ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Moonlight Meeting

    ลำดับตอนที่ #1 : Meeting

    • อัปเดตล่าสุด 14 มิ.ย. 50


    ในคืนที่พระจันทร์ส่องแสงสีเหลืองนวล... และดวงดาวแข่งกันทอประกายเต็มท้องฟ้า...

    ท่ามกลางแสงของสองสิ่งนั้น... เสียงของคนๆหนึ่งก็ดังขึ้น...

    ทั้งๆที่เป็นเวลาเข้านอนของคนหลายๆคนแท้ๆ...

    แต่ทำไมเสียงนั้นถึงยังสดใสอยู่ได้นะ...

    "สวัสดีจ้า~!"


    Moonlight Meeting

    เจอกันหลังอาทิตย์ตก


    "ไ.อ้หย๋า!! ทำไมเกรดมันแย่ขนาดนี้ฟะ!!"

    "เฮ้อ... รอดตัวไปเทอมนี้..."

    "แง้...! โดนแม่ด่าอีกแหงมเลย..."

    "เย้ส!! ในที่สุดก็ทำได้แล้ว!!"

    เสียงของเหล่านักเรียนที่มีทั้งดีใจ เสียใจ และโล่งอกผสมปนเปกันไปทั้งห้อง... ซึ่งเหตุผลนั้นก็ไม่ใช่อย่างอื่นใด... เพราะวันนี้เป็นวันที่ผลสอบออกนี่นา

    จะเป็นจะตายก็ขึ้นอยู่กับวันนี้แหละ... เด็กนักเรียนส่วนใหญ่ย่อมคิดกันแบบนี้...

    แต่ช่วงสอบกลับไม่ยอมอ่านหนังสือกัน...ก็แปลกดีเนอะ...

    ถึงอย่างนั้นก็มีนักเรียนอยู่คนหนึ่ง ที่ไม่ได้ใส่ใจกับผลสอบของตัวเองเลยแม้แต่น้อย...

    เด็กหนุ่มที่ไม่ได้ใส่ใจกับผลการเรียนของตัวเองนั้นกำลังนั่งเงียบๆอยู่ตรงโต๊ะของตน ชุดที่ใส่ก็คือเครื่องแบบนักเรียนของผู้ชายที่ประกอบไปด้วยเสื้อเชิ้ตสีขาวและกางเกงขายาวสีเทา

    เขาใช้มือขวาดึงผมสีดำที่ตั้งขึ้นเล็กน้อยเล่น... ดวงตาสีดำจับจ้องไปยังใบเกรดของตนอย่างเหนื่อยหน่าย

    ได้ 1.89... เกรดตกลงไปอีกแล้ว...

    ไม่เห็นต้องคิดมากเล้ย... มันเป็นแค่ตัวเลขเอง...

    เด็กหนุ่มนำกระดาษเกรดของตนพับและยัดเข้าไปในเป้ลายพรางอย่างไม่ใยดี แล้วจึงนำเป้ขึ้นมาสะพายตรงไหล่ขวาเพื่อเตรียมตัวที่จะกลับบ้าน... แต่ทันใดนั้นเอง...

    "เฮ้ย!! ไ.อ้ตูน!!"

    เด็กหนุ่มหันไปตามเสียงตะโกนเรียกชื่อของตน ซึ่งพอหันไป... เขาก็พบกับเพื่อนร่วมชั้นในผมสีดำทรงรด.และหน้าตาตี๋ๆหน่อยยืนอยู่ข้างๆ

    ชื่อนายเกรียนคนนี้คือเก๋า... หนึ่งในเพื่อนไม่กี่คนของเขาที่ซี้กัน...

    "แกได้เกรดเท่าไรวะ?"

    เก๋ายิงคำถามสุดฮิตฮอทประจำวันออกไปโดยไม่รอช้า ซึ่งทำให้คนที่พึ่งเกรดตกฮวบมาแหมบๆรู้สึกเซ็งในทันใด... แต่เขาก็ตอบไปแบบกวนๆว่า

    "ไม่บอก... ปล่อยให้งง~"

    "อะไรฟะ! บอกกันหน่อยเดะ!"

    "บอกของแกมาก่อนซิ คุณขาวสามด้าน"

    เมื่อโดนมุขด่าในจุดเด่นอย่างจัง เขาก็หยุดซักถามในทันที แต่ก็ยังไม่หยุดพูดอยู่ดี...

    "เออนี่! ขอบใจหลายๆนะที่แกไปไปช่วยต่อรองกับอาจารย์กับตูอ่ะ ไม่งั้นเทอมนี้ได้Cอีกตัวแน่เลย"

    "เพื่อนกันๆ ช่วยอะไรได้ขอให้บอก"

    ตูนพูดยิ้มกว้างอย่างอารมณ์ดีพลางโบกไม้โบกมือราวกับจะบอกว่าไม่เป็นไรจริงๆ แต่อีกฝ่ายกับทำหน้าเป็นห่วงแล้วพูดว่า

    "ขอพูดตรงๆนะ... แกห่วงตัวเองบ้างเหอะ"

    "ทำไมวะ?"

    "ก็แกเล่นไปช่วยงานคนนู้นทีคนนี้ที งานกิจกรรมอีก... แกจะไปเอาเวลามาอ่านหนังสือตอนไหนฟะ? การบ้านก็ทำส่งไม่ค่อยทันด้วยนีหว่า"

    "เดี๋ยวงานกีฬาสีก็จะจบแล้ว ถึงตอนนั้นก็ว่างเองแหละ... กลับก่อนล่ะ!! บาย!!"

    ตูนตัดบทได้อย่างรวดเร็ว พร้อมกับลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินไปตรงประตูทันที แต่ก่อนที่จะได้ออกจากประตู... เพื่อนของเขาก็ตะโกนไล่หลังมาว่า

    "เดี๋ยวมาเล่นปิงปองด้วยกันอีกนะ!! คราวนี้ไม่แพ้แน่!!"

    "เออ!! แล้วเจอกัน!!"

    ปิงปอง... เป็นกีฬาที่เขามันใจในฝีมืออยู่พอควร

    'ลูกตบไร้เงา' เป็นฉายาที่เขาได้รับมาจากเพื่อนที่เล่นๆมาด้วยกันทุกเที่ยง ซึ่งมีเพียงแค่สี่ห้าคนเท่านั้น...

    ส่วนเก๋าเองก็คือหนึ่งในขาประจำ... ฝีมือถือว่าไม่เลวร้ายนัก

    ถึงจะตบไม่ค่อยแม่น... แต่รับได้เหนียวหนึบ แถมยังเดาทางเก่งอีก

    ถือว่ารับมืออยากอยู่พอตัว... แต่...

    เจอกับสายบุกแหลกอย่างเขามันก็บ่ยั้นหรอก...

    ถ้าได้เจอกัน... ล่ะนะ...

    ____________________

    "ตรากร!!"

    เสียงตะโกนอีกเสียงหนึ่งที่แหวกผ่าอากาศมาด้วยความเร็วแบบสุดๆเข้ากระทบกับหูของตูนอย่างจัง จนทำให้เกิดอาการหงุดหงิดอยู่เล็กๆ...

    แต่คงจะหงุดหงิดกว่านี้... หากไม่เสียงของอาจารย์แล้วล่ะก็...

    "อะไรหรอครับอาจารย์บอล?"

    ถึงจะชื่อเหมือนผู้ชาย แต่อาจารย์คนนี้ก็เป็นผู้หญิงที่เป็นเด็กจบใหม่ จึงมีอายุแค่ยี่สิบปลายๆเท่านั้น...

    ผมสีดำยาวผ่านบ่าไปเล็กน้อยที่เรียบตรงและมันวาว ดวงตาสีดำคลับก็ฉายแววของคนใจดีออกมาเต็มเปี่ยม...

    ชุดที่ใส่ก็เป็นเสื้อน้องสีน้ำตาลทับบนเสื้อคอกลมสีขาว กระโปรงก็เป็นสีน้ำตาลแบบที่ทางการให้ใส่...

    เรื่องนิสัยก็ใจดีสุดๆ ไม่ถือตัวเป็นอาจารย์เลย... ดีกว่าพวกลุงๆขี้หงุดหงิดเป็นไหนๆ

    แถมยังสอนวิชาศิลปะอีกตังหาก! จึงเป็นที่ชื่นชอบของเหล่านักเรียนมาก

    "วันนี้กลับบ้านเร็วจัง มีอะไรหรอ?"

    อาจารย์บอลถามด้วยท่าทางที่เป็นมิตรจนตูนถึงกับหงุดหงิดไม่ลง เขาจึงตอบกลับไปอย่างหน่ายๆว่า

    "ก็เซ็งกับเกรดน่ะครับ เลยจะไปนอนเล่นที่บ้าน"

    "หรอ? ครูว่าครูให้ A เธอไปนา... ยังไม่พออีกรึไง..."

    อาจารย์สาวถามออกมาลอยๆเหมือนกับกำลังพูดอยู่กับตัวเองเสียมากกว่า แต่ลูกศิษย์ตัวดีของเธอก็ยิ้มให้อย่างอารมณ์ดีพลางพูดว่า

    "ผมแย่ในวิชาอื่นน่ะ ไม่ใช่วิชาของอาจารย์หรอก"

    "เธอเองก็ตั้งใจเรียนหน่อยซิ... เธอเองก็เป็นเด็กดีนา... อาจารย์ท่านอื่นๆเค้าก็บ่นๆมาเหมือนกัน"

    พอโดนเตือนแบบนี้เป็นรอบที่สองในเวลาไม่ถึงสิบนาทีก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาในทันใด...

    ต่อจากเพื่อนก็เป็นครู... จะมีใครมาสั่งสอนเขาอีกมั้ยเนี่ย?

    "ผมพึ่งโดนไ.อ้เก๋าสอนมาเมื่อกี้นี้เอง... โดนอาจารย์ต่อเลยหรอเนี่ย..."

    ตูนบ่นพึมพัมงึมงัมอย่างเซ็งๆ แต่อาจารย์บอลกลับหัวเราะคิกคักอย่างอารมณ์ดีแล้วพูดว่า

    "ก็ตั้งใจเรียนซะซิ จะได้ไม่โดนว่าอีก"

    "คร้าบๆ... ผมไปก่อนล่ะ!! บาย!!"

    ตูนรีบพูดตัดบทด้วยความเร็วจนฟังแทบจะไม่รู้เรื่องด้วยเสียงที่ดังกึกก้อง พร้อมกับชิ่งออกไปนอกรั้วโรงเรียนด้วยความเร็วเกือบจะเท่ากับฝีเท้าความเร็วแสง!! ทำเอาอาจารย์สาวยืนอึ้งแบบสุดๆจนพูดอะไรไม่ออก...

    แค่ที่เขาตะโกนไปนั้น... กลับเป็นสิ่งที่เรียกความสนใจคนๆหนึ่งเข้า...!

    จากอาคารเรียนชั้นมัธยมชั้นสองที่ตั้งอยู่ไม่ห่.างประตูทางออก...

    ดวงตาสีฟ้าคู่หนึ่งกำลังจับจ้องแผ่นหลังของเด็กหนุ่มที่กำลังวิ่งอย่างไม่ลดละ...

    มีบางสิ่งบางอย่างในตัวเขา... ที่ดึงดูดสายตาคู่นี้...

    "ยัยฝน!!"

    เด็กสาวในเครื่องแบบนักเรียน... ซึ่งประกอบไปด้วยเสื้อสีขาวแขนสั้นที่มีปกสีน้ำเงินอันเป็นจุดเด่น กับกระโปรงสีน้ำเงินที่ยาวถึงเข่า... หันไปตามเสียงเรียกชื่อของตน

    ผมสีน้ำตาลที่ยาวประบ่าโบกไสวตามการหมุนตัว ดวงตาสีฟ้าสดใสราวกับท้องฟ้ามองไปยังเพื่อนของเธอ

    ใบหน้านุ่มนวลอ่อนหวานที่มีรอยยิ้มอย่างอ่อนหวานประดับอยู่... ผิวก็ขาวนวลดุจแสงจันทร์...

    ไม่ว่ายังไง... เธาก็ไม่ใช่คนไทยแท้แน่ๆ...

    แถมยังสวยแบบสุดๆอีกตังหาก

    "อะ... อะไรหรอจ้ะ?"

    เด็กสาวผมน้ำตาลถามเสียงใส ซึ่งต่างจากเพื่อนสาวของเธอที่ทำหน้าบูดบึ้ง ดวงตาสีดำฉายแววหงุดหงิด ทำเอาผมสีดำที่ยุ่งฟูจนแทบไม่เป็นทรงอยู่แล้วยิ่งยุ่งเข้าไปอีก...

    "ยังจะมาถามว่าอะไรอีกเรอะ!? มาช่วยกันแต่งเพลงเชียร์หน่อยซิยะ!! ชั้นไม่ได้เป็นนักดนตรีแบบหล่อนนะ!!"

    เด็กสาวผมดำตะคอกตอบออกมาเป็นชุดด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว ในมือถือกระดาษหลายแผ่นที่มีการเขียนเนื้อเพลงเละเทะไปหมด...

    "แจน... ใจเย็นๆหน่อยซิ... ค่อยๆแต่งก็ได้"

    ฝนพูดแบบไม่ใสใจเท่าไร ซึ่งเธอก็เห็นว่าการแต่งแพลงนั้นไม่ควรจะรีบเร่ง... เพราะมิเช่นนั้นงานมันจะออกมาแบบขอไปที...

    ถึงแม้มันจะเป็นแค่เพลงเชียร์... ก็ไม่ควรจะทำชุ่ยๆ

    ราวกับอ่านความคิดของเพื่อนซี้ตนออก แจนถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่ายก่อนที่จะถามว่า

    "เอาเถอะ... แล้วหล่อนจ้องอะไรอยู่ยะ? เห็นมองไปตรงประตูใหญ่ตั้งนานแล้ว"

    "พอดีเห็นตูนวิ่งออกไปน่ะ... นึกว่าเค้าจะมาช่วยเราจัดงานซะอีก..."

    ฝนตอบพลางชี้ไปตรงประตูใหญ่ ซึ่งทำให้สาวโหดรู้สึกประหลาดใจขึ้นมาเหมือนกัน

    "ไ.อ้นั่นกลับบ้านไปแล้วเรอะ? กะว่าจะคืนหนังสือที่ยืมไปซะหน่อย"

    พูดจบเธอก็ดึงหนังสือเล่มนึงออกมาจากย่ามทำเองจากมือที่วางเอาไว้แถวๆนั้น... ทันทีที่ได้เห็นหนังสือ ฝนก็สะดุ้งโหยงด้วยความตกใจ

    หน้าปกเป็นรูปผู้หญิงผิวสีขาวซีดราวกับรูปปั้น ดวงตาของหล่นนั้นกลวงโบ๋ และรอยเลือดก็อยู่เต็มหน้าปกไปหมด!! ส่วนชื่อหนังสือนั้นก็สยองไม่แพ้กัน...

    " 'อาฆาต แค้น ผีลืมหลุม' สนุกนะ... เลือดสา.ดกระจายดี ลองอ่านมั๊ยล่ะ?"

    "มะ... ไม่ล่ะจะ! เดี๋ยวนอนไม่หลับ!"

    สาวขวัญอ่อนรีบปฏิเสธความหวังดีของเพื่อนซี้แทบจะในทันที แต่แจนก็ไม่ได้หวังว่าเธอจะตอบตกลงอยู่แล้ว... จึงไม่ได้แปลกใจอะไร

    "เอ... จะว่าไปช่วงนี้ตูนมันก็ทำตัวแปลกๆนา... รู้สึกมันจะใจดีเกินเหตุ..."

    "ยังไงหรอ?"

    "ก็... เลี้ยงข้าวกลางวันคนอื่น... ให้ยืมหนังสือนิยายสุดรักไปทั่ว ทั้งที่เป็นพวกหวงหนังสือสุดๆ... แถมจากเป็นคนที่ไม่กินข้าวกลางวัน... วันนี้ดันซัดข้าวมันไก่ไปสามจาน แถมไส้กรอกไก่อีกสิบไม้แนะ!!"

    "กินจุจังเลยแหะ... เอาเถอะ ทำงานต่อดีกว่า~"

    ฝนพูดปัดๆเหมือนกับไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก... แต่ทว่าในหัวเธอกลับกำลังวิเคราะห์ข้อมูลทั้งหมดด้วยความรู้สึกที่ไม่ค่อยสู้ดีนัก...

    ให้ของคนอื่นมากผิดปกติ... ใช้เงินแบบไม่คิดหน้าคิดหลัง...

    ช่วยเหลือคนอื่นจนไม่ห่วงเรื่องของตัวเอง...

    บวกกับแววตาที่ดูแปลกๆของเขาเมื่อครู่นี้...

    มันหมายความว่ายังไงนะ...

    ____________________

    หลังจากที่ออกมาจากโรงเรียนและแวะซื้อของที่ร้อนเซเว่นอีเลเว่นแล้ว เด็กที่รีบชิ่งกลับก่อนก็มาถึงอพาร์ทเม้นต์ที่เป็นบ้านของตน

    ตูนไขประตูห้องเช่าออกด้วยความเหนื่อยหน่าย เขาก้าวเข้าไปในห้องพร้อมกับเปิดไฟ แล้วก็ปิดประตูตามความเคยชิน...

    สายตากวาดไปยังห้องเช่าที่มีเตียงเดี่ยวที่จัดเอาไว้หยาบๆ โต๊ะเขียนหนังตัวเล็กๆที่มีของวางเละเทะไปหมด...

    ข้างๆนั้นก็เป็นตู้หนังสือที่มีหนังสือนิยายหลายสิบเล่มตั้งเอาไว้อย่างเป็นระเบียบ...

    ถัดไปก็เป็นตู้เย็นขนาดไม่ใหญ่โตนัก ข้างๆนั้นประตูห้องน้ำ

    ตูนหนังสือโยนเป้ทิ้งไปบนเตียง ก่อนที่จะเดินไปหยิบหนังสือแนวสยองขวัญจากชั้นมาดู...

    หนังสือของเขานั้นเป็นเกี่ยวกับวิญญาณ มนุษย์ต่างดาว และฆาตกรรมทั้งนั้น...

    ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงชอบแนวนี้ได้... แต่ก็ชอบและสะสมมาตลอดห้าปี...

    ตูนวางหนังสือเล่มนั้นกลับไปที่เดิมด้วยท่าที่แปลกๆ ก่อนที่จะควานหาอะไรบางอย่างในกระเป๋ากางเกง... หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็หยิบสิ่งที่ดูผิดหูผิดตาขึ้นมา...!

    บุหรี่กับไฟแช็ค?

    ตูนเดินออกไปตรงระเบียงพร้อมบุหรี่และไฟแช็คในมือ เขาแกะซองบุหรี่ที่พึ่งจะซื้อมาสดๆร้อนๆ ก่อนที่จะดึงขึ้นมาคาบเอาไว้หนึ่งมวน

    ในเวลาไม่นาน บุหรี่ก็ถูกจุดโดยไฟแช็คที่อยู่ในมือ ควันสีเทาถูกส่งออกมาจากปลายบุหรี่... แต่พอเขาสูดควันมะเร็งเข้าไปได้แปปเดียว!

    แค่กๆ!!

    เด็กที่ไม่เคยแม้แต่จะสูดควันบุหรี่ กลับคิดที่จะมาสูบก็เลยสำลักขึ้นมาดื้อๆ!!

    ตูนรีบบ้วนแท่งมะเร็งออกจากปาก แล้วจึงขยี้มันกับพื้นเพื่อที่จะดับมันลง... ในขณะที่กำลังไอเพราะพิษบุหรี่อยู่นั้นเอง เขาก็รู้สึกสงสัยขึ้นมาเต็มประดา

    ว่าพวกที่สูบบุหรี่นี่... สูบกันเข้าไปได้ไงวะ?

    ไม่เห็นมันจะน่าสูบตรงไหนเลย!

    รสแหวะสุดๆ!!

    หลังจากที่รู้ซึ้งที่รสบุหรี่ที่สงสัยมานานว่าจะดีซักแค่ไหน เขาก็โยนบุหรี่ทั้งหมดที่เหลืออยู่และไฟแช็คทิ้งไปในถังขยะอย่างไม่ใยดี

    ตูนรีบเดินไปเปิดตู้เย็นเอาโค้กกระป๋องออกมาดื่มล้างคอ และด้วยความสามารถของการซัดโฮก โค้กในกระป๋องก็หมดในเวลาไม่ถึงนาที!

    "แหวะ... ขมชิบ..."

    เด็กผู้ไม่เคยสูบบุหรี่บ่นพึมพัมอย่างรู้สึกหงุดหงิดตัวเองที่คิดไปลองสูบของแบบนั้น... ก่อนที่จะล้มตัวลงนอนบนเตียงของตน

    กระป๋องโค้กที่ดื่มหมดแล้วก็ถูกโยนเข้าไปในถังขยะทั้งๆที่เจ้าตัวยังนอนอยู่ มันก็เลยพลาดเป้าและลอยข้ามถังไปอย่างช่วยไม่ได้... แต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจในเรื่องนั้นเลยซักนิด...

    กระป๋องโค้กค่อยๆกลิ้งไปตามทางตามแรงเฉื่อยที่ยัวหลงเหลืออยู่... และพอแรงนั้นได้หมดลง กระป๋องก็หยุดนิ่งอยู่กับที่...

    พร้อมๆกันนั้น... ตูนก็ผลอยหลับท่องฝันไปโดยที่ไม่แม้แต่จะถอดรองเท้า...

    ในตอนนี้ เขาอยากจะไปให้ไกล... ยิ่งไกลยิ่งดี...

    ไกลจากโลกแห่งความจริง... ที่กำลังจะฆ่าเขา...

    โลกแห่งความฝัน... คงเป็นที่ที่เขาจะพักผ่อนได้...

    อย่างน้อยๆ... ก็เฉพาะตอนนี้...

    ____________________

    "เฮ้อ~ กลับถึงบ้านซะที!"

    ฝนพูดอย่างมีความสุข ขณะที่ทิ้งตัวลงไปบนเตียงด้วยความเหนื่อยอ่อนจากการช่วยงานโรงเรียนจนดึกดื่น

    ถึงแม้จะเหนื่อย... แต่เธอก็รู้สึกดีที่ตนมีส่วนช่วยให้งานนั้นสำเร็จลงด้วยดี

    ห้องของเธอนั้นดูใหญ่กว่าของตูนเล็กน้อย... อาจจะเป็นเพราะว่าการจัดข้าวของที่เป็นระเบียบกว่ามาก ตามนิสัยของกุลสตรี

    ของส่วนใหญ่ในห้องนั้นเป็นโทนสีฟ้าที่ดูสบายตา บวกกับตุ๊กตาสัตว์ยัดนุ่นทั้งหลายที่วางเรียงรายอยู่เต็มเตียง และแอร์ที่เย็นช่ำ... ห้องนี้จึงเป็นห้องที่น่านอนไม่ใช่น้อย

    แต่ทว่าความสุขที่มีอยู่เต็มทรงของฝนนั้นก็มีผลไม่ต่างจากกาแฟเลย...

    นั่นคือ เธอไม่รู้สึกง่วงเลยซักนิด

    เด็กสาวผู้นอนไม่หลับลุกขึ้นมานั่งพลางเหลือบไปมองนาฬิกาปลุกรูปดาวตรงหัวเตียง เข็มบนหน้าปัดบอกเธอว่ามันเป็นเวลาสามทุ่มแล้ว...

    แต่พรุ่งนี้เป็นวันหยุด... จะนอนตื่นสายยังไงก็ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว

    ฝนคว้าเอาหมอนข้างมากอด โยกตัวไปมาเพื่อแก้เซ็ง ก่อนที่จะพึมพัมพวกการบ้านที่ต้องทำออกมาเบาๆ...

    "แต่งเพลงเชียร์... เรียบร้อยแล้ว... การบ้านเลข... ก็ทำแล้ว... โพรเจ็คอื่น... เพื่อนทำแล้ว..."

    หลังจากนั่งทบทวนอยู่พักใหญ่ๆ... เธอก็ได้พบกับความจริงที่ว่าหยุดนี้ เธอไม่มีงานจากโรงเรียนเหลือกลับมาทำที่บ้านเลยสักอย่าง...

    หยุดนี้คงจะว่างพิลึก...

    ฝนถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่อย่างเหนื่อยหน่าย และในจังหวะที่เธอกำลังไม่รู้ว่าจะทำอะไรดีนั้นเอง...

    สายตาที่เหลือบมองออกไปนอกหน้าต่าง... ก็เหมือนกับถูกอะไรบางอย่างในท้องฟ้ายามราตรีดึงดูดเอาไว้...

    คืนนี้เป็นคืนที่พระจันทร์เต็มดวง แถมดาวก็ยังเต็มฟ้า...

    หายยากสุดๆ!

    "ไปเดินเล่นดีกว่า~"

    ว่าแล้วเด็กสาวก็กระโจนออกจากเตียง คว้าเอาโรงเท้าผ้าใบคู่เก่งมาสวม แล้วจึงวิ่งตรงไปยังหน้าประตูห้อง... แต่ก่อนที่จะเปิดประตูออก...

    เธอหันกลับไปมองตรงหัวเตียง ดวงตาสีฟ้าคู่นั้นกำลังจับจ้องไปยังกรอบรูปที่ตั้งอยู่บนนั้นอยู่ครู่หนึ่ง...

    "เดี๋ยวหนูไปเดินเล่นก่อนนะคะ แล้วจะรีบกลับมาค่ะ..."

    ฝนพูดออกมาเบาๆ ราวกับต้องการพูดกับรูปถ่ายใบนั้น และไม่ต้องการให้สิ่งอื่นได้ยินคำพูดของเธอ... ก่อนที่จะวิ่งออกไปนอกห้องด้วยความรู้สึกตื่นเต้น จิตนาการเรื่องท้องฟ้าอันสวยงามยามค่ำคืนกำลังวนเวนอยู่ในหัวของเธอ...

    โดยที่หารู้ไม่ว่า... สิ่งที่เธอกำลังจะได้ในคืนนั้น...

    มิได้มีแค่พระจันทร์กับแสงดาว...

    ____________________

    ในเวลาเดียวกันนั้น ตูนก็กำลังจะออกจากห้องอยู่พอดิบพอดี...

    เขากวาดสายตาไปรอบห้องอย่างช้าๆ ราวกับต้องการจะบันทึกภาพทุกๆวินาที ลงไปบนความทรงจำของเขาอย่างไม่ให้ขาดตกบกพร่อง... ก่อนที่จะปิดไฟในห้อง แล้วก็เดินออกไปพร้อมกับกระทกประตูตามหลังไปเพียงไม่กี่วินาที...

    ท่ามกลางความมืดมิดในห้องเช่าของเด็กหนุ่ม... แสงจันทร์ได้ฉายผ่านหน้าต่างที่ไม่ได้ปิดผ้าม่านเอาไว้เข้ามา ทำให้โต๊ะเขียนหนังสือสว่างขึ้นมาในทันใด...

    บนโต๊ะตัวนั้น มีสมุดอยู่เล่มหนึ่งกางค้างเอาไว้... ในนั้นมีเขียนเกี่ยวกับเรื่องวิญญาณและเอเลี่ยนอยู่มากมาย...

    สมุดเล่มนั้นคงจะเป็นไดอารี่อย่างไม่ต้องสงสัย... แต่ทว่า... ในมุมล่างของหน้านั้น...

    มีคำสั้นๆอยู่หนึ่งคำถูกเขียนเอาไว้อยู่...

    เป็นคำง่ายๆ... แต่กลับเข้าใจได้ยากยิ่ง...

    ... ลาก่อน...

    ____________________

    เมื่อสิบห้าก่อน มีคู่รักคู่หนึ่งได้ถือกำเนิดขึ้น... ท่ากลางเสียงโต้แย้งของผู้คนรอบข้าง... ทั้งพ่อแม่ พี่น้อง และเพื่อนฝูง... แต่มันก็ไม่แปลกนักที่เป็นอย่างนี้

    ฝ่ายชายอายุสิบเจ็ด ในขณะที่ฝ่ายหญิงอายุยี่สิบสาม... อายุห่.างกันถึงหกปี ทุกๆคนจึงเห็นว่าทั้งคู่ไม่เหมาะสมกันเลย...

    แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น... ทั้งสองก็เพิกเฉยต่อคำแนะนำของพวกผู้ใหญ่ และหนีไปใช้ชีวิตด้วยกันเพียงลำพัง...

    หลังจากนั้นไม่ถึงปี หลักฐานที่เป็นเครื่องยืนยันในความรักของทั่งคู่ก็ถือกำเนิดขึ้น...

    เด็กทารกตัวน้อยๆได้ลืมตาขึ้นมาดูโลก มันช่างเป็นเรื่องที่น่ายินดีจริงๆ...

    ทั้งๆที่... มันควรจะเป็นแบบนั้นแท้ๆ...

    แต่คงเป็นเพราะทั้งคู่ยังเด็ก และความรับผิดชอบก็ยังมีไม่มากพอ... บวกกับความรักที่เป็นเพียงแค่ความรักของวัยรุ่น... ทำให้มันเป็นความสุขที่ไม่ยืนยาวนัก...

    หลังจากนั้นเพียงแค่สามปี ทั้งคู่ก็ตัดสินใจที่จะแยกทางกัน...

    ____________________

    หลังจากที่เดินออกจากห้องอยู่พักหนึ่ง ในที่สุดฝนก็ขึ้นมาถึงจุดหมายของเธอ... นั่นก็คือ ชั้นด่านฟ้า

    ก็ถ้าจะดูดาวโดยที่ไม่ถูกพวกตึกบัง ก็ต้องอยู่บนตึกสูงๆซิเนอะ...

    "ว้าว!! ดาวสวยจัง~"

    เด็กสาวโพล่งออกมาแทบจะในทันทีที่เธอแหงนหน้ามองท้องฟ้า... และราวกับตอบสนองคำพูดของเธอ... จู่ๆดวงดาวก็ส่องแสงสว่างขึ้นมา คล้ายจะแข่งทอแสงก็ไม่ปาน...

    พอเห็นดังนั้น ฝนก็ถึงกับยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์! แต่ก่อนที่เธอจะได้เชยชมมันได้มากกว่านี้...

    เสียงเปิดประตูบนด่านฟ้าที่ไม่ได้หยอดน้ำมันมาเป็นปีก็ดังขึ้น ทำให้เด็กสาวผู้ขวัญอ่อนสะดุ้งโหยงเป็นรอบที่สองของวัน!

    รูปหน้าปกสุดหลอนของ 'อาฆาต แค้น ผีลืมหลุม' ผุดขึ้นมาในหัวของฝนแทบจะในทันที!!

    ถึงจะกลัว... แต่เธอก็ค่อยหันกลับไปตามเสียงอย่างช้าๆ ตัวของเธอเริ่มสั่นเป็นจ้าวเข้า แถมหลับตาปี๋อีกด้วย!

    "อย่าเป็นผี... อย่าเป็นผี... อย่าเป็นผี..."

    ฝนภาวนาออกมาเบาๆ ขอให้เธอไม่เจอสิ่งที่เธอกลัวที่สุด... แล้วจึงรวบรวมความกล้าทั้งหมดลืมตาขึ้น!!

    แต่สิ่งที่เธอได้พบ... ก็น่าแปลกใจไม่แพ้กัน...

    ตูนได้ปรากฏตัวขึ้นมาตรงประตูเหล็กด้วยสีหน้าที่บอกได้เลยว่าประหลาดใจไม่แพ้กัน...

    ดวงตาสีดำเบิกกว้างพอๆกับปากที่อ้าค้างเอาไว้ด้วยความตกตะลึงผสมกับความงงงวย!! ที่ได้เห็นสาวสุดป๊อปของโรงเรียนมาอยู่บนด่านฟ้าของอพาร์ทเม้นต์แห่งนี้!!

    ถึงเขาจะเป็นพวกไม่ใส่ใจคนรอบข้างก็เถอะ... แต่ลูกครึ่งที่สุดแสนจะโดดเด่นแบบนี้ เป็นใครๆก็รู้จัก...

    มาเจอกันบนด่านฟ้าที่นานๆครั้งจะมีคนขึ้นมาสักที... แถมยังเป็นตอนกลางค่ำกลางคืนอีก!!

    ในขณะที่ตูนยังคงยืนอึ้งอยู่และไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงดี... ฝนกลับยิ้มให้พลางโบกมือไปมาอย่างมารมณ์ดี ก่อนที่จะทักด้วยเสียงที่สดใสร่าเริงว่า

    "สวัสดีจ้า~!"

    "ยะ... ยัยเหม่อลอย!"

    คนปากเสียเผลอเรียกฉายาของอีกฝ่ายออกมาอย่างลืมตัว ทำให้ฝนถึงกับยิ้มแหยๆแบบไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่...

    ส่วนที่มาของฉายานั้นก็มาจากการที่เรียกแล้วไม่ค่อยยอมตอบ และบางที่ก็ชอบมองนกมองไม้ข้างนอกหน้าต่าง... เหมือนกับหลุดไปอยู่ในโลกส่วนตัวอยู่บ่อยๆ...

    ถึงอย่างนั้นก็เถอะ... เธอก็เป็นเด็กหัวดีอันดับต้นๆของชั้นปีเลยทีเดียว

    "อะไรอ่ะ... อุตส่าห์ทักดีๆแท้ๆ..."

    เด็กหัวดีบ่นอุบอิบพลางเบือนหน้าหนี พร้อมกับเอามือกอดอกเหมือนกับกำลังงอนอยู่ แต่เพียงแค่ไม่กี่วินาทีต่อมา...

    เธอก็หันควับกลับมาพร้อมกับยิงคำถามไปด้วยเสียงที่กลับมาร่าเริงแบบเดิม ราวกับลืมเรื่องเมื่อครู่นี้ไปหมด

    "ทำไมวันนี้ไม่มาช่วยงานล่ะ? ทุกทีต้องมาไม่ใช่หรอ?"

    "ก็... พอดี... มันเหนื่อยๆน่ะ... ละ... เลยว่าจะกลับมานอน..."

    ตูนตอบแบบตะกุกตะกัก ราวกับคนมีพิรุธ... แต่ฝนก็ดูเหมือนจะไม่ได้สังเกตเห็นอาการผิดปกตินั้นเลย...

    ไม่ซิ... แกล้งทำเป็นไม่เห็นมากกว่า...

    "แล้วทำไมตอนนี้ไม่นอนล่ะ?"

    "ก็... นอนมาทั้งวันแล้วนิ..."

    "นอนทั้งวันไม่ปวดหัวหรอ?"

    "มะ... ไม่นิ..."

    "แล้วมาทำอะไรที่นี่ล่ะ?"

    เด็กสาวถามอย่างฉงนพลางเอียงคอเล็กน้อย แต่เด็กหนุ่มที่เริ่มรู้สึกว่าเขาจะถูกซักมากเกินไปแล้ว! เขาเลยแหกปากร้อง ก่อนจะโพล่งออกมาแบบเหลืออด!!

    "โว้ย!! ชั้นมากกว่า ที่อยากจะถามเธอว่าทำอะไรบนด่านฟ้าดึกๆดื่นๆแบบนี้!!"

    "อพาร์ทเม้นต์นี่ลุงชั้นเป็นเจ้าของนิ ชั้นจะอยู่นี่ไม่เห็นแปลกเลย"

    ฝนตอบด้วยท่าทางที่เหมือนกับกำลังงอนนิดๆ แต่ตูนกลับอ้าปากค้างและทำหน้างงๆ ก่อนที่จะถามถึงสิ่งที่พึ่งได้ยินมาเมื่อครู่นี้

    "ลุงเธอ... เป็นเจ้าของที่นี่หรอ?"

    "ใช่!" เธอพยักหน้ารับ "นายก็อยู่ที่นี่ใช่ม้า~ เดี๋ยวชั้นจะลดค่าเช่าให้แล้วกันนะ"

    "เฮ้ย!! ไม่ต้องหรอกน่า!!"

    เด็กหนุ่มรีบปฏิเสธความหวังดีของเพื่อนสาวทันที ทั้งๆเขาอาจสามารถลดค่าใช้จ่ายได้โข... แต่เขากลับแสดงท่าทีไม่สนใจเลยซักนิด

    "แน่ใจนะ?" ฝนถามย้ำอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ ซึ่งตูนก็ยังคงส่ายหน้าอย่างหนักแน่นราว ก่อนที่เขาจะพูดพร้อทกับยิ้มให้ว่า

    "แต่ก็... ขอบคุณในความหวังดีนะ"

    พออีกฝ่ายส่งยิ้มมา เด็กสาวก็ยิ้มรับทันที... แต่ในขณะเดียวกัน... ปัญหาที่ทำให้เธอกังวลใจมาตลอดตั้งแต่ตอนเลิกเรียน...

    ในที่สุด... ก็ได้คำตอบแล้ว

    ฝนวิ่งเหยาะๆไปตรงบริเวณริมของชั้นด่านฟ้า เธอพิงไปตรงรั้วเหล็กเตี้ยๆที่เอาไว้กันคนตกลงไป ก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นไปมองท้องฟ้า พลางพึมพัมออกมาลอยๆ

    "คืนนี้ดาวสวยดีเนอะ"

    "หา? ดาวสวย?" ตูนทวนคำอย่างงงๆ ท่าทางเขาจะยังตามความคิดของเพื่อนสาวไม่ทัน แต่เธอก็พูดต่อโดยไม่รอให้เขาตามทันเลย

    "ไม่ใช่แค่ดาวนา~ พระจันทร์ก็กลมโตเชียว! คืนนี้นี่ดีจริงๆเลยเนอะ!"

    "ดะ เดี๋ยวก่อนนะ... งั้นที่เธอขึ้นมานี่ก็..."

    "ก็มาดูท้องฟ้ายามค่ำคืนไง!!"

    ฝนตะโกนออกมาพลางชี้นิ้วขึ้นไปบนฟ้าที่เธอตามขึ้นมาดูด้วยท่าทางที่เหมือนกับเด็กที่ได้เห็นของเล่นชิ้นใหม่ ทำเอาเด็กหนุ่มรู้สึกเหนื่อยใจขึ้นมาเล็กๆ แต่เด็กสาวก็ถามขึ้นมาว่า

    "นายไม่คิดว่ามันแปลกบ้างหรอ?"

    "แปลกตรงไหนล่ะ?"

    "ถามจริงๆเหอะ... ในเมืองแบบนี้จะมีคืนที่เห็นพระจันทร์กับดาวชัดๆแบบนี้สักกี่วันเชียวยะ?"

    "ใครจะไปว่างมอ งฟ้าล่ะฟะ!? แต่อ่านหนังสือสอบก็จะไม่มีเวลาอยู่แล้ว!!"

    ตูนโพล่งออกมาอย่างเหลืออดกับคำถามที่ไม่ว่าจะฟังยังไงก็ไร้สาระสิ้นดี แต่คนที่ถามกลับไม่คิดเช่นนั้น... ฝนฟันควับกลับมาพร้อมกับพูดด้วยทั้งสีหน้าและน้ำเสียงที่จริงจังสุดขีด!

    "ทำเมินได้ไง! มันเป็นของขวัญที่ธรรมชาติมอบให้เราเชียวนะ!"

    ประโยคนั้นทำให้เด็กหนุ่มที่ไม่มีเวลาว่างเกิดฉุกคิดในสิ่งที่หลายๆคนได้ลืมเลือนไป... เขาค่อยๆเงยหน้าขึ้นไปมองบนท้องฟ้าที่ไม่ได้มองมานานอีกครั้ง

    มันก็... สวยอย่างที่ฝนบอกจริงๆนั่นแหละ...

    "หึ... สมเป็นยัยเหม่อลอยจริงๆ..." ตูนพึมพัมสิ่งที่คิดเรื่อยเปื่อยออกมาเบาๆ แต่การที่เรียกเด็กสาวด้วยฉายาที่ไม่น่าฟังก็ทำเอาเจ้าตัวหงุดหงิดขึ้นมาทันที

    "นี่นายจะเรียกชั้นแบบนี้อีกนานมั้ยเนี่ย... นายหัวฟู"

    ฝนบ่นอุบอิบอย่างไม่ค่อยพอใจกับการเรียกแบบนั้น แถมยังตอกกลับอีกตังหาก... ทำเอาคนหัวฟูต้องรีบขอโทษ

    "โทษทีๆ แบบว่ามันเรียกจนชินน่ะ..."

    "อ่ะนะ..."

    "แต่เธอเป็นคนที่ช่างสังเกตกว่าที่คิดนะ"

    ตูนชมพลางยิ้มให้อย่างอารมณ์ดีอย่างผิดปกติ ฝนเลยหายโกรธไปดื้อๆแถมยังเผลอยิ้มตอบกลับไปด้วย... ก่อนจะชวนคุยต่อว่า

    "ก็หูชั้นมันไม่ดีนี่นา... เลยต้องใช้ตาสอดส่องแทน"

    "ถ้าเธอหูไม่ดีล่ะก็ชั้นคงหูหนวกแล้วล่ะม้าง"

    เด็กหนุ่มพูดกลั้วหัวเราะ แสดงให้เห็นว่าเขาไม่ใส่ใจกับคำพูดของเพื่อนสาวเลย... แต่ทว่าเธอกลับพูดสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกช็อกไม่น้อย!

    "ชั้นน่ะ... ยังไม่เคยได้ยินเสียงนกร้องเลยนะ..."

    "พูดอะไรของเธอ?"

    "หูชั้นเกือบหนวกมาตั้งแต่เกิดน่ะ แต่โชคยังดีทีไม่หนวกสนิท แล้วมันก็ไม่แย่ไปกว่านี่แล้วแหละ!"

    ฝนพูดยิ้มๆราวกับการที่ตัวเองเกือบพิการนั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย แต่ตูนนั้นเห็นได้ชัดว่าไม่คิดเช่นนั้นแน่ๆ... เพราะถึงตอนนี้เขาก็ยังนึกว่านี่เป็นแค่เรื่องล้อเล่นของฝนอยู่

    "แต่เธอก็ร้องเพลงไม่ใช่หรอ? แถมใครแบบนินทาเธอไกลๆเธอยังได้ยินเลยนี่นา!"

    "ก็ใช้อ่านปากเอาน่ะ ฝึกมาตั้งแต่เด็กแล้วแหละ... แต่ร้องเพลงน่ะไม่ต้องใช้หูก็ได้นิ"

    "แล้วไม่ต้องฟังเสียงเครื่องดนตรีรอบๆเลยรึไง?"

    "อาศัยซ้อมเยอะๆ... ฟังเพลงบ่อยๆ... แต่นี้ก็จำเพลงได้แล้วล่ะ"

    เด็กสาวพูดพลางชี้นิ้วไปตรงหัวคล้ายๆจะบอกว่าจำไว้ในหัวแล้ว ทำเอาเด็กหนุ่มหลุดหัวเราะกับท่าทีอันไร้เดียงสาของเธอ

    ฝนเองก็ยิ้มให้เมื่อได้เห็นเพื่อนของเธอหัวเราะ... ซึ่งความจริง... มันก็เป็นสิ่งที่เธอคาดเอาไว้อยู่แล้ว

    แต่ทว่า...

    "มีหูไม่ค่อยดีแบบเนี่ย... เธอคงลำบากไม่น้อยเลยเนอะ..."

    "ไม่หรอก ดีซะอีกเวลาทำอะไรก็ไม่มีเสียงอะไรเข้ามากวน"

    "... ก็เพราะงี้ไงถึงเรียกว่ายายเหม่อลอย"

    พอโดนเรียกด้วยฉายาที่ไม่น่าฟัง ฝนก็เริ่มทำหน้าเหยเก น้ำก็เริ่มก่อตัวตรงขอบตา คนปากเสียจึงต้องรีบเอ่ยปากขอโทษ

    "โทษทีๆ!! กระผมปากเสียเองคร้าบ!! อย่างร้องนะ!!"


    "แต่เมื่อไรจะเลิกว่าเค้าซักทีอ่ะ"

    คนขี้น้อยใจก็เริ่มทำท่าจะร้องไห้หนักเข้าไปกว่าเดิม บวกกับการที่ตูนเป็นพวกที่ไม่เคยปลอบใจผู้หญิงมาก่อนก็ทำให้สถานการณ์เลวร้ายแบบสุดคั่ว!!

    ทำไงดีล่ะเนี่ย... เอาไงดีๆ...!

    เมื่อได้เห็นท่าทีลุกลี้ลกลนเหมือนกับกำลังโดนไฟลนก้น ฝนก็ปล่อยก๊ากออกมา ทำเอาตูนสะดุ้งกับการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์อย่างฉับพลันของเพื่อนสาวคนนี้

    "ตะ... ตูนนี่ตลกเป็นบ้าเลย!! ทะ... ทำท่าอะไรก็ไม่รู้!!"

    เด็กสาวพูดออกมาอย่างยากลำบากเพราะกำลังหัวเราะจนตัวงอ ส่วนเพื่อนของเธอก็ทำหน้าเหนื่อยหน่ายยามที่พูดว่า

    "เธอเนี่ยนะ... จะร่าเริงเกินเหตุรึเปล่า..."

    "ก็ชีวิตนี้เป็นของขวัญชิ้นเดียวที่คุณพ่อคุณแม่ให้มานี่นา ไม่สนุกกับมันก็เสียชาติเกิดพอดี"

    ฝนพูดกลับอย่างร่าเริง แต่จู่ๆร่างของตูนก็เกิดกระตุกเล็กน้อย ราวกับมีมีคำพูดอะไรไปสะกิดใจเข้า แต่ความรู้สึกนั้นก็หายไปเมื่อเขาคิดย้อนกลับไปในสิ่งที่ฝนพูด...

    ของขวัญ... ชิ้นเดียว...?

    "ขะ... ขอโทษนะ... เมื่อกี๊เธอ..." ตูนเอ่ยปากถาม แต่ก็ไม่ทันจะถามจบ...

    "... พวกท่านเสียไปหลังจากที่ชั้นเกิดได้ไม่กี่เดือน..."

    นี่คือคำตอบที่เด็กสาวให้มา แม้ว่าเธอจะไม่ยอมฟังคำถามให้จบก็ตามที... เธอหันกลับมายิ้มให้เพื่อนของเธอก่อนที่จะถามกลับว่า

    "เป็นคำตอบของคำถามที่เธอจะถามใช่ป่ะ?"

    "ขอโทษนะ... ที่ถามเรื่องแบบนี้..."

    ตูนกล่าวขอโทษออกมาเบาๆ ทั้งๆที่ฝนไม่ได้แสดงท่าทีอะไรกับคำถามของเขาเลยก็ตามที... ฝนเลยรีบโบกไม้โบกมือพลางพูดว่า

    "ไม่ต้องคิดมากหรอกน่า ตอนนั้นชั้นยังจำอะไรไม่ได้เลยด้วย"

    "ขอโทษ... จริงๆนะ..."

    เด็กหนุ่มยังคงพร่ำขอโทษไปเรื่อย... แววตาของเขาเริ่มที่จะดูมัวหมองมากจนแทบจะไร้ซึ่งชีวิต แต่ในชั่วพริบตาต่อมา...

    โป๊ก!!

    เสียงของกำปั้นพุ่งเข้าไปกระแทกกับกะโหลกอย่างรุนแรงดังขึ้นพร้อมๆกับเสียงร้องโหยหวนของตูน! และในขณะที่เขากำลังงงว่าเกิดอะไรขึ้นนั้น...

    "บอกว่าไม่เป็นไรก็ไม่เป็นไรซิยะ! ดื้อจริงๆเลยนะนายนี่!"

    "แล้วเธอมาตีชั้นทำไมล่ะ!!"

    "เงียบซะ!! ฟังชั้นพูดก่อน!!"

    ฝนตะหวาดใส่ตูนที่ยังไม่รู้เลยว่าตัวเองโดนเขกเพราะอะไร คิดของเธอขมวดเข้าด้วยกันและดวงตาก็หรี่เล็กลงอย่างเห็นได้ชัด ก่อนที่เธอจะตะหวาดต่อ

    "นายคิดว่าสิ่งที่พ่อแม่ต้องการจากเราคืออะไร!? ก็ให้เรามีความสุขไงเล่า!! ไม่ว่าพวกท่านจะอยู่ไกลแค่ไหนก็ตาม!! พวกท่านก็ยังรักเราอยู่ดี!! การตั้งท้องเก้าเดือนเนี่ยมันก็ไม่ใช่สิ่งที่ไม่รักเราจะทำได้นะ!!  เพราะงั้นถ้าคิดว่าชั้นจะเศร้าเวลาพูดถึงพวกท่านล่ะก็... คิดผิดถนัดแล้วย่ะ!! "

    คนที่โดนคำเทศนากราดเข้าใส่เป็นชุดเข้าไปก็ถึงกับพูดอะไรไม่ออก ในใจก็กำลังสงสัยว่าทำไมวันนี้เขาถึงโดนสอนบ่อยเกินเหตุ...

    "... ถ้าเราเป็นอะไรขึ้นมา... คนที่จะเสียใจที่สุดก็คือพ่อแม่นั่นแหละ... จำไว้..."

    ยัยเหม่อลอยสอนนายหัวฟูด้วยเสียงที่เบาและแฝงไปด้วยความเศร้า... และความห่วงใย... ก่อนที่เธอจะเปลี่ยนเรื่องคุยอีกครั้ง

    "นี่! เดี๋ยวชั้นจะไปหานายที่โต๊ะปิงปองตอนเที่ยงนะ!"

    "หา?"

    "กะว่าจะลองเล่นดูน่ะ... ขอยืมไม้ด้วยก็แล้วกัน! ไปล่ะ!"

    ทันทีที่พูดจบ ฝนก็วิ่งไปตรงประตูชั้นด่านฟ้า แต่ทันทีที่เธอเปิดประตูออก ตูนก็ตัดสินใจตะโกนไล่หลังไปว่า

    "อือ!! วันจันทร์เจอกัน!!"

    "จ้า!! แล้วเจอกัน!!"

    เด็กสาวหันกลับมาโบกมือให้เพื่อนแล้วจึงวิ่งลงไปข้างล่าง เสียงปิดประตูตามหลังดังปัง! แต่หลังจากเสียงประตูนั่นแล้ว... ก็ไม่มีเสียงอื่นอีกเลย...

    ตูนก็ยังคงยืนอยู่บนชั้นด่านฟ้าเพียงลำพัง สายตาจับจ้องลงไปตรงถนนที่อยู่ห่.างกันถึงสิบชั้น... เป็นเวลาเกือบสองนาทีที่เขาทำเช่นนั้น แต่จู่ๆเขาก็ถอนหายใจออกมา

    ทั้งๆที่เขาก็เตรียมการมาเป็นเดือนแท้ๆ... ทั้งๆที่คิดว่าคิดดีแล้วแท้ๆ...
    ทำไมพอได้คุยไปเธอ... เขาถึงทำไมลงล่ะ?

    แปลกจัง...

    "ปัดโถ่โว้ย... เทอมหน้าตั้งใจเรียนเหมือนเดิมดีกว่า..."

    เด็กหนุ่มผู้ไม่สามารถทำตามแผนการของตัวเองได้สบถออกมาเบาๆ แต่ถึงแม้ว่าเขาก็จะไม่สามารถทำตามแผนได้... เขากลับรู้สึกขอบคุณที่เป็นเช่นนั้น...

    โดยที่เขานั้นไม่รู้เลยว่าตัวการที่ทำให้แผนล้มเหลว ก็กำลังแอบดูเขาอยู่จากข้างหลังประตูด่านฟ้าด้วยรอยยิ้ม

    "ขอให้มีความสุขกับชีวิตไหม่นะ... ตูน"

    ฝนเอ่ยปากอวยพรอย่าแผ่วเบา แม้ว่ามันจะไม่ดังพอให้ตูนได้ยิน... แต่เธอก็เชื่อว่าความรู้สึกของเธอจะสื่อไปถึงเขาได้...

    แวบแรกที่เธอเห็นแววตาของตูน... เธอเห็นถึงความมืดมน...

    อาการที่แจกของรักของตนไปทั่ว... มันเป็นอาการบ่งบอก...

    บ่งบอกว่า คนๆนั้นอาจคิดฆ่าตัวตาย...

    เด็กสาวปิดประตูเบาๆแล้วจึงจากชั้นด่านฟ้าจริงๆ ในใจก็ภาวนาให้คนดีๆอย่างตูนไม่คิดทำอย่างนี้อีก...

    การที่เธอได้มาพบเขาในคืนนี้... และสามารถยับยั้งเขาไม่ให้ฆ่าตัวตาย...

    ไม่ว่าจะคิดยังไง... มันก็ปาฏิหารณ์ชัดๆ...

    คงเพราะพระเจ้ายังไม่อยากให้เขาตายล่ะมั้ง...

    "ปิงปองจะสนุกมั๊ยนะ~ คิกๆ"

    ฝนเริ่มหัวเราะคิกคักเมื่อลองนึกถึงการเล่นปิงปองที่จะมาถึงในวันจันทร์หน้าอย่างร่าเริง... ส่วนเรื่องที่ตูนคิดฆ่าตัวตายนั้น ก็เหมือนกับว่าเธอลืมมันไปซะแล้ว...

    อดีตที่ผิดพลาดขอให้ลืมไปซะ... แล้วทำวันพรุ่งนี้ให้ดีกว่า...

    ขอให้มีความสุข... กับวันพรุ่งนี้นะ...


    จบ...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×