั้งก่อนมันก็เคยเป็นแบบนี้มาครั้งนึงแล้ว ในเมื่อไม่ใช่พวกเพื่อนๆ ทำให้ชานยอลเริ่มคิดว่าจะเป็นของใครได้อีก...หรืออาจจะมีใครมาแขวนผิดห้องก็เป็นได้
“หรือเขามาแขวนไว้ผิดห้องวะ?”
“แหมมม แขวนผิดทุกวันเลยเนาะ โถ๊ะ!” คริสตัลส่ายหน้าให้กับความคิดของเพื่อน
“ช่างเถอะ ของใครก็ช่างถ้ามาแขวนอยู่หน้าห้องฉันก็คือของฉันนี่แหละ กินไปไม่ต้องคิดมาก”
ร่างโปร่งว่าพลางจกผลไม้จากจานที่แบคฮยอนยังไม่ทันจะวางมันลงบนโต๊ะมากิน
หลังจากที่เหล่าเพื่อนๆ อยู่พูดคุยกับชานยอลจนมืดค่ำก็ต่างแยกย้ายกันกลับบ้านใครบ้านมัน แต่หลังจากที่ทั้งสี่คนออกไปไม่นานก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกครั้ง
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
ร่างโปร่งที่นอนดูทีวีอยู่บนเตียงต้องเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย เพราะพวกเพื่อนๆ เพิ่งจะออกไปไม่นาน แต่คิดอีกทีอาจจะไม่มีใครลืมของไว้ก็ได้
แต่เมื่อเปิดประตูออกไปก็ถึงกับปิดแทบไม่ทัน เมื่อคนเห็นว่าคนที่มายื่นอยู่หน้าห้องก็คือคนที่อยู่ห้องข้างๆ นั่นเอง
“ออกไป!” เสียงหวานตะคอกใส่อีกคน
“ไม่ไป!!”
คริสออกแรงผลักประตูเพียงนิดหน่อยก็ทำให้อีกคนถึงกับเซเพราะเท้าที่ปวดทำให้ทรงตัวไม่อยู่
“ออกไปจากหองฉันเดี๋ยวนี้” ชานยอลชี้นิ้วเป็นเชิงบอกให้อีกคนกลับห้องของตัวเองไป
ร่างสูงยกยิ้มให้ก่อนจะอุ้มอีกคนไปที่เตียง ครั้งนี้ชานยอลดิ้นได้ไม่มากเพราะแผลที่อักเสบยังไม่หายดี ได้แต่ส่งเสียงตะโกนว่าคริส
“นั่งนิ่งๆ!”
ร่างสูงบอกก่อนจะจับขาเรียวมาวางไว้บนตักของตัวเอง
“นายจะทำอะไร!” ร่างโปร่งพยายามดึงขาของตัวเองกลับ แต่มันถูกคริสจับไว้แน่น
คริสค่อยๆ แกะผ้าพันแผลชิ้นเก่าออกมา ก่อนจะหยิบชุดทำแผลที่ถือติดมือมาด้วยขึ้นมาล้างแผลให้กับอีกคน แต่เหมือนมันจะง่ายกว่านี้ถ้าชานยอลให้ความร่วมมือกับเขาอีกสักหน่อย
“ไม่เอาๆ แสบ” ร่างโปร่งเริ่มร้องครวญครางเพราะไม่อยากทำแผล
“อยู่นิ่งๆ สิ ถ้าไม่ล้างแผลแล้วเมื่อไหร่มันจะหาย” ร่างสูงเริ่มสวมบทบาทเป็นพี่หมอใจดีที่ต้องมารักษาคนไข้เจ้าอารม
“เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น ฉันไม่รีบ” คนตัวเล็กกว่าบอกพลางพยายามขัดขวางการทำแผลลจากอีกคนทุกวิถีทาง
“ไม่ได้ต้องทำ!”
คริสยืนยันคำเดิมก่อนจะใช้สำลีชุบแอลกอฮอล์ทาบลงไปบนปากแผล ทำให้ชานยอลต้องแหกปากร้องออกมาเพราะความแสบ
“โอ๊ย!!”
คราวนี้ไม่ใช่เสียงของชานยอล แต่เป็นเสียงของคริสเพราะหญิงสาวเอาแต่ดิ้นจนเผลอทำฝ่าเท้ากระแทกปากของร่างสูงเข้าให้
มือหนาแตะริมฝีปากตัวเองก็พบว่ามีเลือดซึมออกมาเล็กน้อย ชานยอลแอบตกใจเพราะครั้งนี้เขาไม่ได้มีเจตนาที่จะทำร้ายร่างกายของอีกคนแต่อย่างใด
“เฮ้ย! ขอโทษๆ เป็นอะไรหรือเปล่า”
มือบางประคองใบหน้าของร่างสูงขึ้นมาดูบาดแผลตรงริมฝีปากก่อนจะใช้นิ้วเรียวปาดเลือดที่ซึมออกมาออกไป ใบหน้าหวานละมุนที่แฝงไปด้วยความเป็นห่วงทำให้คริสต้องจ้องหน้าอีกคนจนละสายตาออกมาไม่ได้
“สงสัยยอลลี่ต้องทำแผลให้พี่แทนแล้วแหละ”
สายตาของความเจ็บปวดเปลี่ยนเป็นสายตาที่ยั่วยวนจนหัวใจของหญิงสาวเริ่มเต้นแรง
“แหม แผลแค่นี้เองไม่...อุ๊บ!!”
ยังไม่ทันที่ชานยอลจะพูดจบก็ถูกริมฝีปากหนาของอีกคนทาบลงมายังกลีบปากบางของหญิงสาวโดยไม่ทันตั้งตัว ยิ่งพยายามจะพูดออกมามากเท่าไหร่ ก็เท่ากับเป็นการเปิดโอกาสให้อีกคนได้มีโอกาสรุกล้ำเข้ามามากเท่านั้น ชานยอลพยายามดิ้นออกจากการรัดกุมของอีกคนแต่พยายามเท่าไหร่คริสก็ไม่ยอมปล่อยให้หญิงสาวหลุดรอดไปได้เลย
จากจูบที่เริ่มต้นด้วยความรุนแรง เริ่มกลายเป็นจูบที่บางเบาเมื่อชานยอลเริ่มสงบนิ่ง ปลายลิ้นค่อยๆ ลิ้มชิมความหวานจากริมฝีปากบางอย่างเชื่องช้า เรียกให้อุณหภูมิในร่างกายของหญิงสาวเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมอีกหนึ่งเท่าตัว
“ออกไปได้แล้ว” ชานยอลบอกกับอีกคนหลังจากที่เขายอมถอนริมฝีปากออกไป
“จะไปได้ยังไง พี่ยังทำแผลให้เราไม่เสร็จเลย”
ยิ้มหวานของชายหนุ่มทำให้หัวใจของชานยอลเต้นแรงมากขึ้นกว่าเดิม
“ไม่ต้องทำแล้ว เดี๋ยวทำเอง” ร่างโปร่งเขยิบตัวหนีอีกคนโดยไม่กล้าสบตา
“อย่าดื้อ....ไม่งั้นพี่จะทำมากกว่านี้”
เมื่อได้ยินคำขู่ของอีกคนทำให้ร่างโปร่งไม่พูดโต้ตอบอะไรกลับไปอีกเลย ปล่อยให้คริสทำแผลให้ตามที่เขาต้องการ
“เสร็จแล้วครับ”
การทำแผลผ่านไปอย่างง่ายดาย ไม่รู้เป็นเพราะว่าคริสมือเบาหรือชานยอลยังคงติดอยู่กับรสจูบของอีกคนกันแน่
“พี่ไปก่อนนะ เดี๋ยวต้องออกไปธุระ ไว้จะมาทำแผลให้ทุกวัน”
ร่างสูงบอกพลางลูบไล้เส้นผมนุ่มของอีกคนเบาๆ
ทันทีที่ประตูห้องถูกปิดลงหลังจากที่คริสออกไปหญิงสาวที่นั่งเงียบอยู่นานถึงกับคว้าหมอนผ้าห่มและทุกอย่างที่อยู่บนเตียงปาทิ้งจนกระจายไปทั่วทั้งห้อง
“ม๊ายยยยย!! ให้ตายเถอะ ฉันเป็นผู้ชายนะ!” หน้าหวานซุกลงบนฝ่ามือของตัวเองด้วยความอาย
ภายในห้องที่มีหญิงสาวกำลังโมโหตัวเองที่ยอมไม่ปัดป้องภัยคุกคามที่เข้ามาถึงตัว แต่ภายนอกมีชายหนุ่มร่างสูงยืนยิ้มอยู่ด้วยความพึงพอใจในชัยชนะของตัวเอง มือหนาหยิบโทรศัพท์เครื่องบางขึ้นมากดสองสามครั้งก่อนจะยกขึ้นมารอฟังเสียงสัญญาณจากปลายสาย
“ฮัลโหล น้องคริสตัลใช่ไหมครับ พี่ทำแผลให้เพื่อนน้องเรียบร้อยแล้วนะครับ”
..................................................Black Candy...................................................
หลังจากที่ปล่อยให้ใจว้าวุ่นมาทั้งวันก็ถึงเวลาที่ชานยอลต้องหลับพักผ่อน แต่ก็ต้องลืมตื่นขึ้นมาเมื่อมีเสียงจากห้องข้างๆ ดังขึ้นมารบกวน มือเล็กยกขึ้นมาขยี้ตาไปมาก่อนจะหันไปมองนาฬิกาบนหัวเตียงก็ปรากฎว่าตี 2 กว่าแล้ว หญิงสาวเงี่ยหูฟังเสียงว่ามันมาจากห้องไหนเพราะเวลานี้มันไม่ใช่เวลาที่ใครจะมาหัวเราะต่อกระซิกกันแล้ว
ร่างโปร่งค่อยๆ ลุกขึ้นไปแนบหูกับฝาห้องฟังเสียงจากห้องจากทางฝั่งซ้าย แต่ก็ไม่ได้ยินเสียงที่อะไร จึงกลับมาแนบหูฟังเสียงจากห้องทางฝั่งขวาซึ่งเป็นห้องของคริส
“แม่ง!”
หญิงสาวถึงกับสบถออกมาเมื่อเสียงที่ว่ามันมาจากห้องของคริส เสียงชายหญิงที่หัวเราะคิกคักกันอย่างมีความสุขทำให้ชานยอลลืมง่วงไปเสียสนิท หน้าหวานเริ่มแสดงสีหน้าไม่พอใจก่อนจะกระโดดเป็นกระต่ายขาเดียวกลับไปที่เตียงของตัวเอง
“ไอ้คนมักมาก เพิ่งทำมิดีมิร้ายเราไปเมื่อกลางวัน ตกดึกก็หิ้วสาวเข้าห้อง หึ้ย!!”
หญิงสาวพูดกับตัวเองพร้อมกับหยิบหมอนขึ้นมาทุบตีด้วยความโมโห ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนตัวเองก็เคยทำแบบนี้เหมือนกัน แต่กลับโมโหเมื่อมีคนอื่นมาทำกับตัวเอง แล้วอยู่ๆ ความคิดนึงก็แว๊บเข้ามาในใจของชานยอล ใบหน้าหวานที่บึ้งตึงในตอนแรกยกยิ้มอย่างชั่วร้ายก่อนจะเอี้ยวตัวไปยกโทรศัพท์ที่ใช้โทร.ภายในหอพักขึ้นมา มือเรียวลงไปบนโทรศัพท์สองสามครั้งก่อนจะรอฟังเสียงสัญญาณ
กริ๊งงง กริ๊งงงง~
เสียงโทรศัพท์จากห้องข้างๆ ดังขึ้น แต่ทว่าไม่มีทีท่าว่าเจ้าของห้องจะรับสาย หญิงสาวแทบจะส่งกระแสจิตไปยังห้องข้างๆ เพื่อให้ใครสักคนรับสายตัวเอง แต่ไม่นานอีกห้องก็ทนเสียงรบกวนของเสียงโทรศัพท์ไม่ไหวจนต้องรับสายมันด้วยความจำใจ
“คริสครับ~ คุณอยู่ที่ไหน พักนี้ไม่ค่อยมาหาผมเลยนะ มัวแต่ไปกกอยู่กับชะนีอีกแล้วล่ะสิ ผมคิดถึงคุณจะแย่แล้วรู้ไหม” ชานยอลดัดเสียงให้ดูแมนที่สุดเท่าที่จะทำได้พร้อมกับกรอกเสียงลงไปด้วยคำพูดที่ออดอ้อนที่สุด
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดด!!”
หญิงสาวแทบจะปล่อยเสียงหัวเราะก๊ากออกมาในทันทีที่ได้ยินเสียงกรีดร้องจากปลายสาย มือเรียวยกขึ้นมาปิดปากของตัวเองเอาไว้ก่อนจะรีบวางสายไปเพื่อรอฟังเสียงผลลัพธ์จากแผนการของตัวเอง ด้วยความสะใจ
เสียงหัวเราะจากห้องข้างๆ เปลี่ยนเป็นมีปากเสียงกันแทน ชานยอลลุกขึ้นจากเตียงไปแนบหูฟังเสียงจากห้องของคริสอีกครั้งก็ได้ยินเหมือนชายหนุ่มกำลังอธิบายอะไรให้สาวคู่ขาของตัวเองฟัง
อีกสักพักต่อมาก็มีเสียงประตูห้องข้างๆ ถูกเปิดออกพร้อมกับเสียงทุ้มที่ยังคงอธิบายให้ผู้หญิงของตัวเองได้เข้าใจ แต่ดูเหมือนว่าอีกคนไม่อยากจะฟังมัน
ชานยอลกระโดดเหยงๆ ไปที่ประตูห้องก่อนจะค่อยแง้มมันออกมาเล็กน้อย หญิงสาวที่ทรวดทรงสะโอดสะองเดินออกจากห้องคริสไปด้วยอารมฉุนเฉียว หญิงแล้วที่แอบอยู่หลังประตูของตัวเองจึงเปิดบานประตูให้กว้างขึ้นมากกว่าเดิมเมื่อคู่ขาของคริสเดินหายไปแล้ว ร่างโปร่งยืนกอดอกพิงประตูกลั้นยิ้มสุดฤทธิ์ แต่ก็ต้องสะดุ้งจนหุบยิ้มแทบไม่ทัน
“ฝีมือเราใช่ไหมยอลลี่?”
ร่างสูงที่ยืนอยู่ฝั่งห้องของตัวเองถามหญิงสาวที่กำลังยืนอมยิ้มอยู่คนเดียวทำเอาเจ้าตัวแทบหุบยิ้มลงไม่ทันก่อนจะปรับสีหน้าให้กลับมาเป็นปกติ
“ก็ไม่รู้สินะ~~” ร่างบางบอกพร้อมกับเบ้ปากยักไหล่ใส่คริสด้วยท่าทางกวนๆ
ร่างสูงเดินย่ำกรายเขามาหาหญิงสาวช้าๆ เสื้อเชิตสีดำที่พับแขนเสื้อมาจนถึงข้อศอกถูกปลดกระดุมออกสองสามเม็ด เผยให้เห็นหน้าอกกว้างที่ขาวเนียน ทำให้ชานยอลต้องถอยหลังหนี
“มาขัดขวางพี่แบบนี้สงสัยอยากจะโดนซะเองใช่ไหม” ตาคมจ้องมองอีกคนอย่างมีความหมาย
“โน้ววว!!” ร่างโปร่งรีบพาตัวเองไปหลบหลังบานประตูแล้วโผล่หน้าออกมาเล็กน้อย
“ขอให้สนุกกับตัวเองนะจ๊ะ มั๊วะ!!”
ชานยอลส่งจูบให้อีกคนก่อนจะรีบเข้าห้องปิดประตูปล่อยให้คริสต้องยืนเซ็งอยู่หน้าห้องเพราะหญิงสาวทำให้คู่ขาของเขาเข้าใจผิดคิดว่าเขาเป็นเกย์
“ร้ายนักนะสาวน้อยระวังตัวไว้เถอะ หึ!”
ร่างสูงยิ้มร้ายก่อนจะกลับเข้าห้องของตัวเองไป
..................................................Black Candy...................................................
เช้าวันต่อมาชานยอลเริ่มเบื่อที่จะต้องนอนอยู่ที่หอจึงตัดสินใจโทร.บอกให้แบคฮยอนมารับไปมหาวิทยาลัยเพราะร่างโปร่งยังขับรถด้วยตัวเองไม่ได้และเพราะเหลือเวลาอีกไม่กี่วันก็จะถึงเวลาสอบปลายภาคแล้วด้วย
“แกมาทำไมเนี้ย แผลยังไม่หายเดี๋ยวก็ต้องมาเป็นภาระฉันอีก!” ฮยอนอาพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าแบคฮยอนกำลังพยุงร่างของชานยอลเข้ามา
“ก็คิดถึงพวกเธอไงจ๊ะ~” ร่างโปร่งส่งยิ้มหวานให้กับเพื่อนหลังจากนั่งลงเป็นที่เรียบร้อย
“นายเอานางมาส่งทำไมเนี้ยแบคฮยอนเกิดเดินซุ่มซ่ามสะดุดขาตัวเองขึ้นมาฉันอุ้มนางไม่ไหวนะ ตัวสูงอย่างกะเสาชิงช้าขนาดนี้อะ” คริสตัลบ่นอุบทั้งๆที่ยังไม่ละสายตาจากกระจกพกของตัวเอง
“จะยากอะไรล่ะ ถ้ามันล้มพวกเธอก็แค่ทิ้งมันไว้ตรงนั้นแหละไม่ต้องไปสนใจหรอก ฮ่าๆๆๆ”
ประโยคของแบคฮยอนทำให้คนหน้าหวานดูเง้างอลงไปทันที แต่กลับเรียกเสียงหัวเราะจากคนอื่นๆ ได้เป็นอย่างดี
หลังจากส่งเพื่อนสาวจอมปลอมของตัวเองจนถึงที่แบคฮยอนจึงขอตัวกลับไปยังคณะของตัวเอง ปล่อยให้ที่เหลือได้คุยกันตามประสาสาวๆ
“แผลเธอเป็นไวบ้างยอลลี่”
ซอลลี่ละสายตาจากหนังสือมาถามอาการเพื่อนร่างโปร่ง
“ก็โอเคขึ้นแล้ว แต่ยังเจ็บอยู่บ้าง ”
“แล้วแกทำแผลยังไงวะ?” คริสตัลถามด้วยสีหน้าอยากรู้คำตอบ
“กะ ก็ทำไปแบบนั้นแหละ” ใบหน้าหวานเริ่มส่อแว่วพิรุธ
“อ๋อ~ ทำแผลเอง?” ฮยอนอาถามอย่างไม่เชื่อในคำตอบก่อนหน้านี้
“เออดิ อยู่คนเดี๋ยวใครจะมาทำให้”
ชานยอลหลบสายตาเพราะเกรงว่าเพื่อนจะจับได้ว่าตัวเองกำลังโกหก
“อ๋อหรอคะ~ น่าสงสารจังแบบนี้ลำบากแย่เลย” ฮยอนอาเบ้ปากพร้อมกับพยักหน้าช้าๆ
“ทำไม! เธอคิดว่าฉันโกหกหรอ?” ชานยอลแกล้งโมโหกลบเกลื่อน
“เปล๊า~ ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย ทำไมต้องโมโหด้วยวะโธ่!”
“ตีกันอีกละ! ตีกันอยู่นั่นแหละ ตั้งแต่รู้จักกันมีวันไหนที่พวกเธอไม่ตีกันบ้างใหม่เนี้ย คนจะอ่านหนังสือ เสียสมาธิหมดแล้วเนี้ย”
ซอลลี่บ่นเพื่อนทั้งสามออกมาหลังจากทนฟังมานาน
“หนูขอโทษค่ะแม่ชี หนูผิดไปแล้ว” ฮยอนอาบอกด้วยน้ำเสียงล้อเลียน
“เออ! พวกแกสอบเสร็จเราไปฉลองกันมะ!?” คริสตัลหันมาถามเพื่อนๆ หลังจากเสริมสวยให้ตัวเองเสร้จเป็นที่เรียบร้อย
“ไปไหน?” ชานยอลเลิกคิ้วถามด้วยความสงสัย
“ไปแดนซ์กันไงยะ ฉันไม่ได้แดนซ์มานานละอยากไปจัดเต็มสักที”
สาวตัวเล็กบอกพร้อมกับทำท่าเต้นไปมา
“จัดไป!” ฮยอนอาตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“แกอะซอลลี่?”
คริสตัลหันไปถามคนที่นั่งอ่านหนังสืออยู่เงียบๆ แต่ได้คำตอบมาเป็นการส่ายกลับมาแทน
“แล้วแกอะยอลลี่?”
หญิงสาวร่างโปร่งทำหน้าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบตกลงเพื่อนไป เรียกเสียงกรี๊ดอย่างดีใจจากเพื่อนทั้งสองได้เป็นอย่างมาก แต่ชานยอลกลับรู้สึกเหมือนลางสังหรณ์มันพยายามบอกอะไรบางอย่างซึ่งดูเหมือนไม่ค่อยจะเป็นเรื่องที่ดีกับตัวเองสักเท่าไร......
การที่ตัดสินใจไปเที่ยวกับเพื่อนสาวกลุ่มนี้เป็นครั้งแรก....มันจะเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องหรือเปล่านะ.....
Talk : ตอนหน้าอาจจะถึงเวลาของ.....แต่ตอนนี้ขอให้อ่านให้สนุกนะคะ อิอิ ^^
ความคิดเห็น