วิมานแห่งช็อกโกแลต

ลำดับตอนที่ #35 : Menu : ดาร์คช็อกโกแลต มาการอง : ทุบ!! บด!!

Cr.deliciouseveryday


ดาร์คช็อกโกแลต มาการอง
ทุบ!! บด!!

ลูฟี่ขอแนะนำขนมช็อกโกแลตจากฝรั่งเศส คือ Dark Chocolate Macaron
 Macaron อ่านว่า มะกาฮอง แต่ที่เรียกติดปากก็คือ มาการองหรือมาการง
มาจากภาษาอิตาเลี่ยน Maccarone แปลว่า ทุบ หรือ บด มีที่มาจากการเอาอัลมอนด์มาบดเพื่อทำเป็นขนมนั่นเอง(หายสงสัยชื่อแล้วชิมิ)
แต่ที่อิตาเลี่ยนไม่ได้นำอัลมอนด์มาบดแล้วทำเป็นมาการอง
แต่ออกมาหน้าตาอีกแบบว่า มาคารูน(โปรดติดตามต่อตอนหน้า)
มาการองมีส่วนประกอบหลัก คือ อัลมอนด์ น้ำตาล และไข่ขาว
มีลักษณะคล้ายคุกกี้สองชิ้นประกบกัน มีสีสันสดใส กรอบนอกนุ่มใน สอดไส้ตรงกลางด้วยกานาช
มีหลายรสชาติมากๆ มักนิยมทานคู่กับชาหรือไม่ก็กาแฟ

มาการองเป็นขนมที่จัดอยู่ในพวกเมอแรงค์(Merinque)
เชื่อกันว่ามีต้นกำเนิกมาจากเมืองไมริงเงิน ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โดยพ่อครัวชาวอิตาลีที่ชื่อ กัสปารีนี (เรื่องของเมอแรงค์จะเอาไว้เล่าในตอนต่อไปนะคะ)

และคุณลักษณะที่ดีของมาการอง จะต้องมีรสชาติที่ผสานกันอย่างลงตัว
ส่วนสูงที่สมดุลกัน ส่วนบนและส่วนล่างต้องเท่ากัน ส่วนที่สำคัญ คือ ส่วนล่างของชิ้นขนมที่เรียกว่า "Foot" หรือบางคนเรียกว่า "Skirt" ซึ่งมันคือ รอยหยักคล้ายลูกไม้ชายกระโปรงที่บางกรอบ ซึ่งกว่าจะทำได้เช่นนั้นก็ต้องมีวิธีการทำที่ยุ่งยากพอควร  และอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญ คือ  กลิ่นอันหอมหวาน  เคล็ดลับอยู่ที่หลังจากนำมาการองสองชิ้นมาประกบกันแล้ว ต้องเก็บไว้ในที่เย็นสักหนึ่งคืน เพื่อให้ไส้รสชาติต่าง ๆ ซึมซับเข้าสู่ชั้นของเนื้อขนม รวมทั้งไส้ที่บีบพอดีขอบให้เห็นเป็นเส้นเล็กๆ ตลอดทั้งชิ้น!!

ประวัติของมาการอง
มาการองมีประวัติมาอย่างยาวนาน มาหลายร้อยปี และในช่วง 5-6 ปีมานี้เอง
ชาวปารีสและเหล่าฟู๊ดดี้ ต่างหลงใหลจนเรียกว่าคลั่งเจ้าคุกกี้ชิ้นเล็กๆ สองชิ้นประกบกัน ตรงกลางมีไส้  หน้าตาเหมือนแฮมเบอร์เกอร์(?) รสหวานสีสันสดใส และราคาสูงจนน่าตกใจ(ชิ้นหนึ่งตกราคาที่ 30 กว่าบาท) และปัจจุบันนี้ ที่เมืองไทยได้นำมาขายกันมากขึ้น(เย้ๆ)

ณ ในยุคที่ข้าวยากมากแพงนั้น ช่วงFrenchrevolution(ประมาณปีค.ศ.1789-1799) เริ่มมีการปฏิวัติการปกครอง ช่วงนั้นมิชชันนารี(สมาชิกองค์กรทางศาสนา)ชาวอิตาลี่ ที่อาศัยอยู่ในฝรั่งเศส
ได้หาวิธีดำรงชีพจากอัลมอนด์ น้ำตาล และไข่ขาว ซึ่งตอนนั้นของยังไม่แพง(เหมือนตอนนี้T^T)
มีคุณค่าทางอาหาร ได้ริเริ่มการนำทั้งสามอย่างนี้มาบดกันแะลใส่เตาอบ ออกมาขนมรูปร่างคล้ายจานบิน...ด้านนอกกรอบนิดๆ พอกัดเข้าปากก็จะละลายไปในปากทันที และด้วยรสชาติที่หอมหวานลงตัวและด้วยราคาที่หาง่ายในยุคนั้น มาการองจึงได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย

จนกระทั่งมีผู้นำมาการองมาประกบสองอันแล้วบีบไส้ไว้ตรงกลาง จนกลายมาเป็นมาการองที่พวกเราเห็นรู้จักมาจนถึงทุกวันนี้ โดยพ่อมดขนมหวานชาวฝรั่งเศส นาม Pieri Herme' ซึ่งนำผลไม้จากทุกมุมโลกมาสร้างสรรค์มาการองรสชาติต่างๆ มากมาย จนกลายเป็นที่นิยมทั้งโลก
ปัจจุบันนี้มาการองเป็นทั้งขนมหวานแสนอร่อย เป็นทั้งแฟชั่น ที่เชฟเทพๆ ทั้งหลายแข่งกันครีเอตหน้าตา และรสชาติออกมาอย่างสวยงาม
 

ขอขอบคุณข้อมูล เครดิตของ sites.google.com
และสูตรมาการอง มีคลิปวีดีโอด้วยนะ https://sites.google.com/site/khnmmakarxng/withi-kar-tha-khnm-ma-kar-xng

S
N
A
P