ตอนที่ 55 : แกลลอนที่ 26 (70%)

“ฮัดชิ้ว! ฮะ... ฮัดชิ้ว!” จิรเมธส่งเสียงจามฟุตฟิตอยู่หลายทีโดยไม่ทราบสาเหตุ ขณะกำลังไขกุญแจเข้ามาดูภายในตัวอาคารของตึกแถวที่เขาได้รับมาจากเลขาสาวของบิดา พร้อมกับเอกสารสำคัญที่แสดงความเป็นเจ้าของสิทธิ์ในที่ผืนนี้
“เป็นอะไร... แพ้ฝุ่นเหรอ?” ลัลนาที่เดินตามหลังเข้ามา เอ่ยถามด้วยความห่วงใย
“อืม...คงงั้น” เขายกมือขยี้ปลายจมูกโด่งไปมา ส่วนนิ้วอีกข้างก็ปราดคราบฝุ่นที่เกาะอยู่บนผนังให้สาวใต้ดู “ก็ที่นี่ฝุ่นเยอะจะตาย ดูสิ สงสัยคนอยู่เก่าคงจะไม่ได้ทำความสะอาดเลยละมั้ง”
เจ้าตัวไม่ได้นึกเฉลียวใจเลยสักนิดว่า บางทีนั่นอาจจะเป็นลางบอกเหตุ!
เหตุร้าย! ซึ่งกำลังจะคืบคลานมาสู่ตัวเขายังกับพายุทอร์นาโด
“นั่นสิ ท่าทางเราคงจะต้องทำความสะอาด แล้วก็ทาสีใหม่ทั้งข้างนอกข้างในเลยนะเนี่ย” ลัลนาเดินดูไปรอบๆ บริเวณชั้นล่าง
“ฉันก็ว่างั้น” จิรเมธพยักหน้าเห็นด้วย พลางเดินตามสาวร่างบางไปติดๆ
เมื่อสำรวจชั้นล่างจนเป็นที่พอใจแล้ว สองหนุ่มสาวจึงขึ้นบันไดไปดูสองชั้นข้างบนต่อ ทั้งชั้นสองและชั้นสามนั้นเป็นพิ้นโล่งๆ โปร่งๆ ที่ไม่มีการสร้างห้องกั้นเอาไว้แต่อย่างใด
“ฉันว่าข้างบนเราเอาไว้เป็นที่เก็บสต๊อกสินค้าดีไหม?” นักพัฒนาหนุ่มหันมาถามความเห็นสาวคู่ใจ
“อืม...ก็ดีนะ” ลัลนาพยักหน้า ก่อนจะถามความคิดเรื่องการจัดร้านจากเขาบ้าง “แล้วนายว่าเราควรจะตกแต่งร้านสีอะไรดีล่ะ?”
“สีส้มดีไหม เด่นดี แล้วก็ดูหมองยากด้วย”
ลัลนาใช้ความคิดอยู่เพียงครู่ ก่อนจะตอบตกลง
“เอาสิ”
จากนั้นสาวใต้ก็เดินนำอีกฝ่ายลงมายังชั้นล่างเหมือนเดิม พลางบอกเล่าร้านในฝันของเธอให้ชายหนุ่มฟังด้วยรอยยิ้มเบิกบานใจ
“ฉันว่าถ้าเราตกแต่งร้านด้วยวัสดุธรรมชาติอย่างพวกกะลามะพร้าว โต๊ะไม้ หรือชั้นไม้ที่เราทำเอง ทาสีเองละก็ มันคงจะดูน่ารักดีเนอะ...นายว่าไหม?”
“งั้นก็ทำเลยสิ” คนฟังยิ้มบางๆ ไม่อยากขัดคนพูดด้วยเรื่องไร้สาระ กลัวจะทำให้ภาพตรึงตราแสนประทับใจตรงหน้าพลันลบเลือนไป “ว่าแต่เราจะไปซื้อวัสดุพวกนั้นได้ที่ไหนบ้าง?”
“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง เดี๋ยวฉันจัดการเอง”
“เธอจะทำเองเลยเหรอ?” เขาร้องถามอย่างตกใจ เพราะเป็นห่วงกลัวหล่อนจะเหนื่อยจนเกินเหตุ
“ใครจะเก่งเป็นซุปเปอร์แมนขนาดนั้นล่ะ?” เธอเอ่ยกวนๆ ตามนิสัย “ฉันจะให้ชาวบ้านในเขากะหมอกนั่นละมาช่วยทำคนละไม้ละมือ นายจะได้ไม่ต้องเปลืองสตางค์ไปจ้างช่างมาไง”
“จะไหวเร้อ?” จิรเมธร้องถามอย่างไม่ค่อยเชื่อ
“โอ๊ย! สบายมาก จะบอกให้นะว่างานหนักแค่ไหนพวกเราก็ไม่หวั่นหรอก เพราะทุกคนในเขากะหมอกน่ะสามัคคีสู้ตายกันอยู่แล้ว” ลัลนาชูสองนิ้ว ยิ้มร่า เพื่อเป็นการยืนยันถึงความตั้งใจจริงของพวกเธอ ขณะที่ปากก็เอ่ยเร่งเร้าชายหนุ่ม “ฉันว่าเรารีบไปซื้อของมาทำเลยดีกว่านะ ฉันชักจะตื่นเต้น อยากให้ร้านตัวเองเสร็จไวๆ ซะแล้วสิ”
สาวใจร้อนลากคนตัวสูงให้เดินตามไปอย่างรวดเร็ว เพราะปรารถนาจะเห็นในสิ่งที่เธอรอคอยมานาน...
‘ร้านเขากะหมอก’
ร้านที่เปี่ยมไปด้วยอุดมการณ์อันแรงกล้าของชาวบ้านที่ร่วมกันฟันฝ่า และคนข้างกายที่ช่วยพัฒนาสานฝันของพวกเธอให้เป็นจริง
ร้านที่เจริญรอยตามแนวทางของพ่อหลวง... ซึ่งทรงรักใคร่ห่วงใยปวงประชาทุกหมู่เหล่า
ร้านที่เธอนั้น... จะทำหน้าที่เผยแพร่พระปรีชาชาญและพระอัจฉริยภาพของพระองค ให้เป็นที่ประจักษ์แก่สายตาชาวโลก!
หลังจากซื้อสิ่งของประดับประดาและสั่งจองไม้ขนาดต่างๆ สำหรับตกแต่งร้านเรียบร้อยแล้ว จิรเมธและลัลนาก็กลับมายังหมู่บ้านในช่วงบ่ายคล้อย เพื่อจะนำแผนงานที่คิดร่วมกันมาปรึกษาผู้ใหญ่ จะได้เกณฑ์ชาวบ้านมาร่วมแรงร่วมใจแบ่งหน้าที่กันทำอย่างถูกต้องเหมาะสม
ทันทีที่ลงจากรถ ลัลนาก็วิ่งปรูดขึ้นเรือนปั๊บ พลางตรงเข้ามาสวมกอดมารดาที่นั่งอยู่นอกชาน
“แม่จ๋า”
ท่าทางแจ่มใสของบุตรสาว ทำให้มาลินีอดนึกฉงนใจขึ้นมาไม่ได้ว่า
‘เอ๋... วันนี้มีอะไรดีน้า ลูกสาวแม่ถึงดีอกดีใจเหมือนกับได้ทองอย่างนั้นแหละ’
ทั้งที่เมื่อสองสามวันก่อน เจ้าตัวยังทำหน้าบึ้งบอกบุญไม่รับ แถมยังนั่งแอบถอนหายใจทุกๆ สิบวินาทีอยู่เลยแท้ๆ ทำให้นางนึกเป็นห่วงเสียตั้งนานสองนาน แต่ไฉนวันนี้บุตรสาวถึงได้ออกอาการสดชื่นเช่นนี้หนอ...
แล้วพอมาลินีเห็นหน้าหนุ่มกรุงที่เดินตามหลังลัลนาขึ้นมาเท่านั้นแหละ นางก็เข้าใจเหตุผลอย่างแจ่มแจ้ง
‘อ๋อ... เพราะพ่อหนุ่มมาหาเหมือนเดิมแล้วนั่นเอง ลูกสาวแม่ก็เลยอารมณ์ดี’
“สวัสดีครับคุณน้า” คนหนุ่มเดินเข้ามาประนมมือไหว้ผู้สูงวัยกว่าอย่างอ่อนน้อม
“สวัสดีจ้าพ่อหนุ่ม” ผู้เป็นเจ้าของเรือนผละออกจากบุตรสาวมารับไหว้แขกหนุ่ม “หายไปเสียนาน จนน้าแอบนึกว่าพ่อหนุ่มจะลืมคนที่นี่ไปแล้วซะอีกนะจ๊ะ”
น้ำเสียงกระเซ้าที่เอ่ยออกมา ยังไม่เท่ากับรอยยิ้มในแววตาคนพูดที่มองมายังบุตรสาวสลับกับชายหนุ่ม คล้ายกับจะล้อเลียนอยู่ในที ทำเอาลัลนาต้องรีบหลบตามารดาเป็นพัลวัน ส่วนจิรเมธเองก็รีบหาข้ออ้างแก่ตัวเป็นด่วนว่า
“เอ่อ... คือ... พอดีผมติดธุระอยู่กรุงเทพน่ะครับ ก็เลยปลีกตัวลงมาไม่ได้”
“ว่าแต่แม่จ๋า... พ่อจ๋ากลับมารึยังจ๊ะ?” คนเป็นลูกก็รีบช่วยชายหนุ่มเอ่ยเปลี่ยนเรื่องไปเสีย
“กลับมาแล้วจ้ะ” มาลินียกมือขึ้นลูบหัวลูกสาวอย่างเอ็นดู ก่อนจะเอ่ยปากถามกลับบ้าง เมื่อเห็นท่าทางทั้งคู่จะมีธุระบางอย่างกับผู้เป็นสามี “มีอะไรกันรึเปล่าจ๊ะลูก?”
“พวกเรามีเรื่องจะปรึกษาพ่อจ๋านิดหน่อยน่ะจ้ะ”
“เรื่องโครงการรึเปล่าลูก?”
“ใช่จ้ะแม่จ๋า” ลัลนายิ้มรับ
“งั้นเดี๋ยวรอคุยกันตอนกินข้าวดีไหม ตอนนี้พ่อเขาคงกำลังอาบน้ำอยู่น่ะลูก”
“ไม่ได้หรอกจ้ะแม่จ๋า เดี๋ยวจะช้าไป” คนฟังกลับส่ายหัวอย่างใจร้อน “เดี๋ยวพอหนูปรึกษากับพ่อจ๋าเสร็จ หนูจะต้องรีบไปประชุมแบ่งหน้าที่กับพวกชาวบ้านอีกน่ะจ้ะ”
“ก็ได้ งั้นเดี๋ยวแม่จะไปเรียกพ่อมาให้ก็แล้วกันนะลูก” ในที่สุดมาลินีก็ต้องเป็นฝ่ายยอมตามใจบุตรสาว เมื่อเห็นท่าทางกระตือรือร้นของเจ้าตัวที่อยากจะทำทุกสิ่งเพื่อคนในหมู่บ้าน
ร่างผอมบางที่ยังคงความสวยแบบหญิงไทยเอาไว้อย่างเหนียวแน่น แม้นวัยจะล่วงเลยผ่านช่วงสาวสะพรั่งมานานแล้วก็ตามที ค่อยๆ ยันกายลุกขึ้นยืน แล้วก้าวเท้าเดินหายกลับเข้าไปในตัวบ้าน ทิ้งให้เด็กๆ สองหนุ่มสาวนั่งรอกันอยู่ตามลำพังที่ด้านนอก
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------
โถถถถถถถ
พ่อจิมของเพ่ ยังมัวแต่ยิ้มหวานจีบสาวอยู่
นี่คงยังไม่รู้ตัวว่าแม่ยักษ์ เอ๊ย! แม่ตัวจะรีบแจ้นมาดึงหูยานอยู่รอมร่อ
ใครอยากรู้ว่าตอนพี่จิมจอมทะเล้นหน้าซีดเป็นไก่ต้ม เป็นยังไง
ตอนหน้าห้ามพลาดเด็ดขาดค่าาาา
ใครอดใจรอไม่ไหว อยากรู้เรื่องก่อนใคร แวะไปโหลดได้ที่เมพและร้านอีบุ๊คชั้นนำทั่วประเทศค่า เค้ารับประกันความน่ารักนะจ๊ะ
![]() |
|
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ
