ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (fic b.a.p) SCH0ΘL dαч ๖๖๖

    ลำดับตอนที่ #3 : RETRACE II

    • อัปเดตล่าสุด 30 พ.ค. 56


    RETRACE

    II

     

     

    เอาล่ะบังยงกุก  อาการประสาทๆน่าปวดหัวของเขากำลังจะเริ่มขึ้นอีกแล้วแน่ะ

     

     

     

     

              สองอาทิตย์ผ่านไป  หลังจากเกิดเหตุการณ์ฆ่าตัวตายของเด็กมัธยมปลายปีสุดท้าย ลีโฮยอน

     

              ทุกอย่างดำเนินไปตามปกติ...ไม่สี ต้องเรียกว่าพยายามปกติมากกว่า  เด็กนักเรียนทุกคนมักจะหวาดกลัวเมื่อเดินเฉียดกรายไปแถวๆห้องน่าพิศวงนั่นเสมอ กลิ่นเลือดที่แม้ว่าจะเช็ดล้างไปเท่าไหร่ก็ไม่ออก มันเป็นรอยจางๆและเชือกที่มัดห้อยลงมาก็ไม่สามารถที่จะปลดออกจากขื่อได้  นักเรียนจิตอ่อนหลายคนไม่ต้องการที่จะขึ้นมาบนชั้นที่เขาตายด้วยซ้ำเพราะความกลัว  ทุกๆเช้าในที่นั่งของลีโฮยอนจะมีการไว้ทุกข์คือมีถาดอาหารวางไว้เสมอเหมือนกับจะทำให้ดูว่าเขาไม่ได้จากไปไหน แม้ว่ามันจะทำให้คนที่นั่งข้างๆที่นั่นขนหัวลุกมากก็ตาม  แม้แต่ในห้องเรียน โต๊ะเรียนของลีโฮยอนก็ยังไม่ถูกแตะต้อง  ไม่มีใครทำความสะอาดหรือย่างกรายเข้าใกล้เพราะกลัว คนตายด้วยกันทั้งนั้น

     

              เขาอยู่ในที่ที่เหมาะสมกับเขาแล้วล่ะ”  จางโกซองเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นๆหลังจากตักอาหารกลางวันเข้าปากไปไม่กี่คำ ด้วยความโศกเศร้าที่เพิ่งเสียเพื่อนไปทำให้ร่างบางวางช้อนลงเบาๆ  ทำไมโฮยอนถึงทำแบบนี้กันนะ

     

              โกซองหันไปมองหน้าคิมฮันที่หยิบขนมปังปิ้งเข้าปากอย่างไม่ยี่หระอะไร  เซจุนยังคงยิ้มบางๆที่มุมปากเสมอเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นและนั่นก็เป็นนิสัยที่จางโกซองเกลียดที่สุด เด็กแว่นฮีวอนพยักหน้าหงึกหงักแล้วก้มๆเงยกับสูตรพื้นที่หรืออะไรสักอย่างทางคณิตศาสตร์ เขาง่วนกับตำราพวกนี้ตั้งคืนจนเช้า ไม่แปลกใจเลยที่แว่นเขาหนาและผลการเรียนอยู่ในระดับท็อปขนาดนี้   “ยังไงฉันก็ยังเศร้าอยู่...อาให้ตายสิ  โฮยอนคิดอะไรของเขากันแน่นะ”  นั่นทำให้คิมฮันวางแก้วน้ำชาลงแล้วว่าเขาว่า

     

              “พูดมากจริงโกซอง ว่างๆนายน่าจะไปเช็กสมองกับพ่อกรรมการคุมกฎหวานใจนาย”  คิมฮันบอกอย่างล้อเลียน เซจุนหัวเราะเบาๆในลำคอ โอ้พระเจ้า! จางโกซองสาบานได้เลยว่าพี่น้องฝาแฝดคู่นี้ทำให้เขาอารมณ์เสียทุกครั้งที่คุยด้วยจริงๆนะ  คิมฮันเป็นพวกปากหมาและเซจุนก็เป็นพวกกวนประสาทแบบทางอ้อม ให้ตายสิแล้วมีแถม ไอ้หมอนั่นมันไม่ใช่หวานใจเขาสักหน่อย ทะเลาะกันทุกทีที่เจอหน้า ฮึ่ย!ไอ้พวกเพื่อนก็พูดไปเรื่อยไปเปื่อย   ฮวางซองชินไม่ได้เป็นอะไรแบบนั้นกับฉันสักหน่อย อย่ามาพูดให้ฉันสะอิดสะเอียนดีกว่า

     

              “นั่นสินะ หมอนั่นมันพวกเงียบแถมหน้านิ่ง  ฉันละอยากชกมันสักหมัด”  คิมฮันทำกำปั้นทุบกับโต๊ะกินข้าวเบาๆ เซจุนเลยพูดขึ้นอย่างนุ่มนวลตามสไตล์เขาว่า  ซองชินเองก็ไม่ใช่กรรมการคุมกฎที่ไร้น้ำยานะฮัน นายอาจจะถูกเตะก้านคอได้ อา...ฉันไม่ว่างที่จะมานวดคอย่นๆให้นายนะ

     

              “ห้องพยาบาลคงจะมีเตียงว่างอยู่ นายอยากเข้าไปอยู่ในนั้นมั้ยเซจุน?”

     

              “ไว้รอนายสอบฟิสิกส์ได้เกรดเอ ฉันจะยอมคลานเข้าห้องนั้นไปเลยก็ยังได้นะพี่ชาย

     

              โกซองถอนหายใจแล้วมองพีน้องฝาแฝดที่หน้าตาเหมือนกัน(หล่อสุดๆ)แต่นิสัยไม่เหมือนกันสักนิด มีเหมือนกันอย่างเดียวคือสกิลกวนขึ้นเทพ พวกเขาทะเลาะกันเสมอและก็ต้องจบด้วยการที่เขาเข้าไปห้าม คิมเซจุนเป็นผู้ชายใจเย็น อยู่ด้วยแล้วเหมือนลอยอยู่ในทะเล เขาดูสุภาพบุรุษไม่เว้นแม้แต่เวลาเดินหรือดื่มน้ำ และด้วยผลการเรียนและอีกหลายๆอย่างที่บ่งบอกว่าเขาเป็นเจ้าชายกลับชาติมาเกิดจริงๆทำให้ใครๆใครๆก็ชื่นชมในความเพอร์เฟกทั้งหน้าตาและนิสัยของเขาทั้งนั้น  ต่างจากพี่ชายคิมฮัน  เป็นพวกปากหมาปัญญาควาย(?) เขาไม่สนอะไรทั้งนั้นนอกจากเรื่องชกต่อยและวิชาพละศึกษา เขาเป็นนักบาสและนักบอลประจำโรงเรียน  รวมทั้งเป็นพวกขาใหญ่ สองพี่น้องนี้หน้าเหมือนกันอย่างกับแกะเพียงแต่คนพี่จะมีสีผิวแทนๆเหมือนนักกีฬามากกว่าเซจุนที่ดูจะเจ้าสำอางเหมือนหลุดมาจากการ์ตูนชวนฝัน

     

              แต่โกซองก็คิดว่าสองพี่น้องคู่นี้มีบางอย่างที่เหมือนกัน เหมือนกันยิ่งกว่าน่าตา

     

              คือพวกเขา เป็นพวกชอบปกปิดความลับของตัวเองได้อย่างแนบเนียนเสมอ

     

     

     

               ณ สมิคฟอร์ด

     

              ค.ศ 2013

     

              ผมก้าวเท้าเข้ามาในโรงเรียนแห่งนี้เป็นครั้งแรก  สมิคฟอร์ดใช่ ผมไม่รู้เหมือนกันว่าผมสะเออะเข้ามาได้ยังไงแต่มันมาได้แล้วล่ะ  ตอนรู้ข่าวตาแทบจะเต้นโชว์กันเลยทีเดียว ส่วนแม่เองก็ดีใจจนออกนอกหน้า พี่ป้าน้าอานี่รู้กันหมดว่าผมจะได้เข้ามาเรียนที่นี่ ผมมองอาคารที่เหมือนวังอลังการในหนังยุโรปกลายๆ แล้วก็ต้องอึ้งค้างเพราะมันสวย สวยมาก น้ำพุที่ตั้งอยู่หน้าตึกมีรูปปั้นนางเงือกถือเหยือกน้ำเทลงมามันเหมือนจริงเสียจนทำให้ผมรู้สึกเหมือนว่ามันมีชีวิตจริงๆเลย  ผมมองไปรอบๆแล้วก็ต้องรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนงานกะเหรี่ยงที่เพิ่งเข้ามาอยู่ในเมืองกรุง  ถึงแม้ว่าผมจะใส่เครื่องแบบนักเรียนของที่นี่ก็เหอะ แต่ข้าวของเครื่องใช้ที่มันพะรุงพะรังเหมือนหนีน้ำท่วมนี่ทำให้นักเรียนคนอื่นมองผมอย่างประหลาดๆแล้วก็หัวเราะออกมา

     

              ไรแว๊?!  ไม่เคยเห็นแดฮยอนคัมฟรอมปูซานไง๊วะ?

     

              “เฮ้ ลิมูซีนนายอยู่ทางไหนเหรอ?”  ไอ้หน้าสวยที่โกรกผมสีแดงแปร๊ดแสบตารายหนึ่งเดินเข้ามาแล้วถามผมในคำถามที่น่าถีบที่สุด ก็พอเข้าใจน่ะนะว่าที่นี่มันเป็นโรงเรียนลูกคนรวย แต่ถามชื่อก่อนไม่ดีกว่าเหรอ? จะมาลีมูซงลีมูซีน มีแต่อีแต๋นอ่ะได้ป่ะ? -.-  ผมเลยตอบไปว่า...  อ้อ ความจริงแล้วฉัน...

     

              “ความจริงแล้วเขาขึ้นเครื่องบินส่วนตัวมาน่ะ โทษทีนะฮยอนซึง หมอนี่เป็นแขกของฉัน

     

              เสียงแหบเสน่ห์ของใครก็ไม่รู้ดังขึ้นมา เขาเข้ามาโอบไหล่ผมแล้วบีบมันเบาๆเป็นเชิงให้ผมเออออห่อหมกไปด้วย  เขาเป็นผู้ชายวัยเท่าๆกับผมที่มีดวงตาสีดำสนิท ผิวขาวเนียนละเอียดนั่นทำให้ผมอาย...ไม่ได้อายอะไร ผมดำนั่นเองครับท่านผู้ชม   หมอนั่นหันมายิ้มให้ผมและนั่นทำให้ผมรู้ว่าเขาเป็นคนที่หน้าตาสวยดีคนนึงเลยทีเดียว  ไอ้หัวแดงชักสีหน้าเล็กน้อยก่อนจะยิ้มให้ผมเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้วเดินออกไป

     

              นายคงเข้าใจผิดน่ะนะ ฉันไม่ได้ขึ้นเครื่องบินส่วนตัวมาหรอก”  ผมบอกเขาด้วยความสัตย์จริง หมอนั่นหัวเราะเหมือนพี่หม่ำจ๊กมกมากับคณะตลกชิงร้องชิงล้านแล้วพูดในสิ่งที่ผมพอจะเข้าใจ  รู้ไหมเด็กใหม่ว่าถ้านายไม่ตอบอย่างนั้นนายก็จะโดนแบน จะไม่มีเพื่อนเพราะนายมันจน ฉันเห็นนายเดินลงมาจากรถเก่าๆคันหนึ่งเท่านั้นเองนี่นา  ใช่ไหม?”   ผมพยักหน้า อ้าว...โรงเรียนนี้มันคบกันที่เงินหรอกเรอะ

     

              สวัสดี ฉันชื่อจองแดฮยอนนะ”  ผมแนะนำตัว อย่างน้อยไอ้หมอนี่ก็เป็นคนดีคนแรกที่เคยเจอในโรงเรียนนี่ เขายิ้มแล้วตอบ

     

              ฉันคิมฮิมชาน  อยู่ม.ปลายปีสุดท้ายปีนี้แล้ว”  เขายื่นมือมาจับมือผมอย่างเป็นมิตร ฮิมชานดูเป็นคนร่าเริงและรอยยิ้มของเขาก็ทำให้ผมใจชื้นได้ไม่ยากแถมยังอายุเท่าผมด้วย(ขึ้นม.ปลายปีสามเหมือนกัน)  ผมสังเกตดีๆแล้วเขาไม่ใช่ผู้ชายเจ้าสำอางเหมือนน่าตาสวยๆของตัวเองเลยเพราะมีรอยสีที่เปื้อนอยู่ที่ปกเสื้อของเขาอยู่ มีทั้งสีเขียว สีดำ สีเหลือง  และก็สีแดง...  ดูท่าฮิมชานจะเป็นคนที่ซกมกพอสมควรเลย  อ้ะ! ผมเห็นพู่กันโผล่มาจากกระเป๋าเสื้อเขาด้วย  ฉันคิดว่านาย...น่าจะเอาเสื้อไปให้เขาซักรีดสักหน่อยนะ”  ผมแนะนำ เขาหัวเราะออกมาอีกครั้ง

     

              ฮ่าๆๆ คิกๆ  พอดีฉันอยู่แต่ในห้องวาดรูปน่ะ  เลยเบลอๆไปหน่อย”  เขาหยุดแล้วหัวเราะเสียงดัง มันน่าขำตรงไหนวะ? แล้วก็พูดขึ้นมาอีกเมื่อหยุดขำแล้ว  นายนี่ตลกดีแฮะ ไม่มีใครกล้าพูดกับฉันแบบนี้มาก่อนเลยนะ

     

              กล้าอ้าววว  คิมฮิมชานเป็นลูกผอ.รึ

     

              เอ้า นายเป็นลูกผอ.เหรอ”  ถามแม่ม

     

              ฮิมชานหัวเราะจนท้องแข็ง  ผมได้แต่ยืนมองอย่างงงๆ เขาเป็นคนอารมณ์ดีหรือจิตไม่ปกติกันแน่บอกที  ปากบางนั่นทำท่าจะพูดอะไรออกมาอีกแต่ก็ต้องหยุดเอาไว้เพราะเสียงประกาศที่ดังขึ้นมาแทรกจังหวะ

     

              นักเรียนเข้าใหม่ให้ไปรายงานตัวที่หอประชุมใหญ่

     

              อา...ฉันต้องไปก่อนแล้วนะ  ไว้เจอกันที่ห้องเรียน”  ผมโบกมือลาเขา ฮิมชานพยักหน้าแล้วโบกมือลาเช่นกันด้วยรอยยิ้มที่เปื้อนหน้า ผมเดินไปจนลับตาเขาแล้วเดินเข้าไปในหอประชุมใหญ่พร้อมกับนักเรียนรายอื่นอีกมากมายที่เพิ่งเข้ามาใหม่

     

              จองแดฮยอน ม.ปลายปีสาม หมายเลขที่เท่าไหร่นะ?”  บนโต๊ะทะเบียนมีอาจารย์ท่าทางใจดีที่ใส่แว่นตากรอบสี่เหลี่ยมอันใหญ่เหมือนอาราเล่ถามผมเรื่องเลขที่ประจำตัว ผมตอบไปว่า ใช่ครับ..ผมหลายเลขที่หกร้อยหกสิบหกครับ

     

              “อะไรนะนักเรียน?”  อาจารย์ถามเสียงสูงขึ้นมาอีกหน่อยอย่างแปลกใจ ผมเลยตอบไปอีกครั้ง  หกร้อยหกสิบหกครับ”  ผมได้ยินเสียงครางเบาๆในลำคอของอาจารย์ที่เหมือนจะดูตกใจไม่น้อย ก็เข้าใจว่าเลข666มันเป็นเลขไม่มงคลสักเท่าไหร่ แต่ท่าทางเขาดูกลัวๆนะ

     

              อาจารย์หยิบปากกาขึ้นมาเขียนอะไรยึกยือใส่หนังสือรับนักเรียนใหม่ต่อไปแล้วไม่ถามอะไรผมอีก ยื่นหนังสือเล่มเล็กๆนั่นนั้นมาให้ผมอย่างรวดเร็ว  ผมรับมันมาแล้วก้มลงอ่านเพราะในนี้ดูเหมือนจะมีแผนที่ทางต่างๆในโรงเรียน  ห้องเรียนและเลขที่ห้องนอนของผมอยู่ด้วย

     

              ‘303’

     

              หืม? ห้องนอน303 งั้นเหรอ  งั้นก็คงต้องเอาข้าวของพะรุงพะรังนี่ไปเก็บบนห้องซะก่อนแล้วค่อยไปทำความรู้จักกับโรงเรียนไฮโซนี่ละกันนะ

     

              ตึก  ตึก  ตึก

     

              ผมเดินขึ้นบันได  มันเป็นบันไดวนๆ  ด้านในหอมีรูปภาพตั้งเรียงรายติดผนังเต็มไปหมด มีทั้งภาพของดังๆหลายภาพอย่างของเรมบรันต์ ศิลปินชื่อดังชาวเนเธอแลนด์  ภาพของแวนโก๊ะ ปีกัสโซ  และก็โมนาลิซ่าที่ดูจะใหญ่กว่าปกติ มันตั้งตระหง่านอยู่กลางหอทันทีที่ผมเดินเข้ามาด้านใน  แต่เดี๋ยวนะ...คือภาพพวกนี้มันต้องอยู่ในพิพิธพันธ์ไม่ใช่เหรอเนี่ย  ในขณะที่ผมคิดผมก็หยุดเดินแล้วมองลงไปด้านล่าง  มันสวยมากจริงๆ สวยจนผมไม่กล้าอยู่เลย(กลัวทำของเขาเสียหายนั่นเอง)

     

              นายควรเอาของนายไปเก็บก่อนที่จะมาชมภาพศิลปะจอมปลอมที่เด็กนักเรียนวาดเลียนแบบมานะนะ

     

              ใครบางคนที่เดินลงมามองผมด้วยแววตาเรียบนิ่งและน้ำเสียงที่ดูหยามเหยียดพอสมควร เขาเป็นผู้ชายผมสีน้ำตาลอ่อน  ใส่แว่นตากรอบเหลี่ยมสีดำที่ดูดีทีเดียว  ในมือนั่นถือหนังสือเรียนวิชาประวัติศาสตร์อยู่และเสื้อผ้าที่ใส่อยู่ก็เรียบร้อย รีดเรียบเป๊ะ  แถมยังดูคุณชายพุฒิภัทรสุดๆ(มาจากไหนเนี่ย - - )  ป้ายชื่อกรอบสีทองเล็กๆติดอยู่ที่หน้าอกข้างซ้ายเขียนว่า ยูยองแจ  แต่ว่าภาพทั้งหมดเนี่ยน่ะเหรอนักเรียนวาด  สงสัยที่ว่ากันว่านักเรียนโรงเรียนสมิคฟอร์ดเก่งเรื่องวาดรูปกันเยอะก็คงไม่ใช่แค่เรื่องโม้ซะแล้ว  ผมหลุดจากภวังค์แล้วพยักหน้าทันที  เอ่อ คือฉันเพิ่งเข้ามาใหม่วันแรก ขอโทษด้วยถ้านายไม่พอใจ

     

               “ไม่ได้บอกว่าไม่พอใจ แค่แนะนำว่าให้เอาไปเก็บก่อน  นายเป็นพวกคิดไปเองหรือยังไงกัน” 

     

              เขาพูดแล้วทำหน้านิ่งเหมือนเดิม ผมกำลังจะตอบกลับแต่หมอนั่นก็ผลักไหล่ผมให้พ้นทางแล้วเดินแดะๆ ลงไปแล้วไม่หันมามองอีก ขอบคุณมาก! เขาเป็นผู้ชายที่ดูเป็นมิตรและน่ารักซะยิ่งกว่าอะไร บางทีผมอาจจะได้เป็นเพื่อนสนิทหมอนี่ตอนที่เข้ามาอยู่ได้สักพัก... ประชดน่ะนะ  ผมมองเขาจนลับตาแล้วถอนหายใจออกมาเบาๆ  มือก็ลากอิกระเป๋านี่ไปด้วย โอ้ย!!! นี่มันมีอะไรเยอะแยะวะ แบกมาแบบไปลากมาลากไปจนข้อต่อจะหลุดอยู่แล้ว

     

              ครืดดด ครืดดด

     

              ผมลากกระเป๋าของตัวเองมาหยุดอยู่ที่ห้องที่มีป้ายไม้กลมๆ เขียนไว้ว่า ‘303’ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าไอ้ทางเดินที่ผมลากกระเป๋ามาเนี่ยมันเป็นพรมแดงอย่างกับมาต้อนรับแบรดพิตต์  ผมมองป้ายชื่อห้องแล้วหยิบกุญแจที่ได้รับมาพร้อมกับหนังสือเล่มเล็กนี่แล้วไขห้องเข้าไป  แล้วผมก็ต้องอ้าปากกว้างออกมาเพราะมันดูไฮโซและเริ่ดสุดๆ  เตียงเป็นเตียงขนาดใหญ่ที่มีผ้าบางๆขาวๆห้อยลงมาจากเสาที่อยู่บนหัวมุมเตียง ข้างๆเตียงนอนมีโคมไฟที่แลดูคลาสสิกในแบบที่ผมเคยเห็นแต่ในหนัง โต๊ะอ่านหนังสือเป็นไม้และก็มีกระจกบานใหญ่ที่ส่องเห็นได้ทั้งตัววางอยู่ใกล้ๆกับโต๊ะอ่านหนังสือ  หน้าต่างเป็นทรงครึ่งวงกลมบานใหญ่เบ่อเร่อเหมือนในโบสถ์คาทอลิกที่พอมองทอดออกไปจะเห็นภูเขาลูกสีเขียวและทุ่งดอกไม้หลังโรงเรียนได้อย่างไม่ยาก  ถึงแม้ห้องจะไม่กว้างเท่าบ้านผมแต่มันก็ใหญ่กว่าห้องนอนผมสองเท่า  ผมเปิดประตูห้องน้ำเข้าไปแล้วก็ต้องตะลึงอีกครั้งกับอ่างอาบน้ำจากุชชี่ที่นอนแอ้งแม้งอยู่  มีเครื่องทำน้ำอุ่น กระจกบานกลมๆที่ตั้งเหนืออ่างล้างหน้าที่ทำจากหินอ่อนไปนิดหน่อย  สบู่สีขาวนวลนั้นถูกแกะสลักเป็นรูปดอกกุหลาบและกลีบดอกกุหลาบจริงๆที่ถูกใส่ไว้ในถ้วยแก้วสีน้ำเงินใสๆ ตั้งไว้ใกล้ๆกับอ่างน้ำจากุชชี่เพื่อให้หยิบสะดวก  โอเค! ผมคิดจริงๆแล้วล่ะว่านี่มันโรงเรียนเจ้าชายชัดๆ และผมก็เป็นคนเลี้ยงม้าในวังที่ทำตัวเหมือนเจ้าชายเท่านั้นเอง

     

              ไม่นานผมก็จัดของเสร็จ...เอ่อ อันที่จริงก็ไม่ได้จัดหรอก แค่วางกระเป๋าเอาไว้เสร็จแล้วแค่นั้นเอง  สิ่งที่น่าสนใจกว่านี้ก็คือการสำรวจโรงเรียนใหม่นี่นะ คิดอย่างนั้นเองลงมาชั้นล่างทันทีด้วยความเร็วสูง  อา โรงเรียนใหม่ ครูใหม่ เพื่อนใหม่ จากนี้จะเป็นยังไงต่อไปกันนะ!

     

     

              จองแดฮยอนเดินลงมาชั้นล่างด้วยอารมณ์ลั้ลลาสุดแสนจะบรรยาย  ที่นี่มันสวรรค์ชัดๆ พ่อของเขาคงจะมีความสุขมากที่ได้สอนเด็กที่นี่และเขาเองก็คงจะมีความสุขที่ได้เรียนที่นี่เช่นกัน  เขามองไปรอบๆก่อนจะหยุดลงที่เด็กนุ่มที่เขาเคยพบเมื่อตอนเช้า

     

              ฮิมชาน! เฮ้”  เขาร้องเรียก ผู้ถูกเรียกหันกลับมา  แดฮยอน นายเอาของเก็บเรียบร้อยแล้วเหรอ?”

     

              “ใช่แล้วล่ะ ก็ว่าจะลองสำรวจโรงเรียนดูสักหน่อย”  เขาพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น  คิมฮิมชานยิ้มมุมปากกับสิ่งที่หมอนี่คิด...อา สำรวจงั้นเหรอ  นานเท่าไหร่แล้วนะที่ไม่ได้ยินคนพูดแบบนี้ มีแค่นักเรียนหมายเลขหกร้อยหกสิบหกคนนี้ที่ยงกุกบอกเท่านั้นเองที่คิด อะไรมันช่างเหมาะเจาะเสียนี่กระไร

     

              นายจะสำรวจ...พูดว่าสำรวจจริงๆน่ะเหรอ?”

     

              “ก็ใช่ไง

     

               เขายิ้มอีกครั้ง  แดฮยอนไม่เข้าใจว่าหนุ่มหน้าสวยคนนี้จะยิ้มไปเพื่ออะไรเลยได้แต่ยิ้มตอบกลับไป  ถ้านายจะสำรวจ ฉันมีที่หนึ่งที่แนะนำอยากให้ไปนะ

     

              “ที่ไหนเหรอ?”

     

              “สวนดอกไม้หลังโรงเรียนนั่นไง เป็นที่ที่ดอกลิลลี่สีแดงสวยมากๆเลย”  เขาตอบด้วยน้ำเสียงจริงใจแต่ความจริงก็แค่นึกสนุกเท่านั้น  แกล้งเด็กใหม่มันก็น่าสนุกดีนี่นะ

     

              ใครบอกว่าเขาเป็นคนร่าเริงแจ่มใส  ลืมไปได้เลย

     

              แดฮยอนทำหน้าสนใจ  ใช่เขาเห็นทุ่งดอกไม้นั่นอยู่ตอนมองออกไปนอกหน้าต่าง  นั่นทำให้เขาขอตัวไปทันที  ร่างบางกลั้นหัวเราะอยู่คนเดียวอย่างมีความสุขและก็ไม่มีใครจะหันมาสนเพราะรู้ๆกันอยู่ว่าคิมฮิมชานเป็นคนประเภทไหน  เขาค่อยๆหยุดหัวเราะและสายตานั่นก็บอกเป็นเชิงว่า

     

              มีเรื่องสนุกแล้วสิ

     

     

     

              บังยงกุกใช่เวลาในการค้นหาหนังสืออ่านในห้องสมุดมากกว่าเวลาพักผ่อนของเขาเสียอีก แต่จะว่าไปเวลาพักผ่อนของเขาก็คือที่นี่อยู่ดี  ร่างสูงชะงักไปเล็กน้อยเมื่อเห็นเงาของมุนจงออบที่เดินไปทางโซนวรรณกรรมและเสียงกระดิ่งดังกรุ๊งกริ๊งน่ารำคาญที่เจ้าตัวชอบนักหนา  แปลก ปกติหมอนั่นมักจะนั่งๆนอนๆเล่นกับตุ๊กตาเป็นโหลของตัวเองในห้องมากกว่า  แต่วันนี้กลับออกมาอ่านหนังสือในห้องสมุด

     

              สวัสดี”  เสียงทักทายที่ดูเหมือนคนเพิ่งตื่นนอนดังขึ้นมาจากด้านหลัง  ยงกุกไม่สะดุ้งอย่างที่ควร เขาได้แต่หันกลับไปแล้วมองลอดช่องที่ใส่หนังสือไปเห็นดวงตาของมุนจงออบและผมสีทองเป็นประกายน่าหมั่นไส้นั่นโผล่ออกมาเล็กน้อย  ทักทายได้แจ๋วดี”  ยงกุกแค่นยิ้มก่อนจะหันกลับไปเลือกหนังสืออีกฝั่งนึง

     

              กำลังตกใจที่ฉันมาแบบไม่ให้ซุ่มให้เสียงสินะ”  จงออบกวนประสาทด้วยน้ำเสียงโทนเรียบเช่นเดิม วันนี้ฉันไม่มีอะไรทำ แล้วก็ได้ข่าวแค่ว่านักเรียนหมายเลข666เข้ามาในโรงเรียนแล้ว

     

              “ไหนบอกว่าจะรับน้องใหม่  อย่าบอกนะว่านายทำตามคำสั่งของฉันด้วย

     

              “แน่นอนพ่อหนู  ฉันก็เป็นนักเรียนคนหนึ่งเหมือนกันเพราะงั้นคำสั่งของประธานนักเรียนและกฎเน่าๆของโรงเรียนฉันก็ต้องทำตามอยู่แล้ว  ไม่เหมือนคิมฮิมชานตัวดีของนาย

     

              “หมอนั่นไปทำบ้าอะไรอีก

     

              มุนจงออบเลิกคิ้ว  เขาไม่ตอบอะไรนานเสียจนยงกุกขมวดคิ้วแล้วหันมาเห็นร่างเล็กยังคงยืนจ้องเขาที่ช่องเล็กๆนั่นเหมือนเดิม  เขาถอนหายใจเบาๆแล้วทำท่าจะพูดอะไรบางอย่างต่อ  แต่จงออบก็ปัดหนังสือจากชั้นให้ร่วงลงมาตกพื้นดังตุ๊บต่อหน้าบังยงกุก

     

              ตุ้บ! ครึก ตุ้บ

     

              ยงกุกมองหนังสือที่กองอยู่บนพื้นสองสามเล่มแล้วเงยหน้าขึ้นมาจงออบด้วยแววตาไร้อารมณ์ยากจะคาดเดาว่าเขาคิดอะไรออก  แต่จงออบเคาะนิ้วเบาๆแล้วเอ่ยเป็นทำนองเพลง

     

              ก็ทำแบบที่ฉันทำกับหนังสือไง ผลักเขาลงไป - ในหลุมอันมืดมิด

     

              “เอาล่ะบังยงกุก  อาการประสาทๆน่าปวดหัวของเขากำลังจะเริ่มขึ้นอีกแล้วแน่ะ

     

              ชายหนุ่มถอนหายใจอย่างใจเย็น  เขาก้มลงเก็บหนังสือพวกนั้นขึ้นมาแล้ววางไว้ในช่องเช่นเดิมจนหมดครบทุกเล่ม  ในขณะที่ร่างเล็กยังคงยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับเขยื้อน  มือหนาเอื้อมไปหยิบหนังสือจากอีกมุมหนึ่งขึ้นมาถือ  เขามองจ้องลึกเข้าไปในดวงตาเรียวคู่นั้นแล้วพูดขึ้นมาบ้าง

     

              เรื่องประสาทๆ น่าปวดหัว... เห  นั่นไม่ได้หมายความว่าเป็นเรื่องที่นายชอบเหรอ?”

     

               บังยงกุกยิ้ม  ยิ้มในแบบที่ไม่มีใครเข้าใจได้และเดินออกจากตรงนั้นอย่างรวดเร็วทิ้งให้มุนจงออบยืนอยู่ตามลำพัง  เขามองร่างสูงที่ทำตัวเป็นประธานนักเรียนที่แสนน่ารังเกียจจนลับตา  มือข้างหนึ่งกำแขนของตุ๊กตาเด็กผู้หญิงผมสีดำขลับยาวสลวยเหมือนกับผมของมนุษย์ไม่มีผิดเพี้ยนและริมฝีปากที่แดงเป็นมัน ดวงตาสีแดงกลมโตนั่นจ้องมองเป็นทางตรง

     

              ร่างบางยกตุ๊กตาขึ้นกอดแนบอก พร้อมกับพึมพำเสียงแผ่วที่ไม่มีใครได้ยิน...

     

              หายนะกำลังจะมาเยือน...อา แต่ฉันชอบมันจัง

     

              

     

              หากจะถามว่าเด็กหนุ่มคนไหนเป็นพวกมีมันสมองฉลาดเฉลียว หล่อเหลา  ตลกร้าย และเหลี่ยมจัดมากที่สุดในชั้นมัธยมปลายล่ะก็ ทั้งสมิคฟอร์ดก็มีอยู่คนเดียวที่โดดเด่น นั่นก็คือ  ซอนัมโซ

     

              ร่างสูงเดินผิวปากอยู่ในอาคารเรียนชั้นสามของตึก ในมือถือหนังสืออยู่สองสามเล่ม  ในหัวคิดถึงเรื่องแปลกๆที่ลีโฮยอนฆ่าตัวตายในโรงเรียน  เขาไม่เคยคุยกับหมอนั่นมากเท่าไหร่แต่ก็ไม่ใช่จะไม่รู้จักเลย  ลีโฮยอนเป็นคนพูดน้อย ผิวขาวซีดเหมือนกับชื่อของเจ้าตัวที่แปลว่าหิมะและไม่ค่อยมีเพื่อนมากมายเท่าไหร่แต่อย่างน้อยจางโกซองก็เป็นหนึ่งในนั้น

     

              แต่ที่น่าสงสัยมากที่สุดคือสัญลักษณ์ school day 666 นั่น

     

              ลีโฮยอนเขียนมันมาเพื่ออะไร?  ทำไมถึงเขียน และอะไรคือสาเหตุที่ทำให้เขาต้องฆ่าตัวตาย ได้ยินมาว่าลีโฮยอนมักจะถูกเพื่อนนักเรียนแกล้งอยู่เสมอและตัวเองก็ไม่ค่อยสู้คนทำให้เจ็บเนื้อตัวบ่อยๆ  แต่นั่นจะเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ลีโฮยอนคนนั้นฆ่าตัวเองตายได้ยังไงมันจะใช่ได้ยังไง?

     

              เขาเก็บงำความสงสัยของตัวเองเอาไว้ แล้วเดินตรงเข้าห้องเรียนไป 

     

              อ้ากกกกกกกกกก!!!!”

     

              เสียงของเด็กนักเรียนด้านนอกดังขึ้นเสียงดัง  นัมโซรีบหันกลับไปแล้ววิ่งออกมานอกห้องเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น นักเรียนคนอื่นๆต่างก็รีบวิ่งออกมาจากห้องเรียนอย่างพลุกพล่านเช่นเดียวกัน  แล้วก็ต้องพบกับร่างทั้งร่างที่นอนโชกเลือดอยู่ที่สนามบาสด้านล่าง  เลือดสีแดงแตกกระจายอยู่รอบๆตัวเขาและดูจากด้านบนก็รู้ว่าหมอนั่นแขนขาบิดอย่างผิดรูปเพราะเกิดจากแรงกระแทก  เด็กหนุ่มที่ดูเหมือนจะเป็นเด็กชั้นม.ปลายสีสองที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดร้องไห้แล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นเทา

     

              เขา...เขา  เขาตกลงไปจากชั้นเมื่อกี๊นี่เอง

     

              เกิดอะไรขึ้น”  เสียงเคร่งขรึมของฮวางซองชินกรรมการคุมกฎสุดหล่อเดินแหวกฝูงชนเข้ามาอย่างรวดเร็ว ทันทีที่เห็นศพของนักเรียนด้านล่าง นั่นทำให้เขารีบวิ่งลงไปดูอาการทันที  นัมโซมองแผ่นหลังของเพื่อนร่วมชั้นแล้วแค่นยิ้มมุมปากอย่างยียวน  แล้วคิดว่านี่มันต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลแน่ๆ  คนดีๆจะตกลงไปได้ยังไง

     

              สายลมพัดผ่านใบหน้าของเขาไปอย่างรวดเร็ว  นั่นทำให้นัมโซรู้สึกแปลกๆอย่างประหลาด  เขาหันมองไปรอบๆ แล้วก็ต้องพบกับรูปรวมนักเรียนในชั้นเรียนของเขาที่ถ่ายเมื่อต้นปี  ในนั้นมีอีกหนึ่งคนที่มองมาทางเขา  ใบหน้าที่เปื้อนยิ้มบางๆของหมอนั่นทำให้เขารู้สึกใจไม่ดีเอาเสียเลย

     

     

              ลีโฮยอน...

     

     

              ________________________________________________________________________________________________



     

    ดีจ้ารีดเดอร์ ><

    คือไรต์จะบอกว่าจะมีตอนอดีตสมัยที่เริ่มคำสาปแทรกในเรื่องมาด้วยในทุกๆตอนเลย

    คงไม่ว่าอะไรกันชิมิ  ตอนนี้ออกมาครอบ6คนเลย  ทั้งจางโกซอง  คิมฮิน  คิมเซจุน

     เซฮีวอน  ฮวางซองชิน ลีโฮยอน และซอนัมโซ ใครเป็นใครก็เดากันเองละกันนะ

    ป.ล หลายคนทายถูกแบบเป๊ะๆ และหลายคนก็เดาไม่ถูกเลย ฮ่าๆ (อันสองนี่เยอะ)

    ขอบคุณทุกๆคอมเม้นต์และหลายๆคนที่ติดตามกันมานะจ๊ะ

    มาแค่นี้แหละ เจอกันตอนต่อไปเมื่อเม้นครบ 20 นะเอออ ^^


    -------




    CRY .q
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×