ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ( FIC EXO ) มินจ๊อกปุกปุย ♡ - LUMIN

    ลำดับตอนที่ #4 : มิ น จ๊ อ ก ปุ ก ปุ ย - ตอนที่ 3

    • อัปเดตล่าสุด 16 เม.ย. 57



    มิ น จ๊ อ ก ปุ ก ปุ ย
    ตอนที่ 3
     

               ตรงหน้าของลู่หานในตอนนี้คือร่างสูงในชุดเครื่องแบบดูน่าเกรงขามของผู้บัญชาการหน่วยสืบสวนสอบสวนพิเศษประจำสำนักงานที่ลู่หานทำงานอยู่ ใบหน้าหล่อเหลาของชายวัยกลางคนเครียดขรึมยามที่ดวงตาสีดำขลับนั่นจับจ้องมาที่เขาที่กำลังนั่งตัวตรงฉีกยิ้มไปให้ ข้างกายของสารวัตรหนุ่มมีกล่องบรรจุร่างกลมตุ๊ต๊ะของลูกสาวตัวน้อย ลู่หานยกยิ้มแหยๆส่งไปให้ผู้เป็นนายก่อนจะพูดเสียงสงบแต่มีโทนสั่นน้อยๆ

                “เมื่อวานผมไปตรวจดูของกลางเพิ่มเติม แล้วก็เจอเจ้านี่เข้าที่หน้ารถบรรทุก ไอ้ผมก็นึกว่ามันเป็นหมาน่ะผู้การ เลยกะจะเอาไปเซอร์ไพรส์เมียซะหน่อย ทีไหนได้ดันโดนเมียตบกกหูมาแล้วบอกว่านี่มันลูกหมีซะงั้นอ่ะ” ลู่หานเริ่มต้นเล่าอย่างออกรสออกชาติพลางชำเลืองมองน้องปุยที่โผล่หน้าออกมาจ้องเจ้านายของเขาตาแป๋ว

                “มินซอกบอกว่าตัวนี้มันเป็นลูกแพนด้าแดง ค่อนข้างจะหายากอยู่ในประเทศแถบเรา เค้าเลยบอกให้ผมเอามาคืนเพื่อดำเนินคดีครับ” ลู่หานเล่าต่อเสียงอ่อยพร้อมกับหันไปมองลูกหมีสีน้ำตาลแดงตาละห้อย อยากเลี้ยงง่ะ จะได้มีข้ออ้างลวนลามเปาจื่อทุกวันงี้

                “อืม ไอ้เรื่องคดีเมื่อวานผมก็ส่งรายละเอียดไปให้ส่วนกลางแล้วด้วยนี่สิ ความจริงคุณน่าจะเอามาให้ผมตั้งแต่เมื่อวานนะสารวัตร” ผู้เป็นนายตำหนิพร้อมกับส่งสายตาดุๆมาให้จนลู่หานต้องห่อไหล่เล็กน้อยพร้อมกับก้มหน้า

                “ขอโทษครับท่าน ผมนึกว่ามันเป็นลูกหมาน่ะครับ”

                “ฮะๆ คุณนี่เข้าข่ายตาบอดแล้วนะลู่หาน เอ้า...มันไม่ยากหรอก เดี๋ยวผมเขียนรายงานระบุของกลางเพิ่มเติมแล้วลงรายละเอียดว่าส่งไปให้นักอนุรักษ์แล้วก็ได้ ทีนี้คุณก็พาเจ้าตุ๊ต๊ะตัวนี้ไปศูนย์อนุรักษ์พันธุ์สัตว์ซะนะ เดี๋ยวผมเดินเรื่องให้ บ่ายนี้น่าจะเรียบร้อยแล้วล่ะ” ผู้บังคับบัญชาบอกกับลู่หานด้วยใบหน้าเอ็นดูทำเอาสารวัตรหนุ่มฉีกยิ้มจนตีนกาขึ้นหน้า ลู่หานเป็นตำรวจที่มีผลงานดีไม่น้อย นิสัยเจ้าตัวเองก็น่ารักและรู้จักกาลเทศะ จึงไม่แปลกที่บรรดาผู้หลักผู้ใหญ่ในสำนักงานจะเอ็นดูเขา ติดจะมีข้อเสียก็ตรงติดเมียที่พวกเขาไม่เคยรู้จักหน้าค่าตาเนี่ยแหละ

                “แล้วแบบนี้ ถ้าผมอยากเลี้ยงนี่ผมต้องติดต่อที่ไหนครับท่าน” ลู่หานถามขึ้นทันทีทำเอาผู้เป็นเจ้านายเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ

                “คุณจะเลี้ยง?”

                “ครับ ผมอยากเลี้ยง มันน่ารักดีอ่ะ” ลู่หานพูดพร้อมกับยิ้มแต้อย่างน่าเอ็นดูทำเอาคนมองถึงกับหลุดหัวเราะกับความเด็กของอีกคน

                “ก็รอผมทำเรื่องส่งมันไปที่ศูนย์อนุรักษ์ก่อน อำนาจหน้าที่ที่เหลือก็อยู่ที่ศูนย์ คุณก็ไปทำเรื่องจดทะเบียนครอบครองสัตว์ป่าเอาก็แล้วกัน รอหนังสือจากผมก่อนนะ เดี๋ยวผมเดินเรื่องให้”

                “ครับ ขอบคุณผู้การมากนะครับ” สารวัตรหนุ่มรับคำอย่างกระตือรือร้นพารอยยิ้มของผู้อาวุโสกว่าปรากฏขึ้น

                “ฮะฮะ เอาละไปทำงานต่อได้แล้วๆ” ชายหนุ่มสั่งซึ่งลู่หานก็ลุกขึ้นยืนพร้อมกับทำความเคารพก่อนจะหอบเอาลูกแพนด้าแดงออกจากห้องไปทันที ลู่หานเดินเตาะแตะมายังโต๊ะทำงานของตนเองพลางวางกล่องของน้องปุยลงใต้เท้า เจ้าตัวน้อยเงยหน้ามองลู่หานก่อนจะส่งเสียงครางออกมาแผ่วเบาเรียบรอยยิ้มเอ็นดูจากสารวัตรตัวสูงได้เป็นอย่างดี ลู่หานลูบหัวกลมสองสามทีก่อนจะผละกลับมากวาดสายตามองงานเอกสารบนโต๊ะ สารวัตรหนุ่มถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ รู้สึกเบื่อกับตัวหนังสือตรงหน้านี้เหลือคณานับ คนอย่างสารวัตรลู่นี่เหมาะกับการออกภาคสนามนะ แบบไปบู๊ไปไล่ยิงโจรนี่ของชอบ แต่ให้มานั่งเขียนรายงานเช็คนั่นนี่บอกตามตรงว่ามันไม่ใช่แนวเลยอ่ะ

                “ทำหน้าเป็นตูดเลยนะมึง เมื่อคืนทำประตูเมียไม่ได้ไง๊” เสียงกวนประสาทของเพื่อนร่วมงานดังขึ้นพร้อมกับการทักทายด้วยการตบไหล่ลู่หานแรงๆจนร่างแทบทรุด สารวัตรหนุ่มหันไปมองผู้มาใหม่หน้าตาน่ากระทืบก่อนจะยกนิ้วกลางไปให้ทันทีเป็นการทักทาย

                “โอ้โห แบบนี้นี่มันอาชญากรรมแล้วนะเนี่ยมึง เดี๋ยวกูจะฟ้องผู้การซีวอน”

                “พ่องสิจงแด ปากพาหาเรื่องแต่เช้าเลยนะครับ” ลู่หานด่าเข้าให้ก่อนจะก้มหน้าลงไปตั้งใจจัดการกับงานเอกสารของตัวเองต่อ ฝ่ายคิมจงแดเองก็ยังไม่ลดละ ถ้าวันไหนไม่ได้กวนประสาทลู่หานนี่เหมือนเขาขับรถมาไม่ถึงที่ทำงาน ชายหนุ่มเดินเข้าไปยืนข้างๆเก้าอี้ของสารวัตรหนุ่มก่อนจะกระซิบเข้าที่ข้างหูลู่หานด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

                “หงุดหงิดแบบนี้ สงสัยแมนยูของมึงมันเสื่อมประสิทธิภาพสินะ”

                “พ่อง!!! กูกับมินซอกเป็นแค่เพื่อนกัน!!!” ลู่หานเงยหน้าขึ้นมาโวยวายทันทีเรียกเสียงหัวเราะลั่นจากอีกคน ใบหน้าหวานของสารวัตรหนุ่มงอง้ำจ้องเขม็งไปยังร่างของจงแดที่สั่นเพราะแรงหัวเราะก่อนจะย้อนกลับมาทำเอาลู่หานถึงกับเถียงไม่ออก

                “เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่ออ่ะดิมึงอ่ะ”

                “...”

                “กูเห็นมึงตามมินซอกต้อยๆมาตั้งแต่อนุบาลสามยันจะสามสิบอยู่แล้วนี่ยังไม่คิดสารภาพรักกับมินซอกอีกเหรอวะ" จงแดถามด้วยความสงสัย นี่ไม่ได้ตั้งใจจะกวนหรืออะไรแต่มันสงสัยจริงๆนะ เขาเป็นเพื่อนกับลู่หานและมินซอกมาตั้งแต่สมัยยังตัวกะเปี๊ยกเท่าฝาหอยช้างน้อยเท่าเมล็ดทานตะวัน แต่ไหนแต่ไรลู่หานก็ติดมินซอกแจมาตั้งแต่เด็กๆ จะไปไหน จะเล่นอะไรก็ต้องมีมินซอกไปด้วยเสมอ โตมาหน่อยพอไม่ได้อยู่ห้องด้วยกันตอนประถมปลายลู่หานก็งอแงโรงเรียนแทบแตกจนครูยอมเปลี่ยนห้องให้ พอขึ้นม.ปลายก็ใช้เส้นพ่อจนได้อยู่ห้องเดียวกับมินซอก เดินคุมร่างเล็กของมินซอกต้อยๆชนิดที่ว่ายุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้แตะแบบนี้ใครดูไม่ออกว่าลู่หานคิดอะไรก็โคตรโง่แล้ว

               เออ...เว้นมินซอกไว้คนนึง รายนั้นไม่เรียกโง่อ่ะ เรียกว่าซื่อบื้อจะถูกมากกว่า

                “จะรอให้โดนโจรยิงกบาลตายก่อนมั้ยวะถึงจะคิดได้ รักเค้าก็บอกเค้าไปตรงๆดิวะ รีบๆบอกก่อนที่มึงจะไม่ได้หายใจ อาชีพแบบเราอายุมันไม่ยืนยาวหรอกนะเว้ย กูขอเตือน” จงแดพูดขึ้น ลู่หานเงียบไปทันทีเพราะเถียงอะไรไม่ได้ ชายหนุ่มก้มมองกระดาษตรงหน้านิ่งๆก่อนจะถอนหายใจออกมาในที่สุด

                “จะให้ทำยังไงละวะ มึงก็รู้ว่ามินซอกไม่ได้ชอบผู้ชาย ขืนกูเดินไปบอกว่า เฮ้เปาจื่อ ฉันรักเปาจื่อนะ แต่งงานกันมั้ยงี้กูโดนเค้าตบหัวหลุดพอดี แล้วความเป็นเพื่อนที่สั่งสมมาหลายปีก็แตกดังโพละ ตายห่าเลยคราวนี้” ลู่หานเอนหลังลงกับพนักเก้าอี้ก่อนจะอธิบายให้จงแดฟัง ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากจะสารภาพหรอกนะ แต่มินซอกเป็นผู้ชาย แบบแมนๆน่ะ แมนแบบชอบผู้หญิง มีแฟนเป็นผู้หญิง แล้วแบบนี้จะให้ลู่หานเดินหน้าตั้งเข้าไปบอกรักมันก็ใช่เรื่อง

                “แล้วมึงรู้ได้ไงว่ามินซอกไม่ได้ชอบผู้ชาย” จงแดเถียงขึ้นมาบ้าง เขาละไม่ชอบเลยไอ้คนประเภทที่ว่านิดหน่อยก็คิดไปเรื่อย ตีโพยตีพายทั้งๆที่ยังไม่ได้ลองทำอะไรเลยซักอย่าง

                “...”

               ลู่หานถึงกับเงียบไปทันทีเมื่อเจอเพื่อนยิงคำถามมาแบบนั้น อันที่จริงเขาก็ไม่แน่ใจซักเท่าไหร่ แต่ตลอดระยะเวลายี่สิบกว่าปีมานี้มินซอกมีแต่แฟนที่เป็นผู้หญิงนี่นา

                “เห็นไหม พอกูถามมึงก็ตอบไม่ได้ ไม่ลองดูแล้วจะรู้ป่ะวะ” จงแดยุเมื่อเห็นสารวัตรหนุ่มเงียบเสียงไป ลู่หานเม้มปากแน่นก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างเป็นกังวล

                “ไม่ดีกว่าว่ะ กูว่ามันไม่คุ้ม ทุกวันนี้ได้กอดได้จูบก็บุญหัวไอ้หานคนนี้ชิบหายแล้ว มึงไม่ต้องมายุกูเลยจงแด ยุไม่ขึ้นหรอกเว้ย!” สารวัตรหนุ่มพูดออกมาในที่สุด ลองมาคิดๆดูทุกวันนี้ลู่หานก็ไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไรมากมาย มินซอกยังไม่ได้คบใคร ตอนนี้คุณหมอตัวเล็กนั่นเอาแต่ทำงานไม่ได้มีเรื่องกุ๊กกิ๊กที่ไหน พอบวกลบคูณหารดูแล้วถ้าหากลู่หานเดินโทงๆไปสารภาพรักกับมินซอกแน่นอนว่ามันจะเกิดหายนะมากกว่าความฟิน เขาไม่อยากเสี่ยงเอาความรู้สึกของตัวเองมาทำลายความสัมพันธ์ที่มีมานานหลายสิบปีระหว่างเขากับมินซอกหรอก

                “มึงนี่นะ แดกแห้วเข้าซักวันกูจะเย้ยให้ฟันร่วงเลยคอยดู ป๊อด” จงแดด่าเข้าให้พร้อมส่ายหัวอย่างระอา ทีกับผู้ร้ายนี่ใจกล้าหน้าด้านพุ่งเข้าใส่แบบไม่กลัวตาย แต่พอมาเรื่องหัวใจนี่สะดุดขาตัวเองหัวทิ่มตั้งแต่ยังไม่ทันจะเริ่ม ไม่ได้ดั่งใจคิมจงแดเลย

                “เป็นมึงมึงจะกล้าเอาความเป็นเพื่อนมาเสี่ยงเหรอวะ” ลู่หานถามขึ้น คนถูกถามจ้องหน้าสารวัตรหนุ่มด้วยแววตาแน่วแน่ก่อนจะตอบเสียงหนักแน่น

                “เป็นกูกูกล้าว่ะ”

                “ง่ะ...”

                “แต่ถ้ามึงกลัว มึงก็ต้องทำแบบไม่ให้มินซอกรู้” จงแดจบประโยคพร้อมกีบลากเก้าอี้ของโต๊ะข้างๆมานั่งลงตรงหน้าลู่หาน ร่างสูงขมวดคิ้วทันทีกับคำพูดของเพื่อนก่อนจะถึงบางอ้อเมื่อปรมาจารย์ด้านความรักอย่างคิมจงแดขยายความต่อ

                “มึงบอกว่ามึงได้กอดได้จูบมินซอกทุกวันใช่ป่ะ ไม่มีเพื่อนที่ไหนเค้าทำกันหรอกเว้ยไอ้วิธีการหยอกกันถึงเนื้อถึงตัวแบบนี้อ่ะ มึงก็แค่ทำบ่อยๆให้มินซอกหวั่นไหวไง กูเชื่ออ่ะว่าคนอย่างมินซอกไม่มีทางใจแข็งได้นาน ดื้อหน่อยก็จับจูบแรงๆ ด่ามาก็กดลงโซฟาแม่งซักทีสองทีก็เรียบร้อยโรงเรียนมึงแล้ว”

                “นี่มึงแนะนำหรือยุให้กูปล้ำเขาวะ”

                “ก็ทั้งสองอย่าง มึงมองดูรอบๆตัวมึงนะ มีผู้ชายที่ไหนเค้าหยอกกันด้วยวิธีจูบบ้างวะ อย่างมึงกับมินซอกนี่มันเลยความเป็นเพื่อนมาตั้งนานแล้ว” จงแดพูดในสิ่งที่ตนเองคิด เขายังจำได้ดีวันที่ไปหาลู่หานที่บ้านและเจอเข้ากับสองชีวิตที่กำลังจูบกันนัวเนียอยู่บริเวณเคาน์เตอร์ห้องครัว นาทีนั้นบอกเลยว่าอยากยื่นถุงยางให้พวกมันมาก แต่คำตอบที่ได้รับจากปากของลู่หานคือ อย่าคิดมากนะ กูกับมินซอกแค่สวัสดีตอนเช้ากัน

                สวัสดีตอนเช้าบ้านบิดามันน่ะสิดีพคิสกันขนาดนั้น -_-

                “แต่กูกับมินซอกก็ทำแบบนี้มาตั้งแต่อนุบาลแล้วนี่ มันเพราะความเคยชินมากกว่าป่ะ” ลู่หานเถียงขึ้นจนจงแดถึงกับต้องยกมือขึ้นมาตบหน้าผากตัวเองแรงๆ ไอ้นี่นี่มันกะเถียงเขาทุกอย่างเลยใช่ไหมเนี่ย

                “เถียงกูจังห่า ถามจริงจะเอามั้ยเมียน่ะ เดี๋ยวกูไม่ช่วยนะ” ชายหนุ่มคาดโทษทำเอาลู่หานรีบยกมือขึ้นปิดปากฉับและนั่งฟังอย่างเงียบๆ

                “กูไม่รู้หรอกนะว่าที่พวกมึงจูบปากกันทุกเช้าน่ะพร้อมความชินหรือความฟิน แต่ไม่มีเพื่อนที่ไหนเค้าทำกัน”

                “...”

                “แล้วมึงได้ใช้ลิ้นป่ะเนี่ย?” จงแดถามเมื่อนึกบางอย่างได้ทำเอาสารวัตรหนุ่มถึงกับผวาเฮือกพร้อมกับส่ายหน้าไปมาเป็นพัลวัน

                “มึงจะบ้าเหรอ กูจะใช้ลิ้นกับมินซอกทำไมวะ”

                “นั่นไงกูว่าแล้ว” จงแดตอบพร้อมกับตบเข่าตัวเองฉาดใหญ่จนลู่หานสะดุ้งมองคนตรงหน้าด้วยสายตาหวาดๆ

                “ต่อไปมึงลองใช้ลิ้นกับมินซอกดูดิ”

                “พ่องดิ ไม่เอา โดนตบหูเบี้ยวพอดี” ลู่หานปฏิเสธหน้าแดงทันทีที่จงแดพูดจบ แค่จูบธรรมดาๆปากแตะปากทุกวันหัวใจของลู่หานก็ทำงานหนักจนจะช็อคตายอยู่แล้ว ลองคิดภาพเขาสอดลิ้นเข้าไปในปากเล็กๆนั่น...

               ขุ่นพระ ให้กูตายง่ายกว่าอีกครับ (-/////////-)

                “อย่ามาปฏิเสธ ถ้ามึงอยากทำให้มินซอกหวั่นไหวมึงต้องดีพคิส ใช้ลิ้นเลย มือมีน่ะก็ทำอนาจารเค้าสิวะ ลูบๆคลำๆน่ะมึงทำเป็นไหม หนังโป๊ที่มึงชอบขโมยไปจากห้องเก็บของกลางก็ใช้ให้เป็นประโยชน์ดิวะ หนังเกย์มีเต็มตู้เลย เนี่ยกูว่าจะลองหยิบไปดูอยู่เหมือนกัน” จงแดแนะนำทำเอาลู่หานอยากจะเป็นลม ไอ้นี่มันพูดซะเสียงดัง เดี๋ยวชาวบ้านเค้าก็รู้หมดหรอกว่าตำรวจผลงานดีแบบลู่หานคนนี้ขโมยหนังโป๊กลับไปดูที่บ้าน ถ้าผู้การซีวอนรู้นี่กูติดคุกเลยนะเพื่อน

                “นี่มึงเป็นตำรวจแน่เหรอวะจงแด คำแนะนำมึงแต่ละคำนี่...เหมือนมึงจงใจถีบกูเข้าคุกเลยอ่ะ” ลู่หานถามพลางมองซ้ายมองขวาเพราะกลัวเพื่อนร่วมงานคนอื่นจะได้ยิน จงแดเห็นท่าทีของลู่หานแล้วก็หัวเราะเอิ๊กอ๊ากออกมาอีกครั้งก่อนจะส่ายหน้าไปมา

                “มึงนี่ไม่รู้อะไรเล๊ย ของกลางอันไหนเด็ดๆตำรวจที่นี่เค้าก็จิ๊กไปดูกันทั้งนั้นแหละ แล้วก็เรื่องดีพคิสน่ะ ทำซะนะ เชื่อกู กูว่ากูมองมินซอกไม่ผิดหรอก”

                “...”

                “ถ้ายังไม่กล้าบอกรัก ก็ทำให้เค้ารักมึงก่อนแล้วค่อยบอกก็ได้” จงแดบอกก่อนจะตบไหล่ลู่หานเป็นเชิงให้กำลัง ทั้งคู่มองหน้ากันนิ่งๆก่อนที่สารวัตรหนุ่มจะส่งยิ้มแกนๆไปให้ จงแดเห็นแบบนั้นก็ยักไหล่พร้อมกับลุกขึ้นยืนเต็มความสูงเพื่อไปนั่งทำงานของตัวเองบ้าง ต่อจากนี้ก็ขึ้นอยู่กับลู่หานแล้วล่ะว่าจะยอมทำตามที่เขาแนะนำหรือเปล่า

                “ลองเก็บไปคิดดูนะ...กูไปทำงานล่ะ”

                “อืม โชคดี”

                “อ้อลืมบอกไป ลูกหมาในกล่องของมึงอ่ะ เมื่อกี้กูเห็นมันวิ่งดุ๊กๆเข้าห้องผู้การซีวอนไปแล้วนะ บายยยยยย” จงแดทิ้งท้ายไว้เพียงแค่นั้นก่อนจะเดินกลับไปที่โต๊ะของตัวเองโดยไม่สนใจลู่หานที่นั่งทำหน้าตกใจอ้าปากพะงาบๆอยู่กับที่ ไม่นานเสียงโทรศัพท์ประจำโต๊ะของเขาก็ดังขึ้น มือเรียวของสารวัตรตัวสูงเอื้อมไปยกขึ้นมาแนบหูก่อนที่เขาจะได้ยินเสียงเย็นๆของผู้เป็นเจ้านายดังมาตามสาย

                “ลู่หาน ลูกหมีของคุณมันเข้ามาอุจจาระให้ห้องทำงานของผม”

               ชิบหายแล้วไอ้ลู่

     

    * M J P P *

     

               กว่าจะลากสังขารของตัวเองกลับมาถึงบ้านได้ในตอนเย็นลู่หานก็แทบจะน้ำตาตกใน วันนี้สารวัตรหนุ่มเจอเรื่องที่ทำเอาอัตราการเต้นของหัวใจแทบจะหยุดอยู่ร่อมร่อ หนึ่งล่ะคือการต้องขอโทษขอโพยผู้เป็นเจ้านายที่ลูกสาวตัวน้อยของเขาบังอาจเข้าไปอุจจาระในห้องแอร์เย็นฉ่ำ และมันก็ฉ่ำชนิดที่ว่าลู่หานต้องวิ่งตาลีตาเหลือกไปหาซื้อสเปรย์ดับกลิ่นมาฉีดกันให้วุ่นเลยทีเดียว และสองคือเรื่องที่ลู่หานอยากจะเลี้ยงน้องปุยเอาไว้ มันจะไม่มีปัญหาเลยถ้าลูกสาวของเขาไม่เป็นสัตว์คุ้มครองของทางราชการ แต่ก็นั่นล่ะ ระดับสารวัตรลู่หานมีเหรอจะทำไม่ได้ นี่ลงทุนนั่งเต๊าะพนักงานที่อุทยานแห่งชาติอยู่เป็นชั่วโมงจนเจ้าตัวเผลอเซ็นยินยอมด้วยความเคลิ้มในคารมของเขา พอรู้ตัวอีกทีกระดาษส่งมอบและสิทธิ์ในการครอบครองสัตว์ป่าหายากก็ตกอยู่ในมือเขาชนิดที่ว่าวิธีการที่ได้มานั้นแทบจะเฉียดเข้าคุกเข้าตารางแต่ก็รอดมาได้อย่างหวุดหวิดเพราะเจ้าตัว(เผลอ)เซ็นใบอนุญาตให้ลู่หานเอง

               ทำไงได้ ก็ลู่หานอยากเลี้ยงอ้ะ ไม่ได้ด้วยเล่ห์เขาก็ต้องหลอกล่อด้วยกลและดวงหน้าอันหล่อเหลานี่ล่ะวะ!

               คิดได้แบบนั้นรอยยิ้มกว้างก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้า ตำรวจหนุ่มก้มลงมองน้องปุยที่กำลังหลับอุตุอยู่ในลังด้วยความเอ็นดูก่อนจะฮัมเพลงเบาๆพร้อมกับยื่นมืออีกข้างออกไปเปิดประตูบ้าน

                “กลับมาแล้วจ้า”

               ฟุ่บ!

                “โอ๊ะ!” ร้องเสียงหลงเมื่อโดนหมอนใบโตลอยละลิ่วมาปะทะเข้าเต็มหน้าจนลู่หานตกใจปล่อยกล่องของน้องปุยร่วงลงกับพื้นตามด้วยหมอนใบนุ่มที่หล่นลงไปทับลูกแพนด้าแดงในเวลาต่อมา เสียงร้องของน้องปุยดังขึ้นแผ่วเบาพร้อมกับที่เจ้าตัวอ้วนพยายามมุดตัวออกจากลังมามองหน้าลู่หานตาแป๋ว

                “อะไรเนี่ย!” ร่างสูงแหวพร้อมกับมองคนตัวเล็กที่ยืนจังก้าอยู่กลางบ้าน ในมือถือไม้ขนไก่เอาไว้ข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างค้ำเอวเล็กเอาไว้ด้วยใบหน้าบูดบึ้ง

                “ทำไมกลับบ้านช้า รู้มั้ยว่าฉันต้องทำความสะอาดห้องนอนคนเดียวเนี่ย เหนื่อยนะโว้ยยยยยยยย!!!” เสียงหวีดสุดสยองของคุณหมอแก้มกลมดังขึ้นพร้อมกับแววตาดุดันเอาเรื่อง ลู่หานอ้าปากอย่างถึงบางอ้อก่อนจะก้มลงไปอุ้มน้องปุยที่กำลังตะกุยหมอนเล่นขึ้นมาแนบอก

                “ก็ไปเคลียร์คดีเก่าแล้วก็ทำเรื่องขอใบอนุญาตที่อุทยานมา เนี่ยมินซอกเราเลี้ยงน้องปุยได้แล้วนะ! อุตส่าห์เต๊าะเจ้าของอุทยานให้เซ็นให้ตั้งนานแน่ะ ยัยนั่นใจแข็งชะมัดเลย” ร่างสูงบ่นพร้อมกับเดินอุ้มน้องปุยไปวางแหมะอยู่บนโซฟา มินซอกเบ้ปากมองสิ่งมีชีวิตตัวกลมป้อมที่กำลังเกาะพนักโซฟามองหน้าเขาแล้วก็เบ้ปากพร้อมกับเขกมะเหงกกลางอากาศส่งไปให้

               หมั่นไส้มัน อ้วนชิบหาย หมีบ้าอะไรขนฟูชะมัด -_-! (หงุดหงิดแล้วพาล)

                “ถามความเห็นกันซักคำป่ะว่าอยากเลี้ยงไอ้หน้าหมีนี่มั้ย” มินซอกแขวะเข้าให้ก่อนจะเดินไปหยิบหมอนที่เขาเขวี้ยงใส่หน้าลู่หานเมื่อซักครู่ไปยัดลงเครื่องซักผ้า ต่อให้หมอนจะใหญ่แค่ไหนแต่ก็จะยัดอ่ะ ขี้เกียจมานั่งซักมากบอกเลย

                “อย่ามาความจำสั้นสิมินซอก นายอนุญาตแล้วเหอะ แล้วอีกอย่างมีน้องปุยอยู่ด้วยมันก็ดีออก เวลาฉันออกไปทำคดีนานๆนายจะได้ไม่เหงาไง” ชายหนุ่มให้เหตุผลพลางเลื้อยตัวลงไปบนโซฟาและเอาหัวมุดท้องน้องปุยเล่น ฝ่ายแพนด้าตัวน้อยพอเห็นลู่หานเข้ามาคลอเคลียก็ส่งเสียงร้องอย่างชอบใจก่อนจะดมฟุดฟิดไปทั่วใบหน้าของคุณตำรวจตัวสูงเรียกเสียงหัวเราะจากลู่หานได้เป็นอย่างดี มินซอกเห็นแล้วอยากจะกระทืบมันทั้งพ่อทั้งลูกเลย สนุกสนานกันดีจริ๊ง

                “เหี่ยว ไปถอดผ้าปูที่นอนอันเก่าออกจากเตียงนายหน่อย แล้วก็เอาผืนใหม่ในตู้ไปใส่แทน น้องมาพรุ่งนี้นะ ช่วยกันทำหน่อยได้ป่ะวะ” อ้าปากด่าสารวัตรหนุ่มด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด ลู่หานขานรับครับๆอยู่หลายทีก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วอุ้มน้องปุยขึ้นมาแนบอก พอเห็นแบบนั้นมินซอกเลยเขวี้ยงขวดน้ำยาปรับผ้านุ่มไปใส่หัวของอีกคนเต็มแรง

               โป๊ก

                “โอ๊ยอ้วน เจ็บนะ เขวี้ยงมาขนาดนี้ก็เดินเอามายัดปากกันเลยมั้ย!!!!!!!!!” ลู่หานแหวก่อนจะคว้าขวดน้ำยาปรับผ้านุ่มเอาไว้แล้วโยนกลับให้อีกคนคืนด้วยความโมโห มินซอกนี่ชักเยอะแล้วป่ะ เอะอะเขวี้ยงของใส่ตลอดนะ เดี๋ยวมีปล้ำนะมินซอกนะ อย่าให้ลู่หานหมดความดทนนะ คิดว่าทำหน้าดุแล้วเขาจะกลัวงั้นเหรอ

               เหอะ!

                “วางไอ้ปุยลงที่เดิมแล้วไปช่วยกันทำความสะอาดห้องนอนเลยนะ!!!

                “จ่ะๆ วางเดี๋ยวนี้แหละจ้าาาา ใจเย็นนะครับคุณหมอน้า ผมไปแล้ว”

               เออ กูยอมรับก็ได้ว่ากลัว -_-

               ถึงกับผวาเฮือกเมื่อเจอสายตาพิฆาตของคนตัวเล็กพลางวางลูกหมีตัวฟูฟ่องลงบนโซฟาอย่างจำยอมก่อนจะเดินบ่นอุบอิบเข้าห้องนอนที่เคยเป็นของตัวเองไป

                “ขี้บ่นชิบ เดี๋ยวปั๊ดจูบให้ปากเปื่อยเลยนี่”

                “แกบ่นไรไอ้เหี่ยว”

                “เปล๊า นี่ร้องขาขาวสาวลำซิ่งอยู่” ลู่หานแถเมื่อมินซอกเหมือนจะหูดีเกินไป คุณหมอตัวน้อยชี้หน้าคาดโทษเขาก่อนจะหันไปกระโดดเหยงๆเพื่อกดหมอนลงเครื่องซักผ้า ดูไปดูมาก็ตลกดีไม่น้อย คนอะไรตัวเล็กกว่าเครื่องซักผ้าอีก

               น่ารักชะมัด...

               ยืนขำความกะทัดรัดของมินซอกอยู่นานจนเพื่อนตัวเล็กหันมาเห็นและด่าให้อีกรอบสุดท้ายลู่หานจึงยอมเดินด๊อกแด๊กเข้าห้องนอนเก่าของตัวเอง เดิมทีแล้วห้องนี้เป็นห้องของลู่หานนั่นแหละ แต่เขาไม่อยากนอนคนเดียวนี่นา เลยทำเนียนหอบหมอนใบโตไปเคาะห้องมินซอกแล้วอ้อนขอนอนด้วยตั้งแต่วันแรกที่ย้ายเข้ามาอยู่ ส่วนคุณหมอตัวจิ๋วนั่นก็ยอมบ้างไม่ยอมบ้างแต่พออยู่กันนานไปลู่หานก็หน้ามึนเกินกว่าจะยอมนอนคนเดียว สุดท้ายห้องนี้เลยกลายเป็นห้องว่างไปโดยปริยาย จะได้ใช้ก็ช่วงที่ชานยอลกลับมาอยู่ด้วยก็เท่านั้น

               Rrrrrrrr

               เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นพร้อมกับแรงสั่นที่กระเป๋ากางเกง ลู่หานหยิบเครื่องมือสื่อสารขึ้นมามองชื่อที่โทรเข้าก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงบนเตียงพร้อมกับกรอกตาอย่างเบื่อหน่าย

                “ครับเพื่อน”

                [เป็นยังไงบ้างวะมึง] ปลายสายเอ่ยขึ้นต้นด้วยประโยคที่เขาไม่เข้าใจ ลู่หานขมวดคิ้วเข้าหากันจนยุ่งเหยิงก่อนจะตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงงงงวย

                “เป็นยังไงอะไรของมึงวะเนี่ย”

                [เอ้าไอ้นี่ ก็เรื่องดีพคิสที่กูบอกไปเมื่อตอนสายอ่ะ มึงทำยัง] คิมจงแดท้วงขึ้นเสียงหลงทำเอาลู่หานถึงกับเบิกตากว้าง นี่มันลงทุนโทรหาเขาเพราะเรื่องแค่นี้เนี่ยนะ?

                “ขอบคุณครับที่เป็นห่วงเป็นใยกูขนาดโทรมาถาม เวร กูก็นึกว่ามีคดีไงสัส” ด่ากลับไปด้วยความหมั่นไส้ ไอ้เรื่องเสือกนี่คนอย่างมันถนัดนักล่ะ

                [เรื่องคดีไว้ไปคุยกันพรุ่งนี้ละกัน เห็นว่าคราวนี้ไม่ใช่ขี้ๆล่ะ ตอนนี้มันเวลาเลิกงานมึงควรสนอนาคตครอบครัวตัวเองก่อน นี่สรุปยังไม่ได้จูบมินซอก?] จงแดถามกลับทำเอาอีกคนโวยขึ้น

                “จะให้กูเอาเวลาไหนไปจูบเหรอถามหน่อย น้องจะมาพรุ่งนี้เนี่ย ต้องเตรียมปัดกวาดเช็ดถูห้องให้น้องมัน แถมมาถึงกูก็โดนหวีดใส่เลยเรื่องกลับช้า แทนที่กลับมาเหนื่อยๆจะได้นอนกอดน้องปุยให้ชื่นใจนี่ไม่มีหรอกห่า มินซอกแม่ง...”

                [แม่งไร?]

                “ขี้บ่น ขี้หวีด ขี้เหวี่ยง ขี้หงุดหงิด ขี้แม่งทุกอย่างอ่ะ ทำอย่างกับกูเป็นทาส!” ลู่หานใส่อารมณ์เต็มที่ด้วยความไม่พอใจเรียกเสียงหัวเราะลั่นจากเพื่อนอีกคนได้เป็นอย่างดี เออหัวเราะไปเถอะ ไม่มาเจอฤทธิ์ซาลาเบาไส้ต้มยำเผ็ดๆร้อนๆแบบมินซอกบ้างให้มันรู้ไป

                [ยังไม่ทันได้เค้านี่มึงก็ซ้อมบ่นเค้าแล้วเหรอวะ จะอยู่กันรอดมั้ยเนี่ย]

                “รอดไม่รอดก็อยู่กันมายี่สิบห้าปีแล้วไง แต่ช่วงนี้มินซอกคงโกรธกูอ่ะที่อยู่ๆก็เอาน้องปุยเข้าบ้าน อ้วนมันไม่ค่อยชอบสัตว์ไง แล้วน้องปุยกูนี่ก็มึนโคตรพ่อโคตรแม่เลยครับ เอะอะวิ่งด๊อกแด๊กไปเกาะขามินซอกเฉยเลย แงะออกยากอีกนะมึง หมีห่าไรตีนเหนียวกว่าตุ๊กแกอีก” พอได้เปิดฉากบ่นสารวัตรหนุ่มก็จัดแบบไฟแลบ ปลายสายหัวเราะกลับมาอย่างอ่อนอกอ่อนใจพลางต้องฟังลู่หานบ่นนั่นบ่นนี่อีกยกใหญ่กว่าจะพากันวกกลับเข้ามาประเด็นเดิมได้

                [ยังไงมึงก็ลองๆดูแล้วกัน จูบๆไปเหอะ ปากมินซอกน่าจูบจะตาย เป็นกูนี่จะจับจูบเช้าจูบเย็นเลยขอบอก] จงแดเย้าเสียงทะเล้นแต่ทำเอาลู่หานถึงกับควันออกหู

                “ข้ามศพกูไปก่อนนะครับเพื่อน เออไงก็ขอบคุณมากที่อุตส่าห์เสือกเรื่องของกูนะ พรุ่งนี้เจอกัน” ทิ้งท้ายเอาไว้โดยไม่รอให้อีกฝ่ายตอบกลับลู่หานก็กดปิดโทรศัพท์ทันที ชายหนุ่มนั่งนิ่งถอนหายใจกับตัวเองอยู่เนิ่นนานก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าเข้ามาในนี้ทำไม

                “ชิบหายล่ะ มินซอกด่ายันเซล์พ่อเซลล์แม่แล้วมั้ยวะเนี่ย!” สารวัตรหนุ่มร้องเสียงหลงพลางกุลีกุจอดึงผ้าปูเตียงออกอย่างรวดเร็ว พอจัดการดึงผ้าปูที่นอนออกจนหมดทั้งสี่มุมของเตียง สารวัตรหนุ่มก็หอบเอาผ้าผืนใหญ่ออกไปนอกห้องพร้อมกับผิวปากอย่างอารมณ์ดี แต่ยังไม่ทันที่ลู่หานจะได้ทำอะไรทุกสิ่งทุกอย่างก็ต้องชะงักลงพร้อมกับที่สองแขนของเขาปล่อยให้ผ้าปูเตียงร่วงลงไปกองกับพื้นห้องเมื่อเห็นว่ามินซอกกำลังจะหย่อนน้องปุยลงเครื่องซักผ้า

                “เนี่ยอาบน้ำในนี้เหมือนแกอยู่ในน้ำวนเลยนะ หมุนติ้วๆๆงี้เลย สนุกแน่ฉันรับรอง”

                “มินซอก!!!!!!!!!!!!

    TBC.

     

     

     

     

     

              สารวัตรป่วง คุณหมอมึน สารวัตรผีบ้า คุณหมอขี้วีน เออ เอามันเข้าไป หาสาระในฟิคเรื่องนี้แทบไม่ได้เลยจริงๆ 555555 ถือว่าอ่านคลายเครียดแล้วกันเนาะ #เครียดกว่าเดิมซะล่ะ

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×