คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : More than 3 >> กู...ขอกลับด้วย...ได้ไหม ?
Chapter 3 : ‘กู...ขอกลับด้วย...ได้ไหม ?’
Writer : newworld (y)
( Facebook status Handsome ‘Now!’
- ซวยซ้ำซวยซ้อนซวยโคตรๆ โดนพรนภาเรียกไปเทศน์ไม่พอ
ยังโดน...อ๊ากกกกกกกกกกกก ชีวิตสวยงามของกู T____T!
19:15 A.M. 27 like 11 comment)
“นนทกร...กร...นนทกร”เสียงแหลมๆบางอย่างมาพร้อมกับแรงเขย่าที่บริเวณไหล่...โอ๊ะ ใครมากวนเวลาผมวะ -__- ผมปัดมือนั้นออกและเงยหน้าขึ้นเตรียมจะด่าแต่พอเห็นหน้าเท่านั้นแหละ โอ๊ยยย เชี่ย พรนภา ครูสอนคณิตผมเอง เอาแล้วไงซวยอีกแล้วกู ผมหันไปมองข้างๆเห็นไอ้ปอนด์ไอ้สีฟ้าไอ้ตองและไอ้พลุมองผมด้วยสายตาสมเพช
ก็กินเยอะตอนบ่ายก็ง่วงสิวะใครให้เอาคาบคณิตมาไว้คาบสุดท้ายวะ !! (พาล)
“เห็นเธอหลับนี่เธอเข้าใจแล้วใช่ไหม”คุณครูยิ้มสยองให้ผมทำให้ผมรู้สึกหนาวๆแปลกๆ
“นิดนึงครับครู”ผมทำสายตาใสซื่อตอบกลับครูไป จากนั้นครูก็เดินไปที่กระดานและเขียนโจทย์ข้อนึงขึ้นมา เชี่ยลอกกาลิทึม กูโคตรเกลียดเลยเรียนไปแล้วมันทึ่มจริงๆหน่ะสิ -___-;;;
“ออกมาทำข้อนี้สิ นนทกร...”นั่นไง ซวยแล้วไงกู -_-; เอาไงดีวะ ผมพยายามมองหาตัวช่วยไอ้สีฟ้าที่ดูมีความรู้ที่สุดมันเขียนอะไรยุกยิกลงบนกระดาษแต่มันยังไม่ทันได้ยกขึ้นให้ผมเลยเจ๊แกก็ดักด้วยเสียงสิบแปดหลอดของแกซะก่อน
“สุภเวช เธอทำอะไร -__-”
“อ้อ ผมกำลังเขียนจดหมายบอกรักสาวครับครู!!”ไอ้สีฟ้าตอบครูหน้าตายและส่งสายตาขอโทษมาให้ผม เออๆไม่เป็นไรกูช่วยตัวเองก็ได้วะ !
“ออกมาทำสินนทกร”
ผมก้าวเดินออกไปยังหน้าห้องและหยิบปากกาไวท์บอร์ดมาถือไว้จากนั้นผมก็เขียนคำตอบลงหน้ากระดาน เมื่อเขียนเสร็จผมก็ยื่นปากกาให้อาจารย์และก้มหัวให้ครูทีนึง จากนั้น...
“ฮ่าๆๆๆ...”เสียงหัวเราะดังกระหึ่มครับ เพราะสิ่งที่ผมเขียนลงบนกระดานคือคำตอบจริงๆ ผมเขียนคำว่าคำตอบลงไปอ้าวก็ทำไม่เป็นนี่ครับให้ทำไง -__-;;;;
“นนทกรรรรรรรรร !!!!!!!!!!!!!!!!!”
...
และแล้วพระเอก (?) อย่างผมก็โดนลงโทษจนได้หลังจบคาบสุดท้ายผมก็โดนเจ๊พรเรียกพบบ่นผมอยู่สองชั่วโมงเล่นเอาหูผมชาและอื้อไปเลย -__-;;
โห่ แค่แอบหลับเองเจ๊แกพูดซะผมเลวร้ายมาก พูดมาตั้งแต่พ่อแม่เลี้ยงเรามายากเย็นแค่ไหน...กวาจะหาเงินส่งเราเรียน บลาๆๆๆๆๆๆๆๆ
...คร๊าบ ครูผมเข้าใจแล้วตอนนี้ผมจะบรรลุโสดาบันแล้วครับ -/\-
ตะวันแตะขอบฟ้าอีกแล้วตอนที่ผมจะเดินออกจากตึกเรียน ครูเทศน์ผมยาวมากเลยนะเนี่ย -__-; ผมเดินออกมาจากตึกคนเดียว (เสียวสันหลังวาบ...) ผมเดินฮัมเพลงไปจนถึงหน้าประตูโรงเรียนแต่ผมยังไม่ทันก้าวข้ามธรณีประตู (?) ก็มีมือมืดมาจับไหล่ผมเอาไว้
ผมหันหลังกลับไปตามมือที่แตะไหล่ผมอยู่ ผมเห็นไอ้หนึ่งในสภาพเหงื่อท่วม...แว่นที่เคยอยู่บนหน้ามันตอนนี้หายไปไหนผมก็ไม่ทราบได้ แต่หน้าของมันที่ผมไม่เคยเห็นภายใต้แว่นเชยๆนั่นทำเอาหัวใจผมกระตุกวูบไป ให้ตายสิไอ้น่ามึนนี่โคตรหล่อ -___-!!
“มีอะไรอีกวะ...”
“มึง...นาวใช่ไหม”มันหรี่ตาและมองตรงมาที่ผมด้วยหน้าตาโง่ๆ (?)
“เออ...กูนี่แหละนาว”
“มึงกลับบ้านยังไง ?”
“กูเหรอ”
“เออ...มึงนั่นแหละ”
“กูกลับรถเมล์...ทำไมวะ”
...
“ถ้ามึงยังเงียบอยู่กูจะกลับแล้วนะ...มันมืดแล้ว”ผมตอบอย่างหงุดหงิดเมื่อเห็นว่าไอ้หนึ่งยังยืนหน้ามึนอยู่ไม่แม้แต่จะอ้าปากพูดอะไรออกมา...อะไรของมันวะ
“กู....ขอกลับด้วย......ได้ไหม?”ไอ้หนึ่งก้มหน้านิ่งตอนพูดกับผม...เฮ้ย ผมเห็นหูมันแดงๆมันอายเหรอเนี่ย ฮ่าๆ
“กลับกับกูเนี่ยนะ...ทำไมวะปกติมึงเอารถมานี่วะ”
“อืม...รถกูเสียวะ แถมโทรศัพท์แบตหมดอีก”ผมมองมันที่ตอบด้วยหน้าแดงๆพร้อมกับชูไอโฟนของมันที่หน้าจอดำมืดให้ผมดู...ปกติโรงเรียนของผมไม่ค่อยมีนักเรียนเอารถยนต์มาโรงเรียนกันหรอกครับมีแต่พวกลูกผู้ดีอย่างมันที่ขับรถมาเอง ไม่มารถเมล์ก็พ่อแม่มาส่ง อย่างไอ้ปอนด์เนี่ยแม่มาส่งครับ ไอ้พลุกับไอ้ตองมารถเมล์ส่วนสีฟ้า...จักรยานคนจน
ฮ่าๆ ไอ้สีฟ้าบ้านมันไม่ไกลครับเลยเลือกปั่นจักรยานมันบอกลดโลกร้อน -__-;;
“แล้วมึงว่าไง...”
“ก็กลับดิ แล้วบ้านมึงอยู่ไหนวะ”
“พัฒนาซอยแปด...”
“แถวบ้านกูกูนี่หว่า ลงป้ายเดียวกัน เออเดี๋ยวเข้าบ้านไปส่งแล้วกูจะขับมอไซค์ไปส่ง โอเค๊ ?”
“อืม...แล้วแต่มึง”ผมไม่ได้พูดอะไรต่อพอเห็นมันตอบตกลงก็ลากมือมันไปที่ป้ายรถเมล์หน้าโรงเรียน...พอยืนรอได้ซักพักรถเมล์สายที่ผมต้องขึ้นก็มาจอดเทียบป้าย ผมเลยคว้าข้อมือไอ้หนึ่งที่กำลังยืนหน้ามึนๆอยู่ขึ้นรถเมล์ไป...ให้ตายสิ อย่างกะเด็กสามขวบ
“นั่งดิหนึ่ง”ผมเลือกที่นั่งข้างหลังสุดและบอกให้ไอ้หนึ่งนั่งลงข้างๆผม...ตอนนี้ในรถเมล์มีนักเรียนหญิงสองคนกับคุณยายแก่อีกหนึ่งคน ผมพึ่งค้นพบว่ารถเมลล์เย็นๆนี่คนน้อยดีนะ –[]-!! ที่หลังกลับช้าๆซะก็ดี ฮ่าๆ
พี่กระเป๋ารถเมล์หน้าเดิมที่กำลังเดินมาหาผม ผมล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าหาเศษเหรียญ ไอ้หนึ่งที่นั่งข้างๆมองผมด้วยสายตาสนใจ... “มึงมีอะไร...มองหน้ากูทำไม”
“รถเมล์นี่ค่ารถเท่าไรวะ”
“แปดบาท...”
“กูมีแต่แบงค์พันวะ -___-;;”มันพูดด้วยสีหน้าจริงจัง...เฮ้อ ท่าทางจะจริงของมันวะ เพราะหน้าอย่างมันคงไม่พกเศษเหรียญเป็นเศรษฐีเงินเหรียญแบบผมแน่ๆ
“เดี๋ยวกูออกให้ก่อน...”
“ขอบใจ”
“ไม่เป็นไรกูคิดดอก...บาทละร้อย”ผมพูดพร้อมกับยักคิ้วให้มันทีนึงแต่ไอ้หนึ่งยังไมได้ตอบอะไรก็มีมือประกาศิตมาลงโทษผมแทนมัน
“นั่นมันดอกเบี้ยหรืออะไรวะนาว...แม่ง โคตรแพงเลย”พี่เบิ้มครับที่โบกผมไปเมื่อกี้...พี่แกเป็นกระเป๋ารถเมล์อายุสามสิบปลายๆของที่นี่ลูกสองเมียหนึ่ง ลูกแกน่ารักมาก ผมสนิทกับพี่เขามากเพราะผมขึ้นรถเมล์ประจำจนพี่เขาจำหน้าผมได้ อีกอย่างผมสนิทกับลูกสาวคนเล็กของพี่แกที่ชื่อน้องมายด์ด้วย
“ดอกเบี้ยดิพี่...นี่ราคากันเองนะเนี่ย”
“ข้าคงจะไม่ยืมเงินเอ็งวะ ชาตินี้...”
“อย่าเลยเฮีย...นาวมีแต่เหรียญอ่ะตอนนี้”พี่เบิ้มแกมองมือผมที่แบมือชูเหรียญที่นับมาอย่างดีให้แกก่อนจะคว้ามันไปและดึงต้นขั้วบัตรให้ผมทิ้งท้ายด้วยการเอากระบอกนั่นตีหัวผมอีกที T________T! อะไรอ่ะ โคตรทำร้ายนาววะครับ !!
“มายด์มันถามหาแกไปหามันหน่อยก็ดี”
“คร๊าบบบ วันเสาร์เดี๋ยวผมแวะไปมายด์ว่างใช่ไหม ?”ผมตะโกนไล่หลังพี่เบิ้มซึ่งพี่แกก็หันมายักคิ้วเข้มๆให้ผมทีนึง โคตรหล่อเลยพี่ ฮ่าๆๆๆ
“หนึ่ง...แว่นมึงไปไหนวะ”ความสงสัยที่มีมานานของผมมันพังทลายความเกรงใจคนอื่น ผมตัดสินใจถามไอ้หนึ่งออกไป มันหันกลับมามองหน้าผมนิดนึงก่อนจะเหม่อมองไปข้างนอกต่อ
“ในกระเป๋า...”คิ้วของผมขมวดเข้าเป็นปมตอนที่มันพูดจบ ผมมองใบหน้าด้านข้างที่ไม่มีแว่นของมัน สายตามันเศร้าเกินไป...มีอะไรรึเปล่าวะ
“แล้วทำไมไม่ใส่”
“อยากลองมองโลกไม่ชัด...เพื่อสายตากูจะได้มองได้ฉลาดขึ้น”
“อะไรของมึงวะ...พวกคนฉลาดนี่เข้าใจยากจริงวุ้ย”มือของผมยกมือขึ้นเกาหัวแล้วหันไปมองหน้ามัน...ก็ไม่เข้าใจความคิดของมันจริงๆ คนฉลาดมักคิดอะแปลกๆใช่ไหม คนโง่อย่างผมถึงไม่เข้าใจ
“บางทีคิดแบบมึงก็ดีนะไม่ต้องคิดมาก”ไอ้หนึ่งหันมามองหน้าผมตอนที่พูดพร้อมกับยิ้มมุมปากให้ผม...เชี่ย เมื่อกี้อะไรวะออร่าสีขาวที่พุ่งออกมาข้างหลังนั่นอะไรวะ เชี่ยหนึ่งโคตรเทวดาเลยขอหน้านั่นให้กูเหอะ T^Tv
“มึงมีอะไรป่าววะ”
“เหมือนจะมี...แต่ก็ไม่มี”ไอ้หนึ่งพูดหน้านิ่งๆ ซึ่งยิ่งทำให้ผมเอ๋อแดกเข้าไปใหญ่ เออ ปล่อยให้แม่งดราม่าไป...ช่างแม่ง ผมเห็นมันเหม่อออกหน้าต่างอีกครั้งผมเลยลองเหม่อบ้าง รถเมล์เคลื่อนตัวไปเรื่อยๆจนเส้นทางเริ่มคุ้นตามากขึ้น ผมลุกขึ้นและจูงมือไอ้หนึ่งให้ลุกเมื่อเห็นว่าใกล้ถึงป้ายที่ต้องลงแล้ว...
ผมลากมือไอ้หนึ่งลงจากรถเมล์ ซึ่งมันก็ไมไดว่าอะไรแต่ทำหน้ามึนๆเดินตามมานิ่งๆไมได้พูดอะไร มือของผมยังคงจับมือไอ้หนึ่งไว้...ไม่ต้องคิดมากครับกลัวมันหลงแถวซอยหน้าบ้านผมคนมันเยอะ...จริงๆนะ -.,-
พวกผมเดินมาเรื่อยๆท้องฟ้าที่เคยเป็นสีส้มตอนนี้มันเป็นสีน้ำเงินเข้ม...ไฟตามข้างทางเริ่มสว่างขึ้นตอนนั้นมือของไอ้หนึ่งที่จับผมไว้หลวมๆกลับบีบมือผมแรงขึ้น
“มีอะไรรึเปล่าวะ...”
“ไม่มี...ไม่ชอบเหรอ”
“เปล่า แค่แปลกใจ”ผมตอบไปส่งๆสายตาผมเลื่อนไปมองมือที่จับกันไว้...ผู้ชายสองคนเดินจับมือกันนี่แปลกไหมวะ ? หลังจากที่ไอ้หนึ่งพูดทิ้งปริศนาเล็กๆไว้ให้ผมคิดมันก็ไมได้พูดอะไรต่อ...บรรยากาศการเดินกลับบ้านช่างเงียบเชียบ ไม่ตางจากตอนที่ผมเดินกลับบ้านคนเดียวนี่มันมีปากไว้ทำอะไรวะ
แต่ผมยังไมได้คิดอะไรต่อก็ถึงบ้านทาวน์เฮาส์หลังเล็กๆสีฟ้าที่คุ้นเคย...ผมผละมือออกจาไอ้หนึ่งและเดินไปไขประตูรั้วเข้าไปในบ้าน ก่อนจะหยิบกุญแจอีกดอกขึ้นมาไขประตูบ้าน ไอ้หนึ่งที่เดินตามมายังคงเงียบคงเส้นคงวา...
“นั่งรอแปปนึงกูไปหยิบกุญแจรถก่อน”ผมบอกมันก่อนจะเดินขึ้นห้อง โยนกระเป๋าขึ้นไว้บนเตียงและเดินไปหยิบกุญแจรถฟีโน่บนโต๊ะเดินลงบันไดไปอย่างรวดเร็ว... “ไปกันได้...”
เสียงของผมขาดหายไปเพราะไอ้หนึ่งที่เคยนั่งอยู่บนโซฟาห้องรับแขกตอนนี้หายไปไหนผมก็ไม่สามารถทราบได้ เงาสลัวๆจากหน้าบ้านทำให้ผมต้องเดินออกไปดูผมเห็นไอ้หนึ่งนั่งกุมมือสายตาภายใต้กรอบแว่นนั่นเหม่อมองฟ้า ไม่รู้แม้กระทั่งผมเดินมาประชิดตัวมันแล้ว...
“ไหนว่าอยากมองโลกไม่ชัดวะ”
“กูกลัวเดินชนกระถางต้นไม้บ้านมึงพัง”มันหันมาตอบผมพร้อมยักไหล่แถมให้หนึ่งที เชี่ยยย ประชดกูป่ะเนี่ย...บ้านผมมีสวนเล้กๆอยู่หน้าบ้านผมกับม๊าปลูกช่วยกันในวันหยุด ผมชอบดอกไม้ กลิ่นของมันทำให้ผมอารมณ์ดี
“กวนตีน”
“แต่น้อยกว่ามึงนะ...”
“พอๆเลิกพูด...ไปกันได้แล้ว”ผมเริ่มรู้ว่าเถียงสู้มันไม่ได้ก็เลยหาเรื่องหนี ผมหันไปถอยรถออกจากบ้านก่อนจะสตาร์ทเครื่องไว้ ไอ้หนึ่งเดินเอื่อยๆมาถึงรถ ผมยื่นหมวกกันน็อคสีชมพูของอาม๊าให้มันใส่...
“ไม่ใส่ได้ไหม...”
“ไมได้”
“ทำไม”
“เดี๋ยวนิยายโดนแบน (?) มันส่งเสริมให้วัยรุ่นไทยไม่ใส่หมวกกันน็อค”ผมตอบพร้อมกับยักคิ้วให้มัน...ซึ่งมันก็ทำหน้างงๆใส่ผมก่อนจะยอมใส่หมวกกันน็อคสีชมพูนั่นโดยดี...กร๊ากกก โคตรเช้ากับมันเลยเหมือนหมาใส่หมวกชมพู
...
ผมดับรถไว้หน้าบ้าน...เฮ้ย ไม่สินี่มันใกล้เคียงวังชัดๆ –[]-!! ผมมองผ่านประตูรั้วใหญ่นั่นเข้าไปมองบริเวณบ้าน พื้นที่ทั้งหมดสร้างบ้านผมได้ประมาณสิบหลังมั้งนั่น !!
“จะมองบ้านกูอีกนานไหม”
“ไอ้หนึ่ง...บ้านหรือวังวะ แม่งโคตรใหญ่”
“บ้าน...เข้าไปข้างในไหม ?”
“ไม่อ่ะ นัดม๊าไว้สองทุ่มกินข้าว”ผมตอบมันพร้อมกับก้มลงมองนาฬิกาข้อมือที่บอกเวลาเกือบหนึ่งทุ่ม ไอ้หนึ่งยิ้มให้ผมก่อนจะถอดหมวกกันน็อคยื่นให้ผม
“งั้นเจอกันพรุ่งนี้...”
“บายมึง...ฝันร้าย กูหวังว่าจะไม่เจอมึง” (เจอทีไรกูซวยทุกที) ในวงเล็บผมพูดในใจนะครับนั่น ผมส่งยิ้มกว้างๆให้มันซึ่งทำให้ไอ้หนึ่งชะงักไปนิดหน่อยมันเดินเข้ามาใกล้ผมก่อนจะพูดประโยคหนึ่งซึ่งทำเอาผมอึ้ง...
...
“กูจูบมึงได้ป่ะ”
เย็ดแม่งงงงงงงง !! มึงเป็นบ้ารึไงวะ
“พ่องมึงดิ !”ผมอ้าปากด่ามันหลังจากที่สตั้นไปหลายวินาที...มันพูดบ้าอะไรวะ
“ปากมึง...มันน่าจูบจริงๆ”ไอ้หนึ่งไม่ฟังเสียงด่าของผม มันพูดประโยคหนึ่งขึ้นมาซึ่งทำเอาผมอึ้งอีกครั้ง ก่อนจะเลื่อนตัวเข้ามาใกล้ผมก่อนจะประกบริมฝีปากของมันลงมาที่ริมฝีปากของผม...
“O_O!!!!”ริมฝีปากบางของมันบดเบียดลงมาที่ปากของผมเบาๆ...ไร้การลุกล้ำใดๆจากมัน มันเพียงแต่กดริมฝีปากของมันย้ำๆลงที่ริมฝีปากของผม...มือที่ผมเคยดันมันออกเผลอเลื่อนไปจับไหล่ของมันตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้
ไม่รู้ว่าเวลาผมเท่าไร นานแค่ไหนแต่ไอ้หนึ่งยังคงเบียดริมฝีปากมันลงมาเรื่อยๆ ลมหายใจของผมเริ่มขาดห้วงจนต้องบีบไหล่ไอ้หนึ่งอย่างแรง...ซึ่งมันก็ดูเหมือนรู้ดีเพราะมันค่อยๆผละริมฝีปากของมันออก...เล่นเอาผมต้องสูดลมหายใจเฮือกใหญ่เข้าปอด
สติของผมเริ่มไหลกลับมาสู่สมองหลังจากที่ไปไกลถึงฟินแลนด์ (?)
ให้ตายสิกูโดนผู้ชายจูบ !!
29.10.12
สวัสดีค่ะรีดเดอร์ที่น่ารัก กรี๊ดๆไรท์เตอร์กลับมาแล้ววว >___<คิดถึงไหมค่ะ
หายไปวักพัก (นึง?) น้องหนึ่งยังคงมึนคงเส้นคงวา ฮ่าๆๆๆ ประสบการณ์ใช้ชีวิตเป็นศูนย์...
ไรท์อยากบอกว่าคือทั้งชีวิตไม่เคยขึ้นรถเมล์ไอ้ค่ารถนี่แปดบาทรึเท่าไรค่ะ ?? ฮ่าๆๆ
เอาเป็นว่าคิดถึงทุกคนนะค่ะ จะรีบมาอัพ ส่วนสถาะน้องนาวอุบไว้นะค่ะ เซอร์ไพรซ์ -3-
5.11.12
โอ้ยยย ไมอยากจะเซย์ว่าไรท์เตอร์งานยุ่งมากๆๆๆๆๆ T_____T
ขอโทษนะค่ะ ที่ช้ามากไปหน่อย !! ฮ่าๆน้องนาวน่าสงสารอยูนะนั่น
ส่วนหนึ่งมนหน้ามึนอยากทำไรก็ทำ บางทีมันอาจเมารถเมล์ก็ได้
ติดตามต่อไปว่านาวจะทำอะไรรรร -//////////////////-
ความคิดเห็น