คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ✔แผนการ 1
ตอนที่ 4...แผนการ 1
นับวัน วันเวลาที่ต้องย้ายออกจากบ้านที่ฉันอยู่มาตั้งแต่เกิด มันก็ใกล้เข้ามาทุกทีๆ ฉันเองก็ใจหายทุกครั้งที่ต้องมานั่งเก็บของทยอยใส่กระเป๋า แล้วไหนเรื่องที่จะไม่ได้เจอพี่บูมอีก นี่ฉันควรที่จะตัดใจจากเขาใช่มั้ยนะ
“เฮ้อ~” เสียงถอนหายใจของฉันดังขึ้นทำให้ธันวากับเมย์หันมามองพร้อมกัน
“เป็นอะไรของแกว่ะหวาน อยู่ดีๆก็ถอนหายใจซะดังขนาดนั้น” ธันวามองหน้าฉันอย่างสงสัย
“ไม่มีไรหรอกน่า ฉันแค่คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยนั่นแหละน่า อย่าใส่ใจเลยแชทกับสาวของแกต่อเถอะ” ฉันส่ายหน้าไปมาเบาๆ
“เห้ยหวาน! นั่นพี่บูม!” เมย์ชี้มือไปทางที่พี่บูมอยู่ให้ฉันดู
“มากับใครล่ะนั่น” เมย์หันหน้ามามองฉันทันที
“ไม่ได้การล่ะ พี่บูมมีความสุขกับผู้หญิงอื่นอย่างนี้ไม่ได้ เพราะฉะนั้นฉันต้องขัดขวาง” ฉันลุกขึ้นยืนท่าทางมุ่งมั่น มองไปทางพี่บูมที่ยืนคุยกับผู้หญิงร่างเล็กหน้าตาสะสวยอย่างไม่ให้คาดสายตาด้วยความรูสึกเจ็บลึกๆ ที่หัวใจ
(ทำไมไม่เป็นเราล่ะ ที่จะยืนอยู่ตรงนั้น) ฉันได้แต่คิดในใจไม่อยากให้เพื่อนเห็นความอ่อนแอของตัวเองทั้งๆ ที่ตอนนี้อยากจะร้องไห้ออกมามาดังๆเสียด้วยซ้ำ แต่ทำไม่ได้
“แกจะทำอะไร?” เมย์ลุกขึ้นยืนมองฉันอย่างสงสัย
“หึๆ เดี๋ยวก็รู้” ฉันไม่ตอบแต่ยกยิ้มน้อยๆ ใบหน้าหวานฉายแววเจ้าเล่ห์ก่อนจะรีบเดินออกไป
“ฉันว่าไม่ใช่เรื่องดี” ธันวาพูดขึ้นหลังจากน้ำหวานเดินออกไป เมย์หันมามองธันวาพยักหน้ารับรู้ราวกับว่าคิดเหมือนกัน ก่อนทั้งคู่ถอนหายใจพร้อมกันแล้วรีบเดินตามน้ำหวานไป
.
.
.
ฉันเดินตามพี่บูมกับผู้หญิงคนนั้นมาได้สักพัก ก็เห็นพี่บูมเดินแยกออกไปแต่ผู้หญิงคนนั้นยืนอยู่ที่เดิม จากการคาดการณ์ของฉัน ฉันว่าพี่บูมคงจะไปได้ไม่นาน แต่นี่ล่ะคือโอกาสทองของฉันที่จะเริ่มแผนปฏิบัติการ
ฉันหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาแนบหูทั้งๆ ที่ไม่ได้กดโทรออกแต่อย่างไร
“ทำไม..พี่ถึงทำกับฉันแบบนี้ล่ะ...พี่ไม่รักฉัน...ฮึก...ฉันไม่ว่าพี่...แต่ช่วยรับผิดชอบกันหน่อยได้มั้ย..ฮืออออออ” ฉันพูดเสียงสั่นเครือตะโกนใสโทรศัพท์เสียงดังจนผู้คนหันมามองด้วยความสนใจ ก่อนจะโอออกมาอย่างสุดกลั่น
“ฮาโหลๆ...ฮึกก...อย่าวางสายใส่นะ....ฮือ...ฮาโหล~” ฉันทรุดลงกับพื้นถนน ร้องไห้ออกมาแทบจะเป็นสายเลือด สะอื้นจนตันโยน
//เอ่อ น้องค่ะๆ น้องคนนั้นเขาเป็นอะไรหรอค่ะ// ผู้หญิงที่เดินมากับพี่บูมสะกิดกระซิบถามเมย์ที่ยืนร่วมวงล้อมฉันอยู่อย่างตั้งใจ
//หนูก็ไม่รู้อะไรมากหรอกนะค่ะ แต่มีคนบอกว่าเขาท้องแล้วผู้ชายไม่รับผิดขอบนะค่ะ พี่อย่าไปบอกใครนะคะ// เมย์พูดบอกเบาๆ เพื่อไม่ให้ใครรับรู้มากกว่าว่าเรื่องจะบานปลายไปมากกว่านี้ เพราะถ้าจับเรื่องแล้วก็แค่คนอื่นว่าซ้อมละครเท่านั้น
//จริงหรอค่ะ// มือบางยกมืนขึ้นปิดปาก ดวงตากลมเบิกกว้างอย่างตกใจ
//ผู้ชายคนนั้นมันคง ตื้อดื้ด..ตื้อดื้ด มากเลยสินะค่ะ// เมย์เลิกคิ้วสูงทันทีที่ได้ยินศัพท์แปลกๆ
//หื้ม~~~ อะไรหรอคะ ตื้อดื้ด...ตื้อดื้ด เนี้ย// เมย์ย้อนถามอย่างไม่เข้าใจ
//ก็ เลว ไงค่ะ แต่พี่กลัวว่าถ้าพี่พูดออกมามันจะไม่สุภาพน่ะค่ะ// เขาบอกเสียงเบา ส่งยิ้มเจื่อนๆ มาให้เมย์
//อ๋อค่ะ//
//แล้วน้องรู้มั้ยค่ะว่าผู้ชายคนนั้นเขาเป็นใคร?//
//แหมคุณพี่ค่ะ น้องก็ไม่ได้รอบรู้อะไรขนาดนั้นหรอกนะค่ะ แต่เห็นเขาบอกกันว่าเป็นรุ่นพี่ในคณะของเขาเองน่ะค่ะ// เมย์ประชดนิดๆ แล้วมองไปที่น้ำหวานที่กำลังแสดงละครท่ามกลางสาธารณชน
//รู้สึกว่าน่าจะชื่อบูมมั้งคะ อยู่ศิลปกรรมค่ะ// เมย์ทำท่าเหมือนไม่ค่อยมั่นใจ เหลือบมองผู้หญิงข้างๆ ที่หน้าเริ่มถอดสี
//นั่นไงค่ะ คนนั้นแหละค่ะ ที่กำลังเดินมา ขอตัวก่อนนะค่ะ// เมย์รีบวิ่งออกไปจากตรงนั้นทันที
“พี่บูม!” ฉันกึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้าไปหาร่างสูงด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตา
“น้ำหวาน?” พี่บูมตกใจที่ฉันเข้ามาหาด้วยสภาพนั้น
“พี่บูม...ฮือออ” ฉันกอดพี่บูมทันทีต่อหน้าผู้หญิงคนนั้นที่ตอนนี้ยังยืนตะลึงอ้าปากค้างอยู่ นาทีนี้คือแบบฟินมากๆ แต่ต้องเก็บอาการเพราะไม่อย่างนั้นแผนแตกแน่ๆ
“ออกไป อย่ามายุ่ง!” พี่บูมผลักฉันเต็มแรงเมื่อตั้งสติได้ สายตาที่มองมาฉายเต็มไปด้วยความไม่พอใจ เหตุการณ์ทั้งหมดทำให้ผู้หญิงคนนั้นรีบวิ่งมาหาฉันที่ล้มลงไปกองอยู่กับพื้น
“บูมทำกับน้องเขาแบบนี้ได้ยังไง!” เสียงหวานตะโกนใส่พี่บูมด้วยความโมโห ก่อนจะช่วยประคองฉันลุกขึ้นยืนอย่างทุลักทุเล
“น้ำตาล? ถ้าเธอไม่รู้เรื่องอะไรก็อย่ามายุ่งดีกว่านะ” พี่บูมน้ำเสียงอ่อนลง ผิดกับที่เคยพูดกับฉันในทุกๆครั้ง
ฉันเม้มปากแน่นรู้สึกเจ็บหน่วงๆ พร้อมกับความอิจฉาผู้หญิงคนนี้ไปด้วย จากที่แสร้งแกล้งร้องไห้ น้ำตาของความเสียใจมันก็ดันไหลลงมาไม่หยุด สายตาที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดฉายออกมาชัดเจนอย่างห้ามไม่ได้
“จะไม่ให้ตาลยุ่งได้ยังไงค่ะ ก็ดูบูมทำสิ ทำแบบนี้กับน้องเขามันไม่แรงไปหน่อยหรอ” น้ำตาลสวนกลับทันที หันมามองหน้าฉันนิดหนึ่งก่อนจะหันไปหาพี่บูมอย่างหาเรื่อง
“แรงหรอ? แรงยังไง” พี่บูมเลิกคิ้วสูงอย่างไม่เข้าใจ
“อย่าให้ตาลพูดเลยนะบูม ตาลบอกเลยว่าอายแทน” น้ำตาลปล่อยมืออกจากฉัน ก่อนจะค่อยๆสาวเท้าเข้าไปใกล้พี่บูม
“ต่อไปนี้เราอย่าเจอกันอีกเลยบูม บอกตรงๆน้ำตาลรับไม่ได้” น้ำตาลมองหน้าพี่บูมด้วยความผิดหวัง แล้วเดินหนีออกไปจากตรงนี้ทันที
“น้ำตาล น้ำตาล! น้ำตาล!!!” พี่บูมตะโกนเรียกแต่เขาก็ไม่หันกลับมา พี่บูมเลยหันมาหาฉันด้วยสายตาเคียดแค้น ฉันมองสายตานั้นหัวใจกระตุกวูบทรุดลงไปนั่งกับพื้นอีกครั้ง
(ทำไมต้องมองเหมือนเกลียดกันด้วย?)
“น้ำหวาน!” เสียงพี่ไม้ดังขึ้น ฉันหันไปมองผ่านม่านน้ำตาที่มันไหลออกมาอย่างถาโถมจนฉันเริ่มปวดหัว
“พี่ไม้...” ฉันตอบกลับเสียงสั่นพยายามยกมือขึ้นมาปาดน้ำตาทิ้งแต่ยิ่งเช็ดมันก็ยิ่งไหลออกมาไม่หยุด
“นี่เราก่อเรื่องอีกแล้วใช่มั้ย!” พี่ไม้หน้าแดงด้วยความโมโห แต่พอเห็นฉันร้องไห้หนักก็รีบดึงฉันเข้ามากอดปลอบทันที
“มึงมาก็ดีล่ะไอ้ไม้ แกช่วยดูน้องสาวแกหน่อยนะ ฉันขอบอกตรงนี้เลยนะว่าฉันเบื่อมากในสิ่งที่น้องแกทำ ฉันไม่รู้หรอกนะว่าอะไรคือความหวังที่ยังทำให้น้องแกตามฉันอยู่จนถึงทุกวันนี้ ทั้งที่ฉันทั้งไล่ ทั้งแกล้งกลับ ก็ยังไม่ยอมหยุด”
“..........” ไม่มีเสียงใดตอบรับนอกจากเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นจากฉัน และเสียงกระซิบกระซาบของเหล่าไทยมุ่ง
“วันนี้ฉันจะขอพูดเอาให้มันชัดเจนกันไปเลยนะ ว่าฉันไม่ได้ชอบน้ำหวาน ไม่เคยชอบ และไม่มีวันด้วย ฉันพูดอย่างนี้แล้วเธอคงเข้าใจนะน้ำหวาน” พี่บูมพูดเสียงหนักแน่น ทำให้ฉันสะอื้นหนักว่าเดิมจนน่ากลัวว่าจะช็อก
“อ่อ! แล้วก็...หลังจากนี้ก็อย่ามายุ่งกับฉันอีก...ได้ยินมั้ย!!” พี่บูมตะคอกเสียงดังลั่นแล้วรีบวิ่งตามคนที่ชื่อน้ำตาลไปไม่สนใจฉันเลยสักนิด
“พี่ไม้! ฮึก....ที่พี่บูมพูด...มะ...เมื่อกี้...ฮึกกกกก....เขาล้อเล่นใช่มั้ย...ฮือออ...ที่จริงพี่บูมไม่ได้ไม่...ชอบหวานใช่มั้ยพี่ไม้....ฮือออ” ฉันรู้สึกเจ็บที่หน้าอกแบบบอกไม่ถูก เสียใจกับคำพูดที่พี่บูมบอกเมื่อกี้ ยิ่งพยายามไม่จำคำพูดนั้นมันยิ่งดังขึ้นเรื่อยๆ
“พอได้แล้วนะหวาน กลับบ้านกับพี่ดีกว่านะ” พี่ไม้พูดเสียงอ่อนโยนค่อยๆ ประคองฉันลุกขึ้น
“ไม่เอา...ฮึก...พี่ไม้บอกก่อนว่า...ว่าที่พี่บูมบอกมันไม่จริงใช่มั้ย...ไม่จริงใช่มั้ย...มันไม่จริง...ไม่จริง!...ฮืออออออ” ฉันถามย้ำกับพี่ไม้น้ำเสียงสั่นเครือ สะอื้นจนตัวสั่นไปหมด ก่อนที่ทุกอย่างมืดลง
“น้ำหวาน!!!”
“เอาให้มันชัดเจนกันไปเลยนะว่า ฉันไม่ได้ชอบน้ำหวาน ไม่เคยชอบ และไม่มีวันด้วย ฉันพูดอย่างนี้แล้วเธอคงเข้าใจนะน้ำหวาน”
“ฉันไม่ได้ชอบน้ำหวาน ไม่เคยชอบ และไม่มีวันด้วย”
“ไม่มีวัน ไม่มีวัน ไม่มีวัน!!!”
“ไม่จริง ไม่จริง! ไม่จริง!!!” ฉันสะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมกับความรู้สึกเจ็บปวดที่เห็นสายตาพี่บูมบ่งบอกถึงความเกลียดชังมากขนาดไหน น้ำตาใสๆ ค่อยๆ ไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้
“น้ำหวาน!” พี่ไม้รีบวิ่งมาหาฉันด้วยความเป็นห่วง ฉันโผเข้ากอดพี่ไม้ทันที พี่ไม้กอดตอบอย่างปลอบโยนเพื่อให้ฉันคลายสะอื้น
“ไม่เป็นไรนะหวาน ไม่เป็นไรนะ พี่อยู่ตรงนี้ อยู่กับเราตรงนี้นะ” พี่ไม้พูดเสียงสั่น เขาทนไม่ได้ที่เห็นน้องสาวเจ็บปวดทรมานแบบนี้
“พี่ไม้จ๋า..ฮึก...เรื่องที่พี่บูมบอกว่าไม่...ชอบ..ฮึกกก...หวาน...มันไม่ใช่เรื่องจริงชะ..ใช่มั้ย..ฮึกกกก” ฉันถามเสียงสั่นอยู่ในอ้อมกอดของพี่ชาย พี่ไม้ค่อยๆ คลายกอดเปลี่ยนมามองหน้าฉัน ก่อนจะพยักหน้าให้ฉันรับรู้ว่ามันคือเรื่องจริง ฉันร้องไห้ออกมาเงียบสะอื้นจนตัวสั่นไปหมด
“..........” พี่ไม้เปลี่ยนมานั่งข้างฉัน มือหนาค่อยๆยื่นมาเช็ดน้ำตาให้ฉันอย่างทะนุถนอม แต่ยิ่งเช็ดมันกลับยิ่งไหลออกมาไม่หยุด พี่ไม้เลยดึงฉันเข้าไปกอดอีกครั้ง
“ไม่เป็นไรนะหวาน ใครไม่ชอบน้องพี่ก็ปล่อยมันไปนะ ครอบครัวเราทุกคนรักหวาน แม่ พ่อ เกสร รวมทั้งพี่ด้วยที่รักหวาน ไหนจะยังมียัยเมย์ กับไอ้ธันวาอีก พวกมันเรารักหวานนะ ไม่มีใครอยากให้หวานเป็นแบบนี้หรอก เชื่อพี่นะ” พี่ไม้กอดฉันแน่นกว่าเดิม ฉันพยักหน้าหงึกหงักอยู่ในอ้อมแขนที่อบอุ่นมากที่สุดในตอนนี้
“จ๊ะ...พี่ไม้...หวานจะเลิกชอบนะ..ฮึก..หวานจะพยายามนะ...ฮืออ แต่ตอนนี้หวาน...ฮึก...เจ็บ...หวานเจ็บพี่ไม้...ฮือออ” ฉันปล่อยโฮออกมา
สุดท้ายแล้วฉันต้องทำในสิ่งที่พยายามปฏิเสธมันมาตลอด มันคงถึงเวลาแล้วจริงๆที่ฉันควรจะต้องยอมรับความจริงได้แล้ว ทำไมผู้หญิงที่ยืนข้างๆ เขาไม่เป็นฉัน ทำไมล่ะ ทำไมฉันถึงต้องมาเจ็บปวดอยู่คนเดียว โลกไม่ยุติธรรมเลย
............................................................TBC.
ความคิดเห็น