ผม.. ตายแล้ว? อ่าใช่.. ผมฆ่าตัวตายนี่หน่า
เรื่องราวของผมคือเรื่องราวที่น่ารันทด พ่อของผมเป็นนักโทษติดเหล้า ติดพนัน ส่วนแม่ของผมเป็นโสเภนี พวกเขาไม่เคยเลี้ยงดูส่งเสียผมสักครั้ง มีแต่สูบเงินที่ได้จากการทำงานพิเศษของผมอย่างเดียว พอไม่ได้เงินก็จะตบตีผม ที่โรงเรียนก็ถูกนักเลงรีดไถเงิน ถูกเเกล้งสารพัดไม่เว้นวัน.. สุดท้ายก็ตายอย่างหมาข้างถนน
ทำไมกัน.. ทั้งๆที่คนเหล่านั้นไม่ได้พยายามอะไรแท้ๆ แต่กลับแย่งทุกสิ่งที่ผมได้มาจากความพยายามทุกอย่าง... ไม่ยุติธรรมเอาซะเลย
ผมนอนมองผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาที่อยู่ข้างนอกซอยนั้น ทุกคนมีใบหน้ายิ้มแย้มสดใส พูดคุยกันอย่างมีความสุข.. เมื่อนึกถึงตอนนั้น น้ำตาก็ไหลออกมาจากดวงตาไร้ชีวา ทำไมกั-...
แต่ทว่า.. เมื่อลืมตาตื่นมาก็พบเจอกับความว่างเปล่า.. ความมืดที่อยู่รอบตัวมืดเสียจน.. มองไม่เห็นฝ่ามือโปร่งของตนด้วยซ้ำ
'กลัว'
นิยามที่สามารถพูดได้ในขณะนี้ กลัวที่จะหายไป ผมที่ล่องลอยไปอย่างไร้เหตุผล.. เดี๋ยวก็จะหายไป ทั้งๆที่กลัวที่จะหายไปแท้ๆแต่ทำไมกลับยินดี ทำไมกลับไม่ปฏิเสธที่จะหายไป แปลกจัง.. ตัวผมต้องการที่จะอยู่หรือหายไปกันนะ...
ในวังวนแห่งความว่างเปล่าที่ไร้ความหวังนั้น แสงสว่างที่สาดส่องลงมาที่ผม ดวงตาที่ไร้ประกายกระทบกับแสงจ้าจนต้องนำมือขึ้นมาบังไว้บางส่วน เสียงเรียกที่นุ่มทุ้มของชายหนุ่มเชิญชวนตัวของเขาเสียเหลือเกิน แววตาที่ปรากฎความหวัง.. ไม่ได้ไร้ประโยชน์.. ความพยายามที่จะล่องลอยในที่แห่งนี้โดยไม่หายไปไม่ได้ไร้ประโยชน์สินะ.. น้ำตาสีใสที่ไหลออกมาจากดวงตาสีอำพันช้าๆ ไร้เสียงสะอื้น แต่ใบหน้าที่เปรอะไปด้วยน้ำตากลับผุดรอยยิ้มประกายบนใบหน้า มือโปร่งเอื้อมไปเพื่อสัมผัสกับแสงที่อบอุ่นนั้น.. ก่อนร่างกาย... จะสลายหายไปพร้อมรอยยิ้มกับหยดน้ำตา..
.
.
.
ในที่มืดมิดไร้จุดสิ้นสุด.. ร่างโปร่งใสของเด็กหนุ่มผมสีดำสนิทราวกับนกกากับผิวขาวราวไข่มุก เปลือกตานวลขยับเล็กน้อยก่อนจะเผยดวงตาสีอำพันสวยให้ประจัก ริมฝีปากบางขยับเม้มกันเล็กน้อย ก่อนที่ร่างบอบบางจะค่อยๆพยุงตัวขึ้น นัยน์ตาสีอำพันกวาดตามองรอบๆ ความมืดมิดกอบกุมจิตใจอีกครั้ง แต่ทว่าหวาดกลัวได้ไม่นานจอสีใสทอแสงสว่างวาบออกมาก่อนจะปรากฎภาพเด็กหนุ่มนั่งร้องห่มร้องไห้อยู่ที่ไหนสักที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ ยูกะตะสีน้ำเงินเข้มกระเพื่อมตามแรงขยับ ผมสีปีกกาที่ระตามขอบหน้าเปียกชื้นจนลู่ลงแนบใบหน้าเช่นเดียวกับยูกะตะที่เปียกบางบริเวณ มือเล็กขาวขยับเช็ดน้ำตาที่ไหลเรื่อยๆไม่มีวี่แววว่าจะหยุดจนกระทั่งเช็ดไม่ไหว มือที่ละออกจากเรียวหน้าปรากฏให้เห็นใบหน้านวลราวไข่มุก บาดแผลพกช้ำไม่ทำให้ใบหน้านั้นลดความน่ารักลงแม้แต่น้อย แต่ที่น่าแปลกนั่น.. คือดวงตาสีอำพันเช่นเดียวกับตน
เด็กหนุ่มจ้องจอโปร่งใสด้วยความรู้สึกไม่ดีเท่าไร.. ภายในใจกำลังกู่ร้อง 'อย่าร้องนะ!!' ราวกับว่าไม่อยากเห็นคนตรงหน้าร้องไห้ ทำไมกันนะ ไม่เข้าใจความรู้สึกนี้สักนิด.. มือขาวเอื้อมมือไปสัมผัสหน้าจอโปร่งบริเวณใบหน้านวลพลางใช้นิ้วโป้งเช็ดน้ำตา.. แต่ทว่าต่อให้เช็ดเท่าไหร่.. น้ำตากลับไหลไม่หยุด ไม่สิ เช็ดให้ตายก็ไม่มีทาง.. จะเช็ดน้ำตาให้เด็กชายตรงหน้าได้ ฝ่ามือนวลละออกจากจอโปร่งก่อนจะมองมือของตนที่เผลอเอื้อมมือไป.. ทั้งๆที่รู้ว่าไม่สามารถปลอบประโลมคนตรงหน้าตนได้แท้ๆ แต่กับ..
ราวกับว่าไม่ต้องการให้ตนเองใจอ่อนอีก จึงล้มตัวนอนและหลับตาลงพร้อมกับความรู้สึกด้านในที่กู่ร้องซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าให้ลุกขึ้นปลอบประโลมคนตรงหน้าเดี๋ยวนี้..
.
.
.
ตัวของเขาไม่เคยรู้เลยว่าตนนั้นข่มตาหลับไปนานแค่ไหน.. รู้เพียงแต่ว่าความรู้สึกโกรธก็เพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าโกรธตัวเองที่ไม่สนใจเด็กคนนั้น.. หรือโกรธสภาพแวดล้อมที่เด็กคนนั้นเจอก็ไม่รู้.. รู้เพียงแต่ความรู้สึกโกรธที่มากเกินพอดี.. จนเกิดการอยากฆ่า... ฆ่าพวกมันให้หมด เด็กชายเผยสายตาคมกริบที่เต็มไปด้วยความอาฆาตแค้น ก่อนจะรีบข่มตาลงอีกครั้ง
.
.
.
.
"ฮึก! ไม่เอานะครับ ปล่อยผมไปเถอะครับ ฮือ~ฮึก ผมขอโทษครับ.. คุณแม่ โอ้ย!!''เสียงเด็กชายที่เต็มไปด้วยความสั่นเครือร้องอ้อนวอนผู้เป็นมารดาขอให้หยุด... แต่ทว่า..
.
เพี๊ยะ!!
เพี๊ยะ!!
.
"ใครสั่งให้แกเรียกข้าว่าแม่! กล้าดียังไงเอาปากโสโครกนั้นเรียกข้า!! ไอเด็กไม่รู้จักจำ!! ไอลูกโจรอย่างแกใครจะอยากเอาแกเป็นลูก!! หุบปากเน่าๆของแกเดี๋ยวนี้!!"เสียงตะคอกของหญิงสาวที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้นและรังเกียจ
.
.
.
'อะไร? ทำไมยัยคางคกนั้นถึงทำแบบนี้กับเด็กคนนั้น!? เกลียด!!'เด็กชายที่ได้ยินเสียงน่ารังเกียจก็ผุดลุกขึ้นมาดูปรากฎภาพที่ทำตนหน้าครึ้มลงและแววตาที่พร้อมฆ่าใครให้ตายไป ดวงตาคมกริบสีอำพันมองยัยคางคกน่ารังเกียจอย่างเชือดเฉือน
จอโปร่งสะท้อนภาพเด็กชายหน้าตาเหมือนตนถูกทรมานสารพัด ไร้ทางหนี.. ไร้ทางรอด.. ภายในใจรังเกียจขยะแขยงถึงขนาดอยากออกไปฆ่าให้ตาย ไม่จำเป็นต้องอยู่... คนแบบนี้.. 'ไปตายกันซะให้หมด'
ราวความคิดนั้นเป็นจริง ร่างกายที่มักข่มตาในความมืดมิดค่อยๆขยับผุดลุกขึ้นด้วยขาสองข้างที่มองไม่เห็น.. เผยให้เห็นโซ่จิตใจมากมายที่ฉุดรั้งเขาไว้ไม่ให้ออกไป แต่ทว่า.. จิตใจของเด็กคนนั้นอ่อนแอเกินไปเพียงขยับเล็กน้อยก็ค่อยๆปริแตกและพังลงทีละเส้น.. ทีละเส้น.. จนไม่มีโซ่เส้นไหนสามารถหยุดเขาได้อีก... ความมืดรอบข้างเปลี่ยนไปกลายเป็นสีแดงฉาน ร่างของเด็กชายพลันกระโจนออกไปจากความมืดมิดเข้าไปในพื้นที่สีแดงทันที.. ใบหน้าที่ก้มจนผมสีปีกการ่วงละบดบังนัยน์ตาสีอำพันนั้นเย็นชาจนหนาวเย็น.. ก่อนริมฝีปากเล็กจะเอ่ยคำพูดที่ต้องการมานาน..
'หลับสิ.. นายเหนื่อยมาพอแล้ว ถึงคราวฉันช่วยนายบ้างแล้วละ... เซนอิทซึ'
.
.
.
ภายในบ้าน.. บรรยากาศเริ่มเย็นลงเรื่อยๆ.. ใบหน้าเยาว์ก้มลงราวไร้เรี่ยวแรงจะต่อต้าน เสียงแส้ที่กระทบเนื้อยังคงดังเรื่อยๆ
"นี่.... ตีจนพอใจรึยัง.. ยัยคางคกน่าเกลียด" เด็กชายเอ่ยขึ้นท่ามกลางความเงียบ ใบหน้าที่ก้มลงค่อยๆเผยใบหน้าเย็นชา.. ดวงตาสีอำพันประกายแวววาบขึ้นก่อนจะเผยดวงตาคมกริบราวกับสามารถฆ่าคนในพริบตาได้
"เดี๋ยวนี้แกเหิมเกริมกับข้าเเล้วเรอะ! เหอะ! เหมือนกันทั้งพ่อทั้งลูก! เลวพอกัน! แล้วก็เก็บสายตาน่ารังเกียจนั้นเดี๋ยวนี้!! แกอยากโดนข้าควักลูกตาทิ้งรึ!"ใบหน้าน่ารังเกียจบิดเบียวด้วยอารมณ์โทสะ นิ้วเรียวชี้หน้าเด็กชายพลางตะโกนด่าอย่างหยาบคาย
เด็กชายมองหน้าผู้หญิงน่ารังเกียจอย่างเฉยชาพลางออกแรงกระชากโซ่ทิ้งด้วยแรงเกินเด็ก
.
.
เคร้ง!!
เคร้ง!!
.
.
เสียงโซ่ที่กระทบกับพื้นหิน... ฝ่าเท้าบอบบางไร้สิ่งใดปกปิดค่อยๆก้าวเข้ามาหายัยคางคกเรื่อยๆ... ใกล้อีกเรื่อยๆ.. จนกระทั้งประจันหน้ากัน เด็กชายพลิ้วกายหลบแส้อย่างง่ายดายก่อนจะหมุนตัวสะบัดโซ่กระแทกหน้ายัยคางคกนั้นอย่างจัง ร่างอวบน่ารังเกียจล้มกระแทกพื้นพลางกุมใบหน้าร้องอวดครวญอย่างน่าสมเพช เด็กชายปรายตามองใบหน้าน่ารังเกียจก่อนจะสะบัดโซ่พันคอคนตรงหน้าและออกแรงดึงอย่างแรง จนได้ยินเสียง'กร็อบ'ของกระดูกคอที่แหลกเหลวอย่างไร้ปราณี
เด็กชายเดินออกจากตรงนั้นก่อนจะหยิบถังน้ำมันราดทุกที่.. ทุกมุมของบ้านแสนโสมม ในขณะที่ราดน้ำมันอยู่นั้น สายตาพลันเหลือบไปเห็นหนังสือเก่าเล่มหนึ่ง 'ตระกูลอางาซึมะ' หน้าปกของหนังสือดึงดูดให้ตัวของเด็กชายหยิบมันขึ้นมาเก็บไว้ที่อกเสื้อยูกะตะและเดินออกมาจากบ้านหลังนั้น ก่อนที่บ้านนั้นจะระเบิดกระจุยไม่เหลือเค้าโครงเดิม
เด็กชายเดินไปเรื่อยๆอย่างไร้จุดหมาย.. ขโมยเงินจากผู้เดินผ่าน.. แอบขโมยขนมปังอย่างแนบเนียนและเก็บสิ่งเหล่านั้นไว้ในห่อผ้าที่หยิบติดมา เมื่อเดินมาไกลจากจุดที่น่ารังเกียจนั้นแล้วจึงนั่งลงที่ซอยตันแห่งหนึ่งพลางหยิบนำหนังสือเล่มนั้นออกจากอกเสื้อ
'บันทึกประจำตระกูลอางาซึมะ'
หน้าที่1
ตระกูลอางาซึมะถือกำเนิดจาก.....ในยุคXXX...
.
.
.
.
ลักษณะประจำตระกูล'ดวงตาสีอำพัน'
เด็กชายที่นั่งอ่านสิ่งเหล่านั้นด้วยความเฉยเมยพลางนำสิ่งนั้นไปขายทิ้งเพราะมีไปก็ไม่จำเป็น.. สิ่งเหล่านี้ไม่จำเป็นสำหรับเอาชีวิตรอดหรอก.. ดูจากความทรงจำของเด็กคนนี้ไอ้โจรที่ยัยคางคกบ้านั้นพูดคือคนของตระกูล'อางาซึมะ'และผมที่มีลักษณะเหมือนมันเลยกลายเป็นที่รังเกียจของยัยนั้น ซ้ำร้ายยัยคางคกนั้นอาจไม่ใช่แม่แท้ๆของเด็กคนนี้ด้วยซ้ำ หน้าก็ไม่เหมือน เหอะ~ น่ารำคาญชะมัด คิดดังนั้นเด็กชายก็ค่อยๆล้มตัวนอนพร้อมทั้งกอดห่อผ้าไว้..
.
.
.
เมื่อลืมตาขึ้นมาก็พลันปรากฏความมืดมิดอีกครั้ง จอโปร่งก็ยังคงทำหน้าที่เช่นเดิม ภาพเด็กชายที่ลุกขึ้นอย่างงุนงงพลางก้มสำรวจตัวเองก็พบถุงผ้าที่มีเงินกับขนมปังจำนวนหนึ่งพออยู่ได้ประมาณ 1 สัปดาห์หากประหยัด เด็กชายกวาดตามองรอบๆก็คิดว่าตนคงโดนจับมาปล่อยทิ้งไว้? พร้อมของเอาชีวิตรอด? แต่ถ้าเอามาปล่อยไม่จำเป็นต้องนำของสำคัญขนาดนี้ให้ตน? เด็กชายหยิบนำเอาขนมปังมาแบ่งเป็นชิ้นเล็กเข้าปาก 2-3 คำก็เก็บลง ก่อนละล้มตัวลงนอนอีกครั้งเพื่อรักษาพลังงาน... ก่อนที่จอจะดับลง เด็กชายที่ก้มลงข่มตาอีกครั้งเพราะไม่ต้องการจะออกไปตอนที่เด็กชายคนนั้นพักผ่อน
"ที่นี้? ที่ไหนกัน.. มืดจัง.. ฮึก..กลัวจัง.. ใครก็ได้.. ช่วยด้วย!" เสียงสะอึกสะอื้นปลุกให้เด็กชายลืมตาขึ้น.. ด้วยความมืดมิดทำให้ไม่อาจมองเห็นเจ้าของเสียงได้.. เด็กชายลุกขึ้นก่อนจะก้าวเดินไปตามเสียงนั้นด้วยสัญชาตญาณของตน เมื่อเดินไปเรื่อยๆก็ปรากฎเด็กชายคนนั้นนั่งร้องไห้ท่ามกลางแสงสลัวๆ เด็กชายเดินเข้าไปใกล้ก่อนจะแตะไหล่ของเด็กชายคนนั้นเบาๆ
'นี่? เป็นอะไรหรอ? ไหวหรึเปล่า?'เด็กชายถามด้วยความเป็นห่วงแต่นั้นทำให้เด็กชายคนนั้นตกใจถอยออกจากตน
"ค.. ใครน่ะ! จะแกล้งผมหรอ! ผมจะโกรธนะ! ฮึก~"เด็กชายเอ่ยอย่างหวาดกลัวและสับสน ตนเองอยู่ที่ไหน? ทั้งๆที่มืดมิดแท้ๆแต่กลับรู้สึกปลอดภัย ทำไมกัน?
'เปล่าซะหน่อย... ไม่ได้มาแกล้งนะ.. ผมเองก็ไม่ชอบการแกล้งเหมือนกันนิ'เขาเอ่ยพลางเสตามองไปทางอื่นอย่างเขินๆ แน่ละ! ตนไม่เคยได้พูดคุยกับผู้อื่นมานานเสียจนเกือบลืมวิธีพูดตามมารยาทด้วยซ้ำ ไม่สิ.. ลืมไปแล้วด้วย
"ฮึก~โฮ~~"เมื่อเขาพูดจบ จู่ๆเด็กตรงหน้าก็ปล่อยน้ำตาไหลพรากราวเขื่อนแตก เขาที่เห็นดังนั้นก็เลิ่กลั่กไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรกับเด็กคนนี้ ทำได้เพียงแค่ปลอบเบาๆเท่านั้น
.
.
.
"ฮึก.."ผ่านไปนานเท่าไรไม่รู้ รู้เพียงแต่ว่าตนนั้นได้ปลอบคนตรงหน้าจนหยุดร้องได้สำเร็จ ให้ตายสิ! พื้นที่แห่งจิตใจน้ำท่วมถึงตาตุ่มเลย.. ร้องไห้หนักขนาดไหนละเนี่ย?
'หยุดร้องได้แล้ว.. ขี้แยจังนะ'เขาเอ่ยพลางตบหลังคนตรงหน้าแปะๆ
"ไม่ได้ขี้แยซะหน่อย!!"อีกฝ่ายแย้งอย่างไม่พอใจ ใบหน้าขาวนวลขึ้นสีอย่างโกรธๆ ตาที่บวมแดงบงบอกว่าผ่านการร้องไห้อย่างยาวนาน
'ไม่ขี้แยก็ไม่ขี้แย ว่าแต่? ทำไมถึงมาที่นี่ได้ละ?'เขาถามอย่างแปลกใจ ในโลกแห่งจิตใจนับเป็นสิ่งหนึ่งที่คนส่วนใหญ่ไม่สามารถรับรู้ได้และเข้าถึงได้ยากมากบางจำพวกต้องร่ายคำแปลกๆอย่างสิ่งที่เรียกว่าเวทมนต์ถึงจะเข้าได้ แล้วทำไม..?
"ที่นี่ไม่ใช่ความฝันของผมหรอ.. ฮึก.. ก็ผมหลับอยู่นิ"เด็กชายเอ่ยพร้อมสะอื้นเล็กน้อย แววตาใสแจ๋วทำเอาตัวเขาใจอ่อนยวบเลย
'เปล่าซะหน่อย.. ที่นี่น่ะ.. คือนรกต่างหาก'ตัวเขาเอ่ยอย่างหน้าตาย ทำเอาเด็กชายตรงหน้าช็อกน้ำตาปริม
"ก.. โกหก!! ค.. คิดว่าเรื่อง.. ล..หลอกเด็กแบบนั้น.. ผ.. ผมจะเชื่อหรอ!!"ถึงจะพูดอย่างอาจหาญแต่เสียงเล็กๆนั้นกลับสั่นอย่างหยุดไม่อยู่
"ง.. งั้นคุณคือยมทูต? ม.. ไม่เอานะ! ผมยังไม่อยากตาย! โฮฮฮ"ว่าแล้วก็ปล่อยโฮอีกรอบจนลำบากคนที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นยมทูตต้องปลอบอีกรอบ
'ล... ล้อเล่นน่า! ล้อเล่น! นี้ไม่ใช่นรกหรอนะ!'สุดท้ายฝ่ายแกล้งก็ต้องยอมแพ้ไปเพราะอีกฝ่ายร้องไห้อีกรอบและดูเหมือนว่าจะหนักกว่ารอบที่แล้วเสียอีก
"แล้ว..คุณคือใคร? ย... ยมทูต? ไม่เอานะ แงงง"แต่เด็กชายก็ยังคงเชื่อปักใจว่าเขานั้นเป็นยมทูตจริงๆคิดเช่นนั้นก็ร้องไห้อีกครั้ง
'ก็บอกว่าไม่ใช่ไง! ขี้แยจัง..'เขาพูดพลางแซะอีกฝ่ายอีกครั้ง
"ไม่ได้ขี้แยนะ!!"เด็กชายอึกอักด้วยความไม่พอใจ
'อ่าๆ ไม่ขี้แยเลย~น้ำท่วมนี้น้ำอะไรนะ?~'เขาว่าพลางทำน่ายียวน แกล้งเด็กนี้สนุกจังน้า~
"ฉี่นายไง!"เด็กชายว่าพลางสะบัดหน้าหนี
'ไม่เอาน่า! ผมไม่มีชีวิตจริงๆซะหน่อย! อย่ามากล่าวหากันนะ'เขาว่าพลางกุมหน้าด้วยความอับอาย ให้ตายสิไม่น่าล้อเด็กเลยเราโดนย้ำยีศักดิ์ศรีเสียได้
"ไม่มีชีวิต?"เด็กน้อยที่ได้ยินดังนั้นก็หันมาทำหน้างงใส่
'อ... น.. นั้นไง! ท.. ที่เรียกว่าเหงาจนสร้างขึ้นในฝันไง!!'เขาแก้ตัวอย่างเลิ่กลั่ก แย่ละเกือบหลุดซะแล้ว จริงๆตัวเขาสามารถบอกความจริงกับเด็กคนนั้นได้ว่าตนเป็นบุคลิกที่สองแต่เขากับมีความรู้สึกในส่วนลึกว่าห้ามบอก ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม
"คุณคือคนที่ผมสร้างขึ้นเพราะเหงาหรอ?" เด็กชายว่าด้วยหน้าใสซื่อ
'อืม.. 'ในเมื่อตนกล่าวเเบบนั้นไปจึงได้แต่เล่นตามน้ำให้ไหลลื่นเป็นปลาไหลเท่านั้น
"ว้าว! งั้นหมายความว่าถ้าผมหลับก็จะเจอคุณสินะ!"เด็กชายเอ่ยอย่างดีอกดีใจ
'ไม่หรอก.. สักวันผมก็หายไป ไม่มีอะไรที่จะอยู่กับนายได้ตลอดหรอกนะ..'เขาเอ่ยจบ เด็กนั่นก็ทำหน้าเศร้าเสียจนเขารู้สึกผิดที่พูดไปแบบนั้น
"ไม่เอา... ผมไม่อยากให้นายหายไปหรอกนะ!!"เด็กชายเอ่ยด้วยความหนักแน่นทั้งน้ำตา
.
.
.
ทำไมกัน? ตัวเขาไม่ใช่เพียงคนไร้ค่าหรอ? คนแบบเขาที่ฆ่าคนได้โดยไม่รู้สึกอะไรทั้งๆที่นั้นเป็นครั้งแรกที่เขาฆ่าคนแต่กลับยังนิ่งดูดาย... ทำไมกัน? รู้สึกขอบตาร้อนผ่าวนี้คืออะไร? ทำไมถึงดีใจละ? ทำไมถึงมีความสุข? เพราะมีคนเห็นค่า? หรือ...
.
.
.
เพราะมีคนห่วงใยกันนะ? ไม่ว่าแบบไหน.. ก็คงเป็นสิ่งที่ผมต้องการตลอด? ผมต้องการมันรึเปล่า? แต่ผมก็ไม่รู้สึกว่ามันจำเป็นแท้ๆ.. แต่ทำไมถึงต้องการมันละ.. ทั้งๆที่มันดูเป็นสิ่งไร้ประโยชน์.. ความเชื่อใจก็เป็นสิ่งไร้ประโยชน์.. ในโลกโสมมแบบนี้ไม่มีความเชื่อใจหรอกนะ..
แต่.. ไม่ต้องห่วงนะ เซนอิทซึของผม ต่อให้นายไม่มีใครเชื่อใจแต่ผมจะ... เชื่อใจนายเอง
'หึ.. เห็นแก่ตัวจังนะ... เป็นแค่คนขี้แยแท้ๆ'เขาว่าพลางก้มหน้าลง น้ำตาสีใสที่ไหลลงที่ปลายจมูกก่อนจะหยดลง น้ำตา? ผมที่ลืมวิธีร้องไห้ไปแล้วกลับร้องไห้? ให้ตายสิ..
"ว่าแต่.. ถ้าผมตื่นคุณจะเหงาไหม?"เด็กชายกล่าว
'ถ้าบอกว่าเหงานายก็ห้ามออกไปละ'เขาว่าประชดหน้าตาย
"เอ๋~~ว่าแต่... คุณคือ?"เด็กหันหน้ามาถามเขาอย่างอยากรู้อยากเห็น
'ไม่มีชื่อหรอก.. ถึงมีก็ไม่จำไว้ให้รกสมอง.. ชื่อมันไม่จำเป็นซะหน่อย ใกล้ได้เวลาตื่นแล้ว นายไปเถอะ..'เขาพูดก่อนจะผุดลุกขึ้นและหันหลังเดินไป แต่เสียงของเด็กชายทำให้เขาชะงักหันหลังไปมอง
"งั้นหรอ.. งั้น.. ไว้เจอกันใหม่นะครับ! Taiyo(พระอาทิตย์)"เด็กชายเสียงหงอยลงก่อนจะโบกมือและหายไปจากโลกแห่งจิตใจทันที
'ไทโยว?... ชื่อนี้ไม่เหมาะกับผมหรอกนะ..'ริมฝีปากเหยียดยิ้มอ่อนก่อนจะเดินกลืนหายไปในความมืดมิดอีกครา
.
.
.
.
ที่ห้องแห่งความมืดมิดยังคงมีเด็กชายที่นั่งจ้องมองจอโปร่งเช่นเดิม ถึงจะมีเด็กน้อยเข้ามาพูดคุยเวลาหลับแต่ตัวเขาก็ยังคงเหงาอยู่ดี.. แต่ละวันผ่านไปเรื่อยๆอย่างไร้จุดหมาย เขาได้แต่นั่ง.. นอนดู..ชีวิตประจำวันของเด็กชายไปเรื่อยๆ.. ทุกครั้งที่เด็กคนนี้เปลี่ยนไป ตัวเขาก็เปลี่ยนเช่นกัน นับวันเด็กคนนี้ก็ขี้กลัวมากขึ้น.. ขี้แยยิ่งขึ้น.. และไม่ค่อยแข็งแรงเท่าทีควร ทุกครั้งที่เด็กคนนี้ตกใจจนสลบ เขาจะถูกสับเปลี่ยนอัตโนมัติราวกับว่าเป็นโหมดระวังภัยก็ว่าได้ แค่เจอสุนัขเห่าใส่ก็ตกใจเป็นลมสุดท้ายเขาก็ต้องเป็นคนคุมร่างวิ่งไล่มันไป(ด้วยหน้าตาเย็นชาปล่อยรังสีฆ่าฟันอะนะ) วันหนึ่งเด็กคนนี้ดันไปทำอีท่าไหนก็ไม่รู้ถูกตาลุง(คุวาจิมะ)เก็บไปเลี้ยง ซึ่งไอเด็กนี้เคยเล่าว่าถูกรุ่นพี่ที่เป็นลูกศิษย์คนแรกของตาแก่(คุวาจิมะ)เขม่นตั้งแต่วันแรก ทั้งๆที่มีประสาทรับรู้เสียงดีแท้ๆ แถมเด็กนี้ก็มักจะโดดฝึกตลอดด้วย..
.
.
.
"ไม่เอาาาา ไม่ฝึก!!"เสียงเด็กชายเอ่ยพลางร้องไห้ฟูมฟายเกาะอยู่บนต้นไม้ใหญ่ เขามองภาพนั้นอย่างกลุ้มใจ อีแบบนี้เมื่อไรจะเก่งจนดูแลตัวเองได้โดยไม่มีเขาอยู่สักทีละเนี่ย! บ่นไปไม่นาน เขาที่เผลอละสายตากุมขมับรู้สึกตัวอีกทีก็เจ็บแปลบๆชาๆทั่วร่างกาย เพราะเซนอิทซึไอเด็กบ้านั้นเป็นตัวล่อไฟฟ้าชั้นดีเลยโดนไฟฟ้าฟาดเต็มกระบาลสีผมเปลี่ยนเป็นสีทองสายฟ้าแล้วยังช็อกสลบจนสับเปลี่ยนกับเขาที่ยังงงๆอยู่อีก...
.
.
.
.
เฮ้อ~ เกิดเป็นบุคลิกที่สองนี่เหนื่อยชะมัด
______________________________
DELER_LETเองจ้า~
เตือนแล้วนะว่าไม่เหมือนเนื้อเรื่องหลัก ไม่เหมือนมากๆโดยเฉพาะนิสัยกับประวัติของอางาซึมะ เซนอิทซึ
อ้ากกก ครบแล้ว สั้นไปหรึเปล่า สามารถบอกว่าขอยาวอีกนิดหรือจะสั้นอีกก็ได้นะ ครุคริ
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
สู้ๆ
ปล.อ่านตอนตาใกล้ปิด
สนุกมากครับ
คงไปวายหรอกนะ?
แต่ไม่ได้ตั้งใจแต่งวายอะ
แต่มันออกวายจ้าขนาดนั้นเลยหรอ>~<