ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (fic b.a.p) SCH0ΘL dαч ๖๖๖

    ลำดับตอนที่ #2 : RETRACE I

    • อัปเดตล่าสุด 24 พ.ค. 56


    RETRACE

    I

     

     

    นักเรียนหมายเลขที่666 ความจริงแล้วจะเป็นผู้กล้าในการปลดปล่อยคำสาป....
    หรือเทวดาตกสวรรค์ผู้นำมาซึ่งหายนะกันแน่

     

     

     

     

     

              “นี่พวก

              เสียงแตกหนุ่มของเด็กชั้นมัธยมต้นคนหนึ่งเริ่มเรื่องสนทนากับเพื่อนอีกสองคนที่นั่งกินข้าวด้วยกันในโรงอาหารขนาดใหญ่ของโรงเรียน  เขาวางช้อนลงเมื่อนึกถึงเรื่องที่ควรจะเล่าตั้งนานแล้วได้

              ว่าไง

              “พวกนายเพิ่งเข้ามาใหม่  รู้อะไรหรือเปล่าว่าโรงเรียนนี้มันไม่ปกติ”  เขาพูดพร้อมกับทำหน้าชวนสยอง เพื่อนๆอีกสองคนทำหน้าประหลาดใจ  เด็กชายกวักมือเป็นท่าที่ให้เพื่อนผู้มาใหม่ทั้งสองยื่นหูเข้ามาใกล้

              ก็...คำสาป school day 666 ของที่นี่ไง

              “สะ...สคูลเดย์  หกร้อยหกสิบหก”  เด็กใหม่ขยับปากตามแล้วก็ต้องรู้สึกขนลุกซู่ด้วยความหวาดกลัว  มันดูขลังๆ อย่างประหลาด ผู้เล่าพยักหน้าแล้วพูดต่อ

     
     

              ฉันจะเล่าให้ฟัง  ต้นเหตุแห่งคำสาปนั่น...

     

     
     

              6 / 6 / 19XX

     

              ตึก

     

              ตึก

     

              ตึก

     

              เสียงย่ำเท้าในความมืดมิด  นาฬิกาลูกตุ้มที่ตั้งไว้กลางหอพักนักเรียนชายโรงเรียนสมิคฟอร์ดบอกเวลาเป็นเวลาเที่ยงคืนเป๊ะ  มีแค่แสงไฟสลัวๆจากดวงจันทร์บนฟ้าเท่านั้นที่ทำให้ เขา มองเห็นของทุกอย่างได้รางๆ  ร่างเล็กเดินไปตามทางพรมสีแดงและหยุดอยู่ตรงหน้าห้องของตัวเอง

     

             แอ้ด...ดด

     

             เปิดประตูไม้สักเข้าไปอย่างไม่รีบร้อน  เดินไปทางหน้าต่างแล้วเปิดผ้าม่านสีครีมหม่นของตัวเองเผยให้เห็นเงาของตัวเองที่แสงจันทร์สะท้อนผ่านกระจกใสๆนั่น  เขาค่อยๆหันหน้าไปมองกระจกเงา เผยให้เห็นเด็กหนุ่มหน้าขาวเนียนที่มีรอยช้ำข้างแก้ม  ทรงผมที่ไม่ได้จัดแต่งและใบหน้าซูบซีดแต่แฝงไปด้วยเสน่ห์อันแสนประหลาดที่ทำให้คนหยุดมองได้  ชุดเครื่องแบบสีขาวของสมิคฟอร์ดที่ดูหลุดลุ่ยและเนกไทที่สวมไม่เข้าที่นั่น  ดูก็รู้ว่าเขาคงจะโดนทำร้ายร่างกายมา.... อีกตามเคย

     

              ร่างบางหยิบมีดเล่มเล็กขึ้นมาจากใต้หมอนด้วยใบหน้าเรียบเฉย  แล้วค่อยๆ บรรจงกรีดข้อมือบางของตัวเอง เลือดสีแดงเข้มไหลหลั่งลงมาช้าๆ แต่ไม่มีทีท่าว่าจะหยุด

     

              เจ็บ  เจ็บจนอยากจะตายเสียให้รู้แล้วรู้รอด แต่ยัง  ยังไม่ตาย  อยากจะทรมาณตัวเองจนกว่าร่างกายจะรับไม่ได้เสียก่อน  อยากทำให้พวกมันรู้ว่าเขาเจ็บปวดมากแค่ไหน

     

              มืดเล่มเล็กเลื่อนไปมาที่ข้อมือมาถึงแขน  เขากดมันลงไปจนกลายเป็นประโยคบางอย่าง  ผ้าปูที่นอนสีขาวกลายเป็นสีแดงฉานของเลือดที่ไหลลงมาอย่างน่ากลัว  เมื่อกรีดแขนตัวเองเป็นคำที่อยากจะบอกเสร็จ เขาวางมีดลงแล้วเดินไปหยุดอยู่ที่หน้ากระจก  ใช้มือของตัวเองที่จับมีดนั่นแหละทุบกระจกจนแหลกละเอียด แตกกระจายเป็นชิ้นๆ ร่วงลงมาที่พื้น

     

              พวกแก...จะต้องชดใช้ทุกอย่างให้ฉัน

     

              เขาดึงผ้าม่านลงมา ยิ้มบางๆให้แสงจันทร์ที่ส่องกระทบดวงตาสีน้ำตาลเข้ม  ก่อนจะหยิบผ้าม่านนั่นไปผูกกับโคมไฟห้อยระย้าด้านบนเพดานโดยการยืนบนเก้าอี้  หลับตาลง แล้วค่อยๆ มองทุกอย่างในห้องเป็นครั้งสุดท้ายโดยเฉพาะตุ๊กตาหน้าตาน่ารักของตัวเองที่ยิ้มหวานอยู่ที่หัวเตียง ก่อนจะหย่อนคอลงที่ขื่อผ้านั่นพร้อมกับเตะเก้าอี้ออกไป

     

              คึ่ก....คึ่ก

     

              อะ...อ่อก...อื้อ

     

              ร่างเล็กสั่นเทา  ชักกระตุก  ทรมานจนรู้สึกอยากจะตาย  ใช่ เขาต้องตาย นั่นคือสิ่งที่ต้องการ  ต้องการให้พวกที่กลั่นแกล้งเขาได้เห็นเขาในสภาพที่น่าสังเวชที่สุด  จะให้จำไปจนวันตาย จนกว่าจะตายจากกัน

     

              รู้สึกเหมือนขาดอากาศหายใจ น้ำหูน้ำตาไหลจนแยกไม่ออกว่าอะไรเป็นอะไร หน้าที่ซีดเซียวอยู่แล้วยิ่งซีดเข้าไปใหญ่เหมือนศพในโลงเย็น  เขาดิ้นอยู่สองสามที

     

              แล้วก็หยุดไป พร้อมกับดวงตาที่ยังคงเปิดค้างและริมฝีปากที่ยิ้มแสยะ  มองไปที่ประตู

     

            ฉัน...ก็แค่….

     

            รักนายมากไปเท่านั้น

     

     

              [ จองแดฮยอน ]

     

              ผมชื่อจองแดฮยอน  แค่จองแดฮยอน  แต่เพื่อนของผมมักจะเรียกผมว่าไอ้ห่วยจ๋อง  ครอบครัวของผมเรียกผมว่าแดฮยอน  คุณครูทุกคนที่โรงเรียนประจำจังหวัดเรียกผมว่าคุณจองเกรดต่ำ  หมาของผมเรียกผมว่าโฮ่ง  ผมอายุครบ 18 ปีปีนี้  และกลายเป็นหนุ่มเต็มตัวเมื่อผมกำลังจะเข้าศึกษาชั้นม.ปลายปีสาม

     

              ผมมันห่วย กีฬาก็ไม่ได้เรื่อง หากคุณเห็นผมไปเล่นฟุตบอลแล้วชนะล่ะก็ แจ้งตำรวจข้อหาโดฟยาได้เลย หรือถ้าเห็นผมทำข้อสอบได้เกิน65คะแนนล่ะก็  เอากล้องวงจรปิดมาตรวจได้เพราะผมคงจะแอบเอาหนังสือไปอ่านหรือหาวิธีขี้โกงจนได้ 

     

              แดฮยอน เกรดลูกออกแล้วแน่ะ”  แม่เดินเข้ามาแล้วยื่นใบเกรดให้ ผมทำหน้าเหมือนจะร้องไห้แล้วรับมันมาช้าๆ แล้วคลี่มันออกพร้อมกับอ่าน

     

             2.00”

     

              อืม... นี่แหละเกรดปกติของผม ทำเกรดได้สี่ก็มีอยู่ครั้งเดียวตอนป.หนึ่ง  ตอนเรียนชั้นประถมได้สามกว่าหน่อยๆ แต่พอขึ้นมัธยมแล้วจากนั้นคำว่าสามคืออะไรตรูไม่รู้จัก  ผมเชื่อว่าหลายๆคนคงเป็นเหมือนผม 

     

              แกก็ตั้งใจเรียนหน้อยสิโว้ยยย!  ไม่งั้นแกจะสอบติดมหาลัยอะไรได้บ้างห๊า!?”  เสียงของตาที่นั่งดื่มสาเกญี่ปุ่นกับเพื่อนรุ่นเดียวกันหันมาโวยวายใส่ผมเหมือนทุกครั้งที่ผมเปิดใบเกรด ผมเถียง

     

              โห่ตา ถ้าตาอยากให้ผมได้เกรดดีๆตาก็ลองมานั่งเรียนกับผมดิ  แล้วจะรู้ว่ามันยากนะตา

     

              “เถียงรึไอ้หลานคนนี้นี่! เดี๋ยวปั้ดโบกด้วยท่ายูโด

     

              “ระวังกระดูกล่ะตา”  ผมแลบลิ้นใส่แกแล้วเดินขึ้นบ้านไป  ตาได้แต่ทำหน้าเหมือนจะด่าปมแล้วก็เงียบไปเพราะผมหนีขึ้นมาก่อน  แม่มองแล้วส่ายหน้าอย่างเอือมๆ  โถ่เอ้ย  ผมมันก็แค่นักเรียนบ้านนอกคอกอีเลิ้ง ผมจะไปเก่งเหมือนนักเรียนในโซลได้ยังไง  ผมเคยเฝ้าฝันว่าสักวันผมอาจจะได้เข้าไปอยู่ในโรงเรียนดีๆ  อย่างสมิคฟอร์ด  โรงเรียนประจำชายล้วนที่สุดเก่งแล้วก็โด่งดังที่สุดในประเทศที่พ่อของผมเคยเป็นอาจารย์สอนที่นั่นก่อนที่จะเสียชีวิต  พ่อของผมเป็นคนเก่งมากส่วนผมไม่ติดท่านสักนิด  เลยได้แต่ฝันว่าตัวเองใส่ชุดสูทสีขาวลูกผู้ดีนั่น  แต่ผมก็เคยได้ยินเหมือนกันนะว่าสมิคฟอร์ดใช้เส้นของลูกหลานครูพอสมควร  ใครที่มีพ่อแม่เป็นครูหรือแม้แต่ภารโรงที่นั่น สมิคฟอร์ดจะรับเข้าได้ง่ายๆเลยทีเดียว

     

              แต่มันคงไม่ขนาดนั้นมั้ง...หรือถ้าใช่  ผมก็มีความหวังอยู่ล่ะนะ

             

              ผมเดินไปเปิดโน๊ตบุ๊คจะพังแหล่มิพังแหล่ของตัวเอง แม่บอกว่าถ้าผมทำเกรดได้ถึง3.00เมื่อไหร่จะซื้อให้ใหม่ แต่ผมว่าให้ผมแปลงร่างเป็นเรนเจอร์ยังจะง่ายกว่า

     

              กล่องขาเข้า 1’

     

              ผมเข้าเมล แล้วก็ต้องพบว่ามีคนส่งเมลบางอย่างมาให้  ผมกดเข้าไป

     

              ยินดีด้วย! จองแดฮยอน  ทางโรงเรียนสมิคฟอร์ดรับคุณเข้าศึกษาในปีการศึกษาหน้านี้   เนื่องด้วยคุณเป็นลูกชายของอาจารย์จองฮยอนจง  หากคุณต้องการเข้ารับการศึกษาในโรงเรียนของเรา ช่วยติดต่อกลับทางอีเมลและเตรียมตัวสำหรับปีการศึกษาใหม่นี้ หากได้รับจดหมายนี้แล้วท่านไม่ตอบกลับภายในสามวัน จะถือว่าสละสิทธิ์  ขอบคุณ

     

     

              ผมอ่านมันซ้ำไปซ้ำมาสิบรอบได้  โอ้พระเจ้าช่วยกล้วยหักมุก! ผมกำลังจะได้เข้าเรียนในสมิคฟอร์ด ผมจะบ้าตายผมรีบกดตอบรับอีเมลนั้นอย่างรวดเร็ว แหง ใครกันล่ะจะไม่อยากเข้าสมิคฟอร์ด โอกาสทองคำแท่งมาอยู่ตรงหน้าแล้วผมจะปฎิเสธให้โง่หรือไง

     

               ผมเลื่อนอ่านให้ละเอียดอีกที แล้วก็ต้องพบกับตัวหนังสือที่เล็กกว่าเพื่อนที่หัวมุม

     

              หมายเลขประจำตัวนักเรียนของคุณคือ 666’

     

     

     

              กรี้งงงง กรี้งงงงง!

     

              เสียงกริ่งบอกเวลาเป็นหกโมงเช้า  มันเป็นเสียงเพื่อปลุกให้นักเรียนชายที่ขี้เซาตื่นจากการนอนหลับมาทั้งคืน  เหล่าหนุ่มๆ ต่างลุกขึ้นมาอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้า และเตรียมตัวสำหรับการเรียนและกิจกรรมในแต่ละวัน  มีเวลาเตรียมตัวอีก45นาที  อีก15 นาทีพวกเขาต้องไปรวมตัวกันที่ห้องอาหารเพื่อทานอาหารเช้า  เป็นอย่างนี้ทุกวันจนเคยชิน

     

              ยกเว้นร่างของเด็กหนุ่มที่ยังคงนิ่งสนิทที่ห้อยอยู่บนเชือกผูกคอนั่น...

     

              ที่โรงอาหาร นักเรียนนั่งประจำที่กันถ้วนหน้า  เหลือเพียงที่ว่างที่หนึ่งที่ไร้ซึ่งเงาของเจ้าของที่ 

     

              มันไปไหนซะล่ะ”  เสียงของชายหนุ่มอายุสิบแปดถามเพื่อนอีกคนที่นั่งข้างๆกัน  แต่ก็ได้แค่คำตอบว่าไม่รู้กลับมา  ทันใดนั้นใครบางคนก็เดินเข้ามาพอดีกับไม้เบสบอลที่พาดบ่าอยู่  เขาเป็นผู้ชายที่หล่อหาจับตัวยาก แต่นิสัยขี้วีนปากหมาของเขาและกริยามารยาทที่ห่างไกลคำว่าสุภาพบุรุษสุดๆ  หากจะเปรียบเขากับตัวละครในนิยาย  ก็คงจะเป็นอัศวินที่โหดเหี้ยมไร้ความปรานี...อัศวินสีดำ

     

              ลี โฮยอนหายไปไหน?”

     

              “ผม...ผมไม่รู้ครับ

     

              “หวังว่าพวกแกคงไม่ได้ไปแกล้งเขาใช่ไหม  หืม?”   ร่างสูงใช้ไม้เบสบอลแตะเบาๆที่หัวไหล่ผู้ถูกถาม  บุคคลโดนต้อนส่ายหน้ารัวอย่างกลัวเกรง

     

              ผม...ผมไม่รู้เรื่องจริงๆครับคุณคิม ฮัน

     

              ไม่เอาน่าฮัน  นายกำลังทำให้เพื่อนๆกลัวอยู่นะ”   เจ้าของรอยยิ้มมีเสน่ห์เหลือล้นเดินเข้ามาพร้อมกับถาดอาหาร  เขากวาดสายตาไปรอบๆแล้วอมยิ้มให้ทุกคน  หน้าตาที่เหมือนกับคิมฮันราวกับแกะบ่งบอกได้เลยว่าพวกเขาเป็น ฝาแฝดกัน เพียงแต่ว่าคนน้องดูมีสง่า เรียบร้อย และสุภาพบุรุษ  ถ้าคิมฮันซึ่งเป็นอัศวินแล้วล่ะก็ เขาก็เหมือนกับเจ้าชายผู้สูงศักดิ์ คิมเซจุน

     

              แล้วโฮยอนหายไปไหน ปกติเขาจะมาที่นี่เป็นคนแรกๆ ทุกเช้านี่

     

              “เขาอาจจะทำธุระไม่เสร็จก็ได้”  เซจุนตอบเสียงนุ่ม แล้วนั่งลงบนโต๊ะอาหารโต๊ะถัดไป  เกมส์มันจบลงไปแล้วนี่นา  ใช่ไหม?”  

     

              เซจุนยกยิ้มมุมปาก  ฮันจิ้ปากอย่างขัดใจแต่ก็ต้องนั่งลงข้างๆน้องชายฝาแฝดอย่างจำยอม  ไม่ทันไรเสียงนุ่มๆที่เหมาะกับหน้าสวยๆของ จางโกซอง ก็เอ่ยขึ้นว่า

     

              ฉันจะไปตามเขามาให้แล้วกันนะ

     

              ขอบคุณนะ อา...กลับมาภายในสิบนาทีล่ะ ไม่งั้นสตูในชามของนายคงจะหมดแน่ๆเลยโกซอง”   เซจุนหันไปยิ้มให้เซฮีวอนหนุ่มน้อยแว่นตากลมๆเพื่อนในกลุ่มที่ทำหน้าเหมือนอยากกินสตูของโกซองใจจะขาด  ฮันลุกขึ้นจากเก้าอี้พร้อมกับบอกว่าจะไปกับโกซองด้วย  แล้วพวกเขาก็เดินออกไปจากโรงอาหารพร้อมกัน

     

     

     

              ในหอพักชาย  ไม่มีใครอยู่ที่นี่สักคนเดียว  จางโกซองกับคิมฮันเดินขึ้นบันไดวนอย่างเงียบเชียบ  อากาศชื้นๆ ของที่นี่พวกเขาอยู่มาตั้งแต่มัธยมต้นจนชินทำให้ดูไม่น่ากลัวสักเท่าไหร่  โกซองหันซ้ายหันขวาแล้วอมยิ้มออกมา

     

              ตอนเด็กๆ  ฉันเองก็ชอบแอบขึ้นมาเล่นแถวนี้ตอนทุกคนทานข้าวกัน มันเงียบดี

     

              ฮันไม่ตอบอะไร  โกซองหยุดพูดแล้วเดินตามทางเท้ามาเรื่อยๆ  จนถึงหน้าห้องของลีโฮยอน  มือเรียวเคาะประตูเบาๆ

     

              โฮยอน โฮยอนอา

     

              เงียบ  ไม่มีเสียงตอบรับจากคนด้านใน

     

              โฮยอน นายไม่สบายหรือเปล่า ให้ฉันเข้าไปไหม?”  โกซองถาม แต่ก็ยังไม่รู้สึกถึงความเคลื่อนไหวภายในนั้นอยู่ดี  ร่างบางหันไปมองฉันที่กอดอกอยู่ข้างๆกัน ทำหน้าเป็นไม่ห่วงแต่ก็ตามมาถึงที่นี่เลยเชียวนะ  มือเรียวบิดประตูและพบว่าไม่ได้ล็อก  เขาค่อยๆ เปิดเข้าไปช้าๆ

     

              แอ้ดดด ด ดดดด

     

              ภาพที่โกซองและฮันเห็น  แทบจะลมจับ ร่างของโฮยอนห้อยลงมาจากเชือกเส้นสีขาวแข็งแรงนั่น  ใบหน้าขาวซีดระคนเศร้าสร้อย เส้นเลือดสีแดงขึ้นรอบดวงตาที่มีน้ำสีใสคลอจนดูน่ากลัว  มือและเท้าหงิกงอแสดงให้เห็นถึงความทรมาณจนถึงขีดสุดจนสิ้นชีวิตลง แขนเรียวถูกสลักเป็นตัวอักษรบางอย่างเอาไว้ด้วยมีด รอยเลือดไหลลงมาเกาะตัวจนแข็ง จากแขนลงสู่พื้นเป็นทางยาว  สายตานั่นจ้องมาที่พวกเขา!

     

              “อะ...อา...ฮะ  โฮ

     

              โกซองน้ำตาคลอเบ้าด้วยความกลัวและช็อกสุดชีวิต  ร่างกายแข็งทื่อเหมือนจะเป็นลม โกซองไม่เคยเห็นศพเป็นๆแบบนี้มาก่อน ไม่เคยเลย   ฮันเห็นอย่างนั้นจึงรีบใช้มือปิดตาทั้งสองข้างของโกซองแล้วล็อกตัวร่างเล็กเอาไว้เพื่อไม่ให้ล้มลงไปเสียก่อน

     

              ฮะ...โฮ  โฮยอน  เกิดอะไรขึ้น?”   โกซองดิ้นแล้วร้องโวยวายอย่างขวัญเสีย  ร่างสูงหันหน้าหนีด้วยความเจ็บปวด  เกิดอะไรขึ้น เกิดอะไรขึ้นกับโฮยอนกันแน่ 

     

              นายตามโฮยอนนานเกินไปแล้วนา…”

     

              เซจุนเดินเข้ามาพร้อมกับฮีวอน  เขาหยุดพูดแล้วมองร่างทั้งร่างที่ห้อยอยู่บนเชือกด้วยสายตาอึ้งตะลึง  ฮีวอนเอามือปิดปากตัวเองแล้วกรีดร้องออกมา

     

     

              โฮยอนตายแล้ว!!!!!!!!”

     

     

              

     

               ไม่กี่นาที เหล่าครูอาจารย์ก็รีบเร่เข้ามาเพื่อจัดการกับเรื่องแปลกๆที่นักเรียนฆ่าตัวตายในโรงเรียน  หมอชันสูตรศพชาวต่างชาติถูกจ้างให้เข้ามาแล้วพลิกศพดูอย่างระแวดระวัง

     

              เขาฆ่าตัวตายเอง...แต่ว่ามีร่องรอยถูกชกต่อยและทำร้ายร่างกายอยู่  มีทั้งร้อยเก่าและใหม่”  เขาพูดในขณะที่มองใบหน้าและดวงตาของเด็กนักเรียน  รู้สึกกลัวอย่างประหลาด ทั้งๆที่เขาเจอศพมาเยอะแยะ

     

              แต่ศพนี้  เป็นศพที่น่ากลัวที่สุด

     

              ฮึก..โฮ  โฮยอนเขา  เขาเป็นนักเรียนเข้าใหม่เมื่อต้นปี และเขาก็มักจะถูกแกล้งเสมอครับ  โกซองพูดแล้วปาดน้ำตาของตัวเองทิ้ง  เซจุนกอดโกซองไว้หลวมๆ ในขณะที่คิมฮันดูเหมือนจะช็อกไปแล้ว

     

              แล้วรอยนี่...”  หมอหยิบแขนเย็นเฉียบขึ้นมา  คาดว่าเป็นคำใบ้ของผู้ตายก่อนจะเสียชีวิต

     

              เซจุนก้มลงมอง มันเป็นรอยกรีดเนื้อที่เขียนเป็นภาษาอังกฤษ 

     

              ‘ school day 666 / everybody must to die’

     

             

     

              ณ สมิคฟอร์ด

     

              ค.ศ 2013

     

              “น่าสนุกจังนะ

     

              น้ำเสียงเฉื่อยของ มุนจงออบดังขึ้นเมื่อมือเรียวบิดลูกบิดประตูห้องประธานนักเรียนของบังยงกุกเข้าไป  ชายหนุ่มนั่งอยู่บนโต๊ะทำงานแล้วขีดเขียนงานอย่างขะมักเขม้น

     

              ออกไปไป

     

              “นักเรียนหมายเลขที่ 666 กำลังมาที่นี่  ฉันว่ามันน่าสนุกมาก... เลยจะขอท่านประธานนักเรียนว่า  จะรับน้องใหม่สักหน่อย

     

              ยงกุกเงยหน้าขึ้นจากโต๊ะทำงาน

     

              นายมักจะเล่นแรงๆเสมอจงออบ  ฉันไม่อนุญาติ

     

              “นั่นสินะ”  เขาพูดด้วยเสียงโทนต่ำกว่าเดิมนิดหน่อย คำสาปกำลังจะได้รับการแก้ไข งั้นคิมฮิมชานคนสำคัญของนายคงไม่ได้แบบสวยๆ เอาไว้วาดภาพซะแล้ว

     

              “มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆนะ  นายอาจจะตายคนต่อไปก็ได้

     

              “ห่วงฉันด้วยเหรอขอบคุณมากนะ”  มุนจงออบยิ้มมุมปาก ก่อนจะเลื่อนเก้าอี้นั่งลง

     

     

              ฉันยุ่งอยู่”  ยงกุกพูดอย่างเริ่มรำคาญ

     

              ไม่มีใครฟังฉันเลย...เพราะอย่างนั้นฉันเลยไม่สามารถพูดอะไรได้มาก

     

              มุนจงออบลุกออกจากเก้าอี้ไม้  เขาเดินไปบิดลูกบิดประตูนั่นเบาๆ  ก่อนที่จะเดินออกไป ริมฝีปากบางก็เอ่ยคำพูดบางอย่างเสียงเรียบเชียบ แต่ทว่าเหมือนมีมนต์ขลังให้ยงกุกตั้งใจฟังอย่างประหลาด

     

     

              นักเรียนหมายเลขที่666 ความจริงแล้วจะเป็นผู้กล้าในการปลดปล่อยคำสาป....หรือเทวดาตกสวรรค์ผู้นำมาซึ่งหายนะกันแน่

     

     

     ____________________________________________________________________________________

     

    สวัสดีค่ะรีดเดอร์ทุกคน

    ไรต์ตัดสินใจแล้วว่าจะอัพเรื่องนี้พร้อมๆกับเดธเกมส์ค่ะ

    เรื่องนี้งงมาก  อย่างที่เคยบอก  มันเกี่ยวกับการเวลา อดีต และความแค้น

    เข้ามาอ่านกันแล้วก็เม้นให้ไรต์หน่อยเถอะค่ะ T^T

    สัดส่วนเม้นมันน้อยมากกับคนที่เข้ามาอ่าน ไรต์จะไม่ทนล่ะนะ ถ้าชอบก็เม้น ถ้าไม่ชอบก็กดปิดไปเลย

    ไม่ต้องมาทนอ่านต่อโดยไม่เม้นหรอก มันเสียความรู้สึกน่ะ เข้าใจนะคะ

    ถ้าคุณนักอ่านไม่เม้น ก็อย่าหวังว่าจะลงตอนต่อไปเลยค่ะ 

    อ่านตอนนี้แล้วอาจจะงง ใครตาย พวกมันคือใครฟระ? ฮัน เซจุนบ้าบอไรนั่น

    ถ้าอยากลุ้นก็ไม่ต้องอ่าน ถ้าอยากรู้ก็คลุมดำ

    V

    พวกนั้นคือบัพในชาติก่อน ในแปดสิบปีก่อนนั่นเองค่ะ

    แต่ใครเป็นใครก็เดากันเอาเองเน้อ ไรต์บอกแค่นี้พอ ฮ่าๆ

     

    บ้ายบายค่า ^^

    CRY .q
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×