คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : chapter 1 : งานใหม่
Chapter 1 : งานใหม่
ในวันที่แสนสดใสวันหนึ่ง ท้องฟ้าสีฟ้าใสแจ๋วเหมือนหยดน้ำ ปุยเมฆสีขาวบริสุทธิ์ลอยไปมาช้าๆตามสายลมหนาวที่พัดเข้ามาเบาๆ เสียงผู้คนทั้งเด็กและผู้ใหญ่ต่างยิ้มและหัวเราะให้กับวันที่อากาศสดใสกันอย่างมีความสุข แต่โลกเราย่อมมีสองด้านเสมอเมื่อมีคนมีความสุข แน่นอนว่าก็ต้องมีคนเป็นทุกข์เช่นกัน แต่ว่ามันโชคร้ายเสียหน่อยที่ บุคคลที่ประสบกับความโชคร้ายไม่ได้มีแค่คนเดียวนะสิ
“ขโมย ขโมย ใครก็ได้ช่วยจับมันไว้ที” เสียงตะโกนโหวกเหวกดังมาจากท้ายตลาดที่เต็มไปด้วยผู้คน ของ มหานครทีฟ่า
“โธ่โว้ย ตามไม่เลิกจริงๆ ยัยป้านั้น เฮ้ ลุงขอทางหน่อยสิ ยืนนิ่งเป็นอนุสาวรีย์อยู่ได้ คนยิ่งรีบๆอยู่”เจ้าหนุ่มหัวขโมยใจกล้าที่ตอนนี้กำลังเป็นที่จับตาของคนตลาด ร้องโวยวายอย่างหัวเสียเป็นที่สุด เมื่อเหลือบไปเห็นแม่ค้าร่างบึก วิ่งถือกรรไกรเข้ามาใกล้อย่างไม่ลดละ
“โว้ย ไม่ทันแน่ ยัยป้าอ้วนเอ๊ย หมดลมสักทีสิ”หัวขโมยหนุ่มคิดในใจเมื่อเห็น คู่กรณีวิ่งเข้ามาใกล้ทุกที
“แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก” เสียงหายใจเหนื่อยเหมือนคนใกล้ตายที่น่าจะเป็นของเจ้าหัวขโมยกลับมาเป็นของแม่ค้าร่างบึก ที่ตอนนี้ยืนนิ่งๆอย่างหมดเเรง ขนาดสอดส่ายสายตาหาเจ้าหัวขโมยตัวแสบที่ดูเหมือนว่าจะหายไปก่อนมือของเธอจะเอื้อมไปจับ ภายในเสี้ยววินาที ด้วยสังขารที่มโหฬารของตนกับจำนวนผู้คนที่มากราวกับฝูงมด จึงทำให้เธอต้องหยุดวิ่งไล่เจ้าหัวขโมย ตัวแสบที่เกือบจะจับมันได้อยู่แล้ว
“ไอ้เด็กเวร อย่าให้เจอกันอีกนะเฟ้ย ไม่งั้นคราวหน้าแกไม่รอดแน่”แม่ค้าร่างบึกตะโกนอย่างหัวเสียสุดๆก่อนจะมองซ้ายมองขวาอีกสองสามที แล้วจึงตัดสินใจเดินลากสังขารที่ใกล้หมดลมของตนกลับไปเฝ้าร้านต่อ
“ไปแล้วล่ะ”เสียงๆหนึ่งดังขึ้นข้างมุมตึกที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลกับบริเวณที่แม่ค้าร่างบึกเพิ่งเดินจากไป
“เกือบไปแล้วเชียว ถ้าพี่มาช้ากว่านี้ คงได้สวัสดีกันอีกทีบนสวรรค์แล้ว”เจ้าหนุ่มหัวขโมยพูดขณะยืนพิงกำแพงอย่างเหนื่อยอ่อน
“นักฆ่าอย่างแกไม่หวังสูงไปหน่อยรึไงเรื่องขึ้นสวรรค์เนี่ย แล้วอีกอย่างฝีมือเวทย์ระดับชั้นไม่ปล่อยให้แกถูกนังป้านั้นจับไปได้หรอก .. เออ ว่าแต่แกได้ของมารึเปล่า”หญิงสาวร่างสูงอายุเกือบๆยี่สิบยืนกอดอกพูดอยู่ตรงหน้าเจ้าหนุ่มหัวขโมย
“ได้มาสิ เอารับไป”เจ้าหนุ่มหัวขโมยว่าพลางโยนถุงใบหนึ่งไปให้หญิงสาวตรงหน้า
“ทำได้ดี เดธ บางทีเราอาจจะเลิกฆ่าคนแล้วหันไปขโมยของเเทน แกว่าไง”
“พี่ทำไปคนเดียวสิ ขโมยเนี่ยเหนื่อยกว่าฆ่าคนตั้งเยอะ”
“หึ ทำเป็นพูดไป ว่าแต่เดธ แกถอดหน้ากากนั้นออกก่อนเถอะ เห็นแล้วรำคาญชะมัด”
“เออ” เจ้าหนุ่มหัวขโมยตอบรับก่อนจะถอดหน้ากากรูปตัวตลกสีสันฉูดฉาด ที่กำลังแลบลิ้นล้อเลียนชนิดที่ใครเห็นคงต้องหัวเสียออก ก่อนจะเผยให้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของเจ้าหัวขโมยตัวดี เส้นผมสีทองประกายที่ตอนนี้ดูกระเซอะกระเซิงเสียจนไม่น่ามอง ส่วนดวงตาสีน้ำตาลเข้มที่ตัดกับใบหน้าขาวของเจ้าตัว ตอนนี้กำลังฉายแววหงุดหงิดกับทรงผมของตนอย่างเห็นได้ชัด
“เออ พี่ดายนี่ เห็นพี่บอกว่าพี่ก็ไปขโมยของเหมือนกัน พี่ได้อะไรมาบ้าง”เจ้าขโมยพูดขณะที่เอามือปัดผมของตนให้เข้าที่
“ได้มาสิ ชั้นไปขโมยมาให้แกโดยเฉพาะ”
“ให้ผมเหรอ ???”
“ใช่สิ เอารับไป”หญิงสาวพูดก่อนจะโยนถุงสีแดงเข้มใบใหญ่ให้คนตรงหน้า ผมสีทองยาวระบ่าของเธอไหวไปมาน้อยๆตามจังหวะของสายลม ริมฝีปากสีแดงระเรื่อยิ้มขำๆ ขณะที่ดวงตาสีฟ้าสดใสเต็มไปด้วยแววตลกขบขัน ส่วนร่างบางสมส่วนก็ไหวเล็กน้อยเมื่อเห็นสีหน้าเยเกของคนที่กำลังเปิดถุงของเธอออกมาดู
“พี่ พี่เอาของพรรค์นี้มาให้ผมทำไม”เจ้าขโมยตัวแสบถามเมื่อเห็นชุดทักซิโด้สุดหรูในมือที่ ประเมินด้วยสายตาแล้วราคาคงไม่ต่ำกว่า 5000 พลูล่า
“ว่าแต่พี่ขโมยสูท ผมขโมยชุดราตรี แล้วมันเกี่ยวกับงานเรารึเปล่า คงไม่ทำแล้วเหนื่อยเปล่าหรอกนะ” เดธถามต่อ
“เกี่ยวสิ ไม่งั้นชั้นจะเสี่ยงไปขโมยมาทำไมล่ะ”
“เกี่ยวก็ดี ว่าแต่งานรอบนี้ต้องทำอะไรบ้าง”
“พี่ก็รอจังหวะจะพูดอยู่พอดี งานรอบนี้ เกี่ยวกับ...”อยู่ๆหญิงสาวร่างบางก็หยุดพูดเสียเองก่อนจะทำท่าเหมือนคิดอะไรได้ ร่างบางจึงขยับยิ้มก่อนจะพูดใหม่ “ว่าแต่ เดธ วันนี้พี่ได้รับข่าวมาสองข่าว จะฟังข่าวไหนก่อนดี ข่าวดีหรือว่าข่าวร้าย”
เอาไงดี พี่จะมาไม้ไหนอีกเนี่ย ชายคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนปากจะพูดออกไปว่า “ข่าวดี”
“โอเค ข่าวดีก็คือ สองพี่น้องมรณะ เดธแอนด์ดาย (Death and Die) ก่อเหตุฆาตกรรมอีกแล้ว โดยเหยื่อคราวนี้ คือ คณะ ปฏิวัตรโลเกียน ที่กำลังจะได้เป็นผู้นำของนคร แมนด้า โดยในการลอบสังหารครั้งนี้ ทำให้ผู้นำโลเกียน พร้อมลูกน้องอีก 26 คนเสียชีวิตทันที ผู้ได้พบเห็นสองพี่น้องมรณะคู่นี้โปรดแจ้งทางการแมนด้าด่วน โดยทางการแมนด้าจะมีเงินค่าหัวให้ทั้งสองคน ร่วม 10 ล้าน พลูล่า ขอย้ำผู้ได้พบเห็นกรุณาแจ้งเบาะแสแก่ทางการแมนด้า ด่วน !!!!!!”ดายนี่พูดก่อนโยนหนังสือพิมพ์ที่ไม่รู้ว่าเอามาจากไหนให้กับเดธ
“10 ล้านเหรอ ไม่เห็นจะดีเท่าไรเลย”เดธพูดก่อนจะโยนหนังสือพิมพ์ที่เพิ่งรับมาไปโดยไม่คิดจะเปิดอ่าน
“10 ล้านก็ดีถมแล้ว เราเพิ่งเริ่มฆ่าคนไปได้ 153 คนเองนะในปีนี้ แกจะหวังอะไรมากมาย”ดายนี่บ่นเล็กน้อย ก่อนจะพูดต่อ “เอาล่ะ ทีนี้มาดูข่าวร้ายกันได้แล้ว เดธ แกรู้จักพวกเฟท (Fate)รึเปล่า” น้ำเสียงท่อนหลังของดายนี่ดูเป็นทางการต่างจากๆท่าทีสบายๆเมื่อครู่อย่างเห็นได้ชัด
“เฟท เหรอ ก็พอได้ยินมาบ้าง เห็นว่าเป็นพวกที่เดินทางไปตรวจดูความเรียบร้อยของเมืองต่างๆทั่ว ทวีปอันเดล่า ก็รู้แค่นี้แหละ เมื่อเช้าได้ยินคนในตลาดเขาพูดๆกัน”เดธตอบเหมือนไม่ได้ใส่ใจอะไร
“อืม ก็แสดงว่าแกก็พอรู้อยู่บ้าง งั้นชั้นจะไม่พูดมากละน่ะ เฟท คือพวกที่เดินทางไปทั่วอันเดล่าเพื่อดูแดความสงบสุขเรียบร้อยของแต่ละเมือง เฟทหนึ่งทีมจะมีทั้งหมด สี่คนประกอบด้วย นักดาบ นักเวทย์ ปราชญ์ และหมอ”
“อืม แล้วเหยื่อคราวนี้ใครล่ะ นักดาบ นักเวทย์ ปราชญ์ หรือว่าหมอ”
“เหยื่อเหรอ ??”
“ก็ใช่น่ะสิ รอบนี้จะให้ฆ่าใครล่ะ”
“ฆ่า ??? ตายจริง ชั้นลืมเรื่องสำคัญแบบนั้นได้ยังไง”ดายนี่พูดก่อนเอามือลูบหน้าสองทีแล้วพูดต่อ “งั้นชั้นจะพูดตรงๆล่ะนะ รอบนี้ไม่ได้ให้ฆ่าแต่จะให้แกเป็นเฟท”
“พี่พูดใหม่สิ ผมขอคำตอบที่ดีกว่านั้นด้วย”
“ชั้นบอกว่าจะให้แก ไ ป เ ป็ น เ ฟ ท”ดายนี่ย้ำที่ละคำ
“พี่คิดอะไรอีกละ พี่ไปเป็นเองเถอะ ผมไม่เอาด้วยหรอก”เดธปฏิเสธ
“ถ้าพี่เป็นได้พี่คงเป็นไปนานแล้วไม่มาขอร้องแกหรอก”
“งั้นถ้าพี่เป็นไม่ได้ ก็ปฏิเสธไปเลยสิ งานแบบนี้ให้พวกนักฆ่าคนอื่นทำ”
“ปฏิเสธ ไม่ได้หรอก” ดายนี่ตอบ
“พี่หมายความว่ายังไง ปฏิเสธไม่ได้ เห็นที่ผ่านๆมาก็ปฏิเสธไปตั้งเยอะ”เดธเริ่มพูดด้วยอารมณ์ที่ตอนนี้กำลังประทุ
“ก็บอกแล้วไงว่าปฏิเสธไม่ได้” ดายนี่พูดด้วยอารมณ์ที่ยังเย็นอยู่บ้าง
“ปฏิเสธ ไม่ได้พี่บ้าไปแล้วเหรอ งานนี้มันเงินดีขนาดต้องยอมส่งผมออกไปเร่ร่อนเลยรึไง พี่หน้าเงินขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไ....”
“ผัวะ”
เดธเอามือกุมแก้มหลังจากที่อีกผ่ายประทานฝ่ามือให้เป็นรางวัลจากการพูดตะคอกใส่หน้า
..เจ็บเป็นบ้า พี่เนี่ยยังแรงวัวแรงควายจริงๆ โดยตบออกบ่อยทำไมหน้ามันไม่ด้านสักที..
“แก หัดมีสติและฟังคนอื่นเขาบ้างสิ ไม่ใช่เอาแต่พูด”ดายนี่พูดเหมือนพยายามสะกดอารมณ์โกรธของตนเอาไว้ลึกๆ
“เอาล่ะ ที่นี้ฟังพี่พูดให้จบ หลังจากนั้นแกจะทำยังไงก็เรื่องของแก เมื่อสาม วันก่อนมีคนของสมาคม มอร์แทลติดต่อเข้ามา..”
“มอร์แทล เหรอ มันคือสมาคมอะไร”เดธขัดขึ้นมาก่อนจะเห็นหน้าตาหัวเสียของอีกผ่ายจึงรีบสงบปากสงบคำ
“มอร์แทล คือสมาคมนักฆ่าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ เป็นแหล่งรวมเหล่านักฆ่าฝีมือฉกาจ ว่ากันว่านักฆ่าเกือบครึ่งของทวีปอันเดล่าอยากเข้าร่วมสมาคมนี้ แต่ว่ามีนักฆ่าไม่ถึง หนึ่งในสี่ที่ได้เข้าร่วม นั้นก็คือ พวกที่มีฝีมือจริงๆเท่านั้นจึงจะได้เข้าไป ไม่ใช่ใครอยากเข้าก็เข้าได้”
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับผม ล่ะ ผมไม่อยากเข้าสักหน่อย”เดธตั้งคำถาม ก่อนทำหน้าเหมือนเด็กเอาแต่ใจ
“ฮึ แกมันเด็กจริงๆนั้นแหละเดธ หัดรู้เรื่องรู้ราวอะไรบ้างสิ เหตุที่สมาคมนี้เข้าได้ยากนักยากหนา ก็เพราะว่า สมาคมนี้ไม่ใช่ใครเดินเข้าไปสมัครก็เข้าได้ สมาคมนี้จะเลือกนักฆ่าที่จะเข้าร่วมด้วยตัวเอง”ดายนี่อธิบาย
“งั้นแสดงว่า ที่พี่ทำงานนี้ไม่ได้ เพราะ ไอ้สมาคมงี่เง่านี้ มันเลือกผม ใช่เปล่า”เดธพูดเหมือนจะเริ่มเข้าใจเรื่องราวต่างๆแล้ว
“ก็ถูก แต่ว่าถูกแค่ครึ่งเดียว เดี๋ยวแกก็คงถามชั้นว่าทำไมถึงปฏิเสธงานนี้ไม่ได้ใช่มั้ย งั้นชั้นขอดักแกก่อนแล้วกัน นักฆ่าที่ได้รับเลือกจากสมาคมนี้แล้ว จะมีทางเลือกสองทาง..”
“สองทาง”
“ใช่ ทางแรก เลือกที่จะทำงาน ก่อนจะได้บรรจุเป็นสมาชิกของสมาคม กับทางที่สอง ปฏิเสธงาน ก่อนจะไปวัดโลงคอยไว้ได้เลย”
“วัดโลงคอย หมายความว่า ถ้าไม่ทำงานให้ ก็จะโดนฆ่า”เดธพูดช้าๆ
“ใช่แล้ว ว่าแต่งานนี้นะ แกตัดสินใจเองแล้วกันว่าจะทำยังไง ถึงพี่จะอยากทำให้ แต่ก็คงไม่ได้”ดายนี่พูดก่อนจะรอคำตอบจากคนตรงหน้า
“ว่าแต่งานนี้ แค่เป็นเฟทอย่างเดียวเหรอ” เดธถามอย่างครุ่นคิด
“ไม่รู้เหมือนกัน คำสั่งแรกคือให้แกเป็นเฟท แต่อาจจะมีคำสั่งอื่นอีก”
“แล้วเวลาล่ะ ต้องเป็นนานเท่าไร”
“ก็แล้วแต่ว่า แกเดินทางทั่วทวีปเร็วแค่ ไหนอาจจะ 6 เดือน หรือไม่ก็ 6 ปี ไม่มีเวลาแน่นอนหรอก”ดายนี่ตอบขณะที่ลุ้นว่าเจ้าตัวดีจะเลือกอะไร ตานี้เป็นคนชอบทำอะไรเสี่ยงๆสนุกๆ อยู่เป็นที่นานๆไม่ได้ อาจจะรับงานก็ได้ แต่ว่า มันก็เป็นคนที่ไม่เคยนึกเสียดายชีวิต หรือรักตัวกลัวตาย จนต้องยอมคล้อยตามคนอื่นได้ง่ายๆ งานนี้นายคิดยังไงนะ เดธ
“ชั้น ตกลงรับงาน แต่ว่าพี่ต้องสัญญากับผมข้อหนึ่ง”เดธพูดขณะจ้องหน้าหญิงสาวตรงหน้าเหมือนอยากจะรู้ให้ได้ว่าหล่อนคิดอะไรอยู่
“สัญญา เหรอ ถ้าทำได้ก็จะทำนะ”
“ถ้าผมรับงานนี้ แล้วพี่ต้องตามมาอยู่ในสมาคมให้ได้ สัญญาแค่นี้พี่ทำได้เปล่า”เดธถาม
“ เฮ้อ... แกมันเด็กจริงๆเดธ แต่พี่สัญญา พี่เองก็อยากเข้าสมาคมนี้เหมือนกัน ไว้เราไปทำงานให้สมาคมพร้อมกันงานหน้าน่ะ”ดายนี่พูดพลางยิ้มกว้าง
“อืม ตกลงพี่ ผมจะคอยพี่แล้วกัน”เดธพูดก่อนจะยกนิ้วโป้งให้ดายนี่ พร้อมรอยยิ้มขี้เล่นบนใบหน้า
“งั้นวันนี้ เราแยกกันก่อน พี่จะไปบอกรับงานกับสมาคมให้ ส่วนการสอบเป็นเฟท จะเริ่มอีก 2 วันพี่สมัครให้แกลงนักดาบ และแน่นอนว่าแกต้องเป็นให้ได้ มันงั้นแกคงรู้ชะตาแก แล้วชุดสูทนั้นพี่ให้แกไปเลย ถือซะว่าเป็นของขวัญจากลาของพี่”
“ของขวัญจากลา เหรอ พี่จะไม่อยู่กับผมเหรอ”
“ใช่ แกเป็นเฟทนะ จะให้พี่เดินทางไปกับแกเหรอ ระหว่างคอยแกทำงานโบว์แดงชิ้นนี้เสร็จพี่จะไปเพิ่มค่าหัวให้พวกเราก่อน แล้วเราคงได้เจอกันอีก”ดายนี่ยังคงพูดด้วยรอยยิ้ม
“งั้น ชุดราตรีนี้ ก็เป็นของขวัญจากลาจากผมแล้วกัน แล้วผมจะรีบทำงานนี้ให้เสร็จๆ”
“ดีแล้ว เดธ เออจริงสิ ลืมไปเลย นี้เป็นสารจากสมาคม เอาไปสิ”ดายนี่ส่งม้วนกระดาษสีน้ำตาลให้เดธ พลางกล่าวคำลา คำสุดท้าย
“พี่ไปล่ะ เดธ อย่าเพิ่งตายล่ะ” คำพูดสุดท้ายของดายนี่จางหายไปพร้อมกับร่างของเจ้าของที่หายไปด้วยเวทย์มนต์ เหลือเพียงความโดดเดี่ยวให้ชายหนุ่มที่ยังไม่รู้แน่ถึงชะตากรรม
ความคิดเห็น