คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่1
ตอนที่1
ทุกๆคนเคยได้ยินนี้ไหม
“ต่อให้แข็งแกร่งมากแค่ไหนก็ต้องพ่ายแพ้กับความรักอยู่ดี”
ผมและฟอง(ชื่อของเด็กคนนั้น) เราคุยกันในเฟสบุ๊คได้เกือบสองเดือนแล้วหละครับ คุยกันทุกวัน ลองนับดูนะครับหลังเลิกเรียนประมาณหนึ่งทุ่มเราจะเริ่มคุยกันจนถึงเที่ยงคืนกว่าๆบางวันอาจถึงตีหนึ่งเลยก็ได้ ไม่ต้องถามนะครับการเรียนของผมเป็นยังไง การบ้านไม่ค่อยส่ง หนังสือไม่ค่อยอ่าน วันๆไม่ทำอะไรเลยครับนั่งแชทกัน จนเราสนิทกันไม่มากก็น้อยหละครับ แต่นั้นมันก็แค่ในโลกของเฟสบุ๊คที่ทำให้เราได้คุยกัน ส่วนชีวิตจริงนะหรอ หึ ไม่ผมก็มันหลบหน้าทุกครั้งที่ต้องเจอกัน แต่ลึกๆแล้วในใจผมอะอยากเจอใจแทบขาด ผมก็ไม่รู้เนอะมันคิดยังไง เพราะมันก็เป็นผู้ชาย ผมยืนยันเลยนะครับมันเป็นผู้ชายจริงๆ แมนมาก ถึงจะเข้ามาคุยกับผมก็เถอะ มันก็รู้นะครับว่าผมเป็นเพราะผมก็ไม่ได้ปิดบังอะไรอยู่แล้ว เพราะมีบางครั้งที่ผมเผลอสาวแตกกับเพื่อนในกลุ่มมันก็เห็น บางครั้งผมก็เห็นนะว่ามันแอบมองผม แต่ก็เนอะในชีวิตจริงเราไม่รู้จักกันเลย บ่อยครั้งครับผมพยายามทำตัวเรียกร้องความสนใจ อย่างเช่น เล่นกับเพื่อนเสียงดัง แกล้งขัดขาเพื่อนให้หันมามอง ผมพยายามอย่างที่สุด ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่านี่มันเป็นอาการของอะไร ของคนเริ่มชอบรึเปล่า ที่ทำให้ผมเป็นหนักถึงขนาดนี้ และที่หนักยิ่งกว่า ผมสมัครลงชมรมการถ่ายภาพ แล้วยังไงนะหรอ ชมรมนั้นอยู่หน้าห้องเรียนมันไงละครับ ชมรมนี้เป็นชมรมของโรงเรียนทำงานให้โรงเรียน ทำให้ทุกๆคนในชมรมได้เป็นอภิสิทธิ์ชน อย่างเช่น มีคอมพิวเตอร์ส่วนตัว ห้องประชุมส่วนตัว ง่ายๆนะครับอภิสิทธิ์ชนพอๆกับกรรมการนักเรียนเลยก็ว่าได้ ทุกๆเที่ยง ทุกๆชั่วโมงที่ว่างผมจะไปนั่งในห้องชมรมครับ แล้วบังเอิญก็มีโต๊ะไม้ที่เวลานั่งได้องศากับที่ๆไอฟองมันนั่งด้วย แหม่ โคตรมีความสุขเลยหละครับ มีบางทีนะมันก็เห็นว่าผมนั่งจ้องมันอยู่ แล้วบางทีผมก็นั่งจ้องเพลินจนตาค้าง มันหันมามองผมก็จ้องอยู่ได้ ไม่รู้อะนั้นมันเป็นอาการอะไร จนบางทีเหมือนเพื่อนมันก็จะเริ่มรู้ๆแล้วว่าผมชอบมันแน่ๆ เพราะเพื่อนๆมันชอบขอเล่นโทรศัพท์ ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าชอบมันรึเปล่าแต่มีความสุขมากๆเลยหละครับ
ทุกๆเย็นๆผมจะชอบไปนั่งที่ม้าหินอ่อนข้างๆสนามบาสที่สามารถเห็นมันเล่นบาสได้ ทำยังงี้เป็นประจำเลยหละครับ ทุกๆวัน บางวันถ้าไม่เจอเป็นอันซึมเลย ฮ่าๆ เป็นหนักมากช่วงนั้นนะ ปัจจุบันก็เป็นนะครับ
“มึงไอฟองมันกลับบ้านแล้วแน่เลย”แพรเพื่อนในกลุ่มสกิดบอกผมระหว่างที่เรากำลังถือของกินเดินเข้ามาในโรงเรียน ผมก็เดินเนียนแอบมองไปเพื่อไม่ให้คนสงสัย ภาพที่เห็นไม่มีกลุ่มเพื่อนๆที่เล่นบาสมันเล่นเลยครับ ตอนนั้นใจแป๊วเลย ผมก็ตีหน้าเศร้าเดินไปเกือบถึงม้าหินอ่อนที่นั่งประจำละ จู่ๆ ก็มีลูกบาสพุ่งเข้ามาผ่านหน้าผมอย่างเฉียดฉิว ผมนี่คิดละ นี่ถ้ากูเจอตัวตัวการนะกูด่ายับแน่ ผมละสายตาจากลูกบาสที่พื้นแล้วหันไปมองเด็กหนุ่มที่กำลังวิ่งมาเก็บลูกบาสจากโรงยิมที่กำลังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ โลกแทบจำหยุดหมุนเลยละครับ เข็มวินาทีช้ามาก ทำไมหรอครับ ฟอง นั้นเอง รอบนี้เจอต่อหน้าต่อตาจะหาที่หลบก็ไม่ได้ พูดไม่ถูก เป็นเอ๋อชั่วขณะ นิ่งไปเลยทีเดียว ส่วนมันนะหรอไม่ต่างจากผมเลย จากนั้นมันก็วิ่งไปเก็บลูกบาสขึ้นมา แล้วก็ยืนนิ่งไปสักพักนึง ก่อนที่เพื่อนในกลุ่มที่นั่งรอของกินอยู่ที่โต๊ะ ต่างพากันหวีดเสียงนรกออกจากปาก เห๊วววว เป็นเสียงยาว ผมจะทักไอฟองก็ทักไม่ออก พูดได้แต่เอ่อครับ เอ่อหลายรอบมาก มันก็ยืนนิ่งตกใจที่เจอกันแบบนี้เหมือนกันก่อนที่มันได้สติวิ่งไปเล่นบาสในโรงยิมต่อ ส่วนผมก็แอบเผลอยิ้มนิดหน่อยมันก็ดันเห็นอีกพอมันไปเท่านั้นหละยิ้มหน้าบานยังกะทานตะวันเลย หลายคนอาจจะไม่เชื่อนะครับแต่นี่คือเรื่องจริง เพราะบางทีเรื่องจริงมันก็ทำให้ช็อคกว่าในนิยายก็ได้
เย็นวันนั้นเราก็คุยกันปกติในเฟสเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ผมจ้องมันตาข้าง เจอมันต่อหน้าต่อตา แอบเผลอยิ้มเล็กน้อย แอบเรียกร้องความสนใจ
“จบมอสามเรียนต่อไหนอะ ต่อที่นี้รึเปล่า”ผมถามในแชท
“คงไม่หละ อาจจะไปต่อที่กรุงเทพ หรือต่อโรงเรียนนายเรืออากาศ โรงเรียนทหารสี่เหล่าทัพอะ”วินาทีนั้นที่ผมอ่านข้อความนั้น ค้างไปเลยหละครับ ไม่อยากจากกับมันเลย พึ่งรู้จักกันแท้ๆทำไมผมไม่รู้จักมันให้เร็วกว่านี้ “ทำไม คิดถึงหรอ ไม่แน่อาจต่อที่นี่ก็ได้แต่คงเป็นที่สุดท้าย”มันส่งต่อมาอีกหลังจากที่ผมอ่านแล้วก็ไม่ตอบ จริงๆแล้วตอบไม่ถูกเลยหละ
“ป่าว ถามดู งั้นฝันดีนะนอนได้แล้วพรุ่งนี้ไปโรงเรียนเดี๋ยวก็สาย”
“อีกสักพักก็นอนละ ฝันร้านนะ”
“ฝันร้ายกระเทยลงแขกรอบเตียง 555”ผมตอบ
“เดี๋ยวกูถีบไขมันหลุด”จริงๆแล้วเราสนิทจนใช่มึง กู คำหยาบเหมือนเป็นเพื่อนกันเลยหละครับ มันบอกผมว่าผมเป็นเพื่อนมันมากกว่า
“เดี๋ยวมึงโดนไอเตี้ย”ผมตอบเสร็จละก็ปิดคอมเข้านอน มันไม่เตี้ยอย่างที่คิดนะครับ จริงๆมันก็สูงพอสมควรแต่บังเอิญผมแค่สูงกว่ามันห้าเซนต์ผมเลยมีสิทธ์เรียกมันว่าเตี้ยได้ และมันก็มีสิทธ์เรียกผมว่าอ้วนได้เช่นกันเพราะมันหุ่นดีกว่าผมมาก จริงๆตอนนั้นก็อ้วนนะ แต่ตอนนี้ก็ได้แรงบันดาลใจแรงผลักดันตัวเองจากใครคนนั้นหละ
ในที่สุดการการสอบปลายภาคก็จบลงด้วยดีครับ ผมก็กางูๆปลาๆไป ถ้าวิชาไหนมั่นใจว่าทำไม่ได้ก็ใช้แผนร้ายครับ ผมซื้อกระจกพับอันละห้าบาทครับ ซึ่งมันก็เล็กพอทีจะซ่อนได้ง่ายแถมสะดวกอีกต่างหาก บังเอิญโชคก็เข้าข้างผมครับได้นั่งหน้าคนเก่งประจำห้อง ถึงจะไกลก็เหอะแต่แค่นี้ไม่ใช่ปัญหา ผมแอบหยิบกระจากจากกระเป๋าเสื้อนักเรียนขึ้นมาโดยใช้มือกุมกระจกบังไว้ไม่ให้ครูคุมสอบที่นั่งข้างหน้าเห็นและใช้กระดาษคำถามบังไว้อีกทีเพื่อเป็นป้องกันในชั้นที่สอง ผมใช้สายตาอันแหลมคมครับมองเข้าไปในกระจกหามุมองศาจากกระจกให้ตรงกับกระดาษคำตอบครับ จากนั้นก็จำให้มากที่สุดแล้วก็กาลงไปในกระดาษคำตอบของตัวเองครับ แต่ข้อสำคัญที่สุดคือทุกอย่างในกระจกจะกลับด้านกันหมด ส่วนข้อเสียนะครับคือเราไม่มีสิ่งบังกระจกจากด้านหลังเลยต้องคอยดูจังหวะดีๆนะครับ อันนี้เหมือนเป็นการชี้โพรงให้กระรอกยังไงแหะ ฮ่าๆ ลองเอาไปใช้ดูถ้าจนปัญญาจริงๆ เพราะบางทีถ้าผมไม่ได้อ่านมาผมก็ใช้วิธีนี้ทุกครั้งเลย อีกอย่างนะครับ ก่อนสอบลองหาสิ่งที่สะท้อนภาพได้ดูเช่นน้ำที่เลอะอยู่ข้างล่างโต๊ะของเป้าหมายที่จะลอกถ้าไม่ได้องศาในการลอกก็ตัดใจนะครับมันปรับองศาไม่ได้ ส่วนผมนะเหรอเนื่องจากประสบการณ์เยอะพอสมควร ผมใช้กระจกรถยนต์ที่สะท้อนภาพได้เอาครับ แหม่ลอกกันบันเทิงเลยทีเดียว
ความคิดเห็น