ตอนที่ 50 : แกลลอนที่ 24 (100%)
ในเวลาเดียวกัน ใครบางคนที่ลัลนากำลังเฝ้าคิดถึงอย่างจับใจก็มัวยุ่งอยู่กับการจัดเตรียมเอกสารที่ต้องยื่นเสนอของบกับผู้เป็นบิดา ไม่ว่าจะเป็นที่ดินในรีสอร์ตของตระกูลบวรภัค ซึ่งถูกธนาคารยึดไปแล้ว หรือแม้แต่ตึกแถวที่เขาไปทำการตกลงกับเจ้าของก่อนหน้านี้ จนทำให้เขาหลงลืมติดต่อสาวใต้เสียสนิท เพราะตั้งใจเอาไว้ว่าจะนำของขวัญและข่าวดีไปแจ้งให้ลัลนาทราบด้วยตัวเอง
เมื่อดำเนินการเรื่องตึกแถวจนเสร็จสิ้น กระทั่งผู้เป็นพ่อเซ็นชื่อกำกับลงในเอกสารเรียบร้อยแล้ว เจ้าตัวจึงนำเอกสารสำคัญต่างๆ ไปให้ปานสุดา และยังต้องดิวงานกับหล่อนด้วยตัวเอง เพื่อให้เลขาสาวสามารถบินลงไปจัดการซื้อทรัพย์สินได้ทันทีภายในวันจันทร์นี้
ยังถือว่าเป็นโชคดีที่เลขาผู้แสนจะเก่งกาจของคุณพ่อคนนี้มีความคุ้นเคยกับพื้นที่ในจังหวัดตรังแทบจะทุกตารางนิ้ว เพราะเธอมักจะเป็นตัวแทนของท่านลงมาที่หมู่บ้านเขากะหมอกในบางครั้ง กรณีที่เป็นเรื่องเร่งด่วน และบิดาของเขาก็ไม่สามารถปลีกตัวมาได้ ปานสุดาจึงเอ่ยปากเสนอตัวจัดการทุกสิ่งให้เรียบร้อย โดยที่จิรเมธไม่ต้องเป็นห่วง เขาถึงได้โล่งใจ แล้วส่งเธอเป็นตัวแทนขึ้นไปทำสัญญาซื้อขายตึกก่อน
ส่วนตัวเขายังต้องจัดทำใบเสนอซื้อที่ดินของบวรภัคจากธนาคารที่ไววิทย์ยึดมาได้ ซึ่งต้องเขียนสัญญาและใส่รายละเอียดจำนวนเงินแบบคร่าวๆ ลงไปก่อน จากนั้นจึงจะใส่ตัวเลขที่แน่ชัดลงไปอีกที หลังจากที่เขาบินไปวัดพื้นที่กับเพื่อนหนุ่มในวันพุธหน้าเรียบร้อยแล้ว
ในระหว่างนี้เขาจึงต้องรีบจัดการทุกสิ่งที่ยังติดๆ ขัดๆ ให้เสร็จสรรพไปเสียที รวมทั้งเก็บข้าวของจำเป็นเตรียมจะบินลงไปตรัง เพื่อ...
ไปพบหน้าใครบางคนที่เขาเองก็คิดถึงไม่ว่างเว้นเช่นกัน
แล้วเมื่อเวลาผ่านเลยมาจนถึงเย็นวันอังคาร ปานสุดาที่บินลงไปทำธุรกรรมแทนเขาก็นั่งเครื่องกลับมาพร้อมกับหนังสือรับรองการสิทธิ์ถือครอบครองพื้นที่และอาคารพาณิชย์ยื่นส่งให้ถึงมือของจิรเมธ ทันทีที่หล่อนลงจากเครื่อง
พอได้รับสิ่งที่ตนปรารถนาแล้ว เจ้านายหนุ่มก็เอ่ยขอบคุณเลขาสาวผู้ช่วยเป็นธุระให้อย่างซาบซึ้ง พลางเลื่อนสายตาก้มลงมองกระดาษที่ถืออยู่ในมือด้วยรอยยิ้มเปี่ยมสุข ก่อนที่ปานสุดาจะขอตัวแยกจากไปในที่สุด จากนั้นจิรเมธจึงนำโฉนดไปเก็บลงในกระเป๋าเดินทาง เพื่อจะเอามันไปอวดให้ใครบางคนได้ตะลึงดีใจในวันรุ่งขึ้น
เช้าวันพุธ...
จิรเมธยกกระเป๋าเดินทางลงมาจากห้องนอนเดินลากผ่านห้องโถง จึงเจอเข้ากับผู้เป็นมารดาที่กำลังนั่งดูข่าวสารในตอนเช้าเป็นประจำตามปกติ
“อ้าว...หอบข้าวหอบของจะไปไหนล่ะตาจิม?” อำไพพรรณเอ่ยทักบุตรชาย
“ผมจะขึ้นเหนือไปหาเจ้าภูมันหน่อยน่ะครับ” จิรเมธใช้ข้ออ้างเดิมบอกแก่ท่าน
“ไปทำไมล่ะลูก หรือว่างานที่ลงทุนทำด้วยกันมีปัญหารึไง?” คนฟังลุกจากที่นั่งเดินเข้ามาตบไหล่ผู้เป็นบุตรชายอย่างห่วงใย
“ก็นิดหน่อยครับคุณแม่ ผมเลยอยากจะขึ้นไปช่วยเจ้าภูดูแลสักหน่อย คิดว่าคงไม่เกินหนึ่งอาทิตย์ก็น่าจะเรียบร้อยครับ” หนุ่มกระล่อนยิ้มแฉ่งรีบรับสมอ้างซะเลย ก่อนจะแกล้งยกมือขึ้นดูนาฬิกาบนข้อมือ แล้วร้องบอกอย่างเร่งร้อนว่า “โอ๊ย! จะสายแล้ว ถ้าอย่างนั้นผมรีบไปก่อนนะครับคุณแม่ เดี๋ยวจะตกเครื่องเอา”
ชายหนุ่มไม่ลืมก้มลงหอมแก้มมารดาดังฟอดใหญ่อย่างประจบประแจง แล้วหันหลังรีบสาวเท้าเดินออกไปพร้อมด้วยสัมภาระอย่างว่องไว แต่ก็ยังไม่วายจะหันมาโบกไม้โบกมืออำลามารดาอย่างทะเล้น อำไพพรรณเลยได้แต่ยืนส่ายหัว มองดูลูกชายเดินจากไปด้วยแววตาเอ็นดูจนพ้นระยะสายตา ก่อนจะกลับมานั่งดูข่าวในจอทีวีเหมือนเดิม
เจ้าบ้านหญิงเสพข่าวตลาดหุ้นจนจบ จึงกดรีโมทปิดทีวีเครื่องใหญ่ จากนั้นก็ลุกขึ้นตั้งใจจะเดินไปดูแลความเรียบร้อยอาหารเช้าของเธอและสามี ซึ่งมีแม่บ้านกำลังช่วยกันจัดเตรียมอยู่ในครัว แต่ยังไม่ทันจะก้าวพ้นออกจากห้องโถง เสียงโทรศัพท์ภายในก็ส่งเสียงดังขึ้น อำไพพรรณจึงเปลี่ยนใจหันหลังกลับมารับเจ้าเครื่องมือสื่อสารเสียก่อน
“บ้านเดชาธรค่ะ”
“สวัสดีครับ” เสียงคนหนุ่มตอบกลับมา “ขอสายจิมครับ”
“ตาจิมไม่อยู่หรอกจ้ะตาวิทย์” อำไพพรรณบอกคนทางปลายสาย เพราะเธอคุ้นเคยกับน้ำเสียงเพื่อนสนิทของบุตรชาย ทั้งไววิทย์และภูวดลที่มักจะแวะเวียนโทร. มาหาจิรเมธอยู่บ่อยครั้งเป็นอย่างดี
“อ้าว คุณแม่เองเหรอครับ” ไววิทย์ก็จำเสียงมารดาของเพื่อนรักได้เช่นกัน จึงเอ่ยอย่างนอบน้อม “สวัสดีครับคุณแม่”
“จ้ะลูก ว่าแต่ทำไมตาวิทย์ถึงได้โทร. เข้าบ้านล่ะลูก?”
“คือผมจะโทร. มาเลื่อนนัดที่จะลงไปตรังกับเจ้าจิมวันนี้น่ะครับ แต่ผมโทร. หามันไม่ติดสักที ก็เลยลองโทร. เข้ามาที่บ้านดูครับ”
“ตรัง!” อำไพพรรณทวนถามอย่างฉงนใจ “วันนี้ตาจิมมีนัดกับตาวิทย์เหรอลูก?”
“ใช่ครับ” คนฟังตอบกลับอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว แถมยังขยายความเพิ่มเติมให้มารดาของเพื่อนรับรู้อีกด้วยว่า “ผมนัดกับเจ้าจิมว่าจะไปวัดที่ดินในจังหวัดตรัง ตรงส่วนที่ติดกับหมู่บ้านเขากะหมอกน่ะครับ เห็นเจ้าจิมบอกจะซื้อ แต่พอดีวันนี้ผมติดงานด่วนซะก่อน เลยจะโทร. มาเลื่อนนัดเป็นวันศุกร์แทนน่ะครับ”
“หมู่บ้านเขากะหมอก!” คราวนี้เสียงที่เอ่ยออกมาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ แล้วลางสังหรณ์บางอย่างก็แล่นเข้ามาในหัวของเธอทันควัน อะไรที่มักจะเกี่ยวข้องกับหมู่บ้านเขากะหมอกและคนที่เธอเหม็นขี้หน้า เป็นต้องเกี่ยวพันกับสามีของเธอทุกทีสิน่า...
“แต่เรื่องที่แม่รู้ก็คือ ตาจิมเพิ่งจะบอกกับแม่ว่าจะขึ้นเครื่องบินไปหาตาภูทางเหนือเมื่อกี้นี้เองนี่จ๊ะ”
“ฮะ! ทางเหนือ...หาเจ้าภู!” ไววิทย์ถึงกับใจหายวาบ ตอนนี้เขารู้แน่ชัดแล้วว่าเพื่อนหนุ่มจะต้องมีเรื่องอะไรบางอย่างปกปิดผู้เป็นแม่แน่นอน และตัวเขาเองนี่แหละที่ดันปากโป้งคายความลับออกมาโดยไม่รู้
“ใช่จ้ะ” อำไพพรรณตอบเสียงเรียบ ก่อนจะเอ่ยคาดคั้นถามอีกฝ่ายว่า “ตาวิทย์รู้เรื่องนี้ด้วยรึเปล่าจ๊ะ?”
“เอ่อ...” คนถูกกดดันใจหายใจคว่ำ ได้แต่อึกอัก พูดอะไรไม่ออก จะแก้ตัวให้เพื่อนรักก็ไม่ได้เสียด้วย เพราะเขาเองก็ไม่รู้ถึงต้นสายปลายเหตุเรื่องที่จิรเมธกำลังปิดบังมารดาอยู่
“ว่ายังไงจ๊ะ?” คนถามย้ำอีกครั้ง
“เออ... คือ... ผมก็ไม่ทราบเรื่องเหมือนกันครับคุณแม่” ในที่สุดเขาก็ต้องยอมสารภาพเสียงอ่อย ก่อนจะแอบขอโทษขอโพยเพื่อนสนิทอยู่ในใจเสียยกใหญ่
‘ฉันขอโทษนะเว้ยเจ้าจิม!
แต่ถ้าฉันไม่พูดความจริงละก็...
แม่แกได้กินหัวฉันแทนแน่ๆ’
“ตาวิทย์ไม่รู้ก็ไม่เป็นไรจ้ะ”
คนพูดบอกอย่างยอมเข้าใจ ทำให้คนฟังถึงกับแอบเป่าปากด้วยความโล่งอก
“แต่แม่ขอเบอร์ตาภูหน่อยได้ไหมจ๊ะ แม่คิดว่าตาภูคงจะรู้เรื่องนี้ดีเชียวละ”
นั่นไงละ! ความซวยระลอกสองมาเยือนเขาอีกแล้ว
“ก็ได้ครับ” ไววิทย์จำต้องรับปากอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ก่อนจะบอกเบอร์โทรศัพท์ของภูวดลให้ท่านรับรู้ตามความต้องการ ในใจก็ร้องบอกเพื่อนรักอีกคราว่า
‘ฉันขอโทษแกจริงๆ นะเจ้าจิม’
“ขอบใจตาวิทย์มากนะลูก” อำไพพรรณบอกอย่างพอใจ พร้อมปิดปากพยานคนสำคัญ “ยังไงแม่อยากจะให้ตาวิทย์ช่วยเก็บเรื่องนี้เป็นความลับเอาไว้ก่อนนะจ๊ะ แม่อยากจะเซอร์ไพรส์อะไรตาจิมเล่นซะหน่อยน่ะ”
‘เล่นๆ ของคุณแม่เนี่ย คงจะทำให้เจ้าจิมมันคางเหลืองเลยล่ะครับ’
ไววิทย์จำได้ว่าเขาแอบคิดอย่างนั้น แต่สิ่งที่ตอบรับกลับเป็น
“เออ... ได้ครับ”
“ดีจ๊ะ งั้นแม่ขอตัวไปโทร. หาตาภูก่อนนะจ๊ะ แม่ว่าเราคงจะมีเรื่องคุยกันเยอะเชียวละ”
“ครับ” ไววิทย์รับคำเสียงเจื่อนๆ แล้วจึงรีบวางสายจากไปทันที เพราะตัวเขาใกล้จะหัวใจวายตายอยู่รอมร่อแล้ว ก็ใครจะไม่รู้กิตติศัพท์มารดาของจิรเมธบ้างละว่าทั้งโหด ทั้งเค็ม ทั้งเขี้ยวขนาดไหน...
ยังไงซะวันนี้คุณหญิงอำไพพรรณก็จะต้องหาทางคาดคั้นกดดันเอาคำตอบจากเจ้าภูจนได้นั่นแหละ
แล้วทีนี้คนที่จะซวยจริงๆ คงหนีไม่พ้นพ่อคนเจ้าแผนการเป็นแน่แท้
ไววิทย์ลอบกลืนน้ำลายลงคอดังเอื๊อก ในใจก็ได้แต่เพียงภาวนาแทนเพื่อนรักอย่างหวั่นๆ ว่า
‘ขอให้แกโชคดี อวัยวะอยู่ครบสามสิบสองนะเว้ย...เจ้าจิม!’
ขณะที่พญามัจจุราชในความคิดของไววิทย์ได้รับรู้ความจริงอะไรบางอย่าง ซึ่งพ่อลูกชายตัวดีปิดบังเธออยู่ก็รีบต่อสายไปถึงเพื่อนสนิทของบุตรชายอีกคนเป็นการด่วน เพราะต้องการทราบว่าภูวดลมีส่วนรู้เห็นเป็นใจกับความลับในครั้งนี้ของจิรเมธด้วยหรือไม่...
“ฮัลโหล ตาภูเหรอลูก นี่แม่พรรณเองนะจ๊ะ” อำไพพรรณบอกคนในสายเสียงนุ่ม ไม่อยากจะให้อีกฝ่ายชิงรู้ตัวขึ้นมาก่อนว่า เธอกำลังจะหาทางหลอกล่อเอาความจริงกับเขาอยู่
“อ๋อ.. สวัสดีครับคุณแม่” เมื่อทราบว่าเป็นมารดาของจิรเมธ คนฟังจึงเอ่ยอย่างนอบน้อม “คุณแม่โทร. มาหาผมแบบนี้ มีอะไรให้ผมรับใช้รึเปล่าครับ?”
“เปล่าหรอกจ้ะ เพียงแต่แม่แค่อยากจะรู้ว่าตาจิมขึ้นไปเยี่ยมภูบ้างไหมลูก?”
คุณแม่ยังสาวแสนฉลาดเริ่มต้นคำถามด้วยความคิดถึง ซึ่งส่วนหนึ่งนั้นเป็นเรื่องจริง เธอรักและเอ็นดูภูวดลเหมือนกับลูกตนคนหนึ่ง แต่อีกส่วนก็เพื่อต้องการจะจับเท็จว่าใครกันแน่ที่เป็นตัวการหลอกเธออยู่ จะใช่คนที่เธอคิดไว้จริงๆ รึเปล่า...
“ไม่นี่ครับ” พ่อเลี้ยงหนุ่มตอบไปตามจริง พลางให้นึกฉงนใจขึ้นมา “มีอะไรรึเปล่าครับคุณแม่?”
“พอดีแม่ได้ยินตาจิมเปรยๆ ให้ฟังว่า กำลังร่วมหุ้นลงทุนขายน้ำมันไบโอดีเซลกับตาภูอยู่ แม่เองเกิดสนใจขึ้นมาเหมือนกัน เลยอยากจะโทร. มาถามความคืบหน้าสักหน่อยน่ะจ้ะ”
“เข้าใจผิดแล้วละมั้งครับคุณแม่ ตั้งแต่เจ้าจิมมันกลับมาจากอังกฤษเนี่ย ผมยังไม่ได้เจอหน้ามันเลยนะครับ” ภูวดลร้องบอกด้วยความงุนงง ไม่รู้ว่าคุณแม่เบอร์หนึ่งในเรื่องความแสบสันของเพื่อนสนิทจะมาไม้ไหน ถึงได้ถามอะไรแปลกๆ กับเขาอย่างนี้
“งั้นเหรอจ๊ะ” รอยยิ้มของนางเสือกระตุกขึ้นเพียงนิด พร้อมๆ กับแววตาเรืองรองสมใจที่ปะปนไปด้วยแววขุ่นเคือง
ในที่สุด... เธอก็ได้ตัวการของเรื่องโจ๊กฝืดๆ นี้แล้ว!
ดูท่าว่าภูวดลจะไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรมาก่อนเลย เจ้าตัวถึงได้ร้องถามเธอซะเสียงหลงขนาดนั้น ฉะนั้นคนที่รู้เรื่องทั้งหมดเป็นอย่างดีคงหนีไม่พ้นบุตรชายตัวดีของเธอนั่นเอง
แต่เอ๊ะ! เดี๋ยวก่อนสิ...ยังมีอีกคนหนึ่งมิใช่หรือที่น่าจะรู้เรื่องโดยละเอียด แถมยังน่าจะเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดคนสำคัญอีกด้วยนี่นา คนที่รู้จักเมืองตรังทั่วทุกซอกทุกมุม โดยเฉพาะกับที่หมู่บ้านของกะหมอกนั่นไงละ
“ขอโทษทีนะจ๊ะตาภู สงสัยว่าแม่คงจะฟังผิดคนไปจริงๆ นั่นแหละจ้ะ” เมื่อได้ข้อมูลอย่างครบถ้วนแล้ว เธอจึงจงใจกล่าวตัดบทง่ายๆ จะได้รีบไปเค้นคอใครบางคน คนที่รู้เรื่องดีทุกอย่างยังไงละ
“ไม่เป็นไรครับ ฝากบอกให้เจ้าจิมมันแวะขึ้นมาเยี่ยมผมบ้างนะครับคุณแม่”
“ได้สิจ้ะ เดี๋ยวแม่จะรีบพาตาจิมขึ้นไปเยี่ยมตาภูให้เร็วที่สุดเลยนะลูก” อำไพพรรณบอกอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะแอบพูดต่อในใจว่า
‘ให้สมกับที่ตาภูช่วยแม่จับคนโกหกยังไงละจ๊ะ’
“บ้านภูอิงฟ้ายินดีต้อนรับคุณแม่เสมอครับ”
“ขอบใจจ้ะ งั้นแม่ไม่กวนตาภูแล้วละลูก ขอบใจอีกครั้งนะจ๊ะ”
แม้จะไม่เข้าใจว่ามารดาเพื่อนรักจะมาขอบอกขอบใจอะไรเขานักหนา แต่ภูวดลก็พยักหน้ารับ
“ครับ”
จากนั้นคนทางต้นเสียงก็วางหูจากไป ปล่อยให้หนุ่มเมืองเหนือยืนงงๆ อยู่ตรงนั้นอีกเพียงสักพัก ก่อนที่เจ้าตัวจะสลัดความฉงนสงสัยออกจากหัว แล้วจึงเดินมาขึ้นรถ เพื่อขับเคลื่อนมุ่งหน้าไปทำไร่ทำสวนของตนต่อ
ทางอำไพพรรณก็กำลังนั่งใช้ความคิดประมวลเหตุและผลทุกอย่างที่เธอเพิ่งจะรับรู้อย่างเงียบๆ จนเมื่อจิ๊กซอว์ชิ้นสุดท้ายถูกต่อเข้าลงล็อกสนิทดีแล้ว เธอจึงมั่นใจเป็นอย่างมากทีเดียวว่างานนี้คนที่จะช่วยไขข้อข้องใจให้แก่เธอได้ในยามที่จิรเมธไม่อยู่เช่นนี้ เห็นทีคงจะหนีไม่พ้นผู้เป็นสามีของเธอนั่นเอง
แล้วถ้าเธอได้รู้ว่าคุณเกริกเกียรติคอยให้ความช่วยเหลือเกื้อกูลเจ้าผู้ชายบ้านนอกจอมหยิ่งยโส และชอบกระแหนะกระแหนเธออยู่เสมอเมื่อไหร่ละก็ เธอคงจะต้องเตรียมหาไม้หน้าสามเอาไว้เฉาะหัวสามีสุดที่รักเสียบ้างแล้ว โทษฐานที่ชอบให้การสนับสนุนบุคคลที่เธอชังน้ำหน้าดีนัก!
ทว่าแม้อำไพพรรณจะสามารถคลี่คลายความลับได้เกือบทั้งหมดแล้วก็ตาม แต่ก็ยังมีข้อน่าสงสัยอยู่อีกนิดตรงที่...
‘แล้วบุตรชายของเธอเข้าไปมีเอี่ยวกับคนที่นั่นได้ยังไง?’
เมื่อชักจะเห็นผลร้ายอันจะเกิดแก่บุตรชายขึ้นมาลางๆ หากเจ้าตัวยังเที่ยวไปคลุกคลีตีโมงกับคนพวกนั้น โดยเฉพาะคนที่เป็นไม้เบื่อไม้เมาของเธอด้วยแล้ว คนเป็นแม่ที่รักลูกยิ่งชีพก็แทบจะทนไม่ได้ขึ้นมาทันใด
‘ไมได้การแล้ว! ก่อนที่ตาจิมจะเสียผู้เสียคน เพราะคนขวางโลกแบบนั้น เธอจะต้องรีบไปเค้อคอคุณเกริกให้รู้เรื่องซะเดี๋ยวนี้!’
คนใจร้อนรีบเดินตรงดิ่งไปยังห้องอาหารในทันที เพราะป่านนี้คุณสามีตัวดีคงจะนั่งรอเธออย่างสำราญบานใจอยู่ก่อนแล้ว แต่เรื่องที่พ่อคนจอมกะล่อนยังไม่รู้นั้นก็คือ
‘วันนี้...ไม่ใครก็ใครต้องมีเลือดตกยางออกกันบ้างล่ะ!’
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------
อูยยยยย ความแตกดังโพล๊ะเลย
คราวนี้พระเอกของเราจะรู้มั้ยเนี่ยว่าความซวยมันจะมาเยือนแล้ว
แม่เสือจอมเค็มอย่างคุณนายอำไพพรรณจะแยกเขี้ยวใส่พ่อตัวแสบรึเปล่า
หรือหวยจะไปออกที่...
ไม่บอกดีกว่า ปล่อยให้เดาต่อไป
ใครอดใจรอไม่ไหว อยากรู้เรื่องก่อนใคร แวะไปโหลดได้ที่เมพและร้านอีบุ๊คชั้นนำทั่วประเทศค่า เค้ารับประกันความน่ารักนะจ๊ะ
![]() |
|
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ
