ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    “SINDERELLA” kaido ft. exo

    ลำดับตอนที่ #11 : SINDERELLA TEN

    • อัปเดตล่าสุด 18 มิ.ย. 57




    SINDERELLA ; TEN

     

                สามวันผ่านไปกับการพักผ่อนที่ยาวนานของชานยอล เขากินๆนอนๆอยู่ในห้องโดยไม่ได้ทำอย่างอื่นเลย การได้หยุดงานหนักๆที่ใช้ทั้งสมองและกำลังกายมากมายตลอดหลายเดือนมันทำให้แบตเตอรี่ในตัวชานยอลหมดและต้องการชาร์จโดยด่วน เขาเลยเลือกที่จะนอนซะให้พอ จนเมื่อวันก่อนคริสชวนออกไปกินข้าวข้างนอกและเขาก็เบื่อรามยอนที่ห้องพอดีเลยตัดสินใจไปถือโอกาสเลี้ยงขอบคุณที่ช่วยเอาไว้คราวก่อนด้วย

     

                และวันนี้เขากับคริสนัดกันจะไป กาแลคซี่แน่นอนว่าในวันนั้นเขาแค่ล้อเล่นกับคริสไปอย่างนั้นเอง เพราะรู้ว่ามันคงเป็นไปไม่ได้กับการที่จะเที่ยวกาแลคซี่กันจริงๆ แต่คริสก็ยังคงยืนกรานที่จะพาไปสู่ความเวิ้งว้างอันไกลโพ้นของกาแลคซี่ที่เจ้าตัวโม้ว่าเขาต้องชอบแน่ๆ ร่างโปร่งแต่งตัวเสร็จตอนสิบเอ็ดโมงกว่าและคริสก็มาเคาะประตูตอนเกือบๆเที่ยง

     

     

     

     

                วันนี้หล่อนะเราชานยอลเอ่ยทักอีกคนที่อยู่ในชุดลำลองสบายๆเสื้อยืดสีดำกับกางเกงยีนส์สีซีดกับรองเท้าผ้าใบที่ดูก็รู้ว่าเป็นแบรนเนมทั้งตัว

     

     

                ชานยอลก็น่ารักนะวันนี้คริสอมยิ้มออกมาเมื่อเห็นอีกคนสำรวจเขาทั้งตัว วันนี้ร่างโปร่งสวมเสื้อกล้ามสีขาวข้างในทับด้วยเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อน กางเกงยีนส์สีเข้มและรองเท้าผ้าใบ ผมยาวประบ่าสีแดงของเจ้าตัวถูกมัดรวบไปข้างหลังแต่ยังมีปอยผมที่สั้นเกินไปปรกดวงหน้าอยู่

     

     

     

     

     

     

     

                ตลกละ อย่างฉันนี่หล่ออย่างเดียวเสียงทุ้มเอ่ยขึ้นขัดทันทีที่ได้ยินอีกคนชมว่าน่ารัก ซึ่งมันเป็นคำแสลงหูของชานยอลมาก ถ้าให้ชมชูก้าเพื่อนร่วมงานของเขาคงจะสมเหตุสมผลกว่า จะไปกันได้รึยัง

     

                “ไปสิ

     

     

     

                ...

     

     

     

                แล้วนี่สรุปจะพาฉันไปไหนชานยอลเอ่ยถามขึ้นในระหว่างที่รถหรูอย่างเมอร์ซิเดซเบนซ์คันนี้จอดติดไฟแดงอยู่

     

     

     

     

     

     

     

                ก็คุณอยากไปกาแลคซี่ไม่ใช่เหรอ ก็จะพาไปนี่ไง

     

     

     

                “ฉันก็แค่ล้อเล่นน่า

     

     

                “แต่ผมจริงจังนะคริสเอ่ยออกมายิ้มๆและออกรถทันทีที่สีไฟสัญญาณเปลี่ยน เขามุ่งตรงออกไปแถบทางไปชานเมือง รอบข้างรถลดน้อยลงไปมากเพราออกนอกเขตเศรษฐกิจมาแล้ว ดวงตากลมโตเหม่อมองออกไปข้างนอกหน้าต่างเขามองวิวที่เปลี่ยนไปจากในเมืองมาก

     

     

     

     

     

     

                รถหรูยังคงเคลื่อนออกไปเรื่อยๆจนมาถึงที่จอดรถของสถานที่แห่งหนึ่ง ดวงตากลมโตมองออกไปนอกหน้าต่างมันเป็นตึกทรงครึ่งวงกลมที่กินพื้นที่มากในแถบนี้ เด็กหลายคนจูงมือพ่อแม่ลงจากรถและเดินเข้าไปในนั้นด้วยรอยยิ้มที่สดใส ถึงแล้วครับ

     

     

                “ที่นี่ที่ไหน

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

                “กาแลคซี่ไงคริสตอบยิ้มๆ เขาปลดเบลท์และถอดแว่นตากันแดดที่สวมอยู่ออกวางไว้ในรถ ดวงตาคมหยีเล็กน้อยเมื่อกระทบกับแสงอาทิตย์ที่จ้าเกินไป เขามองไปที่ชานยอลที่มีอาการเดียวกัน เขาหยิบหมวกแก๊ปในรถและวางบนหัวคนที่เตี้ยกว่าเล็กน้อยเพื่อกันแดด

     

     

     

                ขอบใจเสียงทุ้มเอ่ยกลับก่อนจะหันไปมองรอบข้างต่อ สิ่งที่เขียนไว้ตรงทางเข้าโดมไขข้อสงสัยตลอดเช้านี้ของชานยอลได้ดี ท้องฟ้าจำลอง ใบหน้าหวานแอบอมยิ้มกับความคิดแปลกๆของคนๆนี้

     

                พวกเขาสองคนเดินตรงไปที่ทางเข้า คริสอาสาไปซื้อบัตรและให้ชานยอลยืนรออยู่ข้างหน้า ดวงตากลมกวาดมองไปทั่วเป็นการสำรวจ คนที่มาส่วนมากเป็นเด็กที่มากับครอบครัวพวกเขาต่างยิ้มแย้มอย่างมีความสุขจนชานยอลเผลอยิ้มออกมาไม่ได้ถึงแม้ว่าเขาจะไม่เคยเจออะไรแบบนี้ในชีวิตเลยก็ตาม

     

     

     

     

                ได้บัตรมาแล้ว มีการแสดงรอบบ่ายโมงเหลือเวลาอีกประมาณสิบห้านาที ไปนั่งรอหน้าห้องแสดงเลยไหมคริสเดินมาบอกด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เขาชูบัตรใบมือโบกไปมาซึ่งชานยอลก็พยักหน้าพวกเขาจึงเดินเข้าไปข้างในตึก หน้าห้องแสดงมีเด็กหลายคนส่งเสียงเจี้ยวจ้าววิ่งเล่นบ้างกดโทรศัพท์บ้าง กินขนมบ้างนั่นทำให้ชานยอลยิ้มออกมาอีกครั้ง พวกเขาเดินมาเรื่อยๆจนเจอเก้าอี้ว่างห่างจากประตูทางเข้าไม่ไกล

     

                ชานยอลเคยมาที่นี่ไหม

     

                “ไม่หล่ะ นายเคยเหรอ

     

     

     

     

     

                “เคยครั้งนึง สมัยประถมคริสตอบออกมาก่อนจะกวาดตามองไปทั่ว ที่นี่เปลี่ยนไปเยอะมาก ที่จริงผมก็ลืมไปแล้วหล่ะว่ามีที่แบบนี้ พอดีวันนั้นคุณบอกอยากไปกาแลคซี่ผมเลยคิดถึงมันขึ้นมา การแสดงที่นี่เจ๋งสุดๆ

     

     

                “นั่นมันเมื่อสิบปีก่อนไม่ใช่รึไง

     

     

                “งั้นมันก็ต้องเจ๋งขึ้นสิ มันสิบปีมาแล้วนี่

     

     

     

     

     

     

     

                “นายมาที่แบบนี้ ไม่รู้สึกว่าเป็นเด็กโข่งเหรอพอพูดจบดวงตากลมโตก็กวาดมองไปรอบๆพร้อมกับยิ้มออกมา เด็กในวัยกำลังซนมากมายยืนอออยู่หน้าห้องจัดแสดง

     

     

                แอบรู้สึกนิดนึง แต่แคร์ทำไมเขาไม่ได้ห้ามนี่ว่าไม่ให้เข้า

     

     

     

     

     

     

                “หึ แล้วที่นี่มันเห็นดาวชัดมั้ย

     

     

                “ชัดมาก วันนี้เห็นว่าแสดงเกี่ยวกับทฤษฎีการกำเนิดกาแลคซี่

     

     

     

     

                “คงรู้สึกดีน่าดูชานยอลหลับตาลงนึกถึงภาพดวงดาวมากมายที่รายล้อมเขาเป็นจังหวะเดียวกับที่คริสหันมาเห็นพอดี ปอยผมที่ปรกหน้าอีกคนเกลี่ยไปตามแก้มใส รอยยิ้มเล็กๆปรากฏที่มุมปากสีชมพู คริสยอมรับว่าปกติตัวเองเป็นคนเจ้าชู้พอสมควรชอบมองของสวยๆงามๆไม่ว่าจะชายหรือหญิง แต่สเป็กของเขาคือคนที่ตัวเล็กๆเตี้ยกว่าเขาประมาณคืบเวลากอดแล้วจมอก แต่ชานยอลเป็นผู้ชายที่ไม่ได้ตัวเล็กติดจะตัวใหญ่ด้วยซ้ำ มีกล้ามเล็กน้อยตามภาษาคนสุขภาพดี เตี้ยกว่าเขาแค่ไม่กี่เซนต์แต่ใบหน้าหวานๆนั่นกลับทำให้คริสใจเต้นได้ไม่ยาก

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

                การแสดงรอบบ่ายโมงตรงจะเริ่มในอีกห้านาที ขอเชิญผู้ชมเข้าห้องแสดงได้เลยค่ะ...

     

     

              เสียงตามสายที่ดังขึ้นทำให้ชานยอลและคริสต่างหลุดออกจากภวังค์แล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูง คริสส่ายหัวสามสี่ทีเป็นการเรียกสติ

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

                ...ไม่เอาน่าคริส ชานยอลไม่ใช่สเป็กนายซักหน่อย...

               

                คริสและชานยอลเดินมาต่อท้ายแถวเพื่อตรวจบัตร แผ่นพับเกี่ยวกับความรู้ที่จัดแสดงวันนี้ถูกยื่นให้อย่างสุภาพด้วยมือของพนักงานตรวจบัตร เธอยิ้มให้ผู้ชายทั้งสองคนอย่างเป็นมิตร เมื่อฝากสัมภาระทุกอย่างแล้วทั้งสองก็เดินเข้าไปข้างในห้องจัดแสดง เก้าอี้โรงหนังถูกตั้งล้อมเป็นวงกลมรอบเวทีที่มีวิทยากรยืนอยู่ตรงกลาง ดวงดาวหลายดวงถูกฉายขึ้นไปบนจอโค้งมนตามรูปร่างโดม

     

     

                ร่างโปร่งทิ้งตัวลงบนที่นั่งตามเลขบัตรของตัวเองแล้วเอนเบาะลง ดวงตากลมจับจ้องไปที่ดวงดาวที่กำลังพราวระยับอยู่เบื้องหน้าด้วยความสนใจ นานเท่าไรแล้วที่เขาไม่ได้เห็นดาวมากมายขนาดนี้

     

     

     

     

                วิทยากรที่อยู่ตรงเวทีเริ่มอธิบายทฤษฎีดวงดาวออกมาด้วยคำพูดง่ายๆเพื่อให้เด็กเข้าใจ จอภาพเบื้องบนถูกเปลี่ยนไปตามคำพูดของเขา ความทันสมัยของเทคโนโลยีที่นี่ทำให้ชานยอลและคริสแอบอึ้งไปเล็กน้อย การบรรยายประกอบแสงสีผ่านไปกว่าชั่วโมงก็จบลงด้วยเสียงเซ็งแซ่ของเด็กๆที่พากันตื่นตาตื่นใจกับดวงดาว รวมไปถึงเด็กโข่งสองคนที่นั่งตะลึงกับมันไม่แพ้กัน

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

                ทั้งสองคนเดินออกจากห้องจัดแสดงเป็นคนสุดท้ายเพราะไม่อยากออกไปเบียดเด็กๆมากมายข้างนอก เมื่อคนทยอยออกหมดแล้วจึงเดินออกไปหยิบข้าวของออกมาจากห้องจัดแสดง การแสดงเมื่อครู่สร้างความประทับใจให้กับชานยอลมาก เขาจำได้ว่าครั้งสุดท้ายที่เห็นดาวใกล้ขนาดนี้คือการไปทำงานจับกุมคาสิโนเถื่อนที่ซาบ๊คซึ่งเขาต้องปลอมไปเป็นดีลเลอร์ในคาสิโน

     

     

                เป็นไงไปเที่ยวกาแลคซี่

     

                “ก็สนุกดี

     

                “ชอบไหม

     

     

     

     

     

     

                “ชอบ

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

                ตึกตัก...ตึกตัก  

     

     

     

                เสียงหัวใจที่เต้นระรัวขึ้นเพียงแค่ได้ยินคำว่าชอบจากปากของร่างโปร่งมันทำให้คริสอยากจะเอาหัวโขกกำแพงตายซะให้รู้แล้วรู้รอด นานมากแล้วที่เขาไม่ได้ใจเต้นแรงกับใครแบบนี้ ปกติเขาจะแค่ถูกใจ ชอบใจ อยากได้มาอยู่ใกล้ๆแต่ไอ้อาการใจเต้นเนี่ย ไม่มีมานานมากแล้ว

     

              เฮ้...คริส คริสร่างโปร่งเขย่าแขนอีกคนที่เอาแต่ทำสีหน้าแปลกๆออกมาด้วยความสงสัย เป็นอะไรรึเปล่า เหม่อๆ

     

     

     

     

     

                “เปล่า ไม่ได้เป็นอะไรร่างสูงตอบออกมาทันทีที่สะดุ้งได้สติ เขาหันกลับไปมองดวงตากลมโตที่สบตาเขาด้วยความสงสัย ...ขอร้อง เลิกทำตัวเหมือนลูกแมวเถอะชานยอล... หิวรึยัง

     

     

                “ก็นิดหน่อย

     

                “ไปหาอะไรกินกันไหม

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

                “อาหารญี่ปุ่นแล้วกันชานยอลตอบออกมาอย่างเอาแต่ใจเพราะคราวก่อนพวกเขาเถียงกันแทบตายว่าจะกินอะไร ไม่ใช่ว่าต่างคนต่างอยากไปหรอกนะเพราะต่างคนต่างคิดไม่ออกต่างหาก เขาอุตส่าห์บอกให้คริสเป็นคนคิดเพราจะเลี้ยงขอบคุณแต่หมอนั่นดันโบ้ยให้เขาบอกว่าเขาจะเป็นคนจ่ายตัง สุดท้ายเถียงกันไปมาตกลงกันไม่ได้เลยไปจบที่ร้านต็อกบ๊กกีที่อยู่ถัดจากคอนโดไปไม่เท่าไร

     

                โอเค

                .

                .

                .

     

                ร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อดังในห้างแถวคอนโดเป็นสิ่งที่ทั้งสองคนเลือกมาทานกัน ทั้งสองคนสั่งอาหารไปสี่ห้าอย่างก่อนจะยื่นเมนูคืนบริกรไป

     

                นายเป็นคนจีนทำไมชื่อคริสหล่ะชานยอลถามออกไปทำลายความเงียบที่ทั้งคู่สร้างึ้น คริสเงยหน้าขึ้นจากโทรศัพท์ที่กดอยู่แล้วยกยิ้มน้อยๆ

     

     

                เป็นชื่อตอนเรียนที่แคนาดาหน่ะ ชื่อผมมันเรียกยาก

     

                “แล้วนายชื่อจริงอะไร

     

                “อู๋อี้ฟาน นั่นละชื่อผม

     

                “เรียกยากจริงๆนั่นละนะ

     

     

     

     

                “แล้วคุณทำงานเป็นเซลล์แมน ได้เงินเดือนเท่าไร

     

                “อ่า ก็ไม่แน่นอนนะแล้วแต่ยอดแต่ละเดือนหน่ะชานยอลโกหกคำโตออกไปด้วยสีหน้าเรียบเฉย การโกหกกลายเป็นเรื่องที่ชานยอลทำเทบจะทุกวันเพื่อปกปิดตัวตนและการศึกษางานเซลล์แมนก็เป็นอีกงานหนึ่ง

     

     

     

     

     

     

     

                คุณเชื่อเรื่องรักแรกพบไหม

     

                “เชื่อ

     

                “ไม่คิดเหรอว่ามันดูจะงี่เง่าไปหน่อย

     

     

     

     

     

     

     

     

                “ไม่หน่อยหรอก มันงี่เง่าสุดๆไปเลย

     

     

                แต่คุณก็ยังเชื่อ

     

     

                “นายไม่เชื่อเหรอ

     

     

     

     

     

     

     

                “ก็ไม่เชิงคริสเอ่ยพลางยักไหล่ เขาเอาตะเกียบในมือคีบอาหารที่พึ่งวางลงบนโต๊ะเข้าปากด้วยท่าทีสบายๆ แล้วคุณเคยมีรักแรกพบรึเปล่า

     

     

     

     

                “เคยสิ เมื่อสองปีก่อนร่างโปร่งว่าพลางเหม่อมองผู้คนผ่านกระจกใสหน้าร้าน เขากำลังคิดถึงรักแรกพบของเขาเด็กตาโตคนนั้น คนที่ชื่อว่าโดคยองซูแต่ตอนนี้มันเป็นอดีตไปแล้ว

     

     

                คริสชะงักไปเล็กน้อยกับคำตอบของอีกคน ดวงตากลมที่หันกลับมาสบตาเขาก่อนจะยิ้มออกมาบางๆ ทำไมหล่ะ

     

     

     

     

     

     

     

                “มันก็แค่ความรู้สึกชั่ววูบหน่ะชานยอลตอบอย่างขอไปทีแล้วคีบอาหารเข้าปากตัวเองบ้าง ความรักมันมันก็แค่ของจอมปลอม

     

     

                ...

     

     

     

                ขอบคุณมากนะวันนี้สนุกมากชานยอลบอกลาอีกคนที่หน้าห้องตัวเอง เขาแตกคีย์การ์ดแล้วกดรหัสประตูแล้วแทรกตัวเข้ามา เขาวางของที่ซื้อมาลงบนเคาท์เตอร์ครัว ร่างโปร่งก้มลงมองนาฬิกาข้อมือที่บอกเวลาห้าโมงกว่าๆ หลังจากที่เขากินข้าวเสร็จก็ขอให้อีกคนพาไปซื้อของกินมาใส่ในห้องบ้างเพราะในตู้เย็นมีแต่น้ำเปล่ากับเบียร์ รามยอนที่เก็บไว้ก็ใกล้จะหมดแล้ว

     

     

     

     

     

                มือเรียวค่อยๆหยิบของที่ซื้ออกมาจากถุง ขนมปัง แยมแล้วก็นมสดที่อีกคนที่ไปด้วยกันใส่ลงมาในรถเข็นที่เต็มไปด้วยรามยอนหลายรสเราะกลัวว่าเขาจะป่วยตายซะก่อน เขาค่อยๆจัดทุกอย่างให้เข้าที่เข้าทางก่อนจะเดินมาเปิดทีวีในห้องนั่งเล่น เขาตั้งใจว่าจะนั่งดูหนังที่ซื้อไว้เมื่อหลายเดือนก่อน แต่แล้วโทรศัพท์ที่เงียบสงบมานานสองสามวันที่เขาพักร้อนก็ดังขึ้น

     

     

     

     

                หัวหน้า

     

     

     

     

              ฮัลโหลสวัสดีครับ

     

     

                [พักผ่อนเป็นยังไงบ้างชานยอล]

     

                “ก็ดีครับ หายเหนื่อย

     

     

     

     

     

     

     

     

                [อืม] เสียงทุ้มตอบออกมาสั้นๆก่อนจะเอ่ยต่อถึงธุระสำคัญที่ตามมา [ฉันว่ามันอาจจะเสียมารยาทไปหน่อยแต่งานนี้มันรอไม่ได้แล้ว ตอนนี้ฉันส่งจดหมายไปที่สำนักงานแล้วว่าขอให้นายเข้าทีมของฉัน]

     

     

                “คะ...ครับ

     

     

     

     

     

     

     

     

                [นายไม่เป็นไรใช่ไหม ถ้าฉันจะขอเวลาพักร้อนที่เหลือของนาย]

     

     

                “ไม่มีปัญหาครับชานยอลตอบออกไปเต็มเสียง ถึงแม้ในใจจะแอบเสียดายวันหยุดที่ไม่ได้มีบ่อยๆ แต่การที่หัวหน้าโทรมาร้องขอแบบนี้จะให้ปฏิเสธก็คงเสียมารยาท

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

                [จบงานนี้ นายอาจจะได้เวลาพักเป็นเดือนเลยก็ได้] ซีวอนเอ่ยออกมาตามสาย เขาเว้นช่วงหายใจไปพักหนึ่งก่อนจะพูดต่ออีกครั้ง [เพราะในครั้งนี้เราจะต้องสืบหาตัวตนของ ‘FUKAI’]        

     

     

     

                ชื่อที่หลุดออกมาทำให้ชานยอลชะงักไปชั่วครู่ คนๆนี้เป็นคนที่ไม่เคยมีใครเห็นหน้ามาก่อนแต่ก็เป็นผู้มีอิทธิพลในด้านมืดต่างๆมากมายทั้งผับ บาร์ อาบอบนวด เขาสามารถเทคโอเวอร์ร้านใหญ่ๆในแถบคังนัมได้เกือบครึ่งในเวลาไม่กี่ปี ตำรวจหลายฝ่ายพยายามหาตัวคนๆนี้มานานแต่ก็ไม่มีใครเคยเจอ ทีมสืบสวนที่ตั้งขึ้นต่างล่าถอยเพราะความท้อแต่ก็ต้องพยายามสืบต่อไปเพราะพวกเขาต่างกลัวว่าผู้มีอิทธิพลคนนี้จะสร้างปัญหาใหญ่ที่ยากจะแก้

     

     

     

     

                ...ดูท่าของที่ซื้อมา'วันนี้จะเป็นหมันซะแล้ว...


     

    . . . S I N D E R E L L A . . .
     

    55 per

                วันนี้พอแค่นี้นะค่ะนักเรียนเสียงคุณครูประจำวิชาสุดท้ายพูดขึ้น เมื่อหัวหน้าห้องบอกทำความเคารพ ทุกคนในห้องลุกขึ้นโค้งหัวบอกลาครูเธอส่งยิ้มตอบกลับก่อนจะเดินออกจากห้องไป และเป็นเหมือนสัญญาณให้เด็กหลายคนรีบกวาดข้าวของทุกอย่างลงกระเป๋าเพื่อเตรียมตัวไปเรียนพิเศษต่อ รวมถึงโอเซฮุนเช่นกัน

     

     

                ไปนะคยองซูกลับบ้านดีๆละเพื่อนตัวขาวรีบเก็บของลงกระเป๋าเพราะวิชาสุดท้ายครูเลทไปกว่าครึ่งชั่วโมงแล้ว แต่ร่างเล็กที่ไม่มีเรียนพิเศษต่อเหมือนคนอื่นก็ค่อยๆเก็บของใส่กระเป๋าอย่างไม่รีบร้อนแล้วเดินลงมาจากตึกคนเดียว นักเรียนบางห้องยังเรียนไม่เสร็จทำให้ตึกเรียนไม่ได้วุ่นวายเท่าที่ควร มือเรียวกดมือถือหาจื่อเทาเพื่อให้มารับที่หน้าโรงเรียน แต่ปรากฏว่าอีกฝ่ายปิดเครื่อง

     

     

     

     

                อะไรของเขานะ ทำไมปิดมือถือคิ้วเรียวขมวดยุ่งทันทีที่ติดต่อคนขับรถจำเป็นของตัวเองไม่ได้ นิ้วเรียวพยายามกดโทรหาซ้ำๆสามสี่รอบแต่ก็ยังไร้สัญญาณ หน้าจอโทรศัพท์บอกเวลาห้าโมงแล้ว ตอนนี้เขาเดินมาถึงหน้าประตูแล้ว ดวงหน้าหวานหันมองซ้ายขวาแต่ก็ไร้วี่แววของรถที่ตัวเองนั่งอยู่ทุกวัน ดวงตากลมมองเพื่อนนักเรียนที่กำลังขึ้นไปบนรถประจำทางก็กัดปากตัวเองอย่างชั่งใจ ไม่ใช่เขาไม่รู้ว่ารถเมล์สายไหนจะไปส่งถึงซอยหน้าบ้าน แต่ระยะทางจากซอยไปถึงบ้านก็ไกลใช่เล่นเหมือนกัน

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

                ครืดดด ครืดดด

     

     

     

                โทรศัพท์ที่เจ้าตัวกำไว้ในมือสั่นอย่างแรงจนเจ้าตัวแอบสะดุ้ง ยิ่งชื่อที่แสดงบนหน้าจอยิ่งทำให้ร่างเล็กมองโทรศัพท์อย่างงงๆ

     

     

     

     

     

     

     

     

     

                คุณไค

     

     

     

     

     

     

     

                ...ฮัลโหลครับ

     

                [ยืนทำอะไรอยู่ตรงนั้น]

     

     

                “ครับ ?

     

     

                [ฉันรอนานแล้วนะ]

     

                “คะ...คุณไคหมายถึงอะไรครับ

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

                [นายจำรถฉันไม่ได้รึไง] เสียงที่ติดจะหงุดหงิดออกมาตามสายในทำให้คยองซูมองซ้ายขวาอย่างถี่ถ้วนอีกครั้ง มาเซราติสีบรอนซ์ที่ติดฟิลม์ดำทึบจนมองไม่เห็นคนข้างในจอดอีกฟากของถนน [รีบมาขึ้นรถสิ]

     

     

                “คะ...ครับ จะไปเดี๋ยวนี้คยองซูตอบรับในสายแทบจะทันที เขามองถนนซ้ายขวาก่อนจะข้ามไปยังจุดที่รถจอดอยู่ มือเล็กเปิดประตูรถหรูแล้วแทรกตัวเข้าไปในห้องโดยสารข้างคนขับทันที

     

     

     

     

                จื่อเทามีงานด่วนมารับไม่ได้

     

                “อ้อ ครับร่างเล็กตอบรับออกมาทันทีที่อีกคนพูดจบ มือเล็กดึงสายนิรภัยมาคาดไว้ก่อนจะมองตรงออกไปข้างหน้า รถหรูค่อยๆเคลื่อนห่างออกจากโรงเรียนไป คราวหน้า...ถ้าจื่อเทาไม่ว่างผมกลับรถเมล์ก็ได้ครับ

     

     

     

     

     

     

     

     

     

                “เดี๋ยวฉันมารับเอง

     

     

                “แต่...

     

                “เคยบอกแล้วว่าห้ามเถียง

     

                “ครับพอโดนอีกฝ่ายดุคยองซูก็ก้มหน้าพูดรับคำอย่างหงอยๆ

     

                ต่อไปถ้าไม่มีคนมารับจริงๆ ก็โทรหาฉันอย่ากลับเองเข้าใจไหม

     

                “ครับ

     

                “ก็ดีเสียงทุ้มเอ่ยตอบอย่างพอใจ หิวรึเปล่า

     

                “ไม่ค่อยหิวเท่าไรครับ

     

     

     

     

     

                “แต่ฉันหิวแล้วร่างสูงตอบออกมาด้วยเสียงกวนๆตามแบบฉบับ ไปกินเป็นเพื่อนหน่อย

     

                “ครับถึงจะตกใจกับคำที่อีกคนพูดออกมาแต่คยองซูก็รับคำออกไปแล้ว

     

                อยากกินอะไรเป็นพิเศษไหม

     

                “ไม่มีครับ

     

     

     

     

                “พูดออกมาเถอะคิมไคเอ่ยออกมาพร้อมกับรอยยิ้มมุมปาก เขาหันมามองหน้าคยองซูที่ก้มจนคางชิดอกตอนที่รถติดไฟแดงอยู่ อยากกินอะไรก็บอกมา

     

                “ผะ...ผมไม่รู้จริงๆ

     

                “อาหารอิตาลีไหม

     

                “ก็ได้ครับ

     

     

     

     

                “หัดมีปากเสียงบ้างก็ดีนะคยองซูคิมไคพูดประชดแบบไม่จริงจังนัก เขาค่อนข้างหงุดหงิดกับนิสัยที่คล้อยตามเขาไปซะทุกอย่างของคยองซูไม่น้อย เพราปกติเด็กคนนี้มักจะมีปากเสียงหรือล้อเล่นกับจื่อเทาเสมอแต่กับเขา ก็เป็นแค่สัมพันธ์ที่ห่างเหินอยู่ดี

     

     

                คยองซูยังคงนั่งเงียบเพราะไม่รู้จะต่อบทสนทนาไปทางไหน รถหรูเคลื่อนไปตามถนนที่เต็มไปด้วยรถมากมายจนถึงหน้าร้านอาหารหรูแห่งหนึ่ง คิมไควนรถเข้าไปจอดในลานจอดรถที่ค่อนข้างแน่น เมื่อรถหยุดนิ่งร่างเล็กก็ปลดเบลท์ออกจากตัวแล้วเปิดประตูออกไปยืนสูดอากาศนอกรถ ดวงตากลมหันไปมองคิมไคที่กวักมือเรียกเขาให้เดินตามเข้าไปในร้าน

     

     

                ยินดีต้อนรับค่ะ มากี่ท่านค่ะพนักงานสาวในยูนิฟอร์มเรียบร้อยโค้งแล้วเอ่ยต้อนรับด้วยท่าทีสุภาพ แล้วเดินนำไปยังโต๊ะว่างทันทีที่คิมไคตอบคำถามของเธอ เมนูค่ะคุณผู้ชาย เดี๋ยวอีกซักครู่จะมีพนักงานมารับออร์เดอร์นะค่ะ

     

     

                มือเล็กรับเอาเมนูอาหารปกหรูมาถือและเปิดออกดู ชื่ออาหารแปลกตามากมายละลานตาอยู่จนคยองซูขมวดคิ้วยุ่ง

     

     

                จะสั่งอะไร

     

     

                “อะ...เอ่อร่างเล็กเสียงติดขัดทันทีที่คิมไคถามขึ้นและนั่งจ้องหน้าเขาอย่างสงสัย

     

     

                ถ้าตอบว่าไม่รู้นี่จะโดนลงโทษนะ

     

     

     

     

     

     

                “คุณไค...ก็ผมไม่รู้คยองซูตอบแผ่วเบาราวกับกระซิบและก้มหน้าคางชิดอก แต่นั่นก็เรียกร้อยยิ้มเล็กๆให้ร่างสูงได้ เขากวักมือเรียกพนักงานและสั่งอาหารเหมือนกันสองชุดและคืนเมนูให้พนักงานไป

     

     

                “ที่โรงเรียนเป็นยังไงบ้าง

     

     

     

     

     

     

                “ก็ดีครับ อีกสองอาทิตย์จะสอบแล้วครูติวพิเศษให้ ช่วงนี้เลยเลิกเลท

     

     

                “แล้วรู้รึยังว่าจะเรียนต่ออะไร

     

     

                “ยังครับ...

     

     

     

                “อีกปีเดียวรีบๆคิดซะหล่ะคิมไคเอ่ยเสียงเข้มพร้อมกับรอยยิ้มเล็กๆที่มุมปาก ทำให้หัวใจของคยองซูเต้นตึกตักอย่างไม่เป็นจังหวะ คิดดีๆเลือกดีๆว่าชอบอะไร

     

     

     

     

                “ครับ...คยองซูตอบเสียงแผ่ว มือเล็กประสานกันตรงหน้าตักแน่นระบายความตื่นเต้น เขาไม่ค่อยจะมีโอกาสได้ร่วมโต๊ะอาหารสองคนกับคุณไคซักเท่าไรและยิ่งในร้านอาหารแบบนี้ เขาบอกได้เลยว่าไม่เคยซักครั้ง แล้วช่วงนี้ที่บริษัทไม่มีปัญหาอะไรมากใช่ไหมครับ

     

     

                “ก็ไม่มีอะไรมาก ราบรื่นดีทุกอย่างคิมไคตอบด้วยเสียงนิ่งๆพลางทำท่าครุ่นคิด ฉันคิดว่าถ้าการเจรจาที่เชจูไปได้ด้วยดีสิ้นปีนี้กำไรมหาศาลมาก เราเลยคาดหวังกับมันไว้เยอะ

     

     

                “อ้อ ครับคยองซูรับคำด้วยเสียงแผ่วๆก่อนจะยกน้ำเปล่าจิบแก้เก้อ

     

     

     

     

     

     

                “นายก็อย่าทำให้ผิดหวังกับการเจรจาที่เชจูนะ...

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

                “แค่กๆ...อะ...อะไรนะครับเมื่อจบคำพูดนั้นของคิมไคร่างเล็กก็สำลักน้ำเปล่าจนไอออกมาตัวโยน ดวงตากลมเบิกกว้างมองคนตรงหน้าด้วยความสงสัย

     

                ก็หลังสอบเสร็จนายต้องไปเชจูกับฉันนี่

     

     

                “อันนั้นผมรู้ครับ แต่คุณไคคงไม่คิดจะให้ผมไปเป็นส่วนหนึ่งในการเจรจาใช่ไหมครับ...

     

     

     

     

     

     

     

                “อืม คิด

     

     

                “คุณไคครับ ทำไมคุณถึงเอาอนาคตบริษัทมาวางบนมือเด็กที่ไม่มีอะไรเลยอย่างผมหล่ะครับ !”

     

     

                เพราะฉันเลือกนายแล้วไงคิมไคทำท่าทางสบายๆราวกับไม่กระทบสิ่งที่อีกคนพูดเสียงเข้มใส่

     

     

                คุณไค มันไม่ใช่เล่นขายของนะครับ

     

     

     

                “นายคิดว่าฉันล้อเล่นเหรอ

     

     

                “เปล่าครับ แต่ผมทำไม่ได้หรอก ผมมันเด็กไม่เอาไหน เรียนก็ไม่เก่งอนาคตก็ไม่มี...ผมไม่มีอะไรเลยจะเป็นหลักประกันให้การเจรจาครั้งนี้สำเร็จ

     

     

     

     

     

     

     

     

     

                “ฉันก็เคยเป็นเด็กที่ไม่มีอะไรเลยเหมือนกันคิมไคตอบเสียงเรียบด้วยสีหน้าจริงจัง เขาเอื้อมมือไปกุมมือเล็กที่กำแน่นอยู่บนโต๊ะ เพราะทุกคนเริ่มจากศูนย์คยองซู

     

     

     

                “ผม...ผมไม่แน่ใจ

     

                นายแค่ต้องมั่นใจในตัวเองคยองซู นายเป็นคนเก่ง ฉันมองเห็น

     

                “แต่...

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

                “คนที่ฉันไว้ใจมีแค่นายกับจื่อเทา ฉันคงจะแบ่งงานให้ใครไม่ได้นอกจากนายสองคนร่างสูงเอ่ยเสียงจริงจังอีกครั้งดวงตาคมสบเข้ากับดวงตากลมโตที่สั่นระริกราวกับจะร้องไห้ของคยองซูอย่างจงใจ เขามองลึกลงไปค้นหาคำตอบของความไว้ใจที่เขาให้และแน่นอนคยองซูให้เขามา เกินร้อย’ “ถ้างานนี้นายทำได้ฉันก็จะวางใจให้นายทำงานต่อๆไป

     

     

     

     

     

     

                “ขออนุญาตเสริฟอาหารครับเสียงบริกรขัดบทสนทนาของทั้งสอง คิมไคปล่อยมือร่างเล็กและพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาตให้พนักงานวางอาหารลงตรงหน้า อาหารอิตาลีหน้าตาน่าทานวางลงตรงหน้าทั้งสองคน ไร้บทสนทนาบนโต๊ะอาหารอีกนับจากนั้น ต่างคนต่างกินและนั่งจมกับความคิดตัวเอง

     

                ...

     

     

                ขอบคุณสำหรับวันนี้นะครับคยองซูเอ่ยขอบคุณก่อนจะเปิดประตูก้าวลงจากรถ คิมไควนรถกลับมาส่งเขาที่บ้านเพื่อตัวเองจะไป ดูงาน ที่ผับต่อ

     

     

     

     

                นี่คยองซูขณะที่คยองซูกำลังจะก้าวเข้าไปในบ้านร่างสูงก็ลดกระจกฝั่งเขาลงและพูดออกมาจากในรถ เรื่องจะไปเชจูหน่ะ ตอนนี้โยนทิ้งไปก่อน

     

     

     

     

     

     

     

                “...

     

     

                “ตั้งใจอ่านหนังสือสอบหล่ะ

     

     

     

     

     

     

     

                “ครับ ขอบคุณมากคยองซูก้มหัวลงปลกๆเพื่อซ่อนรอยยิ้มบางๆ คำพูดนั้นของอีกคนทำให้เขาอดยิ้มออกมาไม่ได้ ก่อนจะคิดไปถึงสิ่งที่เขาต้องทำที่เชจู คุณไคบอกตอนอยู่ในรถระหว่างทางกลับบ้านว่าเขาต้องทำการเจรจากับนักธุรกิจต่างชาติที่จะเข้ามาลงทุนรีสอร์ทบนที่ดินของเราบนเกาะเชจู ซึ่งเป็นโปรเจคใหญ่ของคิมกรุ๊ปในปีนี้

     

     

                ร่างเล็กทิ้งตัวเองลงบนเตียงนอนของตัวเองทันทีที่เข้ามาในห้อง ใบหน้าเล็กคว่ำหน้าลงกับหมอน ดวงตากลมหลับลงก่อนจะจมดิ่งลงสู่ห้องความคิดตัวเอง

     

     

     

     

     

                ...บางทีเขาก็อาจจะรู้แล้วว่าอยากจะเรียนต่ออะไร...

     

    . . . S I N D E R E L L A . . .

     







    up 55 per ; กลับมาแล้นนน สู่ความเวิ้งว้างอันไกลโพ้น
    จย้ากกกก เราพาไปกาแลกซี่ละนะ ตอนที่แล้วหลายคนเข้ใจผิดอ่า เราเขียนงงเหรอ
    คนที่อยากไปกาแลกซี่คือชยอลนะไม่ใช่เฮีย T______T! ฮรืออ
    แต่ตอนนี้ยังไงเฮียก็พาชยอลไปทัวร์กาแลกซี่เฮียได้ละนะ แถวเจ้าตัวเองยังแอบใจเต้นซะด้วย
    อิเฮียแม่งใจง่าย เนอะว่าไหม 5555555555555555
    เฮ้อออ ปิดท้ายตอนได้แบบงงไหม ไม่งงหรอกเนอะเพราะเขาแค่หาตัวคุณไคเอง ( ' ' 3)
    ป.ล.ทำไมช่วงหลังๆทอล์กยาวจุง ไม่เบือ่ไม่รำคาญเค้าเนอะตะเองอุอริ

    up 100 per ; มีใครคิดถึงคุณไคม้อยยยยย 555555555555

    เอนจอยรีดดิ้งนะค่ะ <3 จุ๊บบบบบ อย่าลืมเม้นโหวตอุอริ


    อย่าลืมร่วมฟินด้วยการสกรีมแท็ก #นางซินKD

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×