ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Six sense club ขมรมปริศนา

    ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ

    • อัปเดตล่าสุด 16 ส.ค. 55


    บทนำ

    ฟากฟ้าดำทะมึนด้วยเมฆฝน สายลมพัดโชยเอาความชื้นและกลิ่นดินอ่อนๆมาแตะจมูก ทำเอาหญิงสาวผู้ขะมักเขม้นกับการแต่งแต้มสีสันลงบนแผ่นภาพ ต้องย่นจมูกอย่างขัดใจ ยกมือขยี้เส้นผมยาวหยักศกโดยไม่กลัวผมยุ่งด้วยท่าทางที่ติดเป็นนิสัย ตัดสินใจมองทิวทัศน์ต้นไม้ ใบหญ้า และสิ่งก่อสร้างรูปร่างประหลากกลางบ่อน้ำอีกครั้งอย่างเก็บรายละเอียด ก่อนกวาดอุปกรณ์วาดภาพทั้งหลายลงถุงพลาสติกกันน้ำ แล้วค่อยยัดเข้าสู่กระเป๋าผ้าคู่ใจใบโต  ร่างบางเพิ่งเริ่มขยับออกเดิน เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น

                    “ว่าไง  หว้า“ เสียงใสๆร้องทักเพื่อนสนิทที่เป็นทั้งเพื่อนร่วมคณะและรูมเมตอย่างคุ้นเคย

                    “ไม่ว่าไงหรอกเว้ย ฝนจะตกแล้วนะ โย เมื่อไรแกจะกลับ” โย หรือ วาโย รับฟังพลางเหลียวดูเม็ดฝนที่เริ่มตกเปาะแปะ ก่อนเร่งฝีเท้า

                    “ก็กำลังจะกลับนี่แหละ” ตอบไม่ทันไร ฝนก็เริ่มเทหนักขึ้นจนต้องหาที่หลบ “แต่ถ้าจะยังไม่ใช่ตอนนี้ว่ะ คงต้องหลบฝนอยู่ในสวนก่อน”

                    “นั่นไง แล้วงานเสร็จไหม แม่คุณ ส่งอาจารย์พรุ่งนี้นะเว้ย”

                    “อีกนิดเดียวเอง เหลือเก็บรายละเอียดอีกนิดหน่อย รับรองว่า เอาอยู่” ตอบแฝงความทะเล้นจนคนฟังต้องถอนใจ

                    “เอาเหอะ แม่คนเก่ง รีบกลับล่ะกัน  ส้มกับน้ำอิงชวนไปกินข้าวที่เดิม” ที่เดิมที่ว่า คือ ร้านอาหารหน้ามหาลัยที่ 4 สหายชอบไปกินเป็นประจำ

                    “เออน่า พวกแกไปรอก่อนเลยก็ได้ เดี้ยวฝนซาแล้วจะตามไป”

                    “ก็ได้ มาดีๆล่ะ อย่าเที่ยวไปเก็บของข้างทางมากินนะ เดี้ยวหมาอดตาย”

                    “ไอ้หว้า”

                    “บายจ๊ะ” ตรู๊ดๆๆ เสียงสัญญาณที่ได้ยิน เล่นเอาคนฟังแทบอยากกระโดดกัดหูเพื่อน เสียแต่มันไม่ได้อยู่ใกล้ๆ  ดวงตากลมสีดำสนิทกวาดตามองสายฝนที่เทมาอย่างหนักแล้วก็ต้องถอนใจ ดูท่าเธอคงต้องรออีกพักใหญ่ ไอ้เรื่องรอฝนมันไม่ค่อยเท่าไร แต่บรรยากาศรอบตัวเนี่ยสิ วาโยอดแปลกใจไม่ได้ที่มันเงียบสงัด ไม่ได้ยินเสียงรถ คน หรือสัตว์ใดๆ  ทั้งๆเมื่อกี้ ในสวนสาธารณะยังมีผู้คนจอแจอยู่เลย น่าแปลกจริง

                    เปรี้ยง  เสียงสายฟ้าที่ดังสนั่น ทำเอาวาโยสะดุ้งโหยง เดชะบุญนะที่เธอไม่เขวี้ยงของทุกอย่างทิ้งด้วยความตกใจ ไม่งั้น พรุ่งนี้เธอคงโดนอาจารย์สมศรีสวดยับที่ไม่มีงานส่ง คิดในใจก่อนเงยหน้ามองฟากฟ้า แล้ววาโยก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นแสงประหลาดวูบๆวาบๆอยู่ที่อีกฝั่งของสวน

                    แสงอะไร คิดอย่างสงสัยขณะกำลังลังเลใจว่าจะไปดูหรือจะถอย เสียงฟ้าผ่าก็ดังเปรี้ยงอีกครั้ง พร้อมการตัดสินใจเด็ดขาด เอาว่ะ อย่างน้อย ถ้าเกิดอะไรขึ้น เธอจะได้ไปเรียกตำรวจทัน คิดอย่างมุ่งหมาย แล้วก็พาร่างวิ่งไปโดยไม่กลัวสายฝน พอเริ่มเข้าใกล้ที่เกิดเหตุ วาโยก็ซุกตัวอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ พลางเหลียวซ้ายแลขวา

                    “ไม่เห็นมีอะไรเลยนี่นา เฮ้ย!” พูดยังไม่ทันขาดคำร่างเล็กๆร่างหนึ่งก็พุ่งเข้ามาหยุดอยู่ใกล้ๆ ให้คนมองต้องสังเกตอย่างประหลาดใจ

    ตัวอะไรกันละเนี่ย

    จะไม่ให้สงสัยได้ยังไง ในเมื่อเจ้าตัวเล็กที่มีตากลมแป๋วสีทองนั่น มีรูปร่างแบบที่เธอไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อนในโลก มันมีขนาดเท่าแมว มีหูเรียวเล็กน่ารัก มีขนสีน้ำตาลทองปุยๆ แต่อุ้งเท้ากลับเป็นเกล็ดเล็กคล้ายมังกร ส่วนหางยังทั้งยาวและใหญ่เกินตัวจนเมื่อใดที่กระทบพื้น ก็เล่นเอาดินตรงนั้นกระจุยไปหมด แถมเจ้าตัวเล็กยังทำท่าจะเข้ามาคลอเคลียใกล้ๆเธอ โดยไม่มีท่าทีกลัวคนแปลกหน้าซะอีก

    จะเป็นเพราะมันเข้ากับคนง่าย หรือเพราะมาจากตัวเธอเองที่คุ้นเคยกับสัตว์ได้รวดเร็ว วาโยก็ไม่แน่ใจ

    ทันใดนั้น จู่ๆท่าทีที่เป็นมิตรของเจ้าหนูก็เปลี่ยนไป มันหันหน้าไปอีกทาง ส่งเสียงขู่ฟ่อพลางพองขนให้ตั้งชัน ท่าทางที่วาโยดูออกว่า มีอะไรบ้างอย่างกำลังใกล้เข้ามา และดูท่าจะไม่เป็นมิตรกับเจ้าตัวเล็กเอาซะเลย

    อะไร มีอะไรกำลังมาเหรอ คิดพลางซุกตัวอยู่หลังต้นไม้อย่างมิดชิด  ทิ้งเจ้าตัวเล็กแสนประหลาดให้กระโดดไปเบื้องหน้าพร้อมตั้งท่าเตรียมพร้อมรบ ฉับพลันนั้น เสียงระเบิดก็ดังขึ้น

    ตูม!

    พร้อมเศษหินเศษดินที่ฟุ้งกระจายอยู่ในอากาศ จนแทบมองไม่เห็นอะไร แต่เธอก็ยังตาไวพอจะเห็นว่า เจ้าตัวเล็กกระโดดพลุ่งขึ้นต้นไม้ไปแล้ว ความสนใจของวาโยจึงมุ่งไปสู่ผู้มาเยือน  ท่ามกลางฝุ่นผง เธอมองเห็นโครงร่างคล้ายบุคคลผู้หนึ่งกำลังเดินมา ด้วยบรรยากาศทำให้อดคิดไม่ได้ว่า สิ่งนั้นช่างดูคล้ายภูตผีปีศาจที่เคยเห็นตามหนังหลายๆเรื่อง ขนของวาโยลุกชันด้วยความกลัว พอภาพเริ่มชัดเจนขึ้น จึงได้เห็นว่า ร่างที่กำลังเดินมาเป็นผู้ชายคนหนึ่ง ที่มีรูปหน้าหล่อเหลาคมคาย ร่างกายสูงใหญ่ ผิวขาว เส้นผมสีดำสนิทปลิวไหวระต้นคอ แต่ที่ดึงดูดที่สุด คือ ดวงตา ที่นอกจากจะทั้งคม ทั้งเฉี่ยวจนดูดุแล้ว ยังเป็นสีแดงเพลิงราวกับไฟบรรลัยกรรณ จนแวบหนึ่ง เธอรู้สึกกลัวเขาขึ้นมาอย่างอดไม่อยู่

    “ฉันไม่ว่างจะมาเล่นไล่จับกับแกทั้งวันหรอก ออกมาซะ” น้ำเสียงทุ้มที่ส่อแววคุกคามจนสัมผัสได้ แต่ที่สำคัญกว่าคือ ภาษา

    มันไม่ใช่ภาษาไทย ไม่ใช่ภาษาอังกฤษ ไม่ใช่ภาษาที่คนทั่วไปรู้จักแต่เธอรู้จัก

    ภาษาเอล ทำไมผู้ชายคนนี้พูดภาษาเอลล่ะ

    ความสงสัยที่วาโยทำไม่ได้แม้แต่การหาคำตอบ ทำได้แค่กระชับกระเป๋าผ้าใบโต พลางคิดหาทางหนีทีไล่เมื่อดูเหมือนอะไรๆชักจะไม่เข้าที

    ทั้งที่เสียงดังขนาดนี้ กลับไม่มีใครสักคนที่วิ่งมาดู ราวกับเป็นสถานที่ๆตัดขาดจากทุกสิ่งจนดูน่ากลัว

    “แง๊ววว!” เจ้าตัวเล็กส่งเสียงขู่ ก่อนพุ่งตัวเองพร้อมสะบัดหางลงฟาดฟัน

    เปรี้ยง!

    สายฟ้าคำรามพร้อมกับผ่าลงมายังจุดที่ชายหนุ่มยืนอยู่ และนั่นทำให้วาโยนึกรู้แล้วว่า แสงวูบๆวาบๆกับเสียงฟ้าผ่านั้นมีสาเหตุมาจากอะไร

    เจ้าตัวเล็กนี่เองที่เป็นตัวการ

    พอฝุ่นดินเริ่มจางลง เธอจึงเห็นว่าไม่มีร่างของชายคนนั้นอยู่เบื้องหน้าอีกแล้ว เขาไปยืนนิ่งอยู่ที่ต้นไม้อีกมุม พลางสะบัดมือเบาๆ

    ตูม!

    เท่านั้นเองต้นไม้ข้างหลังเจ้าหนูก็หายไปเป็นแถบด้วยพลังประหลาด ส่วนเจ้าตัวเล็กกระโดดหลบไปอีกด้าน ก่อนการปะทะของคนและสัตว์จะเริ่มขึ้นอีกครั้ง แบบที่คนชมติดขอบเวทีแทบเข่าอ่อน

    ให้ตายเหอะ ให้ตาย นี่เธอหลงเข้ามาอยู่ในหนังไซไฟรึเปล่าเนี่ย  คิดพลางพยายามทั้งหยิกทั้งตบตัวเองเพื่อเรียกสติ จะได้ออกไปจากสมรภูมิพิลึกนี่ซะ แต่ยังไม่ทันก้าวขาไปไหนไกล เจ้าหนูก็กระโดดมายืนอยู่ฟากเดียวกับที่เธอแอบ

    เวรแล้ว นี่ถ้าหมอนั่น มันทำแบบเดียวกับเมื่อกี้มีหวัง

    กลืนน้ำลายลงคอเฮือก พลางส่งเสียงชิ้วๆไล่เจ้าตัวปัญหาที่เริ่มจะน่ารักน้อยลงในสายตา เพราะพิษสงช่างรอบตัวเหลือเกิน แล้วดูสิขนาดไล่ชิ้วๆแล้ว มันยังอุตสาห์หันมาทำตาแป๋วใส่อีก แง! ไม่ตายงานนี้ ตรูจะตายงานไหนกันล่ะโว้ย

    “พอกันซะที เป็นสัตว์เลี้ยงของธอว์ดีๆไม่ชอบ งั้นฉันก็จะไม่ปราณี” ไม่พูดเปล่า พ่อคนตาดุยังทำท่าจะส่งพลังประหลาดมาทางที่เธอแอบอยู่อีกต่างหาก เล่นเอาวาโยลืมกลัว ร้องกรี๊ดลั่นพลางตะโกนโหวกเหวก

    “กรี๊ด! ช่วยปราณีทีเถอะ อย่าเพิ่งฆ่าฉันนะ จะไปตามล่าสัตว์เลี้ยงก็ไปทำที่อื่นดิ ฉันไม่เกี่ยว ไม่อ้าวววว”

    พลางกลั้นใจรอรับความเจ็บปวดที่จะได้รับ แต่หลับตามาก็นานแล้ว นับ 1 ถึง 50 ก็แล้ว ทำไมไม่เห็นรู้สึกอะไรเลย เอะใจจนต้องค่อยๆลืมตาขึ้นมา แล้วภาพที่เห็นก็ทำให้ต้องยิ้มแหะ อย่างไม่รู้จะทำอะไรได้ดีกว่านั้น

    “เธอเป็นใคร” คำถามประโยคสั้นๆจากภาษาเอล ที่วาโยฟังเข้าใจแต่ไม่รู้จะตอบยังไง เมื่อชายหนุ่มคนนั้นมาหยุดยืนตรงหน้าและเห็นเธออย่างชัดเจน วาโยอึกอัก สมองก็พยายามคิดหาทางหนีทีไล่ และแล้วสวรรค์ก็เข้าข้างเมื่อเจ้าหนูสายฟ้ากระโดดเข้าชาร์ตชายหนุ่ม จนเขาต้องละความสนใจไปจากเธอ และนั้นแหละที่ทำให้สติวาโยกลับมา ขาทั้ง2ข้างออกแรงวิ่งด้วยความเร็วที่สุดเท่าที่มี โดยไม่คิดเหลียวหลังกลับไปดูอีกแล้วว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไป เจ้าหนูนั่นเป็นตัวอะไร ผู้ชายประหลาดนั้นเป็นใคร รู้เพียงแค่ว่าเธอต้องไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้ พร้อมทั้งพยายามปลุกปลอบใจที่ตื่นเตลิดด้วยการหลอกตัวเองว่ามันเป็นแค่ฝัน 1 ตื่นที่เมื่อลืมตาขึ้นมันก็จะหายไป เป็นแค่เหตุการณ์ประหลาดที่เธอบังเอิญเข้าไปรู้เห็นโดยไม่ตั้งใจก็แค่นั้น

    แต่ใครจะรู้ ว่าเหตุการณ์นี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของเรื่องราวประหลาดทุกอย่างที่กำลังจะเกิดขึ้นในชีวิต

    เพียงแค่อีกไม่นาน

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×