คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Intro(บทนำ)
บทนำ
สวัสดีครับ ก่อนอื่นแนะนำตัวก่อนนะครับ ผมชื่อ เอิร์ธ เป็นนักเรียนชั้น ม.5 ต้องบอกไว้ก่อนนะครับเรื่องที่จะเล่าให้ฟังนับจากนี้เป็นเรื่องจริงเหตุการณ์จริง 100 เปอร์เซ็นต์ รูปแบบการเขียนก็อาจจะผิดเพี้ยนต่างจากนิยายทั่วไปนะครับ เนื่องจากค่อนข้างเป็นบันทึกเรื่องราวที่เกิดขึ้นเสียมากกว่า
การแข่งขันฟุตซอลรอบชิงชนะเลิศจบลง นักเรียนและบุคลากรคนอื่นๆต่างชุลมุนวุ่นวาย ทั้งกองเชียร์และสต๊าฟ ผมนั่งฟังเพลงเรื่อยๆอยู่ที่ม้าหินอ่อนสีขาวตัวหนึ่งข้างบริเวณรอบนอกของการแข่งขัน ซึ่งบริเวณนั้นสุดเกินจะบรรยายอะไรนะหรอ ทั้งเงียบ ทั้งมืด ยังกับป่าช้า ถ้าถามว่าแล้วเพื่อนละ ? แบบว่า..คือโดนเพื่อนทิ้งอะ เพื่อนไปกริ๊ดผู้ชายถึงหน้าสนาม
จู่ๆก็มีเด็กมอต้นคนนึงเข้าไปนั่งที่ม้าหินอ่อนอีกตัวที่ห่างจากผมไปพอสมควร ผมก็แอบชำเลืองด้วยหางตาทีละนิดๆ ใช่เลยครับ ไอเด็กรุ่นน้องมอสามหนึ่งในแก๊งที่ผมและเดอะแก๊งของผมแกล้งไว้เมื่อตอนกลางวันระหว่างการเดินเปลี่ยนคาบ ซึ่งห้องที่ผมเดินไปเปลี่ยนก็เป็นห้องมันหละครับ แกล้งมาได้สักสองอาทิตย์ละ แกล้งเหมือนจะสนิทกันแต่ก็ไม่ได้สนิทกัน งง รึเปล่าแต่ผมก็แอบสังเกตนะครับ ไอเด็กนั้นก็แอบหันมามองเป็นบางครั้ง บางครั้งเราทั้งสองก็แอบมอง แหม่แต่ดันไปแอบมองจังหวะเดียวกันอะดิ มุดหน้าแทบไม่ทัน ถ้าถามว่าทำไมไม่ทักกัน คือผมจะค่อนข้างขี้อายนิดนึงแบบว่าอยู่กับเพื่อนมันด้านได้ไงมันหลายคน พอมาเจอตัวๆนี่ อายกับวีรกรรมตัวเองมาก
ผมกลับไปถึงบ้านราวๆหนึ่งทุ่มกว่าละ ทักทายพ่อแม่นิดหน่อยแล้วก็วิ่งขึ้นไปที่ห้องผมชั้นสอง โยนกระเป๋ากระโดดขึ้นเตียงจากนั้นพักสายตาไปสักพักนึง สักพักเรื่อยๆ เรื่อยๆ จนถึงสี่ทุ่มกว่าละครับ ฮ่าๆ พอได้สติก็หยิบโทรศัพท์จากกระเป๋ากางเกงเข้าเช็คเฟสบุ๊คนิดหน่อย แต่เอ๊ะ แอบดีใจนิดนึงมีข้อความหนึ่งข้อความที่ยังไม่ได้อ่าน หึยยย ดีใจสิครับ ร้อยวันพันปีไม่ค่อยจะมีใครทัก ไม่ใช่อะไรหรอกครับ ผมไม่ได้ป๊อบเหมือนกับคนอื่น เวลาจะคุยธุระกับเพื่อนก็ไลน์กันครับ
“ฝันดีนะครับ :3”ส่งเมื่อ 18:32 น. แต่เห้ยนี่มันสี่ทุ่มแล้วอะทำไงดีวะอยากตอบนะแต่ไม่รู้จะตอบว่าอะไรดี มันหลายชั่วโมงแล้วด้วย ณ ตอนนั้นผมก็ดิ้นสิครับ อยากตอบอะ คือคนมันเหงาอะเข้าใจกันนะ เลยไม่อยากคุยแค่ มอนิ่ง ฝันดี อะไรแบบนั้นอะ แบบว่ากูก็หลับกูก็ตื่นของกูทุกวันอยู่แล้ว ไม่ต้องบอกอะไรให้มากหรอก บวกกับนิสัยชอบอ่อยอะ ไม่ว่าชายหรือหญิงผมก็อ่อยหมดหละ ออกจะดูค่อนข้างเลวนะ ไม่ว่ากันนะ
“ใครวะชื่อเฟสแม่งตลก คนรักรถแข่ง(นามสมมุตินะครับ จริงๆก็ประมาณนี้หละ)”จากนั้นผมก็เข้าไปส่องเฟสเจ้าของข้อความนิดหน่อย ผมก็คิดในใจนะครับ เอ๊ะเป็นเพื่อนกันหรอ ไม่เห็นจะรู้ ตอนไหน พอเปิดไปในอัลบั้มภาพเท่านั้นหละ อ๋อ ไอเด็กนี่นี่เอง จะใครละครับเด็กเมื่อตอนเย็นนั้นไง แหม่หยอดกูรึได้ เดี๋ยวรู้เลย
“ไอแพรพรุ่งนี้มึงอย่าลืมเอาไข่ต้มมานะเว้ย”ทันทีที่ผมส่องเฟสมันเสร็จ ถึงกับรีบส่งข้อความกลับเลยครับ ทำเป็นส่งผิดคน หึๆ อ่อยนิดนึงก็ว่าได้ไม่ใช่อะไรหรอกคือผู้ชายทักมาอะ เราต้องยื้อให้ถึงที่สุด มันคือกฎประจำตัว
“- -”ไม่ถึงยี่สิบวินาทีครับน้องเขาก็ส่งกลับมา คงจะกำลังเล่นอยู่พอดี
“เอ่ย โทษทีทักคนผิด 555”เอาละสิครับการอ่อยขั้นพื้นฐาน อันนี้ผมเข้าขั้นเซียนเลย
“ชื่อ คนรักรถแข่ง นี่มันคล้ายกับชื่อใครตรงไหนอะ”ถึงกับสะอึกเลยครับเหมือนน้องเขาจะรู้ทัน
“เออ ช่างมันเถอะ เอาเป็นว่าขอโทษละกัน”สภาพในตอนนั้นหรอครับออกเชิงหน้าแตกนิดนึง ถึงจะตั้งใจทำเป็นทักผิดก็เถอะ มันเขินยังไงไม่รู้คงจะไม่ค่อยได้คุยกับผู้ชายนาน
“-3-”
“เอาเป็นว่าฝันดีนะ”ไม่ทันได้ดูข้อความต่อไปผมก็รีบปิดเฟสเลยครับ เนื่องจากเหนื่อยจากที่โรงเรียนด้วย และ หน้าที่พึ่งแตกไปด้วย
หลังจากนั้นไปผ่านไปสองอาทิตย์ครับที่โรงเรียนเราก็ไม่ค่อยได้เจอกัน ถึงจะเจอผมไม่ก็เขาก็หลบหน้ากันอยู่ดี ต่างฝ่ายต่างเขินมั้งอันนี้ผมมโนไปเองนะ ฮ่าๆ จนมาถึงการวิ่งมาราธอนครับ เป็นกิจกรรมอย่างหนึ่งที่โรงเรียนในจังหวัด เทศบาล หน่วยงานต่างๆ และห้างแห่งหนึ่งข้างๆโรงเรียนผมร่วมกันจัดรายได้จากการขายบัตรวิ่งก็เอาช่วยเหลือบริจาคตามโปรเจกต์ที่เขาตั้งไว้อะหละครับ ผมไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ รู้อย่างเดียวคือต้องวิ่งเพราะมันเป็นคะแนนในวิชาพละศึกษาถึง10คะแนนดิบด้วย ได้มาง่ายๆเลยคะแนน
“เออๆ ใช่ๆ ขอบคุณนะมึง”งงกันละสิครับทุกคน ผมเปิดเฟสบุ๊คก็เจอข้อความนึงจากเฟส คนรักรถแข่ง มันส่งมา ผมถึงงงเหมือนกัน
“ทักผิดคนละสินะ”ผมตอบมันกลับ
“ใช่ๆ”แบบว่ามึงตอบสั้นได้ใจนะไอ คนรักรถแข่ง
“พรุ่งนี้ไปวิ่งกันไหม?”ผมยังคงใช้แผนการอ่อยเหมือนเดิมอยู่ ตอนนั้นก็รู้สึกเฉยๆนะ แต่จะอ่อยอะ เผื่อจะได้บ้าง น้องมันก็หน้าตาดีนะครับแต่ช่วงนั้นผมไม่ค่อยคิดอะไรมาก
“ไปดิ ตั้ง 10 คะแนนพลาดได้ไง”ลืมบอกไปครับน้องมันเรียนเก่งด้วย เรียนอยู่ห้องหนึ่งเลยจากสิบห้าห้องอะ ดูเหมือนจะเฉยๆนะครับแต่โรงเรียนของเราเป็นโรงเรียนติดท็อปของประเทศเลยหละ แอบโม้นิดนึงไม่ว่ากันนะ
“อ่า ไปวิ่งด้วยกันไหม”หลังจากที่ผมส่งข้อความนี้เสร็จผมก็ต้องตีมือตัวเองเลยครับ ยอมรับเลยอันนี้รุกแรงมาก เดี๋ยวเหยื่อจะหนีไปก่อน
“ไม่เอาอะ แค่ผมเห็นหน้าพี่ผมก็วิ่งเข้าป่าละ 555”อาจจะดูแรงไปนะครับแต่สำหรับผมก็เฉยๆ ผมไม่ค่อยคิดอะไรมากอยู่ละ อีกอย่างมันก็จริงอะ สภาพในตอนนั้นดูไม่ได้เลย ตอนนี้ก็ด้วยครับ
“หรา เดี๋ยวแดกหัวแม่งไอคนปากหมา”
“555 ล้อเล่นไม่โกรธกันนะ”
เราคุยกันตั้งแต่หนึ่งทุ่มกว่าๆถึงเกือบตีหนึ่งได้ละ แล้วก็ลาไปนอนกันระหว่างที่เราคุยกันก็ทำความรู้จักโปรไฟล์ของแต่ละคนไป ผมก็คิดในใจนะครับดูเหมือนว่าแผนการอ่อยจะสำเร็จไปครึ่งละเหลือเพียงทำให้รัก แต่ก็นะที่อ่อยๆไป ผมก็ไม่ได้คิดอะไรอยู่แล้ว แอบมีบางทีเผลอรู้สึกดีใจจากใจจริงข้างในไป ความรู้สึกในตอนนั้นก็กลัวที่รักไอเด็กนั้นขึ้นมาจริงๆ ผมเคยสัญญากับตัวเองไว้ก่อนจบมอสามอะครับ ว่าจะไม่รักใครอีก เนื่องจากในตอนนั้นผมแอบรักเพื่อนร่วมห้องคนนึงมาสองปีท้ายที่สุดเขาก็รู้โดนเขาเกลียดไป4เดือนก่อนจบ แต่ตอนนี้ก็เป็นเพื่อนกันละ มันเป็นแค่ความรู้สึกรักเด็กๆอะครับไม่ได้คิดอะไรมาก แต่มันก็เจ็บ ผมเลยสัญญากับตัวเองจนถึงวันนี้ ถึงจะชอบอ่อยไปทั่ว แต่ก็ไม่ได้รู้สึกอะไรกับใครจริงๆหรอก
ความคิดเห็น