ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Yaoi] You who came from the stars :: LuBaek

    ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่ 1 .. [Yaoi] You who came from the stars :: LuBaek

    • อัปเดตล่าสุด 24 มี.ค. 57


     

    หลังจากเรื่องป่วนๆจบลงตรงที่เจ้าคนเสียมารยาทนั่นลงไปนอนกองกับพื้น แบคฮยอนเองจึงกระหยิ่มยิ้มย่องอยู่คนเดียวอย่างสะใจ เพราะสุดท้ายก็ได้แก้แค้นเพื่อนข้างบ้านจนอีกคนสลบไปตรงหน้า แม้ว่าถ้าพูดกันตามตรงจะรู้สึกเสียหน้านิดหน่อยที่ต้องมาจูบกับคนแปลกหน้าโดยบางเอิญก็เถอะ แต่หากคิดดูมันเป็นเรื่องปกติสำหรับแบคฮยอนอยู่แล้ว เรื่องการแสดงของเจ้าตัวไม่ได้เป็นรองการร้องเพลงเลยสักนิดนี่นา




                    ร่างที่ค่อยๆหอบหายใจเร็วบนพื้นเรียกรอยยิ้มร้ายๆจากแบคฮยอนได้มากโข สมกับสุภาษิตจีนที่ว่า
    แก้แค้นสิบปีก็ไม่สาย จริงๆ แม้ว่าแบคฮยอนจะสามารถเอาคืนเพื่อนบ้านไร้มารยาทได้ภายในไม่กี่นาทีถัดมาก็เถอะ





                    “นี่คุณเพื่อนบ้าน แค่นี้ถึงกับเป็นลมเลยเหรอ?” น้ำเสียงติดเหยียดอยู่ในทีเอ่ยถามออกมา พร้อมกับค่อยๆขยับเข้าไปใกล้คนที่ทอดกายอยู่บนพื้น แบคฮยอนย่อตัวลงจ้องเสี้ยวหน้าของคนตรงหน้านั้นอีกครั้งก่อนเอ่ยต่อ






                    “อย่าทำเป็นอวดเก่งกับพยอนแบคฮยอน ถ้าจะมาเป็นแฟนคลับช่วยเข้ามาหาดีๆแบบเป็นมิตร ยังไงซะคุณก็เป็นเพื่อนบ้าน ผมจะยอมคุณเอาไว้ในซอกสมองสักนิดก็ได้ จะได้ไม่เสียน้ำใจ ถือซะว่าวันนึงเราจะต้องพึ่งพาอาศัยกันก็แล้วกันนะ” ดวงตาเรียวรียังคงไม่ละออกจากภาพของคนตรงหน้า ใครจะรู้ว่านักร้องชื่อดังระดับประเทศจะแสดงออกความเกลียดชังได้อย่างน่าขนลุกมากถึงขนาดนี้ สาบานได้เลยว่าหากภาพนี้หลุดออกไป แบคฮยอนคงได้เป็นข่าวหน้าหนึ่งของทุกหนังสือพิมพ์และทุกเว็บไซต์ พร้อมพาดหัวข่าวทำนองว่า
    นักร้องดังจอมฉาวทำร้ายเพื่อนบ้าน





                    “ค..คุณ...”  น้ำเสียงอ่อนแรงถูกเค้นออกมาอย่างยากลำบากโดยบุคคลที่แม้แต่จะขยับร่างยังไม่ไหว ทำได้เพียงหอบหายใจ สีหน้าซีดเซียวจนเห็นได้ชัดเล่นเอาคนใจร้ายอย่างแบคฮยอนที่รู้สึกสะใจในตอนแรกเริ่มใจหล่นลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม






                    มือเล็กเอื้อมลงประคองใบหน้าที่ค่อยๆมีเม็ดเหงื่อผุดขึ้นมาอย่างลืมตัว ก่อนจะพบว่าร่างกายของอีกคนร้อนดั่งไฟเผา ซึ่งเท่าที่แบคฮยอนพอจะจำได้ เจ้าตัวไม่เคยพบใครตัวร้อนมาเท่านั้นมาก่อน






                    “นี่คุณเพื่อนบ้าน
    !! ไม่ตลกนะ ตัวคุณร้อนขนาดนี้ได้ยังไง คุณไม่สบายเหรอ? เฮ้ย!! เฮ้ย!!!!!!! ตอบผมสิตอบ!!!! แบคฮยอนตะโกนดังขึ้นเมื่อเห็นว่าเปลือกตาของชายหนุ่มตรงหน้าใกล้ปิดลงเต็มที ลมหายใจที่เข้าออกเร็วจนน่าใจหายทำให้แบคฮยอนต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้าด้วยการพาอีกคนเข้าไปในห้องของเขาเอง







                    หนทางนี้ช่างยาวไกลนักเพราะผู้ชายแปลกหน้าที่ต้องใช้คำว่าลากมากกว่าคำว่าประคอง จะว่าอีกคนตัวใหญ่ก็ไม่เชิงเพราะเป็นผู้ชายที่จัดว่าตัวบางอยู่ทีเดียว แต่ก็สูงกว่าแบคฮยอนเกือบคืบทำให้การช่วยเหลือครั้งนี้ไม่สามารถเป็นไปได้ง่ายๆอย่างที่แบคฮยอนตั้งใจ






                    สิบกว่านาทีสำหรับการพาคนแปลกหน้าที่ไม่ให้ความร่วมมือใดๆเข้ามาในห้องเพียงเพราะเห็นแก่เพื่อนร่วมโลกที่กำลังจะตาย จริงๆแบคฮยอนจะปล่อยให้คนไร้มารยาทคนนี้นอนอยู่ตรงนั้นก็ได้ แต่เพราะกลัวว่าหากทิ้งไว้แล้วเกิดตายขึ้นมาเขาจะต้องย้ายบ้านอีกเป็นครั้งที่
    8 เพราะหนีผี ซึ่งมันไม่น่าจะเป็นเหตุผลที่โอเคนัก







                    “หนักบรรลัยคนอะไรเนี่ย” แบคฮยอนบ่นอุบเมื่อสามารถพาร่างที่ไม่เหลือแม้แต่สติขึ้นมานอนบนโซฟากลางบ้านตนเองได้ ลมหายใจของคนตรงหน้ารวยรินเต็มที มือเล็กค่อยๆทาบลงบนแผ่นอกที่ขยับช้าๆนั้นอย่างห่วงใยก่อนจะเคลื่อนขึ้นอังหน้าผากของอีกฝ่าย








                    “คุณ
    ! !นี่คุณอย่าตายที่บ้านผมนะผมกลัวผี” บอกพร้อมเขย่าบ้างตบแก้มอีกคนบ้างเพื่อให้ได้สติ แต่ดูเหมือนลู่หานจะไม่ยอมตอบสนองอย่างที่อีกคนหวัง






                    สาบานได้เลยว่าตอนนี้แบคฮยอนจะร้องไห้จริงๆแล้วนะ ตอนแรกก็สะใจอยู่หรอกที่เห็นคนแบบนี้ลงไปกองตรงหน้าเหมือนได้แก้แค้นยังไงก็ไม่รู้ แต่ไปๆมาๆสุดท้ายก็อดไม่ได้ที่จะห่วง อย่างน้อยๆจะเป็นจะตายก็ช่วยบอกลากันหน่อยไม่ได้รึไง เช่น ผมฝากสมบัติของผมด้วย หรือแม้แต่จะไม่ตามมาล้างแค้นกันตอนที่กลายเป็นผีอะไรทำนองนั้น







                    “นี่คุณ
    !!ตอบสิ!!” แบคฮยอนยังคงโวยวายไม่ยอมเลิก ก่อนที่ลู่หานจะค่อยๆเอ่ยบอกอีกคนน้ำเสียงอ่อนแรง







                    “ม...ไม่เป็นไร...พาผมไปส่งที่ห้อง...เถอะ” แค่จะตอบยังไม่มีแรง ถ้าปล่อยไปไว้ที่ห้องตัวเองคนเดียว อีกสามวันคงมีกู้ภัยมาห่อศพเพื่อนบ้านก็เป็นได้ ซึ่งขอร้องล่ะนะ แบคฮยอนกลัวผี ยิ่งเป็นผีไร้มารยาทอีก เกิดโผล่มาตอนกำลังอาบน้ำงี้ แบคฮยอนตกใจตายพอดี ไม่เอาหรอก








                    “โหย..คุณถ้าคุณเป็นผีถามว่าใครเดือดร้อน ต้องไปให้ปากคำตำรวจแถมยังต้องทนกลัวผีไปตลอด ไม่เอาหรอก ยังไงๆถ้าไข้ไม่ลดผมก็ไม่ปล่อยคุณกลับบ้านแน่ๆ” เสียงตอบฉอดๆอย่างฉะฉาน เล่นเอาลู่หานถอนหายใจออกมาก่อนจะหันหน้าหนีไปอีกฝั่งตัดเพื่อความรำคาญ







                    “นี่คุณเพื่อนบ้าน ช่วยแสดงมารยาทดีๆหน่อยไม่ได้รึไง หรือจะต้องให้ปล่อยตายคาหน้าห้อง ผมมีพระคุณกับคุณนะ” อุตส่าห์ลากมาที่ห้องตัวเองแท้ๆแถมยังป็นห่วงเป็นใย ช่วยมีมิตรไมตรีอันดีต่อกันสักหน่อย คิดว่าอยู่ตึกนี้มาก่อนจะทำมารยาทแย่ๆกับใครก็ได้งั้นเหรอพ่อคุณ







                    แบคฮยอนเริ่มบ่นออกมายาวๆเหมือนคุณป้าแก่ๆโดนหลานชายเมินใส่ เอาเข้าจริงตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมีใครเมินแบคฮยอนเลยแม้แต่คนเดียว ชีวิตนี้ถูกทนุถนอมมาราวกับไข่ในหินผู้คนต่างเข้ามาหาและแสดงมิตรไมตรีอันดีตลอดมา มีก็แต่คุณเพื่อนบ้านประสาทนี่แหละที่มาถึงก็ปะทะคารมณ์กันจนถึงขั้นเกลียดขี้หน้า







                    เสียงหอบหายใจแรงกว่าเก่าเรียกให้คนที่บ่นอยู่เมื่อครู่หันความสนใจกลับไปยังร่างที่กำลังขยับไปมาด้วยความรู้สึกไม่สบายตัวเท่าไรนัก มือเล็กจึงอังที่ลำคอของอีกฝ่ายเพื่อเช็คอุณหภูมิอีกครั้งก่อนจะพบว่ามันสูงขึ้นราวกับเตาบาร์บีคิว







                    “ปล่อยไว้แบบนี้นายไม่ตายดีแน่คุณเพื่อนบ้าน” ว่าแล้วก็เดินไปจัดการเตรียมผ้าสำหรับเช็ดตัวและน้ำอุ่นๆมาไว้เพื่อปรับอุณหภูมิร่างกายของอีกฝ่าย ผ้าผืนนุ่มถูกชุบลงในน้ำก่อนจะบิดหมาดๆเพื่อเช็ดผิวกายของอีกฝ่ายอย่างเบามือ







                    ลู่หานที่ยังคงปิดเปลือกตานิ่งขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างหงุดหงิด ก่อนที่มือของเจ้าตัวจะยกขึ้นบังบริเวณส่วนที่แบคฮยอนกำลังพยายามเช็ดนั้นแสดงความต้องการปฏิเสธ







                    “โอ้ย
    !!จะตายก็เพราะดื้อนี่แหละ” แบคฮยอนบ่นเสียงเขียวก่อนจะคว้ามือแกร่งของอีกฝ่ายมาจับไว้เพื่อไม่ให้ขวางการช่วยเหลือของตนเอง สัมผัสของสองมือที่เริ่มจากความหงุดหงิดของแบคฮยอนค่อยๆสอดผสานกันอย่างช้าๆโดยที่ไม่มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งรู้ตัว และเมื่อเวลาผ่านไป คนที่ยังคงไม่ได้สติค่อยๆสัมผัสมือของอีกฝ่ายแน่นขึ้น แบคฮยอนได้แต่ปล่อยให้มือนั้นเกาะกุมกันเอาไว้แน่นหนาอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน






                    “คุณ..เสร็จแล้วปล่อยมือได้แล้ว” กว่าจะรู้ตัวแบคฮยอนก็ปล่อยให้อีกฝ่ายจับมือตนเองเอาไว้จนชื้นเหงื่อ เขาไม่เคยยอมให้ใครแตะต้องตัวง่ายๆ นี่คือสิ่งนึงที่แบคฮยอนเองก็แปลกใจอยู่ไม่น้อย ริมฝีปากเรียวเล็กเม้มเข้าหากันเบาๆ เมื่อรู้ตัวอีกทีก้อนเนื้อบริเวณอกข้างซ้ายก็เต้นไม่เป็นจังหวะ







                    ใบหน้าขาวใสของอีกฝั่ง แม้จะเรียกได้ว่าสวยหวานเหมือนผู้หญิงแต่กลับแฝงความเป็นชายเอาไว้มากทีเดียว แพขนตาที่เรียงตัวยาว ทรงผมที่ตกลงมาปรกหน้าผาก ไรจอนบริเวณสันกราม อีกทั้งรอยเขียวๆของหนวดที่เริ่มจะขึ้นมาทำให้ใบหน้านั้นไม่ดูสะอาดสะอ้านมากนัก ทำเอาแบคฮยอนต้องเบือนหน้าหนีเพราะรู้สึกเหมือนกำลังถูกสะกดเอาไว้ด้วยพลังบางอย่าง







                    “ค...คุณปล่อยเถอะ” เหมือนเป็นคำขอร้องจากปากด้วยเสียงที่แผ่วเบา ร่างกายเย็นไปหมดแล้ว เย็นจนแบคฮยอนรู้สึกไม่โอเค นี่อาจเป็นเพราะอากาศในห้องนี้เริ่มเย็นลงก็ได้ อยากจะเดินไปเปิดฮีตเตอร์ให้แรงขึ้นเหลือเกิน แต่ก็แปลกที่แม้จะรู้สึกเย็นแต่กลับมีเม็ดเหงื่อผุดขึ้นมาเต็มหน้าผากของแบคฮยอน






                    เหมือนว่าคำขออันแผ่วเบาของแบคฮยอนจะไม่สำเร็จตามต้องการ สัมผัสที่ทำให้แบคฮยอนไม่เป็นตัวของตัวเองยังคงเกาะกุมเอาไว้แน่นจนเจ้าตัวใจอ่อน แบคฮยอนค่อยๆจัดท่านั่งของตนเองให้สบายตัวก่อนจะเกยคางลงบนโซฟาเพื่อเตรียมตัวพักสายตา






                    ...อย่างน้อยอยู่ใกล้ๆหากเกิดอะไรขึ้นจะได้ช่วยได้ทัน...





    ..............................................................




     

    แสงแดดสาดเข้ามาภายในห้องเมื่อพระอาทิตย์ฉายแสงเต็มความสว่าง เช้าวันใหม่ที่สองร่างกอดกันเอาไว้แน่นบนโซฟาตัวไม่กว้างนัก ผ้าห่มนุ่มๆถูกคลุมกายของทั้งสองเอาไว้เพื่อขจัดความหนาวเย็น





                    ลู่หานค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้นอย่างอ่อนเพลีย หลังจากพิษไข้ที่เกิดขึ้นมาจากน้ำลายของมนุษย์ทำให้ลู่หานไข้ขึ้นจนเกือบหมดสติ โชคดีที่มนุษย์ตรงหน้าพอมีสมองอยู่บ้างช่วยลดอุณหภูมิความร้อนของร่างกายเจ้าตัวจนรุ่งเช้าเมื่อตื่นขึ้นมาก็เกือบหายเป็นปกติ




                    สายตาคมหลุบต่ำลงมองร่างที่กำลังหลับไหลอยู่ในอ้อมกอดของเจ้าตัวอย่างพินิจพิจารณา ใบหน้าใสๆไร้ซึ่งความร้ายกาจเช่นเมื่อคืนทำเอาลู่หานอมยิ้มออกมากับภาพตรงหน้า ซึ่งหากเทียบกับเด็กปากร้ายเมื่อคืนแล้วนั้นต่างกันราวฟ้ากับเหว




                    ปลายนิ้วยาวค่อยๆลากลงตามสันจมูกโด่งรั้นนั้นอย่างเบามือ ก่อนที่คนที่ถูกสัมผัสจะขมวดคิ้วเข้าหากันเหมือนกำลังรำคาญการแตะต้องของอีกฝ่าย เรียกเสียงหัวเราะในลำคอได้เล็กน้อยกับความน่ารักดั่งลูกหมาของคนตรงหน้า จนสุดท้ายลู่หานจึงเลือกที่จะใช้พลังของตนเองเคลื่อนย้ายร่างที่ตนเองกำลังกอดไว้นั้นกลับไปที่เตียงนอนของเจ้าตัวเพราะรู้สึกสงสารอีกฝ่ายถูกนอนเบียดอยู่บนโซฟาตลอดทั้งคืน





     

    เมื่อเสร็จสิ้นการส่งเพื่อนบ้านปากร้ายไปนอนเรียบร้อย ลู่หานก็ค่อยๆเดินกลับห้องของตนเองด้วยร่างกายไม่เต็มร้อยเท่าที่ควร นี่ถือเป็นครั้งแรกในรอบร้อยปีของลู่หานเลยก็ว่าได้สำหรับการล้มป่วยจากน้ำลายของมนุษย์ ลู่หานค่อยๆทิ้งตัวลงบนเตียงนอนของตนเองในห้องกว้างที่ถูกตกแต่งเอาไว้ด้วยโทนสีดำที่เขาชอบและสีแดงซึ่งเป็นสีประจำทีมฟุตบอลขวัญใจของเขาเอง




                   

    “อะไรเนี่ย!!!! ข่าวหน้าหนึ่ง!!! ตายๆๆๆๆๆ ตายแน่ๆคำเดียวเลย โว้ยยยยยยยยยยยยยย” เสียงกรีดร้องโวยวายคุ้นหูดังเข้ามาในหัวของลู่หานทำเอาเจ้าตัวต้องลืมตาตื่น






                    ...บางทีก็ไม่อยากหูไวมากกว่ามนุษย์สักเท่าไหร่...







                    เพราะมีประสาทการได้ยินยอดเยี่ยมกว่ามนุษย์โลก7เท่า ทำให้ลู่หานต้องได้ยินหลายๆเรื่องที่ไม่ต้องการรับฟัง รวมไปถึงเสียงแหกปากจากบ้านข้างๆนี่ด้วย ตั้งแต่ย้ายมาหมอนี่ก็ไม่เคยทำให้ชีวิตของลู่หานเหมือนเดิมเลยแม้แต่วันเดียว






                    ปัง
    !ปัง!!ปัง!!!!!







                    “นี่คุณ!!!!! ดอกที่สองสำหรับการฟื้นไข้รึไง เสียงแหกปากไม่พอ ตามมาด้วยเสียงเคาะประตูและเสียงตะโกน บอกได้เลยว่าคงไม่ได้มาจากที่อื่นแน่ๆนอกเสียจากบ้านข้างๆ อยากจะเสกให้หลับไปตลอดกาลเหลือเกิน เจ้าตัวเล็กข้างบ้านนั่น เวลาอยู่เฉยๆก็น่าเอ็นดูดีหรอก แต่พอตื่นขึ้นมาก็แผลงฤทธิ์ทันที แบบนี้ ไม่เห็นใจเพื่อนบ้านที่อยู่มาก่อนเลยหรือไง






                    ลู่หานเดินไปที่ประตูทันทีเมื่อเริ่มรู้สึกรำคาญเจ้าเด็กขี้โวยวายที่อยู่หน้าประตูห้องนั้น ชายหนุ่มหยุดยืนมองหน้าจออินเตอร์คอมข้างประตูเพื่อสังเกตท่าทางของอีกฝ่าย ใบหน้าเปื้อนยิ้มเมื่อเห็นเจ้าตัวแสบกำลังตั้งท่าจะถีบประตูเหมือนเมื่อวานแต่ไม่ทันที่แบคฮยอนจะยกขาถีบประตู ลู่หานก็คว้าลูกบิดเปิดประตูออกมาเสียก่อน เพราะเกรงว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นเมื่อวานอีกครั้ง






                    “อะไร?” ตีหน้าเข้มเอ่ยถามแขกหน้าห้องที่ดูท่าจะไม่ได้มาหาด้วยเรื่องดีนัก แบคฮยอนกางหนังสือพิมพ์บันเทิงชื่อดังในมือให้ลู่หานดูก่อนเริ่มร่ายยาว





                    “คุณทำผมเป็นข่าวอีกแล้วนะคุณเพื่อนบ้าน เห็นไหมว่ามันมีคนเห็นว่าผมลากคุณเข้าห้องเนี่ย
    ! หนังสือพิมพ์เล่มนี้ให้ข่าวผิดๆ คุณทำผมเสียหาย!!!







                    “แล้วไง?” คนที่ดูไม่รู้ร้อนรู้หนาวถามกลับด้วยแววตาเรียบเฉย หางตาค่อยๆเคลื่อนไปมองคนที่กำลังโวยวายเป็นเจ้าเข้าอยางรู้สึกขำขัน





                    “โถ่โว้ย
    !!! ก็ไปแก้ข่าวเซ่!! ไม่เห็นเหรอเค้าเขียนว่าผมมีความสัมพันธ์18+ กับคุณน่ะ!!!” แบคฮยอนยังคงโวยวายเสียงดังก่อนที่ลู่หานจะคว้าข้อมือของอีกคนดึงเข้ามาในห้อง เพราะกลัวว่าจะมีใครแอบถ่ายเขาและแบคฮยอนได้อีกครั้ง





                    เพราะถูกคนแปลกหน้าดึงเข้ามาในที่ลับตาคนอย่างไม่ทันตั้งตัว ปากที่ตอนแรกโวยวายเสียงดังก็หุบเงียบลงทันทีเหมือนไม่กล้าจะแสดงฤทธิ์เดชมากเท่าเดิม






                    “แล้ว...อยากลองเป็นแบบข่าวมั้ยล่ะ?” ลู่หานเลิกคิ้วถามก่อนจะค่อยๆเดินเข้าไปใกล้ร่างเล็กที่พยายามเดินถอยหลังหนีจนแผ่นหลังติดกับบานประตูห้อง ลู่หานกระตุกยิ้มมุมปากราวกับเป็นคำขู่ก่อนจะเคลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้อีกคนเพื่อจงใจเอาคืน







                    “ลองดู...ก็ได้นะผมไม่ค่อยถือ”






                    “อ...ไอ้โรคจิต ไอ้คนไร้มารยาท ไอ้...ไอ้
    !!! ไอ้คนไม่รู้บุญคุณคน!!!!!!!!!!!!!! แบคฮยอนตะโกนใส่หน้าก่อนจะพยายามหนีออกจากห้องของลู่หานด้วยความตกใจ







                    ทิ้งให้คนแกล้งได้แต่หัวเราะที่ได้เอาคืนเพื่อนบ้านขี้โวยวายได้สำเร็จ เสียงฝีเท้าสงบลงแล้วก่อนที่ลู่หานจะพยายามฟังเสียงบ่นจากแบคฮยอนเพราะอยากรู้ว่าอีกคนจะเป็นเช่นไร






                    “ไอ้คนบ้า
    !! ควรช่วยหาทางออกไม่ใช่หรือไง ตัวเองทำคนอื่นเป็นข่าวเพราะช่วยแท้ๆ คนนิสัยไม่ดี” เพียงได้ยินเสียงโวยวายจากแบคฮยอน ลู่หานก็ถึงกับยิ้มแล้วส่ายหัว ใครจะรู้ว่าการได้เอาคืนคนขี้โวยวายแบบแบคฮยอนจะทำให้ลู่หานอารมณ์ดีได้มากถึงขนาดนี้กัน




     

     

    แบคฮยอนทิ้งตัวลงบนโซฟาด้วยความหงุดหงิดเต็มที่ เสียงโทรศัพท์มือถือที่ยังคงดังอยู่ตลอดไม่ขาดสายเล่นเอาแบคฮยอนแทบจะปามันทิ้งเพราะกลายเป็นอุปกรณ์สร้างความรำคาญให้แก่ตนเองเสียแล้ว





                    ...ความวัวไม่ทันหายความควายเข้ามาแทรก...





                    เรื่องคลิปเสียงยังไม่สงบดีดันถูกสื่อบันเทิงเล่นข่าวว่ามีความสัมพันธ์กับผู้ชายด้วยกันอีก หมดกันแล้วมั้งชีวิตที่สดใสสวยงามของแบคฮยอน ชีวิตที่ประสบความสำเร็จและเดินอยู่บนกลีบกุหลาบ แบคฮยอนมีครอบครัวต้องเลี้ยงนะ น้องชายยังเรียนไม่จบไฮสคูลเลย เขาต้องไม่จบแบบนี้ ไม่มีทางเด็ดขาด
    !!!






                    ถ้าเป็นนางเอกละครน้ำเน่าคงนั่งกอดเข่าร้องไห้ แต่แบคฮยอนจะไม่ยอมร้องไห้ง่ายๆแน่ เจ้าตัวเริ่มใช้ความคิดอย่างช้าๆเพื่อหาทางออกสำหรับเรื่องนี้ จะให้หมอนั่นไปแก้ข่าวให้ ใครมันจะไปเชื่อเรื่องฉาวๆของดารา ชาวบ้านร้านตลาดก็เม้าท์กันสนุกปาก ถ้าไม่อยากตกเป็นขี้ปากชาวบ้านก็ควรหาทางออกที่แนบเนียนและละเมียดละไมที่สุด






                    ...หวังว่าบริษัทจะมีทางออกให้...






                    ว่าแล้วก็เอื้อมมือไปคว้าโทรศัพทบ้านขึ้นมาต่อสายถึงต้นสังกัดของตนเอง ท่านประทานต้องมีทางออกที่สวยหรูที่สุดสำหรับเรื่องนี้แน่นอนซึ่งหากเป็นเช่นนั้นเรื่องนี้ก็จะถือว่าจบสวย






                    หลังจากที่รอสายอยู่นานก็มีผู้รับสายเสียที แบคฮยอนถอนหายใจอย่างโล่งอกก่อนเริ่มบทสนทนากับอีกฝั่งอย่างใจเย็น





                    “ผมแบคฮยอนนะ ประธานยางอยู่มั้ย? ผมขอคุณกับเค้าหน่อย”





                    น้ำเสียงที่ช้าๆแล้วฟังดูปกติที่สุดเท่าที่แบคฮยอนจะทำได้ถูกเอ่ยบอกกับเลขาหน้าห้อง คุณเลขาลี แบคฮยอนจำเขาได้เพราะเจ้าหล่อนชอบชะม้ายชายตาให้เจ้าตัวเสมอ





                    “วันนี้คนที่ชื่อแบคฮยอนโทรมาประมาณ
    20คนแล้วล่ะค่ะ คุณอย่าพยายามติดต่อเลยค่ะเพราะท่านประธานไม่ว่างตอบคำถามนักข่าวแบบคุณ อ่อ..แล้วถ้าคุณเป็นแบคฮยอนดิฉันคงเป็นคิมยูอีแหละค่ะ” ทันทีที่หล่อนพูดจบเธอก็กระแทกสายใส่แบคฮยอนอย่างไร้มารยาท บอกตามตรงแบคฮยอนเคยคิดว่านางน่ารักดีนะแต่พอมาเจอแบบนี้ไม่ไหวจริงๆ เดี๋ยวพ่อจะให้ไล่ออกอย่าคิดว่าแบคฮยอนทำไม่ได้นะ เขาน่ะลูกรักท่านประทานเลยเถอะ






                    “โถ่เว้ย
    !!!เมเนเจอร์.. ใช่!!! พี่อินฮวาน พี่อินฮวานต้องช่วยได้” ว่าแล้วก็ต่อสายถึงเมเนเจอร์ส่วนตัวเพื่อให้อีกฝ่ายช่วยหาทางออก แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่มีสัญญาณตอบรับจากอีกฝั่งเลย





                    “ไหนบอกเมเนเจอร์จะคอยช่วยทุกอย่างไง” แบคฮยอนบ่นเมื่อท้ายที่สุดแล้วก็ไม่มีใครช่วยตนเองได้อย่างที่ต้องการเลยสักคน เมเนเจอร์มีหน้าที่คอยดูแลและแก้ไขหาทางออกให้แก่ไอดอลไม่ใช่หรือไง ไม่มีระยะห่างระหว่างกันอีกทั้งยังสามารถไปไหนมาไหนด้วยกันได้ตลอด
    24ชั่วโมง คงจะดีถ้าคนที่แบคฮยอนลากเข้ามาในห้องเป็นพี่อินฮวาน




                    ...เมเนเจอร์?..




                    “ใช่
    !!!!เมเนเจอร์!!! จับหมอนั่นมาเป็นเมเนเจอร์ ชื่ออะไรนะคนไร้มารยาทนั่น ลู่?...ลู่หาน อ่อใช่ ลู่เมเนเจอร์’!!




     






    โปรดติดตามตอนต่อไป

    ฮะ อริ๊งงงงงง ><




    .....


    พูดคุยกันได้ผ่านแท็ก


    #ฟิกต่างดาว

    แล้วพบกันค่ะ ^^

                   

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×