คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 1
Chapter 1
“ฟานี่~” เสียงแหบหวานที่ดังขึ้นพร้อมกับอ้อมแขนอุ่นซึ่งรวบคนร่างอ้อนแอ้นไว้จากทางด้านหลัง ส่งผลให้ทิฟฟานี่ที่กำลังนั่งง่วนอยู่กับรายงานสะดุ้งเล็กน้อย หน้าตาเหรอหราหันไปมองใบหน้าสวยที่ฉีกยิ้มหวานขี้เล่นอยู่ข้างๆ
“เจสสิก้า” เธอเอ่ยเรียกชื่อคนผมบลอนด์เบาๆ
“ลงรายงานอยู่หรอ เป็นไงทำได้ไหม?” เจสสิก้าพูดพลางชะโงกดูเล่มรายงานประจำวันที่วางอยู่บนโต๊ะ แต่แขนก็ยังคล้องคนร่างอ้อนแอ้นไว้อย่างนั้นทำให้ตอนที่เธอชะโงกเนื้อตัวก็เบียดไหล่อีกคนเข้าให้
“อ..เอ่อ ไม่ค่อยเข้าใจนะค่ะ แต่ฉันจะพยายาม” ลอบยิ้มในใจเมื่อเห็นอาการเก้อเขินพูดตะกุกตะกักของเป้าหมาย
“ที่ไม่เข้าใจคงจะเป็นตรงนี้สินะ มาเดี๋ยวฉันลงให้ดู” ว่าแล้วเธอก็แย่งปากกาออกจากมือทิฟฟานี่อย่างถือวิสาสะ ก่อนจะเบียดตัวข้ามไหล่อีกคนแบบเดิมเพื่อที่จะเขียนรายงานได้ถนัดทั้งที่แขนอีกข้างก็ยังกระชับตัวทิฟฟานี่ไม่ปล่อย ..ยิ่งเนินอกที่แนบชิดอยู่กับแผ่นหลังของคนผมสั้น ทำเอาทิฟฟานี่หลับตาปี๋หน้าขึ้นสีระเรื่อนั่งนิ่งทื่อไม่กล้าขยับทำอะไร
“เอ่อ เจสคะเดี๋ยวฉันลุกให้ดีกว่า จะได้นั่งลงรายงานสะดวก” เธอพูดเหมือนพยายามเลี่ยงสถานการณ์ไม่น่าไว้วางใจ ..หรืออาจจะกลัวหัวใจวายก่อนมากกว่า
“รังเกียจเจสหรอ?” อยู่ๆคนผมบลอนด์ก็พูดขึ้นด้วยสีหน้าน้อยใจ ทิฟฟานี่เห็นดังนั้นจากที่กำลังจะลุกจากเก้าอี้เธอจำต้องกดตัวเองนั่งลงดังเดิมแล้วรีบปฏิเสธหน้าตาตื่น
“เปล่าๆ ฉันไม่ได้รังเกียจนะ” เธอว่าไปงั้นแต่ดูจากสีหน้าเธอกำลังตกอยู่ในสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
“ก็แล้วไป เอ่อ ฟานี่เป็นอะไรร้อนรึเปล่า หน้าแดงๆนะ” ร่างบางเลิกคิ้วด้วยสีหน้าเป็นห่วงแล้วเอามือแตะๆพวงแก้มของทิฟฟานี่ เธอไม่ได้แกล้งนะแต่แก้มของทิฟฟานี่น่ะแดงจริงๆ
“อ..เอ่อ เปล่าค่ะฉันสบายดี” ทิฟฟานี่ตอบอย่างประหม่า เธอหลุบสายตาต่ำแล้วรีบเปลี่ยนเรื่องกลับไปยังรายงานที่ทำค้างไว้ ..คนผมสั้นก้มหน้าก้มตาเขียนบันทึกลงไปตามที่เจสสิก้าบอก โดยไม่รู้ว่าคนที่ปากกำลังขยับพูดอยู่นั้น มองจ้องเธอไม่วางตา รอยยิ้มกรุ้มกริ่มยังคงปรากฏอยู่บนใบหน้าสวยตลอดเวลาเพียงแต่คนร่างอ้อนแอ้นไม่กล้าหันขึ้นมาสบตาตรงๆเท่านั้น คงจะเขินมากสินะ ..นี่แหละสิ่งที่คนผมบลอนด์ต้องการยิ่งเขินยิ่งประหม่าเท่าไหร่ยิ่งดี
“ฟานี่ เนี่ยน่ารักจังเลยนะ เจสขอยกกลับบ้านได้ไหมเนี่ย” เจสสิก้าใช้นิ้วมือจิ้มแก้มของอีกคนเล่น
“อะไรกันคะ ฉันไม่ใช่ตุ๊กตานะ” ทิฟฟานี่หลุดหัวเราะออกมากับท่าทางอ้อนๆของคนร่างบาง
“ฉันล้อเล่นน่า เห็นเธอดูสีหน้าไม่ค่อยดี.. ไม่เป็นอะไรแน่นะ?” คนใบหน้าสวยหยดย้ำถาม ด้วยท่าทีแสร้งเป็นห่วงเป็นใย พลันทิฟฟานี่ที่ดูจะเริ่มวางใจเธอขึ้นมาเปราะนึงก็ระบายยิ้มโชว์อายสไมล์ “ค่ะ ฉันไม่เป็นไรขอบคุณนะที่เป็นห่วง”
“อะแฮ่ม!” เสียงกระแอมที่ดังขึ้นเรียกความสนใจของทั้งสองได้เป็นอย่างดี ..พอหันมองตามไปยังต้นเสียงก็เป็นแทยอนนั่นเอง คนร่างเล็กที่เพิ่งเดินเข้ามาก็เห็นภาพบาดตาซะแล้วเลยแกล้งกระแอมทำลายบรรยากาศก่อนจะเดินมายังโต๊ะของตัวเองที่อยู่ถัดไปไม่ไกลทำทีเป็นนั่งจัดเอกสารนั่นนี่ไปตามเรื่อง
การที่มีบุคคลที่สามย่างเท้าเข้ามาดูจะเป็นการสร้างบรรยากาศอันน่าอึดอัดให้แก่คนทั้งสองที่ยังจุกตัวกันอยู่ เจสสิก้าจึงจำใจปล่อยทิฟฟานี่ให้เป็นอิสระอย่างไม่สบอารมณ์นัก คิดว่าไม่มีใครอยู่แล้วเชียวแต่คนร่างเล็กกลับโผล่มาขัดจังหวะซะได้
“ทิฟฟานี่ เดี๋ยวเธอต้องไปดูแลคนไข้กับฉันนะ จะได้เป็นการฝึกงานไปด้วย” แทยอนเอ่ยเรียบๆ ทิฟฟานี่พยักหน้าหงึกหงักเป็นเชิงรับรู้ ..แต่ประโยคนั่นเสียดหูเจสสิก้าที่ยังคงยืนอยู่ในเหตุการ์ณไม่น้อย คนผมบลอนด์มีท่าทีไม่พอใจ
“เธอยุ่งไม่ใช่หรอแทยอน ให้ฟานี่ไปกับฉันก็ได้” เธอแย้งขึ้นมา
“ไม่เป็นไร สำหรับฉันยุ่งแค่ไหนก็ต้องทำในฐานะหัวหน้าแผนกแล้วมันคือหน้าที่” คนตัวเล็กกล่าวเรียบๆหากแต่ริมฝีปากบางของเธอกำลังระบายยิ้มอย่างผู้มีชัย นี่เป็นเหตุผลหนึ่งข้อที่เจสสิก้าขัดเธอได้ยาก คนผมบลอนด์มุ่นหัวคิ้วเอาตำแหน่งมาอ้างชัดๆเธอไม่ได้เป็นหัวหน้าบ้างก็ให้มันรู้ไป
“เธอเล่นไม้นี้เลยหรอ แทยอน” เจสสิก้าเดินเข้ามากรีดเสียงพูดอย่างแผ่วเบาเพื่อไม่ให้คนที่ยังนั่งลงรายงานอยู่อีกฝั่งได้ยิน คนร่างเล็กยกไหล่ปั้นหน้านิ่งเป็นเชิงว่ามันช่วยไม่ได้
“ขอโทษทีนะเจสสิก้า เผอิญนาทีนี้ฉันเหนือกว่า” แทยอนพูดเสียงเบาเช่นกัน หากตอนนี้สีหน้าที่เคยเรียบนิ่งมันกำลังยิ้มเยาะอีกฝ่ายอย่างได้ใจ
“ทิฟฟานี่ไปกันเถอะ” เธอเอ่ยเรียกคนที่นั่งหันหลังทำรายงานอยู่ คนร่างอ้อนแอ้นพยักหน้าน้อยๆก่อนจะลุกขึ้นออกไปยืนรอที่หน้าห้อง คนตัวเล็กเองก็ลุกขึ้นบ้างแต่ต้องเปรยตามอองเจสสิก้าที่ยังยืนขวางทางอยู่ คิ้วเรียวเลิกสูงให้คนร่างบาง จนเป็นเจสสิก้าเองที่ต้องจำนนหลีกทางให้เงียบๆ
หญิงสาวผมบลอนด์ทำได้เพียงมองตามแผ่นหลังของคนทั้งสองที่เดินออกจากห้องไป หล่อนยืนกอดอกอย่างหัวเสียเรียวปากบางอันฉาบด้วยลิปสติกสีอ่อนราคาแพงขยับพึมพำ “อย่าให้ถึงทีฉันมั่ง คิม แทยอน ฉันไม่ปล่อยฟานี่ให้เธอง่ายๆหรอก”
“เจสอาจเป็นคนโผงผาง ชอบเลื้อยเข้าหาคนนั้นทีคนนี้ที เธอคงจะตกใจ ..เค้าเป็นคนเฟรนลี่แล้วก็เปิดเผยน่ะ” แทยอนกล่าวขณะที่ทั้งสองเดินพ้นห้องออกมาพอสมควรแล้ว หางตาที่เปรยมองคนตัวสูงกว่านิดหน่อยที่เดินอยู่ข้างๆ
“ค่ะ” ทิฟฟานี่เอ่ยรับ ..มันไม่ใช่ว่าแทยอนจะแก้ตัวแทนคนผมบลอนด์หรือว่าอะไร แค่วางท่าทางให้ดูเป็นผู้ใหญ่ นิ่งสุขุมเพื่อนทิฟฟานี่จะได้ไว้ใจเธอก็เท่านั้น สองคนเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องผู้ป่วย ร่างอ้อนแอ้นกำลังจะเอื้อมมือไปเคาะประตูอยู่แล้ว พลันมือเล็กๆของใครอีกคนก็คว้าข้อมือเธอไว้เสียก่อน คนผมสั้นหันมองอย่างฉงน
“เธอแต่งตัวไม่ค่อยเรียบร้อยนะ” คนตัวเล็กกว่าพูดเรียบๆตามเคย ทิฟฟานี่ไม่ทันได้ตั้งตัวก็ต้องสะดุ้งโหยงเมื่อแทยอนขยับตัวเข้ามาใกล้เกินเหตุ สองมือของคนร่างเล็กง่วนอยู่กับกระดุมเสื้อเม็ดบนสุดของทิฟฟานี่ที่เจ้าตัวก็ไม่รู้ว่ามันหลุดตั้งแต่เหมื่อไหร่เช่นกัน ..ด้วยสภาพเชิงบังคับให้คนร่างอ้อนแอ้นต้องมองต่ำลงมาเพราะอีกคนตัวเล็กกว่า แต่ทั้งคู่ไม่ได้สูงต่างกันมากนักใบหน้าจึงอยู่ในระดับใกล้เคียงกัน แทยอนที่แสร้งทำเป็นจัดการกระดุมเจ้าปัญหาอยู่นานสองนานเพื่อเป็นการยืดเวลา
“มิยอง กลับไปบ้านเธอคงต้องซ่อมรูกระดุมซักหน่อยนะ มันแคบจนฉันติดไม่ได้เลย” แทยอนพูดพลางหันขึ้นมาสบตากับทิฟฟานี่ ใบหน้าห่างกันเพียงนิดเดียว
“ค..ค่ะ .. .มิยอง?” ทิฟฟานี่ทวน แม้เธอจะพยายามปั้นหน้าสงสัย แต่ก็ซ่อนอาการประหม่านั่นไม่ได้อยู่ดี “ฉันจะเรียกเธอว่า มิยอง.. น่ารักดีออก” แทยอนฉีกยิ้มซึ่งหาดูได้ยากเพราะโดยปกติแล้วเธอมักจะตีหน้านิ่งมากกว่า
“อย่างงั้นก็ได้ ..ว่าแต่กระดุมติดได้หรือยังคะ?” ทิฟฟานี่เริ่มเสียงสั่น ด้วยลมหายใจอุ่นที่เป่าอยู่ใกล้ใบหน้าเหลือเกิน แทยอนลอบยิ้มไอ่กระดุมน่ะมันไม่ได้ติดยากเย็นอะไรเลย สุดท้ายเธอก็จับมันยัดเข้าไปสำเร็จ
“ทีหลังเช็คเครื่องแต่งกายหน่อยนะ” เธอกล่าวขณะสบตาทิฟฟานี่อีกครั้ง ร่างอ้อนแอ้งพยักหน้ารับถึงคนที่พูดจะมีสีหน้าเรียบนิ่งเพียงใดแต่ทำไมแววตากับน้ำเสียงมันถึงขัดกันนัก
“เดี๋ยวก่อน” แทยอนปรามไว้อีกครั้ง ..ครานี้คนร่างเล็กไม่พูดอะไร อยู่ๆก็สอดแขนผ่านเอวของร่างอ้อนแอ้นนั่นไป ใบหน้าที่เขยิบเข้าไปใกล้กว่าเก่าจากที่ใกล้กันอยู่แล้ว ปลายมือของคนร่างเล็กไล้ผ่านสะโพกอวบอิ่มจนไปหยุดอยู่เหนือบั้นท้ายแม้จะไม่ได้สัมผัสเต็มมือแต่คนร่างอ้อนแอ้นก็รู้สึกถึงพื้นผิวที่สัมผัสกัน
ลมหายใจคนร่างเล็กที่ยังคลออยู่ตรงปลายจมูก ..แล้วแทยอนก็ได้ความพึงพอใจกว่าครั้งเก่าเมื่อทิฟฟานี่หลับตาปี๋แล้วเบือนหน้าหนีเล็กน้อย เนื้อตัวของเธอกำลังสั่นเทาใบหน้าของเธอแดงซ่านกว่าครั้งไหนๆ ..แทยอนยกมุมปากกับแผนการอ้อล้อที่สำเร็จไปอีกขั้น แค่นี้คงพอแล้วเดี๋ยวลูกไก่จะตื่นซะก่อน
“เป็นอะไรของเธอ? ..ชายเสื้อเธอยังไม่เรียบร้อยดีเห็นไหม?” ว่าแล้วก็เนียนเป็นดึงชายเสื้อที่อยู่พอดีบริเวณสะโพกของอีกคนก่อนจะผละออกมา ทิฟฟานี่ก้มหัวงุดๆคราวนี้คงไม่ใช่แค่เคาะเขินอย่างเดียว แต่อายเพราะหน้าแตกด้วยกระมัง
“ขอบคุณค่ะคราวหลังฉันจะระวัง”
ทิฟฟานี่จัดแจงเสื้อผ้าเพื่อให้แน่ใจว่าเธอเรียบร้อยดีแล้วจึงเคาะประตูแล้วค่อยๆหายเข้าไปในห้องผู้ป่วยก่อน ..ปล่อยให้คนร่างเล็กได้มีเวลาซักครู่ แทยอนหมุนตัวกลับไปยังทางห้องพักพยาบาล พบคนผมบลอนด์หน้าสวยที่ยืนกอดอกอย่างหงุดหงิดตามคาด ..ดวงตาคมนั่นจ้องมองเธออย่างเอาเรื่อง หากแต่แทยอนไม่ได้สะทกสะท้านอะไรเลย
คนร่างเล็กใช้มือข้างนึ่งยกขึ้นพัดเข้าหาตัวเองเยิบๆพลางเป่าลมออกจากปาก ท่าทางที่มองตื้นๆมันสื่อความหมายว่า ร้อน.. แต่สำหรับเธอ แทยอนกำลังใช้มันเยาะเย้ยเจสสิก้าต่างหาก ร้อนแรงไหมเจส? แทยอนคลี่ยิ้มให้คนผมบลอนด์ทิ้งทวนก่อนจะก้าวฉับๆเข้าห้องผู้ป่วยตามไป
“อย่าได้ใจไปหน่อยเลยคิม แทยอน นี่มันเพิ่งเริ่มต้น ..เดี๋ยวเธอก็จะได้รู้ว่าใครร้อนแรงกว่ากัน”
Writer's talk
สนองตัวเองปั่นแชปหนึ่งมาลงจนได้
สั้นไปนิดขอโทษจริงๆ เพราะตอนนี้มันก็เหมือนเป็นการเกริ่นเรื่องต่อกลายๆ
ช็อตฟิคนี้จะไปจบตอนแชปไหนโปรดติดตาม :D
ตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงหัวโล่งเลยพยายามหาอะไรใหม่ๆใส่หัวตัวเองอยู่
ทั้งเรื่องเก่าๆเลยไม่ค่อยเดินกำลังมึน T_T
ช่วงสองสามวันนี้ต้องไปเฝ้าคุณพ่อที่ รพ. เป็นเส้นเลือดหัวใจตีบ แต่ตอนนี้ก็โอเคแล้ว
กลับมาเดินได้ปร๋อเลย(ตอนผ่าตัดทำท่ากลัวหมอ ฮ่าๆๆ)
เอาเป็นว่าใครที่ยังสุขภาพดีก็หมั่นดูแลตัวเองกันด้วยนะ
ถ้ารู้สึกไม่ดีก็ควรจะไปเช็คร่างกายบ้าง บางทีอาจจะไม่โชคดีไปทันก็ได้
ไหนๆก็เกิดมาละ โลกอาจจะแตก 2012 รึเปล่าก็ไม่รู้
มาใช้ชีวิตกันอย่างมีความสุขดีกว่าเนอะๆ
เป็นอันว่าฝันดีนะ รีดเดอร์ทุกท่าน
ความคิดเห็น