ตอนที่ 2 : 02
02
ซึมซับ ลึกซึ้งทุกสัมผัสชัดเจน
“แม่ว่าชุดนี้สวยดีนะ”
“ชุดนี้ก็สวยค่ะ เหมาะกับคุณแม่”
เครื่องเพชรระยิบระยับแสบตาจนคนตัวสูงที่นั่งอยู่ถึงกับหันหน้าหนี เสียงพูดคุยกันของคุณปนัดดากับหม่อมราชวงศ์รฐา ภัสร์ฤทัย ดังขึ้นภายในห้องรับรองของวังภัสร์ฤทัย คุณชายทรงโปรดเดินหนีมาอยู่ในห้องครัว ตอนแรกเขานั่งอยู่ข้างๆ พี่สาวกับคุณแม่ แต่เพราะแสบตาเครื่องเพชรนี่แหละ เลยต้องหาที่หลบ
เพราะว่าทรงโปรดเป็นคนที่ว่างที่สุดในบรรดาพี่น้อง หลังเลิกงานเลยถูกโทรตามให้กลับวังทันที ความคิดที่จะไปนั่งสังสรรค์กับเพื่อนหายวับไปกับตา
วันนี้เขาต้องไปงานเลี้ยงวันเกิดของคุณหญิงแป้วอะไรสักอย่างที่เขาไม่รู้จัก แต่พี่สาวกับคุณแม่รู้จักเป็นอย่างดี
Prod: ถ้าใครเลิกงานแล้วก็อยากให้มาอยู่ที่วังด้วยกันนะครับ
Prod: รถยังไม่ออก มีเวลาอาบน้ำแต่งตัวไปงานกับคุณแม่
Khun: โชคดีนะโปรด ตอนนี้พี่ยังอยู่ที่บริษัท
Plerng: พี่ติดประชุม
ดีมั้ยล่ะ พี่ชายทั้งสองของเขา หม่อมราชวงศ์ทรงคุณ กับ หม่อมราชวงศ์ทรงเพลิง หาเรื่องหนีงานเลี้ยงทั้งที่วันนี้ก็ว่างเหมือนกัน คุณชายทรงโปรดพิงสะโพกลงบนโต๊ะสีขาว คลี่ยิ้มให้กับหน้าจอโทรศัพท์ที่ขึ้นแชตของพี่ชายทั้งสอง
“น้องชายโปรด อยู่ไหนคะ รถมารอรับแล้วนะ”
ดวงตาคมละจากโทรศัพท์ก่อนเก็บมันใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกง เขาเดินออกจากห้องครัวหลังจากที่ซ่อนตัวอยู่ในนี้ได้แค่แป๊บเดียวเท่านั้น คุณชายทรงโปรดเลิกคิ้วสงสัยเมื่อเห็นคุณแม่กับพี่สาวยืนชะเง้อคอมองหาร่างสูงๆ
สงสัยเลือกเครื่องเพชรกันเสร็จแล้ว
“น้องชายโปรดมาแล้วค่ะคุณแม่” หม่อมราชวงศ์รฐาเดินมาควงแขนเขา
ร่างสูงคลี่ยิ้มให้พี่สาวกับคุณแม่ที่คล้องแขนแกร่งคนละข้าง สองสาวสวยพากันก้าวเท้าออกบ้าน หม่อมราชวงศ์รฐากับคุณปนัดดาแต่งตัวสวยมาก เครื่องเพชรจัดเต็มจนเขาเริ่มสงสัยว่ารู้สึกเมื่อยคอกันบ้างมั้ย รู้สึกแสบตาหรือเปล่าที่แสงวับๆ ของมันแยงตา
ดูเหมือนพวกท่านทั้งสองชินชากับมันแล้ว หรือบางทีเขาควรต้องใส่ถึงจะได้รู้ว่ามันแยงตาหรือเปล่า
ไม่ดีกว่า
ชะลอเท้าตรงหน้าบ้าน ตอนนี้ฝนตกหนักแต่คุณแม่กับพี่สาวก็ยืนยันที่จะไปงานเลี้ยง ระหว่างรอสาวใช้ถือร่มมารับ ทรงโปรดชะงักแล้วคิดขึ้นได้อย่างหนึ่ง
ถ้านั่งรถคันเดียวกันไปงานเลี้ยง อย่างนี้เขาก็หาทางหนีออกจากงานลำบาก
ทรงโปรดเหลือบมองระหว่างรถตู้คันหรูกับเบนซ์สีดำของเขาที่จอดอยู่ในโรงรถ รถของเขาราคาแพงไม่แพ้กับรถตู้ของครอบครัว ทรงโปรดเก็บเงินซื้อด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง เขาไม่มีวันปล่อยให้มันจอดเหงาๆ ข้างรถเก๋งไฟฟ้าขนาดเล็กของหลานชายแน่นอน
จนกระทั่งร่มถูกถือมาโดยสาวใช้และทรงโปรดรับมาถือไว้เอง กางให้พี่สาวกับคุณแม่ เดินส่งพวกท่านขึ้นรถตู้เสร็จสรรพ จังหวะที่กำลังจะปิดประตูให้ คุณปนัดดากลับใช้มือสวยๆ รั้งประตูไว้ซะก่อน
“ขึ้นรถครับชายโปรด” คุณปนัดดาส่งสายตาดุๆ
“รีบขึ้นมาเร็วๆ น้องชายโปรด ฝนกระเด็นเข้ารถหมดแล้ว” แถมยังถูกพี่สาวกดดัน
หม่อมราชวงศ์ทรงโปรดคลี่ยิ้ม จับมือของคุณแม่ออกจากประตูรถ ตอนนี้น้ำฝนที่ตกลงพื้นมันกระเด็นโดนขากางเกงสีดำของเขาจนรู้สึกชื้นและแฉะหน่อยๆ
“ผมขับรถไปเองดีกว่าครับคุณแม่”
“ไม่ได้ เดี๋ยวชายโปรดหนีแม่อีก”
“ไม่หนีครับ ผมสัญญา”
ครั้งหนึ่งเขาเคยหนีงานเลี้ยงไปพร้อมกับเบนซ์คู่ใจคันหรู คุณปนัดดางอนอยู่หลายวันจนเขาต้องกลับมานอนที่วังร่วมเดือนเพื่อง้อคุณแม่
ทรงโปรดไม่อยากถูกงอนอีกแล้ว แต่เขาก็ไม่อยากนั่งรถตู้จริงๆ
มีรถขับไปเองแท้ๆ ทำไมต้องให้คนอื่นขับพาไปด้วย
“ได้ งั้นชายโปรดขับรถนำหน้าแม่ไป”
“...”
“ถ้าออกนอกเส้นทางเมื่อไหร่ แม่จะให้พลขับตามลูกไปติดๆ”
ก็นั่นแหละ แม่ยังไงก็คือแม่
ต่อให้โตแล้วยังไง ก็ต้องอยู่ในโอวาทแม่อยู่ดี
คุณชายทรงโปรดพยักหน้าก่อนจะเลื่อนประตูรถตู้ปิด เขากำมือร้อง Yes! ในใจ ตอนนี้เขายอมหมดทุกอย่างขอแค่ให้ได้ขับรถไปเอง
ร่างสูงก้าวฉับๆ ตรงไปยังโรงรถที่จอดรถเบนซ์คันงาม มือหนาเปิดประตู สตาร์ทรถ เปิดแอร์และเปิดเพลงฟังให้สบายใจ เขาเบื่องานเลี้ยงมาก แต่คิดซะว่าวันนี้ไปเปิดหูเปิดตาก็แล้วกัน อย่างน้อยอาจจะได้เพื่อนดื่มคนใหม่ หรืออาจจะได้ลูกค้าเพิ่มขึ้นจากการไปงานเลี้ยงครั้งนี้
เท้าขวาเหยียบคันเร่งออกจากโรงรถ ทรงโปรดประคองพวงมาลัยเลี้ยวเทียบข้างรถตู้คันหรู ก่อนที่จะขับนำออกไปจากหน้าวัง แล้วชะลอรถด้วยการเหยียบเบรกเบาๆ เมื่อถึงประตูใหญ่ของวัง มองซ้ายขวา ดูให้แน่ใจว่าไม่มีรถสวนมา เขาถึงได้หักพวงมาลัยแล้วขับต่อไปบนถนน
ทรงโปรดอยู่ในรถพร้อมกับการจราจรติดขัดบนถนนสายหลัก ฝนตกกับเวลาเลิกงานของคนในเมืองเป็นของคู่กัน
เขาเคาะนิ้วบนพวงมาลัยตามจังหวะเพลง มองกระจกหลังก็เห็นรถตู้ที่คุณแม่กับพี่สาวที่อยู่จอดห่างจากเขา ทรงโปรดขับรถเร็ว ตลอดทางมีโทรศัพท์จากคุณแม่เข้ามาเป็นระยะ ท่านบอกให้เขาเลิกใจร้อนแล้วขับรถช้าๆ
โชคดีที่โรงแรมสำหรับจัดงานเลี้ยงอยู่ไม่ไกลจากวังของเขา เป็นโรงแรมติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา ทรงโปรดได้ยินมาว่าตอนแรกคุณหญิงแป้วจะขอใช้พื้นที่ในวังเพื่อจัดงานเลี้ยง เพราะนอกจากจะติดแม่น้ำเจ้าพระยาเหมือนกันโรงแรมที่ต้องไปวันนี้ บรรยากาศในวังยังร่มรื่น สวย หรูหรา ใหญ่โตพอที่จะจัดงานเลี้ยงได้เลย
แต่วังภัสร์ฤทัยไม่ใช่สถานที่รับจัดเลี้ยง โชคดีที่คุณแม่ปฏิเสธไป
เขาหมดเวลาไปกับการอยู่บนถนนที่มีการจราจรติดขัดเกือบยี่สิบนาที สุดท้ายก็ถึงโรงแรมริมแม่น้ำเจ้าพระยาสักที ทรงโปรดเคลื่อนกายลงจากรถเมื่อตอนที่ดับเครื่องยนต์ทุกอย่างเสร็จ คุณแม่กับพี่รฐาเดินควงกันเข้าไปในตัวโรงแรม เดินหาห้องบอลรูมที่ใช้จัดงานวันเกิดในคืนนี้
“คุณชายครับ ขอกุญแจรถด้วยครับ”
ทรงโปรดชะงักเท้าที่กำลังก้าวตามคุณแม่กับพี่สาว เขาเลิกคิ้วแล้วหันมามองพี่พล คนขับรถของวังที่กำลังยืนโน้มตัวเล็กน้อย ยื่นมือที่สวมถุงมือสีขาวมาตรงหน้า
“อะไรครับพี่พล”
“ผมขอกุญแจรถคุณชายด้วยครับ” คนขับรถเงยหน้าสบตาหม่อมราชวงศ์ทรงโปรด “คุณปนัดดาสั่งให้ผมถือกุญแจรถของคุณชายจนกว่าจะจบงานครับ”
แม่นะแม่
ทรงโปรดตัดความรำคาญโดยการล้วงกุญแจรถจากกระเป๋ากางเกงใส่มือของพล คนขับรถโน้มตัวแล้วเดินหายไป ส่วนเขาก็ถอนหายใจ เลี่ยงอะไรไม่ได้สักอย่าง
แล้วสิ่งที่ทรงโปรดเกลียดที่สุดก็เกิดขึ้น
ทุกคนจ้องมาที่เขาเป็นตาเดียวหลังจากที่ประตูห้องบอลรูมเปิดออก คุณชายทรงโปรดเคยออกงานสังคมและเขาก็ถูกจ้องแบบนี้บ่อยๆ เขารู้ว่าตัวเองหล่อ เท่ สุขุม คุณหญิงคุณนายหลายคนอยากได้ทรงโปรดไปเป็นลูกเขย แต่เขาไม่สน และที่สำคัญ ทรงโปรดคุยเรื่องนี้กับคุณแม่แล้วด้วย
บังคับให้เขาไปไหนมาไหนด้วยได้ แต่สิ่งที่ห้ามบังคับกัน คือเรื่องหัวใจ
“คุณชายทรงโปรดหรือเปล่าคะ”
กระทั่งตอนที่เขากำลังจะหนีสายตาของคุณหญิงคุณป้า หรือลูกท่านหลานเธอเข้าไปหาพี่สาวกับคุณแม่ หญิงสาวที่นั่งเฝ้าหน้าประตู ใส่ชุดราตรีสวยๆ ก็เปล่งเสียงขึ้นซะก่อน อีกทั้งยังมีเด็กผู้ชายสูงเท่าเข่าของเขากำลังกระโดดดึงปลายนิ้วก้อยของเล่นด้วย
ไอ้หนูน่ารักนี่ จับตีก้นซะดีมั้ง
“รบกวนคุณชายทรงโปรดลงชื่อเข้างานตรงนี้ แล้วเลือกหน้ากากใส่เข้างานได้เลยนะคะ”
ไม่น่าล่ะ คนในงานถึงได้มีหน้ากากสีดำใส่กันทั้งงาน ทรงโปรดโน้มตัวลง หยิบปากกาที่วางอยู่บนโต๊ะ ก่อนเซ็นชื่อแล้วสุมหยิบหน้ากากครึ่งหน้าติดมือมา ก้มมองเด็กชายที่นัวเนียเกาะแข้งขาของเขา คาดว่าน่าจะอายุสามขวบเท่าลูกชายของหม่อมราชวงศ์รฐา เด็กน่ารักคนนี้ใส่หน้ากากแบบเดียวกันกับที่เขาหยิบมาด้วย
กำลังก้มมองอยู่พักหนึ่ง แม่ของเด็กคนนั้นก็มาอุ้มไป
ทรงโปรดใส่หน้ากากแล้วเดินเข้างาน แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน การอำพรางหน้าทำให้เขาเลิกเป็นจุดสนใจได้นิดหน่อย
อาหารเยอะ แต่ไม่มีอะไรถูกใจเขาเท่าวิสกี้ ทรงโปรดจิบแอลกอฮอล์ เพลิดเพลินไปกับเสียงเพลงบรรเลงเพราะเข้ากับบรรยากาศของงาน
ตาคมมองผู้หญิงในงานแต่ไม่ได้พิศวาส เขาแต่มองเพื่อให้ตัวเองเข้าใจว่าทำไมพี่สาวกับคุณแม่ถึงได้เลือกเครื่องเพชรอลังการสวมคอ เพราะหากไม่บอกว่าที่นี่คืองานเลี้ยงวันเกิด เขานึกว่าเป็นงานแสดงสินค้า พวกเครื่องเพชร พลอย อะไรแบบนี้ซะอีก
แต่ระหว่างที่เขากำลังจิบแอลกอฮอล์ เพลิดเพลินกับสิ่งอื่นนอกเหนือจากคน จู่ๆ คนตัวเล็กผิวขาวนวลก็เดินตรงมาทางเขา และหยุดอยู่ตรงหน้าผลไม้เคลือบช็อกโกแลต แม้จะใส่หน้ากากปิดบังหน้าไปครึ่งหนึ่ง แต่ถ้าคุณชายทรงโปรดสนใจใครสักคนเข้าแล้ว เขาจะจำคนนั้นได้ขึ้นใจ
เจ้าของสร้อยข้อมือที่เขาต้องออกตามหา
ไม่น่าเชื่อ...ข้ามคืนแค่คืนเดียวก็เจอตัว
เอ็นดู ที่น่าเอ็นดูเหมือนชื่อ
ทรงโปรดมองตามมือขาวๆ ที่กำลังหยิบส้อมขึ้นตักผลไม้ มืออีกข้างถือจานสำหรับรองไม่ให้ช็อกโกแลตไหลเปรอะโต๊ะวางของกิน น้องเก้ๆ กังๆ อยู่พักใหญ่ ไม่แน่ใจว่าทำไม่เป็นหรืออะไร
แต่น่าเอ็นดูมากๆ
และท่าทางไม่ชำนาญกับการเอาผลไม้ไปจุ่มช็อกโกแลตเพื่อเคลือบก็ทำให้ทรงโปรดวางแก้ววิสกี้ลง ก่อนจะเอื้อมมือหยิบผลไม้ชนิดเดียวกันกับที่เอ็นดูถืออยู่ขึ้นมา ทรงโปรดหยิบจานรองรอไว้ จุ่มเนื้อสตรอว์เบอร์รีลงในถังช็อกโกแลต แล้วยื่นให้คนเด็กกว่าที่ยืนอยู่ตรงข้าม
“ขอบคุณครับ”
“ให้สอนมั้ย ทำอย่างนั้นวันนี้ก็ไม่ได้กินพอดี”
“ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณครับ”
จะหนีเขาอีกแล้ว
เอ็นดูเดินเลี่ยงไปข้างหน้า แม้จะถือจานผลไม้ที่เขาทำให้ไปด้วยก็ตาม แต่ท่าทางนิ่งๆ ของเอ็นดูทำเอาทรงโปรดชะงัก
สงสัยจะจำกันไม่ได้
ทรงโปรดเดินตามอย่างระมัดระวัง เขาเลิกสนใจวิสกี้ เพราะตอนนี้มีอะไรน่าสนใจกว่าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ตั้งเยอะ ร่างสูงชะลอเท้าเล็กน้อยก่อนหยิบหน้ากากออกจากใบหน้าของตัวเองแล้วล้วงมือไว้ในกระเป๋ากางเกง ดวงตาคมกริบจับจ้องใบหน้าหวาน จนคนถูกมองเงยหน้าขึ้น
“มีอะไรหรือเปล่าครับ”
มือขาวยกขึ้นแตะแก้มตัวเอง ใช้ตากลมๆ มองคนตัวสูง ทรงโปรดอยากเกี่ยวหน้ากากของเอ็นดูออก เขาอยากมองใบหน้าสวยๆ ให้ชัดเจนมากกว่ามีหน้ากากบดบังแบบนี้
แต่ทำแบบนั้นกระต่ายอาจจะตื่นตูม
“เพื่อนเป็นยังไงบ้าง เมื่อวานเห็นเมาไม่รู้เรื่อง”
“...”
“คืนนี้ไม่เที่ยวผับแล้วเหรอ”
“เฮ้ย”
ร้องออกมาแล้วก็รีบยกมือปิดปากตัวเอง ท่าทางลุกลี้ลุกลนของเอ็นดูทำให้ทรงโปรดยิ้มมุมปาก
สงสัยคงจำกันได้แล้วมั้ง
ถึงจะสบตากันแค่แวบเดียว แต่เขามั่นใจว่าเอ็นดูต้องบันทึกใบหน้าของทรงโปรดใส่สมองถึงได้สะดุ้งโหยงเหมือนเจอผีแบบนี้
แต่เขาไม่ใช่ผี ไม่ต้องสะดุ้งแรงแบบนั้นก็ได้
“คุณ...”
“จำได้มั้ย ที่เจอกันเมื่อคืน”
ถ้าปฏิเสธ เขาจะตีปากด้วยปาก
เพราะตอนที่เขาถามว่าจำได้มั้ย เจ้าคนเด็กกว่าก็รีบวางจานผลไม้แล้วจับต้นแขนข้างที่โดนเขาบีบเมื่อคืนทันที คงจะเจ็บ ช้ำใน หรืออะไรสักอย่างถึงได้จับตรงนั้น
“เจ็บเหรอ”
“เปล่าครับ”
“แล้วจับทำไม”
“ก็เมื่อคืนคุณจับตรงนี้”
สาบานว่าเขาไม่ได้ตาฝาด เมื่อกี้เจ้ากระต่ายน้อยน่ารักกัดปากตัวเองเบาๆ
“แสดงว่า เมื่อคืนรุนแรงไปหน่อย”
“รุนแรงอะไร”
“ที่จับแขนไง”
ทรงโปรดกลั้นยิ้มสุดฤทธิ์เมื่อเอ็นดูสะบัดหน้ารัวใส่ ปากจิ้มลิ้มมุบมิบเหมือนบ่นอะไรกับตัวเอง
“ขอโทษที่ทำให้เจ็บ”
“ไม่เจ็บครับ ไม่เป็นไร”
“สรุปยังไง ที่ถามเมื่อกี้”
คุณชายทรงโปรดหาเรื่องกระต่ายน้อยจนได้ เจ้าของร่างสูงที่ยืนล้วงกระเป๋ากางเกงวกกลับไปประโยคแรกของวันนี้ที่เขาได้สนทนากับเอ็นดู กะต้อนด้วยคำถามเดิมๆ ให้น้องตอบ แล้วจะได้เข้าคำถามอื่นๆ ต่อ
แต่คนผิวขาวกลับเอียงหน้ามอง
ทีงี้ล่ะกล้าสบตา
อยากดึงหน้ากากออกจริงๆ อยากรู้ว่าจะกล้ามองหน้าเขาตรงๆ อีกมั้ย
“คุณถามอะไรเหรอครับ”
“เพื่อนเป็นยังไงบ้าง คืนนี้ไม่เที่ยวผับแล้ว--”
ยังไม่ทันพูดจบประโยค เจ้าเด็กผิวขาวก็ยกนิ้วชี้ขึ้นแตะปากอวบ ส่วนอีกมือรีบโบกหยอยๆ มาทางเขา ศีรษะก็ส่ายไปมา ลุกลี้ลุกลนดูร้อนใจ แต่ก็ดูน่ารักในสายตาคนมอง
ทรงโปรดชอบอะไรแบบนี้
แบบเอ็นดูนี่แหละ
“อย่าพูดนะครับ” เอ็นดูหันซ้ายหันขวา เหมือนกลัวว่าจะมีคนมาได้ยิน “เดี๋ยวคุณแม่ได้ยิน...”
แต่ประโยคหลังน้องพึมพำเบาๆ แล้วทรงโปรดก็ไม่แน่ใจว่าน้องพูดอะไรเพราะเสียงเพลงในนี้ดังกลบ
“ทำไม ไม่อยากให้แม่รู้เหรอ” เดาล้วนๆ
“นี่คุณ”
“อย่างนี้แสดงว่าหนีเที่ยว”
“ไม่ได้หนีเที่ยวนะครับ ผมไปตามพี่รหัสกลับบ้าน”
ทรงโปรดพินิจใบหน้ากระต่ายที่กำลังตื่นตูม แม้จะมีหน้ากากบังอยู่ครึ่งหนึ่ง แต่แววตาที่ประกายวับวาวฉายความกังวลให้เขาเห็น
“พี่รหัสแบบไหนให้รุ่นน้องตามหิ้วกลับบ้าน” ทรงโปรดส่งเสียงทุ้มออกไปทางดุดันถามคนที่ตัวเล็กกว่า “เรียนที่ไหน คณะอะไร แบบนี้ควรฟ้องอาจารย์ดีมั้ย”
“คุณเป็นใครเนี่ย ทำไมต้องมายุ่ง--- เอ่อ ทำไมต้องมาใส่ใจเรื่องของผมด้วย”
เชื่อมั้ย ประโยคดูเกี้ยวกราด แต่น้ำเสียงของน้องสื่อออกมากได้นุ่มนวลมาก ทรงโปรดรู้ว่าน้องหมายความว่าอะไร เขากำลังโดนหาว่าไปเสือกอะไรกับเรื่องของคนอื่น ประมาณนี้
ทรงโปรดไม่แคร์ เมื่อคนตรงหน้าพูดด้วยน้ำเสียงนิ่มๆ เขาเลยไม่รู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกด่า
“เป็นคนที่เก็บไอ้นี่ได้”
เขาหยิบสร้อยข้อมือเส้นเล็กออกจากกระเป๋าชุดสูทดำ ถือโชว์ระดับใบหน้าของน้อง แล้วก็ต้องรีบเก็บใส่กระเป๋าเหมือนเดิมเมื่อเจ้ากระต่ายยกแขนขึ้นหวังจะแย่งสร้อยข้อมือกลับคืน เอ็นดูอ้าปากสีหน้าเลิ่กลั่ก ก่อนกัดริมฝีปากเบาๆ
ทรงโปรดชักสงสัย ไอ้อาการกัดปากเอ็นดูทำจนติดเป็นนิสัยเลยหรือเปล่า
แล้วเอ็นดูไม่รู้หรือไง ว่าทำแบบนี้...ทำให้เขาอยากเข้าใกล้มากขึ้นกว่าเดิม
ไม่ใช่แค่ทรงโปรด แต่ผู้ชายคนอื่นที่เห็นก็ต้องอยากเข้าใกล้
เพราะยั่วกันขนาดนี้
“นั่นสร้อยผม”
“แน่ใจ”
“ครับ แน่ใจ เมื่อวานมันหายที่ผั--” น้องเม้มปาก ส่ายหัวแรงๆ เหมือนไม่อยากให้คำว่าผับหลุดออกจากปาก “นั่นแหละ...คุณเก็บได้เหรอครับ”
ที่พีชบอกว่าแม่ของน้องเป็นอดีตนางงามคงเป็นเรื่องจริง เพราะกิริยา ท่าทาง คำพูด การวางตัวของเอ็นดูราวกับถูกอบรมสั่งสอนมาเป็นอย่างดี พูดเพราะกับคนแปลกหน้า น้ำเสียงนุ่มละมุนชวนฟัง เป็นเสียงหวานๆ ที่เขาเก็บไปฝัน
“มีคนทำตก เลยเก็บไว้”
“มันเป็นของผมเอง ขอคืนนะครับ”
กระต่ายน้อยแบมือขอพร้อมๆ กับเพลงเต้นรำที่ดังขึ้นพอดี เสียงพิธีกรบอกว่าช่วงนี้เป็นเวลาที่ทุกคนสามารถเชิดฉายบนฟลอร์ได้ขอเพียงมีคู่เต้นรำ ทรงโปรดยกยิ้ม ตาคมจับจ้องฝ่ามือขาวที่เขาคิดว่าหากได้สัมผัส คงจะนุ่มนิ่มไม่ต่างจากเนื้อแขนของเจ้าตัว
ร่างสูงค่อยๆ สาวเท้าเดิน ซึ่งแน่นอนว่าเอ็นดูก็เดินตามทั้งที่แบมือค้างไว้อย่างนั้น
“คุณ จะไปไหน ผมขอสร้อยคืนด้วยครับ”
น้องเดินตามทุกฝีก้าว ระหว่างกลางพวกเขาทั้งสองมีโต๊ะอาหารตัวยาวขั้นอยู่ จนกระทั่งสิ้นสุดความยาวของโต๊ะอาหาร คุณชายทรงโปรดเดินอ้อมมามาอีกฝั่ง ร่างสูงชะลอเท้าเมื่อเอ็นดูเดินใกล้เข้ามา ก่อนที่น้องจะชะงักนิ่งเมื่อระยะห่างตอนนี้ไม่ได้มีมากเหมือนก่อนหน้านั้น
ไม่มีโต๊ะอาหารแบ่งเขต ทรงโปรดเลยลดระยะให้ความใกล้ของเขากับน้องเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม
เอ็นดูสาวเท้าหนีไปหนึ่งก้าว และเขาคิดว่าต้องมีก้าวต่อไปแน่ๆ แต่คนอย่างทรงโปรดไม่มีวันปล่อยให้คนที่เขาถูกใจหนีหายไปไหนเป็นครั้งที่สอง
มือเล็กๆ ที่ยื่นรอเพื่อขอสร้อยคืนเลยถูกกุมไว้ด้วยมือหนา นิ้วเรียวยาวของเขาสอดประสานกับนิ้วของน้อง ทรงโปรดดึงร่างที่เล็กกว่าแนบชิดจนใบหน้าหวานแนบบนอกกว้าง เขาจับมืออีกข้างของเอ็นดูแล้วบังคับวางบนไหล่กว้าง ก่อนที่เอ็นดูจะได้ขัดขืน มือหนาอีกข้างก็ล็อกเอวบางของน้องไว้แล้ว
“คุณ ปล่อยผม”
“ไม่เห็นหรือไง คนอื่นเขาจับคู่เต้นรำกันหมด”
“เห็นครับ แต่คนอื่นเขาจับคู่ชายหญิง...ไม่ใช่แบบนี้”
เสียงน้องอู้อี้ เอ็นดูพยายามขืนตัวออกเพราะตอนนี้กลายเป็นว่าตัวเองตกอยู่ในอ้อมกอดของร่างสูง แต่ทรงโปรดแรงเยอะ แถมมือไม้ยังเหนียวหนึบเหมือนติดกาวเลยทำให้ขยับตัวตามใจตัวเองไม่ได้เลย
“สมัยไหนแล้ว ผู้ชายด้วยกันก็จับคู่เต้นรำได้”
“จะสมัยไหนก็ไม่ได้ทั้งนั้นแหละครับ”
“ตอนอยู่มัธยมเคยเรียนลีลาศมั้ย เวลาที่ผู้หญิงไม่พอให้จับคู่ ผู้ชายก็ต้องจับคู่ซ้อมกันเอง”
“เคยเรียนครับ แต่ไม่เคยจับคู่กับผู้ชาย”
“งั้นนี่ก็เป็นครั้งแรก”
“คุณ ปล่อยได้แล้ว”
ทรงโปรดชอบเสียงร้องที่ฟังดูวุ่นวาย หงุดหงิด แต่สื่อออกมาได้นุ่มนวล นุ่มนิ่มในแบบฉบับของเอ็นดู เขาหัวเราะเบาๆ ก่อนขยับเท้าไปข้างหลังเล็กน้อย แน่นอนว่าคนตัวเล็กในอ้อมกอดก็ก้าวเท้าตามโดยอัตโนมัติ
“เต้นรำเก่งนะเรา”
“ก้าวเท้าตามคุณไง”
“แสดงว่าเป็นผู้นำที่ดี”
เขาอวยตัวเองหนักเอาการ และถ้าตอนนี้จ้องหน้าสบตากัน คงได้เห็นเอ็นดูเบ้ปากใส่
“ผมเป็นผู้ตามที่ดีต่างหาก”
“ถ้าคนนำก้าวเท้าไม่ดี คนตามจะก้าวตามดีๆ ได้ยังไง”
เขาได้ยินเสียงน้องถอนลมหายใจ
“เอาเถอะครับ เรื่องของคุณเลย”
เพราะขัดขืนไม่ได้เอ็นดูเลยจำใจจมอยู่ในอ้อมกอดของร่างสูง แก้มขาวแนบอกกว้าง ทรงโปรดรู้ว่าน้องไม่ได้อยากใกล้ชิดคนแปลกหน้าอย่างเขา แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เพราะตอนนี้ใกล้จนไม่มีระยะห่าง
“แต่ถ้าคนนำก้าวพลาดจะเป็นแบบนี้”
“เฮ้ย คุณ!”
ทรงโปรดสาธิตผู้นำเต้นรำที่ก้าวเท้าพลาด ด้วยการก้าวเท้าไปข้างหลัง เพียงเสี้ยววินาทีเขาก็ชักเท้ากลับที่เดิม เป็นจังหวะเดียวกับที่เอ็นดูก้าวเท้าตามพอดี เลยทำร่างเล็กปะทะกับคนตัวสูงอย่างจังจนหลุดร้องออกมา
คนในอ้อมกอดทรงตัวไม่ได้ ซวนเซทำท่าจะล้มแต่ทรงโปรดกระชับเอวบางให้แน่นกว่าเดิม เลื่อนท่อนแขนแกร่งโอบหลังของเอ็นดูพลางลูบปลอบเบาๆ
ทรงโปรดหยุดเต้นรำนำน้องแม้ว่าเพลงจะบรรเลงดังอย่างต่อเนื่อง มือเล็กที่ประสานนิ้วกันบีบเข้ากับมือของเขาก่อนจะคลายแรงนั้นออก เอ็นดูเงยหน้ามองทรงโปรด สายตาของน้องฉายแววกังวล
“อย่าทำแบบนี้อีกนะคุณ”
“ทำไม”
“ยังต้องถามอีกเหรอครับ” เอ็นดูกัดปากเบาๆ “คุณเป็นใครไม่รู้...จู่ๆ ก็มากอด”
โคตรน่ารัก...
ทรงโปรดรู้สึกอยากฟัดคนที่เพิ่งเจอหน้ากันแค่สองครั้งจริงๆ เอ็นดูอาจจะไม่รู้ว่าความนุ่มนิ่มน่าบีบไปซะทุกส่วนของตัวเองทำให้ใจของใครอีกคนสั่นรัว เอ็นดูต้องไม่มีทางรู้ว่าน้ำเสียงของตัวเองชวนฝันหวานมากแค่ไหน และที่สำคัญ
ตัวน้องโคตรจะหอมเลย
โรคจิตก็คราวนี้แหละวะไอ้โปรด
“อยากรู้จักมั้ย เดี๋ยวบอกชื่อ”
“ไม่ครับ คืนสร้อยมาก็พอ”
“ไม่คิดจะขอบคุณคนที่เก็บสร้อยได้หน่อยเหรอ”
“ต้องคืนของก่อนสิครับ”
“ได้”
“คุณ!”
“ชู่ว”
ทรงโปรดคลายมือที่ประสานนิ้วกับน้องออก แล้วใช้มือข้างนั้นเกี่ยวเอาสายของหน้ากากที่คล้องใบหูขาวออกตามไปด้วย เอ็นดูหันหน้าหวังจะหนี แต่สุดท้ายก็ต้องยืนนิ่งยอมให้เขาเป็นคนถอดหน้ากากออกใบหน้า
จนกระทั่งมันหลุดออก ทรงโปรดโยนหน้ากากของเอ็นดูทิ้งลงพื้นทันทีที่เห็นใบหน้าขาวนวลเต็มตา
เอิบอิ่มทุกสัดส่วน
เขารับรู้ได้ทันทีว่าน้องหายใจแรงกว่าเดิม คนตัวเล็กในอ้อมกอดไม่ยอมสบตาเหมือนตอนที่หน้ากากยังบดบังครึ่งใบหน้า เอ็นดูหนีสายตาคมด้วยการก้มมองพื้น แต่ก็ถูกมือหนาเชยคางมนขึ้นจนได้
แล้วก็เป็นอีกครั้งที่เอ็นดูแพ้เขา
“ชายโปรด!”
“เอ็นดู...ลูก!”
เสียงของผู้หญิงสองคนดังขึ้น เสียงหนึ่งที่เรียกชื่อจริงเขาจำได้ว่าเสียงของคุณแม่ ส่วนอีกเสียงที่เปล่งเรียกชื่อเอ็นดูด้วยความตกใจ...น่าจะเป็นเสียงคุณแม่ของน้อง
และเสียงสองเสียงนั้นส่งผลให้เขากับเอ็นดูหันหน้ามองเพียงแค่เสี้ยววินาทีฝ่ามือเล็กๆ ก็รีบดันไหล่ของเขาออกอย่างเต็มแรง ร่างสูงเซถอยหลัง แต่เขาก็สามารถตั้งหลักแล้วกลับมายืนล้วงกระเป๋าเท่ๆ ได้เหมือนเดิม
คนน่ารักหนีไปยืนข้างแม่แล้ว
“น้องชายโปรดรู้จักน้องเอ็นดูมาก่อนเหรอคะ”
เป็นหม่อมราชวงศ์รฐาที่เปล่งเสียงพูดปนรอยยิ้ม คุณชายทรงโปรดมั่นใจว่าพี่สาวของเขาเห็นภาพที่เขากับน้องยืนกอดกันกลางฟลอร์ เพราะเธอเล่นขยิบตายิ้มกริ่มแบบพี่น้องรู้กันให้ซะขนาดนั้น
ตาคมมองเจ้าเด็กน่ารักที่ไปยืนกัดปากก้มหน้าหลบสายตา นึกคิดถึงกลิ่นหอมหวานจากตัวของน้องทันที อยากใกล้ อยากกอดอีกครั้ง
เมื่อกี้ยังไม่หนำใจ
“บังเอิญครับ เมื่อวานผมเจอน้องที่ผั--”
“ที่ห้างครับ”
แล้วเจ้าคนน่ารักก็พ่นโกหกคำโตออกมา
“...เอ็นเจอคุณชายที่ห้าง เขาเก็บสร้อยของเอ็นได้ครับคุณแม่”
คงเป็นห้างที่มีเพลงเปิดดังๆ มีแอลกอฮอล์แทบทุกแบรนด์ แล้วก็มีพี่รหัสหัวสีเหลืองที่เมาแอ๋
ทรงโปรดยกยิ้ม ผงกศีรษะให้กับความโป้ปดเก่งของเอ็นดู เขายังไงก็ได้อยู่แล้ว ถ้าเอ็นดูไม่อยากให้บอกกับผู้ใหญ่ว่าไปเจอกันที่ไหน เขาก็จะไม่บอก
แต่การที่ทรงโปรดต้องช่วยน้องโกหกผู้ใหญ่...ต้องมีข้อแลกเปลี่ยน
“บังเอิญจังเลยค่ะ ชายโปรด...แม่กำลังจะแนะนำให้รู้จักพอดี”
ไม่มีใครสงสัยเลยสักนิด แถมยังยินดีที่เขากับเอ็นดูเคยเจอกันแล้ว
“ชายโปรดครับ นี่คุณน้าแอ้ เพื่อนแม่เอง”
“สวัสดีครับคุณน้าแอ้”
หม่อมราชวงศ์ทรงโปรดโน้มตัวยกมือไหว้คุณแอ้อย่างสุภาพ คุณแม่เขาน่ะเพื่อนเยอะ จำไม่หมดหรอกว่าใครเป็นใครบ้าง แต่สงสัยคนคนนี้คงต้องจำให้ขึ้นใจ
“สูงหล่อมากๆ เลยค่ะคุณนัด แอ้เคยเจอแต่คุณชายเพลิงก็คิดว่าสูงแล้วนะคะ แต่คุณชายโปรดสูงกว่าพี่ชายอีก”
ในบรรดาพี่น้องผู้ชาย ทรงโปรดสูงสุด เขาสูง 188 เซนติเมตร
“ชายโปรดชอบเล่นกีฬาค่ะคุณแอ้ เลยสูงนำพี่ๆ”
“ทฤษฎีดื่มนมอย่างเดียวไม่ได้ผลค่ะคุณนัด เอ็นดูดื่มแต่นมเลยสูงเท่านี้เอง”
“สูงเท่านี้เหมาะดีแล้วค่ะ น่ารักน่าตีจะตายไป”
เห็นมั้ย คุณแม่ยังคิดเหมือนกัน
ทรงโปรดมองคนตัวเล็กที่เอาแต่ก้มหน้า สองมือขาวที่เขาเคยสัมผัสประสานกลัดกุมกันไว้ น้องดูท่าทางอึดอัดเหมือนอยากออกจากที่นี่เร็วๆ
“คุณแม่ครับ เอ็นขอตัวกลับก่อนได้มั้ย...พอดีพรุ่งนี้มีสอบตอนเช้า ไม่อยากนอนดึกครับ”
คนไม่อยากนอนดึกที่เมื่อวานไปโผล่ในผับตอนเที่ยงคืนหน้ามุ่ยใส่คุณแม่ ทรงโปรดสังเกตทุกอาการของเอ็นดู รู้ว่าน้องไม่ได้อยากจะโกหกเลยพยายามหนีออกจากที่นี่ ทั้งที่ตอนนี้เป็นเวลาแค่สองทุ่มเศษเท่านั้น
“ตอนนี้ฝนตกหนักเลยนะลูก ว่าแต่เอ็นดูพักอยู่ที่ไหนเหรอครับ” แล้วก็เป็นแม่ของเขาเองที่แสดงความห่วงใหญ่โดยการไถ่ถาม
“เอ็นพักอยู่ที่คอนโด Star view ครับคุณน้า”
ตาคมมองคนเด็กกว่าที่พูดจาดูสนิทสนมเข้ากับผู้ใหญ่ง่าย พอเหลือบมองคุณแม่ของเขาก็เห็นว่าท่านดูโปรดปรานเจ้าเด็กขี้โกหกคนนี้เหลือเกิน
“งั้นก็ให้ชายโปรดไปส่งได้น่ะสิ”
เขาหันขวับมองคุณแม่ก่อนเหลือบมองเอ็นดูที่ทำตาโตเลิ่กลั่ก แล้วทรงโปรดก็คลี่ยิ้มออกมา
ขอบคุณครับคุณแม่ รักคุณแม่ที่สุดในโลกเลย
“อ้าว คุณชายโปรดจะกลับเลยเหรอคะ” คุณแม่ของน้องถาม
เขาไม่ต้องตอบ คุณแม่ก็ทำหน้าที่ตอบแทนทุกอย่าง
“ชายโปรดไม่อยากอยู่ในงานนานอยู่แล้วค่ะคุณแอ้ นี่ก็คงอยากกลับแทบแย่”
คุณแอ้ยิ้มกว้างพลางยกมือลูบผมสีน้ำตาลเข้มของเอ็นดู ท่านจับมือน้องแล้วพาเดินมาหยุดตรงหน้าร่างสูง
ดีว่ะ ผู้ใหญ่เข้าทางขนาดนี้
“อย่างนั้นน้าฝากน้องด้วยนะคะคุณชาย น้าไม่อยากให้กลับบ้านคนเดียวเลย กลัวจะเป็นอันตรายค่ะ”
แต่คนที่อยากกลับบ้านทำหน้าเหมือนคนจะร้องไห้
ทรงโปรดคลี่ยิ้ม โน้มศีรษะเล็กน้อยก่อนเอื้อมมือไปจับมือขาวของเอ็นดูเอาไว้ ออกแรงดึงนิดหน่อยน้องก็มายืนก้มหน้าข้างๆ เขาแล้ว
“ได้ครับคุณน้า ผมจะดูแลน้องอย่างดี”
ทรงโปรดเหลือบมองคนข้างกาย และยกยิ้มให้เมื่อเห็นว่าเอ็นดูก็เงยหน้ามองเขาพอดี
คุณแม่หวงขนาดนี้ สงสัยต้องส่งให้ถึงเตียงเลยว่ะ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

พี่มันร้ายนะคะทั่น คุณม่เห็นดีเห็นงามขนาดนี้เข้าทางที่เขาเลยค่ะหนูเอ็น
หมั่นไส้พี่โปรดว่ะ55555 กิ้มกุ่มจังนะพี่คนนี้ อยากตี ไหนบอกกลัวกระต่ายตื่นไงคะพี่ แต่นี่แกล้งน้องเอ็นดูไม่หยุดเลยนะ แถมแต๊ะอั๋งน้องไม่หยุด คุณตำหนวด !!!! /ยกหูโทรศัพท์
-ย๊ะะะะะะ😄
เดี๋ยว! อิพี่!
พ่อไม่เบาเลยอะพ่อ 55555555555555555
เบาหน่อยนะพ่อ