ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (SF)Identity V 3P |花落就枯萎。🍂#wuchangjoseph

    ลำดับตอนที่ #1 : เพียงลือให้ ได้พบเจอ 1/4

    • อัปเดตล่าสุด 3 ส.ค. 63


    #ย้อนซากบุปผา

     

    คริสต์ศักราช 2020

    “ท่านผู้โดยสารโปรดทราบ ขณะนี้เราได้อยู่บนน่านฟ้าของประเทศจีน เครื่องบินจะทำการลงจอด กรุณานั่งอยู่กับที่นั่งของท่านและรัดเข็มขัด….” เสียงตามสายเป็นภาษาจีนของพนักงานในนกยักษ์ลำใหญ่ดังขึ้นมาท่ามกลางความเงียบ ปลุกให้ชายหนุ่มตัวเล็กชาวฝรั่งเศสแง้มม่านสีสดใสใกล้ตัวของตนเพื่อดูทิวทัศน์บนท้องฟ้าซึ่งใกล้ลงจอดสู่พื้นดินขึ้นเรื่อย ๆ 

     

    “มาถึงแล้วสินะ” 

    ร่างบางชาวฝรั่งเศสพึมพำกับตัวเองเป็นภาษาบ้านเกิดพร้อมกับกระชับกระเป๋าเป้แน่น หลังจากที่เขาได้เดินออกมาจากประตูทางออกของสนามบิน ใบหน้าของเขาก็ได้ปะทะกับลมเปลี่ยนฤดูทันทีส่งผลให้ผมยาวสีอ่อนปลิวไปตามแรงลม ไม่นึกเสียดายที่หยิบเอาเสื้อโค้ทหนาๆและหมวกไหมพรมติดมาด้วย อีกสักวันสองวันหิมะคงจะตก

                “คุณโจเซฟครับ!

    เสียงทุ้มของไกด์นำทัวร์ดังขึ้นข้างหลังทำเอาเจ้าของชื่อหันไปมองก็พบกับป้ายอันใหญ่ที่เขียนชื่อเขาตราไว้ ยืนเอ้อระเหยได้ไม่นานเจ้าของร่างบางตรงดิ่งเข้าไปในรถโดยสารประจำทางที่จะนำพาเขาไปสู่หมู่บ้านโบราณที่มากไปด้วยอารยธรรมและวัฒนธรรม

    สถานที่ที่เขา.. โจเซฟจะได้รับการเยียวยาจากงานในเมืองที่แสนจะวุ่นวาย

    “คราวนี้คุณโจเซฟจะมาสักกี่วันหรอครับ?”

    “สักหนึ่งอาทิตย์ครับ ”

    “แปลกใจนะครับเนี่ย นึกว่าจะอยู่สองสามวันเหมือนครั้งก่อนๆ”

    เสียงชวนพูดคุยเพื่อทำลายบรรยากาศเงียบๆภายในรถเป็นภาษาฝรั่งเศสแต่สำเนียงจีนจากไกด์สุดหล่อของเขาที่จ้างมาทุกครั้งเมื่อต้องการจะมาเที่ยวที่แผ่นดินใหญ่นี้ มาคราวนี้คงจะต่างจากครั้งอื่น ๆ

    “เรื่องงานที่ฝรั่งเศสค่อนข้างจะยุ่งนิดหน่อย แต่พอกำจัดปัญหาได้ ผมก็ได้เวลาพักมาค่อนข้างเยอะ เลยนึกถึงน่ะ”

    “เหนื่อยแย่เลยสินะครับ”

    “ไม่เท่าไหร่หรอก …เออนี่คุณนอร์ตัน ผมอยู่ที่นู่นพอมีเวลาว่าง ผมได้เรียนภาษาจีนมาเล็กน้อย”

                ว่าพลางมือขาวก็ล้วงหยิบสมุดโน้ตเล็กๆในกระเป๋าสะพายขึ้นมายื่นอวดให้คนข้างๆดู มีไม่กี่ครั้งที่เวลาว่างจากการทำงานของโจเซฟ เขาจะหยิบสมุดหนึ่งเล่มพร้อมกับหนังสือเรียนภาษาจีนรวดเร็วของที่คุณนอร์ตันหรือไกด์ของเขาแนะนำมาให้

    “โอ้โหคุณโจเซฟ คุณขยันมากเลยนะครับ” นอร์ตันเปลี่ยนภาษาเป็นภาษาจีนเพื่อทดสอบ

    “แต่พวกคำยากๆผมจำไม่ค่อยได้หรอก ผมจำเท่าที่จะเอามันมาใช้สื่อสารได้” โจเซฟตอบกลับเป็นภาษาของนอร์ตัน นั่นทำให้เขาค่อนข้างภูมิใจในตัวร่างบางคนนี้

    “เก่งขึ้นเยอะเลยครับ ไว้ว่างๆผมจะพาคุณโจเซฟไปร้านหนังสือแถวเมืองที่เราจะไปนะครับ”

     

    “แน่ใจนะครับว่าไม่ให้ผมไปด้วยน่ะ”

    นอร์ตันพูดกับโจเซฟที่ในขณะนี้ยืนทิ้งสะโพกบางอยู่หน้าประตูพร้อมกระชับเสื้อโค้ทสีขาวสะอาดก่อนจะนำกล้องตัวโปรดห้อยคอระหง ทันทีที่พวกเรามาถึงที่พักลักษณะเหมือนบ้านหลังเดี่ยวที่สร้างด้วยไม้ละปูนฉบับเมืองโบราณก็ตกค่ำเสียแล้ว ร่างบางก็เก็บเสื้อผ้าข้าวของอย่างว่องไวก่อนจะเดินไปที่ประตูแล้วพูดว่าจะออกไปเดินเล่นข้างนอกสักหน่อย ทำเอาไกด์หนุ่มที่กำลังก้มหน้าก้มตาอ่านแผนผังเมืองเงยขึ้นมาตอบคำถามที่เสมือนคำบอกเล่า

    “ตอนนี้ก็ค่ำแล้ว ผมกลัวคุณจะหลง”

    “ไม่หลงหรอกครับ ตอนเราเดินเข้ามาที่พักผมเห็นสะพานไม่ไกลจากที่นี่ ผมว่าตอนนี้มันคงจะสวยดีเพราะไฟที่ประดับมัน”

    “โอเคครับ ..คุณโจเซฟครับ ถ้าเกิดรู้สึกว่าหลงทางแล้วโทรหาผมทันทีนะครับ” โจเซฟพยักหน้าตอบรับ

     

     

                ร่างบางเดินเลียบตามทางจากบ้านพักมาไม่ไกลเขาก็หยุดเดิน พบกับสะพานที่เขาสังเกตเห็น ดวงตาสีอ่อนทำหน้าที่ของมันได้ดีโดยการกวาดมองไปรอบๆเพื่อซึมซับมันด้วยตาเปล่าก่อนมือขาวจะยกกล้องตัวโปรดที่ห้อยไว้ขึ้นมากดเพื่อถ่ายภาพสะพานหินที่ดูเหมือนจะเก่าแต่สภาพก็ยังคงอยู่ดีเพราะได้รับการอนุรักษ์

    โจเซฟได้รู้มาจากคนขับรถประจำทางและนอร์ตันว่าหมู่บ้านนี้แต่ก่อนเป็นหมู่บ้านและพระราชวังของจักรพรรดิผู้มากด้วยอำนาจและความชอบธรรม เป็นจักรพรรดิสุดท้ายก่อนเมืองนี้จะถูกยึดครองอำนาจจากเมืองใกล้เคียง เรื่องราวนั้นจบไม่สวยแต่โจเซฟก็หวังว่าจะได้รู้อะไรมากกว่านี้ในวันพรุ่งนี้ที่เขาและนอร์ตันจะเดินทางไปที่วังเพื่อศึกษาเรื่องราวในอดีต

    ยืนนิ่งหน้าสะพานสักพัก ขาเรียวก็ได้เดินเลียบตามทางมาเรื่อย ๆผ่านสะพานหินเพราะเขายังไม่คิดจะเดินขึ้นไป ชาวบ้านไม่เปิดไฟที่ประดับบนสะพาน และมันมืดเกินกว่าที่เขาจะเดินไปสำรวจ เขาจึงพาร่างของตัวเองมานั่งพักที่ศาลาหินแห่งหนึ่งใต้ต้นดอกไม้สีขาวอมชมพูต้นใหญ่ไม่ไกลมาก จากตรงนี้เขามองเห็นสะพานหินอย่างชัดเจน มือขาวยกกล้องถ่ายรูปตัวโปรดขึ้นมาเพื่อตรวจสอบดูรูปที่ตนถ่าย

    "สวยใช่ไหมล่ะพ่อหนุ่ม"

    “ครับ?”

    "เมืองนี้น่ะ"

    “อ่า ..ครับ” 

    “เมืองนี้ได้รับการอนุรักษ์รักษาอย่างดีเลยนะ ตั้งแต่สมัยก่อนแล้วล่ะ”

    “ทวดของฉันน่ะเคยบอกว่าจักรพรรดิสมัยสุดท้ายขอให้ชาวบ้านและผู้ปกครองเมืองที่ยึดอำนาจเมืองนี้รักษาไว้อย่างดี”

    โจเซฟก้มหน้าก้มตามองผลงานของตนในกล้องถ่ายรูปจึงไม่ได้สังเกตว่ามีชายสูงอายุแต่งตัวด้วยชุดประจำถิ่นของเมืองนี้คนหนึ่งเดินเข้ามาในศาลาหิน เขาทรุดนั่งลงบนที่นั่งฝั่งตรงข้ามกับร่างบางแล้วเอ่ยปากบอกเล่าถึงความงามของเมืองนี้ ใบหน้าของเขาประดับไปด้วยรอยยิ้มมองมาที่โจเซฟ เขาก้มลงเก็บดอกไม้สีขาวอมชมพูลักษณะพุ่มที่ประดับไว้รอบๆศาลานั่นไว้ในมือ ก่อนจะพูดว่า

    ดอกโบตั๋น ต้นดอกโบตั๋นต้นนี้มีอายุมากกว่าทวดของฉันเสียอีก ” 

    “มันดูแข็งแรงแล้วก็สวยงามสมบูรณ์มากเลยนะครับ” โจเซฟไม่ว่าเปล่ามือเรียวก้มตัวไปเก็บดอกโบตั๋นมานั่งพิจารณาความงามของมันบ้าง

    "แล้วก็ต้นดอกเหมยต้นนี้อยู่มาก่อนศาลาหินนี่อีก …น่าแปลกที่มันไม่ตาย"

    "แต่ก่อนคนใหญ่คนโตที่ต้องการจะปรับเปลี่ยนผังเมือง จะรื้อต้นนี้ออก ทว่ากลับเจอดีเสียอย่างนั้น"

    “เจอดี?? อะไรหรอครับ??” คิ้วสวยขมวดเข้าหากันพร้อมกับลดดอกไม้ในมือลงแทบตัก

    “ฉันก็ไม่รู้อะไรมากหรอก แต่ที่นี่เคยเกิดโศกนาฏกรรมอันน่าสลด ….นี่ก็จวนฟ้ามืด ฉันไปก่อนล่ะ” 

    ชายสูงอายุลุกขึ้นยืนสุดความสูง โจเซฟมองตามมือเหี่ยวที่วางดอกโบตั๋นไว้บนที่นั่ง ด้วยความสงสัยใคร่รู้ของร่างบางจึงผุดลุกขึ้นจากที่นั่ง

    “คุณลุงช่วยเล่าให้ฟังเกี่ยวกับศาลาหินนี่อีกหน่อยได้ไหมครับ?”

    "เท่าที่ฉันรู้ จักรพรรดินั้นสร้างที่นี่มาเพื่อคนรักของท่านที่…"

    “คุณโจเซฟครับ!”

    เสียงแก่ตามอายุของคุณลุงตรงหน้านั้นถูกดูดหายไป ตามมาด้วยเสียงของไกด์หนุ่มที่ดังแทรกขึ้นมา ทำตัวเจ้าของร่างบางที่กำลังสนใจในสิ่งที่น่าสนใจคิ้วขมวดหันไปมองต้นตอที่ทำหน้าไม่รู้สึกรู้สา พร้อมกับหันไปโค้งให้กับชายแก่ที่ก้าวเดินออกไปจากศาลา 

    "คุณนอร์ตัน…"

    “ได้เวลาอาหารเย็นแล้วครับคุณโจเซฟ” ไกด์หนุ่มยิ้มแย้ม

    มือขาวทำการปิดกล้องถ่ายรูปแล้วยกขึ้นเสยผมสีอ่อนขึ้นลวกๆแล้วทำการมัดเป็นหางม้าไว้ข้างหลัง ดวงตาสวยมองดอกโบตั๋นสีชมพูอ่อนในมือก่อนนำมาทัดไว้ที่ใบหู  เรียกสายตาชาวบ้านหรือนักท่องเที่ยวคนอื่นที่เดินผ่านรวมถึงตัวไกด์หนุ่มเองมองภาพนั้นอย่างไม่ละสายตา

    ครั้งแรกที่นอร์ตันเจอกับโจเซฟก็คิดว่า หากคุณโจเซฟเป็นหญิง คงเปรียบเสมือนนางฟ้านางสวรรค์ในเทพนิยายกรีก ทั้งใบหน้า คิ้วเป็นทรงสวยรับกับสีผมของเจ้าตัว ดวงตาเรียวสีน้ำข้าวออกจะติดฟ้าเล็กน้อย จมูกโด่งน่ารัก กับปากกระจับสีธรรมชาติ ไหนจะบุคลิกที่ดีสมกับเป็นผู้ดีเมืองฝรั่งเศส  ..ช่างน่ามองเสียจริง 

    "วะ..วันนี้ ทานข้าวที่ร้านแถวๆตลาดคนเดินนะครับ"

     

     

    “นอนได้แน่ๆใช่ไหมครับ”

    "ผมนอนคนเดียวเป็นประจำ"

    “ผมต้องขอโทษคุณโจเซฟด้วยนะครับที่จู่ๆก็มีธุระในเมือง”

    ไกด์หนุ่มค้อมตัวให้กับร่างบางที่นั่งเช็ดผมของตัวเองอยู่ตรงหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง กระจกลายสวยนั้นสะท้อนให้นอร์ตันที่ยืนอยู่หน้าประตูเห็นรอยยิ้มของโจเซฟที่กำลังยิ้มให้ดอกโบตั๋นเมื่อค่ำในมือ  

    “ไม่ต้องห่วงหรอกครับคุณนอร์ตัน สักพักผมก็เข้านอน ตื่นตอนเช้าคงจะทันคุณมาเคาะประตูพอดี”

    หลังจากที่ไกด์หนุ่มเดินออกไปจากประตูบ้าน ร่างบางในชุดนอนผ้าซาตินลุกขึ้นยืนเต็มความสูงนำผ้าขนหนูไปตากไว้ที่ราวข้างหน้าต่างบานเล็กที่เปิดให้ลมเย็นพัดผ่าน โจเซฟสูดเอาอากาศบริสุทธิ์์เข้าเต็มปอดก่อนถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วดันหน้าต่างลงปิดกั้นความเย็นจากภายนอกในยามราตรีนี้

     จากตรงนี้โจเซฟมองไม่เห็นแม้กระทั่งสะพานและศาลาหินนั่นเพราะไฟประดับที่เริ่มดับลงไปทีละดวง เห็นจะมีเพียงแต่แสงจากดวงจันทร์ที่ทำให้ดวงตาสวยได้มองเห็นดอกโบตั๋นต้นนั้นอย่างชัดเจน

    “ได้เวลานอนแล้วสินะ”

    ร่างบางหมุนตัวกลับหลังหันหน้าเข้ามาเตียงพร้อมที่จะเข้านอนไม่ทันสังเกตเห็นเงามืดใต้ต้นดอกเหมยเคลื่อนไหว….

     

     

    ตะวันจะฉายถึงหัวเจ้าอยู่แล้วนะเสี่ยวเปา!!

    “ปลานี่ขายเท่าใดหรือพ่อค้า!?”

    “แม่ค้าแผงนี้อยู่ที่ใด จะขายไหมข้าวเนี่ย!!!???”

    เสียงของชายและหญิง เด็กและผู้ใหญ่ดังขึ้นในโสตประสาทของร่างที่นอนอยู่บนเตียงเดี่ยวภายในบ้านพักโบราณที่เจ้าของร่างได้ทำการเช่ามัน มือเรียวคลำหาหมอนหนุนหวังจะนำมาปิดหูหนีเสียงดังวุ่นวายที่ได้ยิน คลำหาเท่าไหร่ก็คว้าไม่ได้สักอย่าง เปลือกตาสีมุกค่อยๆลืมขึ้นมา ภาพแรกที่ปรากฎต่อหน้าโจเซฟคือเพดานหินของบ้านพัก

    "หิน??"

     เสียงหวานเอ่ยทวนกับความคิดของตัวเองก่อนจะผุดลุกขึ้นนั่งบนเตียงที่สัมผัสฟูกเปลี่ยนไป ดวงตาสวยเบิกโพลงก่อนจะมองไปรอบๆสำรวจภายในบ้านพักของตนที่กลายเป็นเหมือนบ้านโบราณ ..ของจริง

                เกิดอะไรขึ้นเนี่ย …หนาวจัง เสื้อโค้ทอยู่ไหนนะ

                เท้าสวยก้าวลงจากเตียงไม้สภาพดีเดินไปหวังเปิดตู้ตรงข้ามกับท้ายเตียงเพื่อหยิบเอาเสื้อโค้ทตัวเก่งออกมาสวมทับชุดนอนที่เนื้อผ้าแสนบาง

    แอ๊ดดด

    "ไม่มีอะไรเลยหรอ"

    โจเซฟว่าพร้อมมองรอบๆตัว ข้าวของของเขาหายไปทั้งหมด ดวงตาสวยมองไปในตู้อย่างสงสัย มือขาวทำการปิดตู้ไม้ก่อนจะพาตัวเองมายืนที่หน้าต่างบานเดิมกับเมื่อคืน ไม่มีม่าน ไม่มีกระจก ไม่มีอะไรเลยนอกจากหน้าต่างโล้นๆ เขามองลอดออกไปข้างนอก กวาดสายตามองผู้คนที่แต่งกายด้วยสีทึบๆปะปนกับสีสวยงาม เสื้อผ้าที่เหมือนหลุดออกมาจากภาพยนตร์พีเรียดจีน และเสียงดังโหวกเหวกพูดคุยกันเหมือนกับว่าเขาอยู่ในอดีต

    อดีต…

                ปัง!

                ร่างบางเบิกตาอีกครั้งก่อนจะตื่นตระหนกกึ่งวิ่งกึ่งเดินเปิดประตูไม้ออกมาเสียงดังเรียกให้ชาวบ้านที่กำลังวุ่นวายในยามเช้าหันไปมองโจเซฟเป็นตาเดียว

                บ้านหลังนี้ติดกับถนนทางเดิน จึงค่อนข้างน่าอายและแปลกใหม่สำหรับโจเซฟที่ใส่ชุดนอนผ้าซาตินสีน้ำเงินสด รูปร่างลักษณะที่เหมือนชาวต่างชาตินั้นทำให้ชาวบ้านค่อนข้างตกใจ ผมยาวสลวยสีอ่อนปลิวไปตามลมหนาวทันที่เมื่อออกมาปะทะกับเหตุการณ์ตรงหน้า

                “นางฟ้านางสวรรค์….แม่นางเดินออกมาจากสวรรค์หรืออย่างไร”

                "มาจากที่ไหนหรือแม่นาง"

                “ตกสวรรค์มาหรือขอรับ เหตุใดงามเช่นนางสวรรค์ได้เพียงนี้”

                ประโยคสามประโยคหลุดออกมาจากชายหนุ่มสามคนตรงหน้าร้านขายซาลาเปาที่ตั้งอยู่ข้างบ้านพักของเขา ประโยคเหล่านั้นโจเซฟพอจะแปลออกเป็นบางคำ ชายหนุ่มทั้งสามรวมถึงแม่ค้าพ่อค้าที่ขายของแถวนี้หันมาให้ความสนใจกับตัวร่างบาง ก่อนเสียงหวานจะเอ่ยออกไป

                "ฉันเป็นผู้ชาย"

                “ห๊า! จริงหรือแม่นาง ไหนข้าของลอง…” ชายหนุ่มคนหนึ่งทำท่าทางไม่เชื่อสายตาเตรียมก้าวขาเข้ามาหาโจเซฟ

                "หยุดเลยนะอานช่าง! "

    เสียงทุ้มของชายคนหนึ่งตะโกนดังออกมาจากในตัวบ้านพักที่เขาเดินออกมา ตามมาด้วยชายสูงอายุคนหนึ่งเดินมาเทียบข้างเขา มือเหี่ยวยกไม้เท้าขึ้นชี้หน้าชายหนุ่มที่ชื่ออานช่างให้ถอยไป อานช่างคิ้วกระตุกเล็กน้อยก่อนจะหันหลังเดินกลับไปรวมกลุ่มกับเพื่อนทั้งสองคนดังเดิม

    “เจ้าคงเดินทางมาไกล กลับเข้ามาในบ้านก่อนซี” ชายแก่หันมาพูดกับเขา โจเซฟทำได้เพียงพยักหน้าตอบรับแล้วเดินตามชายแก่เข้าไปในบ้านพักของตน

                

                "ชาไหม?"

                “คะ..ครับ สักหน่อยก็ดีครับ”

               “ เมื่อคืนวานนอนหลับสบายดีไหม”

                มือสวยยกขึ้นรับแก้วชาจากหญิงสูงวัยภรรยาของคุณปู่ตรงหน้าของเขาที่แนะนำตัวว่าชื่อหวงมู่ไท่ที่อดีตเป็นอาจารย์สอนการเกษตรของวังหลวง ใบหน้าเหี่ยวย่นตามวัยเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มในขณะที่ถาม โจเซฟยิ้มพร้อมพยักหน้าให้เล็กน้อย

    “เจ้าอาจจะสงสัยว่าที่นี่คือที่ไหน”

    “ที่นี่คืออดีตของสถานที่ที่เจ้าอาศัยพักในปัจจุบัน”

    “แต่ตอนนี้เจ้าได้มาอยู่ในช่วงกาลเวลาอดีต …..ข้าจะไม่บอกว่าที่แห่งนี้คือช่วงเวลาเท่าใด นั่นคือสิ่งที่เจ้าจะได้รับรู้เมื่อกลับไปยังช่วงเวลาของเจ้า”

    "แล้วผมมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงครับ?แล้วคุณปู่รู้ได้…"

    “เจ้าจะได้รู้เมื่อถึงเวลา เอาล่ะ โจเซฟ ตอนนี้เจ้าอยู่ที่นี่ จงทำตัวให้เหมือนชาวบ้านเขาเถอะ ข้าจะให้ภรรยาข้าดูแลเจ้า” 

    “ข้าชื่ออี้ฉือ” หญิงแก่พูด

    โจเซฟที่กำลังสับสนกับเหตุการณ์ตรงหน้าและภาษาที่เขาแปลจับทางค่อนข้างยากหันไปมองภรรยาใจดีของคุณปู่ หญิงแก่ยกยิ้มใจดีให้ก่อนจะยื่นเครื่องแต่งกายสีเทาอ่อนมาให้เขา มือเรียวยื่นไปรับพร้อมพูดขอบคุณ มู่ไท่และอี้ฉือมองหน้ากันเพียงครู่ก่อนทั้งสองจะขอตัวออกไปช่วยกันตั้งหน้าร้านที่หน้าบ้านเพื่อขายของเล่นของใช้ต่างๆ

    ร่างบางถอนหายใจเหม่อมองเสื้อผ้าที่อยู่ในมือก่อนจะกำมันแน่นจนยับตามแนวมือ เขาคิดเพียงแต่ว่าจะใช้ชีวิตแต่ละวันอย่างไร ทุกอย่างต้องการเวลา ทุกอย่างที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้เกิดขึ้นรวดเร็วจนเขาต้องไล่ตามมันให้ทัน 

    "มันต้องมีเหตุผลที่ฉันมาอยู่ที่นี่"

     

    “รู้หรือไม่ท่านแม่ทัพหลี่ ว่ามีชาวบ้านเล่าต่อกันมาว่ามีสาวงามอย่างกับนางสวรรค์ ผมยาวสลวยสีอ่อน นัยย์ตาสีน้ำข้าวสวย ร่างอรชรอาศัยอยู่ที่บ้านของมู่ไท่” 

    “จริงหรือแม่ทัพตง”

    “จริงซีท่าน ข่าวว่าแม่นางทำงานหน้าร้านกับนางอี้ฉือภรรยาท่านมู่ไท่ด้วย”

    "ข้าต้องไปดูให้เห็นกับตาเสียหน่อยแล้ว"

    “เย็นนี้เลยดีหรือไม่แม่ทัพหลี่” แม่ทัพตงยิ้มเล็กน้อยเชิญชวนแม่ทัพหลี่ก่อนจะต้องหุบยิ้มฉับพลันเมื่อเห็นเงาชายหนุ่มสองคนร่างสูงโปร่งทางด้านหลังของแม่ทัพตรงหน้า

    "องค์ชาย!!" สองแม่ทัพกุลีกุจอโค้งคับทันทีที่สังเกตเห็นองค์ชายทั้งสองยืนอยู่หน้าประตูตำหนัก

    “พวกเจ้ากำลังพูดถึงใครหรือ ให้พวกข้ารู้ด้วยสิ” องค์ชายที่มีศักดิ์เป็นน้องพูดพร้อมรอยยิ้ม

    "คือ…."

    “ถ้าพวกเจ้าไม่พูดหรือปดพวกข้า ข้าจะบอกให้พี่เซี่ยประหารพวกเจ้า” องค์ชายผู้พี่ได้ยินดังนั้นทำได้เพียงหันไปใช้สายตาเอ็ดคนน้อง

    "องค์ชายฟ่าน!!"

     

    #ย้อนซากบุปผา

    twitter : @whereisfreel (notpink)

    เพิ่งเคยแต่งนิยายแนวพีเรียดจีน ติชมกันได้นะคะ ได้แรงบันดาลใจมากจากการฟังเพลงจีนเยอะมากๆและคู่ชิปในเกม Identity V Wuchang X Joseph เรื่องนี้3Pนะคะ ขอบคุณที่อ่านนะคะ 

    ถ้าให้นึกภาพตามนะคะ สะพานหินจะอยู่ก่อนศาลาหิน ศาลาหินอยู่ใต้ต้นดอกเหมยที่มีดอกโบตั๋นทั่วบริเวณ

    *แก้ไขเล็กน้อย ครั้งที่1 27/7/20 

    ปล.นิยายเรื่องนี้เป็นเพียงนิยายตอนสั้นแก้บน

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×