ตอนที่ 24 : แกลลอนที่ 11 (100%)
หลังจากจิรเมธไปเดินหาซื้อแพ็กเกจให้ลัลนาได้จนครบ ของทั้งหมดก็ถูกลำเลียงส่งมานอนกองไว้ที่ห้องเก็บของในคฤหาสน์หลังงามตอนเย็นวันนั้น เป็นเหตุที่เกือบจะสร้างความโกลาหลให้แก่บ้านเดชาธรอย่างหวุดหวิด เมื่ออำไพพรรณผ่านเข้ามาเจอพอดี
“นี่มันของอะไรกันน่ะตาจิม?” เธอเอ่ยถามลูกชายอย่างสงสัย
“อ๋อ... เออ... คือ...” คนที่ไม่ทันคิดหาข้ออ้างไว้แน่เนิ่นๆ ออกอาการอึกอัก ก่อนจะหัวไว รีบบอกมารดาเป็นคุ้งเป็นแคว “พอดีเพื่อนผมเขากำลังจะลงทุนทำน้ำมันไบโอดีเซลกับสบู่ดำขายน่ะครับ เขาก็เลยมาปรึกษา ผมเห็นว่ามันน่าสนใจดี เลยไปช่วยหาแพ็กเกจมาให้ แล้วก็กะจะร่วมลงขันทำด้วยกันซะเลยครับ”
“เหรอลูก”อำไพพรรณพยักหน้า แต่ก็อดถามด้วยความเป็นห่วงมิได้ “แล้วเขาไว้ใจได้รึเปล่าล่ะ?”
“ได้แน่นอนครับ” คนฟังรับตอบรับหนักแน่น พร้อมทั้งเอ่ยอ้างชื่อของเพื่อนสนิทออกไป “ก็เจ้าภูที่คุณแม่เคยเจอนั่นแหละครับ”
“อ๋อ... เด็กที่ชอบทำสวนทำไร่คนนั้นนี่เอง งั้นแม่ค่อยวางใจหน่อย เพราะตาภูน่ะเป็นคนซื่อๆ คงไม่คิดโกงใครหรอก”
“ครับ” คนฟังยิ้มรับแห้งๆ รู้สึกผิดขึ้นมานิดๆ ที่ตนพูดปดกับมารดา แต่ไหนๆ เรื่องก็เลยเถิดมาถึงขั้นนี้แล้ว เขาจึงจำเป็นจะต้องเดินหน้าต่อไปให้ถึงที่สุดนั่นแหละ!
“เอ่อ คุณแม่ครับ ศุกร์นี้ ผมจะลงไปหาเจ้าภูที่ต่างจังหวัดสักหน่อยนะครับ ก็ว่าจะไปช่วยดูเรื่องแพกคเกจให้เรียบร้อยนี่แหละครับ”
“ไปเถอะจ้ะลูก เรื่องหาเงินหาทองแบบนี้ แม่สนับสนุนเต็มที่เลยจ้ะ” อำไพพรรณบอกกับบุตรชายอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะเอ่ยขอตัวกับเขา เพื่อไปนอนทำสปากับเพื่อนคุณหญิงคุณนายและช่างชื่อดังที่ตนนัดไว้ “งั้นเดี๋ยวแม่ไปก่อนนะลูก พอดีนัดน้าดาเขาไว้ว่าจะไปขัดผิวนวดตัวด้วยกันซะหน่อย ช่วงนี้แม่รู้สึกล้าๆ ผิวพรรณก็ดูไม่สดชื่นยังไงชอบกล”
“ครับ” คนเป็นลูกยิ้มรับ ตรงเข้ามาประคองให้ท่านเดินขึ้นรถเก๋งทรงยุโรปคันหรูไปด้วยความรวดเร็ว เพื่อที่เขาจะได้จัดการธุระที่เหลือต่อให้เสร็จสิ้นเสียที
เมื่อรถของมารดาเคลื่อนตัวลาลับไปแล้ว จิรเมธจึงเดินเข้ามาที่ห้องโถงเพื่อขอเบอร์โทร. ของลัลนากับบิดา เขาโทร. ศัพท์ไปสอบถามสรรพคุณของไบโอดีเซลและสบู่ดำกับคนทำ เพื่อที่จะได้ประมวลเอาประโยชน์ใช้สอยเจ๋งๆ นำมาทำเป็นป้ายสติกเกอร์โฆษณาเชิญชวนจูงใจให้คนอยากซื้อหา
“สวัสดีค่ะ” เสียงหวานสดใสดังมาตามสาย
“แหม พูดซะเพราะพริ้งเชียวนะ... ยายตัวดี”
น้ำเสียงยียวนกวนประสาทที่ดังขึ้นมาพร้อมกับคำเรียกขานเธอเช่นนี้ ไม่มีใครอีกแล้ว นอกเสียจาก...
“นายหน้าขาว!” ลัลนาตะเบ็งเสียงใส่มือถือด้วยความประหลาดใจเป็นที่สุด พร้อมทั้งคิดไปว่า
‘ทำไมหน๊อ... ทำไมหนอ หมอนี่ถึงได้ตามราวีเธอไปซะทุกทีเลยเชียว
ไม่เว้นแม้แต่... วันหยุดนักขัตฤกษ์หรือวันยุดราชการ
นี่ถ้าไม่เกรงใจกัน เขาคงจะตามไปตอแยเธอถึงในฝันด้วยแล้วล่ะมั้ง’
ฝ่ายคนที่รับเดซิเบลเกินขีดจำกัดเข้าไปเต็มๆ สองหู ก็ได้แต่ร้องโวยวายตามเสียงเธอมาติดๆ
“โอ๊ย! แสบแก้วหูชะมัด ยายเสียงสิบแปดหลอด” จิรเมธรีบยกโทร. ศัพท์ออกห่างจากตัว รอให้หูอื้อๆ ของเขาหายมึนงงกับเสียงแหลมปี๊ดของเธอสักพัก แล้วจึงวางเครื่องมือสื่อสารรุ่นจิ๋วแนบไว้ที่ใบหูใหม่อีกครั้ง
“นี่เธอคิดถึงฉันมากซะจนต้องตะโกนให้ชาวบ้านชาวช่องได้ยินไปกันไปหมดเลยเหรอ?” เขาถามขำๆ
“บะ...บ้า คนผีทะเล หลงตัวเอง” ปลายสายแหวกลับมาด้วยน้ำเสียงติดๆ ขัดๆ ออกอาการเก้อเขินแกมหมั่นไส้ “ใครเขาไปคิดถึงนายกันยะ?”
“ก็เธอไง” พ่อจอมกวนเอ่ยยอกย้อนด้วยความชอบอกชอบใจ
ตื้ดดด!
แต่แล้วเสียงสัญญาณจากคนเมืองตรังก็ขาดหายไปเสียดื้อๆ ทำให้คิ้วเรียวเข้มขมวดปมเข้าหากันทันใด พลางลดโทร. ศัพท์ในมือลงมาดูที่หน้าจออย่างฉงนใจ
“ยายตัวดี! เดี๋ยวนี้ชักจะเอาใหญ่แล้วนะ กล้าวางสายใส่ฉันเลยเชียวเหรอ!?”
จิรเมธถึงกับฉุกกึก ก่อนจะกดหมายเลขกลับไปใหม่อีกครั้ง เขากระแทกเสียงไปตามคลื่นสัญญาณ เมื่อมีคนรับสาย
“ฮัลโหล”
“มีอะไรอีกล่ะ?”
อีกฝ่ายถามกลับมาอย่างรำคาญ ยิ่งเท่ากับเป็นการตอกย้ำถึงสิ่งที่ชายหนุ่มคิดอยู่ หนุ่มเมืองกรุงเลยถามเสียงห้วนอย่างเอาเรื่อง
“เมื่อกี้เธอวางสายใส่ฉันทำไม?”
“ก็ใครใช้ให้นายโทร. มาพูดจาไร้สาระกับฉันก่อนล่ะ?”
“ฉันพูดจาไร้สาระตรงไหนกัน...ฮึ?” ตนตอบทำเสียงขึ้นจมูก แต่ยังไม่วายที่จะเอ่ยกระเซ้าเจ้าหล่อนต่อไปว่า “ก็เธอเล่นพูดเสียงดังขนาดนั้น ไอ้ฉันก็เลยหลงดีใจนึกว่าจะคิดถึงกันบ้างซะอีก”
“เชอะ!” ลัลนาพ่นลมออกทางจมูกดังพรืดเป็นการสวนกลับแบบเดียวกันเป๊ะ “ฉันจะไปคิดถึงนายทำบ้าอะไร ดีใจละสิไม่ว่า ที่ตัวป่วนอย่างนายกลับกรุงเทพไปได้ซะที”
“เธอนี่มันไม่มีน้ำใจจริงๆ ทั้งที่ฉันตั้งใจโทร. มาก็เพราะเรื่องหมู่บ้านของเธอแท้ๆ จะพูดจาหวานๆ ให้ชื่นใจสักคำก็ไม่มี” คนฟังบ่นอุบราวกับว่ากำลังน้อยใจคนพูดโดยไม่รู้ตัว
น้ำเสียงสะบัดสะบิ้งของอีกฝ่ายทำให้ลัลนาต้องเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ ไม่น่าเชื่อว่าพ่อนักธุรกิจหนุ่มหน้าเลือดจะมีอารมณ์น้อยเนื้อต่ำใจเหมือนกับคนอื่นเขาเป็นด้วย ซ้ำเขายังเป็นกับคู่ปรับเธออีกต่างหาก ถึงแม้หญิงสาวจะเริ่มรับรู้ถึงอาการแง่งอนของเขาได้ตั้งแต่ประโยคแรกที่อ้าปากเอ่ยออกมาก็ตามที
“เจ้าค่า… อิฉันผิดไปแล้ว คุณท่านมีอะไรจะสั่งก้ว่ามาสิเจ้าคะ?” คนผิดพูดเสียงอ่อนลง แต่ยังคงแฝงแววประชดประชันไว้อย่างแสบๆ คันๆ
“คนอะไรชอบพูดจากระแหนะกระแหนนัก” คนตัวสูงยังไม่วายบ่นกระปอดกระแปด “แต่ก็เอาเถอะ...ฉันรู้ว่าเธอมักจะเป็นแบบนี้บ่อยๆ ฉันเลยไม่อยากจะถือสา”
ถ้อยคำเหน็บกลับของพ่อคนปากดี ทำเอาคนฟังแทบอยากตะโกนบอกเขาเสียเหลือเกินว่า
‘นายเองมันก็ช่างจิกกัดไม่แพ้กันหรอกย่ะ’
แต่ลัลนาก็เลือกที่จะเงียบปากไว้ ไม่อยากเก็บเอาคำพูดของเขามาเป็นอารมณ์อีก เธอจึงหันเหความสนใจมาในสิ่งที่เขากำลังจะกล่าวต่อไป
“ที่โทร. มานี่ ก็เพราะฉันสั่ง…” จู่ๆ สิ่งที่จิรเมธตั้งใจจะบอกแก่หญิงสาวก็พลันหลุดหายเข้าไปในลำคอเสียดื้อๆ เมื่อเจ้าตัวนึกเรื่องสนุกๆ ขึ้นมาได้ว่า
‘เอาไว้เขาค่อยไปทำเซอร์ไพรส์ให้หล่อนน้ำตาท่วมด้วยความตื้นตันถึงที่โน่นดีกว่า’
หนุ่มขี้เล่นจึงรีบเบี่ยงประเด็นไปเสีย
“พอดีฉันอยากจะรู้สรรพคุณของไบโอดีเซลที่เธอทำอยู่น่ะว่ามันดียังไง?”
“มันก็มีหลายด้านนะ นายจะเอาด้านไหนบ้างล่ะ?” ลัลนาบอกอย่างเป็นงานเป็นการ
“ทุกด้านที่เธอรู้”
“อย่างแรกเลย ไบโอดีเซลเอามาเป็นเชื้อเพลิงทดแทนน้ำมันดีเซลได้”
“มันใช้แทนดีเซลได้เลยเหรอ?” จิรเมธถาม เพราะไม่เคยรู้
“ได้สิ นายจะเอามาใช้เป็นน้ำมันเพียวๆ หรือจะเอาไปผสมกับน้ำมันดีเซลก็ได้นะ” ลัลนาตอบรับด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูแจ่มใสยิ่งขึ้น เป็นผลพวงของแรงกระตุ้นที่เกิดจากจิตวิญญาณของสาวหัวอนุรักษ์ที่อยากจะบอกเล่าและเผยแพร่เรื่องราวดีๆ ในสิ่งที่เธอทำ... ให้คนอื่นได้รับรู้
“จากตรงนี้ มันก็จะช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมด้วยนะ” เธอกล่าวเสริม
“ยังไงเหรอ?” จิรเมธถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“ก็ไบโอดีเซลน่ะไปช่วยหล่อลื่นแทนกำมะถันในน้ำมันดีเซล เลยช่วยลดฝุ่นละอองหรือพวกควันดำได้ ทำให้เครื่องยนต์เผาไหม้สมบูรณ์จนไม่เกิดการอุดตัน”
“อืม... ฟังแล้วน่าใช้จริงๆ ด้วยแฮะ” หนุ่มนักพัฒนาคิดตาม แล้วก็เห็นจริงตามที่หญิงสาวบอก
“ใช่ไหมล่ะ… นอกจากนี้ยังช่วยในด้านเศรษฐกิจได้อีกนะ”
น้ำเสียงของคนพูดที่บ่งบอกถึงความภูมิใจ ทำให้คนฟังนึกไปถึงข่าวคราวของน้ำมันในตลาดที่เขาเคยได้ยินมาบ้างว่า
“ในอนาคต แนวโน้มของการใช้เชื้อเพลิงจะเพิ่มปริมาณสูงขึ้น เพราะภาคอุตสาหกรรมที่เจริญเติบโต จนนักวิชาการหลายคนคาดการณ์ว่าอีกสี่สิบปีข้างหน้า น้ำมันปิโตเลียมอาจจะหมดไปจากโลก”
“เธอหมายถึง... มันจะช่วยลดการนำเข้าน้ำมันจากต่างประเทศได้ใช่ไหม?” จิรเมธเอ่ยถามต่อ เริ่มจะเข้าใจลางๆ
“ฉลาดเหมือนกันนี่” หญิงสาวหัวเราะขานรับเสียงใส “แต่กว่าเราจะได้เห็นผลของมันก็ในระยะยาวน่ะ เลยไม่ค่อยมีคนให้ความสำคัญสักเท่าไร”
“นั่นน่ะสิ น่าเสียดายอออก” จิรเมธบอกอย่างเห็นด้วย
นักธุรกิจเช่นเขา หากเห็นทรัพยากรสิ่งใดที่พอจะนำมาแปรเป็นต้นทุนได้ละก็ เขาจะไม่รีรอรีบลงมือทำทันที เพราะไม่แน่ว่ามันอาจจะกลายเป็นผลกำไรอันมหาศาลให้แก่เขาในวันข้างหน้าก็ได้
“แล้วยังมีประโยชน์ด้านอื่นอีกไหม?” จิรเมธซักต่อเพราะเริ่มที่จะสนใจ
“มีสิ” เสียงหวานๆ รีบร้องบอก “นายรู้ไหมว่านอกจากเราจะผลิตน้ำมันไปโอดีเซลจากต้นปาล์มและน้ำมันพืชที่ใช้แล้ว ต้นสบู่ดำก็เป็นพืชอีกชนิดที่เราสามารถนำผลของมันมาบีบสกัดเอาไปทำน้ำมันได้เหมือนกัน แถมกลีเซอรีนที่แยกตัวออกมาเราก็จะเอาไปทำเป็นสบู่ ส่วนกากที่เหลือก็ยังทำเป็นปุ๋ยได้อีกด้วย”
“แล้วไอ้สบู่ที่ว่านี่มันมีสรรพคุณยังไงบ้างล่ะ?”
“ก็ช่วยลดพวกอาการผดผื่นตามร่างกายไงละ แถมพอผสมสมุนไพรอย่างขมิ้นกับมะกรูดลงไปด้วย ก็จะยิ่งช่วยในเรื่องผิวพรรณให้ดูเปล่งปลั่งสวยงามเพิ่มขึ้นอีก”
“โอเค พอแล้วละ” เขาบอกหญิงสาว เพราะคิดว่าตนมีไอเดียเลิศหรูมาชักจูงใจคนซื้อได้แล้ว จึงรีบกล่าวลาหญิงสาว เพื่อจะโทร. . ไปสั่งงานเลขาสาวของบิดาต่อ จะได้นำของไปส่งให้ถึงมือเจ้าหล่อนครบถ้วนทันการ “เอาละ...ฉันขอตัวไปทำงานด่วนก่อนนะ”
“อะไรกัน อยากรู้แค่นี้เองเหรอ?” ลัลนาร้องถามอย่างขัดใจ เพราะเธออยากจะโม้ต่ออีกนิดแท้ๆ
“ไม่ต้องห่วงหรอกน่า พอเย็นวันศุกร์เมื่อไหร่ ฉันจะรีบบินลงไปคุยกับเธอให้หายคิดถึงกันไปเลยนะ ฮะฮ่าๆ”
คนฟังไม่วายแอบสัพยอกสาวเจ้าอย่างสนุกปาก ก่อนจะรีบกดตัดสายไปด้วยความว่องไว ด้วยถ้าขืนมัวชักช้ากว่านี้ละก็ แก้วหูของเขาคงจะได้ทะลุเพราะเสียงแหลมๆ ที่ออกอาการเหวี่ยงวีนของยายตัวแสบเป็นแน่แท้
“ยี้... ตาบ้า บ้าๆๆๆ ใครเขาจะมัวเอาเวลาไปนั่งคิดถึงนายกันยะ” แล้วมันก็เป็นไปตามที่ชายหนุ่มคาด เพราะลัลนาร้องโวยวายด้วยความขัดอกขัดใจขึ้นมาทันที
แต่เสียงที่ตอบกลับมาเป็นความเงียบ ทำให้คนฟังรู้ว่าเธอถูกพ่อตัวดีเล่นงานย้อนศรเข้าให้เสียแล้ว
“ตาบ้า มาตัดสายฉันทิ้งได้ยังไง ทำแบบนี้มันเลียนแบบกันชัดๆ” ลัลนาบ่นอุบ ทั้งโมโหปนขำ
สาวตาคมแย้มยิ้มกับโทร. ศัพท์ด้วยใบหน้าเบิกบานอย่างไม่รู้ตัว ก่อนจะเดินกลับไปทำงานที่คั่งค้างของเธอต่อด้วยหัวใจที่ดูจะพองโตมากกว่าเดิม
จิรเมธใช้เวลาจัดการเรื่องทุกอย่าง รวมทั้งการจัดเตรียมบรรจุภัณฑ์ ข้าวของอุปกรณ์ต่างๆ การคิดโลโก้และชื่อแบรนด์ของสินค้า ซึ่งชายหนุ่มตกลงใจใช้คำว่า ‘กะหมอก’ ต่อท้ายผลิตผลที่ได้ อาทิเช่น
น้ำมันไบโอดีเซล ก็ใช้เป็น ‘ไบโอกะหมอก’
ส่วนสบูดำที่ได้ ก็จะเรียกสั้นๆ ว่า ‘สบู่กะหมอก’
และถ้าเป็นปุ๋ยก็ยิ่งเรียกง่ายเข้าไปใหญ่ว่า ‘ปุ๋ยกะหมอก’
ทั้งนี้เพราะนักการตลาดหนุ่มต้องการให้ชื่อของหมู่บ้านแห่งนี้ฮิตติดหู จดจำง่ายและเป็นที่รู้จักต่อไปในภายภาคหน้าจากบรรดานักซื้อนั่นเอง
นอกจากนี้จิรเมธยังคอยสั่งการให้ปานสุดาเร่งผลิตสติกเกอร์ของผลิตภัณฑ์ทั้งหมด โดยระบุสรรพคุณทั้งที่เป็นภาษาไทยและภาษาอังกฤษเอาไว้เสร็จสรรพ เพื่อมุ่งหวังให้แบรนด์กะหมอกสามารถโกอินเตอร์ไปในคราวเดียวกันเลย จนในที่สุดก็เสร็จทันภายในระยะเวลาแค่สองวัน
ทุกสิ่งที่เขาทำมาทั้งหมดนี้ ก็เป็นเพียงเพราะแค่อยากจะเห็นรอยยิ้มสดใสของสาวที่เขาตั้งหน้าตั้งตารอพบเจออยู่นั่นเอง
พอเริ่มคล้อยบ่ายวันศุกร์ปุ๊บ ชายหนุ่มก็รีบโทร. . บอกผู้เป็นพ่อว่าขอเลิกงานก่อนเวลา แล้วบึ่งรถกลับบ้านไปจัดแจงเก็บกระเป๋าเดินทาง จัดแจงเกณฑ์คนในบ้านมาช่วยกันลำเลียงของทั้งหมดไปยังสนามบินด้วยความรวดเร็ว เมื่อมาถึงที่หมายเขาก็ตรงเข้าไปทำเรื่องโหลดสิ่งของกับพนักงาน จ่ายค่าธรรมเนียมตามราคาของน้ำหนักที่เกินกำหนด จากนั้นจึงโทร. นัดหมายให้นายบ่าวเตรียมมารับเขาที่สนามบินภายในอีก 1 ชั่วโมงถัดมา
พอเสร็จสิ้นขั้นตอนทุกอย่างแล้ว เจ้าตัวก็หันมากล่าวคำขอบคุณทุกคนที่ตามมาช่วยเหลือเขาด้วยรอยยิ้มหวาน
“ขอบใจมากนะ พวกนายกลับไปได้แล้วละ” จิรเมธควักเงินในกระเป๋ายื่นให้คนรับใช้ทั้งสามจำนวนสามพันบาท เพื่อเป็นรางวัล
“ขอบคุณครับคุณจิม” คนทั้งหมดรีบรับไป ก่อนจะยกมือไหว้เจ้านายหนุ่มปลกๆ แล้วกล่าวล่ำลาขอตัวกลับไปในที่สุด
ส่วนคนเป็นนายจ้างก็เดินนำตั๋วเข้าไปเช็คอินยังภายในและนั่งรอเวลาอยู่เพียงสักพัก ก่อนจะขึ้นเครื่อง ชายหนุ่มยกสัมภาระใส่ช่องเก็บของเหนือศรีษะตรงที่นั่งของตน ซึ่งระบุเอาไว้ในบัตร แล้วจึงหย่อนกายลงนั่งอย่างเอกเขนก
ใบหน้าคมสันผินมองออกไปนอกหน้าต่าง หัวใจประหวัดนึกไปถึงแม่สาวคมขำจอมแก่นกะโหลกและมีอาวุธเป็นปากกรรไกรที่อยู่ยังปลายทาง คนที่ชอบเข้ามาวิ่งวุ่น นั่งเล่น นอนเล่นอยู่ในห้วงคำนึงของเขาทุกครายามที่ว่างเว้นจากภารกิจต่างๆ เขาอดที่จะคาดหวังเล็กๆ ไม่ได้ว่า...
‘เจ้าหล่อนจะทำหน้าดีใจหรือตื่นเต้นขนาดไหนกันหนอ?
กับสิ่งที่เขาสู้อุตส่าห์เหน็ดเหนื่อย... ทำเพื่อเธอ!’
จิรเมธคงไม่รู้หรอกว่ารอยยิ้มของเขาเปี่ยมสุขสักแค่ไหน แม้ภายนอกชายหนุ่มจะแสดงออกให้ใครต่อใครเห็นเพียงหน้ากากของเจ้าหนี้หน้าเลือด ซึ่งหวังเพียงแค่ผลประโยชน์และทรัพย์สินที่ตนต้องการจะทวงคืนเท่านั้นก็ตามที
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ดีค่าาาาาา
แหะๆๆ ไร เอ๊ย! ตาจิมหายไปหลายวัน ไม่ต้องตกใจนะคะ
พี่แกหลงหาสำเพ็งหาทางออกไม่เจออยู่นานเลยค่า
ตอนนี้ฮีคัมแบคแล้ว ฝากหนุ่มหน้ามนคนทะเล้นไว้ในอ้อมอกอ้อมใจแม่ยกด้วยนะค้าาาา
ฮีมาออดอ้อนหนักมากกกก ใครรักใครหลงฮี แวะไปโหลดฮีเก็บไว้นอนกอดเล่นเลยค่า
แว่วๆ มาว่าช่วงนี้มีโปรโมชั่นลดราคาดีงามด้วยนะเออ
รีบสิคะ! รออะไร ช้าหมดอดไม่รู้ด้วยน้าาาา
ใครอดใจรอไม่ไหว อยากรู้เรื่องก่อนใคร แวะไปโหลดได้ที่เมพและร้านอีบุ๊คชั้นนำทั่วประเทศค่า เค้ารับประกันความน่ารักนะจ๊ะ
![]() |
|
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ
