ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    บารามอสฟิก เดอะ แฟนทั่ม ออฟ เอดินบิร์ก

    ลำดับตอนที่ #2 : chapter 2

    • อัปเดตล่าสุด 11 ส.ค. 48


    Chapter2







    So many stars shining  in the sky, but only that make me smile







    ......... เมื่อลืมตาขึ้นเฟรินก็ต้องพบกับความตกใจสุดขีด เพราะเมื่อเธอลืมตาขึ้นภาพที่ผ่านคลองจักษุของเธอไม่ได้มีเพียงแค่หน้าทึ้งๆของผู้คัดเลือกเท่านั่น แต่ยังมีสีหน้าไม่เชื่อกับตาโตๆเท่าใข่ห่านของไอ้เจ้าเพื่อนทะโมนคนอื่นในป้อมด้วย ไม่ว่าจะเป็นคิลที่ยังขะยี้ตาไม่หยุด (ให้แน่ใจว่าไม่ได้ฝันไป), คิ้วที่เหลิกขึ้นอย่างไม่อยากเชื่อของไอห้องสมุดประจำปี, สีหน้าเหลื่อเชื่อสุดๆของคนอื่นๆ แล้วก็........



    โอ้ ไม่นะ มันก็มาด้วยหรอเนี่ย เฟรินคิดในใจ เมื่อคนที่กำลังคิดถึงเมื่อกี้มันท่าจะอายุยืน เพราะมันก็โผล่มาร่วมวงด้วย



    นัยน์ตาสีน้ำตาลของเฟริน สบเข้ากับนัยน์สีฟ้าสวยของคาโล..........



    “เฮ้ย พวกแกมาได้ยังไง” เธอตะโกนเสียงดัง หมดคราบกุลศตรี



    “เดินมา” คิลตอบง่ายๆ



    “นี่ ตอบดีๆอย่ากวนดิ” แม่เจ้าพระคุณแว้ดใส่



    “ก็พวกเรา กะจะมาให้กำลังใจพวกเธอสักหน่อย” คราวนี้นายขอทานจอมปลอมเป็นคนตอบ



    “อยากเห็นว่าแกจะแสดงยังไงด้วยแหละ” คิลว่าเสริมยิ้มๆ (นี้คือจุดประสงค์อันแท้จริง)



    “........” เจ้าชายน้ำแข็งไม่ว่าอะไร หากแต่ภายในก็เต็มไปด้วยความแปลกใจพอๆกับคนอื่น



    “เออ ขอโทษนะค่ะ คือพวกเรายังคัดเลือกกันไม่เสร็จช่วยกรุณาออกไปก่อนนะค่ะ” สาวผู้ช่วยผู้คัดเลือกว่า



    “โฮ ขออยู่ฟังอีกนิดไม่ได้หรอครับ”



    “ไม่ได้ค่ะ........”



    “ไม่เป็นไรๆ เดี่ยวก็เสร็จแล้ว ให้อยู่ต่อก็ได้” ผู้คัดเลือกสาวว่า



    “เอาลค่ะทุกคน ฉัน ซาบีน่า แรมซิล์ ผู้คัดเลือกแล้วก็จะเป็นผู้กำกับละครเรื่องนี้ ขอขอบคุณทุกคนที่มาคัดเลือกในวันนี้ ทุกคนก็มีความสามารถที่แตกต่างกัน แต่คนที่จะได้บทของ บรีอา, เทพแห่งป่าไม้ กับ เดริก มีเพียงผู้เดียวเท่านั่น” เธอว่า ก่อนจะหยิบกระดานที่ใช้จดคะแนนของทุกคนขึ้นมา



    “เอาละค่ะ คนที่จะได้รับบทเดริกก็คือ เรย์ เชเซอร์ เดอะ พรีส ออฟ บารามอส จาก ประการปราชญ์ค่ะ”



    ชายหนุ่ม ผมสีน้ำตาลอ่อนตาสีฟ้า ท่าทางสุภาพโค้งขอบคุณขณะที่ทุกคนต่างพากันตรบมือ



    “ส่วนคนที่จะได้เล่นบทเทพแห่งป่าไม้ได้แก่ เพโตร์ ดาส์วิก เดอะ เมอร์แชนท์ ออฟ สกอปริโอ จากแผ่นดินประชาชนค่ะ ค่ะ”



    ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลเข้มตาสีเทา ยิ้มรับ

    “ส่วนคนที่จะได้บท บรีอา ก็คือ...........”



    ตอนนี้ใจของทุกคนกำลังเต้นไม่เป็นจะหวะ ว่าใครหนอจะได้บทแสดงนำหญิง หากแต่คนที่ดูจะไม่ค่อยตื่นเต้นหรือกังวลเอาสะเลย ก็คงไม่พ้น แม่เซลิเซียที่ดูจะมั่นใจในความสามารถมาก



    ซาบีน่าถอนใจนิดหนึ่งก่อนจะพูดว่า  “ในจำนวนผู้หญิงทั้งหมดที่มาคัดเลือก มีเพียงแค่สามคนเท่านั่นดูเหมาะสมที่จะเป็นบรีอา ทั้งสามคนทั้งสวยและมีความสามารถ แต่มีเพียงคนเดียวเท่านั่นที่จะได้บทนี้..........” เธอฉะงักเล็กน้อย ก่อนจะต่อว่า



    “เพราะฉนั่นฉันจึงจะให้ทั้งสามคนนี้กลับไปร้องเพลงเพลงหนึ่ง แล้วพอเราพบกันอีกทีในสองวันข้างหน้า ใครร้องได้ดีที่สุดก็จะได้บทนี้ไปนะค่ะ เรนอน, เซลิเซีย, เฟลิโอน่า” เมื่อพูดเสร็จ ซาบีน่าก็หันมองรอบๆเพื่อดูสีหน้าของทุกคน



    แต่ละคนก็มีสีหน้าต่างกันไป คนที่ไม่ได้บทก็ทำหน้าหงอยนิดหน่อย แต่สีหน้าของสามสาวผู้ถูกเลือกนั่นน่าสนใจที่สุด คนหนึ่งยิ้มอายๆ(แน่นอน เรนอนอยู่แล้ว) คนที่สองทำหน้าหงิกมากด้วยความไม่พอใจมากๆ (เซลิเซียแน่นอน) แล้วคนสุดท้าย......... อึ้ง อาปากข้างยังไม่หุบเลย



    “ล... ล่อเล่นน่า ฉันด้วยหรอ?” เฟรินว่าอย่างไม่เชื่อ



    “จริงสิจ๊ะ ส่วนเพลงที่ฉันจะให้นั่น ชื่อเพลง only hope นะค่ะ อามาร่าจ๊ะ ช่วยแจกเนื้อเพลงกับทั้งสามคนที” ซาบิน่าหันไปหาอามาร่า ซึ่งก็คือผู้ช่วยของเธอ หล่อนรีบเดินไปหยิบกระดาษสามแผ่นจากแฟ้มบนโต๊ะและยื่นให้กับทั้งสาม



    อีกครั่งลองมาดูปฏิกิริยาของสามสาวดีกว่า คนหนึ่งรับมาก่อนจะพูดขอบคุณเสียงหวานๆแล้วค่อยอ่านบท(เรนอนอยู่แล้ว) คนที่สองรับบทมาเฉยๆทำหน้าหยิ่งๆ(เจ๊เซแน่นอน) ส่วนคนสุดท้ายยังอึ้งไม่หาย เขายื่นบทให้ก็ยังไม่รับจนแองจี้ต้องสะกิด(หยิก)แรงๆ



    “เพลงนี้เป็นเพลงที่บรีอาร้องหลังจากพบกับเดริกหลังจากพูดบทเมื่อกี้นะค่ะ มีใครสงสัยอะไรไหมค่ะ” ซาบีน่าถาม แล้วก็ทันทีที่เซเลิเซียได้โอกาศจึงพูดขึ้นว่า



    “ฉันว่ามันเสียเวลาเกินไปนะค่ะ ที่จะมานั่งทดสอบกันอีกว่าใครควรได้บท”



    ซาบีน่ามองเซลิเซียอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบๆว่า “ คนที่จะเล่นบทของบรีอาไม่ใช่แค่แสดงได้เท่านั่น แต่ต้องรองได้ พวกเธอทั้งสามแสดงได้ดี แต่เราก็ต้องดูว่าเธอร้องได้ดีแค่ไหน การร้องเพลงไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะฉนั่นฉันจึงให้เวลาพวกเธอซ้อมสองวัน ฉันหวังว่าเธอจะเข้าใจนะ เซลิเซีย”



    ที่แรกเซลิเซียทำท่าจะเถียงกลับ แต่เนื่องจากเธอยังไม่อยากก่อเรื่องแถมซาบีน่ายังเป็นถึงรุ่นพี่ปีเจ็ดก็เลยทำอะไรไม่ได้



    “ค่ะ” เธอว่า



    “งั่นก็ดี การคัดเลือกในวันนี้เสร็จสิ้นแล้ว เจอกันอีกทีอีกสองวันนะจ๊ะ”





    “เมื่อไหร่ฉันจะหมดเวรหมดกรรมสะที่เนี่ย” พอออกจากหอประชุมได้ไม่กี่ก้าว แม่ตัวดีก็ตะโกนสะเสียงดัง



    “โห่ เรื่องแค่นี้ก็ต้องบ่น” คิลว่าโดยหวังปลอบใจเพื่อน



    “แค่นี้อะไร แค่มาคัดตัวนี้ก็จะบ้าตายอยู่แล้ว แถมยังได้เพลงอะไรก็ไม่รู้มาร้องอีก เซ่งโว้ย” เจ้าตัวดียังคงบ่นต่อไป



    “แหม ฉันไม่คิดเลยนะว่านายจะเล่นได้สมจริงขนาดนี้” โรว่าพลางยิ้มเจ้าเลห์



    “เออว่ะ ฉันยังทึ้งๆเลย” ครี้ดยอมรับ



    “โอ้ ใจข้าเต้นทุกครั่งที่คิดถึงเขา แค่ได้ยินเพียงเสียง ใจข้าก็หวั่นไหว.............” เจคทำล่อเลียนแถมยังมีการชูไม้ชูมือเป็นท่าประกอบด้วย



    “นี่ คิดถึงใครตอนพูดเป่าเนี่ย” โซโลช่วยเสริม



    “เฮ้ย ฉันว่าสองวันนี้ป้อมเราต้องพังแน่ๆ ตอนไอเฟรินซ้อมร้องเพลง”โคลว์ร่วมด้วย



    “เฮ้ย กัส ขอน้ำมนต์หน่อยดิ” อาชูร่าหันไปถามกัส (แต่พี่แกไม่ตอบ)



    “โอ้ โลกอวสานแน่ๆ”นิกส์ช่วยเสริม



    “พวกแกตาย!” เฟรินร้องลั่น ก่อนจะคว้าโรงเท้าขึ้นมาไล่ปาใส่เจ้าพวกเพื่อนบ้า



    “ฉันว่าดีออกที่คนของป้อมเรามีโอกาศจะได้บทเด่นตั้งสองคน” มาทิลด้าว่าเป็นงานเป็นการเหมือนเคย



    “ไม่นับโอกาสงามๆ ที่จะตอกหน้าพวกปราสาทขุนนางด้วยนะ” โรเห็นด้วย



    “ใช่ๆ เพราะฉนั่นเฟริน เธอต้องตั้งใจซ้อม ถ้าเธอทำไม่ได้โดยที่ฉันเห็นว่าเธอไม่ตั้งใจ ละก็ อย่าหาว่าฉันไม่เตือน” แองจี้ว่าพลางควงคทาขู่เฟริน



    ตลอดสองวันที่ผ่านมา ไม่ต่างจากนรกบนดินสำหรับเฟรินเลย



    นอกจากรายงานที่เหล่าอาจารย์ให้มาเป็นกูลุดประจำอยู่แล้ว เธอยังต้องมานั่งเครียดเรื่องเพลงที่ต้องร้องอีก



    “ไม่เอา ไม่เอา” เสียงของแม่ตัวดีดังขึ้น เมื่ออีกสามสาวมาปรากฏตัวที่หน้าห้องเธอ



    “มาซ้อมด้วยกันเถอะค่ะ” เรนอนว่าเสียงหวานๆ



    “ใช่ๆ มาซ้อมกับเรนอนจะได้ช่วยกัน” มาทิลด้าว่า



    “อย่าเรื่องมากเลยน่า” แองจี้ว่าบ้าง



    “โฮ่ เรื่องแค่นี้ฉันทำเองได้น่า” เฟรินยังยืนกราน เมื่อสามสาวยืนยันว่าจะช่วยเธอซ้อมร้องเพลง



    “จริงนะ” มาทิลด้าว่า



    “ก็จริงนะสิ” แม่ตัวดีว่า



    “เออ ช่างเขาเถอะ แต่ตั้งใจซ้อมละไม่งั่นอย่าหาว่าไม่เตือน” แองจี้ยอมแพ้แต่ก็ยังไม่วายส่งคำขู่มาให้



    “ครับๆ” เฟรินตอบปัดๆ แต่ก่อนที่ทั้งสามจะไป เรนอนก็หันมาพูดกับเธอเป็นครั่งสุดท้าย “ถ้ามีปัญหาอะไรก็บอกนะค่ะ”



    “ได้เลย ถ้ามีปัญหาอะไรจะรีบไปหาเรนอนทันที” เจ้าตัวดีว่าพลางเหล่ตาไปหาคิลที่นั่งทำการบ้านอยู่ห้อง (พึ่งทำเสร็จพอดี)





    “แล้วนี้แกได้ซ้อมบ้างหรือเปล่าเนี่ย?” คิลหันมาถามเพื่อนสาว หลังจากที่สามนางฟ้าจากไปแล้ว อันที่จริงผู้ชายไม่สมควรที่จะเข้ามาในห้องผู้หญิง แต่อย่างว่าเจ้าของห้องนี้มันเหมือนผู้หญิงสะเมื่อไหร



    “ก็ว่าจะซ้อมเดี่ยวนี้แหละ” เฟรินตอบกลับ



    “คิดว่าแกจะไม่ซ้อมสะอีก จะได้ไม่ต้องได้บท” คิลว่าอย่างสงสัย เพราะทีตอนแข่งชิงแหวนมันยังอุตสาห์ถ่ายท้องตัวเองเลย



    “ก็ขื่นไม่ตั้งใจ นอกจากจะโดนแองจี้เฉ่งหัวจนบวมแล้ว มาทิลด้าก็ยังขู่ว่าจะไปขอซาบีน่าให้ฉันไปเต้นแทนด้วยนะสิ” แม่เฟรินสาทยาย เพราะเนื่องว่านางเอกของเรื่องนี้ มีหน้าที่แค่แสดงกับร้องเพลงเท่านั่น แต่ใครที่ได้เป็นตัวประกอบละก็จะต้องไปเต้นบัลเลต์ ซึ่งถ้าให้เธอเลือกลองพยายามร้องไปก่อน ยังไงไอเรื่องแหกปากเธอมันก็ไม่เป็นรองใครอยู่แล้ว แต่ถ้าต้องมาเต้นแร้งเต้นกาละก็...... บรื่อ แค่คิดก็ขนหัวลุกแล้ว



    “อืมม งั่นก็ซ้อมดิ” คิลตอบ



    โจรสาวจึงเดินไปหยิบเนื้อเพลงจากโต๊ะโคมไฟข้างเตียง  แต่พอหันกลับมาก็พบว่าเพื่อนนักฆ่าของเธอยังนั่งอยู่ที่เดิม



    อะไรกัน? ก็เธอบอกแล้วไงว่าจะซ้อม



    “คิล” หล่อนหันไปเรียก



    “อะไร” คิลถาม



    “ฉันจะซ้อม” เธอว่า



    “ก็ซ้อมไปดิ” เขาว่าอย่างไม่คิดอะไร



    “งั่นแกก็กลับห้องไปดิ” แล้วเธอก็ต้องไล่เขาไป



    “อ้าว ทำไมอยู่ไม่ได้ว่ะ” คิลว่าอย่างสงสัย



    “ก็ฉันไม่อยากให้แกฟัง”



    “โฮ่ เดี่ยวแกก็ต้องร้องให้คนอื่นฟังอยู่ดี ให้ฉันอยู่ด้วยนะดีแล้วจะช่วยติชม” คิลยังหาข้ออ้างเพื่อที่จะได้อยู่เสียงแม่ตัวดีร้องเพลง เพราะคราวนี้มันต้องร้องจริงๆจัง ก็อยากรู้ว่ามันจะออกมาเป็นยังไง



    “ไม่ได้” เจ้าหญิงของเรายังยืนกราน



    “น่านะ กลับไปตอนนี้ก็ไม่มีใคร” คิลยังคงพยายามหาเหตุผล (คาโลไปประชุม



    “ไม่”



    “โฮ่ ไม่ต้องอายหรอก”



    “ไม่”



    “นิดเดียวเอง”



    “ไม่ได้!” เฟรินจะโกนเสียงดังยื่นคำขาด



    “เออ ก็ได้ว่ะไปก็ได้” คิลว่า ก่อนจะเดินตึงตังออกไปจากห้อง



    “เหอ...... กว่าจะไปได้” เฟรินถอนใจก่อนขะหยิบเนื้อเพลงขึ้นมาดู และลองอ่านท่อนแรกของเพลงดู



                    



    Only hope

        

    There\'s a song that inside of my soul.

    It\'s the one that I\'ve tried to write over and over again.



    เอาว่ะ ลองก็ลอง



    เธอสูดหายใจลืกก่อนจะเปล่งเสียงออกมา “There’s a song that.....”



    กุก  กุก  กุก



    จู่ๆก็มีแสียงดังมาจากทางประตู



    เจ้าหญิงแห่งบารามอสกับเดมอสเหลิกคิ้วขึ้น ก่อนจะเดินไปที่ปรถตูอย่างระมัดระวังไม่ให้อะไรที่อยู่อีกด้านของประตูรู้ตัว



    พรวด!



    แล้วก็เป็นอย่างที่เธอคิด เมื่อเธอเปิดประตูก็ต้องพบกับ คิลนั่นเอง หากแต่ไม่ได้มีแค่นักฆ่าแห่งซาเรสเพียงคนเดียว ยังมีนักรบแห่งไนล์, นักรบกับเจ้าชายแห่งซาเรส, นักดนตรีแห่งเอเธนส์ และก็อีกสองสามคนที่เธอยังไม่แน่ใจว่าใครเพราะมันถูกไอ้พวกชื่อต้นๆทับอยู่



    “แหะๆ” ไอ้เจ้าพวกคนไม่มีมารยาทหัวเราะแห้งๆ



    “พวกนายมาทำอะไร” เธอถามเสียงอาฆาต ทั้งๆที่รู้คำตอบอยู่แล้ว เพราะเห็นอยู่ตำตาแต่อยากจะรู้เจ้าพวกเพื่อนกะล่อนมันจะตอบเธอยังไง



    “ก็...... แหม.... พวกเราก็อยากได้ยินเสียงเพราะๆของนายอะดิ” ครี้ดว่า โดยหวังว่าคำชมที่อุตสาห์พูดไปจะทำให้เรื่องไม่เลงร้ายลง



    “ออกไปเดี่ยวนี้! ผ่าปฐพี!” แล้วสาวจ้าวก็หมดความอดทน ก่อนจะเรียกดาบคู่ใจหมายสังหารไอ้คนที่สอดรู้ทั้งหลาย



    “เหวอ” ทุกคนรีบเพ่นหนีตายเอาตัวรอดอย่างรวดเร็ว



    เมื่อแน่ใจว่าเจ้าพวกบ้าไปหมดแล้วเธอกลับเข้าไปในห้อง ก่อนจะเดินออกไปจากห้อง พลางคิดว่าถ้าคืนซ้อมในห้องต่อละก็เดี่ยวไอพวกนั่นมันกก็คงจะมาแอบฟังอีก คงต้องเสียเวลาไล่จนไม่ต้องซ้อมแน่ๆ จึงคิดหาที่ซ้อมใหม่



    เธอเดินออกจากห้องปิดประตูดัง ปึ้ง ก่อนจะค่อยๆเดินลงบันไดมาที่ห้องนั่งเล่น ตอนนี้ก็ปาไปสองทุ่มครึ่งแล้วเลยมีคนนั่งอยู่ไม่มาก แต่ก็ไม่วายเจอคนรู้จักอีก



    “จะไปไหนนะ” นายห้องสมุดประจำปีถาม



    “ไปเดินเล่น”เฟรินตอบเบี่ยงๆ



    “ไปเดินเล่น? ตอนนี้เนี่ยนะ” โรยังสักต่อ



    “ก็ใช่นะสี หรือไม่ได้?” เฟรินหันไปถามด้วยความรำคาญ



    “เปล่า แต่ป้อมปิดตอนสองทุ่ม” โรพูด



    “ป้อมปิดไม่ให้คนเข้า แต่ไม่ได้ห้ามไม่ให้ออกสักหน่อย” เจ้าตัวแสบย้อน



    “แล้วนายจะคลาดสายตาพวกผู้คุมกฏได้หรอ?” โรถาม ความจริงเขาก็เป็นหนึ่งในนั่น แต่เมื่อมีการเลือกตำแหน่งใหม่เขากลับได้ตำแหน่งเสนาฝ่ายขวาแทน



    “ฉันหาทางได้อยู่แล้ว” เจ้าตอบก่อนจะเดินพละไป







    เมื่อคนอย่างเฟริน เดอโบโรว์ (ถึงแม้ตอนนี้จะเป็นเฟลิโอน่า เกรเดเวล) บอกว่ามีทาง ก็มีทางจริงๆ ถึงแม้มันอาจเป็นหนทางที่ทุเรศไปหน่อยในบางครั่ง



    ในกรณีคืนนี้ ลำพังแค่ฝีเท้าของเธอที่ช่วยเอาตัวรอดมาหลายครั่งก็กินขาดแล้ว มีครั่งหนึ่งเธอดันเจอผู้คุมกฏสองคน แต่ดูเหมือนสวรรค์จะยังคงเข้าข้างคนแหกกฏอย่างเธอ เพราะจำได้ว่าผู้คุมกฏสองคนนี้เป็นหนึ่งในกลุ่มเด็กกับรุ่นพี่ที่ชอบแอบเล่นไพ่และรับเป็นเจ้ามือพนันเวลามีแข่งหมากกระดาน ด้วยความฉลาด(แกมโกง)ของหล่อน จึงคู่ว่าจะแบลกเมล์พวกเขาถ้าไม่ยอมให้เธอผ่าน และทายสิว่ามันสำเร็จหรือเปล่า?





    “แค่นี้เอง” เสียงหวานๆของเด็กสาวคนหนึ่งรำพึงกับตัวเองขณะเดินท่ามกลางความมืด แล้วความสนใจของเธอก็เปลี่ยนไปที่ทัทัศนียภาพในค่ำคืนนี้



    ท้องฟ้าสีน้ำเข้มกว้างใหญ่ถูกประดับประดาด้วยแสงระยิบระยับของหมู่ดวงดาวมากมาย ดวงจันทร์ครึ่งเสี้ยวยังคงสามารถส่องแสงนวลสีขาวกระทบกับพื้นได้ถึงแม้จะมีกลุ่มเมฆจางๆบดบัง ณ จุดที่เธอยืนอยู่เป็นบริเวณด้านหลังของหอประชุมโรงเรียน



    เหอ........ อีกสองวันก็ต้องมาถูกเฉือดที่นี้ ............ เออยังไม่ได้ซ้อมเลย



    ฟิ้วว



    จู่ๆก็มีลมหนาวพัดผ่านมาทำให้เธอสะดุ้งเฮือก ก่อนจะสังเกตว่าประตูหลังของหอประชุมไม่ได้ล็อกจึงตัดสินใจเข้าไปหลบลมหนาวสะหน่อย



    ภายในด้านหลังของหอประชุมซึ่งก็คือหลังเวทีนั่นช่างมืดและน่ากลัวจริงๆ ข้าวของแต่ละอย่างถูกวางระเกะระกะไปหมด จนหลายครั้งที่เฟรินเกือบได้เอาหน้าขาวๆนวลๆของเธอไปเช็ดพึ้น



    พลันดวงตาสีน้ำตาลสดใสของเฟรินก็เหลือบไปเห็นประตูบานหนึ่งเปิดแง้มอยู่ ด้วยความสงสัยเธอจึงตัดสินใจเข้าไปดู



    มันเป็นห้องที่ไม่ใหญ่มากแต่ก็ไม่แคบจนเกินไป แต่สิ่งที่ทำให้ดวงตาของสาวน้อยต้องเบิกกว้างก็คือการตกแต่งภายในห้องนี้  บนผนังเต็มไปด้วยภาพวาดของเทวดาบนสวรรค์  สีฟ้าของท้องฟ้าเด่นชัดมากแม้อยู่ในความมืด ส่วนเทวดาน้อยใหญ่ก็กำลังเล่นอย่างสนุกสนานบนปุยเมฆสี่ขาวอ่อนนุ่ม มันช่างเป็นภาพที่สวยงามจริงๆ หากแต่สิ่งที่ชวนทำให้ลืมหายใจมากที่สุดก็รูปปั้นที่อยู่กลางห้อง รูปปั้นของเทพธิดาที่สวยที่สุดเท่าที่เฟรินเคยเห็นมา ใบหน้างามช่างแลดูอ่อนโยน ผมยาวเป็นลอนถึงกลางหลัง มือสองข้างกำลังจับขลุ่ยที่เธอใช้เป่าอยู่



    เมื่อเฟรินเดินเข้าไปใกล้รูปปั้นก็พบว่าบนแท่นรูปปั้นนั่นมีตัวหนังเสือเขียนว่า



                    “เสียงของเธอทำให้โลกสว่างไสว

                    เพลงของเธอทำให้โลกหมุนไป

                    เพราะเธอ โลกนี้ถึงไม่เงียบเหงา

                    ถ้าขาดเธอ พวกเราคงมีแต่ความเศร้า

                    เอล์ ฮาดาเรล์ เทพธิดาแห่งเสียงเพลง”



    “เอล์ ฮาดาเรล์...” เฟรินพึมพำ ก่อนจะตระหนักว่าคงเป็นชื่อของเทพธิดาองค์นี้



    ปึง



    จู่ประตูที่เธอแง็มไว้ก็ปิดเองเสียงดัง ปัง



    เมื่อประตูห้องปิดลงสาวน้อยของเราก็ตกอยู่ในความมืดอย่างสมบูรณ์แบบ จากเมื่อกี้ที่ยังพอมีแสงสลัวๆก็หายไปหมดแล้ว



    “เฮ้ย ทำไมมันมืดอย่างนี้ว่ะ” เฟรินร้องเสียงลั่น



    “เธอเป็นใครกัน?” เสียงๆหนึ่งถามขึ้น สร้างความตกใจให้กับเฟรินเป็นอย่างมาก ขนลุกซู่ เพราะเธอสาบานได้ว่าไม่มีใครอยู่ที่นี้นอกจากเธอ



    หรือเปล่า? ..........



    *************************************************************************************



    ขอบคุณทุกคนมากๆนะค่ะ

    เราดีใจจริงๆ ขอจุ๊บหนึ่งที (คนอ่านหนีกระเจิงหมด)

    ล่อเล่นค่ะ (ค่อยๆกลับมา)



    หวังว่าคงใช้ได้นะค่ะ อ้อ เพลงที่เฟรินต้องร้องบางคนอาจคุ้นๆ ความจริงมันเป็นเพลงประกอบหนังเรื่อง \" A walk to remember\" Mandy Moore เป็นคนร้องค่ะ



    เม้นๆด้วยนะ



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×