คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : ✔จะดีหรือจะร้าย
ตอนที่ 7...จะดี หรือจะร้าย
“มากับฉันหน่อย” พูดจบก็ดึงฉันออกจากตรงนั้นทันทีไม่รอให้ฉันตอบรับอะไรเลยสักคำ และที่งงไปกว่านั้นก็คือฉันดันตามเขามานี่สิ จะขัดขืนสักนิดก็ไม่มีหรอก สมองสั่งการไม่ทัน
“พี่มีอะไรกับหวาน เอ้ย!! ฉันก็ว่ามา” ฉันถามออกมาตรงๆ หลังจากพี่บูมพามาหยุดที่ๆ ไม่ค่อยมีใครผ่านไปผ่านมามากนัก
“เธอคบกะไอ้หมอนั่นรึไง” พี่บูมเปิดประเด็นทันที คิ้วทั้งสองข้างฉันขมวดเข้าหากันทันทีอย่างไม่เข้าใจ ก่อนจะตีหน้าเรียบแล้วเชิดใส่
“มันเกี่ยวอะไรกับพี่ไม่ทราบ! ที่หวาน เอ้ย! ที่ฉันจะคบใครหรือไม่คบใคร”
“ไม่เกี่ยว!!!” พี่บูมสวนกลบทันควัน
“ก็รู้นี่ว่ามันไม่เกี่ยว แล้วจะมาถามทำไม!” ฉันถามเสียงห้วนด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะหันหลังกลับแต่ก็ต้องชะงักเท้ากึกกับประโยคต่อมา
“ไอ้หมอนั้นมันไม่ได้ดีเลิศอย่างที่เธอคิดหรอกนะ แต่จะว่าไปเธอเองนี่ก็หาผู้ชายมาอยู่ข้างกายได้ไวดีนี่ เหอะ!”
ฉันหันกลับไปมอง ดวงตากลมสั่นระริกกับคำพูดดูถูกของคนที่ฉันรักหมดหัวใจ ก่อนที่ฉันก็ฉีกยิ้มให้เขาอย่างท้าทาย แล้วสาวเท้าเข้าไปใกล้เพื่อเผชิญหน้า
“ใช่! หวานมันก็เป็นคนแบบนี้นี่แหละ ขอตัวก่อนแล้วกันนะคะเดี๋ยวเขาจะรอนาน” ฉันส่งยิ้มบางๆ แล้วหันหลังกลับอีกครั้ง
“เธอเปลี่ยนไปนะ” พี่บูมพูดเสียงเบา ทำให้ฉันชะงักเล็กน้อยแต่ก็ตัดสินใจไม่หันหลังกลับไปอีก เพราะใจฉันยังไม่แข็งพอที่จะเผชิญหน้ากับเขาอีกครั้งในตอนนี้เลยจริงๆ
“อ่าวมาแล้วหรอ อาหารมาครบหมดแล้วนะ” สิงหาพูดขึ้นทันทีที่ฉันมาถึง
“ขอโทษนะที่หวานไปนาน” ฉันฝืนยิ้ม พลางเหลือบตาไปมองนอกร้าน เห็นพี่บูมนั่งอยู่ที่โต๊ะไม้แถวๆ หน้าร้าน และกำลังหันหน้ามาทางฉันด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์
//เปลี่ยนไปงั้นหรอ ทั้งหมดนี้มันไม่ใช่เป็นเพราะพี่รึไง...พี่บูม//
“น้ำหวานว่าอะไรนะ ผมได้ยินไม่ถนัด” สิงหายื่นหน้าเข้ามาใกล้ จนฉันสะดุ้ง เพิ่งรู้ตัวว่าควรกลับมาอยู่กับปัจจุบันได้แล้ว
“เปล่าๆ ไม่มีไร หวานว่าเรากินกันดีกว่านะ” ฉันทำเป็นไม่สนใจ แล้วชวนสิงหาทานข้าวแทน โดยพยายามที่จะไม่มองออกไปนอกร้านตลอดการกินอาหารมื้อนี้
“น้ำหวาน” สิงหาทักขึ้น ทำให้ฉันเงยหน้าขึ้นมองอย่างสงสัย
“ห๊ะ?” ฉันตอบรับงงๆ
“ซอสเลอะปากน่ะ” มือหนาของสิงยกมือชี้มุมปากของตนเองยิ้มๆ
“จริงหรอ?” ฉันวางช้อนส้อมลงแล้วพยายามเช็ดซอสที่เลอะออก แต่ยิ่งเช็ดเพื่อนร่วมโต๊ะก็ยิ่งหัวเราะเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ
“หัวเราะไรเนี้ย ตกลงมันเลอะตรงไหน!” ฉันเริ่มหงุดหงิดที่เขาไม่คิดช่วย
“มาๆ เดี๋ยวเช็ดออกให้” ว่าจบเขาก็ยื่นมือเข้ามาใกล้ แล้วค่อยๆ ใช้นิ้วเรียวยาวของตัวเองบรรจงเช็ดซอสให้ฉันเบาๆ ทำให้ดวงตาเรียวสวยสบกับฉันโดยไม่ได้ตั้งใจ ก่อนที่ใบหน้าคมเข้าค่อยๆ ยื่นหน้าเข้ามาใกล้เรื่อยๆ เรื่อยๆ จนหน้าเราสองคนห่างกันไม่ถึงคืบ
...เพล้ง!!!...
เสียงแก้วกระทบพื้นดังขึ้นทำให้ฉันกับสิงหาได้สติกลับคืนมา ฉันรีบดึงตัวเองกลับมานั่งที่เก้าอี้ตามเดิมไม่กล้ามองหน้าคู่กรณี ถึงเขาไม่ใช่คนที่ฉันรัก แต่มันก็อดทำตัวไม่ถูกเช่นเดียวกัน
“ขอโทษ” เขาบอกหน้าแดง
ฉันส่ายหน้าน้อยๆแล้วยิ้มให้ ก่อนที่จะหันไปมองทางที่อีกคนเคยนั่งอยู่ แต่กลับมองเห็นแค่พนักงานทำความสะอาดที่กำลังเก็บเศษแก้วอยู่ตรงนั้นแทน
“มีอะไรรึเปล่าน้ำหวาน ดูเหม่อๆ นะ” สิงหาเรียกสติฉันกลับมา
“ไม่มีอะไรหรอก เราไปกันดีกว่านะ หวานเริ่มปวดหัวนิดหน่อยน่ะอยากจะกลับแล้ว” ฉันบอกเลี่ยงๆ ไปไม่ให้สิงหาสงสัย
“เป็นอะไรมากรึเปล่าหวาน จะว่าไปน้ำหวานก็ดูหน้าซีดๆนะ” สิงหาถามกลับมาด้วยน้ำเสียงที่ใครๆ ฟังดูก็รู้ว่าคนตรงหน้าเป็นห่วงฉัน
“ไม่เป็นอะไรมากหรอก แค่หวานนอนพักสักแปบนึงก็หายเป็นปกติแล้ว” ฉันยิ้มบางๆ
“แน่นะ ให้ผมไปส่งที่บ้านมั้ย?”
“ไม่เป็นไร พอดีพี่ชายหวานเขาจะมารับกลับน่ะ งั้นเดี๋ยวหวานขอโทรหาพี่ก่อนนะ” ฉันลุกขึ้นออกมาหน้าร้านทันที ปล่อยให้สิงหาจ่ายค่าอาหารคนเดียว ก่อนที่จะบอกลาสิงหาแล้วเดินไปรอพี่ไม้ที่ลานจอดรถของห้าง
“คงรักกันมากสินะ ถึงขนาดจูบกันกลางร้านอาหารแบบนั้นน่ะ!” เสียงอันคุ้นหูดังขึ้นจากด้านหลัง ฉันหันไปมองคนที่พูดจาดูถูกด้วยความรู้สึกเจ็บปวด เขาไม่เคยมองฉันแง่ดีเลยเลยสินะ
“ฉันจะทำอะไรมันก็เรื่องฉันมันไม่เกี่ยวกับพี่สักนิด พี่บูม!” ฉันหันหลังกลับทันทีที่พูดจบ เพราะไม่อยากให้พี่บูมเห็นน้ำตาที่ค่อยๆ ลื่นไหลออกมา เพียงเพราะคำพูดจาร้ายๆที่ออกมาจากปากของเขา
...หมับ!...
พี่บูมดึงแขนให้หันกลับไปหาเขาก่อนที่จะประกบปากฉันทันที ฉันทั้งดิ้นทั้งผลักออกอย่างสุดฤทธิ์ด้วยความไม่ต้องการ จนมือที่คอยผลักปรับเปลี่ยนเป็นกำเสื้อเขาแน่น พร้อมกับหลับตาลงยอมให้เขาจูบอย่างเต็มใจ แต่แล้วก็รู้สึกถึงแรงกระชากดึงฉันออกจากพี่บูม
...ผลัก!...ผลัก!...
“ไอ้บูม!” พี่ไม้ชกไปที่ใบหน้าคมของพี่บูมไม่ยั้งด้วยแรงโมโห
...ผลัก!!!...
“มึงทำกับน้องสาวกูอย่างนี้ได้ยังไงห๊ะ!!!” สิ้นเสียงพี่ไม้ก็อัดพี่บูมเป็นชุด จนฉันต้องรีบเข้าไปห้ามด้วยความเป็นห่วง พี่บูมตอนนี้เต็มไปด้วยเลือดเพราะฝีมือพี่ชายฉัน และเขาก็ไม่มีทีท่าว่าจะป้องกันได้หรือเขาไม่คิดที่ตอบโต้?
“พอแล้วพี่ไม้! หยุด!!”
“แกอย่ามาห้ามพี่ไอ้หวาน” พี่ไม้เผลอผลักฉันจนล้มลงไปกับพื้นเพื่อไม่ให้เข้าไปห้าม
“โอ้ย!” ฉันร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดทำให้พี่ไม้หยุดชะงัก หันมามองฉันทันที
“เฮ้ย! หวานพี่ขอโทษ” พี่ไม้รีบปล่อยมือจากพี่บูมแล้วเข้ามาประคองฉันให้ลุกขึ้น
“หวานไม่เป็นอะไร เรากลับกันเถอะนะ” ฉันส่ายหน้าเบาๆเพื่อให้พี่ไม้สบายใจ แต่น้ำตาฉันกลับไหลลงมาอาบแก้มจนฉันต้องปาดมันทิ้งลวกๆ พยายามดึงพี่ไม้ไปที่รถ
“อย่ามายุ่งกับน้องกูอีกนะไอ้บูม! ไม่อย่างนั้นคราวหน้ามึงจะได้ไม่โชคดีอย่างนี้หรอก จำไว้!!!” พี่ไม้พูดจบก็พาฉันขึ้นรถ
ฉันหันกลับไปมองพี่บูมด้วยตาแดงก่ำ ยิ่งเห็นพี่บูมในสภาพสะบักสะบอมขนาดนั้น น้ำตายิ่งไหล ฉันอยากเข้าไปช่วยเหลือเกินแต่ฉันทำไม่ได้ ขอโทษนะพี่บูม หวานขอโทษจริงๆ
“พี่ไม้...ขับช้าลงหน่อยก็ได้...หวานกลัว...ไม่ถึงบ้านนะพี่ไม้...ช้าลงหน่อย” ฉันพูดขึ้นด้วยความกลัว เพราะหลังจากเลิกร้องไห้ ถึงได้รับรู้ว่าพี่ไม้ขับรถเร็วมากขนาดไหน จากที่สับสนจากคนที่จากมา และยังต้องมาแบกรับความอึดอัดจากพี่ชายอีกงั้นหรอ?
“เจอมันได้ยังไง” พี่ไม้ถามกลับเสียงเรียบโดยไม่สนที่คำขอของฉันสักนิด
“หวานไม่รู้” ฉันส่ายหน้าไปมา เพราะฉันเองก็ไม่รู้จริงๆ ว่าเขาตามมาหรือบังเอิญกันแน่แต่ฉันคิดว่าคงไม่ใช่ข้อแรก
“แน่ใจนะว่าแกไม่ได้แอบตามมันมา แล้วไอ้เมื่อกี้แกก็ไม่ได้วางแผนไว้น่ะห๊ะ!!” พี่ไม้คาดคั้นมาตามน้ำเสียงแต่สายตามองไปที่ถนน
“พี่ไม้!” ฉันหันไปมองพี่ไม้ทันที
“ถึงหวานจะรักเขามากแค่ไหน แต่ในเมื่อหวานพูดแล้วว่าหวานจะตัดมันก็คือตัด ต่อให้ตอนนี้หวานยังทำมันไม่ได้ แต่หวานก็ไม่มีทางเดินย้อนกลับไปทางเดิมเด็ดขาด” ฉันยืนยันคำหนักแน่น ในขณะที่น้ำตาค่อยๆไหลออกมาเป็นสายอีกครั้ง พี่ไม้ชะงักไปนิด ก่อนจะตบไฟเลี้ยวเข้าข้างทาง
“พี่ขอโทษนะ พี่โมโหมากไปหน่อยที่เห็นมันรังแกเราน่ะ” พี่เสียงอ่อนลง แล้วดึงฉันเข้าไปกอดปลอบอย่างอ่อนโยน
“หวานไม่เป็นไร” ฉันผละออกจากพี่ไม้
“เรากลับบ้านกันเหอะนะ” ฉันปาดน้ำตาทิ้งแล้วส่งยิ้มให้ เพื่อเป็นการยืนยันว่าฉันโอเคแล้วจริงๆ พี่ไม้ยิ้มตอบพยักหน้ารับ แล้วออกรถทันที ฉันนั่งมองออกไปนอกรถด้วยความเหมอลอย
“หวานถึงบ้านแล้ว ลงไปเปิดประตูให้หน่อย” พี่ไม้พูดขึ้นเมื่อรถจอดอยู่หน้ารั้วประตูบ้าน
“..........”
“หวาน”
“..........”
“ไอ้หวาน!” เสียงตะโกนดังลั่นอยู่ข้างหูทำให้ฉันรู้สึกตัว หันไปมองทางต้นเสียงที่มีสีหน้าเป็นห่วงฉายชัดอยู่ในแววตา
(ต้องทำตัวให้ร่าเริง ต้องเหมือนเดิม) นั่นคือเสียงที่เตือนมาจากสมอง ฉันตีหน้าโกรธ
“โอ้ยย! พี่ไม้จะตะโกนทำไมเนี้ยห๊ะอยู่ใกล้กันแค่นี้เองอ่ะ” ฉันเขย่าหูตัวเองไปมาอย่างเคืองๆ
“พี่เรียกแกหลายรอบแล้วเถอะ แกไม่รู้สึกเองนี่หว่า...ช่วยไม่ได้” พี่ไม้ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
“ฮึ้ยยยย” ฉันสะบัดหน้าหนีด้วยความหงุดหงิด
“เอ้า! แล้วนี่จะนั่งอยู่แบบนี้กันอีกนานม่ะ” พี่ไม้หันมาถามฉัน
“ประตูน่ะมันไม่เปิดเองหรอกนะ ลงไปเปิดครับผม จะได้เข้าบ้านกันสักที นั่งกันอยู่แบบนี้ประตูมันคงไม่เปิดให้เองหรอกนะ” พี่ไม้สั่งฉันแบบนิ่มๆ แต่เต็มไปด้วยความกวนเบื้องล่างอย่างมาก
“ก็ได้ๆ...”
ฉันลงจากรถเดินไปที่ประตูบ้าน แต่เดินเลยไปยังประตูบานเล็กที่เอาไว้สำหรับเดินเข้าเดินออก แล้วเปิดออกก่อนจะพาตัวเองเข้าไปพร้อมกับปิดอย่างสวยงาม พี่ไม้เปิดกระจกลงอ้าปากจะว่าฉันแต่ฉันส่ายหน้าไปมาเบาๆ ทำให้คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันด้วยความไม่เข้าใจ แต่ก็งงได้ไม่นานเมื่อฉันโบกมือบ้ายบ่าย
“ช่วยม่ายล้ายคะ” ฉันแลบลิ้นเป็นการส่งท้ายแล้วรีบวิ่งเข้าบ้านไม่สนใจเสียงโวยวายของพี่ไม้ที่ดังตามมาไม่ขาดสายเพื่อให้ฉันกลับไปเปิดประตูให้
“ไอ้หวาน!!!” พี่ตะโกนหาฉันทันทีที่เข้ามาในบ้านได้ ก่อนจะหันไปถามแม่ที่นั่งอยู่ตรงโซฟา
“แม่เห็นน้องมั้ย” แม่ส่ายหน้าไปมาอย่างเอือมๆไม่ได้สนใจจะตอบ
“พี่ไม้เล่นอะไรกันหรอ?” น้องสาวคนเล็กของบ้านเดินมาถามด้วยแววตาตื่นเต้น
“พี่ไม่ได้เล่นเกสร” พี่ไม้พูดเสียงอ่อนลงมา มองหน้าน้องสาวคนเล็กอย่างเอ็นดู
“เกสรบอกพี่สิว่าพี่หวานอยู่ที่ไหน” พี่ไม้เอามือลูบผมเกสรเบาๆ
“แต่พี่หวานบอกว่าอย่าบอกพี่ไม้ไว้นะว่าพี่หวานอยู่ในครัว” เกสรพูดจบแล้วส่งยิ้มเจ้าเล่ห์มาทางฉัน
“โอ้ย~~~ เกสรอ่ะไว้ใจไม่ได้เลย” ฉันโอดครวญที่เกสรบอกกับพี่ไม้ว่าฉันอยู่ตรงไหน คำพูดเหมือนจะดูซื่อๆ นะ แต่เพราะฉันรู้จักน้องฉันดีไงเลยรู้ว่าน้องสาวคนเล็กของฉันน่ะโคตรจะเจ้าเล่ห์ รองมาจากพี่ชายคนโต เอาง่ายๆ คือถอดแบบกันมาเลยก็ว่าได้
“มานี่เลยไอ้น้องตัวแสบ” พี่ไม้ค่อยๆสาวเท้าเข้ามาใกล้ฉัน
“เรื่องอะไรล่ะ” ฉันแลบลิ้นให้อีกรอบ แล้ววิ่งหนีขึ้นข้างบนเพื่อเข้าห้องตัวเองพร้อมกับล็อกประตูเสร็จสรรพกันไม่ให้พี่ไม้ตามเข้ามาได้
...ปัง..ปัง...ปัง...
“ออกมานี่เลยไอ้ตัวแสบ” พี่ไม้ทุบประตูฉันไม่หยุด แต่ฉันก็ไม่ได้สนใจกลับหัวเราะออกมาเบาๆ ที่พี่ไม้ทำอะไรฉันไม่ได้
“ไม้! พอได้แล้ว เลิกเล่นกันได้ล่ะ” เสียงพ่อดังขึ้นมาจากด้านล่างทำให้พี่ไม้หยุดทุบประตูห้องฉันแทบจะทันที
“ครับๆ!” พี่ไม้ตะโกนตอบกลับ
“ฝากไว้ก่อนเหอะ” พี่ไม้พูดทิ้งท้ายไว้แค่นั้น ก่อนที่เสียงฝีเท้าที่เดินแบบปึงปังออกไปจากหน้าห้องฉันลงไปข้างล่างตามคำสั่งพ่อ
เมื่อเสียงพี่ไม้หายไปความเงียบก็เริ่มที่จะทำร้ายฉันทีละน้อย ทีละน้อย จากที่หัวเราะอยู่ริมฝีปากก็ค่อยๆเงียบลง ภาพพี่บูมก็ค่อยๆชัดเจนขึ้นมาแทนที่จนฉันแทบจะหายใจไม่ออก ความรู้สึกมากมายนั้นยิ่งทำให้ฉันสับสน ว่าสิ่งที่พี่บูมทำกับฉันวันนี้มันคืออะไรกันแน่ แต่ฉันก็ต้องเรียกสติกลับมาไม่ให้คิดถึงเรื่องพี่บูมไปมากกว่านี้ เพราะคนที่เจ็บเป็นใครไปไม่ได้นอกจากตัวฉัน ฉันคนเดียวเท่านั้น
.
.
.
“หวานๆ เดี๋ยวฉันขอยืมสมุดแกก่อนนะ” เมย์พูดขึ้นทันทีที่เดินออกมาจากห้องเรียนวิชาสุดท้ายฉันพยักหน้าส่งยิ้มอย่างหน่ายๆ ให้กับเพื่อน เพราะเมย์ยืมสมุดฉันตลอดเหมือนจะกลายเป็นชีวิตประจำวัน
...ติ้งงงง...
เสียงข้อความของโทรศัพท์ฉันดังขึ้นในขณะเดียวกันกับที่ฉันกำลังเดินออกจากตึกเรียน ฉันจึงคว้านมือหยิบในกระเป๋าขึ้นมาดู มันเบอร์แปลกที่ไม่ได้เม้มชื่อไว้ และมันก็ไม่ใช่ข้อความจากเครือข่ายอะไรต่างๆ ธรรมดาแล้วฉันจะลบทิ้งทันที แต่ไม่รู้ทำไมครั้งนี้ฉันถึงอยากที่เปิดมันดู
>>มาหาพี่ที่ลานจอดรถก่อนกลับบ้านนะ...บูม<<
ข้อความนั้นทำให้ฉันหัวใจพองโต เผลอยิ้มออกมา แต่ก็หุบยิ้มทันทีหลังจากนึกขึ้นมาได้ว่าฉันต้องการที่จะตัดใจจากเขา
//เราควรจะไปดีมั้ย// ฉันพึมพำอย่างคิดไม่ตก
//แค่ไปเจอสักแปบคงไม่มีอะไรหรอกมั้ง// ฉันตกลงกับตัวเองไปมา ก่อนจะสะดุ้งกับมือบางของเมย์ที่จับแขนฉันเขย่าเบาๆ
“หวาน แกเป็นอะไรไปอ่า?” เมย์กับธันวาเดินย้อนกลับมาเพราะเห็นฉันไม่ได้เดินไปด้วย
“ไม่ได้เป็นอะไรหรอก ฉันแค่หยุดอ่านข้อความที่ส่งเข้ามาเมื่อกี้นิดหน่อยน่ะ” ฉันบอกออกไปตรงๆ แต่ก็ไม่ได้บอกหมดว่าใครเป็นคนส่ง
“ฉันไปก่อนนะ บ่าย~” ฉันรีบวิ่งไปทางลานจอดรถก่อนที่เมย์กับธันจะสงสัย พอพ้นจากสายตาจากเพื่อนทั้งสองฉันก็หยุดวิ่ง แล้วค่อยๆเปลี่ยนเป็นเดินเนิบนาบ แต่ใจฉันนี่เต้นเป็นจังหวะกลองชะชะช่าไปแล้ว
“ไง มาไวดีนะ” พี่บูมทักขึ้นทันทีที่เห็นฉันเดินเข้ามาใกล้ที่จอดรถประจำของเขา
“พี่มีอะไรก็ว่ามา พี่ไม้รอฉันอยู่” ฉันพูดห้วนๆ แต่ในใจอยากให้พี่บูมอยู่กับฉันแบบนี้นานๆแต่ติดที่ว่าฉันกำลังอยู่ในช่วงทำใจลืมเขานี่น่ะสิเลยแสดงออกอะไรไม่ได้เลย
...หมับ...
“เฮ้ย!” ฉันร้องเสียงหลง เพราะพี่บูมเล่นไม่ตอบในสิ่งที่ฉันถาม แต่เดินดันเดินเข้ามาคว้าแขนฉันแล้วพาฉันขึ้นไปนั่งบนรถของเขาพร้อมกับคาดเข็มขัดนิรภัยให้เรียบร้อย
“อย่างลงมาเด็ดขาด” พร้อมกับคำสั่ง
“พี่ทำบ้าอะไรของพี่เนี่ย!!” ฉันโวยวายแต่พี่บูมไม่สนใจปิดประตูรถแล้ววิ่งไปขึ้นทางฝั่งคนขับทันที
“พี่จะพาฉันไปไหน ฉันบอกพี่แล้วไงว่าพี่ไม้รออยู่น่ะ” ฉันไม่ยอมลดละ
“หยุดพูดแล้วนั่งนิ่งๆ!” พี่บูมหันมาสั่งฉันก่อนที่จะออกรถไป
ตั้งแต่ขับรถออกมาฉันก็ไม่ได้คุยอะไรกับพี่บูมอีกเลย เส้นทางที่จะไปก็ไม่ได้ส่อแววว่าจะไปบ้านฉันหรือไปคอนโดเขา แต่ฉันก็เลือกที่จะไม่ถามนั่งเงียบทั้งๆที่ใจมีคำถามเป็นร้อยเป็นพัน ความเย็นของฝ่ามือใครอีกคนจับแขนฉันไว้ถึงได้รู้ว่าตัวเองร้อนรนขนาดไหน
“นั่งนิ่งๆ เถอะน่า ฉันแค่จะพาเเธอไปเที่ยว” พี่บูมบอกขึ้น พร้อมกับรถไปเรื่อยๆ
“..........” ฉันทำอะไรไม่ถูกกับคำบอกของพี่บูมที่ฉันได้ยิน ใจก็เริ่มเต้นแรงขึ้นทุกที ทุกที รู้สึกดีไม่น้อยที่พี่บูมทำดีกับฉันแบบนี้ แต่ความรู้สึกอีกอย่างที่คอยขัดแย้งว่าเขาทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร มันทำให้ความสับสนบังเกิด
“ฉันแค่จะพาเธอไปเที่ยวเองนะ ร้องไห้ทำไม” พี่บูมพูดขึ้นพร้อมกับจอดรถเข้าข้างทาง ในขณะที่ฉันหันไปมองเขางงๆ ใครร้องไห้? ฉันเหรอ?
“..........”
“เป็นอะไรทำไมไม่พูดล่ะ” พี่บูมถามย้ำอีกครั้งที่ไม่มีวี่แววว่าฉันจะตอบคำถาม
“ก็พี่บอกว่าไม่ให้ฉันพูดอ่ะ” ฉันตอบกลับ พี่บูมมองหน้าฉันก่อนมือของเขาจะยกขึ้นมาเช็ดน้ำตาให้อย่างอ่อนโยน ฉันร้องไห้จริงๆ สินะ
“นี่เธอประชดฉันหรอ” พี่บูมหัวเราะออกมาเบาๆ
“ฉันไม่ได้ประชดพี่” ฉันหันหน้าหนี ปาดน้ำตาตัวเองทิ้งทั้งที่ไม่รู้ว่าไหลออกมาเพราะอะไร
“แล้วตกลงเป็นอะไร ร้องไห้ทำไมหืม~” พี่บูมจับคางให้ฉันหันมาหาเขา
“พี่ทำแบบนี้เพื่ออะไรพี่บูม พี่ต้องการอะไรบอกกันมาตรงๆดีกว่า อย่าล้อเล่นกับความรู้สึกฉันไปมากกว่านี้เลยได้มั้ย” ฉันถามในสิ่งที่ค้างคาในใจ ในเมื่อเขาต้องการให้ฉันถอย ฉันก็ถอยแล้วเขายังจะมารั้งกันไว้ทำไม เพื่อความสนุกงั้นหรอ?
“ใจเย็นๆ ก่อนนะ เอาไว้ไปถึงที่ๆฉันอยากจะพาเธอไปก่อน แล้วฉันสัญญาว่าจะตอบคำถามทุกอย่างที่เธออยากรู้” พี่บูมเช็ดน้ำตาให้อย่างอ่อนโยน ทำให้ฉันเห็นหน้าเขาชัดมากขึ้นพยายามที่จะอ่านสายตาของคนตรงหน้า แต่ก็อ่านไม่ออก
“ไม่เป็นไร ถ้าไม่อยากไปงั้นเรากลับกันก็ได้” พี่บูมพูดขึ้นที่เห็นว่าฉันเงียบไป
พี่บูมสตาร์ทรถทันทีที่พูดจบฉันเลยยืนมือไปเตะแขนเขาเบาๆแล้วส่ายหน้าไปมา พี่บูมส่งยิ้มกลับมาให้ เป็นรอยยิ้มที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อนมันทำให้ฉันรู้สึกอบอุ่นจนทำให้ฉันคลียิ้มตาม ก่อนที่ฉันและพี่บูมจะไม่ได้พูดอะไรกันเลยตั้งแต่ตอนนั้น แต่ฉันกลับรู้สึกดีทั้งๆ ที่เราไม่ได้คุยกัน
(แค่นี้ก็ดีมากแล้วจริงๆ)
............................................................TBC.
ความคิดเห็น