ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO] SF The Series: LULAY (yaoi)

    ลำดับตอนที่ #2 : PATHOLOGOS series - CHAPTER I : ENVY - LULAY

    • อัปเดตล่าสุด 13 ก.ย. 56


    ENVY - LUHAN & YIXING

     

    -------------




     

    ริมฝีปากเรียวของอี้ฉิงยกยิ้มขึ้นมาเบาเบา นิ้วเรียวสวยที่ได้มาจากการเล่นกีต้าร์ตั้งแต่เด็กเด็กไล่ไปตามแนวขนอ่อนที่ขึ้นมาตามใบหน้าของชายหนุ่มที่อายุมากกว่า ชายหนุ่มที่อยู่ในวงเดียวกับเขา วงเอ็กโซที่เพิ่งเดบิวต์ขึ้นมาไม่ถึงสองปี ครั้งนี้พวกเขากลับมาที่ประเทศเกาหลีเพื่อโปรโมตร่วมกันกับอีกครึ่งหนึ่งของพวกเขา รอยยิ้มที่ละมุนของอี้ฉิงค่อยค่อยตกลงมา นิ้วเรียวยังคงลูบไปตามแนวกรามของคนหน้าหวาน ใบหน้าที่ราวกับเด็กหนุ่มที่ไม่ยอมโต คนตายาวงอนที่ไม่สมควรอยู่บนหน้าของผู้ชาย จมูกรั้นและปากเล็กที่ค่อยแต่พ่นคำพูดไร้สาระออกมาไม่เว้นแต่ละวัน ถามว่าเขาดีใจไหมที่เอ็กโซได้กลับมารวมตัวกัน คงตอบได้ว่าดีใจมากที่ได้เจอพี่ชายและน้องชายของพวกเขาอีกครั้ง แต่ความรู้สึกหน่วงในใจของอี้ฉิงก็ไม่สามารถขจัดออกไปได้ 

     

     

    ความลับระหว่างพวกเขามันจะไม่ใช่ความลับอีกต่อไป

     

     

    นิ้วเรียวยังคงไล้ลงมาเรื่อยจนถึงลำคอและลงมาที่แขนที่แกร่งไปด้วยกล้ามเนื้อที่ลู่หานพยายามออกกำลังกายเพื่อสร้างขึ้นมา ลู่หานไม่ชอบที่ตนเองถูกมองว่าเป็นเหมือนเจ้าหญิง แต่จะทำอย่างไรได้เมื่อใบหน้าของลู่หานนั้นค้านกับความต้องการของตัวเอง อี้ฉิงยกยิ้มขึ้นมาอีกครั้ง ความทรงจำหมุนวนไปยังเมื่อหลายเดือนก่อน

     

     

    "อี้ฉิง! ฉันจะไปออกกำลังกาย!!!" อี้ฉิงที่นั่งเคาะจังหวะใส่หูฟังบีทอยู่นั้นเหลือบมองชายหนุ่มที่สวมเสื้อกล้ามโชว์กล้ามเนื้ออ่อนอ่อนที่แขนและตัวของตน ตาเรียวก้มลงบนหน้าเจอแมคบุ๊คโปรของตนเองอีกครั้งโดยไม่สนใจคนที่อายุมากกว่าที่มายืนจังก้าอยู่ข้างข้าง ลู่หานจิ๊ปากอย่างไม่พอใจเมื่อเห็นว่าอี้ฉิงไม่ยอมสนใจตัวเอง 

     

     

    "อี้ฉิง.... ลู่เกอจะไปออกกำลังกาย...." ลู่หานลากเสียงยาวในแบบที่ตนเองชอบทำเวลาอ้อนคนที่อายุน้อยกว่า ลู่หานมักจะแทนตัวเองว่าลู่เกอในขณะที่อี้ฉิงและรุ่นน้องของเขาจะเรียกเขาว่าเสี่ยวลู่ โคตรจะไม่แฟร์ 

     

     

    "อืม" อี้ฉิงตอบสั้นสั้น เพราะความสนใจของเขานั้นจดจ้องไปยังงานที่เขาต้องการจะทำ เพลงใหม่ที่เพิ่งถูกแต่งขึ้นมาต่อจากเพลง 因为你 ที่เขาเผลปล่อยให้หลุดไปด้วยความเบลอประจำตัวที่ทำให้ลืมตั้งทุกอย่างเป็นไพรเวท 

     

     

     

    "อี้ฉิงโง่" ลู่หานหัวเราะเขาก่อนจะเดินออกไปในห้องครัว แต่ก็ต้องรีบเดินเร็วกลับมาเมื่อเห็นคนที่อายุน้อยกว่านั่งนิ่ง แววตาไหววูบเพราะความเสียดาย ถ้าปล่อยไปอย่างนี้แล้วโอกาสที่จะส่งเดโมไปยังบริษัทแล้วจะได้รับการอนุมัตินั้นน้อยเต็มที

     

     

    "เฮ้ อย่าเศร้าน่าอี้ฉิง" ลู่หานเดินเข้ามาก่อนจะเอาแขนกอดคอรุ่นน้องเอาไว้ พวกเขาตัวเท่าเท่ากันจนแทบจะกลายเป็นฝาแฝดเมื่อนั่งอยู่ด้วยกัน ลู่หานเอาผมแข็งที่ถูกทำร้ายจากการทำสีมามากมายตั้งแต่วัยรุ่นเขกลงที่หัวของอี้ฉิงก่อนจะหัวเราะคนเดียวอย่างชอบใจ

     

     

    "อี้ฉิง ไม่เป็นไรหรอก พวกเรายังทำเพลงใหม่ได้อีก" เพราะความสบายของลู่หานทำให้อี้ฉิงอดไม่ได้ที่จะอิจฉา แต่บางทีอี้ฉิงก็แอบเห็นผู้ชายคนนี้ที่เรียกตัวเองว่าลูกผู้ชายร้องไห้คนเดียว อี้ฉิงนั่งนิ่งก่อนจะเหม่อมองไปที่แมคบุ๊คโปรที่เก็บเพลงของตัวเองเอาไว้

     

     

    "...." มีเพียงความเงียบที่ครอบคลุมทั้งสองคนไว้ ลู่หานเอื้อมมือไปจับมือเย็นของอีกคนเอาไว้หลวมหลวม ลู่หานไม่ชอบสกินชิปเสียซักเท่าไหร่ ใช่เขาชอบกอด แต่นั่นเพราะเขาชอบหาที่พึ่งพึงไว้เวลาเหมื่อยเหมื่อย

     

     

    "เฮ้อ..." อี้ฉิงถอนหายใจก่อนจะลุกขึ้นยืนและลูบหัวของลู่หานที่ก้มลงเศร้าเศร้า ทุกครั้งไป มันเป็นอย่างนี้ทุกครั้งไป ทุกครั้งที่อี้ฉิงเศร้า ลู่หานจะกลายเป็นคนที่เศร้ากว่าเขาจนเขาอดไม่ได้ที่จะต้องเลิกเศร้าเพื่อที่จะมาปลอบอีกคน แย่จริงจริงเลยเสี่ยวลู่ 

     

     

    "อืม?! ย๊า?! นายควรจะสนใจพี่ที่น่ารักของนายสิอี้ฉิง!!!!!" ลู่หานแหวก่อนจะเดินเข้ามาผลักอี้ฉิงเบาเบา ลู่หานรักการแสดงความรักแบบรุนแรงจนอี้ฉิงตอนนี้ชินไปเสียแล้ว แต่ก่อนตอนที่พวกเขาได้เจอกัน อี้ฉิงมักจะได้รอยจ้ำเพิ่มจากการฝึกซ้อมด้วยการเล่นแรงแรงของลู่หาน ตอนนั้นพวกเขาก็ถูกเรียกว่าว่าฝาแฝด เพราะความชอบต่างต่างที่เหมือนกัน การใช้ของที่พวกเขาเองก็ไม่รู้ตัว เมื่อรู้ก็กลายเป็นว่าพวกเขาแยกจากกันไม่ได้เสียแล้ว อี้ฉิงได้รอยจ้ำจนวันหนึ่งที่พวกเขาคุยกันอย่างสนุกสนานในห้องซ้อมที่มีเพียงแค่พวกเขาสองคน อี้ฉิงได้บอกถึงอาการเลือดแข้งตัวช้าของตนเอง เขายังจำปฏิกริยาของลู่หานได้ดี ตากลมโตขึ้นราวกับว่ามันจะหลุดออกจากเบ้า ลู่หานขอโทษอี้ฉิงเป็นการใหญ่ก่อนจะระวังตัวมากขึ้นจนอี้ฉิงนั้นรำคาญ

     

     

    "โอเคโอเค หยุดตะโกนใส่หูผมได้แล้ว" อี้ฉิงถอนหายใจก่อนจะถอดหูฟังของตนเองออก ไม่อย่างนั้นลู่หานก็จะไม่ลามือจากการแต่งเพลงของเขาเสียที หลายครั้งอี้ฉิงเลือกที่จะไม่สนใจเพราะยิ่งสนใจเจ้าปีศาจกวางตัวน้อยก็ยิ่งเอาแต่ใจมากขึ้นเท่านั้น 

     

     

    "พี่จะไปออกกำลังกายทำไมอีกล่ะ? ตอนนี้ไม่พอหรือไง?" อี้ฉิงหันมาประจันหน้าลู่หานที่มู่ทู่อยู่ ลู่หานเกาหูของตัวเอง อาการนี้มันเป็นของเขาชัดชัดแต่มันออสโมสิสสู่ลู่หานอย่างไรก็ไม่ทราบแน่

     

     

    "อารึมนูน่าบอกว่าลู่เกอเหมือนผู้หญิง" เพียงแค่นั้นอี้ฉิงก็ระเบิดหัวเราะสดใสขึ้นมาทันที ลู่หานชอบรอยยิ้มของอี้ฉิง รอยยิ้มที่อบอุ่นและสดใสของอี้ฉิง คนที่อายุมากกว่านิ่งค้างอยู่อย่างนั้นก่อนจะกระแอมไอและโยนหมอนเข้าหน้าของอี้ฉิง

     

     

    "ลู่เกอไม่คุยด้วยแล้ว" แล้วลู่หานก็เดินปึงปังออกไป อี้ฉิงที่นั่งนิ่งค้างเป็นรูปปั้นยกยิ้มขึ้นมาเบาเบา แล้วสวมหูฟังบีทที่เชื่อมต่อกับแมคของตัวเองอีกครั้ง 

     

     

    กลับมาสู่ปัจจุบันของอี้ฉิงที่ไล่นิ้วเรียวสวยไปตามร่างกายของคนที่อายุมากกว่าอย่างเหม่อลอย หลายหลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงที่พวกเขาโปรโมตด้วยกันสิบสองคนนั้นทำให้อี้ฉิงอดรู้สึกแปลกแปลกในหน้าอกข้างซ้ายไม่ได้ จากที่พวกเขา มีแค่พวกเขาสองคนที่แชร์ห้องนอนเล็กเล็กในปักกิ่ง ในโรงแรมที่อยู่เพียงไม่กี่คืน ในเตียงนอนที่อี้ฉิงลากเข้ามาชิดและบางทีก็แกล้งกลิ้งตัวไปอยู่บนเตียงของลู่หานก่อนที่จะถูกเตะออกมาอย่างเลือดเย็น พวกเขาที่ชงชาแดงและชาดำขึ้นมาจิบภายใต้หน้าต่างที่ถูกปิดอยู่ด้วยม่าน มีเพียงแสงสีเหลืองนวลจากโคมไฟในฝั่งของอี้ฉิงเท่านั้น พวกเขามักคุยกันทุกเรื่อง สัพเพเหระไปเรื่อย ทั้งเรื่องเพลง แฟชั่นและคงโกหกถ้าพวกเขาบอกว่าไม่เขาไม่ได้พูดถึงผู้หญฺิงสวยสวยที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ลู่หานมักจะมอบรอยยิ้มอันสดใสให้กับเขา ลู่หานที่มองโลกราวกับทุกอย่างที่สวยงาม อี้ฉิงรู้ดีว่าลู่หานรู้มากกว่านั้นเยอะ ลู่หานรู้ถึงตื้นลึกหนาบางหลายอย่างในวงการนี้ เพียงแต่คนอายุมากกว่าเพียงอยากสร้างโลกที่สวยงามให้กับเขา  

     

     

    ความทรงจำพวกนั้นถูกริดรอนลงไปหลังจากพวกเขาโปรโมตด้วยกันทั้งสิบสองคน อี้ฉิงไม่เคยเกลียดพี่น้องร่วมวง แต่เพียงเขาแค่อยากจะย้อนเวลากลับไปยังห้วงที่เขากับลู่หานเล่นกันราวกับเด็กเด็กสองคน ช่วงเวลาผ่านมานี้ลู่หานได้สนิทกับคนอายุเดียวกัน มินซอก เพื่อนร่วมวงชาวเกาหลีของเขา อี้ฉิงคงโกหกอีกครั้งถ้าเขาพูดว่าเขาไม่ได้อิจฉาเลยเวลาที่ลู่หานกอดอีกคน เวลาที่ลู่หานดึงแก้ม กระโดดโลดเต้นราวกับเด็กเด็ก ออกไปเตะฟุตบอลตอนกลางคืนกับมินซอกและมินโฮ อีกทั้งตีก้นของเปาจึชื่อเรียกเฉพาะคนในบางเวลาที่หมั่นเขี้ยว อี้ฉิงมองเรื่องพวกนั้นเป็นเรื่องไร้สาระและหลายครั้งเขาก็ดุคนที่อายุมากกว่าไป แต่ลุ่หานยังคงดื้อแพ่งแกล้งเขาบ้างบางที แต่พออี้ฉิงนั้นแกล้งกลับทีไร ลู่หานเป็นต้องจ๋อยไปเสียทุกที 

     

     

    ลู่หานใช้เวลากับเมมเบอร์ฝั่งเคมากขึ้น เพื่อทดแทนเวลาที่พวกเขาสูญเสียไปเมื่อทำการโปรโมตแยกวงกัน กับเซฮุนรุ่นน้องที่ลู่หานสนิทสนมด้วยและเอ็นดูเด็กที่อายุน้อยกว่าถึงสี่ปีราวกับเป็นน้องชายแท้แท้ ใบหน้าหวานที่พูดคุยสอนเรื่องต่างต่างที่อี้ฉิงล้วนมองว่าฟังเพียงแค่สามสิบเปอรเซ็นท์และโยนทิ้งซักเจ็ดสิบเสียยังดีกว่า ลู่หานมีความภาคภูมิใจอย่างใหญ่หลวงเมื่อเซฮุนยอมฟังและปฏิบัติตามคำแนะนำประหลาดประหลาดของลู่หาน หลายครั้งที่พวกเขาเดินหนีไปซื้อชานมไข่มุกที่ร้านถัดออกจากตึกของบริษัท หลายครั้งที่พวกเขาไปชอปปิ้งกันโดยมีเขาอยู่ที่ห้องพักแต่งเพลงและรู้เพียงเมื่อลู่หานหอบถุงหลายถุงกลับมา แม้ว่าลู่หานมักจะมีของฝากมาที่เขาเสมอ แต่มันไม่เหมือนเดิม 

     

     

    ภาพเพียงไม่นานมานี้ที่ลู่หานและแบคฮยอนเล่นกันบนเวทีทำให้อี้ฉิงอดหัวเราะอย่างหน่วงหน่วงไม่ได้ พวกเขาเล่นกันราวกับเด็กสาวแรกรุ่น หัวเราะและตีกันไปมาจนทางพีดีต้องเข้ามาว่าทั้งคู่ ลู่หานและแบคฮยอนหัวเราะคิกคักกันอยู่สองคน อี้ฉิงเหลือบไปมองแบคฮยอนที่ตีเข้าไปที่ก้นของลู่หานอย่างหมั่นเขี้ยว แบคฮยอนและลู่หานคุยกันหลายต่อหลายครั้งยิ่งเมื่อพวกเขานั้นรับผิดชอบหน้าที่ด้านการร้องในสเปเชียลเสตจต่างต่าง 

     

     

    ชานยอล รุ่นน้องที่นั่งนิ่งอยู่ในห้องพักแต่เมื่อเจอลู่หานกลับกลายเป็นคนบ้าที่สร้างเสียงตลกแม้แต่ให้กับแบคฮยอน ลู่หานสนิทกับชานยอลมากขึ้นหลังจากที่พวกเขาไปดูหนังไอรอนแมนร่วมกับซึงฮยอนฮยอง พวกเขามีความชอบที่เด็กเด็กคล้ายคล้ายกัน รถแข่ง การ์ตูน และไอรอนแมน ภาพที่ซึงฮยอนฮยองโชว์ให้เขาดูเมื่อวันต่อมา ลู่หานที่แอคท่าราวกับไอรอนแมน ไอดอลคนโปรดรองลงมาจากรุ่นพี่ดงบังชินกิ และชานยอลที่ทำท่าราวกับถูกไอรอนแมนทำร้าย อี้ฉิงอดหัวเราะออกมาไม่ได้ แต่แล้วริมฝีปากที่ยกยิ้มกว้างนั้นก็ค่อยค่อยหุบลง เมื่อเห็นภาพเซลก้าของชานยอลและลู่หานที่ไม่ได้ถูกแพร่ให้กับแฟนคลับเห็น

     

     

    เวลาที่ลู่หานใช้ร่วมกับอี้ฉิงนั้นน้อยลงไปทุกที ราวกับทุกครั้งที่อี้ฉิงอยากจะเอื้อมเข้าไปหาลู่หาน ก็มีบางคนที่ดึงคนที่อายุมากกว่าไปเสียแล้ว นิ้วเรียวสวยเลื่อนกลับมาที่ใบหน้าก่อนจะพิจารณาผิวนุ่มราวกับเด็กอ่อนของลู่หานที่ตอนนี้กร้านไปมากเพราะการทำงานหนักและอดนอน พวกเขาทุกคนต่างอดนอนและเหนื่อยกับการโปรโมตวูล์ฟ แต่เพียงรางวัลที่แฟนคลับต่างลงแรงลงใจช่วยเหลือนั้นก็มากพอที่จะทำให้พวกเขายิ้มออกมา ว่าความพยายามทุกอย่างนั้นไม่ได้เสียเปล่าไป 

     

     

    "อื้อ...อี้ฉิง" ลู่หานงัวเงียขึ้นมาจากการนอนหลับไปมากกว่าห้าชั่วโมง มันเป็นวันที่หายากในระหว่างการโปรโมตของพวกเขาแต่ก็สามารถทำได้ อี้ฉิงชะงักนิ้วมือเมื่อเห็นตากลมโตที่มีแพขนตายาวลืมเปลือกตาขึ้นมา ดวงตาที่ราวกับกวางทำให้อี้ฉิงต้องยอมลุ่หานในหลายหลายครั้ง ดวงตาที่เปิดทุกอย่างให้กับอี้ฉิง อี้ฉิงคนเดียวเท่านั้นจริงจริง 

     

     

    "ฉันนอนไปนานเท่าไหร่แล้วเนี่ย ฮ้าวววววว" ลู่หานหาวออกมาอย่างไม่รักษาภาพพจน์ อี้ฉิงอยากจะให้แฟนคลับของลู่หานเข้ามาดูชายหนุ่มตอนนี้จริงจริง ไม่ต่างอะไรจากพนักงานเงินเดือนที่มีใบหน้าราวกับเด็กประถมที่กำลังอยู่ในชุดเสื้อยืดแมนยูและกางเกงบอลเข้าชุดกำลังหาววอดวอดอย่างไม่อายใคร ผมสีส้มที่ถูกย้อมเปลี่ยนสีมาหลายรอบถูกเสยขึ้นอย่างลวกลวก 

     

     

    "ไม่นานเท่าไหร่" อี้ฉิงเอ่ยเบาเบา มองภาพทุกอย่างราวกับอยากซึบซับมันเข้าไป นิ้วเรียวเอื้อม  ไปปัดปอยผมของลู่หานที่กำลังอยู่ในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอนบนโซฟา ลู่หานหันมาเลิกคิ้วมองรุ่นน้องอย่างกวนกวน ก่อนจะยิ้มกว้างเหมือนเห็นใบหน้าของอี้ฉิงที่ค้างอยู่อย่างนั้น ลู่หานตั้งชื่อภาพมาสเตอร์พีสนี้ว่า "อี้ฉิงเอ๋อ" เขามักจะหัวเราะเป็นบ้าเป็นหลังทุกครั้งที่อี้ฉิงทำหน้าอย่างนี้ หน้าที่เหมือนกับงงกับฉงนไปเสียทุกเรื่อง 

     

     

    "อ๊า...ฉันหิวข้าว มินซอกกี้ ฉันหิวข้าวววววววววว" ลู่หานตะโกนโหวกเหวกเมื่อเห็นว่ามินซอกและเมเนเจอร์ที่เพิ่งกลับมาจากการซื้อรามยอนที่ร้านใกล้เคียงที่พักเปิดประตูเข้ามาในห้องพักที่เต็มไปด้วยรองเท้าของลู่หานอี้ฟานและจึเทาวางเกลื่อนไปหมด 

     

     

    "ตื่นขึ้นก็หิวเลย ไอเจ้าเด็กคนนี้" ซึงฮวานฮยองบ่นขึ้นมาแต่ก็วางกล่องอาหารลงบนโต๊ะเล็กตรงหน้าลู่หานและอี้ฉิงแต่โดยดี อี้ฉิงเม้มปากมองรามยอนอย่างหิวหิว แต่ตอนนี้ก็จะเที่ยงคืนแล้วและเขาเองก็เป็นคนอ้วนง่ายด้วยสภาพร่างกาย 

     

     

    "อี้ฉิงกินด้วยกันไหม?" เป็นมินซอกที่ถามก่อนจะชูกล่องรามยอนในมือขึ้นมาสูงสูง ในขณะที่ลู่หานนั้นเปิดกล่องอาหารก่อนจะซัดรามยอนจนเลอะมุมปาก อี้ฉิงมองภาพที่มินซอกยื่นทิชชู่ให้อีกคนอย่างหน่ายหน่ายก่อนจะเอากล่องที่เหลือไปเก็บไว้ในตู้เย็นเพื่อให้เมมเบอร์คนอื่นอื่นเข้ามาเปิดกินเวลาหิว ลู่หานทำตาโตก่อนที่จะวิ่งออกไปดึงรามยอนมาไว้อีกกล่อง

     

     

    'ผมอยากมีเวลากับพี่มากกว่านี้จัง ลู่หานเกอ' เป็นเพียงประโยคหนึ่งที่ติดอยู่ที่ริมฝีปากของอี้ฉิงแต่เขาไม่กล้าพูดมันออกมา อี้ฉิงมองลู่หานที่เดินกลับมาอย่างอารมณ์ดีด้วยรามยอนอีกกล่องในมือ ลู่หานมองใบหน้าซีดของอี้ฉิงก่อนจะคีบรามยอนจ่อหน้า"อี้ฉิงเอ๋อ" และหัวเราะออกมาราวกับคนบ้า

     

     

    "อี้ฉิงเอ๋อเอ้ยยย" ลู่หานพูดก่อนจะคีบเส้นเข้าปากอย่างอารมณ์ดี อี้ฉิงนั่งนิ่งอยู่ตรงนั้นมองภาพของคนอายุมากกว่าที่กินอาหารราวกับเด็กเด็กและเรอออกมาอย่างไม่อาย 


     

    "นี่อี้ฉิง..." ลู่หานเรียกอี้ฉิงเมื่อเขากินเสร็จกล่องที่หนึ่งอย่างรวดเร็ว 


     

    "พี่คิดถึงนายนะ" ลู่หานเอ่ยด้วยเสียงอันแผ่วเบาก่อนที่จะดึงคออี้ฉิงเข้ามาโยกเบาเบา มือเล็กแต่สากของลู่หานบีบนวดเบาเบาที่คอของอี้ฉิง 

     

    .


                .
     

    'นายเองก็มีเวลาตอนนี้ให้พี่น้อยเหมือนกันนะ' คำนี้ติดอยู่เพียงที่ริมฝีปากของลู่หาน  











    ----------------------------------------------
    บอกไว้ก่อนเลยค่ะว่าคำที่เป็นตัวเอียง Italics นั้นลู่หานและอี้ฉิงไม่ได้พูดมันออกมาเลยค่ะ หน่วงไหมคะ? ตอนต่อไปยังไม่แน่ใจว่าจะลงยังไงเมื่อไหร่และแบบไหนเหมือนกัน 555 



     

     

    :)  Shalunla :)  Shalunla
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×