ตอนที่ 39 : บทที่ 6 ไวรัสอูโรโบรอส
บทที่ 6 ไวรัสอูโรโบรอส
หลังจากอ่านข้อมูลของไวรัสชนิดใหม่จบ คาร์ลอสไม่ได้หยุดพักผ่อนในทันที เขาเพียงเก็บอาวุธบางส่วนที่ยังไม่จำเป็นต้องใช้ไว้ในห้องพักแล้วออกมาเดินสำรวจเมือง ข้อมูลที่ว่านั้นไม่ได้มีรายละเอียดอะไรมากมาย แต่เขายังไม่เคยเห็นคนที่ติดเชื้อไวรัสนี่จริงจังเลยอยากออกมาดูหน้างาน จะได้ประเมินสถานการณ์และเตรียมรับมือได้
ก็นะ เขาไม่ถนัดภาคทฤษฎีสักเท่าไหร่
เสียงเอะอะดังขึ้นจากในอาคารแห่งหนึ่งที่ดูไม่เหมือนบ้านคนนัก คล้ายเป็นสำนักงานร้าง ชายหนุ่มกำชับปืนพกในมือขึ้นอย่างระวังตัวก่อนจะก้าวเท้าอย่างเงียบเชียบไปจนถึงหน้าประตูไม้ผุ ๆ บานนั้น ยิ่งตั้งใจฟังยิ่งได้ยินชัดเจนถึงเสียงคนพยายามร้องดิ้นรน
เขาผลักประตูไม้จนเปิดออกสุด ภาพข้างในคือชาวบ้านคนหนึ่งกำลังนั่งหันหลังคร่อมตัวผู้ชายอีกคนที่นอนดิ้นอยู่ ชาวบ้านคนนั้นยัดก้อนอะไรบางอย่างขนาดเท่ากำปั้นเข้าปากคนใต้ร่างซึ่งกำลังขัดขืนสุดแรง
“หยุดนะ!”
คาร์ลอสส่งเสียงทว่าเหมือนจะช้าไปเล็กน้อย เมื่อชาวบ้านคนนั้นยัดก้อนอะไรบางอย่างลงในปากของอีกคนได้สำเร็จแล้ว เสียงของคาร์ลอสทำให้มันชะงักไปก่อนจะหันมามองต้นเสียง ชาวบ้านคนนั้นสีหน้าก้าวร้าว ดวงตาแดงก่ำ รีบลุกขึ้นแล้ววิ่งหนีออกไปอีกทาง ชายหนุ่มไม่คิดตามไปจึงวิ่งไปหาอีกคนที่พลิกตัวพยายามไอเอาก้อนนั่นออกจากปาก
“เฮ้ เป็นไรมั้ย?” เขาถามเมื่อเดินไปถึงตัวของชาวบ้านคนนั้น มือที่ยื่นออกไปจับไหล่โดนสะบัดออกในทันที ก่อนชาวบ้านคนนั้นเงยหน้าขึ้นมาคำรามลั่น
ท่าทางแบบนั้นคล้ายกับผู้ติดเชื้อไวรัสที่เขาเคยเจอไม่มีผิด คาร์ลอสถอยหลังไปตั้งหลักยกปืนขึ้นรอดูท่าที
เสียงคำรามดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้ชาวบ้านคนนั้นลุกขึ้นยืน ดวงตาแดงก่ำจ้องมาทางเขาก่อนจะพุ่งเข้าใส่ ทว่าคาร์ลอสเตรียมตั้งรับไว้ก่อนแล้วจึงได้เหนี่ยวไกใส่หัวของมันได้อย่างพอดิบพอดี เพียงแค่สองนัดมันก็ร่วงลงไปนอนกองที่พื้น
นี่เหรอไวรัสอูโรโบรอส?
สายตาของเขามองไปยังทิศทางที่ชาวบ้านคนก่อนวิ่งหนีไป มันเป็นคนเอาก้อนอะไรบางอย่างยัดใส่ปากคนคนนี้ แสดงว่าก็คงยังมีสติสัมปชัญญะอยู่บ้าง แต่เขาไม่เข้าใจว่าทำไมถึงต้องทำแบบนั้น เป็นไวรัสที่ควบคุมชาวบ้านคนนั้น หรือมีใครสั่งมาอีกที?
เพื่อไขข้อข้องใจ เขาจึงรีบก้าวเร็ว ๆ ไปทิศทางนั้น ก่อนจะพบว่าเป็นตรอกแคบด้านนอกตัวอาคาร มันถูกกั้นไว้ด้วยรั้วเหล็กบาง ๆ รอบข้างเงียบมากจนน่าแปลกใจ ถึงอย่างนั้นคาร์ลอสก็ไม่ได้ลดการระวังตัวลงเลย เขานิ่งขึ้น ก้าวเดินอย่างระมัดระวังขึ้น ไม่นานก็เจอทางออกของตรอกนี่ซึ่งมีอาคารร้างอีกหลังอยู่ตรงหน้า
สายตาเขาเหมือนเห็นชาวบ้านคนหนึ่งนั่งอยู่มุมเสา ขณะที่กำลังจะเดินเข้าไปก็มีใครอีกคนโผล่ออกมา นั่นทำให้เขาต้องถอยกลับเพื่อหลบและสังเกตการณ์ก่อน
มุมที่เขาอยู่ไม่ไกลจากทั้งสองคนนั้นมากนัก เขาเห็นว่าคนที่มาใหม่เป็นคนที่แต่งตัวมิดชิด ทั้งใส่หน้ากาก สวมทับด้วยฮู้ดสีดำ สวมถุงมือ กางเกงขายาว รองเท้าบู๊ทสูง ท่าทางทะมัดทะแมง
จะต้องเป็นคนของอัมเบรลล่าแน่นอน
คนในชุดคลุมนั้นก้มลงยัดก้อนอะไรบางอย่างคล้ายกับที่เขาเคยเห็นเมื่อครู่นี้ใส่ในปากของชาวบ้านที่นั่งนิ่งไร้สติ เมื่อชาวบ้านคนนั้นรู้สึกได้ถึงการคุกคามถึงได้พยายามดีดดิ้นขัดขืน แต่ก็ไม่อาจสู้แรงของคนในชุดคลุมนั้นได้เลย แม้ขนาดตัวของคนในชุดคลุมจะไม่ได้รูปร่างใหญ่หรือกำยำ คาร์ลอสจึงเดาได้ว่าอาจเป็นผู้ชายที่มีพละกำลังมากทีเดียว
หรือจะมีพลังคล้าย ๆ เวสเกอร์?
เมื่อคิดได้ว่าควรตามคนในชุดคลุมนั้นไปก็ไม่ทันเสียแล้ว เพราะเมื่อมันมั่นใจว่ายัดก้อนนั่นใส่ปากชาวบ้านได้สำเร็จก็กระโดดหายไปอย่างรวดเร็วจนคาร์ลอสต้องเจ็บใจ
ชาวบ้านคนนั้นมีอาการทุรนทุรายคล้ายกับรายก่อนหน้านี้ เขาแน่ใจแล้วว่าที่นี่ไม่มีคนอื่นอยู่จึงออกจากมุมเพื่อไปหาชายคนนั้น แต่เหมือนครั้งนี้จะต่างออกไปเพราะเมื่อมันลุกขึ้นมา นอกจากตาแดงก่ำ ยังอ้าปากกว้างเผยให้เห็นหนวดใหญ่เป็นแฉกออกมาจากในลำคอ
แน่นอนว่าคาร์ลอสตกใจกับภาพตรงหน้า ข้อมูลที่เคยอ่านในแฟ้มนั่นผุดขึ้นมาในหัวในทันทีพอ ๆ กับปลายนิ้วที่กดเหนี่ยวไกใส่เข้าปากกว้างนั่น
เหมือนจะอึดกว่าเดิม คาร์ลองยิงปืนใส่มันไปสองนัด มันยังไม่ล้มลงไปในทันที เพียงแต่หันมาทางเขาก่อนจะวิ่งพุ่งเข้าใส่อย่างบ้าคลั่ง จนคาร์ลอสต้องยิงซ้ำไปอีกครั้งมันถึงได้ล้มลง ก้อนหนวดนั่นยังคนดีดดิ้นอยู่นอกปากครู่หนึ่งก่อนจะนิ่งลง
ดูเหมือนพวกอัมเบรลล่าพยายามจะทำให้เมืองนี้มีคนติดเชื้อจนกลายเป็นเหมือนเมืองแรคคูน
เสียงสัญญาณวิทยุสื่อสารดังขึ้น คาร์ลอสกดรับจากปุ่มที่ติดอยู่กับตัวไมค์ข้างหู
“ว่าไง”
[ฉันอูรอล มีข้อมูลใหม่เข้ามา เรื่องนักวิทยาศาสตร์ที่วิจัยวัคซีน]
“ได้ จะกลับไปเดี๋ยวนี้”
อูรอลบอกว่ามีข้อมูลใหม่ คาร์ลอสก็มีข้อมูลใหม่อยากถามเขาเช่นกัน
“นี่เป็นแฟ้มข้อมูลของนักวิทยาศาตร์ที่ว่า” อูรอลยื่นแฟ้มบาง ๆ ในมือมาให้คาร์ลอส เขาพลิกหน้ากระดาษไปมาถึงกับต้องแปลกใจเมื่อมันมีอยู่แค่สองหน้า น้อยกว่าข้อมูลของไวรัสอูโรโบรอสที่เขาอ่านไปก่อนหน้านี้เสียอีก
“เออร์วินเป็นคนคิดค้นและวิจัยวัคซีนนี่ เราไม่รู้ว่ามันตั้งใจจะทำอะไร ที่รู้ ๆ คือมีคนหนุนหลังอยู่แน่นอน ลองไปเค้นจากมันตามที่อยู่ในแฟ้มดู อาจได้ข้อมูลเกี่ยวกับวัคซีนนั่นด้วย”
“ฉันไปเดินสำรวจในเมืองมาแล้ว ดูเหมือนจะมีคนตั้งใจปล่อยไวรัสนี่ให้คนในเมือง นายเคยเห็นคนที่ใส่ชุดคลุมสีดำรึเปล่า? หมอนั่นเป็นใคร?”
“รู้แค่ว่าเป็นคนของเออร์วิน โผล่มาไม่บ่อยนัก ตามตัวยากด้วย” ดูเหมือนข้อมูลของคนในชุดคลุมนี้จะเป็นปริศนามากกว่าข้อมูลของเออร์วินอีกสินะ ก็ตั้งใจจะปิดหน้าปิดตาอย่างนั้น แถมโผล่มาไม่บ่อยเสียด้วย
“ถ้าได้ข้อมูลเพิ่มก็บอกด้วยละกัน” คาร์ลอสกล่าวสั้น ๆ ก่อนจะส่งแฟ้มนั่นคืน ข้อมูลเพียงสองหน้ากระดาษใช้สายตากวาดรวดเดียวก็อ่านหมดแล้ว
เขาเดินหน้ามุ่งตามหาเออร์วินทันที เมืองนี้จะให้รอนานกว่านี้ไม่ได้ ไม่งั้นได้กลายเป็นเหมือนเมืองแรคคูนแน่
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ
