ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : จีบออเจ้าได้หรือไม่?
ตอนที่ ๒ : จีบออเจ้าได้หรือไม่?
"ออเจ้า.. ช่วยข้าด้วย บอกรักนางแทนข้า แสดงความรักของข้าให้ประจักษ์ต่อนาง!!"
"ว๊ายย~~!!" หญิงผมยาวร่างอรชรดีดตัวลุกจากเตียง พร้อมส่งเสียงร้องดังลั่น ก่อนจะตั้งสติกลอกตาไปมาและรู้ตัวว่า เพิ่งตื่นจากฝันร้าย ขาเรียวนุ่งผ้าซิ่นนอนค่อยๆเลื่อนวางลงแตะพื้นห้องไม้ช้าๆ
**การะเกด..รักใครนะ หรือจะมีพี่สาวหรือน้องสาว เอ้ะ? ไว้ถามพี่ผินพี่แย้มก็แล้วกัน**
"แม่นายร้องโวยวายใยเจ้าคะ?" นังผินคลานเร็วตุ้ยต้ายมานั่งอยู่ข้างเตียงนอนแม่นาย "คนอื่นมาได้ยินจักไม่ดีเอาเจ้าค่ะ"
"ข้าฝันร้าย..น่ะพี่" เธอตอบพลางยิ้มแห้ง "เอ้อ! นี่พี่ผินข้ามีพี่น้องมะอ่ะ?"
นังผินเหลือบมองนางแย้มทีนึงอย่างงงๆ ก่อนหันแลแม่นายที่ทำหน้าฉงนสงสัย "จะมีได้อย่างไรเจ้าคะ แม่นายเป็นลูกเพียงคนเดียว เหตุใดจึงถามเช่นนั้นล่ะเจ้าคะ?"
เกศสุรางค์ในร่างการะเกดลุกจากเตียงหลังได้ฟังคำตอบ พลันเดินตรงดิ่งไปที่ประตู ก่อนสังเกตเห็นบางอย่างผิดปกติผ่านหน้าต่าง "เอ๋..วันนี้ทำไมเขาเตรียมของกันแต่เช้าเลยอ่ะ?"
"วันนี้มีแขกมาเจ้าค่ะ" บ่าวร่างผอมตอบ แววตาฉงนมองดูแม่นายที่ดูเปลี่ยนไปจากเมื่อ ๕ วันก่อนมากมาย
เกศสุรางค์กุมมือไว้เสมออก แล้วยิ้มแก้มปริ กระโดดโลดเต้นดีอกดีใจเสียออกนอกหน้า นังบ่าวสองคนผงะหันควับมองหน้ากัน ด้วยความประหลาดใจกับกิริยาที่ผิดแผก
"หูย~เริ่ด! อยากเห็นจริงๆ" เกศสุรางค์ดีดนิ้วทีนึงก่อนหันไปหาบ่าวที่นั่งมองหน้ากัน "พี่ผิน พี่แย้ม..ไปอาบน้ำกัน"
"เอ้ะ เพลานี้ยังไม่มีเจ้านายผู้ใดลุกดอกเจ้าค่ะ แม่นายจักไปอาบน้ำใยเจ้าคะ?" นังผินเอ่ย
"นั่นสิเจ้าคะแม่นาย" นังแย้มถามย้ำอีกคน
ร่างโปร่งเท้าสะเอวเบ้ปากมองสองคนแบบเซ็งๆ แลถอนหายใจ "ถ้าพี่สองคนไม่ไป ข้าไปคนเดียวก็ได้" เกศสุรางค์ไม่รอช้าเปิดประตูพลันทำท่าจะเดินออกจากหอนอน
"ว๊าย! แม่นาย! ไปเจ้าค่ะ เดี๋ยวบ่าวพาไปเจ้าค่ะ" สองบ่าววิ่งจับแม่นายเด็กน้อยของพวกตนแทบไม่ทัน เพราะที่ผ่านมาไม่เคยเห็นแม่นายดีดกะโหลกถึงเพียงนี้
เวลาผ่านไปถึงช่วงสายเรือของเจ้าพระยาโกษาเหล็กได้จอดเทียบท่า แลครอบครัวของเจ้าพระยาก็ติดตามมาด้วยเช่นกัน ชายภูมิฐานมีบ่าวคอยรับเดินลงจากเรือ ตามด้วยคุณหญิงนิ่มและลูกสาวรูปโฉมงดงาม
เกศสุรางค์เห็นดังนั้นก็ตื่นเต้นตามประสา พอรู้ว่าเป็นพระยาโกษาธิบดีเหล็กก็แทบอยากจะวิ่งลงไปสัมภาษณ์ซักถาม แต่สิ่งที่ทำให้เธอตื่นเต้นไม่แพ้กัน ก็คือสาวงามที่กำลังแตกเนื้อสาวเต็มที่เดินตามหลังมาด้วยกิริยาน่ายล แลแล้วงามดั่งนางในวรรณคดี
"คนสวยๆที่เดินตามหลังมา ใครน่ะพี่ ส๊วยสวย" เธอถามแต่ยังมองไม่วางตา
นังผินนังแย้มมองหน้ากันอย่างงงๆอีกรอบก่อนพร้อมใจกันหันไปทางแม่นาย "นี่แม่นาย ลืมสิ้นแล้วหรือเจ้าคะ?"
"อือออ ลืมสิ้นแล้วจ้า" เกศสุรางค์เท้าเอวมองเซ็ง
"นั่นแม่หญิงจันทร์วาดอย่างไรเจ้าคะ แม่นายลืมแม้กระทั่งแม่หญิงจันทร์วาดรึเจ้าคะ?" นังแย้มยังติดตากับภาพเหตุการณ์เมื่อ ๕ วันก่อน จึงประหลาดใจที่แม่นายตนลืมแม่หญิงท่านนั้นเสียสนิท
"จ..จันทร์วาด?" เกศสุรางค์นึกถึงความฝันเมื่อคืน และทบทวนประติดประต่อเรื่องราว
***อย่าบอกนะการะเกด..โหย ที่รักนางนี่ เธอ'เบี้ยนหรอกเหรอห้ะ ข้ามภพมาเป็นนางร้ายไม่เท่าไหร่ นี่ตูยังต้องมาเป็นนางร้ายตีฉิ่งสายตบจูบเหรอวะเนี่ย!?***
"แม่นายนึกออกแล้วรือเจ้าคะ?" นังผินถาม ส่วนนางแย้มก็จ้องรอคำตอบ
เกศสุรางค์อ้าปากค้างหน้าถอดสี มองจันทร์วาดที่กำลังเดินขึ้นเรือนสลับกับบ่าวสองคน "ไม่ค่อยอยากนึกออกเท่าไหร่หรอก"
ตอนนั้นโกษาเหล็กก็เดินขึ้นมาถึงเรือนพอดี แลมองเห็นเกศสุรางค์ยืนต้อนรับตนอยู่ ขุนเหล็กยิ้มให้ แต่คุณหญิงกลับก็แสดงสีหน้าเรียบเฉยใส่ ก่อนเบือนหน้าหนี
"สวัสดีเจ้าค่ะพระยาโกษาเหล็ก" เกศสุรางค์ยิ้มใสซื่อให้ชายสูงวัย และยกมือไหว้คุณหญิงนิ่มที่ดูจะไม่ค่อยชอบขี้หนาเธอ
***อ้าวเฮ้ย..คนที่นี่เขาทักทายกันแบบนี้เหรอวะ เมินใส่ซะ***
เกศสุรางค์ที่ยืนงุนงงก็ถึงกับต้องชะงัก เมื่อได้เห็นสาวงามที่เดินตามหลังมาอีกคน มองไกลๆก็ว่าสวยแล้ว เมื่อได้ยลใกล้ๆก็ยิ่งสวยมาก เธอไม่แปลกใจเลยว่าทำไมการะเกด ถึงรีกถึงชอบนางมากนัก
"แม่หญิงจันทร์วาด" เกศสุรางค์ยิ้มกว้างให้สาวน้อย จันทร์วาดโต้ตอบด้วยการยิ้มแหยๆ และก้มหลบหน้า ก่อนจะเดินตามมารดาของตนไป
***โห แน่นอนเลยแฮะ การะเกดถ้าแม่นี่อายุไม่ถึง ๑๘ เธอต้องโดนข้อหาพรากผู้เยาว์แหง เอาวะการะเกดขอมา จะถือว่าเล่นเกมส์จีบสาวละกัน**
"แม่หญิงจันทร์วาด ทำไมต้องเมินข้าด้วยเล่า?" เกศสุรางค์ถาม และขาไม่อยู่นิ่งสาวเดินตามจันทร์วาดต้อยๆ
"ข้ามิได้เมินแต่อย่างใด ข้าเพียงไม่มีธุระอันใดจักต้องเจรจากับออเจ้า" จันทร์วาดทำทีหวาดๆหันมองเกศสุรางค์ด้วยหางตา ก่อนก้มลงมองพื้นแล้วเดินต่อ
"ห่ะ..อะไรวะ" เกศสุรางค์ยืนอ้าปากเกาหัวแกร่กๆ ก็รู้อยู่ว่าการะเกดไปสร้างวีรกรรมสุดโหดเอาไว้ แต่เธอไม่รู้เรื่องด้วยเลยไม่ค่อยชินเสียเท่าไหร่ เกศสุรางค์เดินตามแถวแม่จันทร์วาดไปอย่างเงียบๆ ด้วยรู้ตัวว่าใครก็มองว่าเธอเป็นนางมารร้าย ใจคอโหดเหี้ยม
เกศสุรางต์ใช้ดวงตาคมคอยสังเกต หญิงสาวตรงหน้าที่แอบเหลือบมามองหลังเนืองๆ และจันทร์วาดจะหลุบลงมองพื้นทุกคราที่เผลอสบตากับการะเกด เอ้ย เกศสุรางค์
จนถึงที่หมายทั้งแขกและเจ้าบ้านต่างพากันนั่งลงบนพลับพลาไม้ยาวที่ถูกจัดเตรียมไว้ ทั้งออกญาโหราธิบดี หมื่นสุนทรเทวา คุณหญิงจำปาและแขกผู้มาเยือน
เกศสุรางค์ตามมาในไม่ช้า แล้วเดินดุ่มๆเข้าไปในวงสนทนา ครั้นจึงกวาดสายตามองหาที่นั่ง แต่เหมือนกับว่าจะถูกจัดเตรียมมาให้สำหรับ ๖ คนเท่านั้น
"อ้าว..ไม่มีที่นั่งให้ข้าหรือคะ?" สาวร่างโปร่งทำหน้าใสซื่อหว่านคำถาม
"แม่การะเกด มิใช่ธุระของออเจ้าจะต้องมาร่วมวงสนทนาครั้งนี้ กลับหอนอนไปเถิดหนา" หมื่นสุนทรเทวาจิกตาเข้มใส่คนที่ยืนเซ่อซ่าเงอะงะ
"อ้าว.." เกศสุรางค์เหลือบมองจันทร์วาดนั่งขมวดคิ้วมองเธอ ก่อนหันไปตอบโต้คู่หมาย(?) "ทีแม่หญิงจันทร์วาดยังอยู่ได้ ทำไมข้าจะต้องกลับหอนอนด้วย" ไม่รอช้าเธอก็นั่งแหมะลงในพลับพลาตัวเดียวกับที่แม่หญิงจันทร์วาดนั่งอยู่
ทุกคนตกตะลึงกับพฤติกรรมเอาแต่ใจของเกศสุรางค์ แต่ดูแม่จันทร์วาด จะทั้งตกใจทั้งผวา
"แม่การะเกด! ออเจ้านี่ช่าง.." คุณหญิงจำปาโกรธจนหมดสิ้นคำจะด่าว่า ว่าที่ลูกสะใภ้ของตนเสียแล้ว
"เอาเถิดแม่จำปาให้นางอยู่เถิดหนา" ออกญาพูดเข้าข้างหลาน ทุกคนจึงจำยอมให้เกศสุรางค์นั่งต่อไป มีเพียงพ่อเดชที่มองค้อนการะเกดเสียตาแทบถลนออกมา
"ฮ่ะ ฮ่า..คิกคิก" เกศสุรางค์รู้สึกราวกับผู้ชนะสิบทิศ เธอจ้องพ่อเดชกลับแล้วยักคิ้วด้วยหน้าตายียวนกวนประสาท ทำให้ฝ่ายชายปรอทโมโหแทบระเบิด
"แม่หญิงจันทร์วาดดด" เกศสุรางค์หันไปมองคนข้างๆด้วยใบหน้าเปี่ยมรอยยิ้ม
"ว๊าย!?" จันทร์วาดหันหนีอีกคนแทบจะทันที ร่างน้อยหดเกร็งสั่นเทาด้วยฝังใจสุดขีด แต่ทว่าด้วยมารยาท นางจึงตอบเสียงติดอ่างทั้งหันหลัง "ว..ว่าอย่างไรแม่การะเกด"
"หูย ถ้าจะกลัวขนาดนี้.." เกศสุรางค์ขยับก้นถอยออกมานั่งริมขอบเก้าอี้อย่างไว "ข้าถอยห่างแล้ว หันมาได้"
จันทร์วาดแอบเหลือบมองเสียให้มั่นใจก่อน เมื่อคาดว่าปลอดภัยจึงค่อยหันหน้า กลับมาวงสนทนาอีกครั้ง แต่ยังแอบเหลือบมองจำเลยคดีจับกดเนืองๆ
"เอาที่สบายใจละกัน" แม่ตัวแสบหรี่ตามองคนนั่งข้างอย่างหน่ายๆ แถมยังไม่ค่อยอยากแคร์นางเสียเท่าไหร่ เพราะ ตูไม่ชอบผู้หญิงงงงง
ไม่นานบทสนทนาก็เริ่มขึ้น ผู้ใหญ่ต่างพากันหารือเรื่องราชการบ้าง บ้านเมืองบ้าง แลมิลืมที่จะถามไถ่สารทุกข์สุขดิบกันและกัน ก่อนที่บทสนทนาจะเริ่มเข้มข้นจริงจังขึ้นเรื่อยๆ
ออกญาโหราธิบดีหยุดพูด ก่อนหันไปมองสองสาวที่นั่งอยู่คนละฟากขอบของพลับพลาไม้ จนแทบจะตกลงไปนั่งบนพื้น แล้วยิ้มให้อ่อนๆ "พวกลุงมีเรื่องสำคัญต้องเจรจากัน คงต้องให้ออเจ้าออกไปก่อนหนา แม่การะเกด"
"อ้าว...ก็ได้เจ้าค่ะคุณลุง"
"ช้าก่อนแม่การะเกด" ร่างโปร่งกำลังจะเดินกลับหอนอน โกษาเหล็กก็เรียกยั้งไว้ก่อน "พาแม่จันทร์วาดไปด้วยเถิดหนา"
"คุณพี่!?" คุณหญิงนิ่มเอ่ยทัดทาน
"เอาเถิดแม่นิ่ม นางไม่เป็นอะไรหลังมนต์กฤษณกาลี นางคงมิได้ทำผิดอันใด ให้นางพาแม่จันทร์วาด ลงไปคุยกันตามประสาเด็กสาวเถิด"
"เจ้าค่ะ! เดี๋ยวข้าจะดูแลแม่จันทร์วาด อย่างดีเลยเจ้าค่ะ! " เกศสุรางค์น้อมรับสะดีดสะดิ้งดีใจ "ไปกันแม่จันทร์วาด"
***อย่างน้อยก็คงมีเวลาได้ทำคะแนนจีบแม่นี่ ให้การะเกดล่ะนะ***
ร่างเล็กยืนเก้ๆกังๆไม่ยอมเดินตามอีกคน ทั้งแสดงแววตาวิตกกังวลออกมา เหลือบมองพ่อกับแม่ ประมาณว่าไม่อยากไป
"โห่ย..ลีลาอยู่ได้ มานี่" เกศสุรางค์เหลืออดจะรอ เธอคว้าข้อมือที่เล็กและบอบบางของจันทร์วาด แล้วลากบังคับคนตัวน้อยให้เดินตาม และก็สมใจ จันทร์วาดไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเดินตามไป "แค่นี้ก็จบเรื่อง"
จันทร์วาดหันมองนังบุญกับนังเหมือน ส่งสายตาให้เดินตามมาด้วย เพราะไม่ไว้ใจคนคนนี้ เห็นดังนั้นผินกับแย้มก็รีบตามแม่นายของตนไปเช่นกัน
"แม่นาย รอด้วยเจ้้าค่ะ!!"
ทั้งคู่จูงกันเดินมาที่ศาลาท่าน้ำ ร่างสูงปล่อยมือให้อีกคนนั่งลงบนที่นั่งของศาลา ก่อนตัวเองจะนั่งตาม โดยหันหน้าเข้าหากัน แต่จันทร์วาดก็ยังมองเธอด้วยสายตาแปลกๆเช่นเดิม
"แม่จันทร์วาด ทำไมมองข้าแบบนั้น" สาวทำผมทรงมหาดไทยเอ่ยถามตรง "ไม่ชอบข้ารึ?"
"เอ่อ..หาเป็นเช่นนั้นไม่ ข้าเพียงแต่สงสัย" จันทร์วาดหลบตาอีกฝ่ายแล้วจึงตอบ
"สงสัยอะไร?" เกศสุรางค์ยิงคำตอบต่อ ทั้งมองหน้าอีกคนที่หลบตาเธออยู่ตลอด
"ก็ออเจ้าไม่ชอบข้า เหตุใดจึงมาทำดีกับข้าเล่า" สาวน้อยใสซื่อถามด้วยทีท่าไม่ไว้ใจ ก่อนจะฉุกคิดได้ว่าไม่ควรถามคำถามนี้ เพราะมนต์กฤษณกาลีได้พิสูจน์แล้วว่า การะเกดไม่ผิด "คงมิใช่เช่นนั้น ข้าขอโทษด้วย..ที่ถาม"
เกศสุรางค์หัวเราะทีท่าน่าขันของอีกฝ่ายที่ถามเอง ตอบเอง จบเอง ขอโทษเอง "แม่จันทร์วาดนี่สวยนะ ดูไฮโซ๊ไฮโซ ไม่เหมือนข้าเลยน้า ไร้ชื่อไร้สกุล"
"ห..ไหโศก?" คำศัพท์สมัยใหม่ เมื่อถูกฟังด้วยหูของคนอยุธยาแท้ก็ไม่แปลกที่จะเพี้ยนไปและไม่รู้ความ
"ไฮโซ..แปลว่ามีระดับ สูงศักดิ์!" เกศสุรางค์จีบปากจีบคอพูดอย่างใส่อารมณ์ "ทำใฟ้ข้านึกถึงเพลง เพลงหนึ่งขึ้นมา"
"เพลงอะไรรือ? " จันทร์วาดผ่อนคลายลงมาก พลันถามไถ่อีกฝ่ายด้วยใบหน้าที่มีรอยยิ้ม
"อยากฟังป่ะ?" เกศสุรางค์มองคนตัวน้อยด้วยแววตากระล่อน
จันทร์วาดพยักหน้ารับพลางพรายยิ้มอ่อนๆที่มุมปาก นางยอมสบตาเกศสุรางค์ รอฟังเพลงที่กำลังจะถูกขับร้องอย่างตั้งใจ
"ยามเมื่อลมพัดหวน.. ลมก็อวลแต่กลิ่นมณฑาทอง .. ไม้เอยไม้สุดสูง อย่าสู้ปอง ไผเอยบ่ได้ต้อง แต่ยินนามดวงเอย"
((ถอดความลาวคำหอม : ยามเมื่อลมพัดมา ลมก็หอบเอาแต่กลิ่นดอกมณฑาทองหอมไปทั่ว แต่ดอกไม้เอยเจ้าช่างอยู่สูงนัก อย่าสู้หวังจักได้ครอบครอง ไม่มีใครจะได้แตะต้อง ได้แต่เพียงเห็นและมองเท่านั้นแล))
"อย่าเอื้อมเด็ดดอกฟ้า มาถนอม
สูงสุดมือมักตรอม อกไข้"
เกศสุรางค์เหม่อมองแม่น้ำพลางเอ่ยบทกลอนหว่านล้อม จีบเกี้ยวจันทร์วาดอย่างสุดความสามารถ ถึงแม้จะทำเพื่อการะเกด แต่พอเห็นความงามของแม่หญิง เธอก็อินเหมือนกันล่ะนะ
จันทร์วาดเผลอมองคนเกี้ยวพาตาค้าง และแถมรอยยิ้มเอียงอายเป็นรางวัล ให้แก่ความพยายามของอีกฝ่าย แก้มนวลถูกแต่งแต้มด้วยสีแดงของเลือดฝาด จันทร์วาดหลุบก้มหน้าซ่อนความรู้สึก แต่เกศสุรางค์มองออก
***หุย ตอนแรกทำเป็นไม่ชอบ ทีแบบนี้เขินอาย ที่แท้..ก็แอบนะเนี่ยหล่อน***
เกศสุรางค์หัวเราะคิกคักอย่างสะใจอยู่คนเดียว ทำให้จันทร์วาดหลุดจากภวังค์และรักษาท่าทีไว้มิให้เกินงาม "เพลงแลกลอน ไพเราะยิ่งนักแม่การะเกด"
"ขอบใจจ้า แม่จันทร์วาด" เกศสุรางค์น้อมรับคำชมโดยไม่ถ่อมตัว
"วันพรุ่งท่านพ่อข้ากับโกษาปาน นัดหมายกับออกญาแลคุณพี่เดช มาเล่นต่อกลอนกันยามค่ำ ออเจ้าสนใจหรือไม่เล่า?" จันทร์วาดยิ้มพราย
"สนนน...เอ่อ..สนจ่ะสน" เกศสุรางค์หลุดปากเสียงดัง ก่อนลดโวลุ่มลง "แม่จันทร์วาดมาด้วยมั้ย?"
จันทร์วาดยิ้มหวานให้แทนคำตอบ บ่าวทั้งผิน แย้ม บุญ เหมือน ต่างนั่งดูแม่นายของพวกตนนั่งจีบ เกี้ยวพาราสีกันอย่างไม่สนใจสายตาคนรอบข้าง
***เยส! สำเร็จไปหนึ่งก้าว หวังว่าถ้าจีบติดเธอจะมีความสุขนะการะเกด รีบกลับมาเร็วๆนะ ฉันอยากกลับบ้านใจจะขาดแล้ว..การะเกด!***
))) จบตอนที่ ๒(((
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น