ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic บุพเพสันนิวาส] กิจรักข้ามภพ - การะเกด x จันทร์วาด [เกศจันทร์วาด]

    ลำดับตอนที่ #4 : คุณพี่

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 6.5K
      277
      19 มี.ค. 61





    ตอนที่ ๔ : คุณพี่


             ตะวันลับฟ้าดับแลเห็นจันทราขึ้นแทน ฉายแสงสุกสกาวยามค่ำคืน วันนี้จันทร์ฉายแสงเต็มดวง นวลสว่าง จนแทบจะไม่ต้องจุดตะเกียง ก็มองเห็นทุกอย่างชัดเจน

             เรือนพระยาโกษาเหล็กถูกจัดแจงพลับพลาไม้ไว้ ๗ ที่สำหรับรองรับแขก แลส่งลูกสาวรูปงามลงไปรอรับแขกที่ท่าน้ำ

               "คุณพี่..ท่านออกญา" จันทร์วาดประนมมือไหว้พ่อเดชกับออกญาโหราธิบดีที่เพิ่งมาถึง

               "แม่จันทร์วาด" หมื่นสุนทรเทวายิ้มกรุ้มกริ่ม นัยน์ตาหวานเชื่อม เมื่อเห็นสาวงามมายืนต้อนรับ

                "เจ้าค่ะ" จันทร์วาดยิ้มเอียงอายในความหล่อเหลาของชายหนุ่ม และด้วยพึงใจเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว 

                 "ออเจ้าจะร่วมเล่นต่อกลอนด้วยรือไม่?" ชายร่างสูงถาม

                "แค่กๆ! อะแฮ่ม!" เจ้าของเรือนยังไม่ทันตอบ เสียงกระแอมที่ดูตั้งใจก็ดังขัดจังหวะเสียก่อน

         **ทีกับเราล่ะทำดุ กับสาวอื่นนี่ตาเชื่อมเชียวนะยะ อีตาหมื่นขี้หลี**

                "อ้าว..แม่การะเกด" ลูกสาวเจ้าของเรือนเบนความสนใจไปยังร่างโปร่งที่เดินตามมาทีหลัง ริมฝีปากสีชมพูระเรื่อขยับมุมยิ้ม เพราะไม่อยากให้ยิ้มออกกว้างเสียเกินงาม

                 "จ้า~ข้าเอง ดีใจมั้ยจ๊ะ?" เกศสุรางค์ที่หอบห่อผ้าประหลาดมาด้วย กางนิ้วโป้งกับนิ้วชี้ไว้ใต้คาง ทำท่าเก๊กหล่อ แต่คนรอบข้างกลับมองว่าพิลึก

                จันทร์วาดเบิกตาโตมองกิริยาประหลาด มือเล็กพลันขึ้นมาแตะที่อกอย่างแปลกใจ แต่ก็พอจะเข้าใจและชินชาไปบ้างแล้ว "ข..ข้ามิรู้สึกอันใด" 

                  "เห็นยิ้ม ก็นึกว่าดีใจ" เกศสุรางค์เบือนหน้าหนีก่อนลอบเบ้ปากให้สาวสูงศักดิ์ปากแข็ง ที่ยืนวางท่าอยู่ตรงหน้า

                  "เชิญเจ้าค่ะท่านออกญา คุณพี่เดช คุณพ่อของข้ารออยู่บนเรือนแล้ว" คนตัวเล็กเปลี่ยนเรื่องพูดหนีประเด็นและคน ที่อาจจะทำให้นางหลุดกิริยาผิดวิสัยต่อหน้าผู้คน

                   คนโดนเมินมองตามพลางเกาหัวหน้าเซ่อ แต่ก็เผ่นขึ้นเรือนตามไปแบบงงๆ นังผินและนังแย้มถูกสั่งให้ทำความหอนอนอยู่เรือนออกญา วันนี้ไม่มีเลยใครคอยมาห้ามมาปราม พฤติกรรมดีดกะโหลกของแม่ตัวแสบ

                   ฉิ๊ง~~ ฉับ..

                 เสียงฉิ่งตีเป็นจังหวะช้าๆ ในบรรยากาศรื่นรมย์ที่แสงจันทร์สาดส่องตามพื้นเรือน จนเป็นสีน้ำเงินนวลถ้วนทั่ว ช่างเป็นใจให้แขกผู้มาเยือนเรือนได้เล่นต่อกลอนกันเสียจริง

                 ฝ่ายบ่าวพากันวิ่งจุดไต้รอบเรือนจนสว่างเห็นภาพสบายตา บางส่วนนั่งรินน้ำชาให้เจ้านายคนละจอก ทุกคนที่นั่งบนพลับพลาต่างมีกระดานชนวนกับดินสอหินถือไว้ในมือ

                 "ข้าดีใจยิ่งนัก..ที่ออเจ้ามาด้วยแม่การะเกด" ชายหนุ่มเอ่ยเสียงทุ้มหยอกเย้าคู่หมายของสหายตน

                 "เจ้าค่ะ ~ หมื่นเรือง ฮิฮิ" แม่ตัวแสบกอดกระดานชนวนไม้บิดตัวไปมาอย่างเขินอาย "ข้าเองก็ดีใจเจ้าค่ะหมื่นเรือง"

                  "ฮึ่ม!" เสียงคำรามของชายร่างใหญ่ดีงขึ้นพร้อม ใบหน้าคมที่บูดเบี้ยวไม่พอใจ

                   หมื่นเรืองเหลือบมองสหายตนที่แสดงอาการหึงหวงแม่หญิงตรงหน้าอย่างขำๆ "ดูเหมือน คู่หมายออเจ้า จักมิชอบให้เราสนทนากันหนา แม่การะเกด" ชายหนุ่มเหล่ตาเจ้าชู้มองสาวสลับกับหมื่นสุนทรเทวา

                 "เหอะ..เชอะ" เกศสุรางค์หรี่ตามองพ่อเดชพร้อมเบะปากใส่ ก่อนหันไปมองสาวรุ่นพี่ที่น่าจะแอบมองเธอมาสักพักนึงแล้ว

                 พอโดนจับได้ว่าแอบมอง ตากลมงามก็หลุบลงต่ำแสร้งเป็นไม่เห็น ก่อนเหลือบมองไปทางพระยาโกษาธิบดีเหล็กพ่อของตน "คุณพ่อแต่งได้แล้วรือเจ้าคะ?"

                "ฮ่ะๆ พ่อว่าจะให้บ่าวเอากระดานไปเก็บเสีย ปล่อยให้หนุ่มสาวเล่นกันไปเถิดหนา" โกษาเหล็กยกจอกน้ำชาด้วยรื่นเริงใจ "แล้วลูกเล่า แต่งได้แล้วรือ?"

                "เจ้าค่ะ หากแต่มีใครอยากฟังบ้างไม่" จันทร์วาดเอ่ยเสียงดังพอให้เกศสุรางค์ ที่นั่งบนพลับพลาไม้ถัดจากนางได้ยิน

                 "ใยพูดเช่นนั้น วันนี้มาเล่นต่อกลอนกันก็ต้องอยากฟังซิ"

                 เกศสุรางค์มองการประชดประชันสไตล์ผู้รากมากดีของจันทร์วาด แล้วผงะเบ๋ปากชะงักกลอกตาไปมาอย่างอึ้งๆ

         **โอ้โห จบคณะขี้งอน สาขาเอาแต่ใจ เอกประชดประชันรึเปล่าวะ**

               "ข้าขอเริ่มก่อนหนาเจ้าคะ" จันทร์วาดพูดเสียงค่อย ก่อนยกกระดานชนวนไม้ที่มีกลอนซึ่งนางได้กลั่นทุกตัวอักษรออกมาจากใจนาง 

                เกศสุรางค์หันไปชะโงกหน้ามองร่างน้อยพลางยิ้มอ่อนๆด้วยความชื่นชม ถึงแม้จะเอาใจยากสไตล์ลูกคุณหนู แต่แม่หญิงจันทร์วาดก็ยังคงดูงดงาม น่ารักน่าเอ็นดูสำหรับเธอเสมอ แลตาเรียวคมจ้องมองกิริยาเรียบร้อยนุ่มนวลนั้นไม่วาง ความรู้สึกบางอย่างมันจู่โจมใจบางๆของเธอจนสั่นไปหมด

               'ตะวันลับเหลี่ยมเจ้า เจียมจันทร์
                แสงบ่เรืองกระสัน  สู่ฟ้า
                เมฆลอยบังพลัน  สุดส่อง
                คิดจึ่งเจียมตัวข้า  ต่ำต้อย เทียมดิน'

              บทโคลงฟังดูกึ่งตัดพ้อทำให้แขกจากเรือนออกญาทั้งสองคนชะงักด้วยร้อนตัว โดยเฉพาะหมื่นสุนทรเทวา ที่ขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนยิ้มให้แม่สาวน้อยที่สรรแต่ง "โคลงช่างไพเราะ ข้าขอแต่งต่อเถิดหนา"

                  'ตะวันลับเหลี่ยมเจ้า  เมฆบัง
                   นกส่งเสียงยังรัง  แซ่ซ้อง
                   จันทร์ฤาแลหลัง  ถึงเมฆ
                   ดาวจึ่งเจียมจิตป้อง ไป่สู้ เทียมจันทร์'

           **โอ้โหแม่เจ้า! จีบกันเป็นโคลงเป็นกลอนงี้เลยเหรอ**

               เกศสุรางค์หันควับมองหนุ่มหล่อเนื้อหอมสีหน้าตะลึงงัน แอบหมั่นไส้น่อยๆ ก็พอรู้นะว่าหมื่นสุนทรเทวา อยากจะปลอบแม่หญิงจันทร์วาด ที่กำลังน้อยใจอะไรบางอย่าง แต่มันก็ยังดูไม่ค่อยเต็มที่ เห็นดังนั้นเกศสุรางค์หัวใสก็คิดไปถึงนิยายที่เคยอ่านเมื่อสมัยยังเป็นสาวอวบ

               "นี่แม่หญิงจันทร์วาด.." เกศสุรางค์หันควับไปก็เห็นเด็กสาวกำลังยิ้มกรุ้มกริ่มตาหวานเยิ้ม ที่พอมองตามก็ไปบรรจบกับตาหวานของหนุ่มหน้าคมที่เพิ่งอ่านโคลงไป

             **กับผู้ชายก็เขิน กับผู้หญิงก็เขิน? แม่เสือไบเอ้ย! (Bisexual)**

                "อ..อือ?" จันทร์วาดหลุดจากภวังค์โคลงหวาน แต่ยังคงอยู่ในอาการเคอะเขินจนเกศสุรางค์หมั่นไส้

                 "แม่จันทร์วาดเคยบอกแก่ข้าว่า แม่การะเกดนอกจากจะแต่งกลอนเก่งแล้ว ยังขับร้องเพลงไพเราะนัก" โกษาเหล็กมองโกษาปานน้องชายที่นั่งเงียบอยู่นาน ก่อนหันไปมองจันทร์วาดสลับกับเกศสุรางค์ที่นั่งหน้าเซ่ออยู่

                  จันทร์วาดยิ้มแหยให้ผู้เป็นพ่อ ก่อนหลุบตามองพื้นและเบือนหน้าหนีไปอีกทาง 

                 "แฮ่ะ..แฮ่ะ คงอย่างนั้นแหล่ะค่ะ" สำนวนสำเนียงผิดแปลกไปจากคนอื่นเอ่ยเสียงแห้ง พลางเหลือบมองคนที่นั่งหันหลังให้เธออย่างหมึนๆ


                  "งั้นรึ ข้าอยากฟังนักเชียว" หมื่นเรืองราชภักดีพูดแหย่ "หากได้ฟังกลอนแล้วบทเพลงต่อข้าคงฝันดีหนักหนา ฮ่ะๆ" 

                  "แหม..หมื่นเรืองนี่ก็ อูย.." เกศสุรางค์ยังไม่ทันได้เขิน ก็โดนสายตาดุของหมื่นสุนทรเทวา จิกมองค้อนจนเสียวสันหลัง

                  "งั้นข้าเริ่มเลยนะคะ..แม่จันทร์วาด ฟังนี่นะ" 

                       'หาแถงแง่ฟ้าหาง่าย
                       เบื่อหน่ายบงนักพักตร์ผิน
                       หาเดือนเพื่อนเถินเดินดิน
                       คือนิลนัยนาหาดาย
                       เพ็ญเดือนเพื่อนดินสิ้นหา
                       เพ็ญเดือนเลื่อนฟ้าหาง่าย
                       เดือนเดินแดนดินนิลพราย
                       เดือนฉายเวหาส์ปราศนิล'

                 สิ้นเสียงอ่านกลอน ความเงียบก็เข้าครอบงำเรือนทั้งหลัง ทุกสายตาจับจ้องผู้อ่านเป็นตาเดียว ทำเอาเกศสุรางค์เสียววูบไปทั้งหลัง ด้วยเกรงว่าจะแต่งผิดหลักการ

                  หมื่นสุนทรเทวาปรับสีหน้าจากดุดันเป็นผ่อนคลายทันทีหลังกลอนจบ นัยน์ตาหวานคู่นั้นจับจ้องเกศสุรางค์ที่จ้องยักคิ้วใส่เขาไม่ยอมวาง

                  ด้านจันทร์วาดก็พรายยิ้มรับคำปลอบใจนั้น ตาใสจ้องเกศสุรางค์ด้วยความปิติ 

                 "กลอนช่างไพเราะนัก มิด้อยไปจากโคลงเลยหนา" ออกญาโหราธิบดีออกปากชมหลานอย่างประหลาดใจ ก่อนหันไปมองโกษาเหล็กแลโกษาปานที่ตกตลึงกับฝีมือการแต่งกลอนของแม่หญิงน้อย "ท่านว่าเช่นไร?"

                  "ไพเราะจริงๆ ดังที่ลูกสาวข้าพูด ออเจ้าช่างเจ้าบทเจ้ากลอน มีศิลปะวาจายิ่งนัก" โกษาเหล็กออกปากชมด้วยสีหน้าจริงจังพลางยิ้มให้

                  "ข้าเห็นด้วยกับโกษาเหล็ก"  โกษาปานน้องชายเอ่ยสนับสนุนคำพี่ชาย

                  "พ่อเดชว่าเช่นไรเล่า" ออกญาเอ่ยถามลูกชาย

                  หมื่นสุนทรเทวาดึงสติกลับมาได้ แล้วจึงกล่าวตอบ "ไม่เท่าไหร่ขอรับ" ปากว่าแต่ตายังคงจับจ้องหญิงสาวอย่างหยาดเยิ้ม ก่อนหันไปชวนหมื่นเรืองสหายรักคุย

                   "แล้วแม่จันทร์วาดเห็นว่าเช่นไรเล่า?" โกษาเหล็กถามแหย่ลูกสาวที่นั่งยิ้มไม่ยอมหุบ

                  "เจ้าค่ะ" จันทร์วาดก้มหน้าตอบสั้นเสียงแผ่ว นางแอบเหลือตากลมมองเกศสุรางค์เสียทีหนึ่ง ก่อนกลับมานั่งอยู่ในอิริยาบทเดิม

                    "นี่ก็ดึกมากแล้วหนา เห็นทีจักต้องกลับกันแล้วล่ะ" ออกญาโหราธิบดีเอ่ย

                    "ออใช่ จันทร์วาดลูกไปส่งพวกท่านออกญาเถิดหนา" 

                    "เจ้าค่ะ" ร่างเล็กลุกจากพลับพลาไม้ ก่อนจะเดินนำแถวของออกญาโหราธิบดีที่มีเกศสุรางค์เดินตามท้ายต้อยๆไปจนถึงท่าน้ำ

                   เกศสุรางค์เตรียมเปิดห่อผ้าที่ใส่หีบปิ่นทอง ที่ตั้งใจเลือกมาเพื่อจันทร์วาด แต่ยังไม่ทันได้เปิดห่อก็ถูกเสียงเข้มเอ่ยตัดหน้า ขัดจังหวะเสียก่อน

                  "ข้ากลับก่อนหนา แม่จันทร์วาด" ชายร่างสูงยิ้มหวานให้สาวเจ้าเรือน "ไว้คราหน้าข้าจักมาอีก"
     
                   จันทร์วาดหลุบหน้ายิ้มกรุ้มกริ่ม เอียงตัวไปข้างๆเล็กน้อยก่อนเงยขึ้นสบตาอีกฝ่าย "หากเป็นเช่นนั้น ข้าก็ยินดีเจ้าค่ะ"

                   "ไว้คราหน้าคงต้องมีของฝากให้ออเจ้าด้วย" หมื่นสุนทรเทวาเอ่ย

                   "มิต้องลำบากดอกหนาเจ้าคะ เพียงคุณพี่มีเรื่องมาเล่าสู่ข้าฟัง ก็ดีนักแล"

                   เกศสุรางค์ได้แต่มองชายหญิงคุยเคียงกันอยู่อย่างนั้น และมองจันทร์วาดที่ยิ้มพรายหวานเหมือนที่เคยยิ้มให้เธอ แต่ครั้งนี้กลับเป็นหมื่นสุนทรเทวา เกศสุรางค์ปฏิเสธไม่ได้ว่าสองคนนี้ช่างเหมาะสมกันเสียจริง จนในใจลึกๆก็อดอิจฉาไม่ได้

                 ความรู้สึกหนักอึ้งถาโถมเข้าโจมตีหญิงร่างโปร่ง ราวกับคลื่นน้ำที่ไหลแซะตลิ่งในครั้งมีพายุ หรือจะเป็นเพราะดวงจิตของเธอผูกพันธ์อยู่กับการะเกด เสี้ยวความรู้สึกที่ยังมีอยู่ถึงส่งผลต่อใจเธอมากมายเช่นนี้ 

                  มือเรียวที่โอบอุ้มห่อผ้าใส่หีบปิ่นปักผม ค่อยๆเลื่อนลงต่ำ ความมั่นใจที่จะมอบปิ่นแทนใจลดลงจนแทบจะติดลบ บัดนี้นัยน์ตาสดใสเริ่มหมองลงจนผิดสังเกต 

                จันทร์วาดอาจเพียงรู้สึกดีกับความพยายามของเธอ แต่ใจนางคงมีแต่หมื่นสุนทรเทวาผู้เดียว เกศสุรางค์คิดเช่นนั้น

                "แม่การะเกด ขึ้นเรือ" หมื่นสุนทรเรียกคู่หมายที่ยืนเหม่ออยู่อย่างโมโห

                  "ก็จะขึ้นอยู่เนี่ย..เรียกอยู่ได้" เกศสุรางค์เท้าเอวพูดเสียงเอื่อย ก่อนวางห่อผ้าลงบนเรือแล้วนั่งตามลงไปโดยไม่บอกลาเจ้าของเรือน 

                  จันทร์วาดมองร่างโปร่งที่เศร้าสร้อยผิดวิสัย แต่ใจคิดว่าเกศสุรางค์คงเหนื่อยเพราะตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว 

    ..................................................................

                  ร่างปราดเปรียวหอบถุงผ้าเดินหน้านิ่วคิ้วขมวดขึ้นเรือนเล็ก เสียงเท้าเดินกระแทกดังจนแม้นไม่ต้องเรียก นังผินกับนังแย้มก็รู้ว่าแม่นายกลับมาถึงแล้ว

                   "แม่นายเป็นอะไรอีกเจ้าคะ?" บ่าวร่างผอมยืนประสานมือรอถาม แต่ก็ถูกเดินปาดหน้าไปเฉยๆ "เอ้า..แม่นาย"

                   "แม่นายโมโหกะไรวะอีแย้ม?" นังผินถามพลางชะเง้อมองตามเกศสุรางค์ "หอบห่อผ้าเดินเข้าห้องไปนู่น"

                   "กูจะไปรู้รึ กูก็ยืนอยู่กับมึง" นังแย้มขมวดคิ้วอย่างสงสัยก่อนจะชวนบ่าวสหาย เดินตามเกศสุรางค์เข้าหอนอน

                    เกศสุรางค์ทิ้งตัวลงนอนบนเตียงพลันหันหน้าเข้าฝา ทำเอาบ่าวสองคนคิดกังวลเป็นห่วง แต่ก็ทำได้เพียงนั่งอยู่ใกล้ๆคอยสังเกต

                   "เฮ้อ.." เสียงแผ่วถอนหายใจ กระตุ้นบ่าวที่นั่งคอยให้สงสัย "เฮ้ออออออ!"


                "ทูลหัวของบ่าว เป็นกะไรไปเจ้าคะ จึงได้นอนถอนหายใจยาวฉะนี้?" ร่างอวบถามพร้อมเอื้อมมือจับข้อเท้า คนที่นอนตายซากกอดห่อผ้าบนเตียงอย่างห่วงใย "ใครว่ากะไรแม่นายของบ่าวอีก?"

                 "ใครมันว่าเจ้าคะ!เดี๋ยวบ่าวจะไปตบมัน" นังแย้มพูดใส่อารมย์

                "ไม่มีอะไรหรอกพี่ผินพี่แย้มแค่ 'นก' น่ะ" ภาษาสมัยใหม่พอพูดให้คนสมัยนี้ฟังก็ถูกตีความแผลงไปอีก

                 "นกรึเจ้าคะ แม่นายจะจับนกรือ?" 

                 "ช่างเถอะ ปล่อยให้ข้าอยู่เงียบๆแปปนึง" เกศสุรางค์นิ่งไปครู่หนึ่งก่อนหันควับไปมอง สองคนที่นั่งเกาะขอบเตียง "นี่พี่..ข้ารักแม่หญิงจันทร์วาดมากมั้ย?"

                  "ทั้งรักทั้งหลงเลยเจ้าค่ะ" นังผินตอบพลางผงกหัวหน้าจริงจัง

                  "โห..ขนาดนั้นเลย?" เธอเหยปากพูด

                  "เจ้าค่ะ บางคราแม่จันทร์วาดก็เหมือนจะชอบแม่นายหนาเจ้าคะ" นังแย้มช่วยนังผินตอบ "แต่ในบางคราก็ดูไม่ชอบเจ้าค่ะ บ่าวเองก็สับสน"

                  "ไม่ต้องบอกข้าก็พอเดาออก วัยทีนก็งี้ล่ะนะ" เกศสุรางค์ส่ายหน้าเหนื่อยหน่าย "จะคิดมากทำไมวะ การะเกดต่างหากที่รักแม่นั่น ไม่ใช่เธอเกศสุรางค์"

                 ฝ่ายบ่าวหันมองกันหน้าเซ่อเพราะฟังแม่นายพูดคนเดียว แถมยังฟังไม่รู้ความ

                 "แม่นายจะเอาตีนเตะแม่หญิงจันทร์วาดรือ" นังผินซุบซิบกับบ่าวสหาย

                 "นั่นสิอะไร ทีนๆ ตีนๆ"

                 "ตกลง..ตูจะเป็นเกศสุรางค์หรือการะเกดวะเนี่ย!!  ฮือออ"

    .................................................................

               "คุณพี่จันทร์วาดเจ้าขา.." ร่างโปร่งขยับแนบชิดอิงแอบเนื้อกายเนียนที่นุ่งเพียงผ้าแพรคาดปิดอก กับผ้าซิ่นหลวมๆ กลิ่นหอมใบเตยที่ชอบเชิญชวนให้หลงใหล หลวมตัวสัมผัสกลืนกินกับความอุ่นที่ไม่เคยได้รับรู้มาก่อน 

               "กระไรรือแม่การะเกด?" เสียงหวานกระซิบชิดริมหู พร้อมเชยคางเรียวเพื่อเชิดวงหน้างามขึ้นเชยชม อีกมือซุกซนไม่อยู่นิ่งจับลูบเรียวขานวลนิ่มอย่างนุ่มนวล "เหตุใดจึงไม่ยอมนอน?"

               "น้องคิดมากเจ้าค่ะ เห็นคุณพี่เกาะแกะชายอื่น" เสียงอ้อนเอ่ยพลางขับขาเรียวช้าๆตามจังหวะสัมผัสมือที่คุกคาม และวางเรียวหน้าสวยแนบซบแผ่นอกของคนรัก

               คนเป็นพี่ตอบรับคำออดอ้อนอย่างไม่รีรอ ร่างที่ครองอำนาจเหนือกว่า กดกายขาวอ่อนปวกเปียกของอีกคน ให้ลงนอนศิโรราบบนเตียงอย่างง่ายดาย "หากน้องไม่ไว้ใจพี่กระนี้ งั้นคืนนี้จงเป็นเมียพี่เสียปะไร จักได้หายแคลงใจในตัวพี่" ตากลมจิกมองกายปวกเปียกพร้อมรอยยิ้มเพรชฆาต ริมฝีปากบางมอบสัมผัสอบอุ่นให้ซอกคอเรียวจนถ้วนทั่วอย่างใจร้อน

            "ว๊าย~ คุณพี่..อย่าเจ้าค่ะ คุณพี่จันทร์วาด!"

               อย่าเจ้าค๊าาาาาาาา~~!!!!

              เสียงร้องแผดสุดกำลังด้วยตกใจ แสงตะวันอ่อนๆส่องแทรกผ่านรอยที่หน้าต่างบ่งบอกว่าเป็นเวลาเช้า ก่อนร่างอรชรที่เหงื่อแตกซ่ก จะเริ่มเรียกสติกลับคืนมา 

              "โอย..ฝันเหรอเนี่ย" เกศสุรางค์ยกหลังมือขึ้นปาดเหงื่อที่ชุ่มเต็มใบหน้า "หรือแบบนี้เขาเรียกว่าฝันเปียกวะ"

              "แม่นาย!" สองบ่าวรีบเข้ามาดูอาการเกศสุรางค์ "เป็นอะไรรือเจ้าคะ?"

               "ฝันร้ายอีกแล้วพี่.."

               "โถ แม่นายของบ่าว ขวัญเอ้ยขวัญมานะเจ้าคะ" 

               เกศสุรางค์ยิ้มแหยๆรับคำปลอบประโลม แล้วหันไปมองเหม่อคิดถึงเรื่องฝันที่ผ่านไป

        **สยิวกิ้ว! ฝันหื่นอะไรเบอร์นี้! สงสัยคิดมากเรื่องเจ้จันทร์วาดแน่เลย คงต้องไปเที่ยวให้ลืมเรื่องพรรค์นี้ให้หมดซะละ**

              "พี่ผินพี่แย้ม..ข้าจะหนีเที่ยว" เกศสุรางค์เปลี่ยนโหมดอารมย์ไวยิ่งกว่าหยดน้ำบนกระทะร้อน 

              "ว..ว่ากะไรนะเจ้าคะ!?" นังบ่าวสองคนอ้าปากค้างบ่อยเสียจนกรามแทบค้าง กับแม่นายคนใหม่ที่วันๆคิดแต่เรื่องเที่ยวกับเรื่องกิน แล้วก็สร้างเรื่องปวดหัวให้บ่าวเป็นประจำ

              "จะว่าไป..วันนั้นที่ไปตลาดชุมชนโปรตุเกส ข้ายังเดินดูไม่ทั่วเลยอ่ะพี่" 
              
               นังผินและนังแย้มชะงักเงียบไปครู่ใหญ่ ก่อนพร้อมใจกันลู่เข้ากอดขา เด็กสาวที่นั่งตาลุกวาว

                "บ่าวยอมตายเจ้าค่ะ!" นังผินพูด

                "บ่าวด้วยอีกคนเป็นสองศพเลยเจ้าค่ะ! พวกฝะรังคีตัวใหญ่น่ากลัว แม่นายจะไปใยเจ้าคะ" นังแย้มรัวคำพูดเป็นชุดอย่างลนลาน

                "ถ้าพี่สองคนไม่ไป ข้าก็จะไปคนเดียว" ว่าแล้วเกศสุรางค์ก็ลุกพรวด เดินดิ่งเข้าเปิดประตูอย่างไม่แคร์รูปลักษณ์สวยงาม จับผ้าซิ่นเดินเร็วตรงไปที่ท่าอาบน้ำ ปล่อยให้บ่าวคู่สหายวิ่งตามตาลีตาเหลือก

                "โอ๊ย แม่น๊าย!!"
            
    ...................................................................

                 'เที่ยงคืนฉันออกมาคอยเธอ ก็ลัลลัลลา~ โอ้เธอเจ้าซินเดอเรลล่า เจอเธอไม่ทันร่ำลา โอ้เธอเจ้าซินเดอเรลล่า เธอเอาแต่ลัลลัลลา~'

                เด็กสาวนั่งกลางลำเรือที่มีบ่าวสองคนพาย ร้องเพลงดังพร้อมแสดงกิริยาท่าเต้น สุดพิลึกเป็นที่ประหลาดตาของชาวบ้านริมคลองและคนที่สัญจรไปมาในแม่น้ำ

               "ไม่งามเจ้าค่ะแม่นาย" อีผินพูดเสียงแผ่ว

               เกศสุรางค์ไม่สนคำทัดทานยังร้องเต้นอย่างสบายใจก่อนจะหยุดชะงัก เมื่อเรียวตาคมเหลือบไปเห็นเรือแม่หญิงจันทร์วาดที่พายมาแต่ไกล

                "วู้ว!! แม่หญิงจันทร์วาด! ทางนี้" เกศสุรางค์โบกไม้โบกมือไม่เจียมท่า "ยะฮู้! เห็นมั้ย!!"

                จันทร์วาดได้แต่มองนิ่งอย่างอึ้งๆ ด้วยกิริยาเช่นนัน "แม่การะเกด.."

                "พี่ผินพี่แย้ม พายไปหาแม่หญิงจันทร์วาด!"   แม่ตัวแสบออกคำสั่งพร้อมชี้ตรงไปยังเรือเป้าหมาย  "เดี๋ยวจะยิงขีปนาวุธหัวใจใส่ให้หลงรีกไปเลย!"

                นังผินนังแย้มตั้งหน้าตั้งตาพายตามคำบัญชา ทั้งปวดหัวงุนงงกับศัพท์ประหลาดที่เกศสุรางค์พ่นออกมาไม่เว้นแต่ละวัน

                "คุณพี่จันทร์วาด! จะไปไหนเหรอ?" เกศสุรางค์บิดตัวถาม สายตามองอ้อน

                "ออเจ้าเรียกข้าว่ากะไรหนา?" หญิงสูงศักดิ์เกล้าผมโซงโขดงจ้องพิจารณา สาวน้อยดีดกะโหลกอย่างฉงน "ออเจ้าดูผิดแผกไปนะ แม่การะเกด"

                  เกศสุรางค์ทำหน้าเหวอ เพราะหลุดเอาคำเรียกจากในฝันมาใช้จริง แก้มขาวอยู่ๆก็แดงขึ้น พอคิดถึงเรื่องความฝันทีไรก็อดอายไม่ได้ ถึงแม้มองตอนนี้แม่หญิงจันทร์วาดช่างดูเรียบร้อย นุ่มนิ่ม ผิดกับในฝันไปโดยสิ้นเชิง

                 "อ..เอ่อ ช่างเถอะ แล้วออเจ้าจะไปไหน?" เกศสุรางค์เปลี่ยนเรื่องพูดทันที

                 "ข้าจักไปตลาดชุมชนโปรตุเกส.." จันทร์วาดตอบด้วยรอยยิ้ม

                 "เหมือนกันเลย! ขอไปเดินด้วยได้ป่าวอ่า" เสียงอ่อยพูดออดอ้อนไปพร้อมกับเนื้อตัวที่บิดไปมา

                 "...." จันทร์วาดมองท่าทางพิลึกเงียบๆ

                 "ไม่ได้เหรอคะ.." 

                 "ได้อยู่แล..แต่หากออเจ้ามิควรแสดงกิริยาดังเมื่อครู่ เมื่ออยู่กับข้าออเจ้าเข้าใจรือ?" 

                 "อันเดอร์สตูท!(Understood) แล้วค่ะ!" เกศสุรางค์รับปากอย่างไวด้วยท่าทีร่าเริง "ข้าจะไม่สร้างปัญหาให้วอร์รี่(Worry) เลย"

                 "อ..อันเดอสระตูด? หวอหรี่?"

                  "หมายถึงเข้าใจแล้ว จะไม่สร้างปัญหาให้กังวล" ร่างโปร่งถอนหายใจพูดอย่างหน่ายๆ

                  จันทร์วาดได้เพียงนั่งมองแม่คนนี้อย่างงวยงง ก่อนเรือของทั้งคู่จะพายแล่นคู่กันไป จุดหมายเดียวกันคือ ตลาดน้ำชุมชนโปรตุเกส

                  
                  

            ((จบตอนที่ ๔))

    **ไรท์อัพรัวๆฮะ เพราะช่วงนี้งานว่าง ต้องรีบอัพไว้ประเดี๋ยวงานยุ่งช่วงไหนอาจอัพเดือนละ ๔ ตอนหนาขอรับ**

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×