ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic บุพเพสันนิวาส] กิจรักข้ามภพ - การะเกด x จันทร์วาด [เกศจันทร์วาด]

    ลำดับตอนที่ #5 : มะลิเรือนแพ

    • อัปเดตล่าสุด 21 มี.ค. 61


     


    ตอนที่ ๕ : มะลิเรือนแพ

             หญิงงามเคียงชมร้านแลตลาด
             ตาพลันกราดมองทั่วด้วยสุขสม
             เครื่องทองพาดเรียงรายปรายตาชม
             กองผ้าถมเรียงทับสลับลาย

               ณ ตลาดชุมชนโปรตุเกสหญิงผู้ดีสองคนเดินคู่กันชมสินค้ามากมาย ที่เรียงรายขายไม่ซ้ำอย่าง ร่างโปร่งห่มผ้าต่วนสไบสีชมพูหอบห่อผ้าท่าทางพิลึก กระโดดไปร้านนู้นที ร้านนี้ที ในขณะที่อีกคนยืนเลือกไปทีละร้านอย่างใจเย็น

               "หูยย ดูนี่สิแม่หญิงจันทร์วาด ผ้าร้านนี้ส๊วยสวยเนอะ" เกศสุรางค์วิ่งลู่ไปยืนหน้าร้านขายผ้าที่วางกองทับกันหลากสีหลายลาย

                จันทร์วาดกำลังเลือกดูเครื่องสังคโลก ถูกทำให้หันมองด้วยเสียงเรียก พอมองเห็นผ้าลายต่างๆแล้วมันก็ดูสวยอย่างที่แม่ตัวแสบพูด แต่นางทำเพียงยิ้มให้อ่อนๆก่อนหันกลับมาดูสินค้าเดิม

               "ไม่สนใจอีก.." เกศสุรางค์ลอบเบ้ปากใส่ร่างเล็กที่หันหลังก้มหน้าดูเครื่องทองเหลืองอย่างไม่แคร์โลก "ต่อหน้าคนอื่นทำเป็นหยิ่ง.."

               "ข้า 'อันเดอสระตูด' เพียงแต่ไม่มีอันใดจักพูด" จันทร์วาดพูดพลางมองเครื่องทองเหลือง และหมายจะสื่อสารว่านางรับรู้แล้ว 

               "หุ้ย..อุ้บ ฮิฮิ" แม่ตัวแสบหัวเราะเยาะสำเนียงอิงลิชสุดเพี้ยนที่แม่จันทร์วาดพยายามพูด "โอเค อันเดอร์สตูทก็เวรี่กู๊ด(Very good)"

                แม้จะฟังไม่รู้ความแต่มันก็ทำให้คนฟังกระตุกยิ้มที่มุมปากและวางเครื่องสังคโลก แล้วหันกลับไปมองแม่สาวดีดกะโหลกพร้อมยิ้มให้ "ออเจ้าช่างพูดจาประหลาดเสียจริง"

                "เหอะ...ตัวเองอะ ยิ่งพูดประหลาดกว่าเค้าอีก" ตาคมเหล่มองค้อนจันทร์วาด 

                 ปึก! โครม

               พลันเสียงชนกันดังขึ้นพร้อมเสียงหอบผ้าหล่นกระจัดกระจายเต็มพื้นดินแดงจนเปื้อนเขรอะ  ฝรั่งต่างชาติร่างใหญ่สองคนยืนมอง ชายใส่ผ้าโพกหัวที่นั่งแขนเจ็บอยู่ข้างกองหอบผ้า

                "โอก้อด! ท่านกระทำเยี่ยงนี้ได้อย่างไร ผ้าของข้าเปรอะดินเช่นนี้จะขายได้อย่างไร!?" ภาษาสยามในสำเนียงแขกดังขึ้นอย่างโมโห ร่างคล้ำพยายามที่จะลุกขึ้นอย่างทุลักทุเล

                  "ไยไม่เจียมตัวบ้าง เจ้าเป็นแขกตัวดำ ยืนเกะกะจนมาชนข้า ของเสียจะมาเอาอะไรกับเรามิได้!" สำเนียงฝรั่งพูดสยามดังจากชายร่างสูงผมทองที่ยืนกร่างวางท่า

                  "ข้าขนของเข้าร้าน! ไม่ได้เกะกะ เจ้าอย่ามาใส่ความข้า!" ฝรั่งถ่มน้ำลายเฉียดร่างที่นั่งกองกับพื้น

                   "อะไรวะ!?" เกศสุรางค์เท้าเอวมองการกระทำนั้นด้วยอาการไม่พอใจ ก็พอรู้ว่าฝรั่งสมัยนี้ดูถูกแขกผิวดำแต่เธอก็รับไม่ได้อยู่ดี

                   "แม่การะเกดอย่าไปยุ่งเถิดหนา" จันทร์วาดเอ่ยปราม

                  "รู้หรือไม่ว่าพวกข้าเป็นผู้ใด? พวกข้าคือทหารประจำตัวของออกหลวงสุรสาครรู้จักหรือไม่!?" 

                  "ป..เป็นเช่นนั้นรึ.." คนผิวคล้ำเอ่ยเสียงหวาดๆ

                  "เอาล่ะ ไม่เอาโทษแล้วเลิกกันไป!" 

           

                     เดี๋ยวก่อน!..

                 พวกฝรั่งกำลังหันหลังจะเดินออกไป เสียงดุดันของผู้หญิงก็ยั้งเขาไว้ก่อน

                 "พวกคุณชนเขา ข้าเห็นกับตา! แล้วมาถ่มน้ำลายใส่เขาแบบนี้ หยาบคายมากเลยนะ!" เกศสุรางค์จ้องขมึงสบตากับฝรั่งสองคนสลับกัน เสียงของเธอดังลั่นไปทั่วตลาดแถวนั้น ดึงดูดไทยมุงเข้ามาจากทุกร้าน

                 จันทร์วาดเพิ่งจะเคยเห็นหญิงอยุธยาเถียงกับฝรั่งก็วันนี้ ตากลมวิตกมองกลอกไปมาระหว่างคู่กรณีกับเด็กสาวที่เดินชมตลาดมาด้วยกัน

                  "แม่นายเจ้าคะ..พวกนี้เป็นทหารของออกหลวงสุรสาครเชียวหนาเจ้าคะ" นังผินจับแขนเรียวเขย่าทั้งก้มหน้า

                  "ฮึ จะออกญา ออกหลวง ข้าไม่สนทั้งนั้นแหล่ะ...มาทำตัวข่มเหงผู้อื่นแบบนี้ ข้าไม่เห็นด้วย!"

                  "แม่หญิงน้อย รู้หรือไม่ว่ากำลังพูดอยู่กับผู้ใด?" เสียงเข้มสำเนียงยุโรปเริ่มใส่อารมย์

                  "อยากรู้จักเรามากกว่านี้หรือไม่?" ฝรั่งผมเข้มทำท่าเกี้ยวพาราสีสองสาวที่ยืนอยู่

                   "ไอ้หน้าม่อ!" เกศสุรางค์เชิดหน้ามองชาวต่างชาติท้าทาย "คุณชนเขา ก็ต้องขอโทษเขา ประเทศนี้ให้ต่างชาติเข้ามา ให้อิสระในการค้าขาย แต่ไม่ใช่ให้มาข่มเหงผู้อื่นแบบนี้!" เธอสั่งสอนยาวเป็นชุด

                    ฝรั่งตัวโตแยกเขี้ยวใส่แม่หญิงน้อยอย่างเคืองโกรธ แต่พวกเขาเลือกที่จะเดินหลีกไป เพราะไม่อยากมีเรื่องกับผู้หญิง

                   "ลุง..ลุงเป็นอะไรมั้ย?" เกศสุรางค์โผเข้าไปพยุงแขกร่างคล้ำไว้เคราให้ขึ้นยืน พลางใช้มือปัดตามเนื้อตามตัวให้ "โห..เปื้อนหมดเลยอ่ะ"

                   จันทร์วาดเอาแต่ยืนมองพฤติกรรมผิดแปลกนั้น เพราะหญิงสูงศักดิ์จะไม่สัมผัสเนื้อตัวใครง่ายๆ โดยเฉพาะ กับพวกพ่อค้าแม่ขายต่างชาติ และยิ่งโต้เถียงกับฝรั่งยิ่งไม่ต้องพูดถึง

                   "พ่อท่าน! " หญิงสาวรุ่นราวคราวเดียวกับการะเกด(เกศสุรางค์) ทำหน้าตื่นตระหนกวิ่งเข้าประคองชายแขกที่มี เกศสุรางค์ช่วยพยุงอยู่อีกด้านหนึ่ง พอตั้งสติได้นางก็เอ่ยถามทั้งคู่ทันที "เกิดอะไรขึ้นรือ?"

                   "พวกฝะรังคีมาหาเรื่องพ่อ แม่นางผู้นี้มาช่วยเอาไว้" พ่อค้าขายผ้าเอ่ยด้วยรอยยิ้ม

                  "เช่นนั้นรือ..แม่หญิง..ขอบใจนะจ๊ะ" สาวผมหยักศกยิ้มด้วยไมตรีพร้อมก้มหัวลงเล็กน้อย "นี่พ่อข้าชื่อฟานิก ส่วนตัวข้าชื่อมาลี เรียกข้ามะลิก็ได้"

                  เกศสุรางค์มองสองพ่อลูกตาค้าง สองชื่อนี้เธอเคยได้ยินมาก่อน งั้นผู้หญิงที่ชื่อมาลี มีพ่อชื่อฟานิกคนนี้ก็คือ มาลี ตองกีมาร์ หรือท้าวทองกีบม้า!

                  "จ่ะ..ฉันชื่อ เอ่อ ข้าชื่อเกศสุ..การะเกดนะ" เกศสุรางค์ดึงสติที่หลุดออกไปกลับมาช้าๆแล้วยิ้มให้สองคนตรงหน้า

                  "แม่การะเกดช่างงามนัก เป็นผู้ใดมาจากไหนรือ" มะลิมองเกศสุรางค์ไม่วางตาอย่างมีนัยพร้อมยิ้มบางๆ

                  "อ๋อ..ข้าแค่มาเที่ยวกับแฟนน่ะ แห่ะๆ" เกศสุรางค์ปรายตามองแม่หญิงที่ยืนเงียบราวกับไร้ตัวตนข้างหลัง ขณะที่ในมือยังมีห่อผ้าที่เธอถือมาแต่แรก "นี่แม่หญิงจันทร์วาด แฟนข้า"

                 จันทร์วาดยิ้มฝืนๆให้แม่ค้าสาว เพราะไม่ค่อยอยากทำความรู้จัก ก่อนหันไปมองเกศสุรางค์ที่พูดคำประหลาดชวนปวดหัว

                  "แม่หญิงจันทร์วาดงามไม่แพ้กันเลยหนา"   มะลิยิ้มซื่อๆให้หญิงสูงศักดิ์ "แล้ว 'แฟน' แปลว่าอะไรรือ? ข้าถามได้รึไม่"

                  แม่คนกะล่อนยืนเงียบทื่อสมองแบลงค์(ว่างเปล่า)ไปครู่ใหญ่พลางเหล่มองจันทร์วาด เพราะคิดว่าถ้าบอกความหมายจริงๆไป แม่จันทร์วาดจะต้องไม่ปลื้มแน่นอน "เอ่อ..แปลว่า เพื่อนน่ะ" 

                 "อย่างนั้นรือ" มะลิเดินเข้าหาเกศสุรางค์แล้วโอบจับมือนุ่มและยิ้มให้ "งั้นเรามาเป็น 'แฟน' กันเถิดหนาแม่การะเกด"

                **โอ้แม่เจ้าซวยแล้ว..เขินอ่ะ! **

                แก้มแม่ตัวแสบแอบแดงนิดๆ พอดีว่ารู้ความจริงของคำว่า 'แฟน' และด้วยความคมเข้มแบบลูกครึ่งของมะลิที่จู่โจมใจติ่งฝรั่งอย่างเกศสุรางค์

                 "เอ่อ..ข้าเรียกคำว่าแฟนเฉพาะกับแม่จันทร์วาดน่ะ.. ถ้ากับคนอื่นๆก็เพื่อนธรรมดา แห่ะๆ" ตาคมกลอกไปมา แล้วพูดแถไปเรื่อย

                 มะลิก้มหน้าหลุบตาลงอย่างเจียมตัว ก่อนเงยขึ้นแกล้งยิ้ม มองเกศสุรางค์แต่ไม่สบตา "ข้าขออภัย คำว่าแฟนคงใช้สำหรับแม่หญิงทั้งสองที่เป็นหญิงสูงศักดิ์ และหาควรคบค้าสมาคมกับแม่ค้าขายผ้าต่ำต้อยไม่"

                 "ไม่ใช่นะแม่มะลิ! ไม่ใช่แบบนั้น แต่มันเป็นคำเรียกเฉพาะน่ะ" เกศสุรางค์โอบและลูบหลังแม่มะลิ "ข้าอยากเป็นเพื่อนกับแม่มะลิ"

                  "งั้นรือ..ขอบใจนะจ๊ะ งั้นข้าขอเชิญแม่หญิงทั้งสองเข้าไปกินขนมด้วยกัน เป็นการตอบแทนเถิดหนา " คนถูกปลอบรู้สึกดีขึ้นก่อนจะออกปากชวนเข้าไปนั่งในร้าน และเหลือบเห็นมือเรียวที่ถือถุงผ้าไว้ไม่ห่างกาย "ถุงผ้าแลดูหนักให้ข้าช่วยเถิด"

                 "อ๊อ! ถุงนี้ไม่ต้องหรอก คือ.." เกศสุรางค์ปฏิเสธแม่มะลิ ตาเรียวค่อยๆเหลือบมองร่างบางที่เอาแต่ยืนเงียบจ้องเธอกับแม่มะลิคุยกัน ก่อนหมุนตัวกลับหลังหันไปยืนสบตา "นี่..แม่จันทร์วาด"
                  
                จันทร์วาดมองอีกคนทำท่าจะเปิดห่อผ้า ที่มองดูแล้วคุ้นๆเหมือนเคยเห็นคนตรงหน้าหอบหิ้วไปที่เรือนตนเมื่อคืน สาวรุ่นพี่อยากรู้อยากเห็นพยายามเอียงคอมองสิ่งที่อยู่ข้างในห่อ

                 "เฮือก!" ร่างโปร่งสะดุ้งโหยง เมื่อมองทะลุจันทร์วาดไปข้างหลัง ก็เห็นชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา รูปร่างภูมิฐานที่ความสูงเหลื่อมกันไม่มากนักเดินมาด้วยกัน นั่นก็คือหมื่นเรืองราชภักดีกับหมื่นสุนทรเทวา ที่เหมือนจะมองเห็นเธอเช่นกัน

                "มีกะไรรึแม่การะเกด" จันทร์วาดมองตามทิศทางของเกศสุรางค์ เมื่อเห็นว่าเป็นหมื่นสุนทรเทวา นางก็ยิ้มพรายทันที "คุณ พ..ว๊าย!?"

                ร่างบางถูกฉุดปลิวเข้าร้านขายผ้าแพร เกศสุรางค์ลากจันทร์วาดไปในจุดที่ลึกสุดของร้านซึ่งเป็นซอกแคบระหว่างกำแพงไม้ กายร่างเนียนอ้อนแอ้นของทั้งคู่พลันเบียดเสียดสัมผัสกันอย่างแนบชิด แลพื้นที่แคบบีบบังคับเรียวหน้างามสองดวง ให้ขยับเข้าใกล้กันจนสามารถได้ยินเสียงลมหายใจอุ่นที่แผ่วเบา 

                 กลีบปากงามต่างรูปหากขยับอีกนิดก็แทบจะประกบเข้าหากัน สองหญิงงามประสานสบตา ด้วยความรู้สึกที่เอ่อล้น จนจังหวะหัวใจเต้นถี่รัวราวกับอกจะขาดสะบั้น

                  "แม่การะ..!?" พอจะเอ่ยถามปลายนิ้วมือเรียวพลันเลื่อนขึ้นแตะที่ริมฝีปากบางเสียให้เงียบ 

                  "ไม่พูดค่ะ..คุณแฟน" เกศสุรางค์พูดแว่วแผ่วกระซิบ พร้อมจ้องนัยน์ตาดำขลับกึ่งอ้อนกึ่งบังคับ 

                  แม้นไม่เข้าใจคำว่า 'คุณแฟน' ที่เกศสุรางค์ใช้เรียกนั้นหมายความอย่างไร แต่ด้วยแววตาและน้ำเสียงเมื่อครู่ จันทร์วาดรับรู้ได้ว่าคำคำนั้น ไม่ใช่คำที่คนรู้จักธรรมดาใช้เรียกกัน

                  "ข้าฟังออเจ้ามิรู้ความ" เจ้าของดวงตากลมหวานที่ถูกสะกดไว้ในห้วงภวังค์ ปากแข็งพูด 

                 ด้านนังผินนังแย้มที่ตามเข้ามายังคงก้มหน้าก้มตา ซ่อนตัวตามแม่นายโดยไม่สนอะไร

                  ด้านนอกร้านมีแม่มะลิกับพ่อยืนอยู่ หมื่นสุนทรเทวาคงยืนคิ้วขมวด หันซ้ายแลขวา หาคนที่เขาคิดว่าเป็นคู่หมายที่แอบหนีเที่ยวตลอนๆ มากับผู้หญิงอีกคนซึ่งไม่แน่ใจว่าเป็นใคร

                  "มองหาผู้ใดอยู่รือ?" หมื่นเรืองราชภักดีเดินเข้าหาสหายด้วยทีท่าหยอกเย้า

                  "ข้าว่า ข้าเห็นแม่การะเกด" ตาคมกราดมองไปทั่ว

                  "ออเจ้าบอกแก่ข้าเมื่อครู่ ว่านางอยู่ที่เรือน แล้วออเจ้าจักเห็นนางที่นี่ได้อย่างไร?"

                    หมื่นสุนทรเทวาจนปัญญาจะตามหา ก็ถอนหายใจอย่างหัวเสีย "นั่นสินะ..นางจะมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร"

                    "ฮ่ะๆๆ สงสัยมองผู้ใดก็เป็นนางหมดเสียกระมัง" ชายหนุ่มเอ่ยหยอกเย้าพลางโอบแขนแลไหล่กว้างไปที่หลังของพ่อเดชที่หน้านิ่วคิ้วขมวดไม่พอใจ "เอาเถิดหนา..เราไปดื่มสุราให้สำราญใจตามประสาชายหนุ่มกันเถิด"

                    "ออเจ้าช่างเป็นหยุ่มเจ้าสำราญ" หมื่นสุนทรเทวาหล่าวพลางมองหน้าสหายรัก

                   "จักสำราญก็เมื่ออยู่กับออเจ้าแลหนา" หนุ่มคิ้วเข้มกระตุกยิ้ม "ไปกันเถิด หมื่นสุนทร"

                     พอชายทั้งคู่เดินหลีกไปไกล เห็นว่าสะดวกจะออกมาได้ มะลิรีบตรงดิ่งเข้าร้าน เพื่อแจ้งให้แม่หญิงทั้งสอง "แม่การะเกด...เอ่อ"

                    มะลิยืนชะงักมองหญิงอโยธยาจ้องตาแนบกายกันไม่ขยับ สาวลูกครึ่งก้มหน้าลงมองพื้นเสียก่อนเอ่ยปากเรียก "แม่หญิงการะเกด แม่หญิงจันทร์วาด ตอนนี้ไม่มีผู้ใดแล้ว ออกมาได้จ่ะ" มะลิได้แต่ฝืนกล้ำกลืนความรู้สึกที่มีต่อเกศสุรางค์ ที่เพิ่งจะพบกันครั้งแรก แต่มันก็คือ 'รักแรกพบ'

                    "อ้ะ..เอ่อ" เกศสุรางค์ถูกปลุกจากภาพกึ่งความฝัน กว่าจะรู้ตัวแก้มของเธอก็แดงฉ่าไปหมด ว่าแล้วก็รีบเขยิบออกมาจากช่องแคบก่อนอีกคนจะค่อยๆตามออกมา

                     "อุตส่าห์ปิดปากไว้ยังพูดอีก.." เกศสุรางค์มองค้อน

                     "ใยออเจ้าจึงต้องซ่อนด้วยเล่า?" จันทร์วาดจัดระเบียบเครื่องแต่งตัวจนเข้าที่ นางยังคงรักษาทีท่าไว้ทั้งที่ใบหน้าของนางก็กลายเป็นสีแดงด้วยเลือดฝาด 

                    
                    "ข..ข้าแอบหนีออกมาน่ะ" คนผิดพูดเสียงอ่อยก่อนหย่อนก้นลงนั่งบนเก้าอี้ไม้ มองสาวร่างบางแล้วทำหน้าหงอย

                    "กะไรหนา? " จันทร์วาดถามย้ำอีกคน

                    "งือ ก็ข้าเบื่อนี่หน่าอยู่เรือน มีแต่คนไม่ชอบข้า" เกศสุรางค์ถอนหายใจเหนื่อยหน่าย

                    "งั้นรือ?" หน้าหวานแอบยิ้มหน่อยๆอย่างเอ็นดู "แต่อย่างไรออเจ้าต้องรีบกลับเรือนเสียมิฉะนั้น.."

               "จะถูกคุณป้า คุณพี่ดุใช่มั้ย..ชินละล่ะ" 

                "หากเป็นเช่นนั้นก็ถือว่าโชคดี ออเจ้าหนีเที่ยวฉะนี้มิวายโดนโบยหลังแอ่น" จันทร์วาดแสดงความเป็นห่วงจนนังผินนังแย้มสังเกตเห็น "กลับเถิดหนาแม่การะเกด"

                 "ก็ได้ค่ะ..เฮ้อ" เกศสุรางค์ทำหน้าเซ็ง แต่ก็ไม่ดื้อดึงยอมฟังคำแนะนำของสาวรุ่นพี่ทันที "นี่..แม่มะลิ วันนี้พวกข้าคงจะอยู่กินขนมไม่ได้แล้ว"

                  "จ่ะ ไม่เป็นอะไร" มะลิตบเสียงแห้ง ด้วยแววตาเศร้า "แล้วแม่การะเกดจักมาเที่ยวอีกรือไม่?"

                "มาแน่นอน! ก็ข้ามีแม่มะลิเป็นเพื่อนอยู่ที่นี่ แบบนี้คงต้องมาบ่อยๆ" 

                "ขอบใจนะ ที่มอบมิตรไมตรีให้แก่ข้า" มะลิยิ้มอ่อนๆให้เกศสุรางค์ก่อนเดินไปส่งสองสาวทีหน้าร้าน

                 "ไว้เจอกันน้า แม่มะลิ" เกศสุรางค์โบกมือลาเจ้าของร้ายผ้าที่ยืนนิ่ง ถอยหายใจยาวเหมือนกลุ้มคิดอะไรอยู่

                 หญิงอยุธยางามเดินด้วยกันไปจนถึงท่า ก่อนจันทร์วาดจะนั่งลงบนเรือ โดยมีเกศสุรางค์ยืนมองอยู่

                "คงต้องลากันกงนี้แล" จันทร์วาดบอกอีกคนโดยไม่เงยหน้าขึ้นมอง

                "แม่จันทร์วาด..คือข้า"

                "แม่การะเกด ออเจ้าอย่าได้ทำอะไรเช่นนี้อีกเลยหนา" แม้เสียงเบาแต่ก็ฟังดูจริงจัง  เกศสุรางค์มองแล้วทำหน้าฉงน ไม่เข้าใจสิ่งที่จันทร์วาดพูด

                 "หนีออกจากเรือน เถียงกับฝะรังคี หรือเรื่องอันตรายอื่นๆ..มันทำให้ข้า 'หวอหรี่'" สุดเสียงนั้นเรือของแม่หญิงหน้าหวานอก็ได้พายออกจากท่าไปอย่างช้าๆ ด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มของคนที่นั่งอยู่ตรงกลาง 

                  "แม่หญิงจันทร์วาด! แล้วเราจะได้มาเที่ยวด้วยกันอีกมั้ย!?" เกศสุรางค์ตะโกนถามคนที่นั่งหันหลังให้อยู่ในเรือ

                  "มิรู้ได้" เสียงเรียบตอบกลับสาวแก่น แต่ก็แอบยิ้มเขินอาย และคงจะยิ้มอยู่แบบนี่จนสุดปลายทางแน่นอน

                 "เหอะ หยิ่งเลยวุ้ย!" เกศสุรางค์มองแผ่นหลังเนียนแล้วเบ้ปากหมั่นไส้ใส่ ก่อนตาเรียวคมเหลือบลงมองห่อผ้าที่ถืออยู่ "เห้อ...สุดท้ายก็ไม่ได้ให้"

                 "กลับกันเถิดหนาเจ้าคะแม่นาย" นังผินก้มโค้งตัวพูดอย่างนอบน้อม

                  เกศสุรางค์ยิ้มพร้อมพยักหน้าตอบรับ แลบ่าวสองคนลงไปเตรียมเรือจนพร้อม ก่อนแม่นายจะลงนั่งกลางเรือ

                  อีกด้านแม่ค้าขายผ้านั่งมองตามรอยที่เกศสุรางค์เดินอย่างเหม่อลอย ใจบริสุทธิ์ของนางราวกับถูกแม่หญิงแก่นตัวน้อยโอบอุ้มยึดครองไปแล้ว แต่ด้วยมะลิเป็นเพียงแม่ค้าจากต่างแดน นางได้แต่นั่งเก็บงำความรู้สึกที่มีให้ต่อหญิงลูกหลานพระยา

                  "ลูกเป็นอะไรมาลี?" ฟานิกเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง
       
                   "ไม่มีอันใด..ลูกสบายดี" มะลิยิ้มกลบเกลื่อนเศร้า "ลูกขอตัวหนาพ่อท่าน"

      .............................................................

                  ณ เรือนออกญาโหราธิบดี ชายหนุ่มนั่งมองจับผิดเด็กสาวที่เดินเชิดหน้าตีเนียน มาพร้อมกับบ่าวทีท่ามีพิรุธ
                  
                   "แม่การะเกด! ออเจ้าจะไปไหน?" เสียงเข้มตะเบ็งใส่สาวน้อย

                   "เอ้า ก็กลับหอนอนไงคะ" เกศสุรางค์ถือห่อผ้าใส่หีบเดินหนีคนจับผิด เข้าหอนอนไปโดยไม่เปิดโอกาสให้หมื่นสุนทรเทวาได้ยิงคำถามอีก

                 เมื่อประตูห้องปิดลงก็เท่ากับมีความเป็นส่วนตัวเต็มที่ เกศสุรางค์ยืนนิ่งมองห่อผ้าที่เธอหิ้วไปไหนมาไหนด้วยเหมือนบ้าหอบฟาง เพียงหวังว่าถ้าได้เจอแม่หญิงจันทร์วาดที่ไหนก็จะมอบให้ทันที

                 "ทำไมมันให้ยากให้เย็นจังวะ" เกศสุรางค์ยกมือเขกหัวตัวเองเข้าเสียทีหนึ่ง

                 "ให้บ่าวเอาไปเก็บหนาเจ้าคะ" นังแย้มรับห่อผ้าจากเกศสุรางค์

                 "ขอบใจนะพี่แย้ม" ร่างโปร่งนั่งลงบนเตียง  ตาคมใสลดลงมองต่ำก่อนแอบยิ้มอ่อนๆที่มุมปาก ด้วยนึกถึงภาพและความรู้สึกครั้งได้แนบชิดกายกับแม่หญิงสูงศักดิ์

                  "วอร์รี่เป็นห่วงเราเหรอ..แม่คนบ้า" เกศสุรางค์เอ่ยด้วยกิริยาเอียงอายคนเดียว หัวใจเธอตอนนี้เริ่มจะเผลอไผลไปกับแม่จันทร์วาดเสียแล้ว

          **ไม่ได้นะเกศสุรางค์..เธอทำก็เพื่อการะเกดนะ จันทร์วาดรักการะเกด ไม่ใช่หมูอ้วนอย่างเธอ**

                "แม่นายเจ้าคะ อย่างไรคืนนี้ต้องรีบเข้านอนหนาเจ้าคะ" นังผินเอ่ย

                "ทำไมอ่ะพี่?" 

                "วันพรุ่งแม่นายจะต้องไปวัดเจ้าค่ะ"

                 "ไปวัด! อั้ยยย~ วัดอะไรเหรอพี่" แม่สาวแสบเปลี่ยนอารมย์ทันที

                  "วัดไชยวัฒนาราม เจ้าค่ะ"

              ** 'วัดไชยวัฒนาราม! อร๊าก!! อยากเห็นของจริงมานานแล้ว เป็นบุญตาจริงๆ ฉันล่ะอยากให้แกมาเห็นด้วยคนจังเลยไอ้เรือง'**

    ((จบตอนที่ ๕))

    พิเศษ! มีความดีงามของแม่มะลิมาฝาก 





       







    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×