ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic บุพเพสันนิวาส] กิจรักข้ามภพ - การะเกด x จันทร์วาด [เกศจันทร์วาด]

    ลำดับตอนที่ #3 : ชะเง้อชะแง้แลหา

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 6.59K
      319
      17 มี.ค. 61

     


    ตอนที่ ๓ : ชะเง้อชะแง้แลหา


    .      แสงตะวันคล้อยเลื่อนลับขอบฟ้า
          ถึงเวลาลาจากคิดใจหาย
          คิดถึงเจ้าคงใจเจ็บจนเจียนตาย
          ขอให้ได้พบกันใหม่ในเร็ววัน
          
           ตะวันคล้อยใกล้ลับฟ้า วงสนทนาก็ต้องหยุดไว้เสียก่อน เจ้าของเรือนออกมาส่งแขกที่ท่าน้ำ เกศสุรางค์เดินเคียงสาวตากลมตามออกมาเช่นกัน ทั้งคู่ดูสนิทสนมกันมากขึ้น ทั้งที่ได้ใช้เวลาร่วมกันไม่เท่าไหร่ แต่จันทร์วาดยังคงวางกิริยาของหญิงสูงศักดิ์ตลอดเวลา ต่างกับอีกคนที่แม้นจะรูปโฉมงดงามไม่แพ้กัน แต่กิริยาต่างกันราวฟ้ากับดิน

            "ข้าต้องกลับก่อนหนา แม่การะเกด" ริมฝีปากบางพรายยิ้ม "ท่านพ่อข้า เปลี่ยนที่นัดหมายเป็นที่เรือนข้า ออเจ้าจักไปได้หรือไม่?"

             "จ้ะ! แม่หญิงจันทร์วาด ไว้เจอกันนะ" เกศสุรางค์ตอบรับอย่างมั่นใจ

             "ออเจ้าชอบกินขนมรือ?"

             "ชอบสิ ขนมไทย โดยเฉพาะที่ทำจากใบเตย ข้าชอบกลิ่นใบเตยน่ะ"

             ได้ยินดังนั้นแล้วสาวน้อยหุ่นบาง ชายตากลมมองหญิงเจ้าบ้านด้วยแววตาสดใสเป็นประกาย ให้ความรู้สึกผิดแปลกไม่เหมือนเดิม ก่อนหันหลังก้าวลงเรือที่โคลงตามแรงน้ำอย่างระวัง

              เกศสุรางค์ได้ยลโฉมแม่สาวสูงศักดิ์ก็เผลอมองตามเคลิ้มใจ ไม่ว่านางจะทำกริยาใดๆก็ดูน่าชม เชิญชวนให้หลงใหล เธอไม่แปลกใจเลยว่าทำไมการะเกดจึงลุ่มหลงนางเอาเสียมากๆ

              เธอยืนมองเรือของแม่หญิงจันทร์วาด พายลอยเลียบคลองไปจนลับสุดสายตา ด้วยใจชื่นชมความงามแลนิสัยใจคออ่อนโยนของนาง

               "คุยกับแม่หญิงจันทร์วาด เป็นอย่างไรบ้างแม่การะเกด?" ออกญาโหราธิบดีจ้องหลานอย่างเอ็นดู "แลออเจ้าสองคนสนิทกันมากขึ้นนะ"

                "แห่ะๆ ค่ะ แม่หญิงจันทร์วาดนิสัยดี คุยด้วยแล้วสบายใจค่ะ" เธอตอบเสียงซื่อ

                "พูดจริง..หรือแสร้งพูดกันแน่" ชายหนุ่มร่างสูงแลรูปงาม ยืนเชิดหน้าที่ได้รูปของเขาพร้อมเอามือไขว้ที่หลัง กล่าวกระแทกหญิงคู่หมายโดยไม่หันมามอง

                 "พ่อเดช.." ออกญาทำเสียงดุ

                 "ก็นางเป็นคนปากอย่างใจอย่าง กระล่อนปลิ้นปล้อนหาใครเทียม ที่นางเปลี่ยนไปกระผมก็คิดว่านางต้องวิปลาส ด้วยมนต์กฤษณกาลีเป็นแน่แท้" หมื่นสุนทรเทวาเอ่ยด้วยอารมณ์ร้อน

                  "อะไรกัน ก็สวดมนต์ซะขนาดนั้นแล้ว ยังจะมาสงสัยข้าอีก " 

                  "ออเจ้าเป็นหญิง หาควรโต้เถียงผู้เป็นพี่เช่นนี่ไม่! ข้ามิเคยพบมิเคยเห็น" พ่อเดชเริ่มใส่อารมณ์มากขึ้น พร้อมชี้นิ้วไปที่ใบหน้างดงามดวงนั้น

                   "ข้าก็ไม่เคยเห็นผู้ชายมาด่าผู้หญิง ฉอดๆๆเหมือนกันแหล่ะ ข้าชอบแม่หญิงจัทนทร์วาดจริงๆ ถ้าไม่เชื่อจะมาถามทำไมล่ะ!" เกศสุรางค์ตัดพ้อทั้งน้ำตา ร่างอรชรสะบัดหันหลังย่ำเท้าแรงเดินหนีด้วยน้อยใจ

                  "แม่การะเกด!!" พ่อเดชเรียกเสียงดุ แต่ก็สะเทือนใจกับน้ำตาของเธอไม่น้อย 

                 เกศสุรางค์เดินปาดน้ำตามายังพลับพลาหน้าหอนอน ก่อนทิ้งกายลงเอนหลังมือค้ำยันเท้าเหลื่อมเท้า

                 "ผู้ชายอยุธยานี่ทั้งโหด ทั้งดุจังเลยวะ"

                 "แม่นาย..บ่นกระไรหรือเจ้าคะ?" นังผินคลานต้วมเตี้ยมเข้ามาหา

                 "เปล่าหรอก! ส่วนพี่ผินพี่แย้ม ก็เลิกคลานมาหาข้าได้ละนะ เข่าด้านหมด" เกศสุรางค์บ่นพร้อมเท้าคาง

                 "เจ้าค่ะแม่นาย" สองบ่าวประสานเสียง

                 "นี่พี่..พวกพี่ว่าอีตาหมื่นนั่นชอบแม่หญิงจันทร์วาดมะ?" 

                  "ชอบเจ้าค่ะชอบมาก แลแม่จันทร์วาดจะรู้ว่าหมื่นท่านมีคู่หมาย ก็ยังชอบกลับเจ้าค่ะ" 

                  "โอ้โห..ซับซ้อนแฮะ คู่หมายข้าชอบหญิงคนเดียวกับข้างั้นเหรอ?" เกศสุรางค์แตะนิ้วที่คาง ทำท่าครุ่นคิด "แบบนี้อีตาหมื่นก็เป็นมารหัวใจข้าซิ?"

                **เห้อ อะไรกันเนี่ย ปวดหัวชะมัด**


    ............................................................

               แสงแดดอุ่นๆยามสายสาดส่องหลังคาเรือนไม้ และผ่านลงกระทบพื้นไร้ที่กำบัง สาวร่างบางเดินอย่างสง่าในชุดเปิดหน้าท้อง แลมีผ้าบางๆพาดวางปิดเนินอกเนียน ด้วยวันนี้อากาศค่อนข้างจะร้อน ตากลมใสเหม่อมองดอกมณฑาทอง ซึ่งปลูกไว้ข้างเรือน แลปรากฏรอยยิ้มจิ้มลิ้มเขินอาย 

               "ช่างสวยและอยู่สูงเหลือเกิน เจ้าดอกมณฑาทอง" จันทร์วาดกะลิ้มกะเหลี่ยพูดคนเดียว ทั้งคิดถึงบทเพลงที่เกศสุรางค์ขับร้อง "ไม่เคยมีผู้ใด เปรียบข้าเป็นมณฑาทองเลยหนา"

                จันทร์วาดย่างช้าๆเข้าไปในโรงครัวเสียแต่เช้า บ่าวไพร่เห็นแม่นายเดินมาแต่ไกล ต่างพากันรีบจัดแต่งโรงครัวมือระวิง
     
                  "เหตุใดแม่หญิงมาแต่เช้านักเล่า" บ่าวคนหนึ่งเอ่ยถามกันเอง

                   "ข้าจักไปรู้รึ รีบเก็บอย่ามัวโอ้เอ้พูด"

                 เมื่อสาวน้อยเข้ามาถึง โรงครัวก็ถูกจัดเตรียมพร้อมรอไว้แล้ว นางไม่รอช้ากราดสายตา มองวัตถุดิบว่าพอจะทำอะไรได้บ้าง

                  "พวกเอ็งวันนี้ข้าจักทำขนมต้มหนา" จันทร์วาดพูดด้วยกิริยาอ่อนช้อย

                   "เจ้าค่ะ" 

                  บ่าวพากันช่วยหาจัดเตรียมวัตถุดิบ คนหนึ่งผสมแป้งใบเตย แป้งอัญชัน คนหนึ่งขูดมะพร้าว คั้นกะทิ ผัดไส้กันอย่างสามัคคี ก่อนนังเหมือนกับนางบุญจะตามเข้ามาในครัวอย่างประหลาดใจ

                  "แม่หญิงจันทร์วาด จักทำขนมไปใยรึเจ้าคะ?" นังเหมือนถาม

                  "ข้าจักทำไปเรือนออกญา" จันทร์วาดตอบพลางใช้มือเรียว บรรจงปั้นขนมที่มีแป้งสีตั้งเรียงราย

                  "เอ..เพลานี้หมื่นสุนทรไม่อยู่เรือน นี่เจ้าคะ" 

                  จันทร์วาดเปลี่ยนสีหน้า ทำเป็นไม่ได้ยินคำถามแล้วตั้งอกตั้งใจปั้นขนม คอเรียวเล็กขยับซ้ายทีขวาที บ่งบอกความสุขที่เอ่ออยู่ในใจ  

                  บ่าวของนางได้แต่มองอย่างสงสัย แต่ก็ช่วยปั้นขนมอย่างประณีตจนเสร็จ

                 "เร่งเกียมข้าวของเถิด ประเดี๋ยวข้าจักไปอาบน้ำ" สาวน้อยล้างมือเปื้อนแป้งเหนียว ก่อนค่อยๆลุกขึ้นเดินไปที่ท่าอาบน้ำ

                  "วันนี้ข้าจักแต่งน้ำปรุงกลิ่นใบเตย แต่งแป้งร่ำ เอ็งไปเกียมเถิดบุญ ให้นังเหมือนอาบน้ำให้ข้า"  ร่างน้อยรวบมวยผมที่ปล่อยยาวขึ้นเรียบร้อย และดึงผ้าคลุมบางออกให้บ่าวรับไว้ ขมิ้นชันบดละเอียดผสมน้ำมะขามเปียกถูกใช้ชะโลมผิวกายเนียน ก่อนน้ำเย็นใสจากท่าจะไหลอาบไปทั่วร่างบาง

                 "เสร็จแล้วเจ้าค่ะ" นังเหมือนพูดพร้อมเอาผ้าคลุมไหล่ให้นาย

                 จันทร์วาดลุกขึ้นเงียบๆ และขึ้นหอนอนที่ นังบุญจัดเครื่องหอมพร้อมสำอางค์ไว้หน้าคันฉ่อง และมีผ้าไหมสไบเนื้อดีพับวางไว้ข้างๆ 

                 "ไปบอกให้บ่าวชายเกียมเรือเถิด ประเดี๋ยวข้าทำเอง"

                 "เจ้าค่ะแม่หญิง"

                 
    ............................................................

                "คุณป้าเจ้าขา~~~" ร่างสูงปราดเปรียววิ่งกระทืบพื้นเรือนสะเทือนดังไปทั่ว ด้วยทีท่าซุกซน ก่อนจะหยุดยืนต่อหน้าหญิงร่างอวบ ที่นั่งบนพลับพลาไม้ ถัดจากหมื่นสุนทรเทวา

                 "แม่การะเกด! ออเจ้านี่ไม่เคยจดไม่เคยจำเลยนะ!" คุณหญิงจำปาไล่ตามองเกศสุรางค์ ตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าอย่างไม่พอใจ

                  "อูย..ขออภัยเจ้าค่ะ" เกศสุรางค์รีบนั่งลงทันใด

                "มีอันใดก็ว่ามา" หญิงสูงวัยจับพัดตีทีมือหนึ่งครั้ง พลางส่ายหน้ามองหญิงสาวตรงหน้า อย่างหงุดหงิด

                "คุณป้า..ข้าขอไปข้างนอกกับคุณพี่หมื่นได้มั้ยเจ้าคะ" เจ้าตัวแสบม้วนตัวอ้อนสุดความสามารถ ด้วยอยากออกไปจากเรือนแสนน่าเบื่อบ้าง

                "ก็ขอคุณพี่ออเจ้าซิ" คุณหญิงจำปาเบือนหน้าหนี

                เกศสุรางค์เปลี่ยนเป้าหมาย พลันหันเปลี่ยนทิศไปทางหมื่นสุนทรเทวา ที่นั่งมองเธออย่างไม่เป็นมิตร ร่างเพรียวที่แม่ตัวอ้วนใช้อยู่ ขยับเข้าไปใกล้ชายตัวใหญ่ และชายตาเรียวคมมองออดอ้อน

                "ก็ย่อมได้ หากแต่ขากลับเรือนต้องให้นังผิน นังแย้ม พายเรือให้ออเจ้า" พ่อเดชยิ้มเย้ยหญิงสาว

                นังผิน นังแย้มตกใจ อ้าปากหันมองหมื่นท่านก่อนหันกลับมามองหน้ากันเอง

                "เย้! ขอบคุณค่ะ " เกศสุรางค์ยิ้มแป้นใส่ชายหน้าดุ

                ทั้งคู่เดินลงจากเรือนไปด้วยกันโดยมีบ่าวของแต่ละคนติดตามไปด้วย นังผินและนังแย้มนั่งเรืออีกลำหนึ่ง บ่าวชายไปอีกลำลอยเรือรออยู่ริมคลอง มีเพียงเรือเจ้านายที่จอดเทียบติดท่า พ่อเดชนั่งมองคู่หมายตนที่ยืนเก้กังไม่กล้าลงเรือ

                "เป็นอะไร ใยจึงไม่ลงเรือ?" 

                "เอ่อ..เรือมันโคลงน่ะค่ะ กลัวตก" 

                หมื่นสุนทรเทวาแสดงน้ำใจต่อเกศสุรางค์ ยื่นมือใหญ่หนาของเขา เพื่อรับแม่หญิงรูปงามตรงหน้า ที่ดูจะกลัวเรือให้ลงนั่ง เกศสุรางค์ตอบรับข้อเสนอนั้น เธอจับมือพ่อเดชที่ตรึงเธอไว้มั่นคง ก่อนหย่อนขาลงเรืออย่างระวัง 

                สองบ่าวหญิงยิ้มมองกันเมื่อเห็นแม่นายกับหมื่นท่าน ทำท่าสวีทหวานกัน

                "อีแย้มเอ้ย! ฟ้าคงไม่ผ่าลงเรือนแล้วมึง" นังผินยกมือไหว้ท่วมหัว

                "กูก็ว่า ..คิกคิก" อีแย้มเสริมด้วยอีกคน

    ................................................................
               
                 เรือแม่หญิงจันทร์วาดจอดเทียบท่า เรือนออกญาโหราธิบดีโดยมิได้นีดหมายก่อน ขนมต้มจัดเตรียมไว้ ๓ ชุด ถูกยกขึ้นหลังจากที่หญิงสูงศักดิ์ ก้าวขาลงเหยียบท่า บ่าวเรือนออกญารีบวิ่งออกมาต้อนรับกันแทบไม่ทัน

              "คุณหญิงจำปาอยู่รือไม่" จันทร์วาดถาม

              "ขอรับ เชิญแม่หญิงจันทร์วาดทางนี้ขอรับ"

              จันทร์วาดเดินวางกิริยาเรียบร้อยขึ้นเรือนใหญ่ กราบทักทายคุณหญิงจำปาที่แลจะเอ็นดูนางมาก มากกว่าว่าที่สะใภ้ของตัวเองเสียอีก

              "วันนี้คุณลุงกับพ่อเดช ก็มีนัดหมายกันที่เรือนโกษาเหล็กมิใช่รือ แล้วออเจ้าจะลำบากมาหาถึงเรือนทำไมเล่า?" 

              "มิลำบากดอกเจ้าค่ะ พอดีวันนี้ข้าทำขนมต้มเลยว่าจะนำมาให้คุณป้ากับคุณพี่" จันทร์วาดก้มหน้าตอบให้เกียรติเจ้าบ้าน

               คุณหญิงจำปาเหลือบมองชุดขนมที่จัดไว้ ๓ ชุดจึงแปลกใจ เพราะทุกครั้งจะจัดมาเพียง ๒ ชุดเท่านั้น แต่ก็ไม่ได้คิดจะถามซักไซร้อะไร

                "แต่เวลานี้พ่อเดชไม่อยู่เรือน ป้าบอกออเจ้าแต่เมื่อวานแล้วมิใช่รือ?"

                จันทร์วาดชะงักกับคำถาม และยิ้มกลบเกลื่อนไป "รู้เจ้าค่ะ แต่พอดีจะต้องผ่านมากงนี้ เลยทำขนมมาฝากเจ้าค่ะ"

                 "ใยแม่หญิงจึงโกหกวะอีบุญ" นังเหมือนซุบซิบกันกับอีบุญบ่าวสหาย ด้วยไม่เคยเห็นแม่นายของตนกล่าวมุสา

                 "กูจักไปรู้รึ" 

                "งั้นรือ" คุณหญิงจำปายิ้มอ่อนๆ พยักหน้ารับคำบอกของหลานรัก

                "เอ่อ..แม่การะ..คุณพี่เดชจักกลับมาเมื่อไหร่รือคะคุณป้า" จันทร์วาดชะเง้อมองประตูเรือนเนืองๆ

               "ตอนนี้พ่อเดชพาแม่การะเกดออกเที่ยวตลาด เพลาชายก็คงกลับแล้ว" หญิงสูงวัยตอบอย่างตรงไปตรงมา

               จันทร์วาดหน้าถอดสี ความเศร้าสร้อยเผย ออกมาผ่านดวงตากลมดั่งตุ๊กตาคู่นั้น มือเล็กที่ถือพัดกำเข้าหากันแน่น ด้วยถูกสอนมาให้เก็บความรู้สึกเพราะเป็นคุณสมบัติของผู้ดี

              "ไปด้วยกันรือเจ้าคะ" 

               แม้พยายามซ่อนความรู้สึก แต่มันก็หลอกสายตาหญิงที่ผ่านน้ำร้อนมาก่อน อย่างคุณหญิงจำปาได้ หญิงมีอายุมองหลานสาวด้วยเวทนา

               จันทร์วาดมองเหม่อคิดถึงใครบางคน แม่หญิงน้อยหลุบตาด้วยรู้สึกน้อยใจ นางนั่งรออยู่เช่นนั้นกับคุณหญิงจำปา

    ...............................................................
                
               ณ ตลาดชุมชนโปรตุเกส เกศสุรางค์เดินพลางกระโดดไปมาอย่างร่าเริง ชมตลาดที่มีทั้งเครื่องปั้นดินเผา ผ้าแพร ผ้าไหม เครื่องประดับและอาหาร เพราะไม่เคยเห็นของจริง เลยดูจะออกอาการดีใจออกหน้าออกตา

              "ไม่เอาเจ้าค่ะแม่นาย ไม่กระโดด..ไม่งามเจ้าค่ะ!" อีผินอีแย้มหอบตะกร้าพะรุงพะรัง ตามเกศสุรางค์ที่วิ่งไวปราดเปรียวแทบไม่ทัน

               "โห.." เกศสุรางค์เบรกกระทันหันที่ร้านขายเครื่องประดับ ตาคมกราดมองแผงเครื่องทองเป็นกายสะท้อนระยับตา ก่อนเอื้อมมือหยิบของที่ถูกใจขึ้นมาดูใกล้ๆ "สวยจังเลย"

               เกศสุรางค์มองปิ่นปักผมทองคำประดับทับทิมสลับไพลินไม่วางตา พลางพลิกไปพลิกมาดูทุกซอกทุกมุมอย่างละเอียด


              "แม่นายชอบใจรือเจ้าคะ?" นังแย้มถามทั้งมองปิ่นปักผมที่ส่องประกายวาววับ

             "อื้ม ข้าชอบ..เอาอันนี้แหล่ะจ่ะ" เกศสุรางค์ไม่คิดเยอะรีบควักเงินจ่ายแม่ค้าตามราคา ก่อนจะยื่นปิ่นทองให้คนขายห่อใส่แพ็คเกจหีบโบราณ "โห..ใส่หีบให้เลยเหรอเนี่ย"

              "ออเจ้าอยากได้ใยไม่บอกข้า จักซื้อเองทำไม" ชายร่างสูงที่โผล่มาจากไหนก็ไม่รู้ เดินมายืนชิดด้านหลังเกศสุรางค์

              "ว๊าย! ตาเถร! ต..ตกใจหมด" ร่างเพรียวสะดุ้งอย่างแรงก่อนหันไปมองค้อนชายหนุ่ม "ไม่ได้ซื้อไว้ใช้เองค่ะ ซื้อฝาก!"

              "ซื้อฝาก? ฝากผู้ใดเล่า" พ่อเดชถามอย่างฉงน

              "เอ้า..ก็ซื้อฝากแฟนไงคะ" เกศสุรางค์ยืนกร่างทำหน้ากวนโอ้ยอีกคน แล้วจิกหางตามองพร้อมหันหลังใส่พ่อเดช "ไปกันพี่ผินพี่แย้ม..ไปเดินดูตรงนั้นต่อ" 

              บ่าวเดินตามนายอย่างไม่มีทางเลือก กลัวหมื่นท่านก็กลัว กลัวแม่นายก็กลัว แต่ด้วยว่สเป็นบ่าวของการะเกด ก็ต้องติดตามแม่นายไปอย่างช่วยไม่ได้

              "แม่การะเกด! หยุดกงนั้นแล นี่ก็เพลาชายแล้ว กลับเรือน!" หมื่นสุนทรเทวาฟังคำเธอไม่รู้ความก็โมโหหนัก

             "ยังไม่อยากกลับค่ะ! คุณพี่หมื่นกลับก่อนเถอะค่ะ" 

             "ไม่ได้! หญิงผู้ดีเดินเที่ยวตลาดตะลอนๆ มิงาม!" เสียงดุพูดคำขาด

             "ก็คุณพี่หมื่นบอกว่าให้พี่ผิน พี่แย้มพายเรือข้าขากลับ ทำไมข้าจะกลับทีหลังไม่ได้คะ?" เกศสุรางค์เบะปากทั้งมองหน้าหาเรื่อง

             "ข้าเปลี่ยนใจแล้ว ขึ้นเรือเดียวกับข้าแล้วกลับเรือน!"
     
             "งืออ..ไม่ยุติธรรมเลยอ่ะ!"

    ...............................................................

              ที่เรือนออกญาโหราธิบดี คุณหญิงจำปายังนั่งมองหลานสาวที่อดทนนั่งรอ เหม่อมองประตูเรือนครั้งแล้วครั้งเล่า อย่างเห็นอกเห็นใจ 

              ไม่นานชายร่างสูงก็ย่างขึ้นมาบนเรือน ด้วยท่วงท่สง่างาม ทันใดที่ตาของเขาเหลือบเห็นแม่หญิงรูปงาม เขาก็ไม่ลังเลที่จะเดินตรงเข้าไปหา ด้วยใบหน้าหล่อเหลาเปื้อนรอยยิ้ม

            "ลูกกลับมาแล้วขอรับคุณแม่.." เขาเอ่ยด้วยรอยยิ้ม

            "คุณพี่เดช" จันทร์วาดยิ้มอ่อนๆก่อนยกมือไหว้ "เพิ่งกลับรือเจ้าคะ?"

           "ใช่..แม่จันทร์วาดมาถึงเรือน มีธุระอันใดรือ?" ชายหนุ่มถามเสียงนุ่ม

           "ไม่มีอันใดดอกเจ้าค่ะ เพียงแต่ทำขนมต้มมาฝาก"

           บ่าวของแม่หญิงจันทร์วาดยกของหวานที่เตรียมมา ไปวางไว้ข้างๆหมื่นสุนทรเทวาที่เพิ่งมาถึง

           "ข้าทำขนมต้มสองสีมาฝากเจ้าค่ะ คุณพี่ลองกินดูนะเจ้าคะ" จันทร์วาดพูดกับพ่อเดช แต่ในขณะนั้นใจของนางก็ไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ยังคงมองเหม่อไปที่ประตูเรือนเหมือนรอใคร

            พ่อเดชหยิบขนมต้มที่มีสีเขียวสลับฟ้าวางคู่กัน เหมือนของคุณหญิงจำปากันขึ้นมากิน และสังเกตเห็นแม่หญิงตรงหน้า ไม่ได้สนใจตัวเองเหมืนก่อน "อร่อยนัก..แล้วออเจ้ามองหาผู้ใดรือ?"

            "ป..เปล่าเจ้าค่ะ" จันทร์วาดถูกดึงสติกลับมาด้วยเสียงเรียก "ข้าขอตัวกลับเรือนก่อนนะเจ้าคะ"

            "อ้าว..พ่อเดชเพิ่งจะมาถึง ใยรีบกลับนักเล่า?" คุณหญิงจำปาถามด้วยสงสัย เพราะปกติจันทร์วาดจะชอบอยู่สนทนากับลูกชายเป็นประจำ

            "ข้าต้องกลับเจ้าค่ะ" จันทร์วาดก้มหน้ายิ้มหงอยๆ "กราบลาเจ้าค่ะคุณป้า กราบลาเจ้าค่ะคุณพี่"

             พอจันทร์วาดลุกเดิน บ่าวผู้ติดตามก็ยกขนมต้มอีกชุด ที่มีแต่กลิ่นใบเตยโชยหอมตามไปด้วย ก่อนร่างน้อยจะหยุดเดินเพราะเห็นหญิงงามกำลังขึ้นบันไดเรือนมา

             "อ้าว! แม่หญิงจันทร์วาด!" เกศสุรางค์เร่งเกียร์ วิ่งขึ้นบันไดเพื่อมาทักทายแม่หญิงที่ทำหน้าบูดใส่เธอ "อื้มม ทำไมตัวหอมจังอ่ะ กลิ่นใบเตยรึ?"  วงหน้างามยื่นเข้าไปดมพิสูจน์กลิ่นน้ำปรุง ของร่างบางที่ยืนนิ่งไม่โต้ตอบ

              "จักกลิ่นใด ออเจ้าสนด้วยรึ?" จันทร์วาดพูดประชดเสียง "ข้ารีบ ข้าขอตัว" 

              เด็กสาวเดินผ่านเกศสุรางค์ด้วยอาการไม่พอใจ พร้อมกับบ่าวที่ยกสำรับขนมกลิ่นใบเตยหอมพอๆกับตัวจันทร์วาดที่เหมือนไปตกถังหม้อใบเตยมา

               "เอ้า! นั่นขนมเหรอ! แม่จันทร์วาด รอข้าด้วย!!" เกศสุรางค์หันมองสาวอย่างงงๆ และรีบเดินตามด้วยกลัวจะไม่ทัน

              เกศสุรางค์เดินตามแถวของจันทร์วาดพลางเรียกชื่อนาง ไปตลอดทางจนถึงท่า แต่อีกฝ่ายก็ไม่มีทีท่าจะสนใจคำเรียกนั้นเลย

               "แม่หญิงจันทร์วาด โกรธอะไรข้าอีก?"

               ตากลมเหลือบมองร่างโปร่งด้วยหางตา ก่อนหลบกลับไปมองนังเหมือนที่ถือสำรับขนมต้มอยู่ "เหมือน..ขนมต้มนั้นเก็บกลับเรือน ประเดี๋ยวข้าจะโยนแม่น้ำให้ปลากิน" 

               "จ..เจ้าค่ะ" นังเหมือนมองดวงหน้ารูปไข่ของนายตนสลับกับเกศสุรางค์ ก่อนยกขนมลงเรือ

               "อ้าว..ขนมหอมใบเตยนั่น ไม่ได้ทำมาให้ข้าหรอกรึ?" เกศสุรางค์ถามเสียงอ่อย ให้คนที่ยืนหันหลังให้ตน "หันหน้ามาคุยกันก่อนสิ" แม้จะพยายามเรียก จันทร์วาดก็ยังเมินเฉยต่อทุกคำพูดของเธอ

                'นวลน้องแลหมองหมาง  
                เคืองระคางเรื่องฉไน
                หรือพะวงเฝ้าสงสัย
                เป็นฉันใดหนอใจเจ้า'

              สิ้นเสียงกลอนนวลหน้างามก็หันควับไปมองคนพูดอัตโนมัติ แก้มขาวกลับมาเปื้อนรอยแดงอีกครั้ง ความเคอะเขินทำเอานางฝืนหุบยิ้มไว้ไม่อยู่ ยิ่งได้มองดวงตาคมนั้นแล้ว ก็ยิ่งไม่อาจทานความรู้สึกได้

              "เย้! ยอมหันมาแล้ว..แม่จันทร์วาด" เกศสุรางค์ลู่เข้าไปคว้ามือนุ่มของอีกคนมาจับทันที "โกรธข้าเหรอ หืม? "

              "หาใช่ไม่..ข้าทำขนมต้มมาให้ออเจ้า แต่ทิ้งไว้นานคงชืดหมดแล้วกระมัง ข้าเลยจะเอาไปให้ปลากิน" จันทร์วาดทำทีประชดประชัน

               "โห๊ะ ที่แท้ก็โกรธเรื่องขนมนี่เอง" เกศสุรางค์จ้องจับผิดด้วยแววตากระล่อนพร้อมหัวเราะ

               จันทร์วาดยืนหน้าแดงอยู่เฉยๆ เมื่อรู้ตัวว่าเผลอหลุดปากบอกอีกฝ่ายไปเสียหมดเปลือก ความอายทำให้นางแทบอยากดำน้ำหนี หรือถ้าจะลงเรือไปตอนนี้ก็คงจะเสียมารยาท

              "ไหน..เอาขนมมานี่" เกศสุรางค์กวักมือเรียกเอาขนมที่อยู่ในสำรับ นังผินรับขนมจากนังเหมือนก่อนเปิดฝาชีครอบออก เผยให้เห็นขนมต้มสีเขียวหอมใบเตยล้วน ซึ่งต่างจากปกติที่จะต้องมีสีม่วงอัญชันปนมาด้วย "กินล่ะนะ"

              จันทร์วาดเบือนดวงหน้าแดงฉ่าหนีไปอีกทาง  และก็ถูกเกศสุรางค์รู้ทันอีกครั้ง

              "อืม..อร่อยจัง แต่จะอร่อยกว่านี้ถ้าออเจ้ายิ้มให้ข้านะแม่หญิงจันทร์วาด" เกศสุรางค์เหล่สายตาเจ้าชู้มองดวงหน้าแดงพลางเคี้ยวขนมไปด้วย

          **แหม..ขี้งอนชะมัด ก็ตัวเองไม่นัดเค้าไว้นี่นา แถมพอบอกว่าชอบใบเตยก็พรมกลิ่นใบเตยกับทำขนมมาให้ เจ้ซุ่มทุ่มไม่อั้นชัดๆ!**

               "ออเจ้าช่างคารมคมคายยิ่งนัก" จันทร์วาดวางหน้านิ่ง ไม่สบตาอีกคน "นี่ก็เพลาชายแล้ว ออเจ้ากลับเรือนไปเถิดแม่การะเกด"

               "ที่นี่เรือนข้านะแม่จันทร์วาด" ร่างโปร่งมองขำ

               จันทร์วาดแทบอยากมุดแผ่นดินหนีจากความอาย นางหันหลังให้เกศสุรางค์แทบจะทันที "เหมือน..บุญ เกียมเรือ"

               "จ้า..บ๊ายบายย ไว้เจอกันเย็นนี้นะคนสวย"

               ร่างเล็กนั่งลงบนเรือไม่ยอมหันไปมองเจ้าบ้านที่โบกมือให้ แต่ในดวงหน้านั้นกลับมีแต่รอยยิ้มเอียงอายและแก้มแดงระเรื่อ

               **ระวังเถิดแม่การะเกด เดี๋ยวข้าจักตีออเจ้าให้ตายเลยเชียว**

               

              ((จบตอนที่ ๓))

             
               
                

           
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×