คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : 3rd Split : HoneyMoon
“แม่ครับ นี่โซ่ครับ เพื่อน นิ.. เอ่อ น้องนิวเองครับ” ผมยกกระเป๋าเสื้อผ้าของโซ่เขามาในบ้านสองชั้นอันอบอุ่นของผมเอง ที่ผมต้องถือให้มันเพราะมันถือกีตาร์ราคาแพงอยู่หรอกนะ ผมไม่กล้าถือกลัวทำหล่น ท่าจะแพง
“โซ่ นี่..แม่กู” โซ่วางเครื่องดนตรีประจำตัวลงพิงผนังและไหว้แม่ของผม
ผมโผเข้ากอดแม่ด้วยความคิดถึงพร้อมหอมแก้มอีกหนึ่งที ไม่ได้เจอกันตั้งหลายชั่วโมงแน่ะ คุณแม่ของผมเป็นคนตัวเล็ก ผิวขาว ซึ่งต่างกับผม ผมได้ผิวจากพ่อน่ะครับ แม่ผมสวยนะไม่อยากจะโม้ ขนาดสามสิบหย่อนๆแล้วนะเนี่ย ถ้าเทียบกับป้าเพื่อนบ้านแม่ผมชนะขาด สำหรับผมแม่ผมสวยที่สุดในโลก
“ไป! กินข้าวได้แล้วลูก พ่อจ๋ารออยู่” แม่พูดและยิ้มชักชวนไอ้โซ่ โห เห็นว่าหล่อแล้วลืมลูกเลยนะครับแม่
“มาดิ ไหนบอกจะเก็บท้องไว้กินบ้านกู เร็ว! หิวแล้ว” ผมเดินนำเอากระเป๋าไปไว้ข้างบนโดยมีมันเดินตาม
ป้ายหน้าห้องผมสวยใช่มั้ยล่ะครับ J
“ห้องนิวเหรอครับ น่ารักจัง หึหึ” มันมองรอบๆ ห้องสีขาวสะอาดที่มีโปสเตอร์เบ็นเท็นแปะอยู่ ไอดอลผมเลยนะนั่น เท่ห์กว่านี้ไม่มีอีกแล้ว
“พูดมาก ลงไปกินข้าวได้แล้ว กูหิว! แล้วก็ไม่ต้องมาพูดเพราะกับแม่กูเลย หวง!” ผมเดินออกไปนอกห้องก่อน แต่ก็ยังได้ยินเสียงหัวเราะของโซ่ตามมา ทั้งวันนี่มันหัวเราะอย่างเดียวเลยหรือไง เห็นไม่ ‘หึหึหึ’ ก็ ‘ฮ่าๆๆ’ กินยามารึเปล่าวะเพื่อนใหม่ผม
***
“พ่อจ๋า น้องนิวคิดถึงพ่อที่ซู้ดเลย” ผมโผเข้ากอดคุณพ่อสุดที่รัก ท่านทำงานเป็นพนักงานแบงค์น่ะครับ ส่วนแม่เป็นแมบ้าน พี่นัท พี่สาวที่กำลังเรียนมหาวิทลัยอยู่นั้นมองดูด้วยสายตาเอือมระอา
“พ่อก็คิดถึงน้องนิวครับ ไหนวันนี้เป็นไงบ้างเล่าให้พ่อฟังซิ”
จากนั้นบทสนทนาของพ่อลูกก็เกิดขึ้นเป็นปกติ เรียกรอยยิ้มจากแม่ผมและภรรยาพ่อได้เป็นอย่างดี.. คนเดียวกันนั่นแหละครับ เรียกให้งง โดยมีพี่นัทมองยิ้มระอาอยู่
“มองไร” ผมถามตามฉบับปกติ ขณะที่กอดคุณพ่อสุดที่รักอยู่ที่โต๊ะอาหาร
“มองเด็กขี้อ้อน ไม่อายเพื่อนบ้างรึไงยะ” ถึงจะกัดกันเป็นประจำแต่ก็รักกันมากนะครับ
“เรื่องอะไร สนมันทำไม” คนโดนแขวะทำหน้าเหยเก
“เอาล่ะ พอๆ พี่น้องคู้นี้นี่ จะพูดเพราะๆด้วยกันไม่มีเลย.. มาล้างมือแล้วมากินข้าวเร็วลูกโซ่ น้องนิวด้วย วันนี้แม่ทำแกงมัสมั่นของโปรดหนูด้วยนะนัท” นี่มาไม่ทันไรเรียกมันลูกซะแล้ว แม่ผม ปกติเห็นแต่เรียกไอ้เคนว่า‘เจ้าเคน’ ไหงมาไอ้โซ่ เรียกซะ‘ลูกโซ่’เลย
“ค่ะ แม่.. มา เดี๋ยวหนูช่วย” พี่ผมเดินไปรับจานเข้าจากแม่ที่รักที่ในครัว จะว่าไปพี่ผมนี่ก็น่ารักเหมือนกันนะเนี่ย
“เอ้อ พ่อจ๋าแม่จ๋า คืนนี้ห้องน้องนิวอาจเสียงดังหน่อยนะครับ น้องนิวต้องซ้อมดนตรีน่ะ แข่งวันพรุ่งนี้ ยังไม่ได้ซ้อมอะไรเลย” ผมตักมัสมั่นแสนเข้าปาก อื้อหือ แกงมัสมั่นมันต้องอย่างนี้ กินที่ไหนก็ไม่อร่อยเท่าบ้านเรา
“ตายจริง ทำไมฉุกละหุกจังเลยครับ แล้วจะทันเหรอ” พ่อถามพลางตักต้มจืดให้แม่
“ทันสิครับ ไม่ทันก็ต้องทันล่ะ จริงป่ะมึง” ผมสะกิดแขนมันเบาๆ
กินเพลินเลยนะมึง ตักนู่นตักนี่ไม่พูดอะไรเลย ดีที่เงยหน้ามาพยักหน้าสักหน่อยให้คำถามผม เกิดมาไม่เคยกินข้าวหรือไงวะ
“อ้าว โซ่ ไม่อร่อยเหรอลูก ทำไมไม่พูดไม่จาเลยล่ะ” แม่ผมถามไอ้คนที่ไม่ใช่ลูก
“เปล่า! เปล่าครับแม่ อร่อยจนหยุดทานไม่ได้ต่างหาก แหะแหะ ขอโทษด้วยนะครับ” โหย ไอ้หล่อ พูดอะไรก็ไม่เคยผิด แม่ผมยิ้มหน้าบานเชียวแหละ
“อุ๊ย! ตายจริง อร่อยขนาดนั้นเลยเหรอ”
“แม่จ๋าก็ทำอาหารอร่อยมาแต่ไหนแต่ไรแล้วนี่คะ” พี่นัทเสริมให้แม่
“ใช่ๆๆ” พ่อพูดและตักผัดผักเข้าปาก
“อ้อ แม่จัดผ้าห่มกับหมอนไว้ในห้องน้องนิวให้แล้วนะครับ วันนี้น้องนิวนอนโซฟานะครับ” หา! อะไรอีกวะเนี่ย เพราะมันคนเดียว ไอ้โซ่! ไอ้ตี๋ เพชฌฆาต
“ไม่.. ไม่เป็นไรครับ ผมเป็นแขก นอนโซฟาจะดีกว่าครับ อีกอย่าง คืนนี้คงไม่ได้นอนนานสักเท่าไหร่หรอกครับ”
“มันเสนอเองนะครับแม่ น้องนิวไม่เกี่ยว”
“เออ นายชื่อโซ่ใช่มั้ย พี่ชื่อนัทนะ เป็นพี่ของไอ้ที่นั่งข้างน้องนั่นแหละ ว่าแต่ เป็นคนดีขนาดนี้มาเป็นเพื่อนกับไอ้นิวได้ไงเนี่ย” โห ดูพี่มันถาม คิดถูกแล้วที่ไม่แนะนำตัวให้
“พี่นัท..ไม่เอาลูก” พ่อปรามเบาๆ
“ก๊ากๆๆ” ทีผมบ้างล่ะพี่สาว พ่อผมน่ารักที่สุดเลย
สุดท้าย การกินข้าวมื้อนี้ก็จบลงแบบ โต้กันไปเถียงกันมา โดยมีแขกที่นั่งเงียบตลอดศก ตั้งหน้าตั้งตากินอย่างเดียว ดีที่มีหัวเราะบ้างตอนเราด่ากัน ไม่งั้นนึกว่าหุ่นขี้ผึ้ง
***
20:07
“ครอบครัวนิวน่ารักดีนะครับ”
“อยู่แล้ว” ผมว่าแล้วเกากีตาร์ราคาแพงเล่น ของโซ่มัน ผมไม่มีเงินซื้อหรอกครับ สงสัยล่ะสิผมเล่นได้ด้วย แน่นอนครับ ก็... แฟนเก่า ผมเค้าเล่นเป็นนี่
“พูดอย่างกับมึงไม่มีครอบครัวงั้นแหละโซ่”
“มี..ก็เหมือนไม่มี J”
“เฮ้ย พอเลยๆ อย่ามาดราม่าบ้านกู เอาเพลงไรดีวะ” ผมขนหนังสือเพลงทั้งเก่าและใหม่ออกมากองไว้ข้างเตียงและโซฟา
เตียงและโซฟาห้องผมใกล้กันมากครับ ทำไงได้พื้นที่มีน้อย ใช้สอยอย่างประหยัด ยังดีที่มีห้องน้ำในตัวอยู่ นี่ดีที่มีระเบียงนะครับ ผมว่าจะพามันออกไปซ้อมตรงระเบียงนี่แหละ ระเบียงห้องผมติดกับบ้านลุงที่ไปต่างประเทศไม่มีคนอยู่ จึงคิดว่าน่าจะรบกวนชาวบ้านชาวเมืองน้อยที่สุดแล้วล่ะ มุมนี้เจ๋งสุด
“ผมว่าเพลงสากลดีมั้ย น่าจะมีคนเอาน้อย แปลกดี”
“ก็ดี แต่สำเนียงกูเหี้ยนะเว้ย บอกไว้ก่อน”
“ฮ่าๆๆ งั้นก็เหลืออีก 2 เพลงสินะครับ”
โห อีกสองเพลงเลยหรือนี่ แล้วอีกอย่างอีกหนึ่งก็ยังไม่ได้เลยสักหน่อย ผมนึกได้ว่าเอากระดาษกติกาการแข่นขันมาอยู่เผอิญเก็บได้จาก หน้าอาคาร ว่าจะเอาไปทิ้งขยะ ดีที่เก็บมามีประโยชน์ตอนนี้
“อืม ใช่เหลืออีกสองเพลง”
“งั้นเอาเป็น...”
“มึงว่ากูถอนตัวดีหรืเปล่าวะ!” มือที่กำลังเกากีตาร์ของผมหยุดลง ตอนนี้สมองของผมกำลังมีภาพเดิมๆตอนแข่งครั้งแรกมารบกวน ยิ่งพยายามลืม มันยิ่งเหมือนเตือนความจำ
“ฮ่าๆๆ”
“หัวเราะอะไร เยาะเย้ยกูเหรอ!”
“ผมหัวเราะตัวเองต่างหาก ผมเหมือนคนโง่ที่ไม่รู้อะไรเลย ตั้งแต่ตอนที่นิวคุยกับพี่พุด มันทำให้ผมงง แต่ผมก็ไม่สามารถถามอะไรได้ แต่ตอนนี้เราเป็นเพื่อนกันแล้วนะครับ นิวมีอะไรก็ปรึกษาผมสิ”
“มึง.. อยากรู้จริงๆเหรอวะ”
“ถ้านิวไม่ลำบากใจ ผมก็พร้อมจะรับฟังครับ J”
ไม่อยากจะบอกว่ารอยยิ้มนี้ทำให้ผมอุ่นใจ เหมือนกับว่าแม้ผมเล่าอะไรไปก็จะมีคนอยู่เคียงข้างผมเสมอ การเล่าย้อนหลังเปรียบเสมือนการเตือนความจำที่เลวร้ายอีกอย่างหนึ่ง ฉะนั้น มันไม่ดีเลยที่จะเล่าย้อนหลัง แต่ถ้าหากผมมีเพื่อนอย่างมันอยู่ข้างๆ ผมคงไม่ต้องกลัวอะไรแล้ว
จากนั้น เรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นกับผมก็ถูกเล่าสู่มันฟัง
“แล้วหลังจากประโยคนั้น เกิดอะไรขึ้นครับ”
“เราไม่ได้พูดกันอีกเลย เค้าย้ายโรงเรียน แล้วก็..ไม่ได้เจอกันอีก”
“แล้ว..เลิกกันเพราะอะไรครับ”
ผมส่ายหน้า จริงๆแล้วผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ว่าเราเลิกกันเพราะอะไร เธอเป็นคนที่เล่นกีตาร์แล้วทำให้ผมหลงคนแรก เสน่ห์เธอผมยังคงจำได้ขึ้นใจ
“มา! ผมเลนเพลงนี้ให้ ชีวิตนี้ยังมีอะไรอีกเยอะแยะน่า อย่าคิดมากเพราะผู้หญิงคนเดียว ลืมซะนะครับ”
“มึงแค่พูด ก็พูดง่ายสิวะ”
ร่างสูงโปร่งหยิบกีตาร์จากมือผมไป แล้วเดินไปที่เตียงขณะที่ผมนั่งอยู่โซฟา ปากสวยยิ้มฟันเรียง 32 ซี่ ตาตี่ปิดเกือบสนิทดูน่ารักน่าเอ็นดูสำหรับสาวๆ สำหรับผมก็งั้นๆแหละน่า
‘แล็คตาซอยห้าบาท ร้อยยี่สิบห้ามิลลิลิตร ปริมาณคับกล่องเต็มที่ ดื่มได้ดื่มดี
ดื่มแล็คตาซอย ดื่มแล็คตาซอย ห้าบาท...ท...ท’
เสียงแหบทุ้มร้องเพลงที่ผมไม่คาดคิดว่าจะร้อง คนกำลังเฮิร์ตมาร้องเพลงแบบนี้ หลุดขำสิครับ
“ร้องเพลงเหี้ยอะไรของมึงเนี่ย ฮ่าๆๆ” ผมว่าพลางเอามือกุมท้องเพื่อข่มอารมณ์ ความลังเลเมื่อครู่หายไป ความมั่นใจของผมมาแทนที่แทน
“นิวยิ้มแล้ว J”
“เฮ้อ... ขอบใจว่ะ”
“ถอนตัวตอนนี้ก็คงไม่ทันแล้วนะครับ ผมไม่ให้ถอน”
“มึงห้ามกูได้หรือไง”
“...”
“กูไม่ถอนตัวหรอกน่า ทำหน้าเป็นหมาพันธุ์ปั๊กเลยมึง” ผมเดินไปตบหัวมันเบาๆทีนึง สัมผัสเส้นผมนุ่มสวย ที่น่าจะดูแลมาอย่างดี
“โอ๊ย! ผมเจ็บนะครับ J”
“มึงเลือกเพลงก่อนแล้วกัน กูร้อนอาบน้ำแป๊บ”
“เฮ้ยนิว! ทำอะไรครับ”
ผมที่กำลังถอดเสื้อออกชะงักแต่เสื้อผมก็หลุดออกไปแล้ว ทำให้ตอนนี้ท่อนบนผมไม่มีอะไรปิดบัง แล้วทำไมไอ้ตี๋นั่นต้องทำหน้าเหวอขนาดนั้นด้วย หรือว่ามีอะไรโผล่ออกมา ผมสำรวจร่างกายตัวเองแต่ก็ไม่เห็นมีอะไร
“อะ..อะไรวะ” ผมที่ยืนอยู่ข้างโซฟาหน้าอกเปลือกเท้าสะเอวถาม
“...” มันไม่ตอบแต่กลับชี้มาที่ผมแทน ผมคิดว่ามันคงจะไม่ได้สื่อถึงผมหรอก หรือว่า..ข้างหลังผม
“เฮ้ย!”
ณ จุดนี้ ถ้าใครรู้ว่ามีตุ๊กแกอยู่ข้างหลังก็คงทนอยู่ไม่ได้หรอกครับ ดูสิดูดูมันทำ หันหน้ามาตาโตแลบลิ้น คิเรเน๊ะ น่ารักอ่ะ T____T วันปกติล่ะไม่ยักจะมาละ มาอะไรตอนเพื่อนกูมาให้ขายหน้า รู้หน้าที่เชียวนะมึง ไอ้ตุ๊กแกเฮ็งซวย!
“โซ่ ช่วยกูด้วย..ย..ย” ผมกระโดดเข้าไปกอดแขนไอ้ตี๋ที่วางกีตาร์ไว้ข้างๆ แล้วเอาหน้าซุกด้วยความเคยชิน
“นิว นิว..ปล่อยผมก่อน” คนผิวขาวพยายามดันหัวผมออกแต่ มือผมมันปล่อยไม่ได้แล้ว มันน่ากลัวภาพมันติดตา ไอ้เพื่อนใหม่เข้าใจกูหน่อยสิ
“ตั๊บแก!” ไอ้ตุ๊กแกเจ้ากรรมส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวอย่างนกขุนทองก็ไม่ปาน
“อ๊าก..ก.. เออ ตับมึง ไม่ใช่ตับกู ไปไหนก็ไป”
“นิว... ปล่อยผมก่อน เดี๋ยวผมเอามันออกไปให้ นิวไม่ปล่อยแล้วจะเอามันออกไปยังไงล่ะครับหืม?”โซ่พึมพำบนหัวผม ความร้อนจากการพูดบวกกับความใกล้เพียงนิดเดียว ทำให้รู้สึกอุ่นที่ศีรษะ
ผมพยายามแกะมือ ออกจากแขนเพื่อนใหม่อย่างยากลำบาก
“อย่านานนะเว้ย กู..กูเปล่ากลัวนะ แค่ไม่กล้าอาบน้ำเฉยๆ!” ถึงกระนั้นตอนที่พูดผมก็ยังไม่กล้าลืมตา
สักพักเสียงปิดประตูเชื่อมระหว่างห้องผมและระเบียงซึ่งเป็นประตูเลื่อนก็ดังขึ้น ผมถามเพื่อความแน่ใจ ไม่รู้ว่าสภาพตัวเองตอนนี้เป็นยังไง หมดแล้ว ภาพพจน์
“หึหึหึ ออกไปแล้วล่ะครับ”
ถึงตอนนี้ค่อยลืมตาได้เต็มตาหน่อย มองไปรอบๆห้องก็ไม่มีอะไรแล้ว มีแค่ผมกับไอ้ตี๋ที่มองมาทางผมตั้งแต่หัวจรดเท้า
“มองอะไร” วันนี้ผมถามคำถามนี้มากี่ครั้งแล้วหนอ
“มองคนกลัวตุ๊กแก กลัวตุ๊กแกเหรอครับ?J”
“เรื่องของกู เลิกมองได้แล้ว”
ผมพยายามเอามือปิดตัว ปกติอยู่คนเดียวมันก็เป็นปกติที่ผมจะถอดเสื้อเดินไปเดินมา หรือถ้าไอ้เคนมามันก็ไม่ได้มองแบบนี้ แต่นี่มันจ้องผมเขม็งเลย มันคงคิดว่าผมดำ ชักไม่มั่นใจแลวนะโว้ย
“กูดำขนาดนั้นเลยหรือไง มองอยู่ได้” ผมเดินไปเอาผ้าเช็ดตัวและบอกเซอร์ที่ตู้เสื้อผ้าโดยไม่สนใจมัน
“เปล่า เปล่าครับ! ผมว่าผิวนิว...สวยออก อย่างกับน้ำผึ้งแหน่ะ”
มือที่สาวเอาผ้าเช็ดตัวสะดุดนิดหน่อย แต่ก็ดำเนินการต่อโดยพยายามทำให้ปกติที่สุด
“มึงพูดจริงอ่ะ?” ผมลองถามหยั่งเชิง
“จริงสิครับ สวย....มาก”
“ขอบใจว่ะ กูเพิ่งภูมิใจในสีผิวกูครั้งแรกก็ตอนนี้แหละ”
ผมเด้งกระโดดไปกอดคอมันเบาๆ แล้วเดินเข้าห้องน้ำด้วยอารมณ์สุนทรี ....มีคนชมกูด้วยวุ้ยวันนี้
***
02:39
“โอเค ตกลงเอาตามนี้” โซ่พยักหน้าแทนการตอบตกลงแทน แล้วทั้งผมและมันก็เดินเข้าห้องหลังจากที่ซ้อมอยู่ที่ระเบียงมาหลายชั่วโมง ตอนนี้ก็ตีสองกว่าๆแล้วด้วย
ตอนนี้ผมก็ได้เพลงที่จะแข่งวันพรุ่งนี้แล้วทั้งหมดสามเพลง เมื่อได้อยู่ด้วยกันใช้เวลาอยู่ด้วยกันแล้วมันก็ถือว่าเป็นคนที่เข้ากับคนง่าย ไม่หยิ่งเหมือนพวกคนรวยอื่นๆ เป็นคนดีคนหนึ่งเลยล่ะ
ฝีมือการเล่นกีตาร์ก็ถือว่าอยู่ในระดับที่เก่งถึงเก่งมาก สำหรับผม เล่นได้คล่องและไม่อยากจะบอกว่าเสียงคอรัสมันเข้ากับโทนเสียงผมอย่างน่าประหลาด
ผมเดินไปประจำการที่เตียงนอนสุดรักสุดหวง ถึงจะเป็นไอ้เคนแต่ผมก็ถีบมันลงไปนอนที่พื้นเหมือนเดิม ส่วนโซ่ก็เดินไปเก็บกีตาร์และนำไปพิงไว้ที่ตู้เสื้อผ้า แล้วเดินกลับมาที่โซฟาซึ่งห่างกับเตียงที่ผมนั่งอยู่ไม่ไกล โดยมีพื้นหลังเป็นประตูเชื่อมไปที่ระเบียง ส่องแสงจันทร์เข้ามารำไร เพราะไม่ได้ปิดม่าน ผมชอบนอนมองดวงจันทร์อย่างนี้แหละ
“โซ่ พรุ่งนี้กูจะทำได้ไหมวะ กูกลัวว่ะ” ถึงจะล้มตัวนอนแล้วแต่ผมก็ยังไม่สามรถข่มตาให้หลับได้ เลยได้แต่มองพระจันทร์ไปพลางๆ
“ผมมั่นใจว่านิวทำได้ พรุ่งนี้ผลจะออกยังไงผมไม่รู้ แต่ผมชอบ... เสียงของนิวมากนะครับJ”
“เสียงกูเพราะล่ะสิ กูรู้น่า”
“น้ำผึ้งพระจันทร์...” ถ้าผมได้ยินไม่ผิดมันกำลังมองหน้าผมและพูดว่า ‘น้ำผึ้งพระจันทร์อะไรสักอย่าง
“มึงว่าอะไรนะ?”
“ก็..น้ำผึ้งพระจันทร์ไงครับ” ผมเคยได้ยินนะครับ น้ำผึ้งพระจันทร์ แต่ก็ไม่เคยรู้ความหมายมันหรอก จะรู้ไปทำไมเนอะ
“มันคืออะไรวะ?”
ผมว่าแล้วล้มตัวลงนอนโดยหันหน้าไปทางฝาผนัง และหันหลังให้ไอ้เพื่อนใหม่ เสียงแอร์เป็นเพียงเสียงเดียวในห้องตอนนี้
“สำหรับคนอื่นไม่รู้สิ แต่สำหรับผมแล้ว น้ำผึ้งคือนิว พระจันทร์ก็นู่นไง J” มันว่าแล้วชี้ไปที่นอกหน้าต่างไปที่ดาวเคราะห์บริวารของโลกที่กำลังส่องแสงนวลทอมาที่ห้องเล็กๆนี้
“ทะ..ทำไมกูถึงได้เป็นน้ำผึ้งวะ” ผมยิ้มออกมาแบบไม่รู้ตัว
“...”
“เงียบ? เงียบทำไมวะ” ผมพลิกตัวมามองที่โซฟาก็เจอโซ่กำลังนอนจ้องมาทางผม
“ผมไม่แน่ใจ”
“เรื่อง?” ยิ่งพูดกับเพื่อนใหม่คนนี้แล้วยิ่งงงไปอีก
“ไม่รู้สิ ฝันดีนะครับ น้องนิว J”
“เออๆ ฝันดี...มึงนี่ ท่าจะเพี้ยนวุ้ย” เสือกเรียกผมว่า...อีก เฮ้อ
ไม่คิดว่าคนที่โดนผมไล่ไปจะมาเป็นเพื่อนกับผมได้ แล้วยังมาดนิ่งๆที่แฝงด้วยความกวนตีนนั่นอีก น้ำผึ้งพระจันทร์ อย่างนั้นหรือ...ถึงจะไม่รู้ความหมายแต่กลับรู้สึกอบอุ่นขึ้นอย่างประหลาด J
***
[Special Scene Soo]
“น้ำผึ้งพระจันทร์...” คำคำหนึ่งหลุดออกจากปากของผมที่เผลอมองเพื่อนใหม่ที่นอนหันหลังให้อยู่
การอยู่ด้วยกันกว่าครึ่งวันนี้ทำให้การดำเนินชีวิตของผมดูแปลกไปมากถ้าหากเทียบกับทุกวันแล้ว มันมีความหมายสำหรับผมมาก คนไม่มีเพื่อนอย่างผม มาเจอกับคนแบนี้ ตอนแรกก็เอะใจว่าทำไมเข้ากันได้ แต่พออยู่ด้วยกันแล้วกลับทำให้ผมอบอุ่นยิ่งกว่าอยู่กับคนในครอบครัวซะอีก
“มึงว่าอะไรนะ?” คนตัวเล็กถามผม
“ก็..น้ำผึ้งพระจันทร์ไงครับ” ผมพูดยิ้มๆ ตอนแรกเป็นมุกครับ น้ำผึ้งพระจันทร์ จะล้อเล่นสักหน่อยว่าผมกับเพื่อนใหม่ตัวเล็กคนนี้เป็นคู่รักฮันนีมูนกัน คนเป็นเพื่อนกันก็ต้องมีหยอกล้อกันบ้าง ผมพยายามสร้างความสนุกสนานให้กับเพื่อนคนนี้เพราะ ถ้าไม่มีเพื่อนคนนี้ ผมคงเสียใจหนักแน่ๆ
“มันคืออะไรวะ?”
แต่แล้วมุกของผมก็ล่ม ฮ่าๆๆ อย่าบอกนะว่าเพื่อนใหม่ของผมคนนี้ไม่รู้จักฮันนีมูน ช่างใสซื่อซะจริง คำพูดและการกระทำมากมายถึงจะดูแข็งกระด้างแต่จริงๆแล้วแฝงความน่ารักอยู่ ผมสัมผัสได้
“สำหรับคนอื่นไม่รู้สิ แต่สำหรับผมแล้ว น้ำผึ้งคือนิว พระจันทร์ก็นู่นไง J” ผมชี้ออกไปนอกหน้าต่างทั้งๆที่รู้ว่านิวหันหลังอยู่
“ทะ..ทำไมกูถึงได้เป็นน้ำผึ้งวะ” นั่นสิ ทำไมนิวถึงได้เป็นน้ำผึ้งนะ
เป็นเพราะตอนเมื่อเย็นนี้ที่นิวถอดเสื้อออกเพื่อไม่อาบน้ำแบบไม่แคร์อะไรเลย ทำให้ผมได้เห็นอะไรละมั้ง ผิวสีน้ำผึ้งนั่นมันน่าจับ น่าสัมผัสอย่างบอกไม่ถูก นวล..เนียน กว่าของผมซะอีก ความจริงที่โรงเรียนผมก็เคยเห็นเค้าอยู่แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไร...
เพราะผมมันคนไม่มีเพื่อน พอคนคิดว่ารวย แล้วก็ต้องหยิ่งเลยไม่มีใครเข้ามาก่อน และถึงแม้ว่าผมพยายามจะเริ่มแต่ก็รู้ว่าคำพูดและการกระทำของผมอาจทำให้ใครหมั่นไส้ แต่พอมาเจอนิว เค้าเป็นพวกไม่สนใจอะไร แต่ก็อ่อนไหวเอามากๆ เป็นเพื่อนที่น่า..ทะนุถนอม มากสำหรับผม
“...”
“เงียบ? เงียบทำไมวะ”
“ผมไม่แน่ใจ” แกล้งต่อไป.. ไปหาคำตอบเอาเองนะครับ
“เรื่อง?” ปากบางสีกุหลาบถามเหมือนเด็กที่อยากรู้ไปซะทุกเรื่อง
“ไม่รู้สิ ฝันดีนะครับ น้องนิว J”
“เออๆ ฝันดี...มึงนี่ ท่าจะเพี้ยนวุ้ย”
ห้องที่แสนแคบ ต่างกับที่บ้านตัวเอง แต่ช่างอบอุ่นยิ่งกว่าที่ไหนๆที่เขาเคยอยู่มา...
ฝอยกับนักเขียน J
ฮิฮ้า ~ ในที่สุดก็ทนกับไอ้เครื่องโกโรโกโสไม่ไหว แบกโน๊ตบุ๊คมาเล่นบ้านเพื่อนเลยแล้วกัน นักเขียนเมพมั้ยจ๊ะทุกคน ^___^ โอ๊ย.. ตอนนี้แอบตกใจกับชื่อเรื่องเนอะ ว่ามั้ย? ฮ่าๆ เพิ่งเจอกันฮันนีมูนซะแล้ว อะกริ๊วๆ เจอกัน Next Split จ้า~ เอาไว้ติดต่อประสานงานเน้อ @Sphinxztk
ความคิดเห็น