ตอนที่ 4 : ภาพจางๆ เลือนรางเหมือนฝัน
แปลก...
คัง อึยกอนว่ามันแปลก
บุรุษนั่งซบกันนี่มันไม่แปลกหรอ
บุตรชายคนเล็กของท่านแม่ทัพคังนั่งขมวดคิ้วอยู่ข้างๆบุตรชายตระกูลองผู้กำลังยืนกอดอกและขมวดคิ้วอยู่เหมือนกัน
ภาพตรงหน้าพวกเขาคือผู้เป็นทั้งเจ้าชาย นายเหนือหัวและเพื่อนสนิท
กำลังเอนหัวซบหลังขุนนางญี่ปุ่นตัวน้อย
เจ้าคนโดนซบก็เหมือนจะชินเสียแล้ว จากแรกๆที่มีบ่นบ้างลุกหนีบ้างตอนนี้เหลือแค่สีหน้าเรียบเฉยเท่านั้น
ก็อย่างที่รู้ๆกัน
ไม่มีใครเอาชนะลูกตื้อลูกอ้อนของฝ่าบาทได้หรอก
ขนาดแม่ทัพคังยังต้องยอมแพ้นับประสาอะไกับขุนนางที่เพิ่งเข้ามาทำงาน
“คิดเหมือนกันหรือไม่อึยกอน...”องซองอูเปิดปากขึ้นคนแรกหลังยืนมองพวกดงฮันอยู่นาน
“ข้าคิดว่าเราคิดเหมือนกันนะซองอู...”
“ข้าก็คิดเหมือนพวกเจ้าแหละ...”
“เห้ย!!”สองเสียงอุทานขึ้นพร้อมกัน ดูเหมือนอึยกอนจะตกใจมากกว่าซองอูไปไม่น้อยที่จู่ๆมีคนโผล่มายืนระหว่างพวกเขาโดยที่ไม่รู้ตัว
เจ้าคนหน้าง่วง จอง เซอุนนั่นเอง
“ตอนข้าพบท่านอาซอนจาครั้งล่าสุดเขาเกือบร้องไห้ใส่ข้าแหน่ะ”
ที่เซอุนพูดถึงคือขันทีจองที่รับใช้อยู่ข้างกายดงฮัน
“ข้าเป็นขันทีจองจาข้าก็คงร้องไห้นั่นแหละ...ข่าวลืองี่เง่าเต็มวังไปหมด”ซองอูเอ่ยเสียงเบาให้ได้ยินกันเพียงสามคน
ส่วนตัวแล้วเขาตั้งชื่อเล่นให้ขันทีจองสามพี่น้องเพื่อความไม่สับสน
จอง ซอนจิน คือ จองจิน
จอง ซอนแจ คือ จองแจ
จอง ซอนจา คือ จองจา
ทั้งหมดนี้ก็เพื่อกันความสับสนหาได้มีเจตนาไม่ดีไม่ คิดดูเอาก็แล้วกันพูดถึงขันทีจองทีไรต้องถามต่อทันทีว่าจองไหนตลอด
“ข่าวลืออะไรน่ะ?”อึยกอนผู้ไม่เคยรู้อะไรไปมากกว่าขนมหวานวันนี้มีอะไรเอ่ยถามเพื่อนทั้งสอง
“ข่าวลือว่าที่องค์ชายน้อยของเราไม่มีสนมเลยสักคนเพราะชอบผู้ชายไง ก็ดูองค์ชายใหญ่กับองค์ชายรองสิมีสนมตั้งกี่คนแล้ว”ซองอูไขข้อสงสัยให้แล้วกางพัดออกมาพัดแรงๆให้ได้ลมทั้งสามคนเพราะมันร้อนเอามากๆเลย
“ข้าจะหาสนมให้องค์ชาย...”เซอุนโพล่งออกมาหลังจากที่ยืนนิ่งอยู่สักพัก
“หือ? เพื่อกลบข่าวลือน่ะหรอ”ซองอูเก็บพัดแล้วหันมาถามเพื่อนหน้าง่วง
“ใช่ แล้วก็...ถ้าข่าวลือยังไม่สงบท่านปู่จะจับข้าไปตอนแล้วส่งมาเป็นขันทีคุมองค์ชายนี่แหละ...”
พอพูดถึงเรื่องตอนทั้งสามคนก็เผลอกลืนน้ำลายอึกใหญ่พร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย
นั่นมัน โคตรฝันร้ายของชายชาตรี....
เมื่อตัดภาพไปที่คนสองคนที่หน้าตำหนัก ดงฮันยังคงไม่ทุกร้อนอะไร
ทำไมเขาจะไมรู้เรื่องข่าวลือ นางในพูดกันซะหนาหูขนาดนั้น...
เขาแค่ไม่สน
“เขยิบไปหน่อยพะย่ะค่ะ กระหม่อมทำงานไม่ถนัด...”เคนตะยกมือดันตัวของคนที่เอนตัวซบตนอยู่ออก แต่เจ้าคนเด็กกว่าดันตัวหนักเสียเหลือเกิน
“ไม่เอา ข้าเมื่อย”
“เมื่อก็เข้าไปนอนในตำหนักดีๆสิพะย่ะค่ะ”
“ไม่เอา ข้างนอกสบายกว่า”
“งั้นเดี๋ยวกระหม่อมให้นางในเอาที่บรรทมมาไว้ข้างนอกเสียเลยดีไหมพะย่ะค่ะ”
“ไม่เอา ตัวเจ้าสบายกว่า”
“ท่านดงฮัน อย่าดื้อ”เคนตะใช้ไม้ตายแบบทุกครั้ง แต่น่าเสียดาย
มันไม่ได้ผล
ดงฮันเลิกกลัวเคนตะเสียแล้ว
ตัวเคนตะน่ะ ไม่รู้เรื่องข่าวลือหรอก วันๆโดนองค์ชายตามติดขนาดนี้จะเอาเวลาที่ไหนไปฟังคนเขานินทากัน แต่เจ้าคนที่รู้ดันไม่ยอมเปลี่ยนพฤติกรรมเสียนี่
“งั้นนอนตักแทนได้หรือไม่ เจ้าจะได้ทำงานถนัด”
“ไม่ต้องเลยพะย่ะค่ะ”คนตัวเล็กถอนหายใจอย่างยอมแพ้
ดื้อที่สุดเลย...
.
.
.
แปลก
ทาคาดะ เคนตะว่ามันแปลก
ถือโทรศัพท์มือถือไว้ตลอดเวลานี่ไม่แปลกหรอ
เข้าใจว่าเห่อแต่มันไม่มากไปหรอ...
ถึงขั้นนอนกอดเนี่ย เดี๋ยวก็นอนทับจอแตกหรอก...
ใช่ ทาคาดะ เคนตะกำลังนอนตะแคงมองคิม ซังกยุนที่นอนกอดไอโฟนxนอนแล้วหลับไปทั้งอย่างนั้น
ทั้งๆที่เดินถือมาทั้งวันแล้ว
เข้าห้องน้ำก็เอาขึ้นมาถ่ายรูป
ยืมมือถือเขาไปถ่ายรูปมือถือตัวเองแล้วให้ส่งต่อไปให้เจ้าตัวอัพรูปเองอีกที
เดินอยู่ดีๆก็ยกขึ้นมาแนบหู
เรียนอยู่ก็ต้องเอามาวางไว้บนโต๊ะ
แบบนี้มันไม่แปลกหรอ.....
.
.
.
.
“วันนี้พอแค่นี้ก็แล้วกัน ฝากเจ้าเอาไปวางไว้ให้ฝ่าบาทพิจารณาพรุ่งนี้เช้าด้วยนะ”ฮยอนบินวางพู่กันลงแล้วกวาดม้วนฎีกาจำนวนมากไปอยู่ข้างโต๊ะ
เขานั่งอ่านนั่งเขียนมาตั้งแต่บ่ายคล้อยจนตอนนี้อีกไม่ถึงยามก็วนไปเช้าอีกวันแล้วกระมัง
“พะย่ะค่ะ”ขันทีจองก้มหัวลงเล็กน้อยน้อมรับพระบัญชาแล้วเดินถอยหลังหอบม้วนฎีกาที่เสร็จเรียบร้อยแล้วออกจากห้องไป
ฮยอนบินเอนหลังลงนอนกับพื้นทั้งๆที่ยังนั่งขัดสมาธิอยู่
เหนื่อย
โคตรเหนื่อย
ปัญหามากมายที่ต้องสะสาง ทั้งๆที่เร่งมือเต็มที่แล้ว แต่มันก็ยังช้าเพราะการประสานงานของหน่วยงานต่างๆมันล่าช้า
ทำไมเขาจะไม่รู้ว่ามันเกิดการถ่วงและมีคนคอยขัดขวางให้ล่าช้า
หากปัญหาทุกอย่างแก้ไขได้เรียบร้อยก็หมายถึงผลประโยชน์ที่น้อยลงของคนบางกลุ่ม
เป็นที่น่าเสียใจที่คนบางกลุ่มที่ว่างคือคนที่มีอำนาจในการทำงานเหล่านี้
พวกเขาทำงานและกอบโกยผลประโยชน์อย่างแนบเนียนมายาวนาน จึงยากจะเอาผิด
กฎหมายบางครั้งก็มีช่องโหว่มากมายจนน่าตกใจ
แล้วทำไมถึงไม่ตราให้ยุติธรรมขึ้นน่ะหรือ?
คนที่มีอำนาจไม่ยอมทำ คนที่อยากทำไม่มีอำนาจ
สัจธรรมที่น่าสังเวชใจ
เจ้าชายพยายามแล้ว เขาพยายามเร่งทุกอย่าง เขียนฎีกาถวายให้พระบิดาผู้เป็นเจ้าแผ่นดินหลายต่อหลายฉบับ
มีคำสั่งลงไปหลายต่อหลายครั้ง
เขาคนเดียวมิอาจทำทุกอย่างได้จริงๆ...
ฮยอนบินจะเพิกเฉยเสียก็ได้แต่เขาไม่ทำ
ยอมรับเลยว่านอกจากหน้าที่และความรับผิดชอบในฐานะราชวงศ์แล้วเหตุผลสำคัญนั้นเป็นเพราะไม่อยากเห็นร่างเล็กที่ได้พบพานในวันวานต้องเผยสีหน้าโศกเศร้าออกมาอีก
ว่าไปแล้วก็คิดถึง
อยากพบ
อยากพูดคุย
อยากออกไปนอกวังเผื่อว่าจะบังเอิญได้เจอกันอีก
อ่า...ท่าทางเขาจะอาการหนักแล้วสิ
อย่างไรก็ตาม วันนี้ควรจะเข้านอนได้แล้ว ไม่งั้นพรุ่งนี้ต้องไม่มีแรงไปสู้รบปรบมือกับพวกขุนนางไก่แก่จอมเจ้าเล่ห์พวกนั้นแน่ๆ
“นี่ มีใครอยู่ข้างหน้าบ้าง ข้าจะเข้านอนแล้ว”ฮยอนบินเอ่ยเรียกนางในที่มักจะประจำอยู่หน้าห้องเพื่อจะให้มาจัดการกับชุดของเขา
แต่สิ่งที่ได้กลับมากลับมีแต่ความเงียบ
เจ้าชายหนุ่มเอ่ยเรียกอีกครั้งแต่ทุกอย่างก็เงียบสงัด มันผิดปรกติเสียจนเขาต้องเดินออกมาที่หน้าห้อง
ทันทีที่หยุดอยู่ตรงประตูเขาก็ได้กลิ่น
กลิ่นคาวเลือด...
ที่เขาไม่ได้กลิ่นตั้งแต่ที่แรกนั่นก็เพราะมันถูกกลิ่นกำยานในห้องกลบเสียหมด!!!
ขณะเดียวกันที่ตำหนักของเจ้าชายลำดับสามก็เกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นเช่นกัน...
เจ้าชายรองไม่รอช้ารีบหมุนตัวจะวิ่งไปหยิบดาบที่วางอยู่ด้านในห้องแต่เขาช้าเกินไป
ประตูห้องถูกเปิดออกพร้อมชายในชุดสีดำสองคนพุ่งเข้ามา หนึ่งตัวอ้วนหนึ่งตัวผอม ทั้งร่างถูกปกคลุมด้วยเสื้อผ้าสีดำสนิทตั้งแต่หัวจรดเท้า
มีเพียงดวงตาที่โผล่พ้นชายผ้าออกมาเท่านั้น
หมัดแรกถูกสวนเข้าใส่ยังโจรตัวอ้วน
ดาบยาวในมือโจรทั้งสองนั้นถูกตีขึ้นอย่างหยาบๆ แสดงให้เห็นว่าพวกมันไม่ใช่โจรมืออาชีพ ดีไม่ดีอาจจะเป็นชาวนาที่ถูกจ้างมา
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ฮยอนบินเจอกันการลอบสังหาร
ตลอดชีวิต19ปีมานี้เขาเจอกับมันมากกว่าเจอหน้าพ่อเสียอีก...
.
.
.
ดงฮันเองก็เช่นกัน
“เคนตะมาหลบหลังข้า!”ดงฮันออกคำสั่งเสียงดัง เรียกสติขุนนางตัวน้อยที่ยืนตกใจอยู่ตรงกลางระหว่างเขากับคนร้าย
มือหนาของเด็กหนุ่มกำด้ามดาบเอาไว้แน่นด้วยใจหวาดหวั่น
กลัวว่าอันตรายจะเกิดขึ้นกับคนที่เขาเป็นห่วงมากที่สุดตอนนี้...
เคนตะไม่มีอาวุธไว้ป้องกันตัว
ถ้าเคนตะวิ่ง ดงฮันต้องหันไปสนใจเคนตะและอาจจะกลายเป็นการเปิดโอกาสให้คนร้ายกระทำการสำเร็จ นั่นทำให้เคนตะยังไม่กล้าขยับ
ทั้งสี่คนยืนดูเชิงอยู่สักพักจนมีเสียงโหวกเหวกของทหารยามดังขึ้นด้านนอกคนร้ายจึงเริ่มขยับ...
.
.
.
ขณะเดียวกันที่ตำหนักของเจ้าชายรอง คนร้ายสองคนในห้องไม่รอช้าและพุ่งเข้าใส่ร่างสูงทันที ฮยอนบินพยายมหลบเลี่ยงให้ได้มากที่สุด เจ้าตัวอ้วนน่ะไม่เท่าไหร่ แต่คนผอมเนี่ยสิ รวดเร็ว ปราดเปรียวอย่างกับแมวป่า
หากดูจากมุมมองของฝั่งผู้บุกรุกแล้ว เจ้าชายที่กำลังหลบหลีกและเดินถอยหลังไปเรื่อยๆนั้นดูเหมือนจะเสียเปรียบ แต่หากมองจากมุมมองของภายนอกแล้ว
ที่ด้านหลังอีกเพียงไม่กี่ก้าว ดาบเล่มงามวางแน่นิ่งอยู่บนชั้นวาง
ถ้าฮยอนบินได้จับดาบเมื่อใดรับรองได้เลยว่าโจรทั้งสองคนไม่มีทางกำจัดเขาได้แน่นอน
การเกิดเป็นเจ้าชายรองนั้นกดดันพอๆกับเจ้าชายใหญ่
ผู้ที่ไม่สนับสนุนพี่ใหญ่ก็ไม่พ้นที่จะต้องสนับสนุนเขา และผู้สนับสนุนพี่ใหญ่ก็ไม่พ้นจะกลายมาเป็นศัตรูของเขา
การฝึกการต่อสู้จึงเป็นเรื่องจำเป็น
และฮยอนบินทำได้ดีเสียด้วย น่ากลัวว่าจะดีกว่าพี่ชายใหญ่เสียด้วยซ้ำ
และนั่น!!! มือเขาเอื้อมถึงดาบแล้ว
มือหนากำเจ้าที่ด้ามดาบแล้วยกขึ้นมากันได้ทันท่วงทีก่อนที่คมมีดของมือสังหารจะผ่าแสกหน้าเขา
คมมีดทื่อๆของฝ่ายนั้นกระแทกเข้ากับปลอกดาบอันแข็งแกร่งจนเกิดเสียงดัง
มันไม่ทำให้ฝักดาบเป็นรอยเสียด้วยซ้ำ
เจ้าชายรองที่มีอาวุธในมือนั้นเป็นต่ออย่างมาก
จากฝ่ายที่ถอยร่นกลายเป็นฝ่ายที่รุกไล่ เขาซัดกระบวนท่าต่างๆใส่อีกฝ่ายจนในที่สุดคมดาบก็เสียบเข้าที่คอหอยของชายร่างอ้วนอย่างเเม่นยำ
ไร้ความลังเล ไร้ความปราณี ไม่มีซึ่งเมตตา
ผู้ที่ปองร้ายสายเลือดแห่งราชวงศ์ หากไม่ตายภายใต้คมดาบก็ต้องถูกทรมาณจนสิ้น
เจ้ามือสังหารตัวผอมดูเหมือนจะชะงักด้วยความตกใจที่เห็นเพื่อนของตนล้มลงไปนอนชักกระตุก เลือดจำนวนมากทะลักออกมาจากคอของผู้ถูกแทง ลูกตาที่เหลือกขึ้นอย่างทรมาณนั้นช่างเป็นภาพที่น่าเวทนา
เจ้าชายอาศัยจังหวะที่อีกฝ่ายตกใจเข้าประชิดตัวแล้วซัดคมดาบใส่จนอาวุธของอีกฝ่ายหลุดมือ
ด้วยกำลังที่ต่างกันมากโขทำให้มือของร่างเล็กชาไปเลยทีเดียว
ในตอนนั้นเองที่ฮยอนบินได้จ้องเข้าไปในนัยน์ตาของผู้บุกรุก
ดาบที่กำลังจะคร่าชีวิตอีกฝ่ายหยุดชะงักทันที
คนคนนี้...
ซังกยุน
.
.
.
.
“เจ็บมากไหมพะย่ะค่ะ...”เคนตะที่ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้อยู่ข้างๆเจ้าชายที่กำลังได้รับการรักษาจากแพทย์หลวง
เมื่อครู่ที่ทหารองครักษ์มาถึงเจ้าโจรพุ่งมาหาเขาเป็นอันดับแรกหวังจะจับเป็นตัวประกัน
เคนตะนึกว่าตนจะจบชีวิตลงทีนี่เสียแล้ว
แต่ในพริบตานั้นภาพของโจรที่พุ่งเข้ามาแปรเปลี่ยนเป็นแผ่นหลังกว้างของผู้สูงศักดิ์ที่ตนรับใช้
เสียงดาบกระทบกันดังไปทั่วห้อง แม้ดงฮันจะมีฝัมือและกำลังมาก แต่การที่เด็กหนุ่มอายุ17ต้องมารับมือกับผู้ที่หมายจะเอาชีวิตตนถึงสองคนนั้นเป็นสถานการณ์ที่ตึงมือไม่เบาเลย
แค่เอาตัวรอดน่ะไม่อยากหรอก แต่พอมีคนต้องปกป้องมันดันยากเป็นเท่าตัว จนสุดท้ายคมดาบของศัตรูก็เฉือนเข้าทีต้นแขนขวาของเจ้าชาย
เลือดสีสดไหลอาบย้อมแขนเสื้อจนเป็นสีเข้ม แขนแกร่งข้างนั้นทิ้งลงข้างลำตัวแล้วใช้ข้างที่ไม่บาดเจ็บจับดาบไว้
ทหารองครักษ์ในชุดสีแดงวิ่งเข้ามาล้อมพวกเขาไว้ อาวุธมีคมจำนวนมากถูกจ่อไปยังผู้บุกรุก
แต่เพราะเจ้าชายอยูกล้กับคนร้ายมาๆ การจะบุ่มบ่ามวิ่งเข้าไปอาจทำให้เกิดเรื่องอันตรายขึ้นได้
ดงฮันดันให้เคนตะวิ่งไปหาทหารองครักษ์ทั้งๆที่ยไม่ละสายตาจากผู้บุกรุก
เคนตะอยู่ในความคุ้มครองของทหารแล้ว ดงฮันจึงเล่ใจไปได้เปราะหนึ่ง
เขาขยับเล็กน้อย ในตอนนั้นก็เกิดการปะทะกันอีกครั้ง แขนข้างเดียวนั้นสู้ได้ลำบาก แต่ในคราวนี้เขาไม่ได้อยู่คนเดียว
ในพริบตานั้นเบื้องหน้าของเจ้าชายปรากฎทหารกว่าสิบคนวิ่งเข้ามากันเขาไว้ เมื่อมองไม่เห็นทางรอดคมดาบทื่อๆของฝ่ายที่เสียเปรียบก็ปาดเข้าที่ลำคอปลิดชีพตนเพื่อหนีความผิด
ตายเสียตอนนี้ยังดีกว่าถูกจับไปทรมาณเพื่อเค้นความจริงแหละน่า...
และเหตุการณ์วุ่นวายในตำหนักของเจ้าชายสามก็สงบลง เหลือเพียงนางในที่วิ่งวุ่นตามหน้าทีและหมอหลวงที่ถูกตามตัวมาแบบเร่งด่วน
โชคดีนักที่บาดแผลนั้นไม่ลึกมากเท่าไหร่ แต่ร่างกายของเจ้าชายหนุ่มนั้นต้องการการพักผ่อนที่เพียงพอเพราะเขาเสียเลือดไปไม่น้อยเลยทีเดียว
.
.
.
“ซัง...กยุน..”ฮยอนบินพึมพำชื่ออีกฝ่ายออกมา ซังกยุนที่พบว่าอีกฝ่ายจำตนได้รีบวิ่งไปคว้าดาบเพื่อจะฆ่าตัวตายแต่เขาช้าไป
เจ้าชายที่รู้ว่าอีกฝ่ายกกลังจะทำอะไรพุ่งเข้าไปล็อคร่างของคนตัวเล็กไว้ แรงดิ้นนั้นทำให้เขาจุกไปเล็กน้อยแต่ยังพอต้านไหว
“อยู่นิ่งๆ อย่าดิ้นได้ไหม...ข้าสั่งให้นิ่ง!”เมื่อเอ่ยบอกเท่าไหร่ก็ไม่ฟังจนเจ้าของอ้อมแขนเริ่มหมดความอดทนสุรเสียงของผู้สูงศักดิ์ตวาดใส่คนที่พยายามขืนตัวจากอ้อมกอดจนอีกฝ่ายสะดุ้งแล้วยอมอยู่นิ่ง
เสียงฝีเท้าจำนวนมากกำลังวิ่งมาทางนี้ ทหารองครักษ์แน่ๆ....
ร่างสูงก้มลงไปกระซิบอย่างแผ่วเบา
“ตามน้ำข้าไปแล้วเจ้าจะรอด...เข้าใจรึเปล่า”
คนตัวเล็กที่ถูกล็อคตัวตวัดสายตามองคนที่ออกคำสั่งกับตน
แววตาเเข็งกร้าวนั้นเหมือนจะถามว่า
‘แล้วข้ามีทางเลือกอื่นรึไง’
.
.
.
.
“โห เจ๋งอ่ะ”เด็กตัวสูงเอ่ยชมซังกยุนที่กำลังยกไอโฟนขึ้นมาแนบหู
“โฟนxเลยหรอพี่ แพงนะนั่น”
“ก็นิดหน่อย”คนถูกชมยักไหล่แล้วทำท่าทางเหมือนไม่ได้ใส่ใจอะไร
แหน่ะ กลั้นยิ้มอยู่ชัดๆ ดีใจล่ะสิที่มีคนชม
เคนตะอดไม่ได้ที่จะแซะเพื่อนอยู่ในใจ อยู่ด้วยกันทุกวันทำไมจะดูไม่ออกที่เจ้าคนปากแมวนั่นเม้มปากแน่นขนาดนั้นก็เพราะกลั้นยิ้มชัดๆ
“โห ผมก็อยากได้นะ ดีอ่ะ ใช้ดีไหมพี่”ฮยอนบินทำท่าทางตื่นเต้น
ความจริงเขาเองก็มีไอโฟนxเหมือนกัน ทำเป็นไม่มีไปก่อนแล้วกัน
“ก็ดีนะ งั้นๆแหละ มือถือธรรมดา”
“พรืด!”เคนตะเผลอขำตอนกำลังดื่มน้ำทำให้เสื้อฮู๊ดของเขาเปียกเป็นหย่อมๆ
ก็ท่าทางของซังกยุนแม่งโคตรน่าขำเลยอ่ะ ทำเป็นชิวๆแต่ตัวจะลอยแล้วมั้งน่ะ แหมมมมมม
“ระวังหน่อยสิครับ”ดงฮันที่นั่งอยู่ข้างๆเคนตะหยิบผ้าเช็ดหน้าตัวเองออกมาซับหน้ารุ่นพี่ตัวเล็ก
อีกสองคนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามไม่ได้สนอะไรมากเพราะกำลังสนใจมือถือใหม่ของซังกยุนอยู่
พอเห็นท่าทางตื่นเต้นของฮยอนบินแล้วเคนตะก็อดอมยิ้มไม่ได้
เด็กที่ใส่แบรนด์เนมทั้งตัวแบบนี้ไม่มีทางตื่นเต้นกับแค่มือถือราคาสี่หมื่นหรอก
นี่เขาเรียกว่าอยู่เป็นชัดๆ...
ร้ายไม่เบานะ
ควอน ฮยอนบิน...
“ดงฮัน ไปซื้อกาแฟเป็นเพื่อนพี่หน่อย”เคนตะเอ้ยบอกแล้วยันตัวลุกขึ้น เจ้าหมาที่นั่งอยู่ข้างกันก็ลุกขึ้นตามแทบในทันที
ดงฮันน่ะไม่ขัดใจเคนตะหรอก
ตามใจจนจะเขาเหลิงจะตายแล้ว
เจ้าเด็กตัวสูงเดินตามเคนตะมาจนถึงร้านกาแฟชื่อดังคุมธีมสีน้ำตาลเขียว ที่เคาน์เตอร์มีพนักงานสาวหน้าตาสะสวยยิ้มแย้มต้อนรับลูกค้า
เคนตะจำได้ว่าเธอเป็นหนึ่งในเพื่อนที่เรียนเซคเดียวกัน ถึงจะไม่ได้สนิทกันมากแต่ก็พอเดาได้ว่าอีกฝ่ายคงเพิ่งเริ่มมาทำงานที่นี่แน่ๆ
เพราะคนตัวเล็กมาสั่งกาแฟที่นี่แทบทุกวันแต่ไม่เคยเห็นหน้าเพื่อนคนนี้มาเป็นพนักงานมาก่อนจึงเดาไปแบบนั้น
“พาร์ทไทม์หรอซึลกิ”
“อ่า อยู่เฉยๆแล้วมันเบื่อน่ะ รับอะไรดีคะคุณลูกค้า”เพื่อนร่วมเซคในชุดพนักงานและผ้ากันเปื้อนสีเขียวตอบพร้อมเอ่ยถามทันที
“ซิกเนเจอร์ช็อคโกแลตแกรนเดกับคาเฟ่ลาเต้ อ่า...ทอลล์แล้วกัน”เคนตะสั่งช็อคโกแลตของดงฮันแล้วค่อยสั่งกาแฟของตัวเองพลางมองคนที่กำลังทวนออเดรอ์แล้วจดลงบนแก้ว
คัง ซึลกิ เทียบกันแล้วเธอถือว่าเป็นบุคคลที่มาจากครอบครัวที่มีฐานะดีมากๆ เคนตะถึงได้เเปลกใจี่เห็นเธอมาทำพาร์ทไทม์ แต่พอได้ฟังคำตอบก็พอเดาได้แล้วล่ะ เพื่อนเขาคนนี้อินดี้จะตาย ในขณะที่คนอื่นกำลังจะตาเพราะโปรเจคแต่เธอยังมาทำพาร์ทไทม์สบายอารมณ์ ทำเอาเเปลกใจไม่น้อยเลยว่าซึลกิแบ่งเวลาใช้ชีวิตยังไงให้มันดูชิลและลงตัวขนาดนี้
เคนตะเปิดบาร์โค้ดแสกนจ่ายเงินแล้วรับใบเสร็จมาเพื่อไปรับเครื่องดื่มที่อีกด้านของเคาน์ตอร์
“เพื่อนหรอครับพี่เคนตะ”ดงฮันเอ่ยถามแล้วหันมองไปยังหญิงสาวที่ยืนรับออเดอร์ด้วยรอยยิ้ม
“อ่า คัง ซึลกิอยู่เซคเดียวกันน่ะ”เคนตะอธิบายทั้งๆที่ยังกดเกมในมือถืออยู่ เขาโฟกัสกับเกมมากไปจนไม่ทันฟังประโยคถัดมาที่ดงฮันพูด
“งี้เอง..เหมือนเป๊ะเลย”
ดงฮันอดคิดถึงเรื่องในสมัยก่อนไม่ได้ คัง ซึลกิบุตรสาวของแม่ทัพคัง นางยังคงดูสง่างามและเเข็งแกร่งดั่งเช่นในอดีตชาติ เมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กข้างกายไม่สนใจเขาก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงตัวเองที่ต้องอ้อนขอความสนใจจากเคนตะอยู่เสมอๆ
ดงฮันจำได้ทุกอย่าง จำได้แทบทุกการกระทำของเคนตะว่าเวลาเขางอแงเกาะแกะนั้นอีกฝ่ายรำคาญขนาดไหน ตอนนี้ก็อยากจะงอแง อยากจะอ้อน อยากอยู่ด้วยทั้งวัน แต่เมื่อยุคสัมยเปลี่ยนไป ความสัมพันธ์ที่ไม่ใช่นายบ่าวเช่นในอดีตทำห้เด็กหนุ่มไม่สามารถแสดงอาการเอาแต่ใจได้ ต้องห้ามใจไว้แบบนี้มันอึดอัดจัง
เขารู้ว่าเคนตะนั้นเริ่มจำได้ลางๆ แต่เพราะอาการปวดหัวของอีกฝ่ายทำให้เร่งอะไรไม่ได้ จะเล่าให้ฟังทุกอย่างก็คงถูกหาว่าบ้าเพราะงั้นได้อยู่ข้างๆไปเรื่อยๆเช่นนี้ก็น่าจะพอแล้ว
แต่ดงฮันก็ยังมีความโลภอยู่ในใจอยู่ดี
รีบจำได้เร็วๆได้ไหมพี่เคนตะ....
TBC
ในที่สุดก็ได้มาอัพค่ะ เฮือกกกกก
เฮิร์ทสอบ เฮิร์ทเรื่องบั้มสุดท้าย ฮืออออ
อ่านแล้วเป็นไงกันบ้างคะ มันโอเคไหมTTTT เราพยายามแก้คำผิดเท่าที่อ่านเจอแล้ว แต่อาจจะมีเล็ดลอดไปบ้างต้องขอโทษด้วยนะคะ
ถ้าสนุกไม่สนุกยังไงเม้นท์บอกกันบ้างน้า รอคุยกับทุกคนอยู่นะคะ ทั้งในเม้นท์ทั้งในแท็ก #ดงเคนชาติที่แล้ว เลยยยย //มินิฮาร์ททึ
ตอนหน้าจะรีบมาค่ะ! แล้วพบกันนะคะ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ลุ้นไปกับฉากบู้ของเจ้าชายทั้งสอง
เจ้าชายรองช่วยเจ้าซังกยุนด้วย แล้วค่อยไปเค้นความจริงทีหลังนะ ทำไมทำงี้อ่าเจ้ากยุน
ขำตามเคนตะ ร้ายนะๆๆ ควอนฮยอนบิน หึหึ
ไม่เอานะดงฮัน ห้ามงอแง ฮึบๆๆๆๆ 55555
ติดตามนะคะ สู้ๆนะคะ เริ้ปปป