ตอนที่ 14 : ตอนที่ 8. ก่อกวน 2/2
รถแท็กซี่ที่พระเพลิงโดยสารกลับกำลังจะหักเลี้ยวเข้าซอยบ้านพร้อมๆ กับอารมณ์คุกรุ่นอัดแน่นเต็มไปด้วยเพลิงคลั่งแค้นที่ตนถูกยายแม่มดยัดเยียดความพ่ายแพ้มาให้ ซึ่งชายหนุ่มตั้งใจไว้แล้วว่าถ้ากลับไปถึงบ้านเมื่อไหร่ เขาจะอาละวาดให้รู้ดำรู้แดงกันไปข้างหนึ่งเลยทีเดียว
ในขณะที่รถขับผ่านหลังตลาดขนาดใหญ่ที่อยู่หน้าปากซอย พลันสายตาของผู้โดยสารหนุ่มก็บังเอิญเห็นมอเตอร์ไซต์สาวรับจ้างเข้า
ในเมื่อมีที่ระบายอารมณ์ชั้นเยี่ยมยืนอยู่ตรงหน้า คนอย่างนายพระเพลิงหรือจะไม่สนองตอบได้อย่างไร
วันนี้เขาจะใจดี เห็นแก่ที่หล่อนอุตส่าห์ช่วยขี่รถไปส่งเขาเมื่อเช้า จะยอมเล่นพอหอมปากหอมคอ แค่ระบายให้ความอึดอัดที่แทบจะระเบิดคาอกได้คลายความร้อนระอุลงบ้างก็แล้วกัน
พระเพลิงหันไปกระชากเสียงสั่งให้โชเฟอร์หยุดรถ ขณะเคลื่อนผ่านหน้าหญิงสาวผมซอยสั้นที่กำลังเข็นผักไปส่งให้กับบรรดาแม่ค้าตามแผงผักต่างๆ ในตลาด
“จอดรถเดี๋ยวนี้”
เจ้าตัวสะกิดไหล่คนขับอย่างไม่เบามือนัก ทำให้แท็กซี่ตกใจ เหยียบเบรกจนตัวโก่ง ก่อนจะเหลียวมองเขาด้วยดวงตาขุ่นเขียว แต่คนผิดไม่สำนึก หนำซ้ำยังจ้องอีกฝ่ายกลับอย่างเอาเรื่อง
“มองทำไม หรือว่าแกอยากมีเรื่อง” บุตรชายนายพลใหญ่ตะคอกถามอย่างวางกล้าม
โชเฟอร์ฉุนจัด เตรียมจะอ้าปากด่าอีกฝ่าย แต่ก็ไม่ทันพ่อคนปากไวที่ชิงจังหวะชี้หน้าด่าเขาก่อน
“โชคดีนะที่ฉันรีบอยู่ ไม่ยังงั้นละก็ป่านนี้แกโดนกระทืบไปนานแล้ว”
พระเพลิงเหวี่ยงธนบัตรใบละห้าร้อยใส่หน้าคนขับ แล้วก้าวขาลงจากรถไปอย่างรวดเร็ว ไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะออกรถด้วยท่าทางกระแทกกระทั้นปานใด เพราะในหัวของเขาตอนนี้มันจดจ่ออยู่กับการหาเรื่องแม่สาวสู้ชีวิต เพื่อระบายออกทางอารมณ์เพียงอย่างเดียว
สองขายาวก้าวอาดๆ ไปยืนขวางหน้าธารน้ำ พลางยกมือล้วงกระเป๋าด้วยท่าทางกวนๆ ขณะที่เอ่ยทักด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน
“ว่าไงแม่คนรากหญ้า…มาใช้แรงงานเป็นกรรมกรอะไรอีกละฮึ?”
พระเพลิงปรายตามองพืชผักที่บรรจุอยู่เต็มตะกร้าอย่างล้อเลียน แล้ววกขึ้นมองใบหน้าละมุนที่พราวไปด้วยเม็ดเหงื่อไหลย้อยอยู่เต็มไปหมด จงใจแบะปากออกอย่างดูแคลนเจ้าหล่อน
ธารน้ำเงยหน้าขึ้นสบดวงตาสีดำทมิฬไม่ต่างจากใจผู้เป็นเจ้าของเท่าไหร่นัก แล้วก็ต้องลอบถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมเธอถึงได้ดวงซวยขนาดนี้ ประชากรในประเทศไทยมีตั้ง 67 ล้านคน เหตุไฉนเธอจึงต้องเจอแต่เจอคนขวางโลก ช่างหาเรื่องแบบคุณชายพระเพลิงเริงโลกันตร์คนนี้คนเดียวด้วยนะ
“มีอะไรคะคุณพระเพลิง?” ธารน้ำถามเจ้าตัวเสียงเรียบ เพราะไม่อยากมีเรื่องให้เสียเวลาทำมาหากิน
ทว่าคนฟังกลับไม่พอใจ เลยตะคอกสวนหญิงสาวทันควัน
“ฉันถามให้เธอตอบ ไม่ใช่ให้มาตีสำนวนย้อนฉันกลับแบบนี้... เข้าใจไหมยายโง่?”
“ไม่เข้าใจค่ะ” หญิงสาวสะบัดเสียงตอบ
ตั้งแต่วานก่อนที่ไปทำความสะอาดเรือนริมน้ำ จนเกิดมีเรื่องมีราวกับเขาเพราะความเข้าใจผิด สุดท้ายเธอจึงต้องไปเป็นสาวใช้จำยอมในงานปาร์ตี้อันแสนจะไร้สาระ สู้อดทนปล่อยให้พวกไฮโซสมองกลวงจิกหัวใช้ กลั่นแกล้งต่างๆ นานาโดยไม่ปริปากบ่น หนำซ้ำเมื่อเช้าเธอยังต้องปวดเศียรเวียนเกล้ากับคนเอาแต่ใจไม่รู้จักจบจักสิ้น ทั้งหมดธารน้ำก็ได้แต่เฝ้าภาวนาขอให้หลังจากนี้เธอแคล้วคลาด อย่าได้พบได้เจอกับคนร้ายกาจอย่างเขาอีกเลย
แล้วนี่มันอะไรกัน! ยังไม่ทันจะข้ามวันแท้ๆ เธอกลับต้องโคจรมารองรับอารมณ์ของคนเกเรอีกแล้ว
ทำไมชีวิตเธอมันถึงช่างแสนเศร้าน่ารันทดเช่นนี้หนอ?
ความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าจากการกรำงานหนักมาทั้งวัน เมื่อกอปรกับยังต้องมายืนสู้รบตบมือกับคนนิสัยเสียไม่รู้จักโตอย่างคุณชายเจ้าปัญหาที่ใครๆ ต่างก็พากันส่ายหน้าหนีเช่นเขาอีก ความอดทนที่เธอมีอยู่อย่างเปี่ยมล้นเสมอมา จึงพลันเหือดหายไปในพริบตา
“นี่คุณพระเพลิงคะ ถ้าคุณมีเวลาว่างมากขนาดที่เที่ยวมาคอยเกะกะระรานฉันเหมือนเด็กๆ แบบนี้ละก็ ฉันว่าคุณควรจะกลับบ้านไปชงนมนอน แล้วหาคนมาตบก้นกล่อมให้หลับดีกว่านะคะ จะได้ไม่ต้องฟุ้งซ่านวิ่งพล่านเป็นหมาบ้าแบบนี้อีก”
“ยายตัวดี! เธอกล้าด่าฉันเหรอ?” พระเพลิงตะคอกถามอย่างเอาเรื่อง มือหนาตะปบลงบนต้นแขนเรียวเล็กที่กำแฮนด์รถเข็นสองล้อไว้อย่างแรง
“โอ๊ย!” หญิงสาวร้องลั่น รีบปล่อยมือข้างหนึ่งออกจากแฮนด์รถ เพื่อมาแงะปลอกนิ้วเหล็กดังคีมให้หลุดออกจากท่อนแขนของเธอ
“ปล่อยฉันนะคุณพระเพลิง” ธารน้ำแหวใส่เจ้าตัวด้วยความขุ่นเคือง
“ทำไมฉันต้องทำตามที่เธอสั่งด้วยล่ะ... ฮึ?” ใบหน้าคมเข้มฉกลงมาอยู่ในระดับเดียวกันกับดวงหน้าอ่อนละมุน จ้องมองหญิงสาวอย่างดุดัน “ทีเธอยังกล้าด่าฉันฉอดๆๆ เลย”
“ก็คุณทำตัวเป็นอันธพาลทำไมล่ะ?” ธารน้ำเถียง
“นั่นไง เธอด่าฉันอีกแล้ว เพราะฉะนั้นยิ่งเธอด่า ฉันก็จะยิ่งทำให้เธอเจ็บ มันจะได้สาสมกันดีไหม?” เขาเค้นเสียงถามด้วยดวงตาขุ่นจัด
“ฉันไม่ได้พูดคำหยาบสักคำ คุณจะกล่าวหาว่าฉันด่าคุณได้ยังไงกันคะ?”
“แล้วที่เรียกฉันเป็นอันธพาลเนี่ย ยังไม่แปลว่าด่าอีกเรอะ?” คิ้วเรียวเลิกสูงถามเสียดสี
“ฉันไม่ได้ว่า เพราะคุณกำลังทำตัวอย่างนั้นจริงๆ” ธารน้ำย้ำเสียงหนักแน่น
“ยายธารน้ำ!” คนถูกว่าตวาดก้อง โมโหจนแทบคลั่งที่แม่ตัวแสบกล้าลองดีกับเขาถึงขนาดนี้ มือหนาที่บีบรัดต้นแขนเล็กอยู่แล้วยิ่งลงแรงอย่างหนักหน่วงมากขึ้น ราวกับต้องการจะให้กระดูกกระเดี้ยของหล่อนป่นปี้ติดคามือ
“ขอเตือนไว้ก่อนเลยนะว่า วันนี้ฉันอารมณ์ไม่ดี เพราะฉะนั้นอย่าได้ทำให้ฉันโกรธมากไปกว่านี้” แววตาสีนิลจ้องมองเธอเครียดขมึงขณะที่กัดฟันเอ่ยเสียงดังกรอดๆ
คนที่ยืนเป็นเป้าสายตาให้ตัวเขาจ้องเขม็ง พร้อมๆ กับผู้คนมากมายที่เริ่มรายล้อมหยุดมองอย่างสนใจ บังเกิดความกระดากอายขึ้นมา จึงเอ่ยบอกเขาด้วยสุ้มเสียงที่ไม่ดังนักว่า
“ดูคุณพูดเข้าสิ ใครเป็นคนที่เข้ามาหาเรื่องกันคะ?” ธารน้ำกระแทกเสียงถาม พลางตัดบท “ถ้าคุณไม่อยากอารมณ์เสีย ก็กรุณาปล่อยมือฉันได้แล้ว และทางที่ดีก็อย่ามายุ่งกับฉันอีก”
“ไม่ได้!” เสียงประกาศกร้าว ยิ่งทำให้คนอื่นๆ ในละแวกนั้นหันมามองเธอกันเป็นตาเดียว จนธารน้ำนึกอยากจะมุดหน้าหนีไปเสียเดี๋ยวนี้
“เธอเป็นเหยื่อของฉัน เพราะฉะนั้นอย่ามาเถียง” พระเพลิงพูดเอาแต่ใจ
พอได้ยินคำพูดที่ชวนปวดหัว ธารน้ำเลยได้แต่ยืนกรอกตาไปมาอย่างเบื่อหน่ายผสมหงุดหงิดรำคาญใจ
เธอจะทำยังไงกับพ่อคนเจ้าปัญหา เกกมะเหรกเกเรคนนี้ดีน้า?’
จากนั้นจึงเอ่ยปากถามออกไปให้สิ้นเรื่องสิ้นราว เธอจะได้ยุติเรื่องราวแล้วกลับไปทำงานต่อเสียที
“แล้วคุณจะเอายังไง... จะให้ฉันเอาปี๊บมาเดินคลุมหัวเลยไหม คุณถึงจะพอใจ จะได้ไม่ต้องเห็นหน้าฉัน เลิกตามตอแยหาเรื่องกันเหมือนคนโรคจิตแบบนี้ซะที”
“ยายยาจก!” ผลพวงจากคำพูดของหญิงสาว ทำให้พระเพลิงโกรธจนตัวสั่น เผลอบีบท่อนแขนหล่อนเต็มแรงอย่างลืมตัว เรียกเสียงร้องแห่งความเจ็บปวดจากคนตรงหน้าขึ้นอีกคราว
“โอ๊ย!” ใบหน้าชุ่มเหงื่อเบ้ออก ก่อนจะร้องเตือนสติเขา “ฉันเจ็บนะคุณพระเพลิง”
“สม!” เจ้าตัวเหยียดปากออกอย่างดูแคลน ซ้ำยังโบ้ยความผิดทุกอย่างไปที่เธอเพียงคนเดียว “ฉันบอกแล้วว่าอารมณ์ไม่ดี อย่ามายั่ว!”
“ฉันไม่ได้ยั่ว!” ธารน้ำสวนกลับทันควัน “คนที่เดินเข้ามาก่อกวนฉันก่อนก็คือคุณ คุณเที่ยวได้พูดพล่ามหาเรื่องฉันอย่างนู้นอย่างนี้ ทั้งที่ฉันก็อยู่ของฉันดีๆ แท้ๆ แล้วพอฉันบอกให้คุณเลิกยุ่งกับฉันซะ จะได้ไม่ต้องมาทนยืนหัวเสียใส่กัน คุณก็ไม่ยอม ถามหน่อยเถอะค่ะ... คุณว่าคนสติดีที่ไหนเขาจะมีเวลาว่างมาทำตัวไร้สาระแบบนี้กันบ้างคะ”
หญิงสาวกล่าวออกมาเสียยาวพรืด แทบไม่เว้นพักหายใจ เพราะความอัดอั้นสุดจะทน
“เธอด่าว่าฉันบ้าอีกแล้วนะ” คนฟังตวาดลั่น ตอนนี้ดวงตาคมลุกโชนไปด้วยเปลวเพลิงแห่งโทสะ ราวกับว่ามันจะถลนหลุดออกมานอกเบ้าได้ทุกเมื่อ
คนที่เป็นต้นเหตุเองก็ใช่ว่าจะไม่รู้สึกหวาดกลัว แต่จะให้ทำอย่างไรได้ละ ในเมื่อคนตั้งหน้าหาเรื่องก่อนมิใช่เธอ หนำซ้ำแม้เธอจะพูดอะไรก็ดูจะขัดหูขัดใจเขาไปเสียหมด สุดท้ายก็ไม่วายทำให้พ่อคนขี้โมโหออกอาการเกรี้ยวกราดอยู่ดี
“กล้ามากนะ” พระเพลิงกัดฟันกล่าว
ยามที่อยู่ในห้วงแห่งความเดือดดาลเช่นนี้ ชายหนุ่มไม่เคยมีสติยั้งคิดถึงเหตุผลอันใดให้มากความ นอกเสียจากมุ่งทำลายล้างทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางหน้า ให้มวยมอดมรณาไปด้วยเปลวไฟแห่งโทสจริตของเขาเท่านั้นมือแกร่งกระชากต้นแขนเล็ก ทำให้ร่างบางเซปะทะกับแผ่นอกหนั่นแน่นอุดมไปด้วยกล้ามเนื้อเข้าอย่างจัง มืออีกข้างตรงเข้าบีบปลายคางเรียวมนอย่างจงใจลงทัณฑ์
“ด่าฉันถึงขนาดนี้ แปลว่าเธอต้องการประกาศตัวเป็นศัตรูกับฉันโต้งๆ เลยใช่ไหม... งั้นก็ดี! ฉันจะได้จัดสวนเธอให้หนักๆ ไปเลย” คนขี้โมโหถลึงตาพูด
“ไปกันใหญ่แล้ว” ธารน้ำพยายามอ้าปากอธิบาย แม้จะปวดหนึบแถวแนวคางขนาดไหนก็ตาม
“ฉันยังไม่ได้พูดเลยว่าต้องการจะเป็นศัตรูกับคุณ เพราะฉะนั้นช่วยกรุณาใจเย็นๆ ลงหน่อยได้ไหมคะ”
ธารน้ำตีหน้ายุ่งด้วยความอ่อนอกอ่อนใจ ไม่รู้จะทำยังไงให้สติสตังของคนตรงหน้ากลับคืนมา เพื่อที่เธอจะได้พูดกับเขาดีๆ ให้เข้าใจ
“ฉันไม่ใช่คนโง่นี่นา ถึงจะได้ไม่รู้ว่าเธอด่าอะไรฉันบ้าง” ชายหนุ่มตะคอกกลับคอเป็นเอ็น
คนฟังถอนหายใจหนักๆ อย่างถอดใจ ไม่อยากจะอธิบายอะไรให้เปลืองน้ำลายเปล่าๆ อีกแล้ว
“ตกลงค่ะ คุณไม่ได้โง่ แล้วคุณก็ฉลาดมากที่สามารถคิดไปได้ไกลถึงขนาดนั้น” ธารน้ำกล่าวประชด
“เฮอะ! ในที่สุดเธอก็ยอมรับ” พระเพลิงกระตุกยิ้มอย่างเหยียดหยัน พลางสะบัดมือที่บีบคางของหล่อนออกด้วยท่าทีรังเกียจ
ให้ตายเถอะ! เธออยากจะยกมือกุมขมับ หรือไม่ก็เขกกะโหลกคนดื้อด้านนักเชียว...
นี่ขนาดเธอพูดประชดไปแบบนั้น เขายังเหมารวมได้อีกว่า... เธอยอมรับ!
หญิงสาวคิดอย่างกลัดกลุ้ม พลางสงสัยว่าท่านนายพลเลี้ยงดูบุตรชายคนนี้ด้วยอะไร ทำไมถึงได้เกิดมามีความคิดพิกลพิการทางจิตใจได้ถึงเพียงนี้ เหมือนกับคนหูหนวก ตาบอด ไม่เปิดรับความรู้สึกนึกคิดของใครเลยสักนิด
ในเมื่อเขาตัดสินว่าเธอเป็นคนผิด เพราะมีอคติ แล้วมันจะมีประโยชน์อะไรที่เธอจะต้องมายืนปากเปียกปากแฉะเที่ยวอธิบายถึงเรื่องไม่เป็นเรื่องอีกล่ะ สู้ยอมรับมันไปซะให้รู้แล้วรู้รอดเลยดีกว่า
“เอาละค่ะ คุณอยากจะคิดยังไงก็ตามสบาย เพราะฉันขี้เกียจมานั่งทะเลาะกับคุณไม่รู้จักจบจักสิ้น กะอีแค่เรื่องไร้สาระพรรณนี้ บอกตรงๆ นะคะว่ามันเสียเวลาทำมาหากินของฉันมาก”
พอพูดจบ ธารน้ำก็รีบยกมือขึ้นแกะมือแกร่งที่ยังคงเกาะกุมเธออยู่ หวังให้ตัวเองหลุดพ้นจากคนบ้าบอ ชอบหาเรื่องราวกับจงเกลียดจงชังเธอมาสักสิบชาติก็ไม่ปาน ทั้งที่ตัวเองก็ไม่ได้ทำอะไรให้เขาเดือดร้อนแท้ๆ
หรือถ้าจะมีเรื่องที่ทำให้เขาเกิดไม่พอใจเธอขึ้นมาจริงๆ ก็คงจะเป็นเพราะเหตุในวันนั้น วันที่ท่านนายพลลากเธอเข้าไปเอี่ยวเป็นตัวเปรียบเทียบ ต่อว่าต่อขานลูกชายสุดที่รัก จนเขาต้องเสียหน้า... นั่นแหละ
นอกจากนั้นเธอก็คิดไม่ออกแล้วจริงๆ ว่า จะยังมีเรื่องอะไรอีก... ที่ทำให้พ่อคนเจ้าปัญหาจ้องแต่จะตามรังควาญเธออยู่ตลอดเวลาเช่นนี้
“ปล่อยฉันซะทีเถอะค่ะคุณพระเพลิง!” เสียงหวานร้องบอกอย่างไม่พอใจเต็มที เพราะคร้านจะอดทนคอยให้เขาข่มเหง และยังต้องตกเป็นเป้าสายตาให้ใครต่อใครมองมาอย่างสอดรู้สอดเห็นอีก
แต่ไม่ว่าเธอจะกระชากดึงรั้งต้นแขนให้กลับมาเท่าไหร่ ก็ไม่ได้รับอิสระจากอีกฝ่ายสักที ซ้ำยังดูเหมือนเขาจะยิ่งออกแรงบีบแขนเธอหนักขึ้น... แรงขึ้น... กระทั่งธารน้ำเจ็บจนน้ำตาเล็ด คล้ายกับกระดูกจะแตกหัก แหลกคามือเขา
จากตอนแรก... หญิงสาวไม่ได้สังเกตเลยสักนิดว่าทำไมคนที่เคยต่อล้อต่อเถียงกับเธอเมื่อครู่หายเงียบไป เพราะมัวแต่ครุ่นคิดแค่เพียงว่าจะทำอย่างไร... ให้สามารถหลุดพ้นไปจากที่ตรงนี้ได้
มาตอนนี้... ยามที่เธอเงยหน้าสบตาเขา ธารน้ำเห็นแต่เพียงซาตานตัวร้ายยืนทำหน้าถมึงทึง ดวงตาแข็งกร้าว ดุดัน จ้องมองมาราวกับมีไฟลุกโชนอยู่ในนั้น หัวใจของเธอเลยพลันกระตุกวูบ
คุณพระช่วย!!! เขาจะกินเลือดกินเนื้อเธอไหมนั่น?
ดวงตาไหวระริกหลุบหลบใบหน้าบูดบึ้งฉุนเฉียวอย่างขลาดๆ ริ้วรอยปูดโปนบนขมับกับหัวคิ้วหนาเข้มที่ขมวดมุ่นเป็นรอยหยักเข้าหากัน บ่งบอกให้ธารน้ำล่วงรู้ได้ทันทีโดยที่เจ้าตัวไม่ต้องเอ่ยปากร้องเตือนว่า
อย่าทำอะไรให้เขาโกรธเคืองมากไปกว่าที่เป็นอยู่
เพราะเยื่อบางๆ ของฟางเส้นสุดท้ายกำลังใกล้จะฉีกขาดเต็มทนอยู่รอมร่อ
แล้วเช่นนี้เธอจะทำเยี่ยงไร...
ในเมื่อเธอยังมีงานที่ต้องรับผิดชอบอยู่อีกเพียบ แถมเวลาที่ต้องเข็นผักส่งร้านค้าก็ล่วงเลยออกไปทุกที ขืนยังมัวยืนทะเลาะอยู่กับเขาแบบนี้ล่ะก็ มีหวังวันพรุ่งนี้ เธอคงต้องเร่หางานใหม่อย่างแน่นอน
แต่จะแก้ปัญหาหนักอกครั้งนี้ได้อย่างไรกันละ ในเมื่อนายพระเพลิงไม่ยอมปล่อยเธอไปง่ายๆ ซะด้วยสิ หนำซ้ำอารมณ์ของเขาเวลานี้ก็ไม่เอื้อให้เธอทำการรุนแรงอันใดออกไปอีกต่างหาก เพราะเชื่อเถอะว่า... ถ้าเธอแสดงปฏิกิริยาต่อต้านเขาสิบเท่า เจ้าตัวก็จะยิ่งเล่นงานเธอกลับอย่างไม่ยั้งเป็นทบเท่าพันทวี โดยไม่สนใจใครหน้าไหนทั้งสิ้น
ไม่!... แม้กระทั่งจะคิดว่าตนกำลังยืนอยู่ต่อหน้าธารกำนัลที่มีคนมุงดูเป็นสิบ ณ ตรงนี้
โปรดติดตามตอนต่อไป...
ไรเตอร์มั่นใจว่าใครอ่านจบตอนนี้ต้องร้อง
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
เพราะมันค้าง! ค้างๆๆๆๆๆๆๆแบบสุดชิมิคะ
โอ๋ๆๆๆๆ ใจเย็นๆนะคะ เดี๋ยวชมจันท์จะรีบมาลงให้อ่านต่อไวๆ
เอาเป็นว่าใครสนใจหรือยังอ่านไม่จุใจ สามารถโหลดได้ที่ร้านอีบุ๊คชั้นนำนะคะ
รีบไปโหลดเก็บไว้ตามลิงก์นี้เลยค่า
![]() |
|
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ
