คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : RETRACE IV
RETRACE
IV
“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ฉันจะหาทางสืบจนได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเด็กนักเรียนที่ชื่อ ลีโฮยอน ^^”
ที่นี่แปลกประหลาดกว่าที่ผมคิดไว้...อันที่จริงผมคิดว่าที่นี่จะปกติ แต่จริงๆแล้วมันห่างไกลกับคำๆนั้นมากเลยจริงๆ
“สวัสดี” เสียงซุกซนของเด็กหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกับผมเอ่ยทักทายแล้วยิ้มให้อย่างเป็นมิตร เขาย่อตัวลงจ้องหน้าผมที่นั่งแหมะหายใจหอบอยู่บนพื้น
“นายเป็นใคร?” ผมถาม มือเย็นเฉียบ หูอื้อไปหมด ผมกลัว กลัวจนอยากจะตายไปเลยแต่มันไม่ตายนี่สิ เมื่อกี๊ก็เห็นผีตุ๊กตา ตอนนี้จะเห็นผีคนอีกเหรอเฮ้ยยย
ใบหน้าเปื้อนยิ้มของหมอนั่นหัวเราะขบขันมีความสุข เขาชี้ตรงป้ายชื่อกรอบสีทองที่ติดอยู่บนหน้าอก แสงของดวงจันทร์แม้จะมีเพียงน้อยนิดแต่ก็กลบความมืดจากด้านนอกได้ ผมเห็นมันรางๆ
‘ชเว จุนฮง’
“ชเวจุนฮง...เหรอ”
ผมพูดออกมาช้าๆเป็นคำๆ คำถามต่อไปคือ
“นายเป็นคนใช่ไหมวะ?”
จุนฮงพยักหน้า ยิ้มกว้าง ผมสังเกตได้เลยว่าไอ้หมอนี่มันขาวมากมายก่ายกอง ขนาดมืดยังเห็นหน้ามันชัดแจ๋วเหมือนมันเรืองแสงแล้วเดินได้ มีบางอย่างในจิตใต้สำนึกบอกกับผมว่าไอ้นี่มัน ‘ไม่ธรรมดา’
“ยินดีที่ได้รู้จัก แต่ไม่คิดว่าจะเป็นที่นี่นะ J” ยื่นมือมาเขย่ามือผมเบาๆ
“ว้า ท่าทางง้องแง้งไม่ได้เรื่องไม่เหมือนที่ฉันคาดเอาไว้เลย นักเรียนหมายเลข666 ต้องเทพกว่านี้สิจริงไหม? ต้องเจ๋ง เก่ง ฉลาด...เหมือนที่ในบันทึกนั้นเขียนเอาไว้สินะ” เขาเริ่มพูดประโยคแปลกๆที่ผมไม่เข้าใจ พลางดึงมือของผมให้ลุกขึ้นให้ยืนตรง
“พูดอย่างนั้น หมายความว่ายังไง”
“J” จุนฮงเลือกที่จะยักไหล่ไม่ตอบผม “ฉันขอไม่ตอบคำถามนี้และแนะนำตัวแทน ฉันชเวจุนฮง ม.ปลายปีสอง เป็นรุ่นน้องนายปีนึงแต่ฉันไม่ถือเรื่องอายุหรอก ฉันเรียกใครตามที่ฉันอยากจะเรียกเท่านั้น”
“ฉันจองแดฮยอน แต่นายน่าจะบอกสักหน่อยว่านายมาที่นี่ได้ยังไง?” ผมเลือกที่จะไม่สนใจเรื่องอายุเช่นเดียวกันและเริ่มถามในสิ่งที่อยากรู้
“มาตามบันทึก อ้อ...นายไม่รู้จักสินะ” เขาทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ซึ่งมันน่าถีบเป็นที่สุด ไฟสลัวๆจากดวงจันทร์ส่องลงมาเห็นแววตาร้ายกาจที่แฝงอยู่ในใบหน้าอ่อนเยาว์นั่น ผมรู้สึกเหมือนตัวเองตกอยู่ในอันตรายจนประหม่าเล็กน้อย
“บันทึก?”
“ช่ายยย เป็นบันทึกที่น้อยคนนักที่จะเคยเห็น...อา ไม่เคยมีใครเคยเห็นนอกจากฉันเลยนะ แม้แต่ท่านประธานนักเรียน หรือว่าหนุ่มน้อยหน้าตาน่ารักคนหนึ่งที่เรียกตัวเองว่า ‘คิลเลอร์’”
ผมหยุดความคิดไว้ที่คำว่าคิลเลอร์ นั่นไม่ได้หมายความว่านักฆ่าหรืออะไรสักอย่างงั้นเหรอ ตำแหน่งแบบนั้นมาอยู่ในโรงเรียนมัธยมแห่งนี้ได้ยังไง?
เหมือนจุนฮงจะรู้ในสิ่งที่ผมคิด
“นายเข้ามาที่นี่โดยไม่รู้อะไรเลยงั้นสิ”
“ฉันจะไปรู้อะไรได้ยังไง” ในเมื่อข้อมูลทุกอย่างของที่นี่ที่ผมเคยได้ยินมันช่างแตกต่างกับความเป็นจริง
“แล้วนายอยากรู้หรือเปล่าล่ะ?”
หมอนั่นกระชับเสื้อสูทให้เข้าที่ เป็นเหตุให้แขนเสื้อเลิกขึ้นเล็กน้อยเผยให้เห็นรอยสักลายดาวแปดแฉกและตัวอักษรลิ่มที่พันรอบๆที่ดูยังไงก็เหมือนพวกบ้าลัทธิ แสงจันทร์สอดส่องเข้ามาทำให้ผมเห็นใบหน้าอ่อนเยาว์นั้นได้ชัดเจนยิ่งกว่าตอนแรก
“ในเมื่อฉันเป็นหนึ่งในนักเรียนของสมิคฟอร์ด...อันที่จริงจะรู้ไปก็ไม่น่าเสียหาย”
โอ้พระเจ้าช่วยกล้วยทอด! ผมกำลังพูดอะไรออกไป นี่ผมกำลังพาตัวเองไปซวย
แต่อีกใจหนึ่ง เหมือนกำลังเรียกร้องถึงบางอย่างที่ต้องค้นหา... อยากรู้ แต่ก็ไม่อยากรู้ในเวลาเดียวกัน ผมใจเต้นแรงเมื่อรู้สึกถึงสายลมแผ่วเบาที่พัดมาแตะที่ฝ่ามือ ความรู้สึกที่โดนผีหลอกเมื่อครู่หายไปสิ้น เหลือเพียงความอยากรู้อยากเห็นของตัวเองที่ผมไม่รู้เลยว่ามันกำลังจะทำให้ตัวเองนั้น
จมดิ่งสู่ห้วงความมืดมิด...
ชเวจุนฮงแค่นยิ้มมุมปาก เขากอดอกก่อนจะเอ่ยออกมาเบาๆ
“บันทึกที่ฉันพูดถึง คือหนึ่งใน ไดอารี่ทั้ง 7 เล่ม ของรุ่นพี่ในโรงเรียนทั้ง 7 คนที่หลงเหลือเอาไว้เป็นปริศนาให้รุ่นน้อง”
“….”
“ฉันไม่รู้ว่ามีใครบ้างที่ได้ไดอารี่อีกหกเล่มไป แต่ฉันได้ครอบครองมัน1เล่ม”
“….”
“มันเป็นบันทึกที่ เขียนโดย เซฮีวอน และมันมีบันทึกเส้นทางสายนี้ ฉันเลยลองเข้ามา ไม่นึกว่าจะมีผู้โชคดีเข้ามาก่อนฉัน ฮ่าๆ”
ถึงว่า ทำไมเขาถึงเหมือนกับตั้งใจมาที่นี่อยู่แล้ว ไม่เหมือนผมที่หลงมา ผมตั้งใจฟังอย่างใจจดใจจ่อ จุนฮงหยุดพูดไปสักพักเหมือนนึกอะไรขึ้นได้ คำพูดที่ดูเหมือนเป็นเรื่องปกติของชีวิตนักเรียนม.ปลายธรรมดา แต่ผมคิดว่ามันไม่ธรรมดา
“ไว้ฉันจะเล่าต่อที่โรงเรียน ถ้ามืดกว่านี้ นายจะโดนทำโทษเอานะ หึหึ”
รุ่งอรุณแห่งเทพีเฮร่ามาถึงสมิคฟอร์ดเร็วกว่าที่คาดไว้...
ร่างบางลุกขึ้นจากเตียงนอนนุ่ม วันนี้วันเสาร์และมันเป็นวันหยุดพักผ่อนของทุกคน หลายคนเลือกที่จะกลับบ้านไปหาครอบครัว แต่นั่นไม่ใช่กับเด็กหนุ่มหน้าตาน่ารักที่ใช้ชื่อว่า เซฮีวอน
ฮีวอนเป็นนักเรียนทุนเหมือนกับโฮยอน เขาเป็นเด็กกำพร้าจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งหนึ่งในแดกู เขาเคยถามคนเลี้ยงว่านามสกุลและชื่อของเขามาจากไหน คำตอบที่ได้คือเป็นนามสกุลจากคนตายคนหนึ่งที่เผอิญหล่อนไปเจอป้ายหลุมศพโดยไม่ได้ตั้งใจและเห็นว่ามันเพราะดีเลยเอามาตั้งให้ ส่วนชื่อ...เขาจำไม่ได้แล้วว่ามันได้มาอย่างไร
มือเรียวหยิบแว่นตาจากหัวเตียงขึ้นมาใส่ ก่อนจะลุกขึ้นแล้วปิดขี้เกียจสองสามครั้ง จากนั้นตรงไปที่หน้าต่างแล้วเปิดม่านสีครีมออกให้แสดงแดดสาดกระทบเข้ามาในห้องมากขึ้น ริมฝีปากอิ่มยกยิ้มอย่างชอบใจ อา...วันนี้เขาจะทำอะไรดีนะ
หลายอาทิตย์ผ่านไปหลังจากโฮยอนฆ่าตัวตาย นักเรียนหลายคนค่อยๆ ทยอยกันเสียชีวิตด้วยปมปริศนาซึ่งเขาก็ไม่รู้ว่ามันเกิดจากอะไร มีเพียงตัวอักษรมรณะ ‘school day 666’ และการตายบางคนก็แปลกเกินกว่าที่จะเข้าใจได้...
และบางคนก็สยองจนไม่อยากพูดถึงเช่นกัน
เมื่อวันก่อนมีนักเรียนม.ปลายปีหนึ่งกินอาหารอยู่ในโรงอาหาร ส้อมที่โรงอาหารของโรงเรียนใช้เป็นเหล็ก ในขณะที่หมอนั่นกำลังเสียบไส้กรอกขึ้นเคี้ยวก็มีลูกบอลจากทางไหนไม่รู้มากระแทกที่มือของเขา ส้อมเลยเสียบทะลุคอตาย น่าแปลกที่ไม่มีใครเล่นฟุตบอลอยู่ทางนั้นสักคน
เมื่อเอาลูกบอลเจ้ากรรมมาตรวจสอบ ประธานนักเรียนคนเก่งก็เห็นรอยตราสัญลักษณ์ที่ลูกฟุตบอล
‘school day 666’
ทำให้ตอนนี้ คำสาปสยอง ‘school day 666’ ได้แผ่กระจายไปให้นักเรียนหวาดผวาเล่นๆกันทั่วทั้งโรงเรียนแล้ว
“เฮ้อออ นึกแล้วเครียด” ฮีวอนกุมขมับ อันที่จริงเขาไม่ได้สนิทกับโฮยอนมากมายถึงขนาดจะต้องร้องไห้ไว้อาลัยเป็นอาทิตย์ๆ เหมือนกับโกซอง วันๆฮีวอนกับโฮยอนไม่ค่อยได้คุยกันมากด้วยซ้ำ คงเป็นเพราะฮีวอนไม่ชอบทักใครหรือสนใจใครมากกว่าหนังสือเรียน และโฮยอนเองก็เงียบเกินกว่าที่จะสนิทกับใครได้นอกจากคนที่มักจะเข้าหาคนอื่นก่อนอย่างโกซอง
แอ้ดดด ดด
ฮีวอนที่ตอนนี้เปลี่ยนชุดเป็นชุดธรรมดาที่ไม่ใช่ชุดยูนิฟอร์มโรงเรียนเปิดประตูเบาๆ ร่างบางกระดกแว่นตากลมๆของตัวเองขึ้นเล็กน้อยก่อนจะหันมาสนใจกองหนังสือที่ตัวเองถืออยู่เป็นปึกๆต่อ
ท็อปของห้องมักจะเป็นเขา เซจุน และหลังๆมานี่จะมีโฮยอนมาเบียดตำแหน่งนั้นเสมอ แต่ก็เอาเถอะ คนตายไปแล้วจะเอาเรื่องของเขามาคิดก็จะยังไงๆอยู่
“ว่าไงน้องแว่น”
“นะ...นัมโซ” ร่างเล็กสะดุ้งเมื่อมือของใครบางคนสะกิดที่ด้านหลัง ทำให้หนังสือนับสิบที่ถืออยู่ร่วงหล่นลงพื้นทันที ร่างเล็กรีบก้มลงเก็บแต่เมื่อหันกลับไปนัมโซกลับหัวเราะเสียงดังอย่างมีความสุข
“ฮ่าๆๆ ตกใจล่ะสิ”
“เฮ้! คราวนี้ฉันไม่ได้ผิดกฎนะ และฉันก็ไม่ได้ออกไปทำอะไรไม่ดีสักหน่อย...”
“อ้อโอเคน้องแว่น นายแค่ไปสำรวจทั่วสมิคฟอร์ด จนรู้ทางลับ ทางหนีทีไล่ เคยแอบเข้าห้องส่วนตัวของประธานนักเรียน ฉันสงสัยจริงๆว่าความจริงนายมีเรดาห์จับทางอยู่บนหัวรึเปล่า หรือนายเป็นหนึ่งในประธานนักเรียน??”
ซอนัมโซโค้งตัวลงมาใกล้จนหน้าแทบจะชิดกัน ฮีวอนรีบถดตัวหนีแล้วกระดกแว่นตาให้เข้าที่เหมือนทุกครั้งที่รู้สึกอาย จะไม่ให้อายได้ยังไงในเมื่อซอนัมโซหล่อขนาดนั้น
“ไม่ใช่สักหน่อย! ฉัน...ฉันไม่ใช่ นายเองก็เป็นหนึ่งในประธานนักเรียนก็น่าจะรู้ดีว่าไม่มีชื่อฉันอยู่ในนั้น” พูดไปถอยไป เพราะคนตัวสูงได้แต่หัวเราะแล้วก้าวเข้ามาใกล้เรื่อยๆ
“ฉัน...ฉันจะลงไปอ่านหนังสือแล้ว!”
คนตัวเล็กกว่าพูดตัดบท ก่อนจะวิ่งออกไปอย่างไม่ลืมหูลืมตา นัมโซมองตามยิ้มๆ ทำไมเขาจะดูไม่ออกว่าใครเป็นคนแบบไหน เห็นอย่างนี้เซฮีวอนก็ไม่ใช่เล่นๆนะ
หมอนี่น่ะ น่าสนใจตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้คุยกันเลย ถึงแม้จะดูขี้อายไปหน่อย แต่เชื่อเถอะว่าฮีวอนเป็นคนที่มีประโยชน์กับทุกคนที่เข้าใกล้เจ้าตัวเลยทีเดียว
เล็กพริกขี้หนูน่ะ รู้จักไหม??
ซอนัมโซยิ้มมุมปากสุดเท่ห์ ร่างสูงล้วงมือเข้ากระเป๋ากางเกงก่อนจะเดินผิวปากและเดินออกไป ก่อนจะพบกับชายหนุ่มอีกคนที่เดินสวนทางกันมา พวกเขามองหน้ากันนิ่ง
“สวัสดี... คิม ฮัน J”
“ฉันคือเซจุนต่างหาก” ชายหนุ่มยิ้มสวย แม้จะรู้สึกหงุดหงิดจากการที่หมอนี่แยกเขาไม่ออกก็ตาม
“หน้าเหมือนกันนี่นะ”
“แต่ท่าเดินของฉันกับเขามันแตกต่างกัน นายควรจะรู้เอาไว้”
“นั่นสินะ” ยิ้มกวนประสาท
“ถอยไป อย่าขวางทาง” เซจุนพูดพร้อมกับรอยยิ้มเชือดเฉือนเมื่อนัมโซยืนบังทางอยู่ ชายหนุ่มไม่ตอบอะไร เขาผิวปากอย่างใจเย็น แล้วก้าวเดินออกไปโดยไม่ลืมทิ้งคำพูดชวนคิดไว้ด้านหลัง
“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ฉันจะหาทางสืบจนได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเด็กนักเรียนที่ชื่อ ลีโฮยอน ^^”
“…”
“ฉันขอเอาตำแหน่งคิลเลอร์เป็นพยานเลยล่ะ”
“หนึ่ง ทุ่ม ครึ่ง...” มุนจงออบพูดเสียงเลื่อนลอยเมื่อเงยหน้าขึ้นจากนาฬิกา ร่างเล็กนั่งหย่อนขาลงที่สะพานข้ามสระน้ำสีใสของสวนหย่อมเล็กๆ ที่เห็นถึงปลาคราฟหลายสิบตัวด้านล่าง ข้างๆกันมีตุ๊กตาผมสีดำหนึ่งตัวนั่งเป็นเพื่อน
“เลทไป...ครึ่งชั่วโมงกับอีกห้าวิ...หกวิ เจ็ดวิ อ้ะ...แปดวิแล้ว” จงออบเอียงคอ หยิบไม้แหลมจากข้างกายขึ้นมา ก่อนจะทิ่มมันลงไป โดนปลาโชคร้ายตัวหนึ่งที่โดนเสียบทะลุกลางลำตัว มันดิ้นไปมาอย่างทรมาณสักพักก่อนจะหยุดลงพร้อมกับลมหายใจที่หายไป...
“ฉันนี่จับปลาเก่งชะมัด...แล้วเมื่อไหร่นักเรียนหมายเลข666จะมาล่ะเนี่ย ปล่อยให้ฉันนั่งรอ รอนานกว่านี้ไม่ได้แล้วนา” พูดพึมพำในริมฝีปาก ทันใดนั้นเสียงเท้าที่ย่ำดินของใครบางคนก็ดังขึ้น ไม่สิ มันมีมากกว่าหนึ่งคน
คนหนึ่งคือมนุษย์สองขั้ว ชเวจุนฮง เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย เดี๋ยวฉลาดเดี๋ยวโง่ หนึ่งในคนรู้จักของมุนจงออบ
ส่วนอีกคน...ไม่รู้จัก แต่คาดว่าหมอนี่อาจจะเป็นนักเรียนหมายเลข 666
“อ้าววว รุ่นพี่ วันนี้มาทำอะไรที่สระน้ำนี่ครับเนี่ย เดี๋ยวก็ตายหรอก”
เป็นเสียงทักของชเวจุนฮง ผู้ชายอีกคนที่อยู่ข้างๆกันได้แต่ยิ้มแหยมาให้จงออบ ร่างบางลุกขึ้น โยนไม้เสียบปลาลงบ่อเหมือนเดิมแล้วเดินทั่กๆเข้ามา
มือเรียวเชยคางจองแดฮยอนขึ้น
“เลขที่หกร้อยหกสิบหกหรือเปล่า?”
“ชะ...ใช่”
“ทำหน้าเหมือนจะตาย กลัวอะไร? ยังไม่ได้ทำอะไรเลย” ยิ้มเย็นๆถูกแต่งแต้มขึ้นบนใบหน้าราบเรียบ นั่นทำให้แดฮยอนรู้สึกเหมือนตัวเองโดนแย่งอากาศหายใจไปในพริบตา ร่างสูงถอยหลังมาหนึ่งก้าว
“ถอยหนีทำไม?”
“ฉันชื่อจองแดฮยอน ยินดีทะ...ที่ได้รู้จัก อันที่จริงนี่มันเลยเวลาเข้าหอแล้ว ผมคงต้องรีบ ไม่งั้นคงต้องโดนลงโทษจาก...จากคิลเลอร์ ซึ่งฉันไม่อยาก อ่า...อยากโดนลงโทษ”
ชเวจุนฮงหัวเราะคิกกับคำพูดติดๆขัดๆของชายหนุ่ม มุนจงออบหุบยิ้ม
“อ้าว” ร่างเล็กอุทานเบาๆ แล้วหันไปทางจุนฮงที่ขำคิกคักอยู่
“นายไม่รู้หรอ ว่าฉันนี่แหละคิลเลอร์”
แดฮยอนทำหน้าเหวอ อ้าปากกว้าง อยากจะวิ่งหนีไปให้ไกล เมื่อตอนที่จุนฮงพาเดินออกจากป่ามาเขาสาธยายความโหดของวิธีการลงโทษของคิลเลอร์เอาไว้ซะอลังการงานสร้าง จับถ่วงน้ำบ้างล่ะ อดน้ำบ้างล่ะ โดนขังบนหอคอยสามวันบ้างล่ะ แต่ดูสิ ดูคิลเลอร์สิ!
เขาก็แค่ผู้ชายตัวขาวๆ ตาตี่ๆ ท่าทางเฉื่อยๆ หน้าตาน่าเอ็นดู รอยยิ้มแปลกประหลาดที่ว่าจะสวยก็สวย จะโหดก็โหด
ที่มีท่าทาง และโทนเสียงที่หลอนสุดๆก็แค่นั้น T^T
“และนายไม่รู้เหรอ ว่านายคือนักเรียนหมายเลข666 นั่นหมายความว่านายอยู่เหนืออภิสิทธิ์ทั้งปวง...นายจะไม่โดนลงโทษ นายคือคนพิเศษ”
“..?”
“นายคือคนพิเศษ พิเศษที่สุด...เพราะนายน่ะโชคร้ายที่สุดยังไงกันล่ะ”
รอยยิ้มสวยๆผุดขึ้นบนริมฝีปากเรียวบาง ตามสัญชาติญาณของจองแดฮยอนบ่งบอกได้เลยว่าเขาไม่ปลอดภัยแน่นอน ดูหมอนี่สิ
ดูแววตาของเขา...
อันตราย...แต่ก็ ไม่รู้สิ พูดไม่ถูก
-------------------------------------------------------------
จุ้ฟฟฟฟฟฟ กลับมาแล้วกับตอนที่สี่ ฮ่าๆ
ตอนนี้ก็ยังมืดมัวขุ่นๆเช่นเดิม อย่างที่เคยบอกว่าฟิคเรื่องนี้มันแนวหลอนๆนะจ๊ะทุกท่าน
คือว่าไรเตอร์อยากจะบอกทุกคนว่าตำเเหน่งในชาติก่อนกับตอนนี้ไม่สัมพันธ์กันนะคะ ชาติก่อนเป็นคิลเลอร์ ชาตินี้อาจจะไม่ได้เป็นก็ได้ อย่าเพิ่งคิดไปไกลว่าออบเป็ยนัมโซเน้อออ ฮ่าๆ
ส่วนตั้งเเต่สองตอนที่เเล้ว ยงกุกไม่ได้บ้านะคะ เเต่เป็นฮิมชานต่างหาก จงออบว่าว่าฮิมชานประสาทค่ะ เลยบอกให้ยงกุกดูเเลคนในปกครองตัวเองให้ดีๆด้วย ไรงี้
ติดตามตอนต่อไปด้วยเน้ออ ><
ความคิดเห็น