คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : เพียงลือให้ ได้พบเจอ 1/4
#ย้อนซากบุปผา
คริสต์ศักราช 2020
“ท่านผู้โดยสารโปรดทราบ ขณะนี้เราได้อยู่บนน่านฟ้าของประเทศจีน เครื่องบินจะทำการลงจอด กรุณานั่งอยู่กับที่นั่งของท่านและรัดเข็มขัด….” เสียงตามสายเป็นภาษาจีนของพนักงานในนกยักษ์ลำใหญ่ดังขึ้นมาท่ามกลางความเงียบ ปลุกให้ชายหนุ่มตัวเล็กชาวฝรั่งเศสแง้มม่านสีสดใสใกล้ตัวของตนเพื่อดูทิวทัศน์บนท้องฟ้าซึ่งใกล้ลงจอดสู่พื้นดินขึ้นเรื่อย ๆ
“มาถึงแล้วสินะ”
ร่างบางชาวฝรั่งเศสพึมพำกับตัวเองเป็นภาษาบ้านเกิดพร้อมกับกระชับกระเป๋าเป้แน่น หลังจากที่เขาได้เดินออกมาจากประตูทางออกของสนามบิน ใบหน้าของเขาก็ได้ปะทะกับลมเปลี่ยนฤดูทันทีส่งผลให้ผมยาวสีอ่อนปลิวไปตามแรงลม ไม่นึกเสียดายที่หยิบเอาเสื้อโค้ทหนาๆและหมวกไหมพรมติดมาด้วย อีกสักวันสองวันหิมะคงจะตก
“คุณโจเซฟครับ!”
เสียงทุ้มของไกด์นำทัวร์ดังขึ้นข้างหลังทำเอาเจ้าของชื่อหันไปมองก็พบกับป้ายอันใหญ่ที่เขียนชื่อเขาตราไว้ ยืนเอ้อระเหยได้ไม่นานเจ้าของร่างบางตรงดิ่งเข้าไปในรถโดยสารประจำทางที่จะนำพาเขาไปสู่หมู่บ้านโบราณที่มากไปด้วยอารยธรรมและวัฒนธรรม
สถานที่ที่เขา.. โจเซฟจะได้รับการเยียวยาจากงานในเมืองที่แสนจะวุ่นวาย
“คราวนี้คุณโจเซฟจะมาสักกี่วันหรอครับ?”
“สักหนึ่งอาทิตย์ครับ ”
“แปลกใจนะครับเนี่ย นึกว่าจะอยู่สองสามวันเหมือนครั้งก่อนๆ”
เสียงชวนพูดคุยเพื่อทำลายบรรยากาศเงียบๆภายในรถเป็นภาษาฝรั่งเศสแต่สำเนียงจีนจากไกด์สุดหล่อของเขาที่จ้างมาทุกครั้งเมื่อต้องการจะมาเที่ยวที่แผ่นดินใหญ่นี้ มาคราวนี้คงจะต่างจากครั้งอื่น ๆ
“เรื่องงานที่ฝรั่งเศสค่อนข้างจะยุ่งนิดหน่อย แต่พอกำจัดปัญหาได้ ผมก็ได้เวลาพักมาค่อนข้างเยอะ เลยนึกถึงน่ะ”
“เหนื่อยแย่เลยสินะครับ”
“ไม่เท่าไหร่หรอก …เออนี่คุณนอร์ตัน ผมอยู่ที่นู่นพอมีเวลาว่าง ผมได้เรียนภาษาจีนมาเล็กน้อย”
ว่าพลางมือขาวก็ล้วงหยิบสมุดโน้ตเล็กๆในกระเป๋าสะพายขึ้นมายื่นอวดให้คนข้างๆดู มีไม่กี่ครั้งที่เวลาว่างจากการทำงานของโจเซฟ เขาจะหยิบสมุดหนึ่งเล่มพร้อมกับหนังสือเรียนภาษาจีนรวดเร็วของที่คุณนอร์ตันหรือไกด์ของเขาแนะนำมาให้
“โอ้โหคุณโจเซฟ คุณขยันมากเลยนะครับ” นอร์ตันเปลี่ยนภาษาเป็นภาษาจีนเพื่อทดสอบ
“แต่พวกคำยากๆผมจำไม่ค่อยได้หรอก ผมจำเท่าที่จะเอามันมาใช้สื่อสารได้” โจเซฟตอบกลับเป็นภาษาของนอร์ตัน นั่นทำให้เขาค่อนข้างภูมิใจในตัวร่างบางคนนี้
“เก่งขึ้นเยอะเลยครับ ไว้ว่างๆผมจะพาคุณโจเซฟไปร้านหนังสือแถวเมืองที่เราจะไปนะครับ”
“แน่ใจนะครับว่าไม่ให้ผมไปด้วยน่ะ”
นอร์ตันพูดกับโจเซฟที่ในขณะนี้ยืนทิ้งสะโพกบางอยู่หน้าประตูพร้อมกระชับเสื้อโค้ทสีขาวสะอาดก่อนจะนำกล้องตัวโปรดห้อยคอระหง ทันทีที่พวกเรามาถึงที่พักลักษณะเหมือนบ้านหลังเดี่ยวที่สร้างด้วยไม้ละปูนฉบับเมืองโบราณก็ตกค่ำเสียแล้ว ร่างบางก็เก็บเสื้อผ้าข้าวของอย่างว่องไวก่อนจะเดินไปที่ประตูแล้วพูดว่าจะออกไปเดินเล่นข้างนอกสักหน่อย ทำเอาไกด์หนุ่มที่กำลังก้มหน้าก้มตาอ่านแผนผังเมืองเงยขึ้นมาตอบคำถามที่เสมือนคำบอกเล่า
“ตอนนี้ก็ค่ำแล้ว ผมกลัวคุณจะหลง”
“ไม่หลงหรอกครับ ตอนเราเดินเข้ามาที่พักผมเห็นสะพานไม่ไกลจากที่นี่ ผมว่าตอนนี้มันคงจะสวยดีเพราะไฟที่ประดับมัน”
“โอเคครับ ..คุณโจเซฟครับ ถ้าเกิดรู้สึกว่าหลงทางแล้วโทรหาผมทันทีนะครับ” โจเซฟพยักหน้าตอบรับ
ร่างบางเดินเลียบตามทางจากบ้านพักมาไม่ไกลเขาก็หยุดเดิน พบกับสะพานที่เขาสังเกตเห็น ดวงตาสีอ่อนทำหน้าที่ของมันได้ดีโดยการกวาดมองไปรอบๆเพื่อซึมซับมันด้วยตาเปล่าก่อนมือขาวจะยกกล้องตัวโปรดที่ห้อยไว้ขึ้นมากดเพื่อถ่ายภาพสะพานหินที่ดูเหมือนจะเก่าแต่สภาพก็ยังคงอยู่ดีเพราะได้รับการอนุรักษ์
โจเซฟได้รู้มาจากคนขับรถประจำทางและนอร์ตันว่าหมู่บ้านนี้แต่ก่อนเป็นหมู่บ้านและพระราชวังของจักรพรรดิผู้มากด้วยอำนาจและความชอบธรรม เป็นจักรพรรดิสุดท้ายก่อนเมืองนี้จะถูกยึดครองอำนาจจากเมืองใกล้เคียง เรื่องราวนั้นจบไม่สวยแต่โจเซฟก็หวังว่าจะได้รู้อะไรมากกว่านี้ในวันพรุ่งนี้ที่เขาและนอร์ตันจะเดินทางไปที่วังเพื่อศึกษาเรื่องราวในอดีต
ยืนนิ่งหน้าสะพานสักพัก ขาเรียวก็ได้เดินเลียบตามทางมาเรื่อย ๆผ่านสะพานหินเพราะเขายังไม่คิดจะเดินขึ้นไป ชาวบ้านไม่เปิดไฟที่ประดับบนสะพาน และมันมืดเกินกว่าที่เขาจะเดินไปสำรวจ เขาจึงพาร่างของตัวเองมานั่งพักที่ศาลาหินแห่งหนึ่งใต้ต้นดอกไม้สีขาวอมชมพูต้นใหญ่ไม่ไกลมาก จากตรงนี้เขามองเห็นสะพานหินอย่างชัดเจน มือขาวยกกล้องถ่ายรูปตัวโปรดขึ้นมาเพื่อตรวจสอบดูรูปที่ตนถ่าย
"สวยใช่ไหมล่ะพ่อหนุ่ม"
“ครับ?”
"เมืองนี้น่ะ"
“อ่า ..ครับ”
“เมืองนี้ได้รับการอนุรักษ์รักษาอย่างดีเลยนะ ตั้งแต่สมัยก่อนแล้วล่ะ”
“ทวดของฉันน่ะเคยบอกว่าจักรพรรดิสมัยสุดท้ายขอให้ชาวบ้านและผู้ปกครองเมืองที่ยึดอำนาจเมืองนี้รักษาไว้อย่างดี”
โจเซฟก้มหน้าก้มตามองผลงานของตนในกล้องถ่ายรูปจึงไม่ได้สังเกตว่ามีชายสูงอายุแต่งตัวด้วยชุดประจำถิ่นของเมืองนี้คนหนึ่งเดินเข้ามาในศาลาหิน เขาทรุดนั่งลงบนที่นั่งฝั่งตรงข้ามกับร่างบางแล้วเอ่ยปากบอกเล่าถึงความงามของเมืองนี้ ใบหน้าของเขาประดับไปด้วยรอยยิ้มมองมาที่โจเซฟ เขาก้มลงเก็บดอกไม้สีขาวอมชมพูลักษณะพุ่มที่ประดับไว้รอบๆศาลานั่นไว้ในมือ ก่อนจะพูดว่า
“ดอกโบตั๋น ต้นดอกโบตั๋นต้นนี้มีอายุมากกว่าทวดของฉันเสียอีก ”
“มันดูแข็งแรงแล้วก็สวยงามสมบูรณ์มากเลยนะครับ” โจเซฟไม่ว่าเปล่ามือเรียวก้มตัวไปเก็บดอกโบตั๋นมานั่งพิจารณาความงามของมันบ้าง
"แล้วก็ต้นดอกเหมยต้นนี้อยู่มาก่อนศาลาหินนี่อีก …น่าแปลกที่มันไม่ตาย"
"แต่ก่อนคนใหญ่คนโตที่ต้องการจะปรับเปลี่ยนผังเมือง จะรื้อต้นนี้ออก ทว่ากลับเจอดีเสียอย่างนั้น"
“เจอดี?? อะไรหรอครับ??” คิ้วสวยขมวดเข้าหากันพร้อมกับลดดอกไม้ในมือลงแทบตัก
“ฉันก็ไม่รู้อะไรมากหรอก แต่ที่นี่เคยเกิดโศกนาฏกรรมอันน่าสลด ….นี่ก็จวนฟ้ามืด ฉันไปก่อนล่ะ”
ชายสูงอายุลุกขึ้นยืนสุดความสูง โจเซฟมองตามมือเหี่ยวที่วางดอกโบตั๋นไว้บนที่นั่ง ด้วยความสงสัยใคร่รู้ของร่างบางจึงผุดลุกขึ้นจากที่นั่ง
“คุณลุงช่วยเล่าให้ฟังเกี่ยวกับศาลาหินนี่อีกหน่อยได้ไหมครับ?”
"เท่าที่ฉันรู้ จักรพรรดินั้นสร้างที่นี่มาเพื่อคนรักของท่านที่…"
“คุณโจเซฟครับ!”
เสียงแก่ตามอายุของคุณลุงตรงหน้านั้นถูกดูดหายไป ตามมาด้วยเสียงของไกด์หนุ่มที่ดังแทรกขึ้นมา ทำตัวเจ้าของร่างบางที่กำลังสนใจในสิ่งที่น่าสนใจคิ้วขมวดหันไปมองต้นตอที่ทำหน้าไม่รู้สึกรู้สา พร้อมกับหันไปโค้งให้กับชายแก่ที่ก้าวเดินออกไปจากศาลา
"คุณนอร์ตัน…"
“ได้เวลาอาหารเย็นแล้วครับคุณโจเซฟ” ไกด์หนุ่มยิ้มแย้ม
มือขาวทำการปิดกล้องถ่ายรูปแล้วยกขึ้นเสยผมสีอ่อนขึ้นลวกๆแล้วทำการมัดเป็นหางม้าไว้ข้างหลัง ดวงตาสวยมองดอกโบตั๋นสีชมพูอ่อนในมือก่อนนำมาทัดไว้ที่ใบหู เรียกสายตาชาวบ้านหรือนักท่องเที่ยวคนอื่นที่เดินผ่านรวมถึงตัวไกด์หนุ่มเองมองภาพนั้นอย่างไม่ละสายตา
ครั้งแรกที่นอร์ตันเจอกับโจเซฟก็คิดว่า หากคุณโจเซฟเป็นหญิง คงเปรียบเสมือนนางฟ้านางสวรรค์ในเทพนิยายกรีก ทั้งใบหน้า คิ้วเป็นทรงสวยรับกับสีผมของเจ้าตัว ดวงตาเรียวสีน้ำข้าวออกจะติดฟ้าเล็กน้อย จมูกโด่งน่ารัก กับปากกระจับสีธรรมชาติ ไหนจะบุคลิกที่ดีสมกับเป็นผู้ดีเมืองฝรั่งเศส ..ช่างน่ามองเสียจริง
"วะ..วันนี้ ทานข้าวที่ร้านแถวๆตลาดคนเดินนะครับ"
“นอนได้แน่ๆใช่ไหมครับ”
"ผมนอนคนเดียวเป็นประจำ"
“ผมต้องขอโทษคุณโจเซฟด้วยนะครับที่จู่ๆก็มีธุระในเมือง”
ไกด์หนุ่มค้อมตัวให้กับร่างบางที่นั่งเช็ดผมของตัวเองอยู่ตรงหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง กระจกลายสวยนั้นสะท้อนให้นอร์ตันที่ยืนอยู่หน้าประตูเห็นรอยยิ้มของโจเซฟที่กำลังยิ้มให้ดอกโบตั๋นเมื่อค่ำในมือ
“ไม่ต้องห่วงหรอกครับคุณนอร์ตัน สักพักผมก็เข้านอน ตื่นตอนเช้าคงจะทันคุณมาเคาะประตูพอดี”
หลังจากที่ไกด์หนุ่มเดินออกไปจากประตูบ้าน ร่างบางในชุดนอนผ้าซาตินลุกขึ้นยืนเต็มความสูงนำผ้าขนหนูไปตากไว้ที่ราวข้างหน้าต่างบานเล็กที่เปิดให้ลมเย็นพัดผ่าน โจเซฟสูดเอาอากาศบริสุทธิ์์เข้าเต็มปอดก่อนถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วดันหน้าต่างลงปิดกั้นความเย็นจากภายนอกในยามราตรีนี้
จากตรงนี้โจเซฟมองไม่เห็นแม้กระทั่งสะพานและศาลาหินนั่นเพราะไฟประดับที่เริ่มดับลงไปทีละดวง เห็นจะมีเพียงแต่แสงจากดวงจันทร์ที่ทำให้ดวงตาสวยได้มองเห็นดอกโบตั๋นต้นนั้นอย่างชัดเจน
“ได้เวลานอนแล้วสินะ”
ร่างบางหมุนตัวกลับหลังหันหน้าเข้ามาเตียงพร้อมที่จะเข้านอนไม่ทันสังเกตเห็นเงามืดใต้ต้นดอกเหมยเคลื่อนไหว….
“ตะวันจะฉายถึงหัวเจ้าอยู่แล้วนะเสี่ยวเปา!!”
“ปลานี่ขายเท่าใดหรือพ่อค้า!?”
“แม่ค้าแผงนี้อยู่ที่ใด จะขายไหมข้าวเนี่ย!!!???”
เสียงของชายและหญิง เด็กและผู้ใหญ่ดังขึ้นในโสตประสาทของร่างที่นอนอยู่บนเตียงเดี่ยวภายในบ้านพักโบราณที่เจ้าของร่างได้ทำการเช่ามัน มือเรียวคลำหาหมอนหนุนหวังจะนำมาปิดหูหนีเสียงดังวุ่นวายที่ได้ยิน คลำหาเท่าไหร่ก็คว้าไม่ได้สักอย่าง เปลือกตาสีมุกค่อยๆลืมขึ้นมา ภาพแรกที่ปรากฎต่อหน้าโจเซฟคือเพดานหินของบ้านพัก
"หิน??"
เสียงหวานเอ่ยทวนกับความคิดของตัวเองก่อนจะผุดลุกขึ้นนั่งบนเตียงที่สัมผัสฟูกเปลี่ยนไป ดวงตาสวยเบิกโพลงก่อนจะมองไปรอบๆสำรวจภายในบ้านพักของตนที่กลายเป็นเหมือนบ้านโบราณ ..ของจริง
เกิดอะไรขึ้นเนี่ย …หนาวจัง เสื้อโค้ทอยู่ไหนนะ
เท้าสวยก้าวลงจากเตียงไม้สภาพดีเดินไปหวังเปิดตู้ตรงข้ามกับท้ายเตียงเพื่อหยิบเอาเสื้อโค้ทตัวเก่งออกมาสวมทับชุดนอนที่เนื้อผ้าแสนบาง
แอ๊ดดด
"ไม่มีอะไรเลยหรอ"
โจเซฟว่าพร้อมมองรอบๆตัว ข้าวของของเขาหายไปทั้งหมด ดวงตาสวยมองไปในตู้อย่างสงสัย มือขาวทำการปิดตู้ไม้ก่อนจะพาตัวเองมายืนที่หน้าต่างบานเดิมกับเมื่อคืน ไม่มีม่าน ไม่มีกระจก ไม่มีอะไรเลยนอกจากหน้าต่างโล้นๆ เขามองลอดออกไปข้างนอก กวาดสายตามองผู้คนที่แต่งกายด้วยสีทึบๆปะปนกับสีสวยงาม เสื้อผ้าที่เหมือนหลุดออกมาจากภาพยนตร์พีเรียดจีน และเสียงดังโหวกเหวกพูดคุยกันเหมือนกับว่าเขาอยู่ในอดีต
อดีต…
ปัง!
ร่างบางเบิกตาอีกครั้งก่อนจะตื่นตระหนกกึ่งวิ่งกึ่งเดินเปิดประตูไม้ออกมาเสียงดังเรียกให้ชาวบ้านที่กำลังวุ่นวายในยามเช้าหันไปมองโจเซฟเป็นตาเดียว
บ้านหลังนี้ติดกับถนนทางเดิน จึงค่อนข้างน่าอายและแปลกใหม่สำหรับโจเซฟที่ใส่ชุดนอนผ้าซาตินสีน้ำเงินสด รูปร่างลักษณะที่เหมือนชาวต่างชาตินั้นทำให้ชาวบ้านค่อนข้างตกใจ ผมยาวสลวยสีอ่อนปลิวไปตามลมหนาวทันที่เมื่อออกมาปะทะกับเหตุการณ์ตรงหน้า
“นางฟ้านางสวรรค์….แม่นางเดินออกมาจากสวรรค์หรืออย่างไร”
"มาจากที่ไหนหรือแม่นาง"
“ตกสวรรค์มาหรือขอรับ เหตุใดงามเช่นนางสวรรค์ได้เพียงนี้”
ประโยคสามประโยคหลุดออกมาจากชายหนุ่มสามคนตรงหน้าร้านขายซาลาเปาที่ตั้งอยู่ข้างบ้านพักของเขา ประโยคเหล่านั้นโจเซฟพอจะแปลออกเป็นบางคำ ชายหนุ่มทั้งสามรวมถึงแม่ค้าพ่อค้าที่ขายของแถวนี้หันมาให้ความสนใจกับตัวร่างบาง ก่อนเสียงหวานจะเอ่ยออกไป
"ฉันเป็นผู้ชาย"
“ห๊า! จริงหรือแม่นาง ไหนข้าของลอง…” ชายหนุ่มคนหนึ่งทำท่าทางไม่เชื่อสายตาเตรียมก้าวขาเข้ามาหาโจเซฟ
"หยุดเลยนะอานช่าง! "
เสียงทุ้มของชายคนหนึ่งตะโกนดังออกมาจากในตัวบ้านพักที่เขาเดินออกมา ตามมาด้วยชายสูงอายุคนหนึ่งเดินมาเทียบข้างเขา มือเหี่ยวยกไม้เท้าขึ้นชี้หน้าชายหนุ่มที่ชื่ออานช่างให้ถอยไป อานช่างคิ้วกระตุกเล็กน้อยก่อนจะหันหลังเดินกลับไปรวมกลุ่มกับเพื่อนทั้งสองคนดังเดิม
“เจ้าคงเดินทางมาไกล กลับเข้ามาในบ้านก่อนซี” ชายแก่หันมาพูดกับเขา โจเซฟทำได้เพียงพยักหน้าตอบรับแล้วเดินตามชายแก่เข้าไปในบ้านพักของตน
"ชาไหม?"
“คะ..ครับ สักหน่อยก็ดีครับ”
“ เมื่อคืนวานนอนหลับสบายดีไหม”
มือสวยยกขึ้นรับแก้วชาจากหญิงสูงวัยภรรยาของคุณปู่ตรงหน้าของเขาที่แนะนำตัวว่าชื่อหวงมู่ไท่ที่อดีตเป็นอาจารย์สอนการเกษตรของวังหลวง ใบหน้าเหี่ยวย่นตามวัยเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มในขณะที่ถาม โจเซฟยิ้มพร้อมพยักหน้าให้เล็กน้อย
“เจ้าอาจจะสงสัยว่าที่นี่คือที่ไหน”
“ที่นี่คืออดีตของสถานที่ที่เจ้าอาศัยพักในปัจจุบัน”
“แต่ตอนนี้เจ้าได้มาอยู่ในช่วงกาลเวลาอดีต …..ข้าจะไม่บอกว่าที่แห่งนี้คือช่วงเวลาเท่าใด นั่นคือสิ่งที่เจ้าจะได้รับรู้เมื่อกลับไปยังช่วงเวลาของเจ้า”
"แล้วผมมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงครับ?แล้วคุณปู่รู้ได้…"
“เจ้าจะได้รู้เมื่อถึงเวลา เอาล่ะ โจเซฟ ตอนนี้เจ้าอยู่ที่นี่ จงทำตัวให้เหมือนชาวบ้านเขาเถอะ ข้าจะให้ภรรยาข้าดูแลเจ้า”
“ข้าชื่ออี้ฉือ” หญิงแก่พูด
โจเซฟที่กำลังสับสนกับเหตุการณ์ตรงหน้าและภาษาที่เขาแปลจับทางค่อนข้างยากหันไปมองภรรยาใจดีของคุณปู่ หญิงแก่ยกยิ้มใจดีให้ก่อนจะยื่นเครื่องแต่งกายสีเทาอ่อนมาให้เขา มือเรียวยื่นไปรับพร้อมพูดขอบคุณ มู่ไท่และอี้ฉือมองหน้ากันเพียงครู่ก่อนทั้งสองจะขอตัวออกไปช่วยกันตั้งหน้าร้านที่หน้าบ้านเพื่อขายของเล่นของใช้ต่างๆ
ร่างบางถอนหายใจเหม่อมองเสื้อผ้าที่อยู่ในมือก่อนจะกำมันแน่นจนยับตามแนวมือ เขาคิดเพียงแต่ว่าจะใช้ชีวิตแต่ละวันอย่างไร ทุกอย่างต้องการเวลา ทุกอย่างที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้เกิดขึ้นรวดเร็วจนเขาต้องไล่ตามมันให้ทัน
"มันต้องมีเหตุผลที่ฉันมาอยู่ที่นี่"
“รู้หรือไม่ท่านแม่ทัพหลี่ ว่ามีชาวบ้านเล่าต่อกันมาว่ามีสาวงามอย่างกับนางสวรรค์ ผมยาวสลวยสีอ่อน นัยย์ตาสีน้ำข้าวสวย ร่างอรชรอาศัยอยู่ที่บ้านของมู่ไท่”
“จริงหรือแม่ทัพตง”
“จริงซีท่าน ข่าวว่าแม่นางทำงานหน้าร้านกับนางอี้ฉือภรรยาท่านมู่ไท่ด้วย”
"ข้าต้องไปดูให้เห็นกับตาเสียหน่อยแล้ว"
“เย็นนี้เลยดีหรือไม่แม่ทัพหลี่” แม่ทัพตงยิ้มเล็กน้อยเชิญชวนแม่ทัพหลี่ก่อนจะต้องหุบยิ้มฉับพลันเมื่อเห็นเงาชายหนุ่มสองคนร่างสูงโปร่งทางด้านหลังของแม่ทัพตรงหน้า
"องค์ชาย!!" สองแม่ทัพกุลีกุจอโค้งคับทันทีที่สังเกตเห็นองค์ชายทั้งสองยืนอยู่หน้าประตูตำหนัก
“พวกเจ้ากำลังพูดถึงใครหรือ ให้พวกข้ารู้ด้วยสิ” องค์ชายที่มีศักดิ์เป็นน้องพูดพร้อมรอยยิ้ม
"คือ…."
“ถ้าพวกเจ้าไม่พูดหรือปดพวกข้า ข้าจะบอกให้พี่เซี่ยประหารพวกเจ้า” องค์ชายผู้พี่ได้ยินดังนั้นทำได้เพียงหันไปใช้สายตาเอ็ดคนน้อง
"องค์ชายฟ่าน!!"
#ย้อนซากบุปผา
twitter : @whereisfreel (notpink)
เพิ่งเคยแต่งนิยายแนวพีเรียดจีน ติชมกันได้นะคะ ได้แรงบันดาลใจมากจากการฟังเพลงจีนเยอะมากๆและคู่ชิปในเกม Identity V Wuchang X Joseph เรื่องนี้3Pนะคะ ขอบคุณที่อ่านนะคะ
ถ้าให้นึกภาพตามนะคะ สะพานหินจะอยู่ก่อนศาลาหิน ศาลาหินอยู่ใต้ต้นดอกเหมยที่มีดอกโบตั๋นทั่วบริเวณ
*แก้ไขเล็กน้อย ครั้งที่1 27/7/20
ปล.นิยายเรื่องนี้เป็นเพียงนิยายตอนสั้นแก้บน
ความคิดเห็น