ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Kill End. Mission81: ปลดปล่อย

    ลำดับตอนที่ #7 : Kill End. 7 ความจริง

    • อัปเดตล่าสุด 13 ต.ค. 56


    ห้าสาวได้เข้ามาถึงประตูเข้าปราสาทระหว่างทางเจอกับทหารสามนายซึ่งไม่ใช่เรื่องหนักอะไรเอ็ดม่าจัดการฆ่าทิ้งทั้งสามนาย พร้อมจะเข้าไปแล้วหรือยังไลล่ายิ้มอย่างที่เพื่อนๆไม่เคยเห็นมาก่อนและเดินนำเข้าไป ไลล่าเดินไปตามทางอย่างกับมีแผนที่อยู่ในหัว เธอรู้ได้ยังไงว่าต้องเดินไปทางไหนอีฟถามขึ้น ไม่รู้สิ่มันขึ้นมาในหัวเองไลล่าตอบส่งๆไปอย่างนั้น ตอนนี้เอ็ดม่ากำลังใส่ถุงมือที่ได้มาใหม่อย่างเตรียมพร้อมที่จะสู้เพราะเซ็นท์นักฆ่าของเธอไม่เคยพลาด พวกเราเตรียมตัวสู้ไว้หน่อยก็ดีนะเอ็ดม่าพูดเตือนด้วยเสียงที่แผ่วเบาซึ่งทุกๆคนก็ได้ยิน ทันทีที่เอ็ดม่าใส่ถุงมือเธอก็เห็นช่องทางต่างๆมากมายเอ็ดม่ายิ้มอย่างพอใจ ไลล่ายังคงเดินนำไปเรื่อยๆจนมาหยุดอยู่ที่ห้องๆหนึ่งมันคล้ายกับเป็นห้องอาหาร มีรูปปั้นนักสู้วางประดับไว้ข้างทางอยู่ ตรงกลางมีโต๊ะทานข้าวขนาดใหญ่และเก้าอี้เล็กอีกสบเก้าตัวและเก้าอี้ตัวใหญ่ที่วางไว้หัวโต๊ะ ทั้งห้องถึงจะถูกตบแต่งด้วยของเยอะเพียงใดแต่ภายในห้องกลับดูเป็นระเบียบเรียบร้อยอย่างเหลือเชื่อ

                    แปะ แปะ แปะ แปะ! เสียงตบมือดังขึ้น เอ็ดม่าและพวกหันไปตามเสียงตบมือทันที อันที่จริงฉันไม่รู้ว่าพวกแกเป็นใครแล้วทำไมถึงต้องมาทำร้ายทหารของฉันเสียงที่ทุกคนคุ้นเคยเป็นอย่างดีเจ้าชายเกเบียลนั่นเอง แต่วันนี้พวกแกทุกคนต้องชดใช้ที่บังอาจตั้งตนเป็นกบฎเจ้าชายเกเบียลพูดด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูแล้วสั่นประสาทเป็นอย่างมาก ฉันจะจับพวกแกมาทรมานทีละคนจนกว่าพวกแกจะตายจากไปมันเหมือนเป็นคำขู่เสียมากกว่า พวกเอ็ดม่าไม่มีใครตอบอะไรออกไปเพราะถ้าพูดเจ้าชายเกเบียลอาจจะจำเสียงได้ก็เป็นได้  ทหารจับตัวพวกมันให้ได้เจ้าชายเกเบียลดูสง่าและชั่วร้ายกว่าเดิมนัก แล้วพาตัวพวกมันทุกคนไปที่ห้องฉันตอนก่อนพระอาทิตย์ขึ้นเท่านั้น เพราะฉันมีเซอไพรซ์ให้พวกมันอย่างสาสมเลยพูดจบเจ้าชายเกเบียลก็เดินออกไป

                    เมื่อเจ้าชายเกเบียลเดินออกไปทหารก็พากันเข้ามาจำนวนมากจนเต็มห้องอาหารไปหมด เอ็ดม่าใช้สายตาคาดคะเนดูทหารแล้วมีมากกว่าสองร้อยนายแน่นอนแล้วถ้ายิ่งมาเรื่อยๆเกรงว่าพวกของเธอเองที่จะหมดแรงไปก่อน ไม่มีการพูดใดอีกทุกคนเพียงแค่มองตาก็รู้ใจกันแล้ว เมื่อทหารเดินเข้ามาใกล้พวกเธอทั้งห้าคน อ๊ากก ! ทหารสิบนายก็ล้มลงพร้อมกับเลือดพุ่งที่เกิดจากเอ็นบาด อีฟ ไลล่า เบลล่าและไมล์เอล มองหน้าอย่างตกใจซึ่งมีเพียงเอ็ดม่าเท่านั้นที่ยิ้มให้ทุกคนก็เข้าใจได้ทันทีว่านี่คือฝีมือของใคร อีฟกระชับมือสองกระบอกให้แน่นขึ้นและยิงปืนออกไปเพียงครั้งเดียวเท่านั้นกระสุนก็วิ่งเข้าหาทหารราชวงศ์อย่างดุเดือด เมื่อทะลุผ่านร่างทหารคนที่หนึ่งแล้วก็ผ่านร่างคนที่สอง สามและสี่ไปเรื่อยๆ ไลล่าก็ไม่ยอมแพ้เช่นกันหล่อนดึงปิ่นปักผมออกมา บัดนี้ผมที่เคยถูกเก็บเอาไว้ปล่อยสยายลงมาไลล่ากำปิ่นปักผมไว้แน่นก่อนจะไล่เชือดทหารทีละคน เอ็ดม่ามองไลล่าอย่างพอใจทีเดียว ฝีมือดีขึ้นมากเลยนิ่เอ็ดม่าทำได้แค่เพียงพูดในใจเท่านั้น และเอ็ดม่าก็ร่ายเวทใส่เอ็นก่อนที่จะใช้มือทั้งสองข้างควบคุมอย่างชำนาญ เอ็นที่บาดคอของทหารนับสิบนายและสร้างบาดแผลฉกรรจ์หลายบนตัวทหาร ซึ่งเอ็ดม่าดูจะพอใจกับผลงานของตัวเองมาก เบลล่าคอยคุ้มกันให้เพื่อนๆทุกคนเมื่อมีอันตรายจวนตัว ส่วนไมล์เอลนั้นเล่นดนตรีเวทอย่างดุดันสิ่งที่หล่อนฝึกมาไม่ได้มีไว้แค่โชว์หรือสวยงามเท่านั้นแต่หล่อนยังฝึกมาเพื่อสิ่งนี้โดยเฉพาะอีกด้วย ไฟค่อยๆลุกติดตัวทหารที่เข้ามาใกล้ไมล์เอลทันทีและยังมีลมที่พร้อมจะพัดให้ไฟลุกโชนขึ้นอีกด้วย ทั้งห้าต่อสู้การอย่างดุเดือดด้วยความสามารถในการสู้เพิ่มขึ้นทำให้การต่อกรกับทหารเป็นไปได้อย่างรวดเร็วถึงแม้จะเหนื่อยหน่อย ทั้งห้าหันมามองหน้ากันเพราะตอนนี้ทหารลดลงไปกว่าครึ่งแล้ว แต่ที่ทำให้ทั้งห้าตกใจมากขึ้นนั้นคือเหล่าทหารหยิบปืนใหญ่ย่อส่วนเล็กมาที่พวกเขาทั้งห้าคนอย่างเอาจริงเอาจัง และมันก็เรียกรอยยิ้มจากเบลล่าได้เป็นอย่างดี เบลล่าสงสายตาให้ทุกคนเขยิบเข้ามาใกล้ๆและกางเวทป้องกันเอาไว้คุมตัวทุกคน ทหารราชวงศ์ไม่รอช้า ตุ้ม ตุ้ม ตุ้ม ตุ้ม ตุ้ม ตุ้ม ตุ้ม! ทหารราชวงศ์ยิงปืนใหญ่ใส่เกราะของเบลล่าอย่างหนักหน่วง เกิดควันฟุ้งเต็มพื้นที่และเมื่อควันจางเกราะเบลล่าก็ยังคงกางไว้อย่างเดิมแม้จะมีรอยร้าวนิดหน่อยแต่เบลล่าก็ยังคงประคับประคองสติของตนได้อย่างเป็นอย่างดี เบลล่าลดเกราะลงอย่างระมัดระวัง ทหารราชวงศ์ก็เริ่มต้นการต่อสู้อีกครั้งและมีทหารบางพวกที่ดึงหน้ากากมาปิดหน้า แย่แล้วทุกคนไมล์เอลส่งเสียงพูดออกไปทันทีที่รู้ว่ามีทหารบางพวกกำลังเล่นขี้โกงโดยการใช้เวทนอนหลับ ไมล์เอลหันไปมองหน้าเพื่อนแต่ละคนซึ่งไลล่าตอนนี้เริ่มทรงตัวไม่อยู่แล้ว ที่พอจะเอาตัวรอดได้มากที่สุดก็เห็นจะเป็นเอ็ดม่าที่ยังคงยืดหยัดอยู่ได้ หนีไปนี่คือคำที่เอ็ดม่าอ่านได้จากปากของเบลล่าที่ตอนนี้กำลังจะหมดสติแล้ว

                    แล้วด้วยความที่เอ็ดม่าไม่ระวัง ฉึก! ทวนแทงทะลุท้องของเอ็ดม่าเลือดไหลทะลักออกมาอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุดแล้วเอ็ดม่าก็ค่อยๆล้มลงพร้อมกับสติที่ดับวูบไป

     

                    พี่เอ็ดม่าเสียงเรียกใกล้ๆกับหูดังขึ้น เอ็ดม่าลืมตาขึ้นมาก็พบว่านี่มันคือห้องขังที่เคยขังเอ็ดมันและแคโรลไว้ เอ็ดม่าค่อยยันตัวขึ้นแต่ไม่สามารถทำได้ พี่เอ็ดม่าอย่าขยับสิ่ไมล์เอลดุเอ็ดม่าที่ขยับตัว พี่เอ็ดม่าเจ็บมากหรือเปล่าคะ ฉันแค่ช่วยห้ามเลือดไว้เฉยๆพี่ใช้เวทรักษาตัวเองได้ไหมไมล์เอลถามเอ็ดม่าอย่างเป็นห่วงซึ่งเอ็ดม่าก็พยักหน้าเป็นคำตอบก่อนจะร่ายเวทรักษาตัวเองให้บาดแผลภายนอกหายแต่ภายในร่างกายของเอ็ดม่ายังไม่กลับมาในสภาพที่เต็มร้อยเนื่องจากบาดแผลค่อนข้างร้ายแรงมากและยังมีไอเวทไหลอยู่ภายในตัวของเอ็ดม่าตอนนี้ด้วย พวกมันรู้หรือยังว่าเป็นพวกเราเอ็ดม่าถามขึ้นเมื่อขยับตัวให้อยู่ในท่านั่งที่ดีกว่าเดิม ยังค่ะพวกทหารเห็นพี่เอ็ดม่าบาดเจ็บก็เลยจับมาขังที่ห้องขังก่อน อีกไม่กี่ชั่วโมงก็คงจะพาเราไปพบเจ้าชายแล้วล่ะเบลล่าตอบให้ ซึ่งตอนนี้มีเพียงไมล์เอลและเบลล่าเท่านั้นที่ฟื้นจากการโดนวางยาส่วนอีฟและไลล่ายังคงหลับอยู่

                    ห้องขังที่ร่ายเวทไวท์เชนและแน่นอนว่าเวทนี้ก็ยังคงเป็นปัญหาสำหรับเอ็ดม่าและทุกคนที่ต้องการจะหนีออกไป ฟื้นแล้วหรอไมล์เอลทักทั้งอีฟและไลล่าที่ใช้เวลาตื่นใกล้เคียงกัน อีฟส่ายหน้าเพื่อเรียกสติให้กลับมา ทำไมฉันจำอะไรไม่ได้เลยอีฟพูดขึ้น ไลล่ายังคงมีอาการมึนยังเห็นได้ชัด

                    เมื่อทุกคนตื่นครบแล้วก็เกิดความเงียบขึ้น ขอโทษ ฉันน่าจะเชื่อเธอนะไม..” อีฟพูดไม่ทันจบ ไมล์เอลก็ส่งรอยยิ้มแสนน่ารักมาให้อีฟ ไม่เป็นไรยังไงฉันก็ไม่ปล่อยให้พวกเธอมาโดยไม่มีฉันหรอกไมล์เอลจับมือของอีฟเพื่อให้กำลังใจและหันไปยิ้มให้กับไลล่า และทั้งห้องก็เกิดความเงียบขึ้นอีกอาจจะเพราะรู้ว่าอนาคตในอีกไม่กี่ชั่วโมงเป็นอย่างไร ห้องขังที่พวกเธอเคยพังเข้ามาตอนนี้ทำใหม่แล้วดูจะแข็งแรงกว่าเดิมต่อให้เมโลดี้ที่พาเบบี๋ไปเที่ยวต่างเมืองกลับมาและจะมาบุกอย่างที่พวกเขาเคยทำ เอ็ดม่าคิดว่าคงไม่สามารถทำได้ เอ็ดมันอีกไม่นานฉันจะไปอยู่กับแกแล้วนะเอ็ดม่าพูดในใจแล้วยิ้มให้กับตัวเองและไมล์เอล เบลล่า ไลล่าและอีฟ ซึ่งทุกคนก็ดูจะเข้าใจความหมายที่เอ็ดม่าพยายามจะสื่อเป็นอย่างดีพวกหล่อนแค่ยิ้มคืนให้ก่อนจะกลับมานั่งเงียบๆกันเหมือนเดิม

                    ผ่านไปสองชั่วโมงแล้วเหลืออีกแค่ชั่วโมงเดียวเท่านั้นมีทหารจำนวนหนึ่งเดินเข้ามา ทหารคนนั้นเอ็ดม่าจำได้ทันทีเพราะเขาคือทหารคนสนิทของเจ้าชายเกเบียลที่เคยเกือบตายเพราะประลองกับเอ็ดมัน ทหารพวกนั้นคุยอะไรกันบางอย่างและทหารคนสนิทก็เดินออกไปแต่ยังเหลือทหารอีกสามคนที่เฝ้าประตูหน้าห้องขังเอาไว้ เบลล่าจ้องมองทหารทั้งสามอย่างหมดความหวัง ไม่ว่ายังไงพวกเธอก็จะออกไปไม่ได้

                    ในช่วงเวลาที่บรรยากาศเคร่งเครียด เธอเล่นดนตรีเวทหรอเบลล่าถามไมล์เอลที่นั่งเงียบอยู่ ไมล์เอลเงยหน้ามองเบลล่าเล็กน้อยและส่ายหน้าให้เป็นคำตอบ ไมล์เอลตั้งใจฟังเสียงดนตรีอีกครั้งมันเป็นเสียงดนตรีจริงๆและมันก็เป็นเสียงแซ็กโซโฟนที่ไพเราะมากด้วย ไม่ใช่ฉันหรอกไมล์เอลตอบเพราะนอกจากเบลล่าที่ถาม เอ็ดม่าไลล่าและอีฟก็หันมามองไมล์เอลเช่นกัน ไมล์เอลฟังเสียงดนตรีนั้นอย่างตั้งใจ เป็นเวลานานแล้วที่เสียงดนตรีดังขึ้นแล้วไมล์เอลก็ยังคงเลือกที่จะตั้งใจฟังมันมากกว่าพูดคุยกับเพื่อน รู้สึกดีจังที่ได้ยินไมล์เอลคิดในใจซึ่งไมล์เอลรู้อย่างนั้นจริงๆหล่อนรู้สึกปลอดภัยเมื่อได้ยิน มันทำให้ไมล์เอลไม่กลัวว่าอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้าหล่อนจะเจออะไรแต่ตอนนี้ไมล์เอลร็สึกปลอดภัยสุดๆเมื่อได้ยินเสียงดนตรีนั้น

                    เสียงดนตรียังคงดังต่อเรื่อยๆและอยู่ๆทหารที่เฝ้าประตูอยู่ก็ล้มลงทั้งสามคน เกิดอะไรขึ้นไลล่าถามด้วยความตกใจ ไม่มีใครให้คำตอบได้ว่าทำไมทหารที่เฝ้าอยู่ถึงได้ล้มลงไปนอน

    ตุ้บ พลั่ก อ๊ากกกกกกก! เสียงร้องของนายทหารคนสนิทของเจ้าชายพร้อมกับร่างของทหารที่ลอยมาอยู่ตรงหน้าของพวกเธอทุกคน ใครกันเอ็ดม่าที่ยังตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ ตะโกนถามออกไป เสียงดนตรีหายไปแล้วไมล์เอลพูดขึ้นมาเบาๆ บางทีมันอาจจะเกี่ยวข้องกับเสียงดนตรีเมื่อกี้ก็ได้เบลล่าตั้งข้อสงสัยซึ่งเอ็ดม่าและคนอื่นๆก็ดูจะยังตกใจกันอยู่ ฉันถามว่าใครเอ็ดม่าคงตะโกนถามไปอีกเพราะเซ้นท์นักฆ่าของเธอนั้นบอกว่าไม่ว่าจะเป็นใครแต่คนคนนั้นอันตราย เอ็ดม่าได้ยินเสียงคนเดินมา เธอจ้องมองอย่างจดจ่อว่าใครและเขามีเจตนาอะไร ใครน่ะเอ็ดม่ายังไม่เลิกที่จะส่งเสียงออกไปถามว่าผู้มาใหม่คือใคร

    ทักน้องที่ไม่ได้เจอมาเป็นปีอย่างนี้ได้ยังไงเสียงชายที่เอ็ดม่าแสนจะคุ้นเคย เอ็ดมันเอ็ดม่ารู้สึกสายตาพร่ามัวไปหมด แคโรลเบลล่าตกใจที่เห็นทั้งแคโรลและเอ็ดมันผู้ซึ่งน่าจะตายไปตั้งนานแล้วโผล่มาช่วยพวกเธอแบบนี้ เอ็ดมันและแคโรลยิ้มให้ทุกคน ทำไมเบลล่าถามแคโรลด้วยเสียงที่สั่นเครือ แต่แคโรลเพียงแค่ยิ้มให้เบลล่าเท่านั้น อย่าพึ่งถามอะไรเอ็ดมันพูดจบก็เรียกแซ็กโซโฟนออกมาและเริ่มเป่าอย่างใจเย็นทางด้านแคโรลเมื่อได้ยินเสียงดนตรีแคโรลก็ดูนิ่งไปคล้ายกับว่ากำลังทำสมาธิอยู่ เอ็ดมันเป่าแซ็กโซโฟนอย่างดุดัน ไม่มีไอเวทของไรท์เอ็กซ์แล้วเบลล่าค่อยๆใช้มือลูบไปตามลูกกรง ถอยไปแคโรลพูดอย่างเย็นชา เบลล่าสดุ้งนิดหน่อยเพราะเธอไม่คิดว่าแคโรลจะพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาแบบนี้ แคโรลทั้งเตะและต่อยเข้าไปที่ลูกกรงอย่างต่อเนื่องจนลูกกรงหักออกมาขนาดไม่กว้างมาก แคโรลเธอทำได้ยังไงน่ะไลล่าถามอย่างสงสัยและค่อยๆย่อตัวเพื่อลอดผ่านช่องออกมา อีฟและไลล่าพุ่งตรงไปกอดแคโรลด้วยความคิดถึงแคโรลก็กอดกลับด้วยความคิดถึงเช่นกัน ฉันนึกว่าเธอจะตายไปแล้วแคโรลไลล่าพูด ฉันยังไม่ตายง่ายๆหรอกแคโรลพูดสั้นๆและเดินออกไปรอข้างนอก อย่างเย็นชาจนเพื่อนเก่าอย่างอีฟ ไลล่าและแม้แต่เบลล่าเองยังแปลกใจ

    เอ็ดมันเอ็ดม่าเรียกและโผเข้ากอดพร้อมกับน้ำตาที่ไหลอย่างห้ามไม่ได้ ทำไมเดี๋ยวนี้พี่ขี้แงจังเอ็ดมันถามพร้อมกับหัวเราะซึ่งเอ็ดม่าก็หัวเราะกับเอ็ดมัน ฉันคิดถึงแกนะเอ็ดม่ายังคงกอดเอ็ดมันอยู่อย่างนั้น ฉันก็คิดถึงพี่เหมือนกัน เอ็ดมันพูดจบเอ็ดม่าก็หอมแก้มเอ็ดมันไปอีกหนึ่งทีเพื่อแสดงว่าคิดถึงมาก

     เอ็ดมันนายทำอะไรเพื่อนฉันหรือเปล่า ทำไมแคโรลดูเย็นชาจังเลยอีฟถามเอ็ดมันเพราะอีฟรู้สึกได้ว่าแคโรลดูจะเศร้าและหดหู่มาก เปล่า แคโรลแค่อกหักน่ะเอ็ดมันตอบและเดินเข้าไปกอดอีฟและไลล่าที่ยิ้มให้กับเอ็ดมัน ไงเบลล่าเอ็ดมันทักเบลล่าที่ดูจะยังตกใจและดูหดหู่ อาจจะเป็นเพราะได้เจอแคโรลที่คิดว่าน่าจะตายไปตั้งนานแล้วและการเปลี่ยนแปลงของแคโรลด้วย ก็ดี นายล่ะเบลล่าต้องด้วยเสียงที่ฟังดูก็รู้แล้วว่าอยู่ในอาการของคนซึมเศร้า เอ็ดมันไม่ตอบอะไรเพียงแต่ยิ้มให้เบลล่าเท่านั้น

    ไงคำทักทายสั้นๆที่ออกมาจากปากของไมล์เอล ไงเอ็ดมันทักกลับไปพร้อมกับมอบรอยยิ้มที่ไมล์เอลไม่เคยเห็นมาก่อน ตอนนี้เธอยังชอบชื่อมิเกลมากกว่าเอ็ดมันอยู่หรือเปล่าเอ็ดมันถามไมล์เอลระหว่างที่กำลังเดินออกไป ซึ่งไมล์เอลหันมายิ้มให้กันเอ็ดมัน ดีใจที่ได้เจอเธออีกนะเอ็ดมันบอกไมล์เอลว่าอย่างนั้นและไมล์เอลก็พยักหน้าให้ และก็เดินออกไปจากนั้นทั้งคู่ก็ไม่ได้คุยอะไรกันอีก เอ็ดมันและแคโรลนำทางที่ปราศจากทหารและพวกเขาทุกคนก็สามารถออกไปจากปราสาทได้โดยไม่มีใครรับรู้


    (แหม่ ฟังเพื่อเพิ่มบรรยากาศ 555555)

    เอ็ดมันและแคโรลพาทั้งห้าสาวไปยังเมืองวินวาลี่บ้านเกิดของแคโรลซึ่งมันไม่ได้ไกลจากตัวเมืองของมิเดิลไลน์เลย วินวาลี่เป็นเมืองที่สวยงามและมีประวัติศาสตร์ที่น่าค้นหามากทีเดียวและที่ที่พวกเอ็ดมันมานั้นเป็นบ้านไม้เก่าๆขนาดใหญ่ที่ไม่สะดุดตาอะไร แต่พอเข้าไปแล้วภายในกลับสะอาดและน่าอยู่มาก ภายในบ้านมีห้องนอนทั้งหมดสามห้องด้วยกัน แคโรลเดินไปจุดเตาผิงและกลับมานั่งกับพวกเอ็ดม่าซึ่งท่าทางในตอนนี้คงจะมีคำถามที่ค้างคาใจมากน่าดู เล่ามาให้หมดเอ็ดม่าพูดขึ้นซึ่งทั้งแคโรลและเอ็ดมันก็ยิ้มและเอ็ดมันก็เริ่มเล่า วันนั้นหลังจากที่พวกพี่กลับไปเอ็ดมันเล่าว่า

    กรุกกัก ! เอ็ดมันและแคโรลมองหน้ากันทันทีนี่มันยังไม่ถึงเวลาเสียหน่อยแล้วใครเดินเข้ามาหรือว่าจะเป็นเพื่อนแต่ความสงสัยก็ต้องหายไปเหมือนเอ็ดมันเงยหน้าไปแล้วเจอ พ่อเอ็ดมันร้องเสียงหลง ส่วนผู้เป็นพ่อก็ยิ้มให้เอ็ดมันอย่างอบอุ่นเหมือนที่เคยทำ และข้างๆผู้เป็นพ่อก็มีชายชุดไวกิ้งคนเมื่อคืนมาด้วย นี่มันอะไรกันพ่อเอ็กซิสมองหน้าลูกชายตัวดื้อก่อนจะหัวเราะออกมา เจอเดียโกแล้วไม่ใช่หรอเราคนเป็นพ่อถามพร้อมกับยิ้มให้แคโรลที่ตอนนี้ดูจะเกร็งๆ ใช่ แล้วทำไมพ่อถึงรู้จักล่ะเอ็ดมันถาม เดียโกเป็นน้องชายพ่อสิ้นเสียงเอ็กซิสเหมือนระเบิดลง เอ็ดมันเหวอไปเลยความคิดเรื่องที่รูปปั้นตัวตลกบอกและข้อสันนิษฐานอาจจะเป็นจริงทั้งหมดเลยก็ได้ ราฟาเอลดูเหมือนหลานของฉันจะตกใจมากทีเดียวเดียโกพูดจบเอ็กซิสก็หัวเราะทั้งสองหัวเราะกันพอเป็นพิธี เรียกฉันว่าเอ็กซิสสิ่เอ็กซิสดุเดียโกนิดหน่อย ชื่อเชยมากเดียโกพูดพร้อมกับทำปากเบ่ะ ซึ่งเอ็ดมันมองสองคนนี้อย่างไม่เข้าใจ มีใครคิดจะอธิบายไหมเอ็ดมันที่ตอนนี้เสียงบ่งบอกอย่างชัดเจนว่าไม่สบอารมณ์ เอ็กซิสเห็นดังนั้นจึงยิ้ม พ่อรู้ว่าลูกคงจะมีคำถามมากมายแต่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาที่จะรู้ราฟาเอลพูดจบก็พยักหน้าให้เดียโก เราสองคนมาที่นี่เพื่อช่วยแต่มีข้อแม้บางอย่างเดียโกพูดจบก็เรียกให้ทั้งสองคนมาฟังข้อเสนอแนะของตัวเอง เมื่อข้าช่วยเจ้าสองคนแล้ว เจ้าจะต้องหายไปจากโลกแห่งความจริง พบปะกับผู้คนไม่ได้ไปเจอหน้าคนที่รักไม่ได้ เผื่อหลอกพวกราชวงศ์งี่เง่าว่าพวกเจ้าได้ตายไปแล้วจริงๆเดียโกพูดมาถึงตรงนี้เอ็ดมันก็เข้าใจได้ทันทีแต่ที่ดูจะมีปัญหาเหมือนจะเป็นแคโรล กลับไปหาเพื่อนก็ไม่ได้หรอคะแคโรลถามอย่างสุภาพ ซึ่งเดียโกส่ายหน้า ฉันไม่ได้ขอให้พวกเจ้ารับข้อเสนอนะเดียโกพูดอย่างอยู่เหนือกว่า ไม่เอาน่าเดียโกนั่นหลานนายนะและแคโรลก็เป็นลูกคารอสด้วยราฟาเอลพูด คุณรู้จักพ่อของฉันด้วยหรอคะแคโรลถามขึ้น ซึ่งราฟาเอลและเดียโกต่างก็พยักหน้าเป็นคำตอบ ก็คารอสเป็นทั้งมือขวาและยังเป็นผู้พิทักษ์ของ…” เดียโกทำท่าจะพูดต่อ แต่ราฟาเอลมาขัดไว้เสียก่อน เดียโกไม่ใช่เรื่องที่ควรจะพูดตอนนี้ราฟาเอลว่าอย่างนั้นซึ่งเดียโกก็ยักไหล่อย่างช่วยไม่ได้ ฉันตกลงค่ะแคโรลตอบอย่างฉะฉานอาจจะเป็นเพราะมีเรื่องพ่อของแคโรลมาเกี่ยวข้องด้วยทำให้แคโรลตัดสินใจได้ง่ายขึ้น ส่วนเอ็ดมันก็ดูจะไม่มีปัญหาอะไรตั้งแต่แรกแล้วและเมื่อบรรลุข้อตกลงกันแล้วเดียโกก็เสกขวานยักษ์ขึ้นมาพร้อมกับร่ายเวทก่อนจะเหวี่ยงขวานให้กระทบกับลูกกรงจนเกิดแสงสว่างจ้า’ “เรื่องวันนั้นที่พวกฉันสองคนรอดมาได้ก็เป็นแบบนี้แหละเอ็ดมันบอกทุกคน

    เอ็ดมันเหมือนแกจะยังเล่าให้ฟังไม่หมดนะ มีอะไรที่ฉันจำเป็นต้องรู้หรือเปล่าเอ็ดม่าถามน้องชายอย่างคาดครั้นให้ตอบซึ่งเอ็ดมันและแคโรลมองหน้ากันก่อนที่ทั้งคู่จะถอนหายใจออกมาดังๆ ฉันและพี่เป็นลูกของจอมมารเมื่อเอ็ดมันพูดจบเหมือนกับมีฟ้าผ่ากลางวงสนทนายังไงยังงั้น เอ็ดม่าดูจะช็อคเป็นอย่างมากและคนอื่นๆก็ดูจะตกใจเช่นเดียวกัน แกพูดว่าไงนะเอ็ดม่าสีหน้ายังไม่สู้ดีแม้จะได้ยินคำตอบแล้วแต่ก็ยังถามเพื่อความแน่ใจ เราสองคนเป็นลูกจอมมารเอ็ดมันก็ตอบอย่างเดิมซึ่งเอ็ดม่าก็มีน้ำตาเอ่อล้นออกมาเพียงเล็กน้อย พี่เอ็ดม่าตอนที่มิเกลรู้เป็นยิ่งกว่าพี่อีกนะคะแคโรลที่นั่งเงียบมานานพูดขึ้นและทุกคนก็ดูจะไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเรียกเอ็ดมันว่า มิเกลเอ็ดม่าด้วยความที่โตกว่าแม้เรื่องที่พึ่งได้รับรู้มามันจะเป็นเรื่องที่ทำใจได้ยากแต่ความจริงก็คือความจริงซึ่งเอ็ดม่าเลือกที่ยืนหยัดอยู่บนความจริง อันที่จริงชื่อจริงๆของฉันชื่อ เอ็ดมัน มิเกล ฮาร์ซาเอ็ดมันหรืออีกชื่อคือมิเกลบอกทุกคนว่าอย่างนั้น มันก็เลยไม่แปลกที่แคโรลจะเรียกฉันว่ามิเกลน่ะเอ็ดมันอธิบายให้ทุกคนฟัง จอมมารไม่สิ่พ่อของเราชื่อว่าอะไร ฉันไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าพ่อของเรามีชื่อว่าอะไรน่าอายจริงๆเอ็ดม่าถามออกไปเพราะจอมมารเป็นคนที่ทุกๆคนรู้จักแต่รู้จักในชื่อของจอมมารและไม่เคยมีใครรู้ชื่อจริงเลยและยังไม่เคยมีใครเห็นหน้าอีกด้วย อังเดร มิคาเอล ฮาร์ซาเป็นพี่ชายฝาแฝดของเอ็กซิส ราฟาเอล ฮาร์ซาและพ่อกับพ่อก็เป็นพี่ชายของอารอน เดียโก ฮาร์ซาเอ็ดมันตอบว่าอย่างนั้น ว้าวชื่อแต่ละคนเท่ห์ชะมัดอีฟพูดขึ้นทามกลางความกดดันบางอย่างและแน่นอนว่าโดนไลล่าฟาดเข้าไปหนึ่งที มันใช่เวลาเล่นไหมไลล่าดุอีฟซึ่งมันก็ทำให้อีฟกลับไปนั่งนิ่งเหมือนเดิม ส่วนพี่ เอ็ดม่า มาเรีย ฮาร์ซา ลูกสาวคนโตของจอมมารเอ็ดมันพูดจบก็ยิ้มให้เอ็ดม่าที่จะดูงงๆกับชื่อของตัวเอง ทำไมเราต้องมีชื่อกลางด้วยล่ะ ฉันชอบชื่อเอ็ดม่ามากกว่าแค่เอ็ดม่าเฉยๆเอ็ดม่าบอกพร้อมกับเบะปากซึ่งตอนนี้สีหน้าเธอเริ่มดีขึ้นมากแล้ว แล้วแต่พี่สิ่ พวกเธอด้วยอยากเรียกฉันว่าอะไรก็แล้วแต่ แต่ฉันชอบชื่อเอ็ดมันมากกว่าแต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมแคโรลถึงชอบเรียกฉันว่ามิเกลเอ็ดมันบอก ฉันว่าฉันเรียกนายว่ามิเกลด้วยดีกว่านะนายนักฆ่า ฉันว่าชื่อเอ็ดมันมันไม่ค่อยเหมาะกะนายเท่าไรอีฟพูดและทุกคนก็หัวเราะแล้วตกลงว่าจะเรียกเอ็ดมันว่ามิเกลตั้งแต่นี้เป็นต้นไป เมื่อคุยกันไปซักพักเอ็ดม่าก็ขอตัวไปพักผ่อนและทุกคนก็แยกย้ายกันไปนอนโดยที่เอ็ดมันนอนที่โซฟา อีฟและไลล่านอนด้วยกัน เอ็ดม่าและไมล์เอลส่วนห้องสุดท้ายเป็นของแคโรลและเบลล่า

    เอ็ดมันเดินออกมาสูดอากาศข้างนอกหลังจากที่ทุกคนแยกย้ายกันหมดแล้ว เอ็ดมันเงยหน้ามองดาวบนท้องฟ้าก่อนจะยิ้มออกมา พ่อ ผมจะต้องช่วยพ่อออกมาให้ได้เลยมิเกลหรือเอ็ดมันพูดกับตัวเอง

    ใส่เสื้อกล้ามออกมาข้างนอกไม่หนาวรึไงเอ็ดมัน มิเกล ฮาร์ซาเสียงผู้หญิงที่มิเกลรับรู้ได้ทันทีว่าเป็นใคร มิเกลหันหน้าไปมองและก็ต้องเห็นรอยยิ้มที่ถูกส่งมาให้จากไมล์เอลสาวน้อยตระกูลนักดนตรี ยังไม่นอนเหมือนกันหรอไมล์เอล เจ ดิลาสมิเกลถามไมล์เอลซึ่งไมล์เอลก็พยักหน้าให้เป็นคำตอบ นอนไม่หลับมากกว่าไมล์เอลตอบพร้อมกับไปยืนข้างๆมิเกล ทำไมล่ะไมล์เอลถามอย่างอยากรู้ ช่วงนี้มีเรื่องให้ฉันแปลกใจมากทีเดียวและยังของขวัญประหลาดจากใครก็ไม่รู้อีก ฉันเริ่มคิดแล้วว่าพวกเราน่ะอาจจะกำลังโดนจ้องเล่นงานอยู่ก็ได้ไมล์เอลตอบมิเกลอย่างเหนื่อยใจ มิเกลหันไปมองไมล์เอลและเล่นดนตรีเวทจังหวะช้าๆ เสียงดนตรีนั้นมันช่างอ่อนโยนและปลอดภัย

    มิเกลจับมือของไมล์เอล เต้นรำกันไหมครับมิเกลถามไมล์เอลออกไปอย่างอายๆ ซึ่งไมล์เอลก็ยิ้ม ฉันปฏิเสธได้ด้วยหรอคะไมล์เอลพูดจบก็นำมือมาวางไว้ไหล่ของมิเกล มิเกลยิ้มให้กับไมล์เอลอีกครั้ง และเริ่มเคลื่อนตัวตามจังหวะของเสียงดนตรี เป็นลูกสาวของนักดนตรีมีชื่อคงจะออกงานกับหนุ่มๆบ่อย ถึงได้เต้นเก่งขนาดนี้มิเกลพูดพร้อมกับส่งยิ้มน้อยๆให้กับไมล์เอลซึ่งไมล์เอลก็พยักหน้าเป็นคำตอบ แต่ฉันแปลกใจนะ ที่นักฆ่าอย่างนายเต้นรำเก่งแบบนี้ไมล์เอลได้โอกาสก็พูดแซวมิเกลบ้างซึ่งทั้งคู่ก็หัวเราะอย่างอารมณ์ดี ทั้งคู่ยังคงเต้นรำกันไปเรื่อยๆและแล้วแหวนที่ไมล์เอลใส่ก็เรืองแสงทั้งสี่นิ้วซึ่งไมล์เอลก็ดูจะไม่เข้าใจกับสิ่งที่เกิดแต่มิเกลก็ยิ้มและยังเต้นรำต่อไปเรื่อยๆอยู่เฉยๆนะมิเกลสั่งไมล์และรวบเอวของไมล์เอลเข้ามาใกล้มากขึ้น และไมล์เอลก็ไม่ได้ขัดขืนใดๆ ไมล์เอลใช้มือโอบคอของมิเกลเอาไว้ก่อนที่ทั้งคู่จะสบตากันอย่างจริงจังเป็นครั้งแรก มิเกลยิ้มให้ไมล์เอลอีกหนึ่งครั้งและรอบตัวของทั้งคู่ก็มีลมอ่อนพัดเข้ามา ยังฝึกไม่ชำนาญอีกหรอกับการควบคุมธาตุทั้งสี่น่ะมิเกลถามไมล์เอลซึ่งไมล์เอลก็ดูจะตกใจนิดหน่อยแต่ก็ส่งยิ้มคืนไป นายเองหรอที่เอามาให้ไมล์เอลถามมิเกลว่าอย่างนั้นและมิเกลก็พยักหน้าให้เป็นคำตอบ ดูอะไรนี่นะมิเกลพูดจบก็ร่ายเวทดาร์กบัลลาดสายดนตรีที่เขายังฝึกไม่ได้ ตัวของมิเกลและไมล์เอลค่อยๆลอยขึ้นเหนือพื้นดิน ทั้งคู่ลอยอยู่เหนือพื้นดินไม่มากนัก ไมล์เอลกอดมิเกลไว้แน่นซึ่งมิเกลก็ดูจะชอบที่ไมล์เอลกอดตัวเขาไว้อย่างนั้น นายฝึกได้แล้วหรอไมล์เอลถามมิเกลเพราะจากที่ฟังเอ็ดม่าเล่าให้ฟังมิเกลยังฝึกสายดนตรีไม่ได้ ยังหรอกมิเกลบอกและกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นไมล์เอลซบไหล่ของมิเกลอย่างเหนื่อยล้า นายจะเจ็บตัวหรือเปล่าไมล์เอลถามอย่างเป็นห่วงและมิเกลก็ส่ายหน้าเป็นคำตอบ เพราะแหวนที่เธอใส่มันจะช่วยให้ภายในร่างกายของฉันสมดุลและมันเคยเป็นของฉันมิเกลตอบและทั้งคู่ก็กลับมายืนอยู่บนพื้นดินอีกครั้งแต่ไมล์เอลก็ยังคงซบอกของมิเกลและขยับตัวตามเสียงเพลงอยู่ แล้วนายเอามาให้ฉันทำไมไมล์เอลผละออกจากอกของมิเกลและมองหน้ามิเกลอย่างไม่เข้าใจ เพราะฉันอยากให้เธอเป็นคนเก็บมันไว้มิเกลยิ้มอย่างมีเลศนัยและยิ้มให้ไมล์เอลอีกครั้งซึ่งไมล์เอลก็ยิ้มคืนให้ ฉันเริ่มง่วงแล้วนะไมล์เอลที่หน้าขึ้นสีพูดตัดบทซะดื้อๆแม้ว่าคำพูดของเอ็ดมันจะเป็นแค่ประโยคธรรมดาแต่ ทำไมหัวใจเราเต้นแรงแบบนี้นะ ไมล์เอลบ่นตัวเองในใจและไมล์เอลก็เดินหันหลังเตรียมจะกลับเข้าไปในบ้านแต่มิเกลก็รั้งมือของไมล์เอลเอาไว้ ไมล์เอลหันหน้ามาและทำหน้าว่ามีอะไรอีก ซึ่งมิเกลก็พูดเพียงประโยคสั้นๆ ฝันดีนะไมล์เอลอมยิ้มเล็กน้อยเมื่อมิเกลบอกว่าฝันดีและเธอก็เดินกลับเข้าไปในบ้านด้วยความรู้สึกที่มีความสุขสุดๆ

    ภายในห้องนอนของเบลล่าและแคโรลเต็มไปด้วยความอึดอัดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เบลล่าเธอนอนบนเตียงแล้วกันเดี๋ยวฉันนอนพื้นแคโรลบอกเบลล่าซึ่งเบลล่าก็ดูจะไม่พอใจเอามากๆ ทำไมล่ะ เมื่อก่อนเราจะยังนอนด้วยกันออกบ่อยไปนะเบลล่าพูดขึ้น ซึ่งแคโรลก็ยิ้มน้อยๆ ก็ตอนนี้กับตอนนั้นมันไม่เหมือนกันนิ่แคโรลพูดสิ่งที่อยากจะพูดแต่พูดในใจเท่านั้น แคโรลปิดไฟและล้มตัวนอนลงที่พื้นเช่นเดียวกับเบลล่าที่นอนอยู่บนเตียง คบกับลูกของท่านผู้นำเป็นยังไงบ้างแคโรลพยายามมากที่จะทำให้เสียงเป็นปกติมากที่สุด ราอูลน่ะหรอ เขาก็ดีนะ ดูแล สุภาพบุรุษ ฉันบอกบางอย่างกับเธอได้ใช่ไหมในฐานะที่เราเป็นเพื่อนกันมานานเบลล่าถามแคโรลซึ่งไม่ได้รู้เลยว่าตอนนี้แคโรลชอกช้ำมากเพียงไหน แคโรลส่งเสียงอืมเป็นเชิงว่าบอกมาสิ่ ราอูลเป็นคนดีแต่ฉันก็แอบน้อยใจเขาบ่อยเพราะเขาไม่ค่อยมีเวลาให้ฉันเท่าไรนัก เธอเข้าใจใช่ไหมแคโรลเบลล่าเหมือนได้พูดสิ่งที่ตัวเองรู้สึกอัดอั้นมานาน อือ นอนเถอะฉันเริ่มง่วงแล้วแคโรลตัดบทสนทนาเพียงเท่านี้เพราะไม่อยากจะให้ตัวเองรู้อะไรที่มันมีผลทำร้ายจิตใจของตัวเองมากกว่านี้และแคโรลก็ยังไม่ง่วงซักนิด ฉันดีใจมากที่รู้ว่าเธอยังไม่ตาย ฝันดีนะแคโรลเพื่อนรักเบลล่าพูดและเข้าสู่ห้วงนิทราไปอย่างรวดเร็วต่างจากแคโรลที่นอนยังไงก็ไม่สามารถข่มตาหลับได้เลย แคโรลลุกขึ้นมาและไปนั่งบนเตียงพร้อมกับใช้มือลูบหัวเบลล่าอย่างเอ็นดูและส่งยิ้มอ่อนๆไปให้กับเบลล่าที่นอนหลับอยู่และเวทสีน้ำเงินก็ค่อยๆลอยออกมาจากตัวเบลล่าและค่อยๆซึมเข้าสู่ร่างกายของแคโรลอย่างช้าๆ ฉันคงไม่ต้องปกป้องเธอแล้วสิ่นะเจ้าหญิงแคโรลพูดจบน้ำตาที่กลั้นไว้มานานก็ค่อยๆไหลออกมาและแคโรลก็เดินออกจากห้องไป

    แย่แล้วทุกคนเบลล่าตะโกนและรีบวิ่งออกมาจากห้อง เกิดอะไรขึ้นเป็นเอ็ดม่าที่ถาม แคโรล แคโรลเมื่อคืนไม่ได้นอนที่ห้องเบลล่าบอกอย่างเป็นเดือดเป็นร้อน มิเกลมองหน้าเบลล่า เมื่อคืนแคโรลไม่ได้นอนที่ห้องงั้นหรอมิเกลถามเบลล่าซึ่งเบลล่าก็พยักหน้าให้เป็นคำตอบ เมื่อคืนพวกเธอทะเลาะกันหรือเปล่ามิเกลถาม เปล่าเมื่อคืนแคโรลถามฉันเรื่องราอูลน่ะเบลล่าตอบไปตามความจริงซึ่งพอมิเกลได้ยินดังนั้นมิเกลก็วิ่งออกจากบ้านไปทันที มิเกลไมล์เอลเรียกอย่างเป็นห่วงแต่เอ็ดม่าก็ตบไหล่ มันก็เป็นแบบนี้แหละเอ็ดม่าบอกไมล์เอลอย่างเข้าใจว่าน้องตัวเองเป็นคนเลือดร้อนมากแค่ไหนแม้ภายนอกจะดูเย็นชาแต่ความจริงแล้วมันไม่ใช่แบบนั้นลย

    มิเกลวิ่งออกมาจากบ้าน เขารู้ว่าจะต้องไปตามหาแคโรลที่ไหน มิเกลยังคงใช้วิธีการวิ่งแบบนักฆ่าในการวิ่งไปหาแคโรลด้วยความเร็วที่คนปกติไม่สามารถมองเห็น มิเกลมาหยุดอยู่ตรงน้ำตกและมองเข้าไปในถ้ำ มิเกลค่อยๆเดินเข้าไปในถ้ำแต่ไม่ได้ยินเสียงอะไร ภายในถ้ำเต็มไปด้วยอุปกรณ์การฝึกของนักสู้ แคโรลเธออยู่ที่นี่หรือเปล่ามิเกลตะโกนถามซึ่งไม่มีเสียงใดๆตอบกลับมา มิเกลกังวลนิดหน่อยเพราะตอนที่แคโรลรู้ว่าเบลล่าคบกับลูกของท่านผู้นำ แคโรลไม่กิน ไม่นอน กลายเป็นคนเงียบๆไปช่วงหนึ่งแต่กาลเวลาก็ช่วยทำให้แคโรลดีขึ้นและกลับมาเป็นคนร่าเริงเหมือนเดิม มิเกลเดินไปตามทางก็เจอร่างหมดสติของแคโรล มิเกลรีบเข้าไปประคองก็ต้องตกใจเมื่อเห็นล่องลอยของน้ำตาที่ไหลอาบแก้มของแคโรลแม้ตอนนี้แคโรลจะหมดสติแล้วก็ตาม มิเกลอุ้มร่างของแคโรลและวิ่งกลับบ้านไป

    พี่ แคโรลเป็นไงบ้างมิเกลถามเอ็ดม่าที่ตอนนี้ดูอาการของแคโรลอยู่ ไม่เป็นอะไรหรอกแค่พักผ่อนน้อยและคงจะมีอะไรมากระทบกระเทือนจิตใจมากทีเดียว ดูจากไอเวทที่ฉันรักษาสิ่เป็นสีเทาเลยเอ็ดม่าตอบมิเกลไปว่าอย่างนั้น เบลล่าและเพื่อนคนอื่นก็นั่งเฝ้าแคโรลเช่นกัน ไม่มีใครพูดอะไรแม้แต่อีฟยังเงียบกว่าปกติที่ควรจะเป็น ไมล์เอลสังเกตเห็นว่ามิเกลดูจะหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก มิเกลและไมล์เอลสบตากันพอดิบพอดี ไมล์เอลส่งสายตาว่าให้ออกไปคุยกันข้างนอกเมื่อมิเกลเห็นมิเกลก็เดินออกไปรอไมล์เอลข้างนอกและไมล์เอลก็เดินตามมิเกลออกไปติดๆ

    เมื่อออกมามิเกลก็ยังดูหงุดหงิดอยู่ นายเป็นอะไรของนายทำไมดูหงุดหงุดล่ะไมล์เอลถามมิเกลทันทีที่ออกมาข้างนอก ตั้งแต่รู้จักกันมาฉันยังไม่เคยเห็นแคโรลร้องไห้เลยซักครั้งมิเกลพูดเสียงดังจนกลายเป็นตะคอกใส่ไมล์เอลไปแล้ว แล้วทำไมแคโรลเขาถึงร้องไห้ล่ะแม้ว่าไมล์เอลจะไม่ค่อยพอใจที่มิเกลตะคอกใส่แต่เรื่องที่ตนอยากรู้ต้องมาก่อน แคโรลรักเบลล่า ไม่ใช่รักแบบเพื่อนแล้วรักมานานแล้วมิเกลยังคงตะคอกใส่ไมล์เอลอย่างต่อเนื่อง แล้วนายจะตะคอกใส่ฉันทำไม มิเกลไมล์เอลเริ่มทนไม่ไหวจึงตะคอกกลับไปบ้าง ไมล์เอลคือฉัน…” มิเกลยังพูดไม่ทันจบไมล์เอลก็เดินกลับเข้าบ้านไปแล้ว มิเกลถอนหายใจออกมาอีกครั้งแม้ว่ามิเกลจะรู้ตัวว่าผิดแต่มันหงุดหงิดนี่นา เมื่อกี้ฉันได้ยินว่าแคโรลรักเบลล่างั้นหรอมิเกลหันไปมองต้นทางเมื่อรู้ว่าไม่ได้มีคนที่รู้แค่คนเดียว อีฟ เธอแอบฟังหรอมิเกลหันไปมองหน้าอีฟ ฉันเปล่าคือฉันจะออกมาตามไมล์เอลแล้วเผอิญได้ยินพอดีอีฟรีบบอกมิเกลทันที ก็อย่างที่เธอได้ยินนั่นแหละมิเกลพูดและถอนหายใจออกมาอีกครั้ง ตลอดเวลาที่เราสองคนแกล้งทำเป็นว่าตายไปแล้ว พวกเรารู้ความเคลื่อนไหวของพวกเธอหมดมิเกลบอกอีฟซึ่งตอนนี้ทั้งคู่ได้มานั่งอยู่ที่ม้านั่งข้างนอก ตอนแรกที่แคโรลรู้เรื่องเบลล่า แคโรลไม่เป็นอันทำอะไร ไม่กิน ไม่นอน ไม่ซ้อมแต่ฉันก็ไม่เคยเห็นแคโรลร้องไห้มิเกลยังคงเล่าให้อีฟฟังต่อ แต่วันนี้ตอนที่ฉันเห็นแคโรลสลบและมีคราบน้ำตา เธอรู้ไหมอีฟว่าฉันอยากจะไปฆ่าลูกของท่านผู้นำนั่นด้วยซ้ำในตอนนี้ จริงๆฉันอยากจะไปฆ่ามันตั้งแต่รู้ว่านายนั่นคบกับเบลล่าแล้วแต่แคโรลห้ามไว้ แคโรลเป็นผู้พิทักษ์ฉันนะฉันทนไม่ได้หรอกที่จะเห็นผู้พิทักษ์ฉันอ่อนแอแบบนี้มิเกลพูดอย่างหงุดหงิดและดูแล้วว่าคงจะไม่หายง่ายๆ จะบ้ารึไงมิเกลอันที่จริงฉันก็ไม่ค่อยเห็นด้วยหรอกที่เบลล่าคบกับราอูลแต่เบลล่ารักราอูลนี่ สิ่งที่เพื่อนรักเราก็ต้องรักด้วยถูกไหมอีฟพูดให้มิเกลฟังซึ่งถ้าถามว่ามิเกลเข้าใจไหมตอบได้เลยว่าเข้าใจแต่ทำเป็นไม่เข้าใจมากกว่า ฉันว่าแคโรลไม่เป็นไรหรอก เพื่อนฉันเข้มแข็งฉันรู้จักเพื่อนฉันดีและทุกๆคนก็มีจุดอ่อนทั้งนั้นไม่มีใครหรอกนะที่จะเข้มแข็งไปหมดทุกเรื่องรวมถึงตัวนายด้วยเหมือนกันอีฟพูดจบก็ลุกขึ้นและค่อยๆเดินกลับเข้าไปในบ้าน มิเกล ฉันว่าตอนนี้นายควรจะไปง้อไมล์เอลก่อนนะเผื่อนายจะไม่รู้ ไมล์เอลน่ะมีหนุ่มนักรบกลชอบเยอะแยะเลยอีฟพูดจบก็หัวเราะอย่างอารมณ์ดีและเดินกลับเข้าไปในบ้าน มิเกลมองตามหลังอีฟจนอีฟเข้าบ้านไปก่อนจะส่ายหัวให้กับตัวเอง แล้วจะมาบอกทำไมว่าไมล์เอลคนชอบเยอะ เราไม่ได้ชอบยัยเฉิ่มนั่นซะหน่อยนิ่มิเกลพูดกับตัวเองและส่ายหน้าไปมาอีกครั้งและเดินกลับเข้าไปในบ้านเช่นเดียวกับอีฟ

    ภายในห้องที่แคโรลนอนหมดสติอยู่มีเพียงเบลล่าเท่านั้นที่นั่งเฝ้าแคโรลอยู่ไม่ห่าง เบลล่าไม่ยอมกินอะไรเลยตั้งแต่รู้ว่าแคโรลสลบไป พี่เอ็ดม่าบอกว่าแคโรลไม่เป็นอะไรมากแล้วทำไมถึงยังไม่ฟื้นซักทีเบลล่าคิดในใจอย่างเป็นห่วง เบลล่าไม่เข้าใจตัวเองซักนิดว่าทำไมถึงได้เป็นห่วงแคโรลมากขนาดนี้ ตั้งแต่ที่เจอกันเบลล่ารู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูกอาจจะเป็นเพราะได้เจอเพื่อนรักสมัยเด็กและรู้ว่าเพื่อนคนนั้นยังไม่ตาย แต่สิ่งที่แคโรลทำให้เบลล่ารู้สึกตั้งแต่เจอกันก็คือแปลกใจและน้อยใจ จนมาเมื่อคืนแคโรลก็ไม่ยอมนอนกับตนอีก ความน้อยใจมันจึงพุ่งสูงมากแต่เบลล่าก็คิดแค่เพียงว่าอาจจะเป็นเพราะห่างกันมานานแต่พอตอนเช้าเบลล่าตื่นมาแคโรลก็ไม่อยู่ในห้องแล้ว ที่นอนก็เรียบเหมือนกับว่าไม่เคยมีใครนอนอยู่เลยนั่นจึงทำให้เบลล่ารู้ทันทีว่าเมื่อคืนแคโรลไม่ได้นอนที่ห้องและมันก็ไม่ใช่สิ่งที่เบลล่าจะรู้สึกดี แคโรลเธอเป็นอะไรของเธอนะ บอกฉันได้หรือเปล่าว่าใครทำให้เธอเปลี่ยนไปขนาดนี้เบลล่าพูดกับแคโรลที่ยังนอนไม่ได้สติพร้อมกับเอามือลูบหัวช้าๆอย่างอ่อนโยน

    (ฟังเพื่อซึบซับบรรยากาศ รอบ2)

    บะ เบล เบลล่าแคโรลละเมอออกมาเป็นชื่อของเบลล่าเพียงเบาๆเท่านั้น ซึ่งเบลล่าที่อยู่ข้างเตียงก็มองแคโรลอย่างเป็นห่วง เบลล่าจับมือของแคโรลเอาไว้ ฟื้นสิ่ยัยบ้าเบลล่าพูดออกมาทั้งน้ำตา ไม่เข้าใจตัวเองด้วยซ้ำว่าร้องไห้ทำไม แคโรลแค่เพียงลำเมอเท่านั้นแต่ก็ยังไม่ฟื้น เบลล่าใช้มือแตะไปที่หน้าผากของแคโรลอย่างเบามือ ทำไมตัวร้อนแบบนี้ล่ะเบลล่าตกใจจนทำอะไรถูก พี่เอ็ดม่า พี่เอ็ดม่าเบลล่าตะโกนเรียกเอ็ดม่าเสียงดังโดยที่มือก็ยังไม่ปล่อยจากแคโรล

    เอ็ดม่าและคนอื่นวิ่งมาอย่างตกใจ เกิดอะไรขึ้นเบลล่าเอ็ดม่าถามเบลล่าที่ตอนนี้ยังร้องไห้อยู่ คะ แคโรล ตะตัวร้อนจี๋เลยเบลล่าพูดตะกุกตะกะ ไมล์เอลเดินไปปลอบเบลล่าทันที มีแต่มิเกลเท่านั้นที่มองเบลล่าด้วยอารมณ์ที่หงุดหงิดและคล้ายกับว่าที่แคโรลเป็นแบบนี้ก็เพราะตัวเบลล่าเอง พี่เอ็ดม่าแคโรลเป็นยังไงมั่งคะเบลล่าที่ตอนนี้ไม่ร้องไห้แล้วถามขึ้น ไม่ดีเลย เมื่อเช้าฉันไม่เห็นเวทที่ไหลอยู่ในตัวแคโรล แต่ตอนนี้กลับมีเวทแบบเดียวกับที่เกเบียลใช้ไหลอยู่ทั่วร่างกายเลยแหละเอ็ดม่ามีสีหน้าที่ไม่ดีเลยและนั่นถือว่าเป็นสัญญาณไม่ดีมากๆ มิเกลที่ยืนมองแคโรลอยู่เงียบๆซึ่งต่างจากเอ็ดม่ามีสีหน้าวิตกกังวลอย่างหนัก

     ฉันไม่อยากใช้ไวท์เชน นายดูดเวทลึกลับนี่ออกไปได้ไหมเอ็ดม่าพูดขึ้นทามกลางความเงียบซึ่งมิเกลก็พยักหน้าให้และมิเกลเริ่มท่องดาร์กบัลลาดตรวจดูร่างกายของแคโรล เดธบลูมิเกลบอก มันเป็นเวทของพวกราชวงศ์น่ะพี่ มีแต่คนในราชวงศ์เท่านั้นแหละที่จะเรียนเวทบทนี้ได้มิเกลอธิบายให้ทุกคนฟัง แล้วแคโรลไปโดนเวทนี้มาจากไหนเป็นเบลล่าที่ถามบ้าง ซึ่งมิเกลส่ายหน้า แคโรลไม่ได้โดนแต่เธอเคยโดนเวทนี้ซึ่งเบลล่าก็พยักหน้าแม้จะยังไม่เข้าใจ เวทนี้ถ้าโดนอัดเข้าไปแล้วมันไม่ไหลออกมาง่ายๆเหมือนเวทอื่นๆที่เคยเจอมาหรอกนะเมื่อมิเกลพูดจบเบลล่าก็ตกใจมาก แต่ที่มันไม่แสดงอาการใดๆก็เพราะว่าวันนั้นอาฉันคงจะช่วยรักษาให้และไปสกัดการไหลเวียนของเวทไว้นั่นแหละแม้มันจะลอยออกมาแต่มันไม่ได้ลอยออกมาหมดแต่ถ้าอาฉันไม่ช่วยสกัดให้ก่อนเธอก็อาจจะตายไปแล้วก็ได้มิเกลอธิบายให้ทุกคนฟังอีกครั้งเหมือนตัวเองเชี่ยวชาญเรื่องนี้มากทีเดียว เบลล่าเริ่มเข้าใจแล้วรวมถึงคนอื่นๆด้วย งั้นก็หมายความว่าแคโรลรู้น่ะสิ่ว่าฉันยังมีเวทชนิดนี้อยู่ในตัวเบลล่าถามอย่างสงสัย ใช่ ถ้ามันอยู่ที่ตัวเธอมันจะไม่มีอันตรายต่อเธอหรอกในตอนนี้แต่ในอนาคตเวทนี้มันจะกลับมาไหลเวียนในตัวเธออีกครั้งซึ่งเมื่อถึงวันนั้นเธอจะทรมานมากกว่านี้อีกมิเกลยังคงอธิบายไปเรื่อยๆ แคโรลดึงเวทออกมาจากตัวเธอและใส่ที่ตัวเองแทนมิเกลบอกเบลล่าว่าอย่างนั้นซึ่งเบลล่าก็รู้สึกร้อนที่ตาทันที นักสู้ดูดเวทออกจากตัวได้หรอฉันนึกว่ามีแต่พวกนักเวทกะพวกเยียวยาเสียอีกเอ็ดม่าถามมิเกลอย่างสงสัย ใช่ ดูดได้แต่ต้องมีสิ่งรับแทนอย่างเบลล่า แคโรลก็เอาตัวเองรับเวทแทนไงมิเกลพูดให้เอ็ดม่าฟังซึ่งเอ็ดม่าก็พยักหน้าอย่างเข้าใจ เบลล่าที่ตอนนี้ดูแย่ลงเรื่อยๆเพราะเริ่มร้องไห้อีกแล้ว เบลล่าจับมือของแคโรลไว้แน่นพร้อมกับพูด อย่าเป็นอะไรนะแคโรล ฉันขอร้องเบลล่าพูดออกไปว่าอย่างนั้น ซึ่งทุกคนเห็นก็รู้สึกเศร้าไปตามๆกัน นายช่วยแคโรลได้ไหมเบลล่าหันมาถามมิเกลทั้งน้ำตาซึ่งมิเกลก็พยักหน้าให้เป็นคำตอบ

    เอ็ดมันไม่รอช้าเริ่มร่ายดาร์กบัลลาดทันทีบรรทัดห้าเส้นค่อยๆพันรอบตัวของแคโรลเอาไว้ พี่ช่วยหน่อยมิเกลบอกเอ็ดม่าและเอ็ดม่าก็ร่ายเวทเยียวยาเบื้องต้น บรรทัดห้าเส้นที่พันตัวของแคโรลเริ่มรัดร่างของแคโรลไว้แน่น แคโรลมีสีหน้าที่ทรมานเป็นอย่างมาก ซึ่งเบลล่าก็ยังคงจับมือของแคโรลเอาไว้ไม่ห่าง บรรทัดห้าเส้นสีดำของมิเกลที่ตอนนี้เริ่มเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินแล้ว ก็ค่อยๆคลายตัวออกอย่างช้าๆ มิเกลทรุดตัวลงกับพื้น หน้าซีดมาก มิเกลไมล์เอลรีบไปดูอาการของมิเกลทันที "เวทนี้มีไอเวทสีดำอยู่เยอะมากเลย ไม่ยักรู้ว่าเดธบลูจะชั่วร้ายขนาดนี้" มิเกลพูดและหอบไปในเวลาเดียวกัน แกไหวหรือเปล่ามิเกลเอ็ดม่าถามซึ่งมิเกลก็พยักหน้า ถ้าไม่ไหวอย่าฟื้น เดี๋ยวร่างกายก็แตกเป็นเสี่ยงๆหรอก แกก็รู้ดีไม่ใช่หรอเอ็ดม่าดุมิเกลที่ใครดูก็รู้ว่ากำลังฝืนตัวเองอยู่ ไม่เป็นไรหรอกมิเกลพูดจบก็ร่ายเวทแบบเดิมอีกครั้ง เวทสีน้ำเงินก็ค่อยๆซึมเข้าสู่บรรทัดห้าเส้นอีกครั้ง มิเกลทำแบบนี้อยู่หลายครั้งจนเวทสีน้ำเงินในตัวของแคโรลหมด และมิเกลก็กระอักเลือดออกมาทันที บอกแล้วทำไมไม่ฟังเอ็ดม่าขึ้นเสียงใส่มิเกล ซึ่งมิเกลก็ก้มหน้ารับความผิดอย่างเลี่ยงไม่ได้ก่อนจะหมดสติไป

    ไมล์เอลพามิเกลมาพักฟื้นอยู่อีกห้องหนึ่ง ซึ่งมิเกลก็ยังคงไม่ได้สติ ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบไมล์เอลไม่พูดจาใดๆออกมาเลย และมิเกลก็ยังคงนอนไม่ได้สติอยู่แบบนั้น เอ็ดม่าเปิดประตูเข้ามา เอ็ดม่าไม่พูดอะไรกับไมล์เอลและเริ่มลงมือตรวจร่างกายทันที ข้างในช้ำนิดหน่อย ถ้ามิเกลใช้เวทรักษาแคโรลอีกซักห้าครั้งมันก็คงจะไม่รอดเอ็ดม่าพูดบอกไมล์เอลว่าอย่างนั้น แล้วมิเกลจะเป็นอะไรมากหรือเปล่าคะไมล์เอลถามอาการของมิเกลด้วยความเป็นห่วงที่ปิดไม่มิด เอ็ดม่าลุกและเดินไปกอดไมล์เอลอย่างอบอุ่น ไม่หรอกและก็จะไม่มีคนในกลุ่มเราที่เป็นอะไรอีกแล้วเอ็ดม่าบอกกับไมล์เอล ซึ่งไมล์เอลก็พยักหน้าอย่างเข้าใจและทั้งคู่ก็เดินออกไปจากห้องไป

    เราหลับไปตั้งแต่เมื่อไรเนี่ยแคโรลพูดในใจทันทีที่ฟื้นและหันไปมองข้างๆซึ่งตอนนี้เบลล่านั่งหลับอยู่เก้าอี้ข้างๆเตียง แคโรลค่อยๆพยุงตัวเองขึ้นมานั่งและจ้องมองเบลล่าอยู่แบบนั้น แคโรลยิ้มบางๆให้เบลล่าที่นั่งหลับอยู่และแคโรลก็ลุกออกจากเตียงไปคุกเข่าอยู่ๆข้างเบลล่า ฉันรักเธอนะเจ้าหญิงเมื่อพูดจบแคโรลก็โน้มตัวสัมผัสที่ปากของเบลล่าด้วยอวัยวะส่วนเดียวกันและหยิบผ้าห่มมาห่มตัวเบลล่าและเดินออกไป ทันทีที่แคโรลเดินออกมาก็เห็นภาพที่คุ้นตาซึ่งนั่นก็คือไลล่าวิ่งไล่อีฟสองคนนี้ยังเป็นแบบนี้เสมอ แคโรลยิ้มให้กับภาพตรงหน้า แคโรลเธอฟื้นแล้วไลล่าพูดด้วยน้ำเสียงที่ดีใจจนปิดไม่มิดและทั้งอีฟ ไลล่า เอ็ดม่าและไมล์เอลก็วิ่งเข้ามาถามแคโรลกันใหญ่ว่าเป็นยังไงบ้างรวมถึงหนึ่งปีที่หายไปนั้นแคโรลเป็นอย่างไรบ้าง แคโรลเล่าให้ฟังด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะและคนที่ฟังก็ดูจะมีความสุขเช่นเดียวกัน "เธอก็ยังเหมือนเดิมเลยนะแคโรล ทำให้คนอื่นยิ้มได้เสมอเลย ฉันคิดว่าเธอจะเปลี่ยนไปแล้วซะอีก" อีฟพูดตามที่ตนเองคิดและแน่นอนว่าแคโรลก็ยิ้มและหัวเราะให้กับทุกๆคน มิเกลไปไหนล่ะ ฉันไม่เห็นเลยแคโรลถาม ยังไม่ฟื้นเลยแคโรลไมล์เอลตอบ ซึ่งก็เรียกความสงสัยจากแคโรลได้ว่ามิเกลไปทำอะไรมา มิเกลเป็นอะไรแคโรลถามด้วยเสียงนิ่งๆ ดูดเวทเดธบลูอะไรนั่นออกจากตัวเธอน่ะไมล์เอลยังคงทำหน้าที่ตอบคำถามได้อย่างดี ซึ่งแคโรลก็พยักหน้าและขอตัวไปดูอาการมิเกล

    แคโรลเข้ามาอีกห้องหนึ่งซึ่งเป็นห้องที่มิเกลพักอยู่ เฮ้ ฟื้นได้แล้วน่ามิเกลแคโรลพูดออกไปเสียงดังซึ่งมิเกลก็ขยับตัวเล็กน้อยและค่อยๆปรือตามองแคโรล ไงผู้พิทักษ์มิเกลทักแคโรลอย่างอารมณ์ดี มิเกลบิดขี้เกียจสองสามครั้งและค่อยๆลุกขึ้นมานั่ง ขอบใจนายมากที่ช่วยฉันแคโรลพูดไปยิ้มไป ซึ่งมิเกลก็ยิ้มให้แคโรลเช่นกัน ต้องช่วยอยู่แล้ว ถ้าเธอตายไปนี่ลำบากฉันต้องไปหาผู้พิทักษ์ใหม่นะมิเกลพูดไปขำไปซึ่งแคโรลก็ขำตามไปด้วยเช่นกัน แล้วจะเอายังไง อีกไม่กี่วันโรงเรียนก็เปิดแล้วพวกเบลล่าต้องกลับโรงเรียนแคโรลถามมิเกล ซึ่งมิเกลก็ทำหน้าครุ่นคิดและตอบออกไปว่า ก็ให้พวกนั้นกลับวันนี้เลยโดยที่เราสองคนก็จะกลับไปด้วยมิเกลพูดอย่างมั่นใจ ซึ่งแคโรลก็พยักหน้ารับและขอตัวไปเก็บของทันที แล้วเราจะได้เจอกันอีกพระราชาไอเดนและเจ้าชายเกเบียลมิเกลพูดกับตัวเองจบก็ลุกออกจากเตียงไปเก็บของเช่นกัน

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×