ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Intro
ดวงตาเรียวรีจ้องมองไปยังท้องฟ้าเบื้องบนภายในห้องพักที่เงียบสงบของเจ้าตัว การอยู่เงียบๆหลังจากโหมงานหนักมาทั้งวันเป็นทางออกที่ดีไม่น้อยเลยสำหรับแบคฮยอน
บ้านใหม่ที่ถูกย้ายครั้งที่เจ็ดในรอบสามเดือนเนื่องมาจากปัญหาซาแซงแฟนที่เข้ามารบกวน ทำให้แบคฮยอนต้องคอยนอนผวา ล่าสุดพาสเวิร์ดไวไฟบ้านถูกแฮ็คและขโมยไฟล์เสียงผ่านกูเกิลโครมเล่นเอาเป็นปัญหาหนักที่ทางต้นสังกัดต้องตามแก้ข่าวกันยกใหญ่ เพราะดันเป็นไฟล์เสียงบทสนทนาระหว่างแบคฮยอนกับสมาชิกเกิร์ลกรุ๊ปน้องใหม่ในเชิงชู้สาว ซึ่งแน่นอนเรื่องพวกนี้แบคฮยอนเป็นข่าวจนชินและถือเป็นการได้ปั่นกระแสตัวเองไม่ให้ตกลงหรือเงียบหายไปจากช่องทางสื่อ
จริงๆแบคฮยอนเติบโตมาในวงการบันเทิงจะเรียกได้ว่าเป็นคนคุ้นหน้าคุ้นตาของวงการนี้เลยก็ว่าได้ เพราะเจ้าตัวเป็นดาราเด็กที่ได้รับบทเด่นในซีรี่ย์ชื่อดังหลายเรื่อง อีกทั้งยังเดินตามทางสายมายาในฐานะนักแสดงจนสุดท้ายถูกผลักดันให้กลายเป็นนักร้องเสียงคุณภาพอันดับหนึ่งของเกาหลี และคาดว่าเขาจะกลายเป็นดาวค้างฟ้าในอีกไม่ช้า เพราะนอกจากผลงานเพลง เจ้าตัวยังมีผลงานละคร ซิทคอม ลากยาวไปจนถึงพรีเซนเตอร์ เรียกได้ว่าแบคฮยอนเป็นตัวทำกำไรให้แก่บริษัทเลยก็ว่าได้
แสงไฟจากท้องฟ้าเบื้องหน้าทำเอาตาเรียวเบิกกว้าง เมื่อคล้ายกับว่าดาวตกที่หลายคนมักขอพรกำลังปรากฏอยู่ตรงหน้าแบคฮยอน มือทั้งสองถูกยกขึ้นมาประสานกับบริเวณหน้าอกก่อนจะปิดตาแน่นเพื่อขอพรตามความเชื่อที่บอกต่อกันมา
...ขอให้พบสิ่งดีๆที่แตกต่างออกไปจากวันก่อนๆ...
คำขอพรแรกในชีวิตที่ร้องขอจากดวงดาว มันอาจจะดูเป็นเรื่องไร้สาระไปซักหน่อย แต่อย่างน้อยคนที่เติบโตและเผชิญในโลกแห่งความจริงตลอดมาก็ควรมีมุมนี้ซ่อนอยู่ลึกๆ
ครู่หนึ่งกว่าเปลือกตาสีอ่อนจะค่อยๆเปิดขึ้นมองท้องฟ้ายามค่ำคืนเบื้องหน้าอีกครั้ง รู้สึกอบอุ่นใจลึกๆเมื่อได้ทำในสิ่งที่คนอื่นเชื่อ การอธิฐานกับคนที่เติบโตบนโลกแห่งความเป็นจริงอาจจะดูงมงายไปสักหน่อย แต่เมื่อได้ลองดูแล้วมันก็ไม่เลวเหมือนกัน
“ควรไปซ้อมร้องเพลงสินะ” เสียงถอนหายใจสุดท้ายพร้อมกับร่างที่พลิกกลับไปยังเปียโนหลังงามสีขาวที่อยู่ห่างออกไป กิจวัตรประจำวันที่แบคฮยอนต้องทำก่อนนอนทุกคืนคือการซ้อม เพราะมันถือเป็นการได้เช็กตัวเองในทุกๆวัน
ไม่ทันที่แบคฮยอนจะได้ก้าวไปถึงเปียโน เสียงเคาะประตูด้านหน้าก็ทำเอาเจ้าตัวแปลกใจ ดวงตาเรียวรีขยับขึ้นมองหน้าปัดนาฬิกาบริเวณริมผนัง ก่อนจะถอนหายใจออกมาขณะที่กรอกตาอย่างหงุดหงิด
“กี่โมงกี่ยามแล้วทำไมยังมารบกวนกันอีก” แบคฮยอนบ่นเสียงดังขณะเดินไปเปิดประตูให้แก่ผู้มาเยือน นี่ถ้าเปิดไปเจอซาแซงไม่ต้องย้ายหนีกันอีกกลางดึกงั้นเหรอ แต่ตามประสบการณ์กว่าพวกนั้นจะตามมาจนรู้ว่าแบคฮยอนอยู่ที่ไหนก็ปาไปหลายสัปดาห์ อีกทั้งที่นี่ค่าเช่ายังแพงหูฉีกและระบบรักษาความปลอดภัยเองก็ชั้นหนึ่ง คงยากที่พวกนั้นจะมากวนได้ เพราะฉะนั้นหวังว่าจะไม่ใช่ซาแซงแฟนก็แล้วกัน
มือเล็กรีบความลูกบิกก่อนจะผลักมันเปิดออก ภาพชายหนุ่มหน้าตาไม่คุ้นยืนชักสีหน้าไม่พอใจ กอดอกมองร่างเล็กด้วยใบหน้าตึงเครียด
“ถ้าจะมาขอลายเซ็นก็เอากระดาษมาครับ ผมมีเวลาไม่มาก นี่ก็ดึกมากแล้ว หวังว่าคุณจะมีมารยาท” แบคฮยอนตวัดสายตามองคนตรงหน้าเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยคำพูดที่เจ้าตัวมักพูดกับพวกก่อกวนตนเองถึงที่พัก โชคไม่ดีเลยที่ซาเซงคนนี้ขึ้นมาถึงหน้าห้องได้ เอาเถอะถือว่าได้ขอพรจากดาวตกแล้วจะยอมใจดีซักวันก็แล้วกัน
“ถ้าจะซ้อมเพลงตอนนี้หวังว่าคุณจะหยุดความคิดนั้นซะ มันหนวกหูและอีกอย่าง ผมคงต้องย้อมถามคุณว่ากี่โมงกี่ยามกันแล้วทำไมยังจะรบกวนเพื่อนบ้านอีก” เสียงเรียบเอ่ยทิ้งท้ายก่อนจะกระแทกประตูใส่หน้าแบคฮยอน เป็นครั้งแรกที่เขาถูกใครสักคนทำเช่นนี้ สาบานได้ว่าตั้งแต่เกิดมาจากท้องพ่อท้องแม่ไม่เคยมีสักครั้งที่จะถูกคนแปลกหน้าแสดงกริยาแบบนี้ใส่
“นายคิดว่านายเป็นใคร!!! มาถึงก็มาหน้าตึง พูดปาวๆใส่แล้วปิดประตูใส่หน้าอีก แน่จริงก็มาเคลียกันตัวต่อตัวนี่ อย่าพูดแล้วหนีเซ่!!!!!!!! นี่ใคร!!! นี่พยอนแบคฮยอนนะ คนอย่างพยอนแบคฮยอน ไม่-เคย-กลัว... เห้ยยยยยยยยยยยยย” ไม่ทันที่แบคฮยอนจะได้โวยวายจนจบประโยค ประตูบานเดิมที่พึ่งกระแทกอัดหน้าก็เปิดออก พร้อมกับผู้ชายคนเดิมที่แววตาแข็งกร้าวกว่าเมื่อครู่เล็กน้อย
“ผม ‘ลู่หาน’ เพื่อนบ้านของคุณ อย่าก่อความวุ่นวายผมไม่ชอบเสียงดัง และถ้าคุณทำเสียงดังรบกวนชาวบ้านในยามวิกาลแบบนี้อีกครั้งผมจะแจ้งตำรวจ” เป็นอีกครั้งที่เพียงจบประโยคประตูก็กระแทกปิดเสียงดัง และนั่นทำเอาแบคฮยอนกำหมัดแน่นด้วยความโมโห ถ้าหมอนั่นเว้นเวลาให้อีกสักนิด สาบานได้แบคฮยอนจะกระชากมันมาต่อยจริงๆ คนอะไรไร้มารยาท!
“นี่!!!” กำลังจะหวีดเสียงใส่ สมาร์ทโฟนรุ่นล่าสุดของแบคฮยอนก็ดังลั่นขัดจังหวะ เรียกให้เจ้าตัวต้องเร่งฝีเท้าเดินกลับไปยังโต๊ะรับแขกกลางบ้าน ก่อนจะคว้ามันขึ้นมากดรับสายด้วยอารมณ์หงุดหงิดที่ยังคงไม่น้อยลง
“นายก็ด้วยทำไมพี่โทรไปแล้วไม่รับสาย!!” แบคฮยอนตวาดใส่สายสนทนานั้นทันทีที่รับโดยไม่แม้แต่จะทักทาย ตอนนี้ใครก็ตามมาขวางพ่อเหวี่ยงหมดนั่นแหละ จะมาโทษกันก็ไม่ได้หรอกนะ ไปโทษไอ้เพื่อนบ้านบ้านู่น หมอนั่นอยากมาตะโกนใส่เขาทำไม
‘อะไรของพี่เนี่ย ผมก็โทรกลับแล้วไง ไปโมโหอะไรมาอีก รู้แบบนี้ไม่โทรหาหรอก แม่ให้โทรมาถามว่าบ้านใหม่เป็นยังไงบ้าง ซาแซงตามเจออีกมั้ย’ ปลายสายเองดูท่าจะฉุนเฉียวไม่แพ้กัน ถ้าพูดกันตามจริงคงไม่มีใครอยากโดนว่าตั้งแต่สิ้นเสียงสัญญาณโทรศัพท์หรอก และปลายสายเองก็กำลังรู้สึกเช่นนั้น
“ไม่เจอซาแซงแต่เจอเพื่อนบ้านโรคจิต! แค่นี้นะ หงุดหงิด!!” แบคฮยอนทิ้งท้ายก่อนจะกดวางสายโดยไม่รอให้เสียงสนทนาจากอีกฝ่ายถามเพิ่มให้มากความ แค่นี้ก็หงุดหงิดจะแย่ บอกตามตรงถ้าเมื่อกี้ได้ด่าไอ้บ้านั่นกลับสักนิดแบคฮยอนจะไม่โมโหมากขนาดนี้เลย
ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกไม่ชอบ สิ่งที่แบคฮยอนได้รับจากเพื่อนบ้านคนนี้มันไม่ใช่การทักทายที่ดีเลยแม้แต่นิดเดียว ที่ผ่านมาย้ายที่อยู่ก็หลายครั้ง เพื่อนบ้านแต่ละที่แตกต่างกันออกไป ทั้งเข้ามาทักทายทำความรู้จักอย่างเป็นมิตร หรือนำสิ่งของมาให้เพราะเห็นว่าเขาเป็นนักร้องดัง แต่ทั้งหมดทั้งมวลก็มีหมอนี่แหละแปลกที่สุด เจอกันครั้งแรกก็แทบตะบันหน้ากันซะแล้วไม่รู้ว่าครั้งหน้าจะเป็นยังไงบ้าง
“โอ้ยยยยยยยยยยยยย!!! ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ขอด่าเหอะ นิดนึงก็ยังดี” แบคฮยอนตะโกนเสียงดังเมื่อจนแล้วจนรอดก็ไม่อาจข่มความหงุดหงิดของตนเองเอาไว้ได้ ท้ายที่สุดสมาชิกใหม่ของคอนโดหรูนี้ก็ย้ายตัวเองมาหยุดอยู่หน้าประตูบานใหญ่ถัดจากห้องของตนเอง พร้อมกระหน่ำกำปั้นทุบลงบนบานประตูไม้อย่างไม่กลัวเจ็บ
“ออกมานะ!!!!”
“ผมพยอนแบคฮยอน!!!!”
“นี่คุณเพื่อนบ้าน!!! กล้าดียังไงมาด่ากันปาวๆแล้วหนีกลับบ้านตัวเอง”
“แน่จริงออกมาเจอกันตัวต่อตัวเด้!!!!”
หลังจากที่โวยวายอยู่พักใหญ่ ลูกบ้าในช่วงแรกเริ่มน้อยลงทุกที แบคฮยอนรู้สึกเหมือนถูกอีกฝ่ายกวนประสาทเข้าให้ จึงถอยออกมาตั้งหลักเตรียมตัว ก่อนจะถีบประตูเพื่อเข้าไปเคลียกับคุณเพื่อนบ้านแบบตัวต่อตัว
“ได้....หึ....ไม่เปิดงั้นเหรอ....งั้นถีบ!”
“หนึ่ง....สอง.....”
กึก..
“เห้ย!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”
เสียงเปิดประตูดังขึ้นพร้อมเสียงแบคฮยอนตะโกนลั่น เมื่อเจ้าตัวกำลังจะวิ่งมาถีบประตูเพื่อนบ้าน แต่ไม่ทันจะได้เทคตัวเตะอย่างใจหวัง เพียงกำลังสปริงตัวได้เศษสามส่วนสี่ของเส้นทาง ประตูบ้านตรงหน้าที่หมายตาเอาไว้ก็เปิดออกพร้อมกับร่างของคนที่เมื่อครู่พึ่งปะทะคารมณ์กันยืนขวางอยู่
สาบานได้เลยว่าไม่ได้ตั้งใจเบรคไม่ทัน จังหวะไม่ดี หรือแม้แต่น้ำหนักเยอะจนไม่สามารถหยุดตัวเองเอาไว้ได้ก่อนจะถึงตัวของเจ้าคนไร้มารยาทนั้น
ร่างของแบคฮยอนลอยไปกระแทกเข้ากับคนตัวสูงกว่าที่ไม่ได้อยากกระแทกเลยแม้แต่นิดเดียว เหนือสิ่งอื่นใดคือ สัมผัสแปลกๆจากริมฝีปากซึ่งกำลังแตะกันด้วยแรงปะทะที่พากันล้มไปทั้งคู่ ทำเอาแบคฮยอนได้แต่เบิกตากว้างด้วยอาการตกใจอย่างสุดขีด เรี่ยวแรงที่เคยมีหายไปหมด ก่อนหลับตาแน่นปล่อยให้เรียวปากแตะกันอยู่อย่างนั้นโดยไม่มีฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดยอมถอยออกมาก่อน
...ชิบหายแล้ว...
สบถในใจเมื่อริมฝีปากน้อยๆถูกสัมผัสร้อนๆจากส่วนเดียวกันของคนแปลกหน้าแตะต้องอยู่โดยไม่มีทีท่าว่าจะยอมถอนออกเลยแม้แต่นิดเดียว ดวงตาเรียวรียังคงข่มปิดเอาไว้แน่นด้วยความรู้สึกอยากมุดดินหายไปเสียตรงนี้ มันน่าอายมากเหลือเกินกับการที่จะมาด่าให้หายแค้นแต่กลับมาวิ่งเข้าไปจูบคู่กรณีอย่างหน้าด้านๆ นี่มันไม่ใช่ละครหลังข่าวช่องเคบีเอสที่พระนางสะดุดล้มแล้วจูบกันนะเฟ้ย!!!
...ไม่ใช่ละครแต่เป็นของจริง...
...แถมไอ้ที่จูบอยู่เนี่ยเป็นผู้ชาย!!...
บ้านใหม่ที่ถูกย้ายครั้งที่เจ็ดในรอบสามเดือนเนื่องมาจากปัญหาซาแซงแฟนที่เข้ามารบกวน ทำให้แบคฮยอนต้องคอยนอนผวา ล่าสุดพาสเวิร์ดไวไฟบ้านถูกแฮ็คและขโมยไฟล์เสียงผ่านกูเกิลโครมเล่นเอาเป็นปัญหาหนักที่ทางต้นสังกัดต้องตามแก้ข่าวกันยกใหญ่ เพราะดันเป็นไฟล์เสียงบทสนทนาระหว่างแบคฮยอนกับสมาชิกเกิร์ลกรุ๊ปน้องใหม่ในเชิงชู้สาว ซึ่งแน่นอนเรื่องพวกนี้แบคฮยอนเป็นข่าวจนชินและถือเป็นการได้ปั่นกระแสตัวเองไม่ให้ตกลงหรือเงียบหายไปจากช่องทางสื่อ
จริงๆแบคฮยอนเติบโตมาในวงการบันเทิงจะเรียกได้ว่าเป็นคนคุ้นหน้าคุ้นตาของวงการนี้เลยก็ว่าได้ เพราะเจ้าตัวเป็นดาราเด็กที่ได้รับบทเด่นในซีรี่ย์ชื่อดังหลายเรื่อง อีกทั้งยังเดินตามทางสายมายาในฐานะนักแสดงจนสุดท้ายถูกผลักดันให้กลายเป็นนักร้องเสียงคุณภาพอันดับหนึ่งของเกาหลี และคาดว่าเขาจะกลายเป็นดาวค้างฟ้าในอีกไม่ช้า เพราะนอกจากผลงานเพลง เจ้าตัวยังมีผลงานละคร ซิทคอม ลากยาวไปจนถึงพรีเซนเตอร์ เรียกได้ว่าแบคฮยอนเป็นตัวทำกำไรให้แก่บริษัทเลยก็ว่าได้
แสงไฟจากท้องฟ้าเบื้องหน้าทำเอาตาเรียวเบิกกว้าง เมื่อคล้ายกับว่าดาวตกที่หลายคนมักขอพรกำลังปรากฏอยู่ตรงหน้าแบคฮยอน มือทั้งสองถูกยกขึ้นมาประสานกับบริเวณหน้าอกก่อนจะปิดตาแน่นเพื่อขอพรตามความเชื่อที่บอกต่อกันมา
...ขอให้พบสิ่งดีๆที่แตกต่างออกไปจากวันก่อนๆ...
คำขอพรแรกในชีวิตที่ร้องขอจากดวงดาว มันอาจจะดูเป็นเรื่องไร้สาระไปซักหน่อย แต่อย่างน้อยคนที่เติบโตและเผชิญในโลกแห่งความจริงตลอดมาก็ควรมีมุมนี้ซ่อนอยู่ลึกๆ
ครู่หนึ่งกว่าเปลือกตาสีอ่อนจะค่อยๆเปิดขึ้นมองท้องฟ้ายามค่ำคืนเบื้องหน้าอีกครั้ง รู้สึกอบอุ่นใจลึกๆเมื่อได้ทำในสิ่งที่คนอื่นเชื่อ การอธิฐานกับคนที่เติบโตบนโลกแห่งความเป็นจริงอาจจะดูงมงายไปสักหน่อย แต่เมื่อได้ลองดูแล้วมันก็ไม่เลวเหมือนกัน
“ควรไปซ้อมร้องเพลงสินะ” เสียงถอนหายใจสุดท้ายพร้อมกับร่างที่พลิกกลับไปยังเปียโนหลังงามสีขาวที่อยู่ห่างออกไป กิจวัตรประจำวันที่แบคฮยอนต้องทำก่อนนอนทุกคืนคือการซ้อม เพราะมันถือเป็นการได้เช็กตัวเองในทุกๆวัน
ไม่ทันที่แบคฮยอนจะได้ก้าวไปถึงเปียโน เสียงเคาะประตูด้านหน้าก็ทำเอาเจ้าตัวแปลกใจ ดวงตาเรียวรีขยับขึ้นมองหน้าปัดนาฬิกาบริเวณริมผนัง ก่อนจะถอนหายใจออกมาขณะที่กรอกตาอย่างหงุดหงิด
“กี่โมงกี่ยามแล้วทำไมยังมารบกวนกันอีก” แบคฮยอนบ่นเสียงดังขณะเดินไปเปิดประตูให้แก่ผู้มาเยือน นี่ถ้าเปิดไปเจอซาแซงไม่ต้องย้ายหนีกันอีกกลางดึกงั้นเหรอ แต่ตามประสบการณ์กว่าพวกนั้นจะตามมาจนรู้ว่าแบคฮยอนอยู่ที่ไหนก็ปาไปหลายสัปดาห์ อีกทั้งที่นี่ค่าเช่ายังแพงหูฉีกและระบบรักษาความปลอดภัยเองก็ชั้นหนึ่ง คงยากที่พวกนั้นจะมากวนได้ เพราะฉะนั้นหวังว่าจะไม่ใช่ซาแซงแฟนก็แล้วกัน
มือเล็กรีบความลูกบิกก่อนจะผลักมันเปิดออก ภาพชายหนุ่มหน้าตาไม่คุ้นยืนชักสีหน้าไม่พอใจ กอดอกมองร่างเล็กด้วยใบหน้าตึงเครียด
“ถ้าจะมาขอลายเซ็นก็เอากระดาษมาครับ ผมมีเวลาไม่มาก นี่ก็ดึกมากแล้ว หวังว่าคุณจะมีมารยาท” แบคฮยอนตวัดสายตามองคนตรงหน้าเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยคำพูดที่เจ้าตัวมักพูดกับพวกก่อกวนตนเองถึงที่พัก โชคไม่ดีเลยที่ซาเซงคนนี้ขึ้นมาถึงหน้าห้องได้ เอาเถอะถือว่าได้ขอพรจากดาวตกแล้วจะยอมใจดีซักวันก็แล้วกัน
“ถ้าจะซ้อมเพลงตอนนี้หวังว่าคุณจะหยุดความคิดนั้นซะ มันหนวกหูและอีกอย่าง ผมคงต้องย้อมถามคุณว่ากี่โมงกี่ยามกันแล้วทำไมยังจะรบกวนเพื่อนบ้านอีก” เสียงเรียบเอ่ยทิ้งท้ายก่อนจะกระแทกประตูใส่หน้าแบคฮยอน เป็นครั้งแรกที่เขาถูกใครสักคนทำเช่นนี้ สาบานได้ว่าตั้งแต่เกิดมาจากท้องพ่อท้องแม่ไม่เคยมีสักครั้งที่จะถูกคนแปลกหน้าแสดงกริยาแบบนี้ใส่
“นายคิดว่านายเป็นใคร!!! มาถึงก็มาหน้าตึง พูดปาวๆใส่แล้วปิดประตูใส่หน้าอีก แน่จริงก็มาเคลียกันตัวต่อตัวนี่ อย่าพูดแล้วหนีเซ่!!!!!!!! นี่ใคร!!! นี่พยอนแบคฮยอนนะ คนอย่างพยอนแบคฮยอน ไม่-เคย-กลัว... เห้ยยยยยยยยยยยยย” ไม่ทันที่แบคฮยอนจะได้โวยวายจนจบประโยค ประตูบานเดิมที่พึ่งกระแทกอัดหน้าก็เปิดออก พร้อมกับผู้ชายคนเดิมที่แววตาแข็งกร้าวกว่าเมื่อครู่เล็กน้อย
“ผม ‘ลู่หาน’ เพื่อนบ้านของคุณ อย่าก่อความวุ่นวายผมไม่ชอบเสียงดัง และถ้าคุณทำเสียงดังรบกวนชาวบ้านในยามวิกาลแบบนี้อีกครั้งผมจะแจ้งตำรวจ” เป็นอีกครั้งที่เพียงจบประโยคประตูก็กระแทกปิดเสียงดัง และนั่นทำเอาแบคฮยอนกำหมัดแน่นด้วยความโมโห ถ้าหมอนั่นเว้นเวลาให้อีกสักนิด สาบานได้แบคฮยอนจะกระชากมันมาต่อยจริงๆ คนอะไรไร้มารยาท!
“นี่!!!” กำลังจะหวีดเสียงใส่ สมาร์ทโฟนรุ่นล่าสุดของแบคฮยอนก็ดังลั่นขัดจังหวะ เรียกให้เจ้าตัวต้องเร่งฝีเท้าเดินกลับไปยังโต๊ะรับแขกกลางบ้าน ก่อนจะคว้ามันขึ้นมากดรับสายด้วยอารมณ์หงุดหงิดที่ยังคงไม่น้อยลง
“นายก็ด้วยทำไมพี่โทรไปแล้วไม่รับสาย!!” แบคฮยอนตวาดใส่สายสนทนานั้นทันทีที่รับโดยไม่แม้แต่จะทักทาย ตอนนี้ใครก็ตามมาขวางพ่อเหวี่ยงหมดนั่นแหละ จะมาโทษกันก็ไม่ได้หรอกนะ ไปโทษไอ้เพื่อนบ้านบ้านู่น หมอนั่นอยากมาตะโกนใส่เขาทำไม
‘อะไรของพี่เนี่ย ผมก็โทรกลับแล้วไง ไปโมโหอะไรมาอีก รู้แบบนี้ไม่โทรหาหรอก แม่ให้โทรมาถามว่าบ้านใหม่เป็นยังไงบ้าง ซาแซงตามเจออีกมั้ย’ ปลายสายเองดูท่าจะฉุนเฉียวไม่แพ้กัน ถ้าพูดกันตามจริงคงไม่มีใครอยากโดนว่าตั้งแต่สิ้นเสียงสัญญาณโทรศัพท์หรอก และปลายสายเองก็กำลังรู้สึกเช่นนั้น
“ไม่เจอซาแซงแต่เจอเพื่อนบ้านโรคจิต! แค่นี้นะ หงุดหงิด!!” แบคฮยอนทิ้งท้ายก่อนจะกดวางสายโดยไม่รอให้เสียงสนทนาจากอีกฝ่ายถามเพิ่มให้มากความ แค่นี้ก็หงุดหงิดจะแย่ บอกตามตรงถ้าเมื่อกี้ได้ด่าไอ้บ้านั่นกลับสักนิดแบคฮยอนจะไม่โมโหมากขนาดนี้เลย
ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกไม่ชอบ สิ่งที่แบคฮยอนได้รับจากเพื่อนบ้านคนนี้มันไม่ใช่การทักทายที่ดีเลยแม้แต่นิดเดียว ที่ผ่านมาย้ายที่อยู่ก็หลายครั้ง เพื่อนบ้านแต่ละที่แตกต่างกันออกไป ทั้งเข้ามาทักทายทำความรู้จักอย่างเป็นมิตร หรือนำสิ่งของมาให้เพราะเห็นว่าเขาเป็นนักร้องดัง แต่ทั้งหมดทั้งมวลก็มีหมอนี่แหละแปลกที่สุด เจอกันครั้งแรกก็แทบตะบันหน้ากันซะแล้วไม่รู้ว่าครั้งหน้าจะเป็นยังไงบ้าง
“โอ้ยยยยยยยยยยยยย!!! ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ขอด่าเหอะ นิดนึงก็ยังดี” แบคฮยอนตะโกนเสียงดังเมื่อจนแล้วจนรอดก็ไม่อาจข่มความหงุดหงิดของตนเองเอาไว้ได้ ท้ายที่สุดสมาชิกใหม่ของคอนโดหรูนี้ก็ย้ายตัวเองมาหยุดอยู่หน้าประตูบานใหญ่ถัดจากห้องของตนเอง พร้อมกระหน่ำกำปั้นทุบลงบนบานประตูไม้อย่างไม่กลัวเจ็บ
“ออกมานะ!!!!”
“ผมพยอนแบคฮยอน!!!!”
“นี่คุณเพื่อนบ้าน!!! กล้าดียังไงมาด่ากันปาวๆแล้วหนีกลับบ้านตัวเอง”
“แน่จริงออกมาเจอกันตัวต่อตัวเด้!!!!”
หลังจากที่โวยวายอยู่พักใหญ่ ลูกบ้าในช่วงแรกเริ่มน้อยลงทุกที แบคฮยอนรู้สึกเหมือนถูกอีกฝ่ายกวนประสาทเข้าให้ จึงถอยออกมาตั้งหลักเตรียมตัว ก่อนจะถีบประตูเพื่อเข้าไปเคลียกับคุณเพื่อนบ้านแบบตัวต่อตัว
“ได้....หึ....ไม่เปิดงั้นเหรอ....งั้นถีบ!”
“หนึ่ง....สอง.....”
กึก..
“เห้ย!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”
เสียงเปิดประตูดังขึ้นพร้อมเสียงแบคฮยอนตะโกนลั่น เมื่อเจ้าตัวกำลังจะวิ่งมาถีบประตูเพื่อนบ้าน แต่ไม่ทันจะได้เทคตัวเตะอย่างใจหวัง เพียงกำลังสปริงตัวได้เศษสามส่วนสี่ของเส้นทาง ประตูบ้านตรงหน้าที่หมายตาเอาไว้ก็เปิดออกพร้อมกับร่างของคนที่เมื่อครู่พึ่งปะทะคารมณ์กันยืนขวางอยู่
สาบานได้เลยว่าไม่ได้ตั้งใจเบรคไม่ทัน จังหวะไม่ดี หรือแม้แต่น้ำหนักเยอะจนไม่สามารถหยุดตัวเองเอาไว้ได้ก่อนจะถึงตัวของเจ้าคนไร้มารยาทนั้น
ร่างของแบคฮยอนลอยไปกระแทกเข้ากับคนตัวสูงกว่าที่ไม่ได้อยากกระแทกเลยแม้แต่นิดเดียว เหนือสิ่งอื่นใดคือ สัมผัสแปลกๆจากริมฝีปากซึ่งกำลังแตะกันด้วยแรงปะทะที่พากันล้มไปทั้งคู่ ทำเอาแบคฮยอนได้แต่เบิกตากว้างด้วยอาการตกใจอย่างสุดขีด เรี่ยวแรงที่เคยมีหายไปหมด ก่อนหลับตาแน่นปล่อยให้เรียวปากแตะกันอยู่อย่างนั้นโดยไม่มีฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดยอมถอยออกมาก่อน
...ชิบหายแล้ว...
สบถในใจเมื่อริมฝีปากน้อยๆถูกสัมผัสร้อนๆจากส่วนเดียวกันของคนแปลกหน้าแตะต้องอยู่โดยไม่มีทีท่าว่าจะยอมถอนออกเลยแม้แต่นิดเดียว ดวงตาเรียวรียังคงข่มปิดเอาไว้แน่นด้วยความรู้สึกอยากมุดดินหายไปเสียตรงนี้ มันน่าอายมากเหลือเกินกับการที่จะมาด่าให้หายแค้นแต่กลับมาวิ่งเข้าไปจูบคู่กรณีอย่างหน้าด้านๆ นี่มันไม่ใช่ละครหลังข่าวช่องเคบีเอสที่พระนางสะดุดล้มแล้วจูบกันนะเฟ้ย!!!
...ไม่ใช่ละครแต่เป็นของจริง...
...แถมไอ้ที่จูบอยู่เนี่ยเป็นผู้ชาย!!...
โปรดติดตามตอนต่อไป
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น