การเดินทางของสายลม - การเดินทางของสายลม นิยาย การเดินทางของสายลม : Dek-D.com - Writer

    การเดินทางของสายลม

    โดย E'Nao

    ใครคนหนึ่งได้กล่าวไว้ ชีวิตเราก็เหมือนการวาดภาพ ที่ไรซึ่งยางลบ

    ผู้เข้าชมรวม

    239

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    7

    ผู้เข้าชมรวม


    239

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  รักอื่น ๆ
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  22 เม.ย. 57 / 02:54 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
         ชีวิตก็เหมือนการวาดภาพ ที่ไรซึ่งยางลบ



           "คุณหนูค่ะ มีโปสการ์ดถึงคุณหนูค่ะ" สาวใช้เดินนำโปสการ์ดและขนมนมเนยมาวางลงข้างหญิงสาวที่นั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์มาหลายวันแล้ว
           "ของฉันหรอ?" เธอถามด้วยความสงสัยแต่ก็ยังไม่ละสายตาจากหน้าจอคอม
           "เขียนชื่อคุณหนูค่ะ" สาวใช้วางโปสการ์ดลงหน้าหญิงสาว "จะเอาอะไรเพิ่มไหมค่ะ"
           "ไม่ละไปเถอะ" เธอบอก สาวใช้เดินออกจากห้องนอนของหญิงสาวผู้ที่เอาใจยากเป็นที่สุดของบ้าน
           ลม หรือ สลาลม ลูกสาวคนเดี่ยว แต่เป็นลูกคนที่สี่ของครอบครัว เธอจบจิตกรรม ซึ่งแตกต่างจากพี่ชายทั้งสามของเธอที่จบบริหาร เพื่อมาบริหารงานบริษัทอสังหาริมทรัพย์ของครอบครัว 
           สลาลม ที่เอาแต่ใจเป็นหนึ่ง เธอขอพ่อไปเรียนต่อที่อเมริกา และพึ่งกลับมาได้ไม่นาน ชอบทำเรื่องปวดหัวให้พ่อกับแม่และพี่ชายอยู่เสมอ ใช้เงินเก่งเป็นที่หนึ่ง และยังไม่คิดที่จะใช้ความรู้ที่จบมาในการทำงาน วันๆเอาแต่แต่งนิยายลงในเว็บไปวันๆ
           "ใครส่งมากัน" ลมหยิบโปสการ์ดใบเล็กที่มีรูปวิวของต้นไม้ที่ออกดอกเป็นสีชมพูบานเต็มต้นขึ้นมาดู ก่อนจะผลิกไปดูด้านหลังที่มีข้อความเขียนไว้เพียงแค่
           'ต้นพญาเสือโคร่งที่ดอยอ่างข่าง'
           "อะไรกันส่งมาแค่นี้นะ " ลมโยนโปสการ์ดทิ้งไปก่อนจะหันมาตั้งหน้าตั้งตาดูซีรีย์ของเธอต่อ

      สามวันต่อมา
          "คุณหนูค่ะ มีโปสการ์ดถึงคุณหนูค่ะ" สาวใช้เดินเข้ามาในห้องที่ปิดม่านไว้เพื่อไม่ให้แสงยามเที่ยงวันส่องเข้ามากวน ขณะที่เจ้าของห้องกำลังดูหนังอยู่
          "วางไว้ข้างเตียงแล้วกัน" เธอบอกก่อนจะหันสนใจหนังต่อสู้ต่อ
          "ค่ะคุณหนู" พูดจบสาวใช้ก็วางโปสการ์ดไว้ที่หัวเตียง

      หนึ่งปีต่อมา
          "คุณหนูค่ะ มีโปรสการ์ดถึงคุณหนูค่ะ" สาวใช้คนเดิมที่หนึ่งปีนี้นำโปสการ์ดเอามาให้เจ้าของห้องเป็นร้อยครั้งแล้วในหนึ่งปีนี้
          "วางไว้ที่เดิมแหละ" เจ้าของห้องที่กำลังอาบน้ำอยู่ในห้องน้ำตะโกนออกมา
          "ค่ะคุณหนู" สาวใช้วางโปสการ์ดทับบนโปสการ์ดที่ส่งมาให้ สลาลมที่มาเกือบอาทิตย์วันลง "คุณหนูอ่านไหมเนี้ย" เธอบ่นกับตัวเองก่อนจะเดินออกจากห้องไป
          ลมที่เดินออกจากห้องน้ำมามอง โปสการ์ดที่วางกองไว้ข้างโต๊ะหัวเตียงของเธอ "ใครส่งมากัน" เธอเดินไปหยิบโปสการ์ดใบล่าสุดที่สาวใช้พึ่งเอาขึ้นมาให้ รูปของแม่คะนิ้งเกาะอยู่บนต้นหญ้า ลมพลิกดูข้อความที่เขียนไว้
          'แม่คะนิ้งที่ภูกระดึง'
          "ของใครกัน" เธอถามกับตัวเองก่อนจะไล่เปิดดูโปสการ์ดแต่ละใบที่ส่งถึงเธอ สายตาเธอเลือบไปเห็นซองจดหมาย ที่กองรวมกันอยู่กับโปสการ์ด


      จาก งานแสดงภาพถ่าย "การเดินทางของสายลม"
      ถึงคุณ สลาลม เริศภัคดี

      "เอ๊ ส่งถึงเราหรอ งานแสดงภาพถ่ายการเดินทางของสายลม" ลมเปิดดูจดหมายที่ไม่รู้ส่งถึงเธอมานานหรือยัง ในนั้นมีเพียงการ์ดเชิญ "วันนี้วันสุดท้ายแล้วหรอ" เธอพูดกับตัวเอง แล้วพลิกดูการ์ดเชิญที่เป็นรูปของใครคนหนึ่งที่กำลังยืนมองพระอาทิตย์ตกอยู่ ทำให้ไม่เห็นใบหน้าของคนคนนั้น "งันไปดูหน่อยดีกว่า"

      'งานแสดงภาพถ่าย การเดินทางของสายลม'
          ลมในชุดกระโปร่งยาวสีฟ้าเสื้อยืดที่เธอไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงใส่ชุดนี้ออกมาข้างนอก ทั้งที่ปกติแล้วเธอจะแต่งตัวเริศหรูอยู่เสมอ แต่เธอรู้สึกว่าคล้ายชุดที่เธอใส่นี้เหมือนเธอเคยใส่มาแล้ว แต่สุดท้ายเธอก็ยังนึกไม่ออก
          "สวัสดีค่ะ" พนักงานหน้างานลุกขึ้นทักทายเธอ "มีบัตรหรือยังค่ะ" 
          "อันนี้ไหมค่ะ" ลมยืนการ์ดเชิญที่ส่งถึงเธอให้กับพนักงานดู
          "อ๋อค่ะ รอสักครู่นะค่ะ" พนักงานพูดก่อนจะเดินหลบเข้าไปในงานที่วันนี้ถึงจะเป็นวันจัดแสดงวันสุดท้ายแต่ก็ยังมีคนมาดูเยอะอยู่ 
          ลมหันไปดูป้ายหน้างานที่เขียนไว้เหมือนในการ์ดที่ส่งถึงเธอ

          'การเดินทางของสายลม

         "สวัสดีค่ะ" ใครคนหนึ่งทักลม ลมหันไปมองหญิงสาวในชุดเสื้อยืดสีดำกางเกงยืนส์ มีป้ายห้อยคอที่เขียนไว้ว่า เธอคือสตาฟของงาน
         "สวัสดีค่ะ" ลมตอบกลับแบบงงเล็กน้อย
         "ดิฉันชื่อเหมยรี่ค่ะ เรียกรี่ก็ได้ ส่วนคุณคงเป็นคุณสลาลมใช้ไหมค่ะ" รี่แนะนำตัวเอง
         "ค่ะ เรียกลมเชยๆก็ได้ค่ะ" เธอบอกก่อนจะก้าวเดินเข้าไปในงานตามคุณรี่ไป
         "นึกว่าคุณจะไม่มาแล้วซะอีกนะค่ะ" 
         "ฉันหรอค่ะ" เธอถามขึ้นอย่างงง ก็ไม่รู้ว่าใครส่งจดหมายถึงเธอ ทั้งที่เธอเป็นสาวไฮเทคจะตาย เดียวนี้ส่วนใหญ่ที่ติดต่อกับเธอก็จะส่งเข้า E-mail ของเธอทั้งนั้น เธอไม่ได้รับจดหมายมาตั้งแต่ก่อนเธอจะไปเรียนเมืองนอก และมันเป็นเรื่องแปลกมากที่มีคนส่ง โปสการ์ดให้เธอทุกอาทิตย์ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา "งานนี้ใครจัดขึ้นมาหรอค่ะ"
         "คุณวายุค่ะ เธอจัดงานนี้ขึ้นเพื่อนำรายได้จากการถ่ายรูปของเธอ เพื่อนำไปสร้างโรงเรียนบ้านสายลมค่ะ โรงเรียนนี้อยู่ในหุบเขาเข้าถึงยาก มีคุณครูเพียงสองคนค่ะ นักเรียนกว่าห้าสิบคนค่ะ" คุณรี่พูดแนะนำอย่างที่เธอทำมาตลอดจัดงานนี้ "วันนี้จะเป็นวันสุดท้ายของการจัดงานค่ะ ส่วนพรุ่งนี้จะเป็นการประมูลผลงานของคุณวายุ และเปิดส่วนจัดแสดงห้อง การเดินทางของสายลมค่ะ"
          "การเดินทางของสายลม ทำไมถึงตั้งชื่อนี้หรอค่ะ" ลมถามขึ้นด้วยความสงสัยตั้งแต่เดินเข้ามาในงานนี้แล้ว พนักงานที่กำลังให้ความรู้เกี่ยวกับรูปภาพต่างหันมามองเธอกันเป็นตาเดียวทั้งนั้น
          "เออคืออันนี้ดิฉันก็ไม่รู้ค่ะ แต่พรุ่งนี้คุณลมลองเข้ามาอีกรอบดูค่ะ คุณวายุเธออาจจะบอกก็ได้นะค่ะว่าทำไมถึงตั้งชื่อว่า การเดินทางของสายลม" คุณรี่หันมาบอกก่อนจะก้าวเท้าเข้าสู่บริเวณที่นำเสนอรูปภาพของวายุ
          "อ๋อค่ะ" ลมตอบด้วยความไม่สนใจมากมายอะไรนักก่อนจะหันไปมองรูปแรกที่อยู่ในสายตาของเธอ
          "รูปนี้มีชื่อว่า ตะ..." ยังไม่ทันที่คุณรี่จะพูดจบลมก็พูดขึ้นมาก่อน
          "ต้นพญาเสือโคร่งที่ดอยอ่างข่าง" 
          "ค่ะ รูปนี้ถ่ายไว้เมื่อสองปีก่อนค่ะ" คุณรี่มองลมอย่างงง ก่อนเธอจะไม่สนใจเพราะเธออาจจะเคยเห็นจากในอินเตอร์เน็ตก็เป็นได้ "คุณวายุเธอออกเดินทางเป็นปีค่ะเพื่อถ่ายรูปสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆในเมืองไทย ไปกับใครสักคนค่ะ สักคนหนึ่งที่ทำให้คุณวายุยอมที่จะเอาผลงานที่เธอรักมาประมูลขายเพื่อนำรายได้ไปสร้างโรงเรียน"
          "เออช่วยบอกหน่อยได้ไหมค่ะว่า ห้องการเดินทางของสายลม รูปเป็นยังไงหรอค่ะ" ลมหันไปถามด้วยความสงสัย เพราะจากการสังเกตของเธอรูปที่จัดแสดงในห้องนี้ส่วนใหญ่ ไม่สิ ทั้งหมดนี้เป็นโปสการ์ดส่งถึงเธอ พร้อมกับบอกชื่อสถานที่ถ่ายหรือไมก็ชื่อของรูปนั้นซึ่งเธอยังไม่ได้ดูจนครบ
          "ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ แต่ที่รู้คือ รูปในนั้นอาจจะเป็นคนที่คุณวายุเดินทางไปด้วยค่ะ" เธอบอกก่อนจะพาเดินไปดูรูปต่อไป
          "ในงานนี้มีรูปจัดแสดงทั้งหมดกี่รูปหรอค่ะ" ลมถามขึ้นด้วยความสงสัยอย่างมาก
          "เก้าสิบเก้ารูปค่ะ ในห้องอีกยี่สิบเก้ารูปนี้แหละค่ะ อ๋อ และรูปที่สำคัญที่สุดหนึ่งรูปค่ะ" 
          "เออตอนเข้างานคุณถามฉันใช้ไหมค่ะว่า นึกว่าจะไม่มาซะแล้ว หมายความว่ายังไงหรอค่ะ" ลมหันมาถามแบบตรงๆเธอไม่เข้าใจว่าทำไม พนังงานหรือแม้แต่คุณรี่ยังมองเธอแลปกๆตอนเข้างาน
         "คือยังงี่ค่ะ ตอนเริ่มจัดงานนะค่ะคุณวายุเธอให้ดิฉันส่งจดหมายที่มีการ์ดเชิญ ซึ่งปกติแล้วคุณวายุเธอไม่เคยเชิญใครแบบเป็นทางการมาก่อน และรูปบนการ์ดเชิญก็แปลกที่สุดเพราะเป็นรูปของหญิงสาวที่มองพระอาทิตย์ตก ซึ่งปกติแล้วคุณวายุเธอไม่ถ่ายรูปที่มีนางแบบนะค่ะ และตอนเปิดงานคุณวายุสั่งให้พวกเราทุกคนว่าถ้าคุณที่นำการ์ดเชิญใบนั้นมาให้ตอนรับอย่างดีที่สุด และพูดให้คุณมางานวันพรุ่งนี้ให้ได้ค่ะ" คุณรี่บอกเรื่องราวที่เธอถูกวายุสั่งไว้ให้กับลมฟัง
          "อ๋อค่ะ พรุ่งนี้งานประมูลจะเริ่มกี่โมงหรอค่ะ"
          "สิบโมงเช้าค่ะ แต่จะเปิดให้เข้าชมก่อนหนึ่งชั่วโมงค่ะ"
          "งันพรุ่งนี้เจอกันนะค่ะ"

       

       

      งานประมูลผลงาน ชุด การเดินทางของสายลม

      ลมเดินเข้ามางานมาด้วยชุดสบายๆ เสื้อยืดชุดเอี้ยม ผมยาวถูกมัดรวบไว้อย่างลวก คล้ายว่าคนทำคงขี้เกียจหน้าดู เธอมาถึงงานก่อนเวลาเปิดชมงานถึงยี่สิบนาที ลมหันไปเห็นคุณรี่ที่กำลังยืนสั่งการอยู่ก็เข้าไปทัก

      “คุณรี่สวัสดีค่ะ” ลมทักทายหญิงสาวด้วยรอยยิ้ม เธอคิดว่านี้คงไม่ใช่เธอเป็นแน่ แต่เหมือนก็เหมือนว่าเธอเคยยิ้มอย่างนี้มาก่อน แต่เธอก็จำไม่ได้

      “อ้าวคุณลม มาแต่เช้าเลยนะค่ะ” คุณรี่หันมาทักทายหญิงสาวด้วยความเป็นกันเอง

      “ค่ะ พอดีเมื่อวานนี้รีบกลับเลยไม่ทันดูรูปจนหมด คุณรี่จะว่าอะไรไหมค่ะถ้าลมขอเข้าไปดูให้หมด” อันที่จริงแล้วเมื่อวานนี้ลมไม่ได้มีธุระอะไรเพียงแค่สงสัยเกี่ยวกับวายุและโปสการ์ดที่มีคนส่งมาให้เธอ เธอเลยกลับไปหาประวัติของวายุ และดูโปสการ์ดทั้งหมดของเธอ ที่มีเก้าสิบเก้าใบพอดี ตามจำนวนของรูปที่ตั้งโชว์อยู่พอดี

                      “ไม่เป็นไรค่ะ เพียงแต่อาจจะไม่สะดวกสักเท่าไรนะค่ะ เพราะมีคนงานกำลังจัดสถานที่อยู่” คุณรี่บอกก่อนจะหันไปถามพนังงานที่อยู่ใกล้ๆ “ถ้าคุณลมจะเข้าไปก็ระวังหน่อยนะค่ะ” เธอเตือนลมเล็กน้อยก่อนหญิงสาวจะเดินเข้ามาในงานที่ตอนนี้ไม่มีคนอยู่ในห้องจัดแสดงแม้แต่คนเดี่ยว

                      “ขอบคุณนะค่ะคุณรี่” ลมหันไปบอกก่อนจะเดินดูรูปต่างๆ

                      รูปทุกรูปที่ส่งให้เธอและคำบรรยายทุกรูปในโปสการ์ดเป็นชื่อของรูปที่จัดแสดงอยู่ในวันนี้ ลมเดินดูรูปที่ขนาดใหญ่กว่าโปสการ์ดที่เธอได้หลายเท่า  แต่ทุกรูปก็ยังคงสวยงามไม่ว่าจะมีขนาดใหญ่หรือขนาดเล็กก็ตาม ทางเดินที่เดินเป็นเขาวงกตที่ย้อนกลับออกมาทางเดิม ตลอดทางก็มีรูปติดให้ชม ทั้งหมดเก้าสิบเก้ารูป

                      ลมเดินมาสุดที่รูปสุดท้าย ที่ไม่เหมือนรูปของเธอ พร้อมกับชายคนหนึ่งที่ยืนมองรูปนั้นอยู่ ลมเดินเข้าไปดูรูปใกล้ๆ พร้อมกับยกโปสการ์ดขึ้นมาดู

                      “แม่คะนิ้งที่ภูกระดึง” เขาพูดขึ้นทำให้ลมละสายตาจากรูปไปมองชายที่ยืนอยู่ข้างๆ

                      “ค่ะ?” ลมมองชายที่อยู่ตรงหน้าด้วยความสงสัย “เราเคยเจอกันมาก่อนหรือเปล่า”

                      “แล้วคุณคิดว่าเคยเจอหรือเปล่าละ” เขาตอบและหันไปมองรูปนั้นต่อ ลมเห็นกระดาษสีน้ำตาลที่ห่ออะไรไว้สักอย่างอยู่ข้างตัวของชายคนนั้น “ผมชื่อลม แล้วคุณละชื่ออะไร” เขาหันมาทักทาย

                      ผมชื่อลมแล้วคุณละชื่ออะไร

                      ‘ลม ฉันชื่อลม’ /  “ลม ฉันชื่อลม”

                      อาการเดจาวู ที่อยู่ๆก็แลนเข้ามา ทำให้ลมยืนนิ่งมองชายที่ชื่อเดี่ยวกับเธอ ลมสะบัดหัวเล็กน้อยเพื่อให้อาการนั้นหายไป

                      “เป็นอะไรหรือเปล่า” เขาถาม

                      “เปล่าฉันแค่คิดว่าเราอาจจะเคยเจอกัน” ลมบอกก่อนจะยืนมองรูปนั้นข้างๆเขา

                      “ก็แค่เพื่อนร่วมโลก เราอาจจะเคยเดินผ่านกันก็ได้ คุณเลยคิดว่าเราสองคนเคยรู้จักกัน” เขาบอก

                      “คงงันแหละ คุณชื่อลมฉันก็ชื่อลม คล้ายเรียกชื่อตัวเองเวลาเรียกคุณเลยเน้อ” ลมหันไปยิ้มบางๆให้ เธอไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงเป็นคนที่คุยกับผู้ชายที่ชื่อเหมือนเธอก่อน

                      “แฟนผมก็ชื่อลม”

                      “ห๊ะ จริงดิ แล้วคุณเรียกเขาว่าอะไรละเวลาอยู่ด้วยกัน” ลมทำหน้าตกใจเล็กน้อยเรียกรอยยิ้มจากผู้ชายข้างเธอได้

                      “คุณลองทายดูสิ”

                      ลมนึกถึงป้ายหน้างาน การเดินทางของสายลม“สายลม คุณเรียกเธอว่าสายลมหรือเปล่า”

                      “คุณนี้เดาเก่งนะ” เขาพูดและเดินออกจากบริเวณนั้นไปทิ้งให้ลมมองดูรูปที่เก้าสิบเก้าเพียงคนเดียว

                      ผมเรียกคุณว่าสายลมแล้วกัน สายลมกับลม

                      ‘ก็ดีเหมือนกัน   

                      เสียงของคนสองคนดังขึ้นในหัวของเธอ “สายลม ทำไมคุ้นจัง  เหมือนใครสักคนเคยเรียกเราเลย” ลมสะบัดหน้าอีกที่ก่อนจะเดินออกจากส่วนจัดแสดง

                      บริเวณหน้างานที่เต็มไปด้วยผู้คนที่กำลังลงทะเบียนประมูลภาพ ลมคิดสนุกเลยไปลงทะเบียนด้วยอีกคน เพราะเธอติดใจรูปสุดท้ายของงานเพราะรูปอื่นเธอมีหมดแล้วถึงมันจะเล็กก็ตาม

                      ลมเดินหาที่นั่งหลังสุดที่เหลือเพียงที่เดียว เธอไม่ทันสังเกตเลยว่าคนที่นั่งข้างๆเธอคือชายหนุ่มที่ชื่อเดี่ยวกับเธอ ลมมองหมายเลขในมือ 99 ขนาดว่าเธอลงทะเบียนก่อนงานประมูลเปิดตั้งครึ่งชั่วโมงยังได้หมายเลย 99 แล้วตอนนี้ไม่ถึง สองร้อยสามร้อยแล้วหรอ

                      “เจอกันอีกแล้วนะสายลม” เขาทักเธอขึ้นเมื่อเห็นว่าหญิงสาวไม่ได้หันมามองเขา

                      “อ้าวคุณนั้นเอง มาประมูลด้วยหรอ”

                      “เปล่าละ แค่มานั่งดูการประมูลเฉยๆ” เขาตอบพร้อมกับหยิบถึงขนมออกมาจากย่ามใบเก่าที่ห้อยอยู่ๆ “กินไหม?” เขายื่นถุงขนมที่ในนั้นเต็มไปด้วยเม็ดมะม่วงหิมะพราน

                      “ไม่ละ” เธอตอบพร้อมกับหันไปมองเวทีที่พิธีกรของงานขึ้นกล่าวอะไร

                      “สวัสดีค่ะแขกผู้มีเกียรติทุกท่าน วันนี้นะค่ะทุกท่านคงเตรียมเงินในกระเป๋ามาพร้อมแล้วใช้ไหมค่ะ งันดิฉันขอให้ทุกคนรู้จักกับคุณวายุค่ะ” เสียงปรบมือดังขึ้น ในห้องที่มีคนอยู่เกือบสามร้อยคน

                      “สวัสดีครับทุกคน” วายุกล่าวทักทายง่ายๆ ก่อนจะหันไปมองป้ายด้านหลังเล็กน้อย “ผมว่าแล้วต้องมีการเข้าใจผิด แทบทุกงานเลยไหมเนี้ย” เขาพูด ทำให้นักข่าวที่นั่งอยู่ข้างหน้าถามขึ้นด้วยความสงสัย

                      “อะไรหรอค่ะ”

                      “ก็ดูสิ เขียนว่าผลงานของวายุ อันที่จริงต้องบอกว่าผลงานของปฐพี หรือไมก็ของลมนะครับ” เขาแก้ต่าง ลมที่นั่งอยู่มองอย่างงง ก็เขาชื่อวายุ ที่ชื่อเล่นว่า ดินไม่ใช้หรอ ทำไม

                      “ทำไมหรอค่ะ” นั่งข่าวคนเดิมถาม

                      “ทุกคนคงรู้นะครับ ว่างานนี้ผมโดนน้องชายวานให้จัดงานนี้ขึ้น แต่ใครที่ไม่รู้คงไม่แปลก แม้กระทักพนังงานที่จัดงานนี้ยังงงเองเลย ผมวายุหรือดิน ตัวแทนในการจัดงานนี้ให้กับปฐพีหรือลมน้องชายแฝดคนละฝาของผม” เสียงอุทานของใครหลายคนที่ไม่รู้เรื่องก็ดังขึ้น “หลายคนคงรู้นะครับว่าน้องชายผมชอบเดินทางถ่ายรูป ต่างจากผมที่ชอบวาดรูปมากกว่า ไม่ต้องงงอะไรมากหรอกครับ คนเข้าใจผิดเรื่องนายลมมีเยอะแยะไป แต่ครั้งนี้คงมีมากเลยละครับแม้กระทั้งคุณรี่” เสียงหัวเราะดังขึ้นไปทั่วห้องจัดงาน

                      “ผมว่าผมออกนอกเรื่องไปเยอะแล้วนะครับ งานนี้น้องชายผมต้องการจัดงานเพื่อนำเงินรายได้ไปสร้างโรงเรียนบ้านสายลม โรงเรียนที่ไหนผมก็ไม่รู้นะครับ เพราะผมเองก็ยังไม่เคยไป ในแผ่นพับคงมีบอกนะครับ งานประมูลนี้ผลงานทุกชิ้นจะเริ่มต้นที่ราคา 999 บาท อันนี้ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมต้องเลขเก้า ต้องกลับไปถามน้องชายตัวดีของผมแหละครับ” เสียงหัวเราะดังขึ้นอีกครั้ง ทุกคนยิ้มให้กับการพูดจาของวายุ

                      “การเดินทางของสายลม เป็นการเดินทางหนึ่งปีของน้องชายผมเจ้าชายสายลม ผู้ที่ไม่เคยอยู่นิ่ง เขาเดินทางไปกับหญิงสาวคนหนึ่งที่พวกเขาทั้งสองคนพึ่งได้เจอกัน ผมไม่รู้หรอกครับว่าเธอคนนั้นคือใคร เท่าที่ผมรู้คือ ผมอยากได้เธอมาเป็นน้องสะใภ้มากๆ เขาทำให้น้องผมเปลี่ยนตัวเองไปมาก” เขาหยุดพักเล็กน้อยก่อนจะมองไปรอบๆคนที่กำลังฟังเขาอยู่ “ห้องสุดท้ายที่จะเปิดแสดงวันนี้ ผมก็ไม่รู้อีกเหมือนกันว่าข้างในจัดแสดงรูปแบบไหน รู้แค่ว่าน้องชายของผมเป็นคนจัดเองทั้งหมด และห้องนั้นจะจัดแสดงเพียงแค่วันนี้วันเดี่ยวเท่านั้น อ๋อ ผมคงต้องบอกว่าเสียใจด้วยนะครับ ถ้าใครถูกใครรูปในห้องจัดแสดงนั้น งานแสดงในห้องนั้นไม่เปิดประมูลนะครับ” เสียงของใครหลายคนบอกถึงความเสียดายต่อรูปที่ยังไม่ได้ดู

                      “ผมขอเปิดงานแสดงภาพถ่ายชุด การเดินทางของสายลม ครับ” เสียงปรบมือดังขึ้น พิธีกรก็ขึ้นมาพูดต่อ

                      ลมหันไปมองชายที่นั่งข้างเธอ เขาหันมามองหน้าหญิงสาวที่ยิ้มเล็กๆให้

                      “คุณจะไปดูงานอีกห้องไหม” เขาถามขึ้น

                      “ไปสิไป รูปที่ฉันอยากได้อยู่ตั้งรูปสุดท้ายแนะกว่าจะได้ประมูลคงอีกนาน” ลมบอกก่อนจะลุกตามชายหนุ่มไป เขายังคงถือห่อกระดาษสีน้ำตาลอยู่ เธอเดาว่าน่าจะเป็นกรอบรูป

                      “คุณนี้ไม่เหมือนคนมาดูงานประมูลเลยนะ” เธอบอกไปเพราะดูจากชุดของชายหนุ่มแล้ว กางเกงยืนกับเสื้อยืดสบายๆ รองเท้าแตะ ย่ามใบเก่า แถมยังถือกรอบรูปที่ห่อด้วยกระดาษสีน้ำตาลอีก

                      “จะให้ผมแต่งยังไงละ” เขาถามแบบไม่ค่อยสบอารมณ์ ก่อนจะผลักประตูห้องเข้าไป

                      “ก็แต่งแบบ... ” ลมตะลึกกับความงามที่อยู่ข้างหน้า

       ต้นไผ่ที่ถูกตกแต่งด้วยดอกไม้สีชมพู ให้คล้ายต้นพญาเสือโคร่ง พื้นที่ปูด้วยหญ้าญี่ปุ่นทั่วทั้งห้อง ทำให้ห้องนี้ดูร่มรื่น อีกทั้งผนังที่ตกแต่งด้วยดอกไม้ต้นหญ้านานาชนิดทั้งห้อง ทำให้ห้องนี้คล้ายว่าอยู่กลางสวนดอกไม้ยังไงยังงัน รูปภาพที่ยังคงปิดด้วยผ้าสีขาวถูกร้อยเรียงต่อกันบนผนังด้วยเถาวัลย์ที่มีการบอกเล่ารายละเอียด ถึงรูปภาพนั้นๆอยู่ๆ ใต้ต้นไม้มีขาตั้งรูปอีกอันที่ยังไม่ได้ตั้งรูปไว้

      “สวยจัง” ลมเดินดูบรรยายกาศไปรอบๆ ที่มีขนาดไม่ใหญ่มาก ลมเอื้อมมือไปเปิดผ้าสีขาวแต่โดนชายหนุ่มตีมือซะก่อน

      “ซนจริงนะคุณนะ” เขาพูด ก่อนจะเดินไปวางห่อกระดาษที่เขาถือมาตลอดลงบนขาตั้งรูป “รูปสุดท้ายยังไม่ได้ตั้งรูปอื่นจะเปิดได้ไง” เขาบอก

      “คุณคือเจ้าชายสายลม ที่คุณวายุพูดถึงหรือเปล่า” ลมจับไหล่ของชายหนุ่มให้หันมามองหน้าของเธอ “คุณจริงๆด้วย”

      “ยุ่งน่า” เขาปัดความลำคาญ แต่เพราะความไม่มองทำให้เขาสะดุดขาตั้งรูปของเขา พร้อมกับล้มไปกองกับพื้น

      “เห้ย มาฉันช่วย” ลมเดินเข้าไปหยิบกรอบรูปที่ตอนนี้กระดาษห่อขาดออก ทำให้เห็นว่ากรอบรูปนี้แตกต่างจากกรอบรูปอื่นที่ส่วนใหญ่จะเป็นไม้สีน้ำตาล แต่กรอบรูปใบนี้เป็นไม้ไผ่ลำเล็กๆที่เอามาทำให้เป็นสี่เหลียม ลมแอบเห็นว่าข้างในมีการตกแต่งด้วยดอกไม้ตามขอบของกรอบรูปด้วย เธอหันไปมองชายหนุ่มที่กำลังตั้งขาตั้งรูปอยู่ เธอเลยดึงกระดาษที่ขาดอยู่แล้วให้ขาดออกอีก ทำให้เห็นรูปที่อยู่ข้างในชัดเจนมากขึ้น

      “คุณส่งมานี้!” ชายหนุ่มที่หันมาเห็น รีบดึงกรอบรูปของเขาไป

      “นั้นมันรูปฉันใช้ไหม” ลมยังงงๆกับสิ่งที่เธอได้เห็น “ในคือรูปของฉันใช้ไหม” เธอถามอีกครั้ง แต่เมื่อไม่ได้รับการตอบจากชายหนุ่ม เธอเลยเดินไปเปิดผ้าสีขาวจากรูปแรก

      ในภาพคือหญิงสาวที่กำลังนั่งอยู่บนรถเข็นในชุดโรงพยาบาล สายตาที่จองมองเท้าของตัวเอง คล้ายว่าเธอกำลังสำนึกผิด ผมยาวสีดำของเธอถูกปล่อยสยาเต็มหลัง

      ลมคิดว่าหญิงสาวในรูปคงได้รับความรักจากคนถ่ายอย่างมาก ถึงแม้ว่าเธอจะดูเศร้าแต่กลับทำให้คนดูยิ้มออกมาได้ ลมจะไม่แปลกใจเลยถ้าหากว่าหญิงสาวในรูปไม่ใช้เธอ

      “ขอโทษ” ลมอ่านชื่อของภาพที่เขียนติดไว้ข้างๆ “คงไม่มีผู้หญิงคนไหนทำให้ผมเอยขอโทษ เพียงแค่เห็นเธอก้มลงมองร้องเท้าตัวเองหรอกนะ”

      ลมหันไปมองเขาอีกครั้งที่กำลังงงว่าเกิดอะไรขึ้น ลมเลยเดินไปเปิดรูปต่อไป

      ในภาพคือหญิงสาวที่กำลังถ่ายภาพต้นพญาเสือโคร่ง มันเป็นภาพถ่ายข้างหลังของหญิงสาวที่กำลังตั้งกล้องจับภาพต้นไม้ที่ออกดอกอยู่ มุมหนึ่งของภาพมีที่หญิงสาวถ่ายไว้

      “ภาพถ่ายครั้งแรก”

      “เป็นเรื่องที่ตลกมาก ที่ผมชอบภาพรูปแรกของเธอมากกว่ารูปที่ผมรักมากที่สุด”

      ลมเดินไปเปิดรูปที่สาม มันเป็นรูปของหญิงสาวที่นั่งยิ้มอยู่กับช่อดอกไม้ที่มีเด็กชายนำมามอบให้ ช่อดอกหญ้าที่ถูกเก็บมาและมัดรวบรวมกัน

      “ดอกหญ้า”

      “ผมอิจฉาเด็กชายมากที่ได้รับรอยยิ้มอย่างงัน แถมยังได้มอบดอกไม้ให้กับเธออีก”

      ลมไม่ทันเดินไปเปิดภาพที่สี่เพราะปฐพีเดินมากันไว้ก่อน เขาจ้องเข้าไปในดวงตาของลม ที่ตอนนี้มีแต่ความมึนงง เธอไม่เคยใส่ชุดของโรงพยาบาลตั้งนานแล้วเป็นสิบปีได้แล้วมั้ง เธอไม่เคยไปถ่ายต้นพญาเสือโคร่ง เธอเคยถ่ายดอกซากุระที่กำลังบานที่ญี่ปุ่น แต่เธอจำได้ว่ารูปนั้นมีคนติดเต็มรูป และเธอจำได้ว่าเธอไม่ไม่เคยได้รับดอกหญ้าจากเด็กชายชาวดอย เธอเกียจเด็กและของไร้ค่าอย่างนั้นเธอไม่รับด้วยรอยยิ้มเด็ดขาด

      “มันหมายความว่าไง” ลมถามขึ้น

      “ก็หมายความอย่างที่เห็น” เขาตอบได้กวนมาก

      “ฉันไม่เล่นนะ รูปพวกนี้คือใคร แล้วโปสการ์ดพวกนี้คุณส่งให้ฉันใช้ไหม” ลมหยิบโปสการ์ดที่ได้มาโยนใส่ปฐพีที่ยืนอยู่หน้าเธอ

      “คือคุณ รูปทั้งหมดนี้คือคุณ โปสการ์ดพวกนี้ผมเองนี้แหละที่เป็นคนส่งไปให้คุณ” เขาตอบพร้อมกับเปิดภาพต่อไปให้ลมดู

      หญิงสาวที่นั่งอยู่ท้ายขบวนรถไป กำลังเขียนอะไรสักอย่าง แต่ถูกเรียกด้วยคนถ่าย  สายตาที่หันมามองกล้อง มันทำให้คนบ้างคนยิ้มได้ และนั้นคงเป็นตากล้องคนถ่ายรูปนี้แน่นอน

      “การเดินทางที่ไม่อยากให้สิ้นสุด”

      “ผมออกจะเป็นคนเดินทางบ่อย แต่การเดินทางครั้งนี้ผมไม่อยากให้มีปลายทางเลย”

      “นั้นไม่ใช้ฉัน” ลมสะบัดมือให้หลุดจากการเกาะกุมของปฐพี

      “เมื่อสองปีก่อนตอนคุณออกจากบ้านแล้วเกิดอะไรขึ้น” ปฐพีจับตัวลมให้หันมามองหน้าของเขา

      “เกิดอุบัติเหตุ และฉันตื่นหลังจากนั้นสามวัน” มันเป็นเหตุการณ์ที่เธอไม่อยากจำที่สุด หลังจากเธอตื่นขึ้นมาเธอเหมือนลืมบ้างสิ่งบ้างอย่างไป “คุณบอกว่าสองปีหรอ ไม่ฉันพึ่งกลับจากเมกาได้ปีเดียว และฉันเกิดอุบัติเหตุหลังจากกลับมาแค่สามอาทิตย์”

      “ใช้คุณกลับมาและเกิดอุบัติเหตุหลังจากกลับได้สามอาทิตย์ แต่นั้นเมื่อสองปีที่แล้ว คุณออกจากเป็นคนโพสต์อะไรลงอินตาแกรมตลอดไม่ใช่หรอ แต่หนึ่งปีนั้นมันหายไปไหนละ” ปฐพีถามขึ้นได้ตรงจุด เธอเองก็ยังงงว่าทำไมหนึ่งปีก่อนนั้นถึงไม่มีรูปหรือความเคลือนไหวอะไรเลยสักอย่าง “ลมเธอแค่ลืมเรื่องราวของเรา เรื่องราวหนึ่งปีที่ผ่านมาของเราสองคนแค่นั้น”

      “ฉันไม่เคยรู้จักคุณ” ลมหลับตาและสายหน้าไปมา

      “ชีวิตก็เหมือนการวาดภาพ ที่ไร้ซึ่งอย่างลบ ” ปฐพีพูดขึ้น ลมหันหน้าจ้องมองดวงตาของปฐพี

       เรื่องราวที่เธอไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นตอนไหน ความทรงจำเกี่ยวกับปฐพีและการเดินทางของเธอกับเขา อุบัติเหตุเมื่อสองปีก่อนและอุบัติเหตุเมื่อหนึ่งปีก่อน สถานที่ต่างๆที่เขาทั้งสองคนเดินทางไปด้วยกันตลอดหนึ่งปีที่ผ่านไป เรื่องราวต่างๆมากมายไหลเข้ามาในสมองของลมยังกะเขื่อนแตก โรงพยาบาล ต้นพญาเสือโคร่ง ช่อดอกหญ้า ทางรถไฟ โรงเรียนบ้านสายลม

      “การเดินทางของสายลม”
       

      ร่างบางของลมถูกอุ้มโดยปฐพีเดินออกจากห้องจัดแสดงไป โดยไม่สนสายตาของคนที่กำลังจ้องมอง วายุที่เห็นน้องชายอุ้มสาวออกมา เขารีบเดินลงจากเวทีทิ้งให้พิธีกรเป็นคนประมูลงานต่อ

      เขาเดินตรงเข้าไปหาน้องชายที่กำลังจะเดินออกจากอาคารจัดแสดงงาน ตรงไปยังโรงจอดรถ ปฐพีเปิดรถฟอร์จูนเนอร์สีดำของเขา พร้อมกับวางร่างบางของลมลงที่เบาะข้างคนขับ

      “ลมแกจะไปไหน แล้วนี้ใครกัน” วายุแตะไหล่น้องชาย หลังจากที่เขาว่างหญิงสาวลงแล้ว

      “จะพาเมียกลับบ้าน” เขาตอบ พร้อมกับเปิดประตูหลังเพื่อเอากระเป๋าย่ามของเขาเก็บ

      “เมีย เห้ยอะไรกันว่ะ แล้วงานแกจะเอายังไง” วายุยังงงกับสิ่งที่น้องชายพูด แต่เนืองจากน้องชายของเขานั้นค่อนข้างเป็นคนที่เก็บอารมณ์และมีความลับเยอะ แถมไม่ค่อยอยู่บ้าน การที่จะมีใครหรือมีแฟน มันเป็นเรื่องปกติ แต่เขากลับห่วงงานที่น้องชายตัวดีทิ้งไว้มากกว่า

      “พี่ก็ทำตามเดิมนั้นแหละ แค่พี่เก็บกรอบรูปที่ตกอยู่ไว้ ห้ามโชว์เด็ดขาด นอกนั้นก็โอเค” เขาเปิดประตูขึ้นรถไป

      “เออเดี่ยวฉันจัดการให้” วายุรู้ดี เพราะปกติแล้วทุกครั้งที่ปฐพีจัดงานแสดงภาพของเขา เขาเองนั้นแหละจะเป็นคนจัดงานให้ทั้งหมด แต่มีงานนี้ที่ปฐพีมาจัดงานเองแถมยังเปิดประมูลภาพอีก ทั้งที่ปกติแล้ว น้องชายเขาจะถ่ายภาพและจัดแสดง หลังจากนั้นใครที่ต้องการรูปไหนก็ติดต่อที่หลังเพื่อซื้อรูป และคนที่ซื้อส่วนใหญ่ต้องการที่จะได้รูปก็จะให้ราคาแพง เพื่อที่ตัวเองจะได้รูปนั้น โดยไม่รู้ว่า ใครที่ติดต่อมาคนแรก คนนั้นแหละจะได้รูปนั้นไป

      “ขอบคุณมากพี่ชาย” เขายิ้มบางๆแบบที่ยิ้มให้กับพี่ชายเป็นประจำ ก่อนจะสตาร์ทรถออกจากตรงนั้นไป

      “เมีย เห้อ ไม่อยู่บ้านแค่ปีเดียวถึงกลับมีเมีย แล้วตลอดปีที่ผ่านมาเมียมันไปอยู่ไหนว่ะเนี้ย โอ้ย กุมแทนพ่อกับแม่จริง” วายุบ่นไปพร้อมกับเดินเข้างานไป ทิ้งความสงสัยไว้ เดี่ยวกลับบ้านค่อยไปถาม แต่เขาคงคิดผิดเพราะปฐพีไม่ได้กลับบ้านพ่อแม่ แต่คือบ้านของเขา

       

      ปฐพีอุ้มลมลงจากรถหลังจากขับออกจากงานมาได้ไม่นานนัก บ้านปูนสองสามชั้น ที่มีชั้นล่างเป็นพื้นที่นั่งเล่นและที่ทำงานของปฐพี ส่วนชั้นสองเป็นพื้นที่รับแขกและห้องครัวที่ไม่ค่อยได้ใช้นัก ชั้นสามเป็นพื้นที่ของห้องนอนและห้องทำงานที่กินพื้นที่เกือบครั้งของทั้งชั้น

      ปฐพีวางร่างบางของลมลงที่โซฟาตัวยาว ที่ปกติแล้วปฐพีจะใช้นอนมากกว่าห้องนอนที่อยู่ข้างบน เขาหยิบยาดมจากโต๊ะวางของใกล้ๆ มาให้ลมดม

      “ลม ลม” เขาเรียกเธอเบาๆ ร่างบางเริ่มขยับเล็กน้อย

      “คุณ” ลมลืมตาขึ้นมาเป็นปฐพี นั่งมองเธออยู่  “ฉันเป็นลมใช้ไหม” เธอถามออกไป

      “ใช้ เป็นอะไรมากหรือเปล่า”

      “ไม่ละ” ลมบอกก่อนจะหันไปมองรอบๆ เธอจำได้ว่าตอนที่เป็นลมเธออยู่ในห้องจัดแสดงไม่ใช้หรอแล้วที่นี้มันที่ไหน “ฉันอยู่ที่ไหน”

      “บ้านผม” เขาบอกก่อนจะลุกขึ้นนั่งบนโต๊ะที่อยู่ใกล้ๆ

      “บ้านนาย ฉันมาได้ไง”

      “ผมพามาเองแหละ อยู่ในงานคนเยอะขนาดนั้นผมไม่อยากให้คุณอาย” อันที่จริงเขาอยากพาเธอมาที่นี้เองแหละ

      “หรอ งันฉันจะกลับบ้าน” ลมลุกขึ้น เธอพึ่งสังเกตเห็นรูปที่ห้อยอยู่ตรงใกล้กลับประตูเข้าบ้าน “นั้นฉันนิ” ลมเดินไปตรงที่รูปที่ห้อยอยู่

      มันเป็นรูปที่ลมถ่ายคู่กับปฐพีที่ไหนสักแห่ง ภาพพื้นหลังเป็นดอกไม้สีชมพูที่บานสะพัด เธอเดาว่าน่าจะเป็นดอกพญาเสือโคร่ง เธอรู้สึกอย่างงัน มันเป็นรูปที่ทำให้เธอรู้สึกว่า เธอกับคนในรูปดูรักกันมาก เพราะว่าคนทั้งสองจับมือกันอยู่ มือที่อยู่ระหว่างหน้าของคนทั้งสอง รอยยิ้มที่ทั้งสองคนยิ้มให้กัน ทั้งสองคนช่างมีความสุขเหลือเกิน

      ลมหยิบกรอบรูปที่ตั้งอยู่ขึ้นมาดู มันเป็นรูปของเธอและปฐพีในอิริยาบถต่าง แหละต่างสถานที่ หรือแม้แต่เป็นรูปเธอคนเดียว รูปของเธอกับเด็กๆที่โรงเรียนสักแห่ง รูปของปฐพีที่คนถ่ายคงแอบถ่ายสองสามรูป

      “นายอธิบายได้ไหม” ลมหันไปมองปฐพีที่ยืนอยู่ข้างหลังเธอ ใบหน้าของทั้งสองห่างกันเพียงไม่กี่เซน ลมรับรู้ได้ถึงลมหายใจอุ่นๆของปฐพี เธอตกใจและถ้อยหลังไป แต่คงลืมไปว่าข้างหลังเธอนั้นเป็นตู้วางของ

      “ว๊าย” ลมชนเข้ากับตู้อย่างจัง ทำให้เธอเกือบล้ม แต่มือหนาของปฐพีคว้าเอวบางไว้ได้ทัน ยิ่งทำให้ทั้งสองอยู่ใกล้กันมากกว่าเดิม

      “จะให้อธิบายหรอ ได้” ปฐพีจับเอวของลมให้หันไปทางตู้วางของที่มีกรอบรูปตั้งอยู่ เขาโอบเอวบางไว้ แล้วเอาคางเกยไว้กับไหล่ของลม “รูปพวกนี้ คุณเป็นคนเอาไปใส่กรอบและมาตั้งไว้ตรงนี้ รูปนี้ตอนที่คุณลงไปดำนากับชาวบ้าน” ปฐพีชี้ไปที่รูปของลมที่กำลังปักต้นกล้าอยู่ รอยยิ้มบางๆบนใบหน้า ทำให้รู้ว่าตอนนั้นลมกำลังมีความสุข “รูปนี้ตอนนั้นคุณชอบบรรยายกาศรอบๆ เลยขอให้ผมถ่ายให้ แต่ตอนนั้นผมคงลืมไปว่า ผมตั้งกล้องถ่ายไว้ แล้วคุณก็กระโดดกอดผมเอง” เขาชี้ไปที่รูปหนึ่งที่ ลมกระโดดกอบปฐพี ในมือของเขามีกล้องถ่ายรูปอยู่และหน้าของทั้งสองคนก็หันหน้ายิ้มใส่กัน และห่างจากกันไม่มาก “รูปนี้...”

      “พอแล้ว นายเอามือออกจากเอวฉันได้แล้ว” ลมหยุดไว้ก่อนที่ปฐพีจะทันพูดอธิบายถึงรูปต่อไป “ฉันจะ...”

      เสียงของลมหายไป เมื่อปฐพีหมุนร่างบางให้มาจันหน้ากับเขาแล้วก้มลงมอบจุมพิตให้กับลม จุมพิตที่แสนหวานของปฐพีทำให้ลมคิดว่าเธอคงเคยได้รับมันมาก่อน และคล้ายว่าเธออยากให้เขาจูบเธอย่างงี่อีก

      “ผมจะไปส่ง”

      “เดี่ยวสิ” ลมกอดปฐพีไว้ เมื่อเขาละมือออกจากเอวบางของเธอ ใบหน้าของลมแนบกับอกของปฐพีทำให้ได้ยินเสียงเต้นของหัวใจเขาได้ชัด

      “เราเคยรู้จักกันมาก่อนใช้ไหม”

      “แล้วคุณคิดว่าเคยรู้จักไหม?
       

                      หลังจากที่ลมกลับมาจากบ้านของปฐพีแล้ว เธอก็เอาแต่เก็บตัวอยู่ในห้องเพียงคนเดี่ยว นั่งคิดถึงเรื่องของเธอ หนึ่งปีนั้นเธอหายไปไหน แม่ของเธอบอกว่าเธออยู่อเมริกา ช่วงนั้นเธอเข้าค่ายอะไรสักอย่างเกี่ยวกับการวาดรูป ที่นั้นไม่มีอินเตอร์เน็ต และโทรศัพท์ของเธอก็พังไปแล้วตอนอุบัติเหตุเมื่อปีก่อน ทำให้รูปยืนยันว่าเธอเคยไปค่ายนั้นไม่มี แต่เธอไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับค่ายนั้นเลยสักนิด และอีกอย่างเธอไม่น่าจะอยู่ในสถานที่ที่ไม่มีความเจริญอย่างนั้นได้

                      ลมเปิดเปิดเฟสบุคขึ้นมาดูช่วงระยะเวลาที่แม่เธอบอกว่าเธออยู่ในค่าย หรือที่ปฐพีบอกว่าเธอกับเขาเดินทางไปทั่วประเทศเพื่อถ่ายรูป แต่สิ่งที่เธอเห็นนั้นความเป็นจริงนั้นเอนเอียงไปทางของปฐพีมากกว่าของแม่เธอ

                      พรุ่งนี้กลับบ้าน แล้วเจอกันที่เมืองไทยนะ โพสต์เมือ 23 ธันวาคม 2011’

                      ‘พ่อหยุดคิดสักที่ได้ไหมว่าฉันไม่เอาไหน โพสต์เมื่อ 13 มกราคม 2013’

                      ‘ออกเดินทางไปกับสายลม ฉันไม่รู้ว่าจะไปหยุดที่ไหน ฉันไม่รู้ว่าจะกลับมาตอนไหน สายลมจะพาฉันไปไหนฉันจะไปกับนาย โพสต์เมื่อ 14 มกราคม 2013’

                      “วันที่เราเกิดอุบัติเหตุ 14 มกรา ฟื้นหลังจากนั้นสามวัน ใช้ แต่ต้องบอกว่า หนึ่งปีสามวัน ช่วงเวลาหนึ่งปีนั้นหายไปไหน?” ลมถามตัวเองก่อนจะค้นหาเกี่ยวกับอาการความจำเสื่อม

                      “ถ้าเราความจำเสื่อมจริง แล้วรับข้อมูลว่าตัวเองอยู่ทั้งเมกาตลอดหนึ่งปีนั้น อีกทั้งเราก็ไม่ได้ออกจากบ้านไปไหนเลย ปลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา แม่ก็ไม่ได้บังคับเราเหมือนตอนกลับมา แถมยังสนับสนุนให้อยู่บ้านใช้ชีวิตไปวันๆอีก” ลมนั่งมองรูปของเธอกับปฐพี รูปที่เธอกระโดดกอดขึ้นหลังของเขา ที่ปฐพีให้มา

      “ฉันรู้จักนายจริงใช้ไหม?” ลมถามตัวเองเป็นร้อยรอบแล้วตั้งแต่กลับมาจากบ้านของปฐพี

      “ปฐพี สร้างศิลป์” ลมค้นหาประวัติของปฐพีใน google แต่เธอก็พบกับความผิดหวัง เมื่อส่วนใหญ่แล้วจะเป็นประวัติของ วายุ ซะมากกว่า คงเป็นเพราะปฐพีไม่ค่อยที่จะออกงานเท่าพี่ของเขาแหละมั้ง “ไม่มีประวัติเลยหรอ ทั้งที่เป็นช่างภาพที่มีคนติดตามผลงานออกจะเยอะแยะ”

      การเดินทางของสายลม เป็นการเดินทางหนึ่งปีของน้องชายผมเจ้าชายสายลม ผู้ที่ไม่เคยอยู่นิ่ง…’ ลมคิดถึงคำพูดของวายุ ที่บอกว่าปฐพีเป็นเจ้าชายสายลม

      “เจ้าชายสายลม” ลมของพิพม์ชื่อนี้ลองดู และเธอก็ไม่พบกับความผิดหวัง เมื่อมันมีรูปของปฐพีขึ้นมา “เจ้าชายสายลม ผู้ที่ไม่เคยที่จะหยุดนิ่งกับใคร พร้อมที่จะเดินทางไปทุกที่เพื่อเก็บภาพความประทับใจมาให้ทุกท่านได้ชมกัน”

      “นี้ไง” ลมคลิกเข้าไปในเว็บนั้นทันที่ และมีประวัติที่ไม่เยอะมากของปฐพี  แต่เป็นบทความที่เล่าถึงประวัติของเขา วัยเด็กและผลงาน

      “ปฐพี สร้างศิลป์ หรือ ลม เด็กชายผู้มาพร้อมกับความสามารถด้านการถ่ายภาพ เขาถ่ายภาพที่สร้างรายได้ให้กับเขาตั้งแต่อายุ 10 ขวบ ชีวิตที่แสนเรียบง่าย หลังจากจบคณะจิตกรรมที่มหาลัยดังในอเมริกา เขาก็กลับมาสร้างชื่อเสียงให้กับตัวเองอีกครั้ง งานแสดงภาพมากมายที่ทยอยออกมาในแต่ละปี ภาพถ่ายวิวต่างๆจากทุกมุมโลก ถูกผู้มีเงินแย่งซื้อกัน รายได้ที่ได้จากการถ่ายรูปทำให้เขากลายเป็นมหาเศรษฐีตั้งแต่อายุ 25 ปี อันที่จริงแล้วแค่เงินจากครอบครัวก็ทำให้เขาสบายไปทั้งชาติได้ แต่ความเพียบพร้อมก็มีจุดด้าง เมื่อแฟนสาว รดา ที่เขาไม่ค่อยที่จะให้ความสนใจอะไรมากมาย เกิดอุบัติเหตุเสียชีวิต ทำให้ชีวิตของเจ้าชายสายลม ยิ่งพัดพากลายเป็นพายุ ที่วันๆเอาแต่หมกมุ่นกับการถ่ายรูปมากยิ่งกว่าเดิม สองปี ที่เราไม่เห็นเขาออกผลงานอะไรเลยสักอย่าง ไม่รู้ว่าเขาไปอยู่ที่ไหน จนมีข่าวออกมาว่าเขาคงเสียสติจากการที่แฟนสาวจากไปอย่างไม่มีวันกลับ แต่สุดท้ายเขาก็ออกมาจัดการแสดงผลงาน ความรักการแสดงภาพของคนมากมายทุกมุมโลกที่แสดงความรักต่อกัน ใครหลายๆคนต่างก็พูดเป็นเสียงเดี่ยวกันว่าเขาคงทำเพื่อแสดงความเสียใจต่อการจากไของแฟนสาว หลังจากจบการแสดงภาพถ่ายชุด ความรักแล้ว ฝาแฝดผู้พี่อย่างวายุ ก็ออกมาประกาศว่า เจ้าชายสายลม จะออกเดินทางอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เขาจะไม่ส่งรูปหรืออะไรกลับมาเลยสักอย่าง เป็นเวลาหนึ่งปี กับการถ่ายภาพสถานที่ต่างๆในเมืองไทย ซึ่งปกติแล้วเขาไม่ถ่ายรูปในเมืองไทยเท่าไรนัก ”

      “และการรอค่อยของนักสะสมผลงานของเจ้าชายสายลมก็สิ้นสุดลง เมื่อผ่านไปเกือบจะสองปี เขาก็ประกาศที่จะแสดงผลงานที่มีชื่อว่า การเดินทางของสายลมแต่ครั้งนี้แปลกมาก ที่เขาเก็บค่าเข้าชมผลงานคนละสิบบาท อีกทั้งยังเปิดการประมูลเมื่อเสร็จงานจัดแสดงแล้ว เพื่อนำเงินนั้นไปสร้างโรงเรียนบ้านสายลม อีกทั้งยังมีข่าวออกมาอีกว่าเขาได้จัดงานแสดงอีกส่วนหนึ่งไว้ ที่จะเปิดให้เข้าชมเพียงวันเดี่ยวคือวันประมูล ในนั้นมีอะไรบ้าง? คำถามที่หลายๆคนต้องการคำตอบ”

      ลมอ่านมาจนจบบทความนั้น เธอหันไปมองรูปอีกครั้งหนึ่ง เธอมองเห็นรอยยิ้มของผู้ชายคนหนึ่งที่ศูนย์เสียคนรัก เขาต้องใช้เวลากี่ปีถึงจำทำใจได้ เขาคงทำการแสดงภาพนี้เพื่อเธอคนนั้นแหละมั้ง ลมคิด แต่จู่ๆเธอก็ต้องเปลี่ยนความคิดเมื่อหน้าเว็บที่เธอพึ่งอ่านไปนั้นมีบทความเพิ่มขึ้นมา

      “การเดินทางของสายลม เป็นการเดินทางของคนสองคน หญิงสาวที่ชื่อลม และชายหนุ่มที่ชื่อลม การเดินทางที่ทั้งสองคนไม่เคยรู้จักกันมาก่อน หญิงสาวที่เปลี่ยนเจ้าชายสายลมให้กลายเป็นสายลมอ่อนๆที่พัดให้หญิงสาวไม่จากเขาไปไหน”
       

      ปฐพีนั่งมองแหวนวงเล็ก ทองคำขาวสามสายที่ถักกันรอบตัวแหวนมีเพชรสีชมพูเม็ดเล็กๆเก้าเม็ดประดับอยู่บนแหวนวงนั้น แหวนที่เขาใส่ติดตัวมาเป็นปีเคียงคู่กับแหวนอีกวงที่มีขนาดใหญ่กว่า มีรูปทางที่เหมือนกันเพียงแต่เพชรที่ประดับบนแหวนอีกวงนั้นเป็นสีน้ำเงินไม่ใช้สีชมพู

      “สายลม ผมจะได้เธอกลับมาไหม” เขาเอยถามทั้งๆที่รู้ดีว่าจะไม่มีใครตอบกลับมา แต่เขาก็เอยถามอย่างนี้หลายรอบแล้ว

      บ้านปูนสามชั้นที่ชั้นบนสุดมีระเบียงออกมานั่งมองดวงดาว บ้านที่ออกจะอยู่ชานเมืองเล็กน้อยดูลึกลับเมื่อรอบตัวบ้านปกคุ้มไปด้วยต้นไม้นานาชนิด ทำให้คนข้างนอกมองไม่เห็นตัวบ้าน นั้นเป็นสิ่งที่ปฐพีต้องการมากที่สุด

      เขาชอบความเป็นส่วนตัว บ้านหลังนี้สร้างเมือห้าปีก่อนตอนที่เขามีเงินมากมายจากการขายภาพ แต่สุดท้ายบ้านหลังนี้ก็ถูกทิ้งให้ร้างหลังจากสร้างเสร็จ เพราะว่าเจ้าของบ้านเดินทางไปต่างประเทศบ่อยมากและส่วนใหญ่เขาจะไปอยู่ที่บ้านพ่อแม่มากกว่า เพื่อที่จะได้ไม่ต้องจดจำเรื่องราวในอดีตที่ทำให้เขาเจ็บปวด

      แต่เมื่อสองปีที่แล้ว บ้านหลังนี้ก็ถูกเปิดใช้งาน และถูกใช้งานมาตลอดจนถึงวันนี้ ปฐพีชอบที่จะอยู่บ้านหลังนี้ในช่วงกลางวัน ส่วนช่วงเย็นก็จะไปนอนที่บ้านของพ่อแม่ แต่วันนี้เขาไม่อยากกลับบ้าน คงต้องโดนซักฟองเรื่องของลมเป็นแน่น ที่เขาไปบอกวายุว่า ลมเป็นเมียของเขา ใช้ลมเป็นเมียของเขา เมียทางพฤตินัย

      เสียงเปิดประตูรั่วทำให้ปฐพีหันไปมองทางต้นเสียงที่ดังมา “ใคร” เขาถามตัวเอง บ้านเขา เขารู้ดีว่าประรั่วปกติแล้วเขาไม่ค่อยจะล็อกเท่าไร แต่เที่ยงคืนแล้วใครจะมาเปิดประตูบ้านเขา

      ปฐพีเดินลงมาชั้นสองเขายืนอยู่ข้างประตูเข้าบ้าน เพื่อดูว่าใครกันเข้าบ้านเขาดึกดื่น แต่เขาก็ยิ่งแปลกใจเมื่อระตูถูกเปิดโดยกุญแจไม่ได้ถูกงัดอย่างที่โจรส่วนใหญ่งัดเข้าบ้าน

      “ว๊าย” ปฐพีเข้ารวบตัวคนที่บุกบ้านเขายามวิกาลไว้ แต่ก็แปลกใจอีกครั้งเมื่อ คนที่เข้ารวบตัวไว้นั้นมีร่างบอบบาง แถมกลิ่นหอมๆจากศีรษะ ทำให้เขารู้ว่าคนในอ้อมกอดคือใคร

      “คิดไงเข้าบ้านผู้ชายดึกๆดื่นๆ” ปฐพีถามขึ้นพร้อมกับช้อนตัวหญิงสาวขึ้นอุ้ม แล้วเดินไปเปิดไฟให้สว่างขึ้น

      “ก็แค่อยากมาหาคำตอบที่ค้างอยู่ในใจ” ลมยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ให้กับปฐพี แต่คงคิดผิดอย่างแรงเมื่อปฐพียิ้มอย่างเจ้าเล่ห์กลับ “นายอย่ายิ้มอย่างงันสิ”

      “ก็แล้วจะทำไมละ” เขาพูดแล้วปิดไฟที่พึ่งเปิดไปไม่นาน แล้วออกเดิน

      “นายจะไปไหน ปิดไฟอย่างงี่จะเห็นทางหรอ” ลมเริ่มกลัวความมืดที่ปกคุ้มทั้งสอง เธอไม่เห็นอะไรนอกจากแสงไฟที่ลอดผ่านผ้าม่านมาเพียงเล็กน้อย แต่ก็ไม่ทำให้เธอเห็นหน้าของปฐพี

      “บ้านผม ทำไมแค่นี้จะไม่เห็นทาง” ลมได้ยินเสียงเปิดประตูและปิดประตูจากนั้นแสงไปจากหลอดไฟก็สว่างขึ้น

      “นายพาฉันมาห้องนอนทำไมเนี้ย ปล่อยฉันนะ” ลมเห็นเตียงนอนอยู่ไม่ไกลนัก ก็รู้สึกไม่ดีเลยพยายามดิ้นเพื่อให้หลุดออกจากอ้อมกอดของปฐพี

      “ก็บอกว่ามาหาคำตอบที่ค้างอยู่ในใจ แต่ผมเริ่มง่วงแล้ว ก็เลยคิดว่ามานอนคุยกันดีกว่า”

      “นายจะบ้าหรือไง” ลมลึกขึ้นทันที่ที่ตัวแตะถึงเตียงแต่ก็โดนแขนใหญ่โอบเอวไว้สะก่อน “ปล่อยนะ” ร่างบางของลมถูกปฐพีตวัดที่เดียวก็มาอยู่บนตักของเขา

      “มีไรจะถามก็ว่ามาสิ” เขาพูดพร้อมกับกอดลมให้มากขึ้น

      “เฮ้อ...” เสียงถอนหายใจของลมทำให้ปฐพีแอบยิ้มออกมาเบาๆ ลมคิดว่าเธอคงไม่ถูกปล่อยง่ายๆแน่ “นายมีรูปตลอดหนึ่งปีที่ฉันอยู่กับนายไหม”

      “มีสิ เยอะด้วย”

      “ฉันขอดูหน่อย”

      “แค่มาขอดูรูปแค่นี้ ถึงกลับมาตอนเที่ยงคืนเนี้ยนะ” คำถามนี้ทำให้ลม หันไปมองหน้าของปฐพี ที่ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์อยู่

      “ฉันแอบแม่ออกจากบ้านมา พรุ่งนี้ฉันจะไปต่างประเทศ เลยไม่อยากให้เป็นเรื่องค้างคาใจ” โกหกคำโตเลยแหละลมเอย จริงที่เธอแอบแม่มา แต่ถ้าแม่เธอรู้ว่าเธอแอบออกจากบ้านไปงานแสดงภาพของเขาคงโดนกักบริเวณเป็นแน่

      “อ๋อ โอเคเดี่ยวผมเปิดรูปให้ดู”

       

      สองเดือนหลังจากนั้น

      ปฐพีนั่งฟังเพลงสบายๆอยู่ในบ้านของเขา แต่จิตใจเนี้ยสิไม่สบายไปกับการนั่งฟังเพลง ก็ตั้งแต่ลมเข้าบ้านเขามาวันนั้นเขาก็ไม่ได้เจอกับลมอีกเลย ในอินตาแกรมเฟสบุคก็ไม่มีความเคลื่อนไหวอะเลยสักอย่าง เขาคิดถึงเธอ

      ขณะที่เขากำลังหลับตาฟังเพลงที่เขาชอบ เสียงโทรศัพท์ที่ไม่ค่อยจะมีคนโทรมาเท่าไรนักก็ดังขึ้น ปฐพีละความคิดจากลมไป ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเบอร์ของคนที่โทรเข้า

      “ว่าไงพี่ชาย”

      “แกอยู่ไหนว่ะ” เสียงปลายสายฟังดูไม่ค่อยสบายนัก

      “อยู่บ้าน มีอะไรให้รับใช้” ใช้เพราะปกติแล้วเวลาที่พี่เขาโทรหามีแค่สองอย่างเป็นส่วนใหญ่คือให้ไปเฝ้าแกลอรี่กับพ่อแม่โทรเรียกให้กลับบ้านไปกินข้าว

      “ไปเฝ้าแกลอรี่ให้หน่อย พอดีฉันไม่สบายว่ะ เนี้ยพึ่งรับพนักงานใหม่คนหนึ่งแกไปดูให้หน่อยกลัวว่าเขาจะดูร้านไม่ดี” แกลอรี่ที่วายุพูดถึงคือแกลอรี่ของเขาทั้งสองคน สร้างศิลป์แกลอรี่ ที่พวกเขาทั้งสองคนสร้างขึ้นเองกับมือ ผลงานที่มีทั้งภาพถ่ายและภาพวาดของวายุและปฐพีก็อยู่ในนั้น และปกติแล้ววายุจะดูแลแกลอรี่กับขวัญข้าว พี่สะใภ้ของเขา แต่เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา พี่สะใภ้ของเขาพึ่งคลอดลูกคนแรก วายุเลยได้ดูแกลอรี่คนเดี่ยว

      “รับพนักงานใหม่ทำไมไม่บอก” แต่นะถึงบอกไปเขาก็ไม่ค่อยสนอยู่แล้ว ก็เขาไม่ค่อยอยู่เฝ้าแกลอรี่ตลอดอยู่แล้ว

      “ก็ฉันยุงๆนะ ไปดูหน่อย” น้ำเสียงของพี่ชายที่แหบแห้งและมีเสียงร้องของหนูกัน ลูกชายวัยสามเดือนของพี่ชาย

      “โอเคเดี่ยวจะเข้าไปดูให้ เอาให้หายดีก่อนแล้วกันค่อยมาดูเดี่ยวช่วงนี้จะจัดการให้” เขาตอบไป

      “ขอบคุณ ฉันไปละลูกร้องไห้แล้ว” ปลายสายวางไป ปฐพีลุกขึ้นดูสภาพตัวเองก่อน จะไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ให้ดูดีขึ้นจากเดิมเล็กน้อย

       

      สร้างศิลป์แกลอรี่

      ปฐพีจอดรถของเขาใต้ร่มไม้ที่ชอบมาจอดประจำมากกว่าไปจอดที่จอดรถ เขาเห็นรถสองสามคันที่จอดอยู่ แต่ที่สะดุดตาของเขาคือรถเต่าสีฟ้าที่จอดอยู่

      รถเต่านะเป็นรถในสงครามโลกครั้งที่สองเลยนะ มันคลาสสิกดีฉันชอบ

      เขายิ้มกับความชอบของใครคนหนึ่ง ก่อนจะเดินเข้าแกลอรี่ไปพร้อมกับสวนทางคนที่เดินออกมาสามที่คน เขาเดาว่าคงเป็นคนมีตังค์ที่ต้องการผลงานศิลปะของเขาไม่ก็ของพี่ชายแน่

      แกลอรี่ที่มีเสียงเพลงเปิดฟังสบายๆ อากาศเย็นจากเครื่องปรับอากาศ กลิ่นสีจางๆจากรูปภาพบ้างรูปของวายุ  เขาเดินไปตรงเคาร์เตอร์ที่อยู่ติดกับบันไดขึ้นไปชั้นสอง ที่เป็นส่วนจัดแสดงภาพต่างๆ

      “สวัสดี” เขาทักพนักงานที่น่าจะอยู่ตรงนั้นแต่กลับไม่เจออย่างที่ควรเป็น “ไปไหน” เขาถามตัวเองก่อนจะเดินขึ้นบันไดไปชั้นสองของอาคารแห่งนี้

      ข้างบนถูกแบ่งออกเป็นสองฝั่งคือฝั่งของวายุและฝั่งของปฐพี ตรงกลางเมื่อขึ้นมาข้างบนจะ เห็นภาพถ่ายของสองพี่น้องและรูปวาดที่อยู่ติดกัน อันเป็นความคิดของวายุที่ต้องการให้แสดงถึงความสามารถของเขาทั้งสองคน

      ปฐพีเดนเข้าไปฝั่งทางซ้ายมือซึ่งเป็นฝั่งที่จัดแสดงผลงานของเขา รูปวิวต่างๆที่เขาชอบถ่าย รูปคนหมู่มากที่ไม่เจาะจงใคร รูปหลากหลายรูปที่ตั้งโชว์มีทั้งขนาดใหญ่ขนาดเล็กแตกต่างกันไป จนเขาเดินเข้ามาใจกลางของห้องที่มีรูปขนาดใหญ่ติดอยู่

      มันเป็นรูปของหญิงสาวคนหนึ่งที่เงยหน้ามองดอกไม้ที่กำลังร่วงโรยลงมา มือทั้งสองข้างเอื้อมออกไปเพื่อรับดอกไม้ชีชมพูที่ร่วงโรยลงมา ผมยาวของเธอปลิวไปตามสายลม เสื้อยืดสีครีมกับกางเกงยืนขาสั้นและรองเท้าผ้าใบแฟชั่นทำให้เธอในรูปดูเด็ก ถนนที่ราดยางที่มีกลีบสีชมพูตกอยู่ ต้นไม้สีน้ำตาลกับดอกสีชมพูที่อยู่ตามรายทางทำให้ภาพนั้นดูสวยมาก

      ปฐพีไปยืนข้างหญิงสาวในชุดพนังงานของแกลอรี่ เขาไม่ค่อยแปลกใจนักที่เห็นเธอยืนอยู่ตรงนี้แทนที่จะอยู่เคาร์เตอร์ด้านล่าง

      “เธอดูมีความสุขมากเลยใช้ไหม” หญิงสาวถามขึ้น

      “ใช้ เธอทำให้คนที่อยู่รอบข้างยิ้มได้” เขาตอบหญิงสาวไป

      “คุณเสียใจไหม ที่เธอไม่ได้อยู่ใกล้ๆคุณทำให้คุณยิ้มได้อีก” หญิงสาวหันมามองปฐพีที่มองภาพนั้นด้วยสายตาเศร้าสร้อย น้ำตาที่ไม่รู้มาจากไหนก็ไหลออกมาจากดวงตาของปฐพี

      “เสียใจสิ แต่มันก็ดีสำหรับเธอ ที่ไม่ต้องทรมารอีกต่อไป เธอจากไปด้วยรอยยิ้ม ก็ควรที่จะจดจำเฉพาะรอยยิ้มของเธอ เธอไม่ต้องการให้ใครมาเสียใจกับการจากไปของเธอ” เขาพูดก่อนจะเช็ดน้ำตาออกจากดวงตาของเขา

      “แล้วคุณเสียใจไหมที่คนที่คุณรักจำคุณไม่ได้”

      “เสียใจสิ แต่เธอต้องจำสัญญาที่ให้ไว้ได้สักวัน ต่อให้ต้องรอนานแค่ไหนผมก็จะรอเพื่อให้เธอจำผมได้” รอยยิ้มผุดขึ้นมาที่ริมฝีปากของปฐพี “แล้วคุณละไม่เสียใจบ้างเลยหรอที่คุณจำคนที่รักคุณและคุณรักไม่ได้”

      หญิงสาวหันมองชายหนุ่ม ดวงตาสองคู่จ้องมองกัน ความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ภายในของทั้งสองต่างสื่อสารกันด้วยสายตา หญิงสาวยิ้มให้กับชายหนุ่ม ก่อนจะเอยขึ้น

      “ตอนแรกก็ไม่ เพราะฉันจำไม่ได้ แต่พอคุณก้าวเข้ามาในชีวิตฉันอีกครั้ง ฉันก็เริ่มจะเสียใจที่ฉันจำคุณไม่ได้” ลมยิ้มให้กับปฐพีก่อนจะหันไปมองภาพที่อยู่ตรงหน้า “คำสัญญานั้นถึงฉันจำไม่ได้ แต่ฉันจำได้ว่าฉันมีความสุขมากที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของคุณ ”

      “ลม”

      “คุณพร้อมจะเริ่มใหม่ไหม เริ่มต้นการเดินทางของเราสองคนอีกครั้ง พาฉันพาเรา กลับไปยังสถานที่ต่างๆ ที่เราสองคนเฉยไป คุณจะตกลงไหม”

      “ถึงคุณจะจำผมไม่ได้ทั้งหมด จำเรื่องราวของเราไม่ได้ทั้งหมด แต่ผมพร้อมและยินดีที่จะพาคุณย้อนความทรงจำ” ปฐพีพูดแล้วดึงลมเข้ามากอด ลมกอดกลับมา เขาอยากให้เธอกอดเขามาก เขาคิดถึงความอบอุ่นของอ้อมกอดนี้เป็นที่สุด

      “เราเคยรู้จักกันมาก่อนใช้ไหม”

      “ใช้ และผมจะทำให้คุณรู้จักผมอีกครั้ง”

      ใครคนหนึ่งเคยกล่าวไว้ ชีวิตก็เหมือนศิลปะการวาดภาพ ที่ไร้ซึ่งยางลบ ชีวิตไม่มีย้อนกลับ เวลาที่ทำให้เราก้าวเดินไปนั้น เมื่อเราผ่านที่หนึ่งไปแล้วในช่วงเวลานั้น ก็จะไม่มีวันย้อนกลับมา เป็นเพียงความทรงจำดีๆให้เราจดจำ ไม่ว่าจะผ่านไปนานสักแค่ไหน ก็ไม่มีใครมาพรากมันไปจากเราได้
       

      the end


      by E'Nao

      ขอบคุณนะค่ะที่อ่านจนจบ เรื่องสั้นเรื่องแรก 


      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      "เรื่องการใช้คำ"

      (แจ้งลบ)

      ถือว่าโอเคเลยค่ะ ใช้ได้ เรื่องราวน่าสนใจมากๆ จะติดตามต่อไปนะคะ แต่ขอติงเรื่องการใช้คำค่ะ เจ้าของนิยายใช้คำว่า คะ/ค่ะ ไม่ถูกต้องนะคะ คะ >> ( ออกเสียงเหมือนโยคะ) ค่ะ >> ( อ่านว่า ขะ) เพราะฉะนั้นบทสนทนาตอนหน้าขอคำให้เคลียร์หน่อยนะคะ เห็นคนใช้คำพวกนี้ผิดบ่อยมาก {แก้} "คุณหนูค่ะ มีโปสการ์ดถึงคุณหนูค่ะ" >> "คุณหนูคะ มีโปสการ์ดถึงคุณหนูค่ะ" ... อ่านเพิ่มเติม

      ถือว่าโอเคเลยค่ะ ใช้ได้ เรื่องราวน่าสนใจมากๆ จะติดตามต่อไปนะคะ แต่ขอติงเรื่องการใช้คำค่ะ เจ้าของนิยายใช้คำว่า คะ/ค่ะ ไม่ถูกต้องนะคะ คะ >> ( ออกเสียงเหมือนโยคะ) ค่ะ >> ( อ่านว่า ขะ) เพราะฉะนั้นบทสนทนาตอนหน้าขอคำให้เคลียร์หน่อยนะคะ เห็นคนใช้คำพวกนี้ผิดบ่อยมาก {แก้} "คุณหนูค่ะ มีโปสการ์ดถึงคุณหนูค่ะ" >> "คุณหนูคะ มีโปสการ์ดถึงคุณหนูค่ะ"   อ่านน้อยลง

      dentyna | 17 เม.ย. 57

      • 2

      • 0

      คำนิยมล่าสุด

      "เรื่องการใช้คำ"

      (แจ้งลบ)

      ถือว่าโอเคเลยค่ะ ใช้ได้ เรื่องราวน่าสนใจมากๆ จะติดตามต่อไปนะคะ แต่ขอติงเรื่องการใช้คำค่ะ เจ้าของนิยายใช้คำว่า คะ/ค่ะ ไม่ถูกต้องนะคะ คะ >> ( ออกเสียงเหมือนโยคะ) ค่ะ >> ( อ่านว่า ขะ) เพราะฉะนั้นบทสนทนาตอนหน้าขอคำให้เคลียร์หน่อยนะคะ เห็นคนใช้คำพวกนี้ผิดบ่อยมาก {แก้} "คุณหนูค่ะ มีโปสการ์ดถึงคุณหนูค่ะ" >> "คุณหนูคะ มีโปสการ์ดถึงคุณหนูค่ะ" ... อ่านเพิ่มเติม

      ถือว่าโอเคเลยค่ะ ใช้ได้ เรื่องราวน่าสนใจมากๆ จะติดตามต่อไปนะคะ แต่ขอติงเรื่องการใช้คำค่ะ เจ้าของนิยายใช้คำว่า คะ/ค่ะ ไม่ถูกต้องนะคะ คะ >> ( ออกเสียงเหมือนโยคะ) ค่ะ >> ( อ่านว่า ขะ) เพราะฉะนั้นบทสนทนาตอนหน้าขอคำให้เคลียร์หน่อยนะคะ เห็นคนใช้คำพวกนี้ผิดบ่อยมาก {แก้} "คุณหนูค่ะ มีโปสการ์ดถึงคุณหนูค่ะ" >> "คุณหนูคะ มีโปสการ์ดถึงคุณหนูค่ะ"   อ่านน้อยลง

      dentyna | 17 เม.ย. 57

      • 2

      • 0

      ความคิดเห็น

      ×