คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #30 : Black Candy : 26
Chapter :26
ครืดด~ครืดด~
“อือ.......นอน.....หือ.....หือ?....ห๊ะ!!”
เสียงของร่างโปร่งที่ดูงัวเงียในตอนแรกที่รับโทรศัพท์เปลี่ยนไปเมื่อคนในสายได้บอกอะไรบางอย่างกับเขา หญิงสาวทิ้งโทรศัพท์ลงบนที่นอนนุ่มก่อนจะรีบเด้งตัวลุกขึ้นจากเตียงไปหาคนที่กำลังนั่งทำงานอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ทันที
“หลบไป!”
ชานยอลผลักร่างสูงให้พ้นไปจากเก้าอี้ก่อนจะนั่งลงแทนที่แล้วรีบสัมผัสนิ้วลงไปบนแป้นพิมพ์อย่างรวดเร็ว ส่วนคริสก็ได้แต่ยื่นมองดูหญิงสาวอยู่ข้างโต๊ะอย่างงงๆ
“มีอะไร?”
คริสถามขึ้นเมื่อชานยอลหันมามองหน้าเขาด้วยสีหน้าที่เหมือนจะร้องไห้
“ฉะ ฉัน...” ร่างโปร่งลุกขึ้นจากเก้าอี้พร้อมกับมองหน้าคริสด้วยสายตาที่เดาได้ยาก
“มีอะไรบอกพี่ซิ!” มือหนาเลื่อนไปจับไหล่เล็กของอีกคนเอาไว้ด้วยความเป็นกังวล
“โปรเจ็คผ่าน...โปรเจ็คฉันผ่านแล้ว!!! ฉันเรียนจบแล้ววววว!!! แอ๊กกกกกก!”
ชานยอลบอกอย่างดีใจก่อนจะกระโดดกอดคริสจนเซไปตามๆ กัน
“จริงหรอ! แล้วได้เกรดอะไร?”
“ได้เอจ้า~ดีใจอะ ดีใจๆๆๆ”
มือเรียวดึงปกเสื้อของร่างสูงด้วยความดีใจ
“ดีใจมากๆ เดี๋ยวจะโดนเหมือนเมื่อคืนนะ”
เมื่อได้ยินที่ร่างสูงบอกชานยอลถึงกับปล่อยมือออกจากปกเสื้อก่อนจะเดินถอยหลังหนี เมื่อนึกย้อนไปว่าเมื่อคืนคริสได้ทำอะไรกับเขาไว้
“ไอ้โรคจิต!!”ชานยอลตะโกนใส่ร่างสูงก่อนจะแกล้งหยิบหมอนมาปาใส่กลบเกลื่อนความเขินอาย
“โรคจิต..ว่าพี่โรคจิตหรอ? งั้นเราก็ชอบอะไรจิตๆ แบบนี้สินะ”
คริสว่าพลางเดินเข้าไปชานยอลช้าๆ แล้วยกยิ้มมุมปากขึ้นมาเล็กน้อย ซึ่งดูเหมือนคนโรคจิตอย่างที่ร่างโปร่งว่าจริงๆ
“หยุด! กลับไปนั่งทำงานได้ละ ฉันจะอาบน้ำ จะออกไปข้างนอก”
“ไปไหน?”
“ไปฉลอง! คืนนี้ไม่ต้องรอนะคะ เพราะดิฉันจะไม่กลับ”
ชานยอลบอกคริสด้วยท่าทางของคนอารมณ์ดีสุดๆ
“ไปน่ะไปได้ แต่อย่าดื่มเข้าไปเยอะก็แล้วกัน...พี่เป็นห่วง”
“ไม่รับปาก!”
ร่างโปร่งว่าก่อนจะวิ่งเข้าห้องน้ำไป ปล่อยให้คริสยืนส่ายหัวให้กับความดื้อดึงของหญิงสาวอยู่เพียงลำพัง ก่อนจะกลับไปนั่งที่โต๊ะทำงานของตัวเองเหมือนเดิม
มือหนาเลื่อนไปเปิดลิ้นชักข้างโต๊ะทำงานของตัวเองก่อนจะหยิบของสิ่งหนึ่งออกมาซึ่งมีลักษณะคล้ายกระดาษห่อลูกอมชิ้นเล็กๆ แล้วเมื่อคลี่มันออกก็พบกับข้อความที่ถูกเขียนไว้สั้นๆ อย่างชัดเจน
‘แด่ผู้ต้องคำสาป’
ตาคมมองสิ่งที่อยู่ในมือด้วยสายตาที่มีเพียงความว่างเปล่า คริสได้กระดาษห่อลูกชิ้นนี้มาในคืนที่เขาเจอกับสาวสวยที่ผับแห่งหนึ่ง เขาจำได้ดีว่าเขาไม่เคยซื้อลูกอมมากินเองเลยสักครั้ง แต่จู่ๆ เจ้าลูกอมประหลาดเม็ดนี้ก็มาปรากฏอยู่กับเขาโดยไม่มีสาเหตุและเนื่องจากเป็นคนไม่คิดอะไรมาก จึงกินมันเข้าไปด้วยความไม่รู้ว่าลูกอมเม็ดนั้นคือสิ่งที่จะทำให้ชีวิตเขาได้พบเจอแต่ความวุ่นวาย โดยเฉพาะเรื่องของ ‘ความรัก’
-------------------------------------------------------------------------------
ท่ามกลางกลิ่นดอกไม้นานาชนิดที่กำลังส่งกลิ่นหอมอบอวลในความมืดสลัว มีชายหนุ่มร่างโปร่งบางนั่งอยู่เพียงลำพังมือเรียวบางเอื้อมไปเด็ดดอกกุหลาบสีขาวที่อยู่ใกล้ตัวมากที่สุดมาหนึ่งดอก ก่อนจะมองมันเหี่ยวเฉาคามือไปอย่างรวดเร็ว
“ฉันขอโทษนะชานยอล...”
หยดน้ำใสๆ ไหลออกจากดวงตาคมลงไปกระทบกับซากดอกกุหลาบแห้งทำให้ดอกไม้ที่แห้งเหี่ยวนั่นกลายเป็นฝุ่นผงไปในพริบตา
เสียงของลีอาห์ยังคงดังก้องอยู่ในหัวของเขา คำพูดเดิมๆ ยังคงวนเวียนอยู่ตลอดเวลา ยิ่งเสียงที่อยู่ในหัวดังชัดเจนมาขึ้นเท่าไหร่ ความรู้สึกผิดก็ยิ่งเพิ่มพูนมากขึ้นเท่านั้น
หากเขาไม่ทำผิดกฎสวรรค์ เขาอาจจะไม่ต้องมาตกอยู่ในสภาพแบบนี้ สภาพที่ผู้หญิงก็ไม่ใช่ ผู้ชายก็ไม่เชิงแถมยังต้องไปสร้างความสัมพันธ์ที่เรียกว่าเพื่อนไว้กับมนุษย์กลุ่มหนึ่งที่มีบุคคลสำคัญของเหล่าทูตสวรรค์อยู่ในนั้น...
ชายหนุ่มลุกขึ้นจากพื้นหญ้าเมื่อนึกขึ้นได้ว่ามีนัดที่จะต้องไป แต่เมื่อก้าวขาออกไป สภาพร่างกายของเขาก็เปลี่ยนไปทันที
ขายาวแกร่งแปรสภาพเป็นเรียวเล็ก มือหนาของผู้ชายเหลือเพียงมือบาง เส้นผมที่สั้นเพียงต้นคอค่อยๆยาวลงมาจนถึงกลางหลัง ร่างกายอันสูงโปร่งเหลือเพียงแค่ร่างเล็กๆ บอบบางของผู้หญิง
ขาเรียวก้าวไปอย่างเชื่องช้า ความเศร้าที่กำลังเกิดขึ้นภายในจิตใจทำให้เหล่าดอกไม้ที่เขาเดินผ่านมันไปเหี่ยวเฉาลงทันตา
เขาคือต้นเหตุที่ทำให้ชานยอลเป็นผู้หญิงได้เต็มรูปแบบ...
‘นี่อะไรอะ?’
‘อ๋อ ลูกอม เมื่อกี้เห็นยายแก่ๆเดินขายอยู่หน้า ม. เห็นท่าทางน่าสงสารเลยอุดหนุนแกหน่อย จะกินก็แกะเอาเลย’
ภาพวันเก่าๆ กลับเข้ามาในหัวของเขาอีกครั้ง นอกจากเขาจะเป็นคนคอยเอาไอเท็มสำคัญจากลีอาห์มาให้ชานยอลแล้วเขาก็ยังเป็นคนที่คอยยุยงให้คริสและชานยอลได้สานสัมพันธ์กันตามแผนที่เหล่าทูตได้วางเอาไว้
เขาพาร่างของตัวเองกลับมาสู่โลกปัจจุบัน ร่างบางที่เพิ่งแปรสภาพเป็นหญิงสาวยืนอยู่หน้าผับแห่งหนึ่ง ลมหายใจถูกพ่นออกมาพร้อมกับความลำบากใจก่อนที่ขาเรียวจะก้าวเข้าไปในภายในด้วยสีหน้าปกติ
เสียงเพลงดังอึกทึกครึกโครม บรรดาวัยรุ่นชาย-หญิงเต้นกันอย่างไม่ลืมหูลืมตา หญิงสาวเดินเข้าไปอย่างมีจุดมุ่งหมาย ตากลมโตสอดส่ายมองหาคนที่นัดตัวเองมา แต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อมีเสียงเรียกขึ้นมาซะก่อน
“คริสตัล!!!”
..........................................................................
“พี่บอกแล้วใช่ไหมว่าไม่ให้ดื่มเข้าไปมากๆ แล้วนี่เป็นไงล่ะ!”
ตั้งแต่ตื่นขึ้นมา ชานยอลยังไม่สามารถพูดตอบโต้คริสกลับไปได้สักคำเพราะหมดแรงไปกับการอาเจียนชนิดที่เรียกได้ว่าหมดไส้หมดพุง ตอนนี้จึงทำได้แค่เพียงนั่งฟังร่างสูงบ่นไปเงียบๆ
“เอาออกไปซะขนาดนี้ กินโจ๊กก่อนเถอะ เดี๋ยวจะปวดท้องเอานะ”
คริสบอกพร้อมกับเลื่อนถ้วยโจ๊ะเข้าไปใกล้ๆ ชานยอลที่นั่งทำหน้าพะอืดพะอมอยู่ตรงหน้า
“มะ ไม่เอาอุ๊บ!”
“โน้นห้องน้ำ!”
คริสชี้ไปทางห้องน้ำทันทีเมื่อเห็นสีหน้าของชานยอล
“อ๊อกกกกก!! แค่กๆ โอ๊ยไม่ไหวแล้ว”
ชานยอลบอกหลังจากโก่งคออ้วกออกไปอีกรอบพร้อมกับทำท่าจะนอนราบไปกับพื้นห้องน้ำ แต่คริสได้ช่วยพยุงร่างโปร่งบางนั่นไว้เสียก่อน
“ไปกินอะไรร้อนๆ สักหน่อยเถอะไป มันจะได้รู้สึกดีขึ้น”
“แบบนี้มันต้องถอนอย่างเดียวเว้ย~” ร่างโปร่งบอกอีกคนไปด้วยสีหน้ากวนๆ
“อ้อหรอ~~ แต่พี่ว่าอย่างนี้มันต้องถอดอย่างเดียวมากกว่า”
“อ๊ะ! ไอ้บ้า!!” ชานยอลอุทานออกมาพร้อมกับตีมือหนาที่กำลังลูบไล้ต้นขาของตัวเอง
“กลับไปกินโจ๊ก แล้วเดี๋ยวไปอาบน้ำแล้วก็นอนซะ เดี๋ยวอีกสักพักพี่จะเข้าบริษัท”
“อือฮึ~”
“พยักหน้าแล้วกรุณาทำตามด้วยนะครับ ไม่งั้นมีเรื่องแน่!” คริสบอกพร้อมกับบีบจมูกของหญิงสาวเบาๆ
“คร้าบบบบคร้าบ”
ร่างโปร่งพยักหน้าตอบรับอีกครั้งก่อนจะค่อยๆ เดินออกจากห้องน้ำไปอย่างทุลักทุเล
หลังจากพยายามกินโจ๊กไปจนหมดถ้วย ชานยอลก็จัดการกับร่างกายของตัวเองที่ปล่อยให้เน่ามาตั้งแต่เมื่อคืนก่อนจะกลับไปนอนหลับสลบเหมือนเดิมเพราะอาการเมาค้าง
เมื่ออ่อนเพลียดึงหญิงสาวให้จมลงไปในห้วงนิทรา ภาพที่ถูกสร้างขึ้นมาในโลกของความฝันก็ชัดเจนขึ้นแทนที่โลกของความจริง
ภาพที่เกิดขึ้นในความฝันของชานยอลก็คือตัวเขาได้กลับมาอยู่ในร่างของผู้ชายอีกครั้ง แต่รอบตัวของเขาในตอนนี้กลับถูกล้อมไปด้วยความมืด ไม่ว่าจะเดินไปทางไหนก็ไม่สามารถเจอทางออกได้ แต่แล้วก็มีหญิงสาว กำลังเดินตรงเข้ามาหาเขาด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย มือเรียวบางทั้งสองถือสิ่งของที่มีลักษณะเป็นลูกแก้วกลมๆ และมีขนาดใหญ่พอดีกับอ้อมกอดของหญิงสาว
แต่สิ่งที่แปลกก็คือ ผู้หญิงที่เขาเห็นคือตัวเขาเอง....
ร่างโปร่งของหญิงสาวมายื่นอยู่ตรงหน้าพร้อมมองมายังเขาด้วยสายตาเศร้าสร้อยก่อนจะยื่นลูกแก้วที่ดูเหมือนจะหนักให้กับชานยอลในร่างจริง
ชานยอลยื่นมือออกไปหมายจะรับลูกแก้วนั่นไว้ แต่อีกฝ่ายกลับปล่อยมือจากมันไปซะก่อน ทำให้ลูกแก้วร่วงจากมือเรียวของหญิงสาวตกลงไปแตกกระจายเต็มพื้น
ร่างผู้ชายของชานยอลตกใจเป็นอย่างมาก แต่อีกร่างกลับไม่ได้รู้สึกสะทกสะท้านแต่อย่างใดหญิงสาวมองมาด้วยสายตาที่ว่างเปล่าก่อนจะผลักร่างที่เป็นผู้ชายของชานยอลอย่างแรงจนร่างโปร่งรู้สึกเหมือนตกลงไปในเหวลึก
ดวงตากลมโตลืมขึ้นท่ามกลางความมืดของห้องนอนที่เงียบสงบ ภาพที่เกิดขึ้นเพียงเสี้ยวหนึ่งมันเป็นแค่ความฝัน ฝันที่ชานยอลไม่สามารถเข้าใจได้ว่ามันหมายความว่าอย่างไร...
มือเรียวลูบไล้ไปตามต้นแขนด้วยความกังวล แต่ก็พบว่าตัวเองยังเป็นผู้หญิงเช่นเดิม เขาถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงขึ้นมาดูก็พบว่ามีแจ้งเตือนข้อความจากใครบางคน
‘คืนนี้ไม่กลับนะ’
ร่างโปร่งพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ ก่อนจะหลับตาลงเหมือนเดิม แต่ยังไม่ทันที่จะได้คิดอะไรมากโทรศัพท์เครื่องเดิมก็ดังขึ้นเสียก่อน
“ว่าไงพี่?....เออ ว่าจะไปหาอยู่พอดี เดี๋ยวคืนนี้เค้าไปนอนด้วยนะ”
หญิงสาวกดตัดสายก่อนจะลุกจากเตียงไปอาบน้ำแต่งตัว เตรียมไปคอนโดของผู้เป็นพี่สาว เพราะตอนนี้อาการคิดมากมันเริ่มกลับเข้ามารุมเร้าเขาอีกครั้งหนึ่งและเขาคิดว่าการไปเจอยูราอาจจะช่วยผ่อนคลายขึ้นมาได้บ้าง
ชานยอลใช้เวลาในการขับรถไม่นานก็ได้มาถึงคอนโดของยูรา เมื่อหาพื้นที่ให้รถของตัวเองได้ขายาวก็ก้าวไปยังห้องที่คุ้นเคยอย่างรวดเร็ว
“นางสาวปาร์ค ยูรา!! เปิดประตูเดี๋ยวนี้นะ ขณะนี้ตำรวจได้ล้อมไว้หมดแล้ว!!”
ใบหน้าเนียนแนบกับประตูห้องก่อนจะตะโกนเรียกอีกคนไปยิ้มไป
“โอ๊ย! ตีเค้าทำไม!”
“แกจะส่งเสียงดังไปทำไมเนี้ย เดี๋ยวห้องอื่นได้ออกมาด่าหรอก เข้ามา!”
ยูราตีลงไปที่ต้นแขนของผู้เป็นน้องก่อนจะดึงตัวร่างโปร่งเข้าไปในห้อง
“ที่ให้มานอนด้วยนี่คิดถึงเค้าอะดิ๊~”
“เปล่า! อ่ะนี่เอาไป!”
ยูรารีบปฏิเสธก่อนจะยื่นซองสีแดงสดให้กับชานยอล
“อะไรวะ? ซองอังเปาหรอ?”
“แกะดูสิยะ!”
ร่างโปร่งมองหน้าพี่สาวอย่างไม่เข้าใจก่อนจะค่อยๆ แกะซองสีแดงในมือซึ่งสิ่งที่อยู่ข้างในคือการ์ดเชิญที่ถูกออกมาแบบมาอย่างสวยงาม ชานยอลหันไปมองหน้ายูราพร้อมกับเลิกคิ้วถามแทนคำพูด
“พอดีว่าผลงานแกสร้างกำไรให้กับทางบริษัทแบบว่าเกินคาด เขาก็เลยจะเชิญแกไปในฐานะดีไซต์เนอร์จำเป็นแล้วก็แบรนด์แอมบาสเดอร์” ยูราบอกพร้อมกับยิ้มกว้างอย่างภูมิใจ
“ไม่ไปได้ไหม?”
“ไม่ได้!!! นี่ท่านประธานเขาเป้นคนฝากมาเชิยแกเลยนะ!”
“นี่แหละยิ่งไม่น่าไป!”
ร่างโปร่งบอกก่อนจะโยนการ์ดเชิญลงไปบนโต๊ะอย่างไม่ใยดี
“แกกลัวอีกแล้วใช่ไหม?”
ชานยอลนิ่งเงียบไม่ตอบอะไรกลับไปก่อนจะถอนหายใจแล้วหยิบการ์ดใบสวยขึ้นมาเหมือนเดิม
“โอเค! หาชุดเผื่อด้วยละกัน”
“แน่ใจ๊??” ยูราถามย้ำด้วยสีหน้ากวนๆ
“เออ!”
“ยูอีไปด้วยนะ”
“..............ดี!”
แววตาร้ายกาจของชานยอลกลับมาอีกครั้งเมื่อได้ยินชื่อของคนที่พยายามจะหาทางทำร้ายเขาทุกทาง
“แกยังโกรธเขาอยู่อีกหรอ?”
“โกรธสิ! อย่าบอกนะว่าพี่ไม่โกรธเขา ทั้งๆ ที่เขามาทำแบบนี้กับพี่น่ะ! หยุดเลยนะ หยุดทำตัวเป็นนางเอกละครเลยนะ!” ชานยอลว่าพลางชี้นิ้วไปยังพี่สาวของตัวเอง
“ฉันเปล่าเป็นนางเอก แต่แกจะไปทำอะไรเขา?”
ยูราถามออกไปเพราะไม่เข้าใจจุดประสงค์ของผู้เป็นน้อง
“แค่ฉันโผล่หน้าไปที่งานพนันได้เลยว่ายัยนั่นต้องอกแตกตายแน่ๆ”
“แกไม่เคยเป็นแบบนี้เลยนะชานยอล” ยูรามองร่างโปร่งด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความกังวล
“......ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้วพี่....มันเปลี่ยนไปพร้อมๆ กับร่างกายของฉันนี่แหละ การที่ได้มาเป็นผู้หญิงมันทำให้ฉันรู้อะไรหลายๆ อย่างแล้วก็....”
“มันทำให้แกชอบผู้ชายด้วยใช่ไหม?”
ยูราต่อประโยคที่ชานยอลได้เว้นไว้ ซึ่งร่างโปร่งก็ไม่ได้ปฏิเสธแต่อย่างใด
“แล้วถ้าฉันกลับไปเป็นผู้ชายเหมือนเดิม....มันจะผิดไหม ถ้าฉันยังชอบผู้ชายเหมือนกับตอนนี้...”
ชานยอลถามกลับไป ประโยคสุดท้ายน้ำเสียงของเขาแผ่วเบาลงจนยูราแทบจะไม่ได้ยินมัน
“คนสมัยนี้เขาไม่เอาเพศมาจำกัดเรื่องความรักหรอกนะ”
“แต่...ฉันกลัวแม่ด่า” ร่างโปร่งบอกด้วยสีหน้าที่ดูเศร้า
“ฉันรู้ว่าแกไม่ได้กลัวแม่ด่า! แต่แกกลัวเขาไม่รักแกต่างหาก!!”
“........อือ....กลัวมาก กลัวที่สุด”
ชานยอลบอกก่อนจะเอนตัวนอนลงบนโซฟา สีหน้าเริ่มแสดงความกังวลออกมาชัดเจนกว่าตอนแรกจนยูราต้องลุกขึ้นมานั่งใกล้ๆ ก่อนจะพูดปลอบใจผู้เป็นน้อง
“มันไม่ทิ้งแกหรอก เชื่อฉันสิ”
หญิงสาวบอกพร้อมกับยกยิ้มอย่างมั่นใจ
“รู้ได้ไง?...เฮ๊ย!! อย่าบอกนะว่าพี่บอกเขาไปแล้วว่าฉันเป็นผู้ชาย!!!”
ชานยอลเด้งตัวกลับขึ้นมาอีกครั้งเมื่อคิดว่าพี่สาวตัวเองได้บอกความจริงกับคริสไปแล้ว
“บ้า!!! ยังเว้ย! แค่สัมผัสได้ว่าแม่จะไม่มีลูกสะใภ้ ฮ่าๆๆๆ”
ยูราบอกก่อนจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมาจนชานยอลต้องทำหน้างอใส่
“ไม่เอาละ ไม่คุยเรื่องนี้ละ แล้วหาชุดไปงานให้ด้วย”
“จัดไว้เรียบร้อยละ รอแกใส่อย่างเดียว”
“เยี่ยม!”
ชานยอลว่าพลางลุกขึ้นเดินเข้าไปในครัว
“นี่แกยังไม่ได้กินอะไรมาหรอ?” ยูราถามพร้อมกับเดินตามร่างโปร่งเข้าไปในครัว
“ยัง หลับมาทั้งวัน ตื่นก็ตอนที่พี่โทร.ไปนั่นแหละ”
“ไปทำอะไรมาถึงได้เพิ่งตื่น?”
“ไปดื่มฉลองกันมา ตื่นมาอ้วกแตกซะไม่เหลืออะไรไว้ให้พยาธิในท้องอะ ก็เลยสลบไปทั้งวัน”
ชานยอลบอกพร้อมหาวัตถุดิบในตู้เย็นมาทำอาหารมื้อแรกให้กับตัวเอง
“อ๋อ....นึกว่าท้อง”
“จะบ้าหรอ!!!! ฉันจะท้องได้ไง??!!”
ชานยอลสะดุ้งเพราะประโยคของผู้เป็นพี่ จนเกือบทำจานที่อยู่ในมือร่วงลงพื้น
“เอ้า! ฉันจะไปรู้หรอ ก็แกเป็นผู้หญิง”
ยูราบอกก่อนจะเดินออกจากห้องครัวไป ปล่อยให้ผู้เป็นน้องฟังเสียงความคิดของตัวเองอยู่เพียงลำพัง
‘นั่นสิ....ตอนนี้เราเป็นผู้หญิง’
.....................................................
หนึ่งสัปดาห์ต่อมา งานเปิดตัวความสำเร็จของบริษัทที่มีคริสเป็นรองประธานกรรมการบริษัทก็มาถึง ภายในงานมีแขกถูกเชิญมาร่วมงานมากมายและบุคคลที่ถูกพูดถึงในบรรดาแขกที่มาร่วมงานก็คือ ลูกชายคนเดียวของประธานบริษัท ที่ตอนนี้แอบมีข่าวซุบซิบออกมาว่าแอบกิ๊กกันกับคนในรูปขนาดใหญ่ที่ถูกนำมาประดับไว้ภายในงานทั้งๆ ที่ตัวเองมีคู่หมั้นอยู่แล้ว
ทางด้านชานยอลกำลังเดินทางไปยังโรงแรมที่จัดงานด้วยใจที่รู้สึกหวั่นกลัวอยู่บ้างเล็กน้อย เพราะเขามีความรู้สึกว่าวันนี้มันต้องมีเหตุการณ์อะไรสักอย่างเกิดขึ้นภายในงานแน่ๆ
“แกเป็นอะไร? หน้าตาเหมือนไม่อยากไปงั้นแหละ” ยูราถามขึ้นเมื่อเห็นว่าคนข้างๆ นั่งทำสีหน้าเคร่งเครียดอยู่คนเดียว
“ไม่มีอะไรหรอก ขับรถไปเถอะ”
ชานยอลบอกก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างไม่มีเหตุผล...
กลับมาทางโรงแรมที่งานเลี้ยงเริ่มวุ่นวายเพราะสื่อทุกสำนักแข่งกันวิ่งสี่คูณร้อยเข้าไปหารองประธานและคู่หมั้นที่เพิ่งเดินเข้างานมาด้วยกัน ยูอียิ้มให้กับทุกคนที่เดินผ่าน ต่างจากคริสที่ไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรออกมาเลยมันทำให้ยูอีคอยสะกิดให้ร่างสูงยิ้มให้กับแขกอยู่บ่อยครั้ง
“ไม่ได้เดินคู่ยัยนั่นถึงกับยิ้มไม่เป็นเลยหรือไง!”
ยูอีพูดประชดด้วยระดับเสียงที่ได้ยินกันเพียงสองคน
“ก็รู้หนิ...” คริสตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“คริส!”
“ไปหาเพื่อนก่อนนะ”
คริสบอกก่อนจะเดินไปหากลุ่มเพื่อนของเขาโดยไม่สนใจยูอีแม้แต่น้อย และทุกโมเม้นที่เกิดขึ้นกับทั้งสองคนก็อยู่ในสายตาของหญิงวัยกลางทั้งหมด
“ไง บริษัทได้กำไรทั้งทีแต่ช่วยทำหน้าตาให้มันรับแขกหน่อยสิวะ”
ฮยอนซึงทักขึ้นเมื่อเห็นร่างสูงเดินเข้ามาด้วยสีหน้าที่ไม่อยากรับแขกสักเท่าไหร่
“มันจะยิ้มออกได้ยังไง ในเมื่อคนที่ต้องเดินควงรอบงานไม่ใช่....น้องยอลลี่~”
ลู่หานว่าพลางทำสีหน้าล้อเลียนใส่ร่างสูง
“ใครจะเหมือนมึงล่ะ!!” ร่างสูงว่าพลางหันไปมองเซฮุนที่ยื่นอยู่ข้างๆ ลู่หาน
“ห่ะ? มีไรหรอ?” เซฮุนถามรุ่นพี่ร่างสูงอย่างงงๆ
“เปล๊า~”
คริสบอกเสียงสูงก่อนจะรับไวน์จากฮยอนซึงมาดื่มจนหมดแก้ว
“ฮยอนซึง ฉันถามอะไรหน่อยสิ” ฮยอนฮาสะกิดแฟนหนุ่มของตัวเองเบาๆ
“หื้ม? ว่าไง?”
“ลู่หานกับเซฮุนนี่เขาเป็นอะไรกันหรอ?”
“เป็นแฟนกันไงเจ้!!”
“ว๊ายยย!!!”
ฮยอนอาอุทานออกมาด้วยความตกใจเมื่ออยู่ๆ เซฮุนก็โผล่มาตอบคำถามให้อย่างไม่ทันตั้งตัว
“ฮ่าๆๆ เจ้นี่ยังขี้ตกใจเหมือนเดิมเลยนะ” เซฮุนหัวเราะร่าทำให้ฮยอนอาต้องตีลงไปบนแขนแกร่งเบาๆ
“แกมันบ้า! เฮ้ยว่าแต่แกเป็นแฟนกันจริงๆ หรอ?”
ฮยอนอาถามเด็กหนุ่มร่างสูงด้วยความสนใจ
“ก็ใช่น่ะสิ...แล้วผมก็รู้ด้วย ว่าเจ้กับเพื่อนน่ะแอบตามผมกับเสี่ยวลู่อยู่”
“บ้า! ใครตามแก!” ฮยอนอาว่าเด็กหนุ่มโดยไม่กล้าสบตา เพราะกลัวว่าอีกคนจะจับพิรุธได้
“เป็นสาววายหรอ? ถึงได้ไปตามเขาน่ะ” ฮยอนซึงถามแฟนสาวของตัวเองพลางอมยิ้มเมื่อเห็นฮยอนอาตาโตเพราะตกใจกับคำถาม
“เปล่าซะหน่อย!”
“ครับๆ เปล่าก็เปล่า” ฮยอนซึงพยักหน้าแกล้งเชื่อแฟนสาวของตัวเอง
“อย่าไปเชื่อเจ้เขามากนะพี่ เจ้ขี้โกหก ฮ่าๆๆๆ”
“ไอ้ฮุน!!”
ระหว่างที่ฮยอนอากับเซฮุนกำลังทะเลาะตบตีกัน สมาชิกในกลุ่มที่เหลือก็มาถึงพอดีและหนึ่งในนั้นก็คือชานยอล
ร่างสูงโปร่งของหญิงสาวเดินเข้ามาในงานด้วยชุดสีขาวที่จงใจลดระดับเสื้อคลุมให้เห็นไหล่เล็กน้อยและด้วยความที่เป็นนางเอกของงานทำให้สื่อสนใจหญิงสาวมากเป็นพิเศษ
“เย้เฮท! หุ่นอย่างกะมิแรนด้า!” เซฮุนว่าพลางมองชานยอลอย่างไม่ว่างตาแต่เสียงถอนหายใจของลู่หานสามารถทำให้เซฮุนยอมละสายตาจากสาวร่างโปร่งได้
“นางเอกของเรามาแล้ว”
หญิงวัยกลางเดินเขาไปกอดร่างโปร่งด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม
“ยินดีด้วยนะคะท่านประธาน”
“ยินดีอะไรล่ะ ฉันต้องขอบคุณหนูมากกว่านะ ผลงานที่ทำให้บริษัทเรากลับมาได้นี่ของหนูทั้งนั้นเลยนะ”
“หนูสิ ต้องขอบคุณที่นี่ ที่ยอมเซ็นใบฝึกงานให้หนู”
ชานยอลพูดคุยกับคนในงานด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม แต่มีเพียงคนเดียวที่ไม่สามารถแกล้งยิ้มออกไปได้และโอกาสของเธอก็มาถึง เมื่อนักข่าวเรียกเธอและชานยอลไปสัมภาษณ์ เนื่องจากว่าเธอทั้งสองได้เป็นนางแบบแบรนด์ชิ้นนี้และเป็นที่พูดถึงในสังคมว่าทั้งสองคนเกาเหลากันเพราะลูกชายเจ้าของแบรนด์
“ขอถามน้องยอลลี่ก่อนเลยนะว่าเพราะอะไรถึงได้มาช่วยออกแบบสินค้าให้กับแบรนด์นี้?”
“พอดีตอนนั้นยอลลี่ได้มีโอกาสมาฝึกงานค่ะ แล้วพอดีอยู่ในช่วงที่ทางแบรนด์อยากได้สินค้าแบบใหม่ๆ แล้วยอลลี่ก็มีหัวด้านนี้อยู่แล้ว ก็เลยลองขีดเขียนลงไปบนกระดาษเล่นๆ แล้วลองเอาไปให้พี่คริสเขาดู ก็เพิ่งมารู้ทีหลังเหมือนกันว่าผู้ใหญ่เขาโอเค ก็รู้สึกดีใจมากเลยค่ะ” ร่างโปร่งตอบนักข่าวกลับไปอย่างคล่องแคล่วราวกับว่าเป็นคนในวงการนี้มานาน
“ดูท่าทางน้องยอลลี่ดูจะสนิทกับคุณคริสนะครับ” นักข่าวอีกคนถามขึ้นทำเอาชานยอลเริ่มอึดอัดขึ้นมาเล็กน้อยแต่ก็ยอมตอบคำถามกลับไป
“พี่คริสเขาเป็นรุ่นพี่ที่มหาลัยน่ะค่ะ แล้วได้มีโอกาสได้มาฝึกงานที่บริษัทพี่เขาทั้งทีก็เลยติดสินบนไปนิดหน่อย พี่เขาจะได้เซ็นใบผ่านให้ ฮ่าๆ”
ในขณะที่ชานยอลกำลังให้สัมภาษณ์ด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม แต่ยูอีกลับไม่ค่อยยิ้มจนนักข่าวเริ่มระแคะระคายเรื่องที่ทั้งสองไม่ถูกกัน
“แล้วคุณยูอีล่ะคะ รู้สึกยังไงที่ได้ถ่ายแบบให้กับคอเล็คชั่นนี้”
“ก็ดีค่ะ รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสเป็นนางแบบให้กับคอเลคชั่นของน้อง...ยอลลี่”
ยูอีบอกก่อนจะหันไปมองร่างโปร่งด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตรสักเท่าไหร่
“แล้วจริงไหมค่ะ ที่มีข่าวออกมาว่าทั้งสองคนไม่ค่อยลงรอยกันสักเท่าไหร่”
“ไม่มีหรอกค่ะ เรายังคุยกันดี”
ยูอีตอบกลับไปพร้อมกับยิ้มบางๆ แต่ชานยอลกลับแอบเบ้ปากออกมาเล็กน้อย
“ก็มีข่าวออกมาว่าน้องยอลลี่แอบมี Sommthing กับคุณคริสคุณยูอีก็เลยไม่พอใจที่เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นมา”
คำถามของนักข่าวเริ่มทำให้ทั้งสองหายใจไม่ออกขึ้นมากะทันหัน ทำให้ลุคที่ชานยอลสร้างขึ้นมาหลุดไปโดยไม่ได้ตั้งใจ
“แค่ Something หรอคะ? ถ้าจะอะไรกับพี่คริสนี่ แค่คำว่า Something เห็นทีจะใช้ไม่ได้ เพราะอย่างพี่คริสนี่บอกเลยว่าต้องใช้คำว่า Everything ค่ะ จริงไหมคะคุณ...ยูอี”
คำพูดของชานยอลทำให้ยูอีต้องใช้ความพยายามในการเก็บอารมณ์โมโหเป็นอย่างมาก แม้ว่าตอนนี้ทั้งสองจะยิ้มให้กัน แต่ภายในใจลึกๆ หากจะเรียกว่าเปิดสงครามกันไปแล้วก็ไม่ผิด
เมื่อการให้คำสัมภาษณ์ที่สุดแสนจะอึดอัดผ่านพ้นไป ตอนนี้ชานยอลและยูอีจึงมีโอกาสได้อยู่ด้วยกันเพียงลำพัง ยูอีไม่รอช้ารีบใช้คำพูดโจมตีอีกฝ่ายไปทันที
“เป็นไงสบายดีใช่ไหม? อากาศหนาวๆ แต่มีสามีของคนอื่นไปนอนกอด อุ่นดีใช่ไหมล่ะ?!”
“สามี? ใครสามีเธอ? พี่คริสน่ะหรอ? หึ เขาเป็นสามีเธอได้ไง เขาอยู่กับฉันก็ต้องเป็นสามีฉันสิ!”
ชานยอลตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่สามารถสร้างอารมณ์ขุ่นเคืองให้กับอีกฝ่ายได้เป็นอย่างดี
“ชานยอล! เดี๋ยวนี้เธอกล้าพูดอย่างนี้กับฉันหรอ!”
“ทำไมฉันต้องไม่กล้า ในเมื่อเธอกล้าทำร้ายคนรอบตัวฉัน ก็ก็ต้องกล้าที่จะเอาคืนเธอ แต่สิ่งที่ฉันจะเอาก็คือ....ผู้-ชาย-ของ-เธอ” ร่างโปร่งยกยิ้มอย่างร้ายกาจก่อนจะเดินไปหากลุ่มเพื่อนของตัวเองปล่อยให้ยูอียืนกลั้นอารมณ์โมโหอยู่เพียงลำพัง
“ว๊าววว ฉันภูมิใจจริงๆ เลยที่มีแกเป็นเพื่อน!” ฮยอนอาว่าพลางเดินเข้าไปหาชานยอล
“ทีอย่างนี้ล่ะภูมิใจขึ้นมาเลยนะ แหมมม~”
“วันนี้น้องยอลลี่สวยมากจริงๆ พี่ชักจะอิจฉาคริสแล้วสิเนี้ย”
ชางมินบอกพร้อมมอบรอยยิ้มที่ดูอ่อนโยนให้กับชานยอล
“งั้นถ้าพี่คริสทิ้งฉันเราลองมาคบกันไหมคะ ฮ่าๆๆๆ”
ชานยอลบอกก่อนจะหัวเราะออกมา
“พูดแล้วอย่าคืนคำก็แล้วกัน ฮ่าๆๆ”
“พอเลยพี่ชางมิน อย่าไปเป็นมือที่สามของเขาเลย” ซอลลี่ว่าพลางตีลงไปที่แขนแกร่งของชางมินเบาๆ
“คริสตัล..แกเป็นอะไรวะ เห็นเงียบๆ ไม่สบายหรอ?” ร่างโปร่งหันไปถามคริสตัล เมื่อเห็นว่าวันนี้หญิงสาวเงียบซึ่งมันดูผิดปกติเอามากๆ
“อือ เป็นมาหลายวันแล้ว สงสัยปรับตัวให้เข้ากับอากาศไม่ทัน”
คริสตัลบอกโดยไม่มองตา
“แล้วมาทำไมเนี้ย ทำไมไม่พักผ่อน เดี๋ยวก็เป็นหนักกว่านี้หรอก โธ่!”
ร่างโปร่งว่าพลางยื่นมือไปแตะหน้าผากของอีกคนด้วยความเป็นห่วง ซึ่งมันทำให้คริสตัลรู้สึกผิดไปมากกว่าเดิม
แกร๊งๆ
เสียงเคาะแก้วไวน์ดังขึ้นมาจากหน้าเวที ทำให้ทุกคนหยุดคุยกันแล้วหันไปมองที่มาของเสียงอย่างพร้อมเพรียงกันโดนไม่ได้นัดหมาย
“สวัสดีแขกผู้มีเกียรติทุกท่านนะคะ ในฐานะประธานบริษัทดิฉันรู้สึกดีใจกับความสำเร็จครั้งนี้เป็นอย่างมาก ก็ต้องขอขอบคุณหนูยอลลี่ที่ทำให้เรามีวันนี้”
หญิงวัยกลางพูดก่อนจะหันไปยิ้มให้กับชานยอล
“และเนื่องจากว่าวันนี้เป็นวันดีของเรา ดิฉันจึงมีเรื่องดีๆ จะมาบอกให้กับทุกคนได้ทราบไปพร้อมๆ กัน”
“หือ? เรื่องอะไรวะ?”
ลู่หานหันไปถามเพื่อนคนอื่นๆ ด้วยความสงสัย และเมื่อหันไปมองคริสที่อยู่อีกฝั่งของงานก็ได้คำตอบกลับมาเป็นสีหน้าที่สงสัยไม่แพ้กัน
“ตอนนี้ลูกชายดีฉันก็ได้เรียนจบและได้ลงมือทำงานอย่างเป็นทางการแล้ว ดิฉันจึงคิดว่ามันคงถึงเวลาแล้วที่คริสจะต้อง.......แต่งงาน!”
“คุณพระ!!”
ฮยอนอาเผลออุทานต้องมาโดยไม่ได้ตั้งใจและในขณะนั้นก็มีเสียงฮือฮาจากคนในงานดังขึ้นมาทันที มีเพียงชานยอลที่พูดอะไรไม่ออก เพราะการประกาศแต่งงานสายฟ้าแลบแบบนี้เจ้าสาวไม่มีทางเป็นเขาอย่างแน่นอน
“เร็วๆ นี้เราจะจัดพิธีแต่งงานให้กับคริสและหนูยูอีที่เป็นคู่หมั่นมาตั้งนาน ดิฉันขอถือโอกาสเชิญแขกที่มาร่วมงานวันนี้ ไปร่วมเป็นพยานรักให้กับลูกชายดิฉันด้วยนะคะ”
ประโยคของหญิงวัยกลางทำให้ชานยอลยืนอยู่ในงานต่อไม่ไหว ร่างโปร่งรีบเดินออกมาจากงานโดยที่มีบรรดาเพื่อนๆ และยูราวิ่งตามออกมาติดๆ
“ชานยอล!! ชานยอล!!!”
ยูราวิ่งตามไปคว้ามือผู้เป็นน้องเอาไว้และเมื่อร่างโปร่งหันกลับมาก็พบว่าเขากำลังร้องไห้ออกมาอย่างหนัก
“มันเกิดขึ้นแล้ว! พี่เห็นไหมว่ามันเกิดขึ้นแล้ว!!! หนึ่งในสิ่งที่ฉันกลัว มันเกิดขึ้น!! ฮึก”
“แกใจเย็นๆ ก่อนนะ แกต้องรอฟังเรื่องนี้จากปากคริสก่อนนะ!!” ยูราพยายามพูดปลอบใจทุกวิถีทาง
“ไม่ฟัง!! ฉันไม่อยากฟังแล้ว!”
ชานยอลบอกก่อนจะสะบัดแขนออกจากมือบางของพี่สาวแล้ววิ่งตรงไปยังรถของตัวเองโดยไม่ฟังเสียงเรียกของใครทั้งสิ้น
ร่างโปร่งเข้าไปนั่งอยู่ในรถก่อนจะร้องไห้ออกมาราวกับว่าโลกทั้งใบได้แตกสลายไปแล้ว คำพูดเพียงสองพยางค์สามารถทำให้เรียวแรงของเขาหายไป เพราะแม้อยากจะยกมือขึ้นมาปาดน้ำตาของตัวเองก็ยังไม่สามารถทำได้ คำว่า ‘แต่งงาน’ มันดังก้องและค่อยหลอกหลอนเขาอยู่ตลอดเวลา ตอนนี้ชานยอลจึงทำได้เพียงปล่อยให้น้ำตามันไหลออกมาเป้นคำพูดแทนความรู้สึกในตอนนี้...
ทางด้านคริสก็เริ่มมีปัญหากับแม่ของตัวเองเพราะเขาไม่เคยรู้เรื่องที่เขาจะต้องแต่งงานมาก่อน สิ่งที่ได้ประกาศออกไปวันนี้คือสิ่งที่คนเป็นแม่คิดขึ้นมาเองทั้งนั้น
“แม่ทำอย่างนี้ได้ไง! แม่ก็รู้ไม่ใช่หรอว่าผมไม่ได้รักยูอี!!”
“ใช่...ฉันรู้ แต่แกต้องแต่ง เพราะผู้ใหญ่ฝั่งโน้นเขาเร่งมา”
หญิงวัยกลางตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
“หึ! ถามผมหรือยัง? แม่ถามผมหรือยัง แม่คิดหรอว่าการที่ให้เราแต่งงานกันมันจะทำให้ลูกสาวเขามีความสุข!!” คริสบอกด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“แกสองคนจะใช่ชีวิตกันยังไงก็เรื่องของแก”
“ได้! แต่จากนี้ไปผมไม่รับประกันเรื่องความสัมพันธ์อันดีงามระหว่างแม่กับตระกูลของเพื่อนแม่หรอกนะ!! เพราะผมนี่แหละ จะเป็นคนทำลายมันเอง!!!”
ร่างสูงเดินออกไปจากห้องซึ่งตลอดทางก็ระรานข้าวของด้วยการทำลายของไปตลอดทาง แต่ระหว่างเดินออกมานั้นก็เจอเข้ากับยูอีพอ
“คริส!”
“ไม่ต้องมาเรียกผม!! แล้วก็ปล่อยมือของคุณจากแขนผมด้วย!!”
“ที่คุณไม่ยอมแต่งงานกับฉันเพราะแม่นั่นใช่ไหม!! ใช่ไหม!!”
ยูอีว่าพลางบีบแขนของร่างสูงแรงๆ แต่คริสกลับไม่รู้สึกเจ็บปวดอะไรเลย
“ถึงไม่มีเขา ผมก็ไม่แต่งกับคุณหรอก!!”
มือหนาแกะมือของยูอีออกไปโดยไม่ใยดีก่อนจะเดินออกมาจากตรงนั้นอย่างรวดเร็วเพื่อไปหาหญิงสาวอีกคน ที่เขาคิดว่าตอนนี้เธอกำลังร้องไห้เสียใจอยู่แน่ๆ
เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นตลอดเวลาจนนับครั้งไม่ถ้วน เพราะไม่มีทีท่าว่าผู้เป็นเจ้าของจากยอมรับสายและนอกจากจะไม่ยอมรับสายแล้วก็ยังส่งเสียงร้องไห้แข่งกันกับเสียงของโทรศัพท์ สิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้ทำให้ชานยอลไม่สามารถหยุดน้ำตาของตัวเองได้ แม้ว่าอยากรับสายคริสใจจะขาด แต่เขาก็ยังไม่พร้อมที่จะคุยกับอีกคนอยู่ดี จึงได้เพียงนั่งพิงประตูห้องร้องไห้มันอยู่อย่างนี้
ร่างสูงเดินมาหยุดอยู่หน้าห้องของชานยอล มือหนากดวางสายโทรศัพท์ที่โทร.สักเท่าไหร่ก็ไม่มีคนรับสายสักที ตอนแรกเขาตั้งใจจะมาพูดกับชานยอลให้รู้เรื่อง แต่เมื่อคิดดูอีกทีชานยอลอาจจะยังไม่พร้อมที่จะฟังอะไรจากใคร คริสจึงตัดสินใจนั่งลงหน้าห้องของหญิงสาวก่อนจะพิงหลังลงกับประตูห้องอย่างเหนื่อยอ่อน แล้วคิดว่านี่คงจะเป็นสิ่งที่ลูกอมเม็ดนั้นกำหนดขึ้นมาอีกก็ได้....
ว่าจะดองซะหน่อย..... แต่ก็ทนไม่ได้สักที 5555555 เราจะไปรอทุกคนอยู่ที่แท็ก #ลูกอมปีศาจ นะจ๊ะ อิอิ
ความคิดเห็น