ตอนที่ 6 : แกลลอนที่ 2 (100%)
จิรเมธหยุดรถเข้าจอดข้างทางอยู่หลายรอบ เพื่อกางแผนที่สัญจรไปยังหมู่บ้านเขากะหมอกที่ค้นหาดูจากเว็บไซต์ รวมทั้งโทร. ศัพท์สอบถามไปยังหน่วยงานราชการเกือบทั้งจังหวัดที่น่าจะให้คำตอบแก่เขาได้จนสายแทบไหม้ แต่ก็ยังอับจนปัญญาและไม่เห็นวี่แววสักนิดเลยว่า...
เขาจะบุกป่าฝ่าดง เดินทางไปถึงหมู่บ้านลับแลนี้ได้อย่างไร?
ในเมื่อสองข้างทางนั้นมีแต่ป่าแล้วก็เขา ซึ่งล้วนแต่สลับซับซ้อนจนน่าปวดเศียรเวียนเกล้าเสียเหลือเกิน
อีกทั้งเขาเองก็เพิ่งกลับจากเมืองนอก ถนนหนทางในบ้านเกิดจึงยังไม่ค่อยคุ้น เนื่องจากสภาพแวดล้อมที่ค่อนข้างเปลี่ยนไป ยิ่งเป็นเมืองที่เขาไม่ใช่คนในพื้นที่ที่สัดทัดเส้นทางด้วยแล้ว จิรเมธแทบจะกลายเป็นคนตาบอดเดินคลำหาเส้นทางกันเลยทีเดียว
หากเป็นอย่างนั้น...ชาตินี้ชาติไหนเขาถึงจะไปที่นั่นได้กันล่ะ?
ความทดท้อและอาการปวดเมื่อยเริ่มมาเยือนชายหนุ่มจนพานให้หงุดหงิด เมื่อจิรเมธต้องขับรถวกวนเวียนไปเวียนมากว่าสองชั่วโมงแล้ว แต่เขาก็ยังไม่เห็นเค้าลางว่าจะมีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นกับตนเลยสักที ถ้าหากว่ารอบนี้เขายังไม่เจอทางแยกเล็กๆ ตามแผนที่ประเทศไทยบอกไว้อีกละก็ เห็นทีเขาคงจะต้องถอยทัพ หอบเอาความผิดหวังกลับบ้านไปนอนพักให้หายเหนื่อย แล้วค่อยเติมพลัง ขับรถออกมาสืบเสาะแสวงหานาย
ในขณะที่จิรเมธชะลอความเร็วของรถให้ช้าลง เพื่อมองหาป้ายบอกทางเข้าหมู่บ้านสองฟากฝั่งที่มีแต่สวนยางพารา สวนปาล์ม และป่ารกชัฏอย่างละเอียดถี่ถ้วน เจ้าตัวก็พลันเหลือบไปเห็นแม่สาวทอมบอยคนหนึ่ง ยืนหันหลังท้าวสะเอวเตะมอเตอร์ไซต์ที่จอดแช่นิ่งอยู่ข้างกายด้วยความหัวเสีย คนหลงทิศจึงรีบหักพวงมาลัยเข้าเทียบชิดริมถนนฝั่งที่เธอยืนอยู่ทันทีด้วยความลิงโลด เพราะตลอดเส้นทางสายในที่เขาขับรถวนผ่านไปผ่านมาเป็นชั่วโมงๆ นั้น แทบจะนับจำนวนคันรถที่วิ่งสวนมาได้ไม่ถึงห้าคันเสียด้วยซ้ำ
“น้องๆ พี่ถามอะไรหน่อยสิ” หนุ่มหัวนอกร้องทักอย่างห้าวเป้งเต็มพิกัด เพราะสไตล์การแต่งตัวสวมเสื้อยืดกับกางเกงยีนส์ที่เขามองจากทางด้านหลัง มันช่างบังตา ทำให้เห็นสาวเต็มวัยกลายเป็นเด็กหญิงแรกรุ่นไปเสียได้!
พอแม่สาวกระโดกกระเดกในความคิดหันมาสบตากับเขา จิรเมธเลยถึงกับหน้าเจื่อน รู้สึกหน้าแตกที่ดันเข้าใจผิดไปเสียถนัด เพราะคนที่เรียกขานกลับกลายเป็นสาวสวยสะพรั่ง เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ที่น่าดึงดูดใจ แววตาคมโตล้อมกรอบด้วยขนตางอนงามยาวเป็นแพที่อยู่เบื้องล่างคิ้วหนาเข้มดกดำ ยิ่งรวมเข้ากับจมูกโด่งยาว ปลายงุ้มเพียงเล็กน้อยด้วยแล้ว จิรเมธก็บอกกับตัวเองได้ในทันทีเพียงแค่สบตากับเจ้าหล่อนไม่กี่วินาทีว่า
‘ทั้งคิ้ว ตา และจมูก มันช่างเหมาะเจาะกับกลีบปากหนาอวบอิ่มของเธอซะจริงๆ’
แต่ถึงเจ้าหล่อนจะมีโครงหน้าสวยคมขำเป็นที่ต้องตาแก่เขาสักเท่าไรก็ตาม ชายหนุ่มกลับรู้สึกขัดใจกับผิวพรรณสีแทนนวลเนียนดุจน้ำผึ้งนั้นเหลือเกิน จิรเมธเองไม่อาจจะปฏิเสธได้ว่า การที่เขาไปศึกษาเมืองนอกมาเป็นเวลานาน มันทำให้ขาเคยชินกับผิวเนื้อขาวผุดผ่องเป็นยองใยของสาวๆ ทั้งหลายมากกว่า
แน่ละว่า... เขาเองก็เป็นหนึ่งในเหล่าชายที่ชื่นชอบความขาว หมวย สวย อึ๋ม เหมือนกัน
มิเช่นนั้นเขาคงจะไม่เลือกควงแต่บรรดาสาวสวยหลากเชื้อชาติทั้งไทย จีน ญี่ปุ่น เกาหลี หรือแม้แต่สาวแหม่มทรงโต แล้วคงหันไปพิสมัยของแปลกอย่างพวกคนนิโกรผิวดำแทนเสียแล้วละ
“มีอะไรก็พูดมา” น้ำเสียงแว่วหวานเอ่ยถามห้วนๆ อย่างไม่ใคร่สบอารมณ์นัก เมื่อเจอเข้ากับสายตากรุ้มกริ่มของอีกฝ่าย ด้วยถึงแม้จะไม่มีแววจาบจ้วงหยาบโลนอะไรนัก แต่ก็ทำให้เธอเกิดอาการอึดอัดขัดเขินอย่างไรพิกล ยิ่งเมื่อผสมปนเปไปกับผลพวงที่เธอกำลังหงุดหงิดใจกับเจ้ารถเกเรที่ชอบมาเสียตอนเร่งรีบทุกที หญิงสาวเลยยิ่งออกอาการหัวเสียเข้าไปใหญ่
“เอ่อ... ขอโทษนะครับ ไม่ทราบว่าคุณพอจะรู้ทางไปหมู่บ้านเขากะหมอกไหม?” คนที่รับรู้ได้ถึงความขุ่นเคืองต่อมารยาทอันไม่งามของตนเลยปรับสุ้มเสียงให้ฟังดูสุภาพขึ้น กลัวว่าเธอจะไม่ยอมตอบคำถามเขา เพราะถ้าหากเป็นเช่นนั้นจริงๆ มันคงจะไม่สนุกแน่ ถ้าเขาต้องตระเวนขับรถวนหาหมู่บ้านลับแลนี้อีกครา!
“นายจะไปที่นั่นทำไม?”
ลัลนา แก้วกำเนิด มองดูบุรุษแปลกหน้าที่นั่งอยู่ในรถแวนคันหรูอย่างพินิจ เพราะสถานที่ที่เขากำลังจะไปนั้น มันคือถิ่นฐานบ้านเกิดของเธอเอง และหญิงสาวก็มั่นใจว่าชาวบ้านทั้งหมด รวมถึงผู้ใหญ่บ้านพ่อของเธอด้วย ไม่น่าจะมีเครือญาติอย่างพ่อหนุ่มหน้าขาวเจ้าสำอาง ที่แลดูร่ำรวยภูมิฐานขนาดนี้เลยสักคน
ก็ดูจากเสื้อผ้าอาภรณ์ที่เขาสวมใส่อยู่สิ ถึงแม้จะเป็นเพียงชุดลำลองเสื้อยืดกางเกงยีนส์แบบสบายๆ เท่านั้น หากเนื้อผ้าและการตัดเย็บกลับมีความประณีตและน่าจะมีราคาแพงหูฉี่อยู่ไม่น้อย
นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้เธอบังเกิดความเคลือบแคลงหวาดระแวงไปว่า
‘เขามีจุดประสงค์อะไรหมู่บ้านของเธอกันแน่?’
“ผมจะไปหานาย...” เรียวปากหยักเชิดหุบฉับลงทันทีที่พึงระลึกได้ว่า เขาไม่ควรซี้ซั้วเอ่ยชื่อบุคคลต้องสงสัยออกไปส่งเดช จิรเมธเลยต้องรีบนึกหาข้ออ้างอื่นแทนเสียใหม่ในบัดดล
อาการขมวดคิ้วอย่างครุ่นคิดโดยไม่รู้ตัวของอีกฝ่ายนั้น เปิดโอกาสให้หญิงสาวที่ลอบสังเกตเขาอยู่อย่างเงียบเชียบแอบเพ่งพิศมองชายหนุ่มอย่างละเอียดลออต่ออีกนิด ลัลนาจึงได้เห็นเค้าโครงคมคายอันหล่อเหลาของพ่อหน้าขาวตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า คนตรงหน้ามีผมเส้นเล็กที่ตัดแต่งจนเป็นทรงสวยละใบหูกางๆ ซึ่งมันบ่งบอกอย่างชัดเจนว่า
‘เจ้าตัวนั้นฉลาดเป็นกรดขนาดไหน?’
อีกทั้งรูปหน้าที่ไม่สั้นไม่ยาวจนเกินไปก็จัดได้ว่า ช่างเหมาะเจาะกับปลายคางบึกบึนอย่างพอดิบพอดี
นอกจากนี้ คนแปลกหน้ายังมีเสน่ห์ดึงดูดใจอันเหลือร้ายอยู่ตรงที่นัยน์ตาคมกริบ ส่อแวววิบวับเป็นประกายระยิบระยับราวกับจะหยอกล้อหัวใจของหญิงสาวอยู่ตลอดเวลา เป็นเหตุทำให้ลัลนาต้องรีบหลุบหลบสายตาเขาอุตลุด แม้นว่าดวงตาซุกซนของพ่อหนุ่มขี้เล่นจะไม่ได้มองสบมายังเธอเลยก็ตามที จากนั้นจึงค่อยๆ ชำเลืองไปยังจมูกโด่งเป็นสันรับกับเรียวปากหนาหยักเชิดแทนเสีย
และก่อนที่หญิงสาวจะทันลอบสังเกตผิวขาวเผือกของเขาต่อไป คนที่พลันคิดคำตอบเหมาะๆ ขึ้นมาได้ก็ชิงเอ่ยแทรกด้วยรอยยิ้มว่า
“เอ่อ... อ้อ! พอดีเพื่อนผมเขาเคยมาเที่ยวที่นี่ เขาชมว่าทิวทัศน์ของบ้านเขากะหมอกสวยงามมาก แถมชาวบ้านก็ยังใจดีอีกต่างหาก เขาเลยแนะนำให้ผมลองแวะมาดูน่ะครับ” จิรเมธหยอดคำหวานเอาไว้ก่อน ทั้งที่ความเป็นจริงนั้นเขาแทบไม่รู้จักหมู่บ้านนี้เลยแท้ๆ ว่าอยู่ที่ไหน? หรือทำอะไร?
สาวเจ้าถิ่นขนานแท้สามารถจับโกหกคำโตของคนพูดได้ในทันที เพราะที่หมู่บ้านของเธอไม่เคยมีนักท่องเที่ยวแวะเวียนมาเยี่ยมชมเลยสักครั้ง... ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาแล้ว
ยกเว้นก็แต่เพียงชาวบ้านที่มาหาองค์ความรู้เกี่ยวกับน้ำมันไบโอดีเซลตามรอยพระราชดำริ กับ...พวกนายทุนหน้าเลือดจากกรุงเทพฯ ที่ชอบเข้ามากว้านซื้อผืนแผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์และเปี่ยมไปด้วยทัศนียภาพที่แสนสวยงามในหมู่บ้านเขากะหมอก เพื่อนำไปทำเป็นบ้านพักโฮมสเตย์ไว้ให้บรรดานักท่องเที่ยวแห่แหนกันเข้ามาเยี่ยมชม ซึ่งจะช่วยสร้างผลกำไรอันมหาศาลเข้ากระเป๋าของพวกเขาอีกไม่รู้เท่าไร โดยไม่เคยคำนึงถึงโครงการที่บิดาของเธอทุ่มแรงกายแรงใจสร้างขึ้น เพื่อช่วยเหลือชาวบ้านเลยแม้แต่เศษเสี้ยว
เพราะสิ่งที่พวกคนกรุงสนใจมีแต่… ผลของประโยชน์ส่วนตัวเพียงเท่านั้น!
“ที่นั่นไม่มีอะไรดีหรอก มันไม่ใช่แหล่งท่องเที่ยว สงสัยนายจะมาผิดที่ซะแล้วละ” ลัลนาตอบกลับอย่างไม่ไว้ใจ กำลังนึกหวาดระแวงไปว่า
‘หรือว่า… หมอนี่ก็คิดจะมาฮุบหมู่บ้านของเธอเหมือนกัน!’
ในขณะที่คนฟังถึงกับออกอาการหน้าเหวอไปไม่น้อย เมื่อเรื่องที่กุขึ้นมากำลังจะมัดตัวเขา
‘ซวยแล้วไงนายจิม!... แล้วจะอ้างอะไรต่อไปดีล่ะ?’
หนุ่มต่างถิ่นนิ่วหน้าคิดอยู่เพียงครู่ ก่อนจะพลันได้คำตอบขึ้นมาอย่างปัจจุบันทันด่วน
‘เอาวะ! แถไปก่อนก็แล้วกัน’
“งั้นเหรอครับ” คนฟังแสร้งตีหน้าประหลาดใจอย่างเหลือล้น “แต่เพื่อนผมเขาบอกมาแบบนั้นจริงๆ นะ นี่ไงเขายังส่งแผนที่กับข้อมูลพวกนี้มาให้ผมดูอยู่เลย”
จิรเมธยื่นเอกสารทั้งหลายที่เขาปริ๊นท์ออกมาส่งให้เจ้าหล่อนดู เพื่อความสมจริง
“ฉันว่านายคงถูกเพื่อนอำซะแล้วล่ะ” ลัลนาคลายความกังขาลงไปเพียงนิด ก่อนจะนึกสังเวชอีกฝ่ายว่า
‘หน้าตาก็ดี แต่ไม่น่าโง่เลยนะ... นายหน้าขาว’
“ไม่มั้งครับ” คนที่มีจุดประสงค์แอบแฝงยังไม่ยอมละความพยายาม “ยังไงผมก็อยากจะไปเที่ยวที่นั่นสักครั้งให้เห็นกับตา”
“เพื่ออะไรกันล่ะ?” ลัลนาร้องถามขัดขึ้น พร้อมกับเอ่ยถามเจ้าตัวออกไปโต้งๆ “หรือเพื่อตอกย้ำในความเซ่อซ่าของนายที่ถูกเขาหลอกเอาน่ะเหรอ?”
คำพูดดูหมิ่นของสาวเจ้าถิ่นทำให้สีหน้าของจิรเมธแลดูเข้มขึ้นด้วยความไม่พอใจ แต่เจ้าตัวยังคงอดกลั้นเอาไว้ ไม่ระเบิดมันออกมา
‘หนอยแม่คุณ! เห็นคนเขายอมอ่อนข้อให้หน่อย เลยได้ใจว่ากันใหญ่เชียวนะ’
“ก็คงงั้น” เขายักไหล่อย่างยียวน รู้สึกเริ่มถอดใจ ไม่อยากจะซักถามแม่จอมกวนประสาทขึ้นมาเสียดื้อๆ เพราะเกรงว่าหากเขายังเสียเวลาอยู่ตรงนี้นานไปอีกนิดละก็ นอกจากจะไม่ได้ข้อมูลที่ต้องการแล้ว เขาอาจจะเกิดฟิวส์ขาด จับแม่สาวตาคมปากไวมาลงโทษเสียให้เข็ดก็เป็นได้
“แล้วตกลงว่าคุณจะบอกทางผมไหม ไม่อย่างนั้นผมจะได้ไปถามคนอื่นแทน”
คำพูดที่บ่งบอกว่าชายหนุ่มชักจะเริ่มขุ่นเคืองเธอขึ้นมาตงิดๆ ทำให้ลัลนาที่กำลังต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนเช่นกัน จำต้องหยุดคิดและใคร่ครวญถึงบางสิ่งบางอย่างที่จอดอยู่ตรงหน้าของเธอ เพราะมันสิ่งจำเป็นที่สุดสำหรับเธอในขณะนี้
‘ใช่แล้ว! หมอนี่มีรถ!!’
ก็ในเมื่อเจ้ารถเส็งเคร็งของเธอมันดันไม่รักดี ชอบมาตายสนิทจังหวะที่เธอต้องรีบรุดไปรับแขกจากคณะทัวร์ตรงหน้าหาดเช่นนี้ ลัลนาเลยจำต้องเสี่ยงดวงหาทางรอดเป็นการด่วน และมันก็ต้องรัดกุมเสียด้วย
แล้วหัวสมองอันชาญฉลาดก็ฉุกนึกขึ้นมาได้ว่า ไม่มีอะไรจะเหมาะเจาะมากไปกว่า….
‘การหลอกพานายหน้าขาวไปปล่อยทิ้งไว้ที่หน้าหาด!’
แผนการอันยอดเยี่ยมกระเทียมดองในครั้งนี้ ถือเป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวเลยทีเดียว เพราะนอกจากเธอจะได้สารถีขับรถไปส่งฟรีๆ แล้ว เธอยังช่วยกำจัดบุคคลอันตรายไม่น่าไว้ใจไปให้พ้นเสียจากหมู่บ้านอีกต่างหาก สาวหัวแหลมที่พอจะเห็นทางรอดจึงคิดตริตรองให้รอบคอบอีกคราว่า
‘ไอ้ตี๋นี่ไม่น่าจะมีพิษมีภัยหรอกมั้ง?...
แต่ถ้ามันเกิดเล่นตุกติกขึ้นมาจริงๆ ละก็ เจ้าถิ่นอย่างเธอจะจัดการซัดซะให้หมอบไปเลย
เรื่องแค่นี้ ไม่คณามือลูกสาวผู้ใหญ่ธมอยู่แล้ว!’
“บอกก็ได้ แต่มีข้อแม้”
“ข้อแม้อะไร!?” จิรเมธตีสีหน้ารำคาญในความมากเรื่องของสาวเจ้า
“นายต้องพาฉันไปทำธุระที่หน้าหาดด้านนู้นก่อน แล้วฉันถึงจะพานายไปส่ง” หญิงสาวยื่นข้อแลกเปลี่ยน
“ไม่ตกลง!” เอ่ยปฏิเสธทันควันแบบไม่ต้องคิด “ใครจะมัวไปนั่งเสียเวลากับเรื่องบ้าๆ พรรค์นั้นกันล่ะ ผมเองก็รีบเป็นเหมือนกันนะคุณ”
“กะอีแค่จะเอ้อระเหยไปเที่ยวเล่นเท่านั้น มันต้องรีบร้อนอะไรกันนักเชียว?” คนรู้แกวกล่าวดักคอ หรี่ตามองหนุ่มหล่ออย่างเคลือบแคลงระแวงสงสัยโดยไม่ปิดบัง “หรือว่านายคิดจะไปทำอะไรไม่ดีอย่างอื่นที่นั่น?”
“จะบ้าเหรอคุณ” แม้นข้อกล่าวหาของหล่อนจะดูเกินจริงไปสักหน่อย แต่คนที่ไม่บริสุทธ์ใจก็อดร้อนตัวมิได้ หนุ่มหัวนอกเลยแกล้งร้องถามเสียงขุ่นเป็นการกลบเกลื่อน “หน้าผมดูเหมือนโจรนักเหรอไง?”
“ก็ไม่แน่นักหรอก” ลัลนาไหวไหล่อย่างไม่ใคร่เชื่อนัก “คนสมัยนี้ดูหน้าแล้วรู้ใจกันซะที่ไหนล่ะ ยิ่งเป็นคนที่มาจากกรุงเทพฯ ด้วยแล้ว ยิ่งชอบโกหกหลอกลวงกันเป็นว่าเล่น ขนาดตัวนายเองยังถูกเขาหลอกเอาเหมือนกันนี่นา”
“นี่คุณ! ถ้าไม่อยากบอกทางผม ก็ไม่เห็นต้องพูดจาแขวะกันแบบนี้เลย”
คนดวงซวยที่ดันมาปะหน้ากับแม่สาวแสบสันบอกอย่างหัวเสีย พานให้รู้สึกอยากจะรีบบึ่งรถไปจากตรงนี้เสียให้พ้นๆ เพราะขี้คร้านจะต่อปากต่อคำกับหล่อนแล้ว
“ฉันไม่ได้แขวะสักหน่อย ก็แค่พูดความจริงเท่านั้น” หญิงสาวเบะปากเถียงกลับ
“ผมว่าผมไปถามทางเอากับคนอื่นน่าจะสะดวกใจกว่า”
“แถวนี้มีแต่ป่า นายคิดว่าจะมีใครพอช่วยนายได้อีก นอกจากฉันล่ะ?”
ลัลนาพยักพเยิดให้ชายหนุ่มมองไปยังป่ารกชัฏโดยรอบ ทำให้คนที่ถึงแม้จะอยู่ในอารมณ์ขัดเคืองจนเกือบจะเข้าขั้นหน้ามืด ยังต้องเห็นจริงตามที่อีกฝ่ายกล่าวมา ทว่าความเดือดดาลที่ได้รับก็เป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้เขาไม่ยอมงอนง้อหล่อนโดยง่าย
“ไม่เป็นไร ยังไงผมก็มีแผนที่ เดี๋ยวผมลองขับรถวนหาดูเองก็ได้”
“วนมากี่รอบแล้วล่ะ?” หญิงสาวเลิกคิ้วถาม เพราะฝุ่นละอองที่ปลิวมาเกาะอยู่ตามยวดยานของเขาเสียจนหนาเตอะ มันเป็นหลักฐานที่บ่งชี้ได้อย่างดีเยี่ยมเลยทีเดียวว่า
‘เจ้าตัวน่าจะขับรถหลงทางไปมาอยู่หลายเที่ยวแล้ว’
จิรเมธเลี่ยงไม่ยอมตอบคำถามแทงใจให้เขายิ่งอับอายขายขี้หน้าเพิ่มขึ้นอีก ฝ่ายเจ้าถิ่นสาวที่กำลังรีบร้อนเลยเอ่ยปากเร่งเขาเสียเอง เมื่อเธอก้มมองหน้าปัดนาฬิกาบนข้อมือแล้วพบว่า เวลากระชั้นชิดจนเจียนจะตามติดตัวเธอเข้าไปทุกทีแล้ว
“จะบอกอะไรให้เอาบุญนะว่าเส้นทางที่นี่มันคดเคี้ยวมาก หาไม่ได้ง่ายๆ หรอก แต่ถ้านายยอมไปส่งฉันก่อนละก็ พอเสร็จธุระแล้ว ฉันจะนั่งเป็นแม่ย่านางพานายตระเวนเที่ยวให้ทั่วเมืองตรังเลย นายจะได้ไม่ต้องขับรถหลงให้เสียเวลา แถมยังประหยัดน้ำมันอีกด้วย ตกลงไหม?”
คนฟังหยุดคิดเพียงนิด แต่ยังคงบอกปัดอยู่ดี
“ไม่ล่ะ ขอบคุณ ถึงคุณจะไม่บอก แต่เดี๋ยวผมก็คลำหาทางไปจนเจอเองนั่นแหละ”
“ก็ดี!” สีหน้ามั่นอกมั่นใจของคนพูดที่แลดูจะไม่อนาทรร้อนใจอันใดเลย มันช่างดูขัดหูขัดตาจนน่าหมั่นไส้ยิ่งนักสำหรับคนที่กำลังจะล่อลวงขอใช้ประโยชน์จากเขา ลัลนาเลยออกอาการหัวเสียอยู่ไม่ใช่น้อย สาวเจ้าคิดเจ้าแค้นจึงยิ่งกล่าวข่มขวัญให้คนฟังพลันหน้าซีดเป็นไก่ต้มเข้าไปอีกชุดใหญ่
“งั้นก็เชิญนายหลงป่าแถวนี้ต่อไปเถอะ อย่าหวังเลยว่าจะไปที่หมู่บ้านได้ง่ายๆ แต่ถึงจะฟลุ้คเจอปากทางเข้าจริงๆ นายก็ไปต่อไม่ถูกหรอก เพราะถนนเส้นในมันจะยิ่งสลับซับซ้อนมากกว่านี้ แถมยังไม่มีป้ายบอกทางให้อีกต่างหาก”
พูดจบ ลัลนาก็หันหลังสะบัดก้นเดินหนีเขาไปทันที ในใจก็พลางลุ้นระทึกว่าเหยื่อจะติดเบ็ดเธอหรือไม่…
“เดี๋ยว!”
และแล้วคำพูดข่มขู่ของแม่สาวจอมแสบก็ได้ผลชะงัก จิรเมธต้องรีบเอ่ยปากร้องเรียกอีกฝ่ายเอาไว้ก่อน พร้อมกับขมวดคิ้วใช้ความคิดอย่างหนัก
‘นี่ขนาดแค่ทางเข้า เขายังงมหาไม่เจอเลย
แล้วไอ้ตัวหมู่บ้านนี่ เขาไม่ต้องขับวนเป็นล้านรอบเลยรึไง?’
แม้จะไม่อยากช่วยนัก แต่เมื่อประมวลถึงผลได้ผลเสียแล้ว การมีคนในพื้นที่อย่างหล่อนช่วยนำทางไป น่าจะทุ่นเวลาได้มากกว่า แถมเขายังไม่ต้องเสียเวลามานั่งเมื่อยขบกับการขับรถหลงทิศไม่รู้ทางเป็นวันๆ อีกด้วย
“แค่ไปส่งคุณที่หน้าหาดเท่านั้นใช่ไหม?”
“ใช่” ลัลนาตอบเสียงห้วนอย่างไว้เชิง แต่ในใจกลับลิงโลดที่แผนการของเธอเริ่มสัมฤทธิ์ผล คนถือไพ่เหนือกว่ารีบเอ่ยเร่งเร้าอีกฝ่ายทันที โดยไม่ยินยอมให้ชายหนุ่มเสียเวลาคิดเป็นนาน “ตกลงจะเอายังไง จะไปส่งหรือไม่ส่ง”
“ก็ได้” จิรเมธไม่มีทางเลือก จึงจำใจต้องตกปากรับคำอย่างมิอาจหลีกเลี่ยง ทำเอาคนฟังค่อยคลี่ยิ้มออกมาได้หน่อย แต่สำหรับเขาแล้ว แค่มองปราดเดียวชายหนุ่มก็รู้ว่า มันเป็นรอยยิ้มอันแสนแสบทรวงของแม่สาวจอมวายร้ายอย่างแท้จริง
ปัง! แล้ววินาทีต่อมา เสียงปิดประตูรถอย่างแรงก็ดังขึ้นพร้อมๆ กับเสียงร้องของผู้เป็นเจ้าของ
“เฮ้ย!!!”
หลังจากจิรเมธกดปลดล็อคประตู เจ้าหล่อนก็พรวดพราดขึ้นมานั่งประจำที่เรียบร้อย โดยไม่รอคำอนุญาตแต่อย่างใด ทำเอาคนมองอดนึกสงสัยไม่ได้ว่า
‘นี่หล่อนรีบร้อนมากจนลืมมารยาท... หรือจริงๆ แล้วหล่อนไม่มีมันกันแน่!?
“อะไรมันจะรวดเร็วทันใจปานนั้น” หนุ่มหัวนอกเลยกล่าวประชดเสียงดัง
แต่นอกจากลัลนาจะทำเป็นหูทวนลมแล้ว เธอยังส่งเสียงมาเร่งเขายิบๆ เสียอีกต่างหาก
“อ้าวนาย! ยังจะมัวนั่งบื้ออะไรอีกล่ะ ออกรถซะทีสิ ฉันยิ่งรีบๆ อยู่ด้วย”
ข้อกังขาที่หนุ่มนักเรียนนอกนึกสงสัย ก็ได้รับความกระจ่างในทันใดว่า
‘แม่เด็กบ้านนาคนนี้ไม่มีมารยาทเหมือนที่เขาคิดไว้จริงๆ ด้วย!’
จิรเมธปลดเกียร์ เตรียมจะเหยียบคันเร่งด้วยสีหน้าบูดบึ้ง แต่คนเสียมารยาทดูจะไม่สนใจกับอาการกระแทกกระทั้นของเขาเท่าไรนัก หนำซ้ำหล่อนยังหยิบโทร. ศัพท์มือถือเครื่องหนาเตอะรุ่นพระเจ้าเหาขึ้นมากดเบอร์โทร. . หาใครบางคนอย่างสบายอุรา ราวกับว่าตัวเองเป็นเจ้าของรถคันนี้เสียเองกระนั้น!
“พ่อจ๋า อีนางแมงกะไซค์ของหนูมันเกเรอีกแล้ว พ่อจ๋าให้คนมาลากมันกลับไปทีนะ มันจอดอยู่ข้างทุ่ง ก่อนจะถึงทางเข้าหมู่บ้านเราสักสี่ห้าโลได้น่ะจ้ะ”
เสียงหวานๆ ที่ออดอ้อนลงไปตามสายดังอยู่ข้างหูของคนขับ ส่งผลให้เขาหันกลับมามองอีกฝ่ายตาค้างด้วยความประหลาดใจ
‘พูดจาน่ารักแบบนี้ก็เป็นด้วย ทีกับเราละจะงับหัวกันท่าเดียว’
“ได้จ้ะ แล้วเจอกันตอนเย็นนะจ๊ะ ขอบคุณจ้ะพ่อจ๋า” ลัลนายังคงเจื้อยแจ้วต่อไปอย่างอ่อนหวาน ก่อนที่เธอจะวางสายจากไป พร้อมทั้งหันมาทางหนุ่มแปลกถิ่น “นี่นาย! ฉันคุยโทร. ศัพท์อยู่ตั้งนาน นายยังไม่ออกรถอีกเหรอ ถ้าฉันเกิดทำธุระไม่ทันละก็ นายไปไม่ถึงหมู่บ้านแน่!”
“จะไปได้ยังไงกันล่ะครับ ก็คุณยังไม่ได้บอกทางผมเลยนี่” อีกฝ่ายเลยประชดกลับเข้าให้
“อ้าว! เหรอ” คนหน้าแตกได้แต่ยิ้มแหยๆ “งั้นนายก็รีบขับตรงไปหาดปากเมงเลยนะ ฉันมีธุระที่นั่น”
“ขอรับกระผม ผมจะรีบเหาะไปตามคำบัญชาเดี๋ยวนี้แหละคร้าบบบ” จิรเมธร้องบอกอย่างยียวนด้วยท่าทีสุภาพชนทุกกระเบียดนิ้ว ทำเอาคนที่รู้ตัวว่าถูกเขาเหน็บแนมถึงกับนั่งเบะปากด้วยความหมั่นไส้
“รู้แล้วก็รีบขับไปซะทีสิ เสร็จธุระแล้ว ฉันจะได้รีบพานายไปส่งให้ถึงที่ไงละ” ลัลนาสะบัดหน้าหนีแก้เก้อ พลางนึกเข่นเขี้ยวอีกฝ่ายว่า
‘คอยดูเถอะ ฉันจะแก้เผ็ดนายให้หนำใจไปเลย’
“ครับ” ชายหนุ่มคร้านจะต่อปากด้วยเพราะเห็นแก่ประโยชน์จากหล่อนจึงเป็นฝ่ายยอมลงให้ ก่อนที่เขาจะทะยานรถแวนคันหรูออกจากบริเวณนั้นทันที โดยไม่หันไปมองแม่สาวตาคมที่นั่งหน้าคว่ำกับถ้อยคำถากถางของเขาเมื่อครู่ให้เสียอารมณ์อีกเลย
ซาร่า เล็กจ์ และ เพื่อน คณิน เป็นหนูนากับตาจิม เวอร์ชั่นละครจ้า
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
แหมมมมมมม
เจอกันปุ๊บ ก็มีเหตุให้ไม่ถุกขี้หน้ากันซะละ
ตอนหน้าไปดูกันว่าพระเอกของเราจะถูกนางเอกเทไม่เท
เรื่องนี้มีฉบับที่เป็นละครให้ดูกันด้วยนะคะ น่ารักน่าหยิกไม่แพ้กันเลย
ติดตามได้ทุกวันจันทร์ถึงศุกร์ เวลา 14.30 น. ช่อง 3 และ 33
ส่วนใครอยากรู้ว่าฉบับละครกับนิยายแตกต่างกันยังไง สนุกขนาดไหน ในละครฟินขนาดนั้น แล้วนิยายจะฟินขนาดไหน สามารถโหลดอ่านได้ก่อนใครที่เมพและร้านอีบุ๊คชั้นนำทั่วประเทศค่า
![]() |
|
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ
