คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : มิ น จ๊ อ ก ปุ ก ปุ ย - ตอนที่ 6
มิ น จ๊ อ ก ปุ ก ปุ ย
ตอนที่ 6
“เหี่ยว!!! ตกลงคิดได้รึยังว่าจะเอาน้องหรือเอาหมี?!?!” เสียงตวาดของมินซอกดังขึ้นลั่นห้องนั่งเล่นทำเอาคนที่กำลังนั่งเครียดกอดลูกหมีตัวอ้วนถึงกับสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจ ลู่หานหันไปเบะปากใส่ชานยอลที่นั่งลูบคุณแรบบิทต้อยๆก่อนจะเบนสายตาไปยังร่างกะทัดรัดของมินซอกที่นั่งหน้าบึ้งอยู่ข้างๆน้อง เยี่ยม! เอาเข้าไป แบ่งฝักแบ่งฝ่ายกันชัดเจนมากจ้ะพ่อคุณ!
“ไม่เลือกอ่ะ เอาทั้งสอง” ลู่หานตอบเสียงอ่อยพลางพยายามปรามน้องปุยที่กำลังตั้งท่าจะแง่งใส่คุณแรบบิทกับชานยอลอีกรอบ มินซอกเห็นแบบนั้นก็ตาโตพลางชี้นิ้วมายังน้องปุยที่ดิ้นขลุกขลักบนตักเขาแล้วแหวเสียงสูง
“นี่ๆ นี่ไง พูดยังไม่ทันจบประโยคมันเอาอีกแล้ว! เอาอีกแล้ว!!!!!!”
แง่งงงง!!!
“ดูสภาพมันสิไอ้เหี่ยว! ดูลูกแก นังหมีทรพี นังหมีเลี้ยงเสียองุ่นสด! เลือกมาเลยนะเว้ย ถ้าเลือกชานยอลก็เอามันไปคืนศูนย์อนุรักษ์ ถ้าเลือกมันก็ไปหานอนนอกบ้าน ไม่ก็เก็บเสื้อผ้าออกไปอยู่ที่อื่นเลย!” มินซอกยื่นคำขาดทำเอาลู่หานถึงกับต้องโห่ร้องออกมา
“โห่อ้วน ข้อเสนอโคตรยุติธรรมเลย คือยังไงก็จะให้เลือกน้องว่างั้น?”
“มีสมองคิดเองสิ ความเหมาะสมน่ะสะกดสิ สะกด! อะไรควรทิ้ง อะไรควรเอาไว้ คิดสิคิด ทำไมต้องทำให้โมโหทุกทีสิน่า บ้าบอว่ะเหี่ยว คืนๆแม่งไปได้ไหมไอ้ลูกหมีเวรตะไลนี่ รำคาญมากแล้วนะบอกตามตรง!” มินซอกพ่นออกมาเป็นชุดพลางขมวดคิ้วอย่างไม่สบอารมณ์ ลู่หานหน้าหงอยลงไปอย่างเห็นได้ชัดพลางพูดเสียงอ่อย
“ทำไมล่ะ มินซอกไม่ชอบเหรอ ก็นี่ไงให้น้องปุยอยู่ห่างๆคุณแรบบิทกับชานยอลก็ได้ ไม่เห็นต้องให้เลือกเลย” สารวัตรหนุ่มเอ่ยขึ้นอย่างคนต้องการหาทางออก มินซอกสูดลมหายใจเข้าปอดอย่างต้องการระงับอารมณ์ก่อนจะพ่นมันออกมาอย่างแรงด้วยความเหนื่อยหน่าย
“มันไม่ได้นายเข้าใจบ้างมะ ดูลูกตัวเองไหมก่อนพูด แง่งๆจะกัดน้องกับกระต่ายของน้องอยู่ร่อมร่อ แกคุมอยู่เหรอ แพนด้าแดงไม่ได้เชื่องตลอดเวลาหรอกนะ อยู่กับมันยังไม่ทันจะถึงอาทิตย์ มันไม่กระโดดงับหัวแกก็บุญท่วมหลังคาบ้านแล้ว เข้าใจบ้างสิวะ เอ๊ะ! โมโหแล้วนะเว้ย!” ท้ายประโยคเริ่มขึ้นเสียงใส่คนตัวสูงกว่าจนชานยอลต้องเอื้อมมือมาลูบแขนนิ่มเบาๆเพื่อให้ต่างคนต่างใจเย็น ลู่หานมองเพื่อนตัวเล็กที่จ้องมายังลูกแพนด้าอย่างกินเลือดกินเนื้อแล้วก็ได้แต่เม้มปากแน่น สารวัตรหนุ่มมองใบหน้าหวานที่ติดจะบูดบึ้งอยู่ตลอดเวลาที่อยู่ใกล้เขาหรือน้องปุยแล้วก็ได้แต่นึกน้อยใจขึ้นมาซะเฉยๆ
ดราม่าดีกว่าว่ะกู ทำอะไรก็ผิดไปซะทุกอย่าง
“ไอ้เข้าใจมันก็เข้าใจอยู่นะมินซอก แต่ฉันได้สิทธิ์ดูแลน้องปุยมาแล้วนี่ จะให้เอาไปคืนงี้เหรอ น้องมาอยู่กับเราแค่สามเดือนเองนะอ้วน แล้วพอน้องกลับบ้านก็เหงาไปอีก เวลาฉันออกไปทำงานนานๆใครจะแก้เหงาให้นายล่ะ”
“...”
“ที่หาสัตว์เลี้ยงมาให้เพราะหลังจากนี้งานฉันก็ล้นมือทุกวัน แค่ไม่อยากให้นายอยู่บ้านคนเดียวแล้วฟุ้งซ่าน ไม่อยากให้กระวนกระวายใจ อยากให้ยิ้มบ้างมีความสุขบ้าง ที่ทำไปเพราะหวังดีทั้งนั้นทำไมถึงยังมองว่ามันน่ารำคาญเหรอ?” ลู่หานพูดขึ้นเสียงเรียบ มินซอกได้ฟังก็เถียงไม่ออกในขณะที่ชานยอลได้แต่ก้มหน้าพึมพำกับคุณแรบบิทเบาๆ สารวัตรหนุ่มได้แต่ยื้อร่างกลมของน้องปุยเอาไว้แนบอกก่อนจะถอนหายใจพลางอุ้มลูกแพนด้าแดงขึ้นและลุกขึ้นยืนเต็มความสูง
“เอาไว้พรุ่งนี้จะเอาหนูปุยไปคืนก็แล้วกัน ขอตัวก่อนนะ” สารวัตรหนุ่มทิ้งท้ายเอาไว้เพียงแค่นั้นก็เดินออกไปนอกบ้านเพื่อขังน้องปุยเอาไว้ในกรงที่มินซอกซื้อมาให้ ส่วนเจ้าตัวเมื่อกลับเข้ามาก็ตรงดิ่งเข้าไปหยิบผ้าขนหนูและหมอนใบโตออกมาจากห้องนอนของมินซอกก่อนจะบอกชานยอลที่นั่งทำตาแป๋วอยู่บนโซฟาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“เดี๋ยวชานยอลไปเอาหมอนกับผ้าห่มในห้องพี่แล้วไปนอนกับมินจ๊อกนะครับ”
“อ้าว แล้วลู่หานล่ะครับ” น้องถามกลับหน้าเหรอหราในขณะที่มินซอกได้แต่นั่งเม้มปากแน่น เหอะ! งอนแล้วก็หนีไปนอนห้องอื่นทุกที คิดว่าคนอย่างคิมมินซอกจะง้อเหรอ ไม่มีทางอ่ะ ฝันฝันฝันฝัน !
ทางด้านลู่หานเองก็แอบปรายตามองใบหน้าราบเรียบของมินซอกนิ่งๆก่อนจะหันกลับมายิ้มให้น้องน้อยๆพลางยกมือขึ้นลูบกลุ่มผมนุ่มของชานยอลอย่างรักใคร่
“ลู่หานก็นอนอีกห้องไงครับ ชานยอลนอนกับมินซอกนั่นแหละ พี่เขาจะได้หายคิดถึง เดี๋ยวลู่หานไปอาบน้ำก่อนนะ ^^” ร่างสูงโปร่งพูดเพียงแค่นั้นก็เดินหนีไป ทิ้งให้ชานยอลนั่งหันรีหันขวางมองมินซอกทีลู่หานทีด้วยความไม่สบายใจอยู่อย่างนั้น
23.45 น.
มินซอกนอนไม่หลับอ่ะ!
บอกตามตรงว่าเขาไม่ชิน ไม่ชินโคตรๆ ไม่ชินแบบบัดซบมาก!!! ทุกคืนข้างกายของเขาจะต้องมีร่างสูงโปร่งของไอ้เหี่ยวมันนอนกรนฟี้ๆอยู่เสมอ แกล้งนอนกรนอ้อนตีนบ้างล่ะ เนียนเอาหัวมาซบๆถูๆเขาบ้างล่ะ บางวันแม่งมึนรวบตัวมินซอกไปกอดแทนหมอนข้างเลยก็ยังมีเลย แต่วันนี้ไม่ใช่ ไม่ใช่ลู่หานที่แอบดอดแด๊กๆแง้มประตูเดินเข้ามาสอดตัวนอนขดในผ้าห่มของเขา แต่เป็นชานยอล…น้องชายหัวแก้วหัวแหวนของคุณหมอแก้มกลมที่กำลังนอนหลับตาพริ้มอย่างน่ารักน่าเอ็นดูอยู่ข้างกาย
ไม่ใช่ไม่คิดถึงน้องนะเว้ยแต่แบบ เข้าใจป่ะว่ามินซอกไม่ชินจริงๆ กลิ่นหอมอ่อนๆของชานยอลลอยมาแตะจมูก มันเป็นกลิ่นที่ไม่คุ้นเคยเหมือนทุกที กลิ่นของไอ้เหี่ยวมันไม่หอมมากขนาดนี้แต่ก็ทำให้มินซอกหลับสนิทเสมอ อีกอย่างตัวน้องก็อุ่นนะแต่ทำไมมินซอกรู้สึกว่ามันไม่อุ่นเท่าตอนโดนลู่หานกอดวะ โอยยยยย คุณหมอคิมอยากจะบ้า
ตอนนี้เขาได้แต่นอนลืมตาโพลงจ้องตากับจิ้งจกบนเพดานแล้วนับหนึ่งถึงร้อยในใจเบาๆเพราะข่มตานอนไม่ได้
คุณหมอทรมานบัดซบมากเลยนะไม่อยากจะพูด T^T
“งือออ คุณแรบบิท คุณแรบบิทของชานยอล” เสียงน้องละเมอเบาๆข้างกายดังขึ้นทำเอาคนตัวอวบแก้มกลมหันไปมองพลางยิ้มออกมาอย่างเอ็นดู ชานยอลขยับตัวยุกยิกเบาๆเพื่อเปลี่ยนท่านอนก่อนจะจมลึกเข้าสู่ห้วงนิทรา มินซอกเห็นแบบนั้นจึงหันกลับไปจ้องเพดานห้องอีกครั้งก่อนจะถอนหายใจ
“ไม่หลับแน่ แบบนี้กูนอนไม่หลับแน่ๆ” กลีบปากอวบอิ่มบ่นพึมพำก่อนจะตัดสินใจขยับตัวลุกขึ้นนั่งอย่างระมัดระวังเพราะกลัวน้องจะตื่น มือเล็กลูบกระหม่อมชานยอลแผ่วเบาพลางเอ่ยขอโทษในลำคอก่อนจะตัดสินใจคว้าหมอนใบโตขึ้นมาแนบอกและย่องเบาออกจากห้องนอนอย่างเงียบเชียบ เมื่อออกจากห้องนอนมาได้คนตัวเล็กก็ใช้มือถือของตัวเองเปิดแอพพลิเคชั่นไฟฉายทันที ขาเล็กที่มีรองเท้าสำหรับใส่ในบ้านเป็นรูปหัวไดโนเสาร์หัวโตย่ำตรงดิ่งไปยังตู้ข้างทีวีก่อนจะหยิบกุญแจห้องนอนออกมาถือเอาไว้ในมือ มั่นใจแบบเอาหัวเป็นประกันเลยว่าลู่หานมันต้องล็อคห้องแน่ๆ ปรกติพวกเขาไม่ล็อคห้องกันหรอกยกเว้นแต่ถ้าเกิดการทะเลาะวิวาทกันจนฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งโกรธจริงๆ ซึ่งส่วนใหญ่ก็มินซอกทั้งนั้นที่เป็นคนโกรธสารวัตรหน้ายับนั่น
“หอบไปแค่ตัวอ้วนๆกับหมอนใบเดียวไอ้เหี่ยวมันจะหายโกรธป่าววะเนี่ย…” บ่นพึมพำกับตัวเองพลางเกาหัวแกรกๆก่อนจะนึกบางอย่างขึ้นมาได้
“เอาวะมินซอก” คุณหมอแก้มกลมพึมพำเสียงเบาก่อนจะวางหมอนไว้บนโซฟาพลางเดินไปยังประตูหลังบ้านพร้อมกับบ่นกับตัวเองด้วยความหงุดหงิด
“นี่ถ้าไม่เห็นว่าเป็นเพื่อนจะไม่แคร์ไม่ง้อขนาดนี้หรอกนะไอ้ตำรวจหน้ายับเอ๊ย ฮึ่ย!”
ทางด้านลู่หานเองก็ยังคงนอนไม่หลับแม้เวลาจะล่วงเลยมาจนเกือบจะขึ้นวันใหม่แล้ว สารวัตรหนุ่มถอนหายใจอย่างอ่อนล้าพลางเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง
[กูให้มึงจูบเขา แล้วนี่อะไร ไปดราม่าใส่เขาซะงั้น ไอ้ห่า มึงนี่มันไม่เข้าเรื่องจริงๆว่ะลู่หาน] เสียงก่นด่าจากปรมาจารย์จงแดดังแหวลั่นโทรศัพท์ทำเอาร่างโปร่งที่นั่งเหม่ออยู่บนเตียงถึงกับเบ้ปาก กูคิดถูกป่ะวะโทรไประบายให้มึงฟังเนี่ย ด่ากูจั๊ง
“มันสมควรดราม่าป่ะมึง เอะอะอะไรก็ด่ากูๆ กูห่วงก็ผิด นี่คนนะมึงไม่ใช่กวางแบมบี้จะได้เจ็บไม่เป็น เย้ดเข้!”
[สมควรไหม แทนที่จะเอาน้องเสือกเอาหมี เป็นใครใครก็โกรธ] จงแดยังคงพูดต่อทำเอาสารวัตรหนุ่มชักหงุดหงิด
“แต่น้องมาอยู่แค่สามเดือนนะ สามเดือนเอง…แต่อ้วนมันบอกให้กูเอาน้องปุยไปคืนอ่ะ รังเกียจขนาดนั้นเลยเหรอวะกูไม่เข้าใจ” ชายหนุ่มตัดพ้อ ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโหแกมน้อยใจ จงแดได้ยินแล้วก็หัวเราะออกมาเบาๆก่อนจะตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยกลายๆ
[สมน้ำหน้า เหอะๆ]
“ไม่ช่วยคิดก็หุบปากไปเพื่อน โทรหามึงนี่เท่ากับว่ากูเสียค่าโทรเฉยๆ พึ่งพาห่าเหวอะไรไม่เคยจะได้เลย แค่นี้นะกูจะนอน!”
[เอ้าๆเดี๋ยวๆ เออกูขอโทษ ว่าแต่จะให้ช่วยอะไรล่ะ] จงแดเลิกแซะเพื่อนก่อนจะถามเข้าประเด็น ลู่หานถอนหายใจพลางล้มตัวลงนอนกลิ้งไปมาบนเตียงก่อนจะกรอกเสียงกลับไปอย่างปลงตก
“ช่วยกูคิดทีว่าควรทำยังไงให้น้องปุยได้ไปต่อ คือลูกกูไม่เอาไอ้แรบบิทกับชานยอลเลยอ่ะ ปล่อยห่างมือเมื่อไหร่ติดไนตรัสไปกัดน้องเลยมึง” ลู่หานบ่นพลางคิดถึงวีรกรรมของลูกแพนด้าแดงตัวน้อยที่ดูจะก๊าวกับชานยอลและกระต่ายตัวขาวเสียเหลือเกิน
[เอาน้องปุยมาฝากให้กูเลี้ยงไหมล่ะ เดี๋ยวดูให้ก็ได้นะ พอชานยอลกลับค่อยมาเอาไปคืน] จงแดเสนออย่างหวังดีแถมมีจุดประสงค์อื่นด้วยนิดๆหน่อยๆ ลู่หานแหวลั่นทันทีที่ฟังพลางเบ้ปากทำหน้างอง้ำ
“ฝันเหอะมึง กูไม่มีทางปล่อยน้องปุยไปอยู่กับตำรวจหื่นกามแบบมึงแน่ ถ้าเกิดกลับบ้านมาแล้วลูกกูท้องมึงจะทำไงใครจะรับผิดชอบ ไอ้สัส!”
“มึงแหละสัสลู่หาน น้องปุยเป็นหมีส่วนกูเป็นคน จะไปผสมพันธุ์กันอีท่าไหนให้ยัยหนูของมึงท้องได้ครับไอ้เหี้ย! เพ้อเจ้อ ปัญญาอ่อน!” จงแดด่ากลับมา จนถึงตอนนี้ไอ้เหี่ยวนี่ก็ยังคิดว่าเขาจะรวบหัวรวบหางลูกสาวมันอีกเหรอ โอ๊ย คนอย่างจงแดไม่ทำหรอก แต่ถ้าให้กระเตงน้องปุยไปให้แพนด้าแดงหนุ่มๆที่สวนสัตว์รุมโทรมก็ว่าไปอย่าง ถ้าน้องปุยป่องแบบหาพ่อไม่ได้ลู่หานคงอกแตกตายน่าดู
“งั้นเอ้างี้ดิ…มึงเอาชานยอลกับกระต่ายไปเลี้ยงได้ไหม ให้น้องกูไปอยู่กับมึงก่อนอ่ะ เพราะยังไงกลางวันชานยอลต้องไปอยู่สน.อยู่แล้วเพราะมินซอกเขาไปทำงาน แล้วอ้วนมันตะลอนไปทั่วทีปทั่วแดนคงกระเตงน้องไปด้วยไม่ได้” ลู่หานเสนอซึ่งคราวนี้เป็นจงแดเองที่แหวลั่นกลับมา
[อยู่กับกูก็ชิบหายพอดีน่ะสิไอ้เวร! มึงก็รู้ว่าแฟลตตำรวจแม่งเปลี่ยวบรรลัย แถมกูก็ยาจกดีๆนี่เอง กูดูแลน้องมึงไม่ได้หรอก อีกอย่างชานยอลไม่เหมือนคนทั่วไปนะเว้ยจะเอามาสน.ด้วยได้ไง แล้วมึงก็กระเตงลูกหมีมึงมาด้วยทุกวัน ไม่ไล่กัดกันสน.แตกเหรอวะ!]
“เออว่ะ…”
[ดูจากสภาพการของมึงแล้วเนี่ย ถ้าช่วงกลางวันมินซอกเอาน้องไปด้วยไม่ได้จริงๆ แล้วมึงช่วงนี้ก็ทำคดีหนักๆด้วยแถมพ่วงน้องปุยมาให้บันเทิงใจเล่นๆ กูแนะนำให้หาเพื่อนที่เขาสะดวกดูแลชานยอลตอนกลางวันได้อ่ะ ก็ให้น้องไปอยู่ด้วยเลย แล้วพอมึงกับมินซอกเลิกงานก็ไปรับมานอนด้วยหรือถ้าวันไหนดึกก็ให้น้องนอนนู่นไปเลย อย่าปล่อยน้องอยู่บ้านคนเดียวเชียวนะมึง นี่รับน้องมาอยู่ด้วยไม่ได้คิดกันเลยใช่ไหมเนี่ยว่าช่วงนี้งานยุ่งอยู่ไม่ติดบ้านกันทั้งคู่น่ะฮะ พ่อมหาจำเริญทั้งหลาย] จงแดร่ายยาวทำเอาลู่หานคิดไม่ตก เออเว้ยก็จริงของมันว่ะ ไอ้เขากับมินซอกก็ลืมคิดไปเลยจริงๆว่าช่วงนี้ต่างคนต่างงานยุ่งมาก ช่วงกลางวันใครเล่าจะดูแลชานยอลตลอดสามเดือนนี้
[มึงไปคิดหาทางออกให้ดีๆก่อนไป พรุ่งนี้เข้าสน.สายๆก็ได้เดี๋ยวบอกผู้การให้ เรื่องมินซอกพักไว้ก่อน เอาน้องมึงก่อน…เออๆแค่นี้ก่อนนะกูง่วงแล้ว บายว่ะ]
ติ้ด!
“เอ๋า! เสือกตัดสายกูอีก” ลู่หานอุทานออกมาเสียงหลงด้วยความงุนงง อะไรของมันวะ ใส่มาเป็นชุดเสร็จแล้วก็ตัดสาย คือตามแม่งไม่ทันอ่ะ
“โว้ยแม่งงงงง” สบถออกมาอย่างขัดใจพลางเอื้อมมือไปปิดโคมไฟแล้วล้มตัวลงนอน บอกตามตรงว่าลืมไปสนิทใจจริงๆนะว่าถ้าชานยอลมาอยู่ด้วยจะไม่มีคนดูน้องช่วงกลางวัน มัวแต่วุ่นๆกับเรื่องน้องปุยอยู่ และดูท่ามินซอกเองก็คงลืมคิดถึงข้อนี้แน่ๆไม่งั้นเจ้าตัวคงไม่ตกปากรับคำให้ชานยอลมาอยู่นี่หรอก เห็นทีคงต้องไปคุยกันแล้วช่วยกันหาทางออกเสียแล้ว
ไม่รู้ว่าลู่หานนอนกลุ้มไปนานแค่ไหน แต่พอรู้สึกตัวอีกทีก็ได้ยินเสียงกุกกันตรงบานประตูทำเอาสารวัตรหนุ่มตัวแข็งทื่อรีบเปิดลิ้นชักแล้วหยิบปืนมาสอดเอาไว้ใต้หมอนแทบจะทันที
เสียงไรวะ…?
โจรเรอะ มันกล้าไปมั้งขึ้นบ้านตำรวจเนี่ย อีกอย่างบ้านเขาติดเครื่องกันขโมยด้วยนะว้อย ทำไมเครื่องแม่งไม่ดังวะ!
แอ๊ดดดดด
งื๊ดๆ
หือ เสียงร้องนี้นี่มันคุ้นๆ
“เหี่ยว”
“…”
“เหี่ยว หลับยัง…”
อ่า ชัดเลย เสียงนี้จำได้ เสียง(ว่าที่)เมียครับ
ว่าแต่ มินซอกมาทำอะไรในห้องนอนของเขากัน? แล้วไขเข้ามาพลการแบบนี้เกิดลู่หานตกใจยิงเจาะกะโหลกตายคาที่ทำไงวะเนี่ย
แต่เดี๋ยวนะ มินซอกบุกมาหาเขาถึงห้องทำไม เฮ้ยจริงเหรอ ใช่เหรอ กูหูฝาดป่ะเนี่ย
“ไอ้เหี่ยว รู้นะว่ายังไม่หลับ เมื่อกี้ได้ยินเสียงคุยโทรศัพท์ ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้เลย”
ชัดเลย! ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อครับ ชาวโลกพวกเอ็งจารึกวันนี้ไว้ในปฏิทินเลยนะ มินซอกดอดมาหาลู่หานถึงห้องนอนเลยเว้ยเฮ้ย!!!! ใช่เหรอ คนอย่างคุณหมอคิมเนี่ยนะ??? มินซอกเนี่ยนะแงะเข้าห้องนอนเขาก่อนน่ะ? คนอย่างไอ้อ้วนเนี่ยนะกล้าทิ้งชานยอลเอาไว้แล้วเดินด๊อกแด๊กเอากุญแจมาไขเข้าห้องเขาหน้าตาเฉย โอ้วววววววมินซอกกกกก ไปหัดทำตัวยั่วแบบนี้มาจากไหน เดินหน้าสลอนทำตาแป๋วเข้ามานี่อยากให้เขาเลื่อนขั้นจากเพื่อนเป็นผอสระอัวมากเลยใช่ป่ะ ถึงกูบ้าแต่กูก็หน้ามืดปล้ำคนที่ชอบได้นะถ้าตบะมันแตกจริงๆอ่ะ T^T
แต่ช้าแต่...นี่มึงดราม่าอยู่นะ ใจแข็งไว้ไอ้ลู่ ยอมง่ายเดี๋ยวมินซอกได้ใจแล้วจะไม่ขลัง
ด้านมินซอกเองพอเห็นว่าเพื่อนหนุ่มเล่นตัวก็เริ่มหน้าบึ้ง นี่มึงคิดว่าตัวเองเป็นนางเอกละครเหรอไอ้หยิ่งหน้ายับ หึ หนังหน้านี่ไม่ได้ใกล้เคียงเลยเหอะขอบอก!
“นี่ จะไม่ลุกขึ้นมาคุยกันดีๆใช่ไหมลู่หาน” คุณหมอแก้มกลมพูดขึ้นแต่คนที่นอนบนเตียงก็ยังไม่ขยับเขยื้อน แล้วมีเหรอมินซอกจะทน คนตัวเล็กเดินอ้อมไปอีกฝั่งของเตียงนอนพลางโยนก้อนอะไรบางอย่างใส่ลู่หานเต็มแรงจนเจ้าก้อนกลมนั้นและสารวัตรหนุ่มร้องเสียงหลง
ตุ้บ!
งื้ดดดดด
“โอ๊ยไรวะ…เฮ้ยหนูปุย!” อุทานเสียงหลงเมื่อเห็นร่างแน่งน้อยของลูกแพนด้าแดงนอนแหมะบนอกจ้องเขาตาแป๋ว พอหันไปมองคุณหมอแก้มกลมก็เห็นเพื่อนตัวน้อยยืนกอดหมอนใบโตหน้าตาเบะอยู่ข้างเตียง ไม่รอให้ลู่หานงงนานกว่านี้มินซอกก็วางหมอนลงข้างกายก่อนจะปีนขึ้นเตียงของลู่หานและสอดตัวเข้าไปในผ้าห่มผืนเดียวกับตำรวจหนุ่มอย่างรวดเร็ว
“อะไรเนี่ยมินซอก ทำอะไร แล้วน้องล่ะ” ลู่หานถามอย่างงงงวย คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันจนดูยุ่งเหยิง มินซอกรั้งผ้าห่มขึ้นมาปิดจนมิดคอพลางยกมือไปอุ้มน้องปุยมานอนกอดแนบอกก่อนจะตอบเสียงเบา
“หลับไปแล้ว”
“เออหลับไปแล้ว แล้วนายมานี่ทำไม ทำไมปล่อยให้น้องนอนคนเดียวฮะ แล้วเอาน้องปุยมาขึ้นเตียงนอนกอดทำไมเนี่ย” สารวัตรหนุ่มถามเสียงสูง มินซอกขยับตัวเข้าไปใกล้ลู่หานอีกนิดพลางช้อนดวงตากลมขึ้นมามองใบหน้างุนงงบูดบึ้งของอีกคนก่อนจะตอบเสียงแผ่วเบา
“นอนไม่หลับ”
“…?”
“ไม่มีนายนอนด้วยฉันนอนไม่หลับ แล้วก็…เอาปุยมาง้อ” จบประโยคพร้อมกับก้มหน้างุด ลู่หานเลิกคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจ รู้สึกมุมปากกระตุกยิกๆยังไงชอบกลเลย
โหยอ้วน ไปหัดทำตัวน่ารักแบบนี้มาจากไหนว้าาาาาาาา
“หึ ง้อเป็นด้วยเหรอเราน่ะ นึกว่าวีนเป็นอย่างเดียว” ลู่หานพูดขึ้นเมื่อพอจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร ชายหนุ่มมองแพนด้าแดงที่ตาปรืออยู่ในอ้อมกอดของมินซอกพลางอมยิ้มก่อนจะก้มลงไปหอมกระหม่อมนุ่มนิ่มของลูกหมีตัวน้อยฟอดใหญ่ มินซอกมองรอยยิ้มอบอุ่นของเพื่อนตัวสูงแล้วก็รู้สึกใจชื้น บรรยากาศที่แสนคุ้นเคยรอบกายทำให้รู้สึกสงบอย่างน่าประหลาด คุณหมอแก้มกลมยกยิ้มจางๆพลางสะกิดแขนลู่หานที่กำลังล้มตัวนอนให้หันมาสนใจเขา
จึกๆ
“เหี่ยว”
“ครับ?” ลู่หานขานรับด้วยสรรพนามไพเราะอย่างลืมตัว มินซอกใช้มือที่สะกิดแขนของเพื่อนตัวสูงมาตบแปะๆที่หน้าผากของตัวเองเบาๆก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อน
“จุ๊บน้องปุยแล้วก็ต้องจุ๊บแม่น้องปุยด้วย” พูดพร้อมกับจ้องลู่หานตาแป๋วทำเอาคนที่ฟังประโยคเมื่อซักครู่จบถึงกับหน้าเหวอ ลู่หานอึ้งไปชั่วขณะก่อนจะตั้งสติได้แล้วก็หัวเราะออกมาอย่างชอบใจ
ไม่บ่อยนักหรอกนะที่มินซอกจะทำตัวแบบนี้
“แหมะ พอโดนโกรธหน่อยนี่น้อมรับทุกตำแหน่งเลยนะพ่อคนแก้มยุ้ย” พึมพำด้วยรอยยิ้มพลางโน้มตัวลงไปแตะริมฝีปากลงบนหน้าผากของอีกคน มินซอกหัวเราะเบาๆกับชื่อใหม่ที่ลู่หานสรรหามาเรียกเขาอีกแล้วก่อนจะหลับตาพริ้มกระชับน้องปุยแน่นขึ้นเมื่อได้รับความอบอุ่นผ่านริมฝีปากของอีกคน
“ฝันดีเหี่ยว ง้อแล้วนะ หายโกรธด้วยล่ะ” คุณหมอมินซอกจอมเหวี่ยงพึมพำเสียงเบาก่อนจะหลับตาลง ความรู้สึกกระสับกระส่ายมลายหายไปจนสิ้น ได้แต่นึกขอโทษขอโพยชานยอลอยู่ในใจที่ทิ้งให้น้องนอนในห้องคนเดียว
ส่วนลู่หานเมื่อผละออกมาจากหน้าผากของอีกคนแล้วก็ได้แต่อมยิ้มก่อนจะส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ
“ฉันยอมนายตั้งแต่หน้าประตูแล้วล่ะอ้วนเอ๊ย” ชายหนุ่มพึมพำเสียงเบาก่อนจะล้มตัวลงนอนข้างกายของเพื่อนตัวเล็ก แขนข้างหนึ่งวางพาดไปที่เอวของมินซอกพลางดึงร่างเล็กของคุณหมอตัวอวบเข้ามากอด สูดกลิ่นแป้งหอมอ่อนๆแล้วยกยิ้มเมื่อได้ยินเสียงน้องปุยร้องขึ้นเบาๆก่อนที่ทั้งห้องจะตกอยู่ในความเงียบงัน แล้วทั้งสามชีวิตก็จมลงสู่ห้วงนิทราตามกันไปในเวลาไม่นาน
“เมื่อคืนมินจ๊อกทิ้งชานยอลไว้คนเดียว!” เสียงโวยวายของคนแสนงอนดังขึ้นบนโต๊ะกินข้าวในช่วงเช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น ชานยอลนั่งกัดช้อนหน้าตาบูดบึ้งดูน่าขำนักในสายตาของคนอายุมากกว่าทั้งสอง ปากอิ่มสีสวยงอง้ำ ดวงตาฉายแววกรุ่นโกรธปนน้อยใจ มินซอกยกยิ้มพลางลูบหัวน้องเบาๆก่อนจะเอ่ยขอโทษกลับไป
“มินจ๊อกขอโทษครับ เมื่อคืนเดินมาคุยธุระกับพี่ลู่หานแล้วเผลอหลับเลย ชานยอลคนเก่งไม่โกรธกันเนาะ” คุณหมอตัวเล็กอ้าง ลู่หานลดหนังสือพิมพ์ที่อ่านลงก่อนจะเอ่ยแซวมินซอกด้วยน้ำเสียงสดใส
“เหรอออออออ”
“ไอ้ยับ มึงน่ะหุบปาก” มินซอกชี้หน้าคาดโทษแต่โดนลู่หานยียวนกลับมาด้วยการยิ้มทะเล้นและยักคิ้วให้ ชานยอลมองพี่ทั้งสองคนตาแป๋วก่อนจะย่นจมูก
“มินจ๊อกไม่ได้คุยธุระกับลู่หานหรอกใช่มั้ยล่ะ ฮึ! ชานยอลโกรธ เนาะคุณแรบบิทเนาะ” น้องพูดแล้วหันไปพยักเพยิดกับกระต่ายตัวขาวที่กินแครอทรอทอยู่ข้างจานข้าวของชานยอล
“ฮ่าๆ ไม่เอาน่าชานยอล มินจ๊อกเข้ามาคุยธุระกับลู่หานจริงๆครับ ไม่โกรธมินจ๊อกเนาะ นั่นเห็นมั้ยพี่เขาเสียใจจนตัวบวมหมดเลย”
“ไอ้เหี่ยว!!” มินซอกร้องใส่อีกคนพลางทำหน้าบึ้ง มือเล็กฟาดไหล่ลู่หานเต็มแรง ส่วนคนโดนฟาดก็ทำเพียงแค่หัวเราะเอิ๊กอ๊ากอย่างชอบใจจนชานยอลถึงกับขำไปด้วย
“ไม่อ้วนแบบฉันบ้างให้มันรู้ไปนะเว้ย แม่งงงง”
“โอ๋ๆ มินจ๊อกอย่าร้องนะฮะ อ้วนยังไงก็น่ารักอยู่ดี เนาะลู่หานเนาะ” ชานยอลปลอบพี่ชายแก้มกลมพลางหันไปหาแนวร่วม ลู่หานพยักหน้าพลางจ้องมินซอกตาเยิ้ม
“ช่ายยย อ้วนยังไงก็ร๊ากกกกกกกก”
“รักพ่อง!” มินซอกสวนกลับ ตักไข่ดาวเสิร์ฟใส่จานให้สองพี่น้องที่รวมหัวกันแกล้งเขาแต่เช้าก่อนจะเดินไปเปิดตู้เย็นแล้วหยิบองุ่นออกมาตะกร้าใหญ่
“รีบกินเข้าไปสิ เดี๋ยวไข่ติดคอตายไม่รู้หรอก”
“แล้วนั่นจะไปไหนอ่ะ”
“เอาองุ่นไปให้ลูกแกกินไง เมื่อเช้ากินข้าวไปนิดเดียวเอง”
“แล้วเมื่อเช้านายเอาอะไรให้หนูปุยกินอ่ะ”
“อาหารหมา”
“-_-;;”
“อย่ามามองหน้ากันแบบนั้นนะเว้ย ให้กินแต่ผลไม้มันไม่โตหรอก” พูดแค่นั้นแล้วคุณหมอตัวกลมก็หอบเอาตะกร้าองุ่นวิ่งตื๋อออกจากห้องครัวไป ลู่หานส่ายหน้าไปมาก่อนจะหันมาจัดการกับข้าวเช้าตรงหน้าพร้อมกับพูดคุยกับชานยอลไปด้วย แต่คุยกันได้ไม่นานเสียงโทรศัพท์ของลู่หานก็ดังขึ้นมาเสียก่อน สารวัตรหนุ่มมองชื่อของคนที่โทรเข้ามาแล้วก็ได้แต่ขมวดคิ้วก่อนจะกดรับสาย
“อืม ว่าไงครับเพื่อนยาก”
[ไม่ว่าไง จะโทรมาคุยเรื่องเงินที่ยืมไป] ปลายสายตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงอ่อนล้า ลู่หานเอียงคอเลิกคิ้วชั่วครู่ก่อนจะยกยิ้ม
“ได้ข่าวว่าเพิ่งตกงานมา จะโทรมาเบี้ยวเหมือนทุกทีล่ะสิ”
[ก็...ถ้านายให้เบี้ยวก็จะเบี้ยวอ่ะนะ]
“ฝันไปเถอะครับไอ้คุณคริส เป็นล้านนะที่ยืมไปน่ะไม่ใช่เป็นพัน เดี๋ยวมีถูกยิงไส้แตก” ลู่หานพูดขึ้น ก่อนจะเอื้อมมือไปเช็ดแก้มให้ชานยอลเบาๆเมื่อเห็นน้องกินเลอะ ชานยอลยกยิ้มกลับมาให้ก่อนจะก้มลงไปจัดการกับอาหารตรงหน้าต่ออย่างเงียบๆ
[ก็นั่นแหละ จะโทรมาบอกว่าขอคืนเงินช้าหน่อยได้ไหม]
“ช้าน่ะได้ แต่เงินเยอะขนาดนั้นนายจะคืนฉันได้เมื่อไหร่วะคริส สิบปีหรือยี่สิบปี?” ลู่หานพูดกับปลายสายก่อนจะมองชานยอลนิ่งๆ มินซอกเองที่เพิ่งจะเข้ามาทันได้ยินว่าใครโทรมาก็ตาโตก่อนจะยืนพิงเคาน์เตอร์แล้วมองหน้าลู่หานอย่างใจจดใจจ่อเช่นเดียวกัน คนที่โทรมาหาลู่หานก็คือคริสหรืออู๋อี้ฟาน เพื่อนสนิทอีกคนของพวกเขาซึ่งช่วงนี้ประสบปัญหาหนัก ทั้งแฟนทิ้งทั้งตกงาน(เห็นว่างั้นน่ะนะ) แถมก่อนหน้านี้ก็มายืมเงินพวกเขาไปตั้งหลายล้านวอน ไม่รู้ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง
[ไม่รู้ว่ะ...]
“อืม...นายไม่รู้ฉันก้ไม่รู้เหมือนกันว่ะคริส...” ลู่หานพูดขึ้น ก่อนจะนึกอะไรขึ้นมาได้
“เอ้อ! เอางี้ไหม ฉันมีงานงานหนึ่งให้นายทำแลกกับเงินทั้งหมดที่นายยืมไป สนใจรึเปล่า” ลู่หานพูดขึ้นพลางยกยิ้ม ดวงตากลมมองไปที่ชานยอลที่กำลังป้อนแครอทให้กับคุณแรบบิทในขณะที่มินซอกได้แต่ยืนทำหน้างงอยู่ไม่ไกลนัก
[งาน? งานอะไรวะ]
“ก็...งานเล็กๆน้อยๆ ไม่หนักหนาอะไรมาก”
[เชื่อได้จังเลยครับคุณตำรวจ แหม งานอะไรรีบๆพูดมาดิ]
“อืมมม พอดีช่วงสามสี่เดือนนี้ทั้งฉันแล้วก็มินซอกงานยุ่งกันทั้งคู่ ฉันมีคดีส่วนมินซอกต้องเข้าฟาร์ม แล้วพอดีมีญาติมาอยู่ด้วยประมาณสามเดือนน่ะ อยากให้นายช่วยดูแลน้องฉันให้หน่อย อาจจะให้ไปอยู่ด้วยเลยนะเพราะดูแล้วกลับบ้านดึกกันทั้งคู่แน่ๆ” ลู่หานเริ่มเปรย แอบหัวเราะเมื่อได้ยินเสียงมินซอกอุทานว่า ‘เฮ้ย ลืมไปเลยว่าช่วงนี้ต้องเข้าฟาร์ม’ พร้อมกับทำหน้าเครียด หึหึ ลู่หานคิดแล้วว่าช่วงนี้มินซอกไม่ว่างและต้องกลับดึกแน่ๆ เผลอๆไม่ได้กลับมานอนบ้านเสียด้วยซ้ำมั้งนั่น
[หา??? อย่าบอกนะว่างานที่ว่าคือการ...]
“ช่ายยย ฝากเลี้ยงเด็กหน่อยดิซักสามเดือน ตามนี้เนาะ ^O^”
[เฮ้ย!!!!!]
ความคิดเห็น