ตอนที่ 29 : แกลลอนที่ 14 (50%)
หลังจากแปลงร่างเป็น ‘ยายคนบ้า’ ตามข้อความบนเสื้อที่จิรเมธต้องการแล้ว ลัลนาก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ด้วยความอับอาย แต่เธอก็จำต้องข่มใจเอาไว้ พร้อมกับรีบเดินลงมาขึ้นรถที่ถูกสตาร์ทเครื่องรออยู่แล้วอย่างว่องไว จะได้ไม่มีใครมาทักให้เธอยิ่งขายขี้หน้าเข้าไปใหญ่
สารถีหนุ่มขับรถพาหญิงสาวตรงออกจากหมู่บ้านไปตามถนนหลัก เพียงสักพักหญิงสาวก็นึกเอะใจถึงความผิดปกติ เลยหันไปร้องถามอีกฝ่าย
“เอ๊ะ! ทำไมนายถึงเอารถเข้ามาทางนี้ได้ล่ะ?”
“ถามแปลกๆ ก็นี่มันเป็นถนนไม่ใช่เหรอ?”
“ก็ใช่ แต่ที่ดินตรงนี้ถูกนายวิชาญกับลูกสาวกว้านซื้อไปแล้วน่ะสิ พวกนั้นเลยไม่อนุญาตให้ชาวบ้านใช้เส้นทางนี้เข้าออก เพราะต้องการจะบีบให้พวกเราขายพื้นที่ส่วนที่เหลือ” ประกายตาของคนพูดแข็งกร้าวขึ้น
“งั้นเหรอ แต่ไม่เห็นเขาว่าอะไรฉันนี่” จิรเมธบอกสั้นๆ ขี้เกียจอธิบาย เพราะเห็นว่าไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญอะไรนัก
“นายเคยเจอสองพ่อลูกนั่นแล้วเหรอ?” ลัลนาร้องถามด้วยความอยากรู้
“อืม” คนตอบพยักหน้ารับ “เจอลูกสาวน่ะ ฉันก็เลยขอผ่านทางเข้ามาซะเลย”
“แล้วยายนั่นก็ยอมง่ายๆ เหรอ?”
“ใช่” คิ้วหนาดกดำขมวดเข้าหากันอย่างไม่เข้าใจว่าเจ้าหล่อนจะซักไซ้อะไรเขานักหนา
“ไม่น่าเป็นไปได้” สาวใต้พึมพำอย่างฉงนใจ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองคนข้างกายเพื่อค้นหาคำตอบ แล้วเธอก็ได้รับทราบมันจริงๆ นี่คงจะเป็นเพราะความหล่อเหลาของพ่อหนุ่มสำอางละมั้ง ถึงทำให้ยายชะนีวิรดาเกิดอาการหลงใหลได้ปลื้ม ยินยอมให้เขาใช้ถนนสายนี้ เพื่อคอยหาโอกาสตีสนิทกับเจ้าตัวนั่นเอง
“ทีหลังห้ามมาใช้เส้นทางนี้อีกนะ” ลัลนาเอ่ยปากห้าม รู้สึกหงุดหงิดไม่ชอบใจขึ้นมาตงิดๆ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเธอไม่อยากงอนง้อขอความช่วยเหลือพวกนายทุนหน้าเลือด ส่วนเหตุผลอีกข้อนั้น...เธอเองก็ไม่ทราบสาเหตุเหมือนกัน บอกได้แค่เพียงว่า
เธอไม่พอใจ!
“เอาน่าๆ เรื่องเล็กๆ แค่นี้เอง อย่าทำให้เป็นเรื่องใหญ่เลยนะ” จิรเมธหันมาบอก แววตาอ่อนลง บางครั้งเขาก็รู้สึกเหนื่อยใจกับความดื้อรั้นไม่ยอมคนของเจ้าหล่อนเสียเหลือเกิน “ฉันรู้ว่าคนในเขากะหมอกไม่ถูกกับสองพ่อลูกคู่นั้น แต่บางทีเราก็ต้องผูกมิตรกับเขาไว้บ้าง อย่างน้อยๆ เวลาที่ฉันขนข้าวขนของมาจากกรุงเทพ เราก็จำเป็นจะต้องใช้เส้นทางนี้ เพราะมันสะดวกรวดเร็วกว่าการขนข้ามสะพานแขวนนั่นเยอะเลย”
หนุ่มนักพัฒนาพยายามหยิบยกเหตุผลมาบอกล่าวแก่อีกฝ่าย แต่ลัลนาก็ยังคงนิ่ง
“หรือเธอจะให้ฉันไปปีนสะพานจนตกลงไปคอหักตายล่ะ?” เขาเปลี่ยนวิธีเป็นพูดติดตลก แต่ดูท่ามันจะไม่ค่อยได้ผลสักเท่าไรนัก เมื่อใบหน้าที่งอง้ำอยู่แล้วยิ่งบูดบึ้งบอกบุญไม่รับหนักเข้าไปอีก
“โอเค ถ้าเธอไม่ชอบเขา ฉันสัญญาว่าจะไม่ไปยุ่งอีก... ตกลงไหม?” คนที่พักหลังหัวใจชักจะตกเป็นเบื้ยล่างให้แก่สาวใต้จึงพูดเอาใจ ยินยอมอ่อนข้อให้หล่อนอีกคราว
นั่นแหละ... สีหน้าของคนฟังจึงเผยยิ้มอย่างพึงพอใจออกมาได้บ้าง ทำให้จิรเมธอดนึกเอ็นดูสาวเจ้าจนอดยิ้มขำตามไปด้วยไม่ได้ ชายหนุ่มหันมาบังคับพวงมาลัยต่อไปตามคำบอกของลัลนา บรรยากาศอึมครึมในรถก่อนหน้านี้ค่อยๆ ดีขึ้นเป็นลำดับ
เวลาบ่ายคล้อย จิรเมธขับรถวนเวียนเก็บสบู่คืนจากร้านค้าทุกร้านที่ลัลนานำไปฝากขายเกือบครบ บางร้านเขาก็บอกให้หญิงสาวไปเรียกเก็บคืนเสียเอง โดยไม่ต้องรอให้เจ้าของโทร. ไปบอก เพราะรู้ดีว่าสินค้าของพวกตนนั้นมียอดขายรุ่งริ่งขนาดไหน...
เผลอๆ บางทีอาจจะขายไม่ออกเลยสักก้อนก็เป็นได้
บรรดาเจ้าของร้านรวงต่างๆ ถึงได้ดูไม่กระตือรือร้นจะยื้อยุดสินค้าของเขาเอาไว้เท่าไร หนำซ้ำยังช่วยเก็บคืนส่งให้แก่พวกเขาด้วยความรวดเร็วอีกต่างหาก จวบจนทั้งคู่เดินทางมาเก็บสบู่ยังร้านขายของชำร้านสุดท้ายที่ปลูกสร้างเป็นเพิงหมาแหงนเล็กๆ ในแหล่งท่องเที่ยวแห่งหนึ่งของตัวจังหวัด
“สวัสดีจ้ะยาย” ลัลนายกมือไหว้ผู้เป็นเจ้าของร้านพร้อมกับคนข้างกาย
“ไหว้พระเถิดลูก” คุณยายวัยใกล้เจ็ดสิบจำเริญพร ร้องถามอย่างยินดี “เอาสบู่มาฝากเพิ่มเหรอ ยายกำลังรออยู่พอดีเลย”
“อ๋อ... เปล่าหรอกจ้ะ คือพวกหนูจะมาเก็บสบู่คืนน่ะจ้ะยาย” แม้จะรู้สึกแปลกใจกับคำพูดของหญิงชราเจ้าของร้าน แต่ลัลนาก็ไม่คิดอะไรมากนัก เพราะเริ่มทำใจยอมรับความจริงได้บ้างแล้ว
“เก็บคืนทำไมล่ะนังหนู สบู่สมุนไพร่ของเอ็งน่ะดีออก คนพายเรือที่นี่กับคนงานในสวนยางข้างๆ ที่ซื้อไปใช้นะ กลับมาชมเปาะกันทุกคนเลย”
คุณยายเจ้าของร้านไม่พูดเปล่า แต่ยังเดินไปหยิบตะกร้าสานที่มีสบู่ใส่ไว้เพียงไม่กี่ก้อนมาโชว์เป็นหลักฐานให้หญิงสาวได้เห็นกับตา
“สบู่นี่ขายได้ด้วยเหรอจ๊ะ?” แม้จะเป็นร้านเล็กๆ เพียงร้านเดียวที่ยอมรับของที่เธอทำ แต่แค่นั้นลัลนาก็รู้สึกดีใจจนยิ้มแก้มปริแล้ว ส่งผลให้ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างกันพลอยมีสีหน้ายินดีไปด้วย
“ขายได้สิ แถมยังขายดีซะอีก แล้วนี่ถ้าเอ็งเอากลับไป ยายจะเอาของที่ไหนขายล่ะ” เจ้าตัวนั่งยันนอนยัน พร้อมกับเอ่ยขอร้องแกมบังคับอีกฝ่ายว่า “ไม่เอาละ ยายไม่คืนสบู่นี่ให้หรอกนะ ยิ่งไม่เหลือจะขายอยู่ด้วย แล้วนังหนูก็รีบๆ ทำของมาเพิ่มให้ยายใหม่ด้วยนะ เดี๋ยวพอของหมด ยายจะโดนลูกค้าบ่นเอา”
ถ้อยคำเร่งรัดจากคนขายวัยชรา หาได้ทำให้ลัลนาเกิดอาการขุ่นเคืองไม่ ตรงกันข้าม...เธอกลับคิดว่ามันเป็นเสียงสวรรค์ที่บ่งบอกถึงความสำเร็จ ในสิ่งที่เธอและชาวบ้านพยายามทำมาโดยตลอดต่างหาก นั่นเพราะ...
มีคนเร่งให้เอาไปขาย ก็ดีกว่าไม่มีใครต้องการเลย
“ได้จ้ะยาย เดี๋ยวอีกสองสามวันหนูทำมาให้ใหม่นะ ส่วนวันนี้ยายเอาของในถุงขายแก้ขัดไปก่อนก็แล้วกัน มันน่าจะมีอยู่ประมาณห้าสิบก้อนได้ละมั้งจ๊ะ” สาวใต้ยื่นถุงพลาสติกขนาดใหญ่ ข้างในบรรจุสบู่ไว้แค่ครึ่งเดียว ซึ่งเธอตั้งใจจะเอามาเก็บส่วนที่เหลือคืนส่งให้แก่เจ้าของร้าน
“จ้า ขอบใจเอ็งมากนะ” หญิงชรารีบรับถุงมาถือไว้ทันที เพราะกลัวเจ้าตัวจะเกิดเปลี่ยนใจ จากนั้นจึงควักเงินค่าสบู่ส่งให้หญิงสาว “อ้าวนี่เงินค่าสบู่ทั้งหมด 20 ก้อนที่เอ็งมาฝากยายขายนะ ยายหักค่าวางของไปแล้วละ”
“ขอบคุณมากจ๊ะยาย” ลัลนาแย้มยิ้มด้วยความยินดี พลางกล่าวลาท่าน “งั้นพวกหนูไปก่อนนะจ๊ะ”
สาวใต้ชักชวนจิรเมธให้เดินออกนอกร้านมาด้วยกัน เมื่อทั้งสองก้าวขาจนพ้นระยะมองไม่เห็นตัวร้านแล้ว ชายหนุ่มก็หยุดเดิน พลางเอื้อมมือไปรั้งต้นแขนของลัลนาเอาไว้ให้หยุดเท้าตามกันด้วย
“เดี๋ยว! เมื่อกี้นี้คุณยายคนนั้นบอกว่าคนที่ซื้อสบู่เธอไปใช้ ส่วนใหญ่เป็นคนงานแถวๆ นี้ใช่ไหม?”
“ใช่... ทำไมเหรอ?”
“งั้นดีเลย ฉันอยากจะถามความคิดเห็นของพวกเขาสักหน่อยว่าใช้แล้วเป็นยังไงบ้าง?”
“จะถามไปทำไม ใช้แล้วก็ต้องดีสิ ไม่งั้นเขาจะซื้อไปเหรอ?” ลัลนาตอบปัดกลายๆ คล้ายรำคาญที่พ่อคนคิดเยอะทำเหมือนไม่ยอมเชื่อ จนต้องหาคนมายืนยันให้ได้ยินกับหู
“ยายหัวขี้เลื่อย! เธอไม่รู้หรือไงว่าการหาข้อมูลหลังการขายเนี่ย มันสำคัญขนาดไหน?” จิรเมธดุหล่อนเสียงเข้ม ก่อนจะอธิบายต่อไปให้คนสมองช้าเข้าใจ “เธอรู้ไหมว่าการที่เราเข้าไปถามคนอื่น มันก็เหมือนกับเป็นการสำรวจตลาดดีๆ นี่เอง เพราะเราจะได้รู้ถึงข้อดีและข้อเสีย แล้วนำสิ่งเหล่านี้กลับไปปรับปรุงพัฒนาผลิตภัณฑ์ เพื่อจะหาจุดแข็งให้กับสินค้าของเราไงละ”
การพูดการจาอย่างวิเคราะห์มีเหตุมีผลเหมือนกับวิชาตรรกศาสตร์ที่เธอเคยเรียนมาอยู่บ้าง ทำให้คนฟังถึงกับทำตาโตด้วยความอัศจรรย์ใจเป็นที่สุด นึกไม่ถึงเลยว่าคนเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อที่เธอเคยดูถูกมาตลอด จะมีความคิดความอ่านฉลาดล้ำเฉียบคมขนาดนี้ ลัลนาจึงหลงลืมความขุ่นเคืองที่ถูกกล่าวหาเป็น ‘คนโง่’ ไปเสียสนิท แถมยังมองเจ้าตัวในมุมมองที่แตกต่างออกไปจากเดิมอีกด้วยว่า
‘ต่อไปนี้ ฉันคงจะต้องมองนายใหม่ซะแล้วมั้ง’
“เอ้า...ไปก็ได้ ถ้าอยากรู้นัก งั้นเราก็ไปถามคนเรือในถ้ำทางโน้นดูก็แล้วกัน” เธอยอมทำตามสิ่งที่เขาต้องการโดยดี
“ทำไมไม่ไปถามคนงานในสวนยางดูล่ะ?” จิรเมธแย้ง เพราะเขาอยากจะคุยกับคนที่นั่นหลายๆ คนมากกว่า จะได้หาข้อมูลสำรองไว้เยอะๆ
“ก็ฉันไม่รู้จักใครในนั้นนี่นา จู่ๆ จะให้เดินทะเล่อทะล่าเข้าไปได้ยังไงกันล่ะ” เธอกระแทกเสียงตอบ
“เรื่องมาก” เขาบ่นอุบ พลางแอบประชด “ทำยังกับว่ามีคนที่เธอรู้จักอยู่ที่ถ้ำตรงโน้นอย่างนั้นแหละ”
“ก็มีน่ะสิ” หล่อนยิ้มรับอย่างเป็นต่อ “ก็ลุงกล่ำที่อยู่ถัดจากบ้านของฉันไปแค่สามสี่ก้าว เป็นนักพายเรืออาสาอยู่ที่นี่”
“ฮ้า! จริงอ่ะ” คนฟังเบ้หน้า ไม่น่าเชื่อว่าโลกมันจะกลมขนาดนี้
“โกหกมั้ง?” สาวแสบเลยร้องตอบอย่างยียวนกวนเป็นนิสัย ก่อนจะเอ่ยปากเร่งเขา “ตามมาสิ”
ลัลนาเดินนำชายหนุ่มตรงไปด้านใน ผ่านซุ้มประตูทางเข้าที่ทำเอาไว้ต้อนรับนักท่องเที่ยว ก่อนจะเดินข้ามคูสะพานเล็กๆ ที่กั้นกลางระหว่างหุบเขาสูงตระหง่านกับผืนแผ่นดิน จนมาหยุดอยู่ตรงศาลาทรงกลมขนาดใหญ่ที่มีเสาต้นเขื่องหลายต้นเชื่อมต่อกับบนหลังคาอีกที
“อ้าว...หนูนา” ลุงกล่ำควักมือเรียกเด็กสาวกลางวงสนทนาของคนเรือใต้ร่มศาลา เมื่อมองเห็นหล่อนเดินเข้ามา
“สวัสดีจ้าลุงกล่ำ” ลัลนายกมือไหว้ชายสูงวัยอย่างอ่อนน้อม แม้เธอจะเป็นลูกสาวของผู้ใหญ่บ้านที่อีกฝ่ายอาศัยอยู่ก็ตาม
“มาทำอะไรที่นี่ล่ะลูก?”
สรรพนามเรียกขานที่เปี่ยมไปด้วยความรักใคร่เอ็นดู ทำให้คนฟังที่เจอฤทธิ์เดชของแม่คุณมาสารพัดอดนึกค่อนขอดในใจไม่ได้ว่า
‘แหวะ! เรียกชื่อ หนูนา ซะน่ารัก...
ทำยังกะหล่อนเป็นนางฟ้านางสวรรค์เชียวนะลุง
ไม่รู้รึไงว่า... แม่นี่น่ะเป็นนางมารตัวร้ายชัดๆ’
“หนูนามาเอาสบู่คืนน่ะครับคุณลุง” คนที่แอบแขวะสาวใต้ชิงตอบแทนเสียเอง แถมยังยักคิ้วหลิ่วตาใส่เจ้าตัว ยามที่เขาเรียกขานชื่อเล่นของเธอเสียหวานหยดไม่แพ้กันอีกด้วย เพื่อจงใจจะบอกว่า
ชื่อหนูนานั้น... มันไม่เข้ากับตัวเธอเลยสักนิด!
พลั่ก! มือเรียวเลยเหวี่ยงกำปั้นเข้าเต็มๆ กลางหลังของคนช่างยั่วทันที
“โอ๊ย!” ผลคือ จิรเมธส่งเสียงร้องลั่นด้วยความจุก
ขณะที่ลัลนาแกล้งลอยหน้าทำเป็นทองไม่รู้ร้อน พลางหันมาตอบคำถามของลุงกล่ำเสียเอง
“หนูนาเอาสบู่มาฝากขายที่ร้านข้างๆ นี้น่ะจ้ะ ก็เลยแวะเข้ามาหาลุงกล่ำซะหน่อย”
“งั้นเหรอ” ลุงกล่ำยิ้มรับ ก่อนพยักเพยิดถามหล่อน “แล้วพ่อหนุ่มที่มาด้วยกันนั่นล่ะ?”
“อ๋อ...นี่คุณจิรเมธ คนที่พ่อจ๋าบอกว่าจะมาช่วยพัฒนาหมู่บ้านของเราไงจ๊ะ” ลัลนาเอ่ยแนะนำชายหนุ่ม
คนแก่จำได้ว่าเขาเคยได้ยินไก่แจ้พูดถึงกิตติศัพท์ความเค็มเคี่ยวของเจ้าตัว ฟังดูแล้วไม่แตกต่างไปจากนายทุนหน้าเลือดอย่างนายวิชาญเลยสักนิด แถมไอ้ที่บอกว่าจะมาพัฒนาหมู่บ้านเนี่ย จริงๆ แล้วก็เพียงแค่ต้องการเงินช่วยเหลือที่พ่อของชายหนุ่มบริจาคคืนมาเท่านั้นเอง
ด้วยเหตุนี้ความเอ็นดูที่เขาหยิบยื่นให้เจ้าตัวเมื่อกี้นี้จึงถือเป็นโมฆะ รอยยิ้มอารีก็ฉุบหับลงทันที เพื่อบ่งบอกให้ไอ้หนุ่มเมืองกรุงรับรู้ว่าเขาไม่อยากจะเสวนากับเจ้าตัวสักเท่าไรนัก
และมันก็ไม่พ้นสายตาแหลมคมของคนหนุ่มไฟแรงไปได้
‘อื้อหือ... นี่ขนาดเรามาช่วยนะ ยังหยิ่งใส่ซะ…’
จิรเมธไม่อยากจะต่อความคิดในใจให้มันบาปปากไปมากกว่านี้ เพียงแต่นึกคาดเดาท่าทางของแกว่า
‘นี่ถ้าหากเขามาแบมือทวงเงินคืนอย่างเดียวละก็...
ลุงแกคงจะสะบัดหน้าหนี เสียจนคอเคล็ดกันไปบ้างล่ะ’
ถึงแม้จะรู้สึกฉุนนิดๆ ทว่าความผูกพันที่เริ่มก่อตัวขึ้นภายในจิตใจของชายหนุ่ม ทั้งที่เกิดจากลัลนาก็ดี จากโครงการไบโอดีเซลที่เขาต้องเข้ามารับภาระต่อก็ใช่ รวมทั้งความอุตสาหะของชาวบ้านที่ไม่ย่อท้อต่อความทุกข์ยาก ก็ล้วนแล้วแต่ทำให้ความคิดของเขาแปรเปลี่ยนไปในทางที่ดี เพราะอย่างน้อยเขาก็เริ่มรู้จักเห็นอกเห็นใจผู้อื่นขึ้นมาบ้าง
และที่สำคัญที่สุด... เขาได้รับทราบถึงพระปรีชาสามารถของในหลวง ซึ่งทรงคิดทรงทำด้วยน้ำพระราชหฤทัยที่ทรงห่วงใยเหล่าปวงประชาชาวไทยทุกๆ คน
ความซาบซึ้งตื้นตันอย่างท่วมท้นที่มีอยู่นี้เอง จึงก่อเกิดเป็นแรงใจขึ้นว่า
‘ในเมื่อพระองค์ยังทรงดำรงตนเป็นแบบอย่าง แล้วทำไมเขาถึงจะไม่ปฎิบัติตามบ้างล่ะ’
ดังนั้นแทนที่คนหนุ่มจะเชิดหน้าใส่คนแก่อย่างถือดีแบบที่เคยทำมา เขากลับแย้มยิ้มฉันท์มิตรแทน
“สวัสดีครับลุงกล่ำ” จิรเมธกระพุ่มมือไหว้อย่างสุภาพ ทำให้ชายชราอดปรายตามองด้วยความแปลกใจไม่ได้ เพราะกิริยามารยาทของคนตรงหน้าแตกต่างไปจากที่ชาวบ้านคนอื่นเขาร่ำลือกัน แกเลยตอบรับไมตรีเจ้าหนุ่มนั่นเสียหน่อย
“สวัสดี”
คนมองแอบกระหยิ่มใจที่เห็นสัญญาณอันดีถูกส่งมา เพราะแปลว่าลุงแกไม่ได้นึกรังเกียจรังงอนอะไรเขามากนัก ชายหนุ่มจึงเป็นฝ่ายเอ่ยปากชักชวนเจ้าตัวสนทนาต่อไปว่า
“ผมเป็นคนขอให้หนูนาพาเข้ามาเองแหละครับ เพราะอยากจะถามอะไรบางอย่างกับคนที่นี่สักหน่อย”
“จะถามอะไรล่ะ?” แม้น้ำเสียงจะอ่อนลงก็ตาม แต่ลุงกล่ำก็ยังคงไว้เชิงอยู่
“ผมอยากรู้ว่าคนที่ซื้อสบู่ไปใช้แล้ว มันดียังไงบ้างน่ะครับ?”
“มันก็ต้องดีน่ะสิ ลุงไม่เห็นความจำเป็นว่าพ่อหนุ่มจะต้องมาถามอะไรให้มากความเลย” คนพูดแอบเหน็บคนถาม ก่อนจะลุกขึ้นเดินส่ายหน้าตรงไปยังท่าเรือเล็กๆ ที่เป็นจุดให้นักท่องเที่ยวลงเรือล่องชมถ้ำเลเขากอบอันมีชื่อเสียง เพราะขี้เกียจอยู่ตอบคำถามไร้สาระของคนเมืองกรุง
แกกะว่าจะพายเรือเข้าไปวนในถ้ำสักสองสามรอบเป็นการฆ่าเวลาสักชั่วโมง พอถึงตอนนั้นลัลนาคงจะพาอีกฝ่ายกลับหมู่บ้านไปแล้วละ
แต่ลุงกล่ำคิดผิดถนัด เพราะพ่อหนุ่มจอมตื๊อเดินตามหลังแกมาติดๆ เพื่ออธิบายความสำคัญถึงเรื่องที่เขาทำอยู่อย่างไม่ยอมแพ้
“จำเป็นสิครับ เพราะการสอบถามข้อมูลกับผู้ใช้ จะช่วยทำให้เราพัฒนาสินค้าได้ตรงใจกลุ่มลูกค้า แล้วสบู่ของเราก็จะขายได้เยอะมากขึ้นด้วย”
คนพูดเพียรใช้คำพื้นๆ มาบอกกล่าวให้คนฟังเข้าใจได้โดยง่าย ในขณะที่สองขาก็ก้าวตามตาลุงลงไปนั่งบนเรือลำน้อยที่มีคนพายเป็นชายวัยรุ่นนั่งอยู่ก่อนแล้ว เพื่อป้องกันมิให้เจ้าตัวพายเรือหนีเขาไปได้
“เอ๊ะ! ลงมาได้ยังไงกันคุณ?” กล่ำร้องถามอย่างไม่พอใจ “ที่นี่เขาไม่มีเรือไว้ให้นั่งฟรีๆ หรอกนะ ถ้าคุณอยากจะนั่ง ก็ต้องขึ้นไปซื้อบัตรตรงนู้นก่อนไป”
ชายชราบุ้ยปากไปทางศาลาที่มีลัลนานั่งมองคนหนุ่มกับคนแก่งัดข้อกันอยู่เล็กๆ ด้วยความสงสัย
“นี่หนูนา ซื้อตั๋วให้ที ฉันจะนั่งเรือคุยกับลุงกล่ำ!” เขาตะโกนบอกหญิงสาว ก่อนจะหันมามองคนในเรืออย่างเป็นต่อ ตัวเขาจะไม่ยอมก้าวขาไปไหน จนกว่าจะได้คุยกับตาลุงยียวนคนนี้ให้เข้าใจ
“นายจะเอาแบบนั้นจริงๆ เหรอ!?” ใบหน้าคมขำร้องถามด้วยความตกใจ เพราะคนที่รู้จักทั่วทุกซอกทุกมุมของภูมิลำเนาเกิดทราบดีว่า หากเจ้าตัวแวะเวียนเข้าไปภายในถ้ำมหัศจรรย์พันลึกแห่งนี้ละก็ เขาจะต้องได้พบกับประสบการณ์แปลกใหม่จนลืมไม่ลงเลยทีเดียว
“เอาจริงสิ ซื้อมาเดี๋ยวนี้เลย แล้วเธอก็รีบมาลงเรือด้วย” อีกฝ่ายกล่าวย้ำเสียงหนักแน่น พลางควักมือเร่งหล่อนยิกๆ
ลัลนาเลยได้แต่ส่ายหัวอย่างปลงตก ก่อนจะหยิบเงินจ่ายให้คนคุมโต๊ะไป 300 บาท แล้วเดินมาหาชายหนุ่มด้วยความคิดที่อดสยดสยองแทนเจ้าตัวมิได้ว่า
‘ฉันถือว่าเตือนแล้วนะ... นายหน้าขาว
ถ้าเข้าไปแล้วแหกปากโวยวายออกมาละก็... ฉันไม่รับรู้ด้วยนะ’
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ตอนหน้ามาดูคนหล่อเสียฟอร์มกัน
รับประกันว่าทั้งขำ น่ารัก น่าหยิกแน่นอน
ใครอดใจรอไม่ไหว อยากรู้เรื่องก่อนใคร แวะไปโหลดได้ที่เมพและร้านอีบุ๊คชั้นนำทั่วประเทศค่า เค้ารับประกันความน่ารักนะจ๊ะ
![]() |
|
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ
