ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    All One-Shot [SNSD yuri]

    ลำดับตอนที่ #1 : I kissed a girl!

    • อัปเดตล่าสุด 16 พ.ค. 53



     One-Shot I kissed a girl!

    Type: Romantic

    Character: JeTi

    ____________________________________________________

     

     

                “งั้นก็เลิกกันไปเถอะ! นายมันเป็นคนที่งี่เง่าที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมาเลย” ผู้คนที่ยืนอยู่ในบริเวณใกล้เคียงถึงกับสะดุ้งโหยง ..ต้นเหตุมาจากหญิงสาวสวยคนหนึ่งที่ตะโกนปาวๆใส่โทรศัพท์ซึ่งปลายสายคาดว่าน่าจะเป็นแฟนหนุ่มของเธอ หล่อนกดตัดสายอย่างหงุดหงิดก่อนส่งสายตาจิกๆใส่พวกสอดรู้สอดเห็นจนพวกนั้นรีบหลบระเบิดกันไปตามๆกัน จะว่าเธอสวยก็สวยอยู่หรอกแต่ฟีลนี้คงไม่มีใครกล้าเฉียดไปใกล้รัศมีแม่สาวขาวีนคนนี้แน่ๆ

                Rrrrrrrr. ..เสียงมือถือของเธอดังขึ้นอีกหลายต่อหลายครั้งแม้เธอจะกดตัดสายก็ตามทีสุดท้ายเธอจึงตัดสินใจกดปิดมันไปซะเลย ..หญิงสาวหุ่นสะองเก็บมือถือเจ้าปัญหาใส่กระเป๋าถือใบจิ๋วก่อนจะใช้มือที่ยังว่างอีกข้างสยายปลายผมสีดำสั้นประบ่าของเธอเผยต้นคอขาวเพื่อไล่ความร้อน นิสัยที่เธอทำอย่างเคยชินโดยไม่รู้ตัวนั้นแทบจะทำให้ชายหนุ่มในบริเวณใกล้เคียงหลายคนแทบลมจับ

                เพราะนอกจากหน้าตาที่จัดว่าสวยหวาน กับรูปร่างมีเนื้อนวลพอดิบพอดีแล้ว หล่อนยังมีอายสมายคู่สวยอีกต่างหาก.. ถ้าไม่ติดนิสัยโมโหร้ายเมื่อครู่เธอก็เรียกได้ว่า นางฟ้า ดีๆนี่เอง หญิงสาวจัดชุดเดรสสั้นสีดำของเธอให้เข้าที่ก่อนจะสาวเท้าก้าวอาดๆเข้าไปยังไนท์คลับชื่อดัง

                ทันทีที่ผ่านประตูเข้ามาจึงได้สัมผัสกับเสียงดนตรีบีทหนักๆดังกระหึ่มอยู่ในหู กลิ่นแอลกอฮอล์คละคลุ้ง และความร้อนจากร่างกายของนักท่องราตรีนับร้อยคนที่เบียดเสียดกายเต้นกันอยู่ ณ ฟลอร์ด้านหน้า

                “ทิฟฟานี่ ทางนี้!” เสียงเรียกแข่งกับเสียงเพลงมาจากชั้นลอยของร้าน เธอหันมองตามก็พบกลุ่มเพื่อนซี้ที่มานั่งรออยู่อย่างพร้อมหน้า ไม่นานนักเธอก็เดินมาสมทบกับพวกก่อนหย่อนตัวนั่งลงบนโซฟาตัวที่ว่าง


                “วันนี้ปิดคลับฉลองเลยดีไหมเนี่ย ที่ยัยฟานี่มาได้” เสียงแหลมกระแนะกระแหนของซันนี่เพื่อนสาวตัวเล็กที่ทำให้ฟานี่หันไปมองค้อน “นั่นสิ ตกลงแฟนแกยอมปล่อยมาแล้วหรอ?” ยูริ หญิงสาวร่างสูงหุ่นดีผู้มีเสน่ห์แบบผู้ใหญ่เอ่ยถาม พลันคนที่ถูกถามก็ถอนใจพรืดก่อนตอบอย่างเบื่อหน่าย

                “เลิกกันละ”

                “ฮะ!? เมื่อไหร่?” ซูยอง สาวผมสั้นผิวสีแทนถามบ้าง

                “เมื่อกี้” ตอบแบบไม่สนใจใยดี ให้คนที่รอยิงคำถามต่อถึงกับกลืนคำพูดกลับลงคอ ..จะว่าเธอเสียใจไหม ก็เฉยๆเพราะความฉาบฉวยของรักในยุคสมัยใหม่ทำให้หนุ่มสาวไม่ได้ดูใจกันนานเท่าที่ควร แรกๆรักก็หวานดีอยู่แต่พอนานๆไปก็จืด ยิ่งแฟนหนุ่มของทิฟฟานี่ที่เป็นพวกงี่เง่าเข้าเส้นยิ่งทำให้หล่อนหมดรักในตัวเขาเร็วขึ้น บวกกับทิฟฟานี่เป็นสาวมั่นที่ไม่ค่อยแคร์อะไรอยู่แล้วจึงไม่ยากที่จะตัดกันให้จบสิ้นเสียที

                “เอาน่านานๆมาเจอกันซักที จะทำหน้าบูดให้เซ็งกันทำไม ..อ่ะนี่เครื่องดื่ม ฉันสั่งมาไว้ละ” ยูริสลายบรรยากาศอึมครึมด้วยการยัดแก้วค็อกเทลใส่มือเพื่อนๆ ยังไม่ทันไรซันนี่ก็ใช้ศอกเล็กๆของเธอสะกิดทิฟฟานี่ที่กำลังจะยกแก้วขึ้นจิบอยู่พอดี

                “ฟานี่ ดูโต๊ะนู้นสิ ..หนุ่มๆมองแกตาเป็นมันเชียว หล่อๆทั้งนั้นเลยนะ” ซันนี่ดูเป็นปลื้มกับพวกหนุ่มๆโต๊ะนั้นมากเพราะดูแต่ละคนหล่อ สูง แถมดูมีกะตังค์อีก

                “เฮอะ.. พวกผู้ชายน่าเบื่อ” ทิฟฟานี่อยู่ในสภาพไม่สบอารมณ์ตามเคย เธอจับค็อกเทลกรอกหมดแก้วจนยูริ กับ ซูยอง ถลนตาโต (ซันนี่ปล่อยเธอละเมอเพ้อพกไปก่อน)

                “โห ใจเย็นสิกะเมาเลยหรือไง.. แล้วที่พูดพวกผู้ชายน่าเบื่อเนี่ย อย่าบอกนะว่าเธอจะหันมาอนุรักษ์ดนตรีไทยน่ะ” ยูริแซวพลางยักคิ้วหลิ่วตาอย่างยียวน ..

                “ก็ดีนะ” หล่อนตอบออกมาหน้าตาเฉยซะอย่างนั้น

                “จะบ้าหรอ ฉันล้อเล่น” ยูริทำหน้าเหรอหรา เธอไม่นึกว่าอยู่ๆสาวมั่นอย่าง ฮวัง ทิฟฟานี่ คนนี้คิดเปลี่ยนรสนิยมมาหาไม้ป่าเดียวกันเพียงเพราะบอกเลิกกับแฟน ..แต่พอดูจากใบหน้าฟานี่ที่มองเธอตอบนิ่งๆแล้ว มันหมายความว่า ฉันจริงจัง!

                “โห ยูล แกก็ไปเชื่อมัน ทิฟฟานี่น่ะผู้หญิงเต็มร้อยนะ สะดิ้งซะขนาดเนี้ย ไม่มีทางหรอกจะหันไปรักชอบพวกดียวกัน” ซูยองแย้งอย่างมีเหตุมีผล

                 




                เวลาผ่านไปเท่าไหร่ไม่รับรู้ สี่สาวที่กำลังนั่งพูดคุยกันอย่างถูกปากถูกคอ แก้วในมือว่างเปล่าไปแล้วหลายครั้งแต่ก็ถูกเครื่องดื่มชนิดเดิมเติมกลับเข้ามาใหม่.. เครื่องดื่มค็อกเทลสีสดหากมันสามารถหลอกล่อให้ผู้ดื่มตายใจด้วยรสชาตหวานหอมที่ดูไร้พิษภัย ถ้าเทียบกับระดับแอลกอฮอล์ที่ใส่ลงไปแล้วมันมากโข กว่าจะรู้ตัวก็ตอนที่ออกอาการ

                “โอ้ก ก กก~” เสียงอาเจียนดังสนั่นลั่นห้องน้ำ เป็นใครไปไม่ได้นอกจากสาวน้อย ซันนี่ ที่เผลอซัดค็อกเทลมากเกินไปหน่อย จนตกอยู่ในสภาพนี้ ยังดีที่มีพยาบาลจำเป็นอย่างซูยองมาคอยลูบหลังให้ “ฉันบอกเธอแล้วว่าคออ่อนก็อย่าริดื่มเยอะ” มือก็ช่วยปากก็ว่า ว่าแล้วก็ทำหน้าแหยเมื่อคนตัวเล็กปล่อยของเก่าออกมาอีกระลอก

     

                “เฮ้อ ยัยซันเอ๊ย” ยูริบ่นงึมงำ ใบหน้าของเธอเริ่มแดงนิดหน่อย เวลานี้เหลือเพียงทิฟฟานี่และคนร่างสูงอยู่ที่โต๊ะ.. “ฉันว่าแกไปดูซันด้วยอีกคนดีไหม เรียนแพทย์มาไม่ใช่เรอะ?” ทิฟฟานี่เสนอ ก็ในเมื่อคนตัวสูงเรียนอยู่คณะแพทย์ศาสตร์แล้วใยจะมานั่งทำหน้ามึน แทนที่จะไปช่วยคนป่วยซะละ ที่สำคัญปล่อยซันไว้กับคนมือหนักอย่างซูยองมีหวัง อาการได้ทรุดลงกว่าเก่า

                “เออ.. นั่นสินะ งั้นเดี๋ยวฉันมา” ฟานี่รู้สึกอยากตบกะโหลกคนเรียนแพทย์ซะจริง นี่มันเพิ่งจะรู้หน้าที่หรอเนี่ย? ร่างสูงเดินหายลับเข้าไปในห้องน้ำทิ้งไว้แค่หญิงสาวนั่งอยู่ที่โซฟาคนเดียว ..ตอนนี้คงดึกแล้ว ดูได้จากลูกค้าในร้านที่เริ่มทยอยเข้ามาใช้บริการกันอย่างหนาแน่น ทิฟฟานี่หันไปยังชั้นวางเครื่องดื่มของโต๊ะเธอ พบเพียงเหยือกค็อกเทลว่างเปล่า เธอยังอยากดื่มต่ออีกนิดหน่อยแต่เพื่อนสาวสามคนคงจะไม่ไหว คิดเช่นนั้นคนผมสีนิลก็ลุกเดินออกไปจุดหมายอยู่ที่บาร์ชั้นล่าง

                นักเที่ยวส่วนใหญ่จับจองที่บนฟลอร์เต้นกันหมดเลยทำให้เธอหาเก้าอี้ว่างหน้าบาร์ได้ไม่ยาก ร่างสะองนั่งลงบนเก้าอี้ทรวดทรงทันสมัย เอ่ยสั่งเครื่องดื่มชนิดเดิมแก่บาร์เทนเดอร์ ..ก่อนเปลี่ยนใจเป็นเครื่องดื่มอีกชนิดที่ระดับแอลกอฮอล์รุนแรงกว่าในภายหลัง ครั้งแรกที่เรียวปากจรดขอบแก้วรับน้ำสีเหลืองทองเข้าไป สัมผัสถึงแอลกอฮอล์แรงๆที่บาดคอเล็กน้อย เพียงแค่ไม่กี่จิบก็สามารถทำให้ใบหน้าเธอร้อนผ่าวได้ ..นี่แหละถึงใจกว่าค็อกเทลรสหวานแหววเป็นไหนๆ

                “ขอนั่งด้วยได้ไหมคะ” เสียงแหบหวานดังขึ้นด้านหลังให้เธอละจากแก้วใบใสหันกลับไปมอง ..ผู้หญิงร่างบางผิวขาวเนียน หล่อนมีผมสีบลอนด์ทองเป็นประกายตัดกับเดรสสีกุหลาบอันโดดเด่น เรียวปากฉาบลิปสติกสีชมพูอ่อนฉีกยิ้มอย่างเป็นมิตรอยู่บนใบหน้าสวยหยด สวยจนแม้แต่ทิฟฟานี่ที่เป็นผู้หญิงแท้ๆยังรู้สึกเขิน นี่ถ้าเธอเป็นผู้ชายเธอคงอกแตกตายไปแล้ว

                “ได้ค่ะ” ทิฟฟานี่ยิ้มจนเห็นอายสไมล์หลังจากที่เธอไม่ได้อวดมันมาหลายชั่วโมงเพราะอารมณ์เสีย ผู้หญิงร่างบางคนเดิมเดินมานั่งเก้าอี้ถัดจากฟานี่ บาร์เทนเดอร์ถามหล่อนว่าจะรับอะไรดี เธอหยุดคิดเล็กน้อยก่อนดวงตาคู่คมจะมาหยุดอยู่ที่แก้วในมือของทิฟฟานี่ “เอาแบบคุณผู้หญิงคนนี้แล้วกันค่ะ” ไม่นานนักแก้วบรรจุเครื่องดื่มแบบเดียวกันถูกส่งมายังเบื้องหน้าของผู้มาใหม่ หล่อนยกมันขึ้นจิบๆโดยไม่แสดงท่าทีอะไร นั่นหมายความว่าผู้หญิงคนนี้ก็โปรใช้ได้

                “คุณมาคนเดียวหรอคะ?” คราวนี้เป็นทิฟฟานี่ที่เปิดประเด็นก่อน สาวผมบลอนด์เลิกคิ้วเล็กน้อยก่อนจะกลายเป็นโปรยยิ้มบาง “ค่ะ.. จริงๆฉันมาได้ซักพักแล้ว” น้ำเสียงช่วงท้ายที่ฟังดูเศร้าลงให้คนผมสีดำอดถามอีกไม่ได้ “คุณเป็นอะไรรึเปล่า เสียงคุณฟังดูเศร้าจัง”

                “ฉันเพิ่งเลิกกับแฟน เมื่อชั่วโมงก่อนเองค่ะ” เธอตอบออกมาพลางใช้ปลายนิ้วไล้เขี่ยขอบแก้วเล่น ..ทิฟฟานี่รู้สึกหน้าเสียเมื่อเธอถามในเรื่องที่ไม่ควรจะถาม

                “ขอโทษทีนะคะ ฉันไม่น่าถามเลย ..แต่ว่าฉันเองก็เพิ่งบอกเลิกแฟนไปเหมือนกัน” มันฟังดูเป็นคำปลอบโยนที่ดี เสมือนเป็นพวกหัวอกเดียวกันน่าจะเข้าใจความรู้สึกกันได้

                “งั้นคุณคงไม่ต้องขอโทษฉันหรอกค่ะ ในเมื่อคุณเองก็เจอเรื่องแย่ๆมาเหมือนกัน อีกอย่างฉันก็ทำใจไว้ล่วงหน้แล้วด้วยว่ามันจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้” ใบหน้าสวยเปื้อนรอยยิ้มบางอีกครั้ง ..เป็นครั้งแรกรึเปล่านะที่ทิฟฟานี่เริ่มรู้สึกชื่นชมผู้หญิงคนอื่นว่าสวย คนตรงหน้าสวยมาก เหมาะกับรอยยิ้มเป็นที่สุดถึงแม้บุคลิกเธอจะดูเย็นๆก็เถอะ

                “ว่าแต่เราคุยกันมาตั้งนานแล้ว คุณชื่อะไรหรอคะ?” คนผมบลอนด์เอ่ยถาม

                “ฉันชื่อ ทิฟฟานี่ แล้วคุณล่ะ?”

     

     

                “ฉันชื่อ เจสสิก้า.. ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ”

     

     

               






               

     

                “อืม~” คนร่างสะองครางเสียงเบาในลำคอเมื่อผิวกายสัมผัสถึงความหนาว มือเรียวกระชับผ้าห่มผืนหนาขึ้นอย่างอัตโนมัติ แสงแดดอ่อนที่ลอดเข้ามาทางช่องผ้าม่านส่องมายังเธอพอดี เธอรู้สึกตัวว่านี้คงเช้าแล้วแต่ยังไม่อยากตื่นเลย.. สุดท้ายก็ต้องฝืนเปลือกตาขึ้น ก่อนกระพริบขึ้นลงช้าๆ ปรับโฟกัสมองภาพเบื้องหน้า

                ครั้นสิ่งที่ได้เห็นทำให้ใบหน้าขาวของเธอขึ้นสีระเรื่อ.. เธอพบใบหน้าสวยของใครอีกคนหนึ่งที่ยังนอนหลับพริ้มดุจเจ้าหญิงนิทราอยู่ตรงหน้า เส้นผมสีบลอนด์นุ่มสลวยเหมือนผ้าไหมละไล้กับผิวกายขาวเนียน แขนเรียวของหล่อนกอดกระชับร่างของคนที่ตื่นอยู่ไม่ปล่อย สังเกตอีกทีก็พบว่าร่างกายของคนทั้งสองนั้นต่างเปลือยเปล่าภายใต้ผ้าห่มผืนใหญ่

                และคงเพราะลมหายใจอุ่นๆของเธอที่เป่ารดใบหน้าของคนที่กำลังหลับปลุกให้คนขี้เซาตื่นขึ้นมา ดวงตาคมเผยอเปลือกตาขึ้นช้าๆ ในทันทีที่มองเห็นใบหน้าหวานเชื่อมของอีกคนเธอก็ระบายยิ้มอย่างที่ชอบทำ ก่อนจะทำการกดริมฝีปากนุ่มลงกับเรียวปากของคนผมสีนิลอย่างแผ่วเบา

    “มอร์นิ่งคิส นะคะ ฟานี่~

    “มอร์นิ่งค่ะ สิก้า”

    ชื่อเล่นทั้งสองซึ่งถูกเรียกอย่างเป็นกันเอง รอยยิ้มละไม น้ำเสียงหยอกเย้า กายเปล่าที่นอนเบียดเสียดอยู่บนเตียงขนาดคิงไซส์ มือซุกซนของคนร่างบางที่ตอนนี้มันกำลังไล้เส้นผมสีนิลของเธอไปมา และรสจูบหวานหอมที่ยังอบอวลอยู่ในโพรงปาก ..ช่วยย้ำความจำแก่คนร่างสะองถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาชั่วข้ามคืน ..เปล่าเธอไม่ได้เมา ถึงแม้จะดื่มไปมาก แต่สติสัมปชัญญะเธอยังอยู่ครบถ้วนพอทีจะนึกย้อนภาพได้เป็นฉากๆ

     

     

     

     

     

     



     

    “แฟนเก่าของคุณเป็นผู้ชายที่แย่มากเลยนะคะ!” ทิฟฟานี่พูดออกมาอย่างหัวเสียหลังจากเจสสิก้าเล่าถึงความเจ้าชู้ของแฟนเก่าเธอให้ฟังทั้งคู่สนทนากันอยู่พักใหญ่จนคนผมสีนิลลืมเพื่อนๆที่มากับตนไปเสียสนิท เสียงดนตรีในคลับถูกเปลี่ยนไปเล่นในทำนองหนักหน่วงเร้าใจจนดังอื้ออึงทำให้ผู้หญิงสองคนที่คุยกันอยู่ต้องขยับเข้าใกล้กันมากขึ้นเพื่อให้ได้ยินกัน

    “ทิฟฟานี่คะ คือจริงๆแล้ว.. .แฟนเก่าฉันเค้าเป็น ผู้หญิงน่ะค่ะ” เจสสิก้าชี้แจงด้วยใบหน้าเจื่อนๆ รู้สึกผิดในใจที่ทำให้ทิฟฟานี่เข้าใจผิดอยู่นานสองนาน “คุณเป็น เอ่อ.. เลสเบี้ยนหรอ?” คนร่างสะองถาม ซึ่งร่างบางพยักหน้ากลับมาเป็นคำตอบ ทิฟฟานี่ได้ยินดังนั้นเลยแสดงอาการอึ้งไปนิดๆ เธอเพิ่งรู้ว่าสาวสวยที่เธอพูดคุยมาตั้งนานเป็นพวกรักชอบเพศเดียวกัน.. พลันคำพูดที่เธอเอ่ยไว้กับยูริก็แล่นเข้ามาในหัว เอาอย่างนั้นหรอ? ถ้าเป็นเจสสิก้าคนที่ทั้งสวยแล้วก็น่ารักคนนี้ ไม่ๆ คิดแบบนั้นได้ที่ไหนกันเล่า!

    ทิฟฟานี่รีบไล่ความคิดพิเรนทร์ออกจากหัว ..แต่การกระทำนี้ทำให้เจสสิก้าที่นั่งสังเกตอยู่เข้าใจผิดว่าทิฟฟานี่ตกใจกลัวเธอ “เอ่อ ทิฟฟานี่รังเกียจหรอ ..ฉันขอโทษนะคะ” เธอกล่าวอย่างร้อนรนพลางทำท่าจะลุกหนีออกไป ..แต่ก็ต้องชะงักเมื่อถูกอีกคนรั้งข้อมือไว้

    “ไม่ใช่อย่างนั้นนะ ฉันไม่ได้รังเกียจซักหน่อย”

    “เหรอคะ?” เจสสิก้าเริ่มอ่อนลงและทิ้งตัวนั้นอย่างเก่า

    “อื้ม ฉันว่าไม่เห็นจะผิดเลย อีกอย่างคุณดูเป็นคนจริงใจกว่าผู้ชายพวกนั้นตั้งเยอะ.. ฉันไม่รังเกียจคุณหรอก เจสสิก้าออกจะน่ารัก” ทิฟฟานี่อยากจะตีปากตัวเองจริงๆ ก็สิ่งที่เธอพูดทำให้คนร่างบางหน้าแดงยกใหญ่แล้ว เมื่อได้มองใบหน้าเขินอายที่เบือนหลบสายตาของเธออยู่อย่างนี้ ทำไมใจของทิฟฟานี่ต้องเต้นแรงแปลกๆ


    “ไปเต้นกันไหมคะ?” คนผมบลอนด์ทนเขินไม่ไหวเลยรีบตัดบททำเป็นชวนอีกคนออกไปยังฟลอร์ด้านหน้าแทน ..ทิฟฟานี่ถูกจูงแขนออกไปอย่างว่าง่าย ทุกวินาทีที่มีเจสสิก้าอยู่ใกล้ๆทำให้เธอขยันยิ้มอยู่ตลอดเวลา ความรู้สึกแปลกใหม่ที่มีต่อคนร่างบางซึ่งเจอกันไม่กี่ชั่วโมงหรือว่าเธอจะเบี่ยงเบนแล้วจริงๆ? มัวคิดอะไรเพลินๆรู้ตัวอีกทีเธอก็มาหยุดยืนตรงกลางฟลอร์เต้น เจสสิก้าที่เดินนำก็หันกลับมายืนประจันหน้ากับเธอ

    ไม่รู้ว่าด้วยฤทธิ์น้ำวิเศษหรืออะไรที่ทำให้ร่างกายมันโยกไปตามจังหวะดนตรีมันส์ๆ ยิ่งจังหวะที่ถูกปลุกเร้าให้เร็วขึ้นทำให้นักเที่ยวที่อยู่รอบด้านใช้เนื้อที่ในการวาดลีลามากขึ้นจนเบียดให้สองสาวเข้าใกล้กันโดยไม่ทันตั้งตัว รู้อีกทีก็ตอนที่ร่างกายแนบชิดติดกันไปแล้ว ใบหน้าของสองคนห่างกันเพียงคืบรับรู้ถึงลมหายใจอุ่นที่เป่ารดคลอเคลียอยู่ที่ปลายจมูก ดวงตาสองคู่จ้องมองกันประดุจขั้วแม่เหล็กสองด้านที่ดึงดูดเข้าหากัน ภาพรอบกายเสมือนจะช้าลงๆ เสียงดังเซ็งแซ่ของดนตรีและผู้คนเริ่มเลือนหายไปในจังหวะที่คนผมสีบลอนด์โน้มใบหน้าเข้ามาใกล้กว่าเก่า ริมฝีปากสีชมพูทาบทับลงมายังส่วนเดียวกันของคนผมสีนิลที่เบิกตากว้างอย่างประหลาดใจ ใบหน้าของทิฟฟานี่ร้อนผ่าว ครั้นพอถอนจูบออกไปร่างบางจึงมีสีหน้าลุกลน “ฉัน.. ฉันขอโทษ ฉันไม่น่าเผลอเลย ฉันขอโทษนะคะทิฟฟานี่”

    เธอทำทีจะถอยหนีไปเป็นหนที่สอง ความรู้สึกสำนึกผิดเกาะกินหนักอึ้งอยู่เต็มอกนี่เธอทำเรื่องเลวร้ายกับผู้หญิงที่ไม่ได้คิดอะไรกับเธอ แล้วยิ่งเขาไม่ใช่คนประเภทเดียวกับเธออีก.. หากแต่คนผมสีนิลที่ยังคงเคลิ้มกับรสจูบเบาบางเมื่อครู่ไม่ได้คิดเช่นนั้นเลย เธอกลับรู้สึกดีอย่างน่าประหลาด ความนุ่มนวลหวานหอมของริมฝีปาก และกลิ่นกายน่าหลงใหลแห่งหญิงสาวมันเป็นเช่นนี้เองหรอ เธออยากลิ้มลองมันให้มากกว่านี้อีกหน่อยจัง

    มือคู่เรียวเลื่อนขึ้นประคองใบหน้าของคนร่างบางที่ยังคงรู้สึกผิด ก่อนค่อยๆปิดปากที่เอาแต่พร่ำคำขอโทษนั่นด้วยเรียวปากของเธอเอง ..เจสสิก้ามีท่าทีตกใจเล็กน้อยแต่สุดท้ายก็เปลี่ยนเป็นการดื่มด่ำกับจูบของทิฟฟานี่อย่างยินยอม

    ตอนนี้ทั้งคู่ไม่สนใจอะไรอีกแล้วทั้งสายตาของคนรอบข้าง ทั้งเสียงดนตรีดังๆที่บาดหู สนเพียงแต่จูบที่เพิ่มจังหวะเร่าร้อนด้วยลิ้นชื้นที่ตอบสนองกันอยู่ในโพรงปากนานจนแทบขาดอากาศหายใจ.. เปลือกตาของทั้งสองปิดแน่น มือบางที่ลูบไล้ไปทั่วเรือนร่างของกันและกันอย่างลุ่มหลง เลือดในกายสูบฉีดแรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน หัวใจเต้นโครมครามจนแทบจะหลุดออกมานอกอก ยอมขาดลมหายใจไปตอนนี้ยังดีกว่าที่จะปล่อยให้ริมฝีปากของอีกคนเป็นอิสระ   

     

     


     

      

    ..แล้วทุกสิ่งทุกอย่างก็มาจบลงที่นี่ ห้องนอนของคนผมสีบลอนด์

    มือบางยังคงไล้เล่นอยู่กับเส้นผมของทิฟฟานี่ สายตาจ้องประสานกันอย่างหวานเชื่อม ร่องรอยต่างๆที่ถูกฝากทิ้งไว้เป็นเครื่องหมายปรากฏอยู่บนผิวกายของทั้งสอง ความรู้สึกจากการสัมผัสเมื่อคืนยังมิจางหายไป ทิฟฟานี่คงปฏิเสธไม่ได้แล้วว่าเธอกำลังหลงรักผู้หญิงคนนี้เข้าเต็มเปา

    “สิก้าคะ ฟานี่หิวจัง” น้ำเสียงหวานถูกหยอดอย่างออดอ้อน เรียกความสนใจจากอีกคนที่ตอนนี้ชะงักมือจากเส้นผมเธอเรียบร้อย

    “ขอโทษนะคะฟานี่ แต่.. สิก้าทำอาหารไม่เป็นเลย” เจสสิก้าหัวเราะแห้งๆ

    “หรอคะ ฟานี่ก็ทำไม่เป็นเหมือนกัน แหะๆ” ทิฟฟานี่พูดแก้เก้อพลางแลบลิ้นออกมาเล็กน้อยอย่างน่ารัก เธอนึกว่าจะได้ทานมื้อเช้าฝีมือสาวผมบลอนด์คนนี้ซะแล้ว

    “งั้นเดี๋ยวเราไปทานข้างนอกกันดีไหมคะ?”

     

    “ก็ได้ค่ะ.. แต่ว่าขออยู่แบบนี้อีกซักพักได้ไหม ตัวสิก้าหอมดีจัง” ว่าแล้วเธอก็ขโมยหอมแก้มคนร่างบางเบาๆหนึ่งครั้ง ก่อนกระชับอ้อมกอดแน่น

    “ฟานี่..”

    “หืม ว่าไงคะ?”

     

     

    “ช่วยทบทวนรสจูบแบบเมื่อคืนอีกสักทีได้ไหมคะ?” เจสสิก้าพูดออกมาด้วยน้ำเสียงยั่วเย้า คนผมสีนิลยิ้มหวานก่อนจะใช้มือหยิกแก้มอีกคนอย่างเอ็นดู.. แล้วจัดการครอบครองริมฝีปากของเจสสิก้าอีกครั้งหนึ่ง

     

     

     

    Oops! I kissed a girl!

     

     




    Writer´s talk
    ประเดิมเรื่องแรกด้วย เจทิ ฮ่าๆๆ
    จริงๆเราชอบคู่เบสิกนะ แต่พอเจอสองสาวเมกันแล้วมันน่าจิ้นเล่น
    คนนึงสวยหวาน คนนึงสวยหยดโอ้แม่เจ้า แล้วเมื่อสวยกับสวยมาคู่กันมันก็. ..
    ทิฟฟานี่พักหลังนี้ดูเซ็กซี่ขึ้นเยอะ คงเพราะโตขึ้นตั้งแต่คอนเซ็ปจีนี่
    ที่เธอต้องสวมบทเป็นนาวิกสาว แล้วก็มาที่โปรเจ็ครันๆ
    เราว่าผมประบ่าสีดำเหมาะกับเธอไงไม่รู้อ่า - -
    ส่วนเจสลุคที่ได้ เอามาจากเอ็มวีที่เธอไปเล่นให้ เอสเจ oh my super girl (ถ้าเขียนผิดขออภัยจำชื่อมิได้)
    แบบเจสผมบลอนด์ เดรสสีกุหลาบแบบวับๆ เราว่าเจสเหมาะกับฉาบลิบสีชมพูมากๆ

    ฟีลขอลฟิคออกแนวๆ One night stand แบบเร่าร้อนฉาบฉวย..
    แต่สองสาวจะสานสัมพันธ์ต่อไหมนั่นเราทิ้งไว้ให้รีดเดอร์จิ้นเองฮ่าๆๆ
    บ๊ายบาย จ๊า 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×