คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : บังเอิญ
ตอนที่ 2...บังเอิญ
“พี่ไม้!!!”
“น้ำหวาน แกมานี่เดี๋ยวนี้เลย” พี่ไม้กวักมือเรียกให้ฉันเข้าไปหา
“มีอะไรหรอจ๊ะ พี่ไม้จ๋า~~” ฉันเดินเข้าไปอ้อน ส่วนพี่ไม้ก็เอามองค้อนไม่ยอมพูด
“หรือว่าแม่ให้พี่มาตามหวานไปกินข้าวใช่มั้ย งั้นไปกันเลยป่ะ” ฉันตีเนียนดึงแขนพี่ไม้ แต่ก็ถูกสะบัดออก
“หยุดเดี่ยวนี้เลยไอ้หวาน ไม่ตลก” ง่ะ อุตส่าห์หาตัวรอด ฉันส่งยิ้มเจื่อนๆ
“งั้นพี่จะเข้าเรื่องเลยนะ วันนี้เราไปก่อเรื่องอะไรมา ตอบ!!!” พี่ไม้จ้องฉันเขม็ง
“ใครบอกพี่ ยัยเมย์หรอ?”
“ทำไมต้องเป็นเมย์ นี่อย่าบอกนะว่ายัยเมย์ก็รู้เรื่องนี้ด้วย หึ! ช่วยกันปกปิดพี่งั้นหรอ” พี่ไม้เขกกบาลฉันเบาๆ
“เอ้า! พี่ไม้ไม่ได้รู้จากเมย์หรอ” ฉันเอามือปิดปากตัวเองทันที พาเพื่อนซวยไปด้วยแล้วไงไอ้หวาน ฮือออ~~
“ก็เออน่ะสิ แล้วนี่จะบอกพี่ได้รึยังห๊ะ!!!” พี่ไม้คาดคั้น ไม่หลงกลแหะ นี่อุตส่าหาเรื่องเปลี่ยนประเด็นแล้วนะ
“ไม่ต้องมาทำเป็นไม่พอใจใส่อย่าคิดว่าจะรอด” พี่ชายฉันฉลาดรู้ทันทุกอย่างเลย ให้ดิ้นตายสิ
“พี่ไม้จ๋า~~” ฉันเดินไปก่อนแขน หวังว่าลูกอ้อนคงอาจจะช่วยได้บ้าง ไม่มากก็น้อยอ่ะนะ
“ไม่ต้องมาจ๋งมาจ๋าด้วยไอ้หวาน เรื่องไอ้บูมต้องไม่เข้าถึงหูพี่อีกเข้าใจมั้ย ไม่งั้นเราได้เจอดีแน่!” พี่ไม้ดึงแขนฉันออกเบาๆ เป็นอย่างนี้ตลอดต่อให้โกรธขนาดไหนก็ไม่เคยทำให้เจ็บตัว น่ารักที่สุด! แต่รู้สึกว่ามันจะผิดประเด็น
“แต่น้องรักพี่บูมนะ พี่ไม้ก็ต้องสนับสนุนน้องสิถึงจะถูก ยกเว้นแต่ว่าพี่ไม้ไม่รักน้องแล้วถึงได้ห้ามหวานอยู่อย่างนี้”
“เฮ่อ~ ก็เพราะพี่รักเราน่ะสิ...” พี่ไม้ถอนหายใจยาวๆ ก่อนจะยกมือขึ้นมาลูบผมฉันเบาๆ
“พี่ถึงไม่อยากให้หวานเสียใจ ถ้ามันชอบหวานเหมือนกับที่หวานชอบมันสักนิด หรือไม่ทำร้ายหวานนะ พี่ก็แค่ห่วง แต่นี่มัน...” พี่ไม้กำมืออีกข้างเน้นจนเห็นเส้นเลือดน้อยใหญ่อย่างชัดเจน
“..........” ฉันอยากจะเถียง อยากจะแก้ตัวแทนพี่บูม แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะสิ่งที่พี่ไม้พูดมันคือเรื่องจริง
“มันแกล้งหวานทุกอย่าง ทั้งคำพูด ทั้งการกระทำ จะไม่ให้พี่ห้ามหวานได้ยังไง!” พี่ไม้พูดเสียงแข็ง เริ่มโมโหขึ้นมาอีกครั้ง
“แต่หวานก็ยังยืนยันนะ ว่าหวานรักพี่บูม แล้วหวานก็สัญญากับตัวเองไว้แล้วด้วย ว่าจะไม่รักใครอีก-เด็ด-ขาด!” ฉันพูดด้วยสายตามุ่งมั่น
“พี่ก็พอจะรู้นะว่าแกน่ะรักมันมาก แต่ถ้ามันไม่เห็นค่าของน้องสาวพี่ พี่ก็ไม่ยอม!” พี่ไม้พูดเสียงเข้ม ดวงตาแข็งกร้าวขึ้นมาทันทีที่เอ่ยชื่อ พี่บูม
“แต่หวานขอนะพี่ไม้ ขอให้หวานได้พยายามก่อน ขอให้มันถึงที่สุดนะ แล้วถ้าหวานไม่ไหว หวานสัญญาเลยว่าหวานจะถอยออกมาเอง นะพี่ไม้ นะ น้า~~” ฉันชู้สามนิ้วเพื่อเป็นการยื่นยัน
“เฮ้อออ~ จะเอาอย่างงั้นก็ได้ แต่พี่ให้แค่เดือนนี้เป็นเดือนสุดท้ายนะที่เราจะพยายามเข้าใจมั้ย แล้วถ้ามันไม่มีอะไรดีขึ้น หวานต้องทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับพี่” พี่ไม้ยื่นคำขาด
“ก็ได้ ยังไงก็ขอบคุณนะคะ หวานรักพี่ไม้ที่สุดเยย~~” ฉันยิ้มแล้วโผเข้ากอดพี่ชายที่ฉันรัก
“หึๆ ไปกินข้าวกันได้แล้ว ป่านนี้ทุกคนรอเราสองคนจนไส้กิวกันหมดแล้วมั้ง” ฉันพยักหน้ายิ้มๆ ก่อนที่พี่ไม้จะจับฉันกอดคอลากเข้าบ้านไป
เมื่อเราทุกคนกินข้าวกันอิ่ม รวมทั้งเก็บกวาดกันเสร็จเรียบร้อย ฉันกับเกสรก็พากันแยกย้ายเข้าห้องของตัวเองไปตามปกติ เหลือก็แต่ พี่ไม้ แม่ แล้วก็พ่อที่ยังนั่งดูทีวีกันอยู่ที่ห้องนั่งเล่น
ฉันอาบน้ำเสร็จก็เดินลงมาข้างล่าง เพื่อที่จะหาน้ำดื่ม แต่สายตาดันเห็นพ่อ แม่ และก็พี่ไม้กำลังคุยกันอยู่ สีหน้าดูเคร่งเคียด และกังวลเอามากๆ ฉันเลยกะว่าจะเข้าไปแอบฟังสักหน่อยว่าพวกเขามีเรื่องอะไรกัน สองเท้าค่อยๆย่องเข้าไปใกล้ๆก็เจอเข้ากับเกสร และไม่ต้องไต่ถามกันให้มากความฉันก็รู้ได้ทันทีว่าจุดประสงค์ของน้องก็คงไม่ต่างไปจากฉัน นั้นก็คือ เผือก ซึ่งเป็นผลไม้ชนิดหนึ่ง//ก็ยังจะเล่น
MAI TALK
หลังจากที่น้ำหวาน กับเกสร น้องสาวของผมทั้งสองคนได้แยกย้ายขึ้นห้องไปแล้วหลังจากกินข้าวกันเสร็จ พ่อกับแม่ก็เรียกผมมาปรึกษาหารือกันเพื่อต้องการแก้ไขปัญหาที่กำลังจะเกิดขึ้นยังไงดี โดยทำทีเป็นว่าเรานั่งดูทีวี เพื่อให้น้องๆ ไม่ผิดสังเกต
“พ่อกับแม่คิดจะบอกน้องเรื่องนี้เมื่อไหร่ครับ” ผมถามออกมาเป็นอันดับแรกเมื่อเราอยู่กันตามลำพังกันสามคนโดยปราศจากน้องๆ เพราะผมเป็นห่วงความรู้สึกของน้อง บอกตรงๆคือผมรักน้องๆมาก มากจนเพื่อนผมบอกว่าผมหวงมากกว่าพ่อซะอีก นี่ผมผิดหรอ?
“พ่อกับแม่ก็อยากจะบอกน้องให้รู้เรื่องนี้ไว้เหมือนกันนะไม้ แม่ก็เหมือนกับไม้แหละห่วงความรู้สึกน้อง” แม่เดินมาลูบหลังผมด้วยความอ่อนโยน
“แต่แม่ครับ กำหนดเราคือเดือนหน้านี้แล้วนะครับ” ผมคว้ามือแม่มากุมไว้ เพื่อขอความเห็น
“แม่รู้ไม้ แม่รู้ ใช่ว่าแม่เองจะอยากให้มันเป็นแบบนี้หรอกนะ แต่ด้วยปัญหาต่างๆที่เรากำลังเผชิญมัน...” แม่ชักมือจากผมออกเพื่อเช็ดน้ำตาตัวเอง
“เราต้องย้ายลูก และพ่อก็เชื่อว่าถ้าน้องรู้เรื่อง น้องต้องเข้าใจเรา” พ่อเดินมากอดปลอบแม่จากทางด้านหลัง
“ถ้าพ่อเชื่อว่าหวานกับน้องต้องเข้าใจ แล้วทำไมไม่บอกพวกเราตรงๆ ล่ะคะ” เสียงน้ำหวานดังขึ้นจากด้านด้านหลัง ซึ่งเดินมาพร้อมกับเกสร
“เราสองคนลงมากันตั้งแต่เมื่อไหร่” ผมตะลึงที่น้องมาได้ยิน
“เกสรลงมาตั้งนานแล้ว ส่วนพี่หวานเพิ่งจะลงมาเมื่อกี้นี้เอง” เกสรเป็นคนตอบ
“พี่ไม้ หวานจะโกรธพี่ก็ตรงที่พี่ไม่บอกกันตรงๆนี่แหละ” น้ำหวานสะบัดหน้าหนี เห็นแค่นี้คนเป็นพี่อย่างผมก็รู้สึกปวดใจแล้วครับ
“ก็พี่เป็นห่วงเราทั้งคู่น่ะสิ ใครจะไปคิดว่าเราสองคนจะพูดง่ายกันล่ะ” ผมเดินไปขยี้ผมน้องทั้งสองด้วยความรักใคร่ปนๆกับหมันเขี้ยวถึงแม้ประเด็นหลังจะมากกว่าก็เถอะ
“หยุดเลยพี่ไม้! ผมเกสรยุ่งหมด” เกสรโวยวายทำหน้ามุ่ย ผมจึงคว้าตัวน้องเข้ามากอดแล้วโยกตัวไปมาแทน นาทีนี้ต้องยอมครับ เพราะมีความผิดติดตัวอยู่
“แม่จ๋า พ่อจ๋า สรุปเราต้องย้ายบ้านกันหรอจ๊ะ” น้ำหวานเดินไปกอดพ่อกับแม่ เกสรพอเห็นหวานทำแบบนั้น ก็เดินเข้าไปกอดบ้าง ท่านทั้งสองพยักหน้ารับอย่างหนักใจ
“เมื่อไหร่หรอจ๊ะ”
“ประมาณกลางเดือนหน้าค่ะ เกสรกับน้ำหวานไม่คิดมากแบบนี้ก็ดีแล้ว พ่อกับแม่จะได้หายห่วง ยังไงซะเราสองคนก็ค่อยๆทยอยเก็บของเลยนะ พอถึงเวลาจะไปมันจะได้ไม่วุ่นวายมากนัก”
“ค่ะ แต่หวานอยากรู้เหตุผล พ่อกับแม่บอกหวานได้มั้ย” น้ำหวานถามอย่างเกรงใจ
แม่พยักหน้า แล้วบอกเหตุผลให้ฟัง ว่าบ้านผมที่อยู่ตอนนี้ลุงของผม หรือลูกพี่ลูกน้องของพ่อเข้ามายึดบ้าน อ้างว่าพ่อผมยกกรรมสิทธิ์บ้านหลังนี้ให้เขาแล้ว พ่อผมก็ดิ้นรนที่จะเรียกความถูกต้อง ปรึกษาคนนั้นคนนี้ ทุกคนก็พร้อมที่จะช่วยหาหลักฐาน แต่ก็โดนฟ้องร้องซะก่อน คุณย่าเลยบอกให้พ่อไปหาซื้อบ้านใหม่เอาเถอะ เขาอยากได้ก็ให้เขาไป ถือซะว่าทำทานให้หมามันกิน อันนี้ผมไม่ได้ไม่สุภาพกับผู้ใหญ่นะครับ ผมแค่ลอกเลียนแบบคำพูดของคุณย่ามาเท่านั้น ไม่ได้จะต่อเติมอะไรเลยจริงๆ นะครับ
พอน้ำหวานกับเกสรน้ำได้ยินเรื่องทั้งหมดก็ตาคลอ พยักหน้าเข้าใจ ไม่โวยวายแต่อย่าไรผมกับพ่อเดินเข้าไปกอดแม่ และน้องทั้งสองด้วยความรัก ถึงวันข้างหน้าจะเป็นยังไง ผมเชื่อว่าครอบครัวของผมจะยังมีกันอย่างนี้ตลอด เพราะความเข้าใจกันและกันของทุกคนที่มีหัวใจดวงเดียวกัน
“ไม้สัญญานะ ว่าไม้จะดูแลทุกคนให้ดีที่สุด เพราะไม้รักทุกคนมาก~” ผมบอกเสียงทะเล้น ทีเล่นทีจริง แต่เชื่อผมเถอะว่าคำพูดนั้นมันเปรียบเสมือนคำสัตย์ที่มีให้ต่อทุกคน
END TALK
ฉันเดินกลับขึ้นมาบนห้องพร้อมกับพี่ไม้ และเกสรด้วยรอยยิ้ม ก่อนที่มันจะหายไปเมื่อประตูห้องปิดลง ฉันเดินเหม่อลอยไปรอบห้องเพื่อต้องการจดจำให้มากที่สุด ฉันรู้สึกเหมือนถูกไม้ฟาดที่หัวอย่างแรงที่รู้ว่าต้องย้ายออกจากบ้านหลังนี้ บ้านที่ฉันอยู่มาตั้งแต่เด็กจนปัจจุบัน น้ำตาฉันค่อยๆ ไหลออกมา แต่ฉันปาดมันทิ้งอย่างไม่ใยดี
“แกร้องไม่ได้นะหวาน แกร้องไม่ได้! ห้ามเด็ดขาด ห้ามทำให้พ่อกับแม่ลำบากใจนะเด็ดขาด!” ฉันพูดกับตัวเอง แม้คำพูดจะดูเหมือนเข้มแข็ง แต่มันกลับทำให้น้ำตายิ่งไหล ฉันไม่อยากอ่อนแอแบบนี้เลยจริงๆ
.
.
.
“แกบอกว่าอะไรนะหวาน!!! พูดใหม่อีกทีสิ!” เมย์ตะโกนดังลั่นด้วยความตกใจ
“เบาๆ สิเมย์ ฉันพูดว่าฉันต้องย้ายบ้านเดือนหน้า จบนะ” ฉันย้ำคำพูดตัวเองอีกครั้ง บอกตรงๆ ว่าใจหายมาก แต่ทำอะไรไม่ได้
“แล้วแกจะย้ายไปอยู่ไหนอ่ะหวาน” ธันวาตบไหล่ฉันเบาๆ
“ฉันยังไม่รู้อะไรแน่นอนหรอก เพิ่งจะรู้ว่าต้องย้ายก็เมื่อคืนนี้เอง เฮ้อ~~~” ฉันถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน
“นี่ ฉันไปหากำลังใจก่อนนะเดี๋ยวไม่มีแรงเรียน เจอกันที่ห้องเลยแล้วกัน” ฉันลุกขึ้นออกมาทันที
ฉันเดินสอดส่องสายตาทุกซอกทุกมุมเพื่อมองหาพี่บูม แต่แล้วก็ไปสะดุดกับคนๆหนึ่งที่หกล้มอยู่ริมฟุตบาตเพื่อช่วยน้องแมวจากกลางถนน ฉันรีบวิ่งเข้าไปช่วยทันที
“เป็นอะไรมากมั้ย” ฉันรีบช่วยพยุงเขาให้ลุกขึ้นขึ้นมาจากพื้น
“ไม่เป็นอะไรครับ ขอบคุณมากนะครับ” เขาจ้องหน้าฉันแล้วก็นิ่งไป
“เป็นอะไรไปอ่ะ หรือเจ็บอะไรตรงไหนรึป่าว” ฉันเขย่าตัวเขานิดหน่อยเพื่อเรียกสติเขา แล้วเริ่มมองสำรวจเพื่อบาดแผลด้วยความเป็นห่วง
“มะ...มะ...ไม่เป็นอะไรจริงๆ ครับ” เขาส่งยิ้มให้
“แน่ใจนะ” ฉันถามย้ำเพื่อให้แน่ใจ เขาพยักหน้าตอบพร้อมกับรอยยิ้ม
“ครับ ผมชื่อ สิงหา นะครับ แล้วคุณ...?” เขาแนะนำตัวเอง
“อ่อ! น้ำหวานค่ะ หรือจะเรียกหวานเฉยๆ ก็ได้ไม่ต้องเรียกคงเรียกคุณหรอก” ฉันยิ้มให้อย่างเป็นมิตร
“ว่าแต่สิงหาไม่ได้เป็นอะไรจริงๆแน่นะ” ฉันถามย้ำอีกครั้งด้วยความเป็นห่วง
“เอ่อ~ พาผมไปห้องพยาบาลหน่อยก็ดีนะครับ” เขายิ้มเขินๆ
“อ่าว งั้นนายก็ไม่ได้เรียนที่นี่น่ะสิ ถึงไม่รู้จักห้องพยาบาล แต่ไม่เป็นไรเดี๋ยวหวานพาไปเอง” ฉันถามพลางพยุงเขาไปทางงห้องพยาบาล
“ไม่ได้เรียนที่นี่หรอกครับ ผมแค่มาหาเพื่อน พอดีเห็นแมวอยู่กลางถนน แล้วรถก็มาเร็วด้วยเลยเข้าไปช่วย สุดท้ายก็อยู่ในสภาพนี้เลย แหะๆ”
“อ๋อ~~” ฉันพยักหน้าด้วยความเข้าใจ แล้วส่งยิ้มให้เขาบางๆ ก่อนที่จะเดินพาเขามายังตึกๆ หนึ่งที่อยู่ไม่ไกลจากที่อยู่จากเมื่อกี้มากนัก
“นี่ไงห้องพยาบาล” ฉันชี้มือบอก แล้วหันไปยิ้มให้
“ขอบคุณน้ำหวานมากนะครับที่ช่วยผม” สิงหายิ้มตอบ
“ไม่เป็นไรๆ อย่าลืมบอกเพื่อนนายล่ะว่านายอยู่ที่นี่ แล้วก็ยินดีที่ได้รู้จักนะ หวานขอตัวก่อน”
“ครับยินดีที่ได้รู้จักเหมือนกันนะครับ หวังว่าเราจะได้มีโอกาสเจอกันอีกนะ” สิงหาตอบกลับพร้อมกับส่งสายตาแปลกๆ มาให้
ฉันพยักหน้ารับแล้วเดินออกมาจากตรงนั้น พอดีกับพี่บูมที่กำลังมองโทรศัพท์ตัวเองอยู่ ท่าทางกะวนกะวายน่าดู อย่างนี้ต้องย่องเข้าไปหาและเล่นทีเผลอ คิกๆ
“จ๊ะเอ๋!!!” ฉันตะโกนใส่หูพี่บูมทันทีที่เข้าถึงตัวพี่เขาได้
“นี่เธอ! มีอะไร!!” พี่บูมตกใจนิดหน่อย แต่ก็แปบเดี๋ยวเท่านั้น หลังจากนั้นก็ตะคอกกลับเลยไง
“มานั่งทำอะไรตรงนี้หรอ~ ที่...รักจ้าาา~~” ฉันพูดแบบลอยหน้าลอยตาไม่ใส่ใจกับคำพูดที่แสนร้ายกาจนั่นเลยสักนิด รู้สึกอยากตบตัวเองจริงๆ
“มันไม่เกี่ยวอะไรกับเธอ!” พี่บูมตวาดกลับทันที
“นี่พี่โทรหาใครอยู่หรอ หรือว่า...” ฉันเว้นวรรคไว้ แล้วทำหน้าตาตกใจสุดขีด
“หรือว่า? หรือว่าอะไรขอเธอ” เขาทำหน้างง
“หรือว่า...พี่นอกใจหวาน!” ฉันยกมือขึ้นมาปิดปากตัวเอง แล้วก้าวถอยหลังสองก้าวเล็กๆ ย้ำนะว่า เล็กๆ เท่านั้น
“หา?!”
“หวานไม่ยอมนะพี่บูม พี่ทำแบบนั้นกับหวานไม่ได้นะ” ฉันแกล้งพูดดังๆ เพื่อให้คนอื่นในละแวกนี้ได้ยิน
“เธอนี่พูดจาแปลกๆ นะ ฉันจะไปนอกใจเธอได้ยังในเมื่อเราไม่ได้เป็นอะไรกัน!!” พี่บูมพูดเสียงดังกลับด้วยความโมโห
“ทำไมพี่พูดแบบนี้ล่ะ เมื่อคืนพี่ยังอ้อนนั้นอ่อนนี้หวานอยู่เลย หวานไม่ยอมนะ” ว่าจบก็บีบน้ำตาเล็กน้อย
“เธอพูดอะไรของเธอห๊ะ!!!” พี่บูมเข้ามาคว้าหมับเข้าที่แขนแล้วออกแรงบีบจนฉันรู้สึกเหมือนกระดูกจะหัก
“โอ้ย! หวานเจ็บนะพี่บูม ปล่อยก่อนหวานจะ...เจ็บ” ฉันร้องขอ เพราะมันเจ็บ เจ็บมากจริงๆ จากที่แกล้งบีบน้ำตาก่อนหน้านี้กลับกลายเป็นว่าของจริงไหลออกมาแทนที่
“เลิกยุ่งกับฉันสักที!!” พี่บูมผลักฉันออกอย่างแรง จนฉันล้มลงไปกองกับพื้น ก่อนที่เจ้าตัวจะเดินจากไปอย่างไม่ใยดี
ฉันค่อยๆยันตัวเองให้ลุกขึ้นจากพื้นให้กลับมายืนอีกครั้ง ก่อนจะเอามือปาดน้ำตาที่ล่วงรินออกมาทิ้ง แล้วเดินย้อนกลับไปทางเดิมเพื่อไปยังจุดหมายซึ่งนั่นก็คือ ห้องพยาบาล
“อ่าว! น้ำหวาน มาทำอะไรทีนี่อีกงั้นหรอ?” สิงหาร้องทัก เมื่อเห็นฉัน ให้ตายเถอะ นี่เขายังไม่ไปอีกหรอเนี้ย
“วะ...ว่าไงสิงหา ยังไม่เจอเพื่อนอีกหรอ” ฉันถามเขากลับ เพื่อหวังจะเปลี่ยนประเด็น แล้วยกมือขึ้นมาปิดรอยแดงเป็นปืดที่พี่บูมฝากไว้ที่ต้นแขนนั้น เดี๋ยวเขารู้หมดว่าไปอ่อยผู้ชายมา แล้วผู้ชายเขาไม่เอาเนี้ย คิดแล้วก็ช้ำใจ ฮึกกก
“ยังไม่เจอเลย แล้ววันนี้ก็คงไม่เจอแล้วล่ะครับ มันบอกว่ามันไม่ว่าง ว่าแต่ที่ผมถามไปน้ำหวานยังไม่ได้ตอบเลยนะ ว่ามาทำอะไรที่ห้องพยาบาล”
“อะ...เอ่อ~ อ่อ! หวานมาเอาของให้เพื่อนน่ะ พอดีเพื่อนหวานลืมของไว้ เลยใช้หวานให้กลับมาเอาให้น่ะ ไปก่อนนะ” ฉันรีบตัดบท แล้วจะเดินเลี่ยงสิงหาเพื่อที่จะเขาไปในห้องพยาบาล
“เดี๋ยวครับ”
...หมับ...
“อ๊ะ!” ฉันร้องด้วยความตกใจและเจ็บบริเวณรอยช้ำนั้น เพราะสิงหาคว้าแขนฉันไว้ ซึ่งมันดันตรงกับที่พี่บูมทำรอยไว้ บอกเลยตอนนี้เจ็บจนน้ำตาเล็ดแล้ว
“น้ำหวาน! นั้นแขนคุณไปโดนอะไรมา!!”
...............................................................................TBC.
ความคิดเห็น