ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic]All of Couple B.A.P EXO SJ

    ลำดับตอนที่ #14 : [BangDaeHim] Unlovable ไม่ขอเป็นคนที่ถูกรัก 2

    • อัปเดตล่าสุด 22 ต.ค. 55


    Duck- Fly






    Unlovable   ไม่ ขอเป็นคนที่ถูกรัก





     

    สุดท้ายเมื่อคืนผมก็ไม่ได้หลับเลย เอาแต่คิดเรื่องที่ยงกุกพูดออกมา มันก็จริงที่ผมไม่เคยสนใจเขาเลย ไม่ว่าเขาจะไปที่ไหนกับพี่ฮิมชาน ผมก็ไม่เคยมองใครนอกจากพี่ฮิมชานเลย ผมอาจจะเลวที่ทำแบบนั้นลงไป ผมรู้ว่าผมทำร้ายจิตใจอีกฝ่ายไปมาก แต่ผมไม่ต้องการให้เขามาเจ็บกับผม ถ้าขืนผมยังอ่อนโยน และทำดีต่อเขา เขาเองนั่นแหล่ะที่จะต้องมาเจ็บในภายหลัง ผมได้แต่คิดอย่างนั้นทั้งคืน จนไม่เป็นอันหลับนอน จนรุ่งสาง

     

     

    ผมก็รีบอาบน้ำแต่งตัว และกินมาม่าทุกวันก่อนไปโรงเรียน เพื่อตุนกระเพาะไว้ให้ถึงตอนเย็น และที่ผมต้องกินมาม่านี่ไม่ใช่อะไรหรอกนะ มันไม่มีอะไรให้กินนอกจากนี้ต่างหากล่ะ ความจริงผมจะมีเรียนตอน 10 โมงเช้า แต่ผมก็ต้องการไปรอพี่ฮิมชานที่หน้าโรงเรียนเหมือนทุกวัน ถึงแม้นี่มันจะเพิ่ง 7 โมงก็เถอะ

     

     

    หลังจากที่ผมทำธุระส่วนตัวเรียบร้อยทุกอย่างแล้ว ผมก็เตรียมออกจากบ้านเพื่อมุ่งหน้าไปมหาลัยอย่างอารมณ์ แต่เพียงแค่ผมเปิดประตูออกมาเท่านั้น ก็ทำเอาผมตกใจจนทิ้งของในมือล่วงลงสู่พื้นหมดทุกอย่าง

     

     

    “ไอ้บ้ายงกุก บอกให้กลับบ้านทำไมไม่กลับ!!

     

     

    ผมพูดออกไปอย่างหัวเสีย เมื่อเดินออกมาจากบ้านก็พบว่ายงกุกยังคงนอนอยู่ที่หน้าประตู ไม่ยอมไปไหน รอยยุงกัดจนเป็นผื่นแดงก็เต็มไปหมด ดีที่เมื่อคืนอากาศไม่ได้หนาวเย็นสักเท่าไหร่ เลยไม่เป็นไข้ แต่ก็โดนยุงกัดไปมากเหมือนกัน ผมเดินเข้าไปพยุงร่างขอกอีกฝ่ายให้ลุกขึ้น ก่อนที่พาเข้ามาในบ้านเสียก่อน

     

     

    “พูดอะไรทำไมไม่ฟังกันบ้าง อยากตายหรือไง!!

     

     

    หลังจากที่พาเข้ามานั่งในบ้านแล้ว ผมก็รีบตวาดอีกฝ่ายด้วยความเป็นห่วง แต่ก็ต้องเก็บอาการเป็นห่วงเอาไว้

     

     

    “หายโกรธแล้วใช่ไหม?”

     

     

    อีกฝ่ายพูดออกมาพร้อมสายตาที่เริ่มมีหวังที่กำลังจ้องมองมาที่ผม

     

     

    “ไม่! รีบไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดได้แล้ว ชุดฉันซักตากให้แล้วเก็บอยู่ในตู้ แล้วอ่ะนี่ยา อาบน้ำเสร็จก็ทาซะ แล้วมีเรียน 10 โมงใช่ไหม?”

     

     

    ผมร่ายยาวใส่อีกฝ่าย ก่อนที่จะเดินไปหยิบยาทาแมลงกัด ต่อยที่ตู้ในห้องมาให้ มาให้อีกฝ่ายที่ยังคงนั่งหน้าสลดอยู่ที่เก้าอี้ในห้องครัว ทำไมผมรู้ว่าอีกฝ่ายเรียน 10 โมงน่ะหรอ? ก็เพราะพี่ฮิมชานไงล่ะ

     

     

    “อืม”

     

     

    “ถ้าจะไปมหาลัยพร้อมกันก็ไปอาบน้ำแต่งตัวซะ”

     

     

    ผมพูดเพียงเท่านั้น อีกฝ่ายก็รีบลุกไปอาบน้ำแต่งตัว และมาทายาตามผื่นแดงๆที่มีอยู่ทั่วตัว ส่วนผม ก็ไปเตรียมมาม่าเอาไว้ให้อีกฝ่ายได้กินก่อนไปมหาลัย ไม่งั้นเดี๋ยวได้หิวตายไปซะก่อนเป็นแน่ หลังจากที่อีกฝ่ายทายาเรียบร้อยแล้ว ผมก็ส่งชามมาม่าไปให้

     

     

    “ มีแต่มาม่าหรือไงกัน”

     

     

    “มีให้กินแล้วอย่าเรื่องมาก ฉันไม่ได้รวยแบบผู้ดีเหมือนนายนะ”

     

     

    ผมแอบตกใจเล็กน้อยที่อีกฝ่ายพูดเหมือนกับเรื่องราวไม่มีอะไรเกิดขึ้น ยงกุกดูเฉยมากตอนนี้ ดูเหมือนทุกอย่างเป็นปกติ และนั่นก็ทำให้ผมสบายใจขึ้นมาหน่อย ที่อย่างน้อยอีกฝ่ายก็ไม่มานั่งจมปรักกับเหตุการณ์เมื่อคืน แต่ก็ดี ผมจะได้ไม่ต้องมารู้สึกผิด ที่ต้องมาทำให้ใครเจ็บปวด

     

     

     

    เวลา 8.30 นาฬิกา ณ ม้าหินอ่อนในมหาลัย

     

     

    “นี่ทำไมต้องมานั่งตัวที่มันใกล้หน้าโรงเรียนที่สุดด้วยล่ะ มารอไอ้ฮิมชานหรือไง”

     

     

    “รู้แล้วจะถามทำไม”

     

     

    ผมตอบกลับไปทั้งๆที่สายตายังคงมองไปที่ประตูหน้ามหาลัยอย่างเฝ้ารอ ว่าอีกฝ่ายจะเข้ามหาลัยมาตอนไหน แต่ก็ยังไม่มีวี่แววของอีกฝ่ายเลย ผมก็ได้แต่นั่งรอ และชะเง้อหาอยู่อย่างนั้น จนแทบไม่ได้สนใจอีกฝ่ายที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเลย

     

     

    “ไม่เบื่อบ้างหรือไง ทำแต่แบบนี้ทุกวันน่ะ”

     

     

    “ไม่หรอก การที่ทำอะไรสักอย่างเพื่อคนที่รัก มันไม่จำเป็นที่จะต้องมีคำว่าเหนื่อยหรือเบื่อหรอกนะ”

     

     

    “แต่ไอ้ฮิมชานมันนั่งโต๊ะตรงโน้นไม่ใช่หรือไง”

     

     

    “แล้วใครบอกว่าฉันจะนั่งกับพี่ฮิมชานล่ะ ฉันแค่นั่งแอบมองก็พอ”

     

     

    “เหอะเน่า”

     

     

    แล้วก็ไม่มีเสียงพูดใดๆอีกเลยจากปากของเราสองคน ผมเฝ้ารอพี่ฮิมชานอยู่หน้าประตู แล้วในที่สุด สิ่งที่ผมเฝ้ารอก็ได้เดินเข้ามาในมหาลัยแล้ว เพียงเท่านั้นผมก็รีบหันมานั่งก้มหน้า เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายรู้ตัวว่ามีคนอย่างผมแอบมองอยู่ตรงนี้

     

     

    “ไอ้ฮิมชานมาโน่นแล้วไง”

     

     

    “ฉันรู้แล้วน่า หุบปากไปเถอะ”

     

     

    แต่เหมือนอีกฝ่ายจะไม่ได้ฟังที่ผมพูดเลยแม้แต่น้อย

     

     

    “เฮ้! ไอ้ฮิมชานมานั่งนี่เถอะ”

     

     

    ไอ้บ้ายงกุก หาเรื่องแล้วไง อยู่ๆมันก็ตะโกนเรียกพี่ฮิมชานให้มานั่งด้วยแบบนี้ ก็แปลว่าผมต้องนั่งร่วมโต๊ะกับพี่ฮิมชานงั้นหรอ? ไม่นะ ไม่เอาๆๆๆๆ ผมหันไปมองก็พบว่าพี่ฮิมชานกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้กับยองแจที่เรียนอยู่ปี 1 รุ่นเดียวกับผม แล้วก็จงออบที่เรียนอยู่ปี 1 เช่นกัน ถึงแม้ความจริงจงออบจะต้องอยู่ ม.6 ก็เถอะ แต่เพราะเงินไง เลยทำได้ทุกอย่าง

     

     

    ตายล่ะ พี่ฮิมชานกำลังเดินใกล้เข้ามาแล้ว ทำไงดี อยากจะลุกเดินหนี ขามันก็ไม่ขยับเลย ทำไงดีล่ะเนี่ยยยยยย!!! ผมก็ได้แต่มัวคิดเรื่องที่พี่ฮิมชานมา จนไม่รู้เลยว่าพวกเขาได้มานั่งที่โต๊ะนี้กับผมแล้ว โดยมีจงออบนั่งอยู่ทางด้านซ้ายมือของผม ยองแจนั่งอยู่ทางขวามือ ตรงข้ามก็คือไอ้บ้ายงกุก ส่วนอีกที่คือที่ผมนั่งอยู่ และเพราะโต๊ะม้าหินอ่อนที่ผมเลือกนั่ง มีที่นั่งแค่ 4 ตัวเท่านั้น พี่ฮิมชานจึงไม่มีที่นั่ง

     

     

    “นี่ไอ้ยองแจเหยิบไปหน่อย กูนั่งด้วย”

     

     

    “ไม่เอา ตูดก็ใหญ่ กูขี้เกียจแบ่งปริมาณที่นั่งของตูดอันมีค่ามาให้มึงนั่ง”

     

     

    ดูพวกเขารักกันดีจังเลยนะ ห่วงตูดมากกว่าเพื่อน(ต่างวัย)

     

     

    “งั้นไอ้ยองแจก็ได้”

     

     

    “พอดีด้านข้างกูมีขี้นก คงนั่งไม่ได้”

     

     

    “ไอ้ยงกุก”

     

     

    พี่ฮิมชานพูดพร้อมเดินไปหาไอ้บ้ายงกุกนั่น ก่อนที่จะนวดไหล่ให้ พร้อมขอนั่งด้วยคน เพราะไอ้บ้ายงกุกนั่นกลับถ่างขาจนไม่มีที่นั่งเหลือเลยสักนิด

     

     

    ตัวก็ใหญ่ แถมยังจะนั่งกินพื้นที่อีก

     

     

    “ไม่เว้ย! มึงก็ไปนั่งกับไอ้แว่นนั่นดิ”

     

     

    ผมถึงกับสะดุ้งสุดตัว เมื่อไอ้ยงกุกพูดคำนั้นออกมา ซวยอีกแล้วไง ไอ้บ้ายงกุกเอ้ย!! กูล่ะอยากจะฆ่ามึงจริงๆ!!

     

     

    “เออ เนี่ย ตัวก็เล็กที่ก็เหลือตั้งเยอะ มานั่งด้วยกันกับไอ้แว่นนี่ก็ได้”

     

     

    แค่ไอ้ยงกุกคนเดียวไม่พอ ยองแจที่นั่งอยู่เก้าอี้ด้านข้างก็พูดสมทบช่วยกันเป็นปี่เป็นขลุ่ยเชียว ตายล่ะ พี่ฮิมชานเดินตรงมาทางนี้แล้ว แย่แน่เลย จะทำไงดีล่ะเนี่ย

     

     

    “พวกมึงใจร้าย พี่นั่งด้วยคนนะแดฮยอน”

     

     

    หลังจากที่ไม่มีใครแบ่งที่นั่งให้พี่ฮิมชาน(ผู้น่ารัก)สักคน สุดท้ายพี่ฮิมชานก็ต้องเดินมาขอผมนั่งด้วย ในขณะที่พี่ฮิมชานส่งยิ้มมาให้ผมและกำลังจะนั่งลงบนเก้าอี้นั้น ผมก็ลุกพรึบขึ้นมาจนทุกคนหันมามองผมเป็นตาเดียว

     

     

    “คะ คือ ขอตัวนะครับ ผะ ผมมีธุระ”

     

     

    และในขณะที่ผมกำลังจะรอดพ้นจากตรงนี้ ไอ้บ้ายงกุกก็หาเรื่องผมอีกเข้าให้

     

     

    “ไหนบอกมีเรื่องจะคุยกับไอ้ฮิมชานไม่ใช่หรือไง?”

     

     

    เราไปบอกมันตอนไหนวะ?

     

     

    “ถ้าแดฮยอนรังเกียจที่จะนั่งกับพี่ เดี๋ยวพี่ยืนก็ได้นะ แล้วพูดเรื่องที่แดฮยอนจะพูดมาเถอะ”

     

     

    พี่ฮิมชานไม่พูดเปล่า แต่กลับลุกขึ้นยืน เพื่อที่จะให้ผมได้นั่งอีก ช่างเป็นสุภาพบุรุษอะไรเช่นนี้ ผู้ชายน้อยคนนักที่จะเสียสละให้คนที่ไม่ได้ชอบแบบนี้ มันหาได้ยากจริงๆ ขนาดเพื่อนแท้ๆอย่างยองแจ จงออบ ยงกุก ยังไม่มีความเสียสละให้เพื่อนอย่างพี่ฮิมชานนั่งเลย พี่เขาเป็นคนดีจริงๆ

     

     

    “แดฮยอนไม่นั่งหรอ?”

     

     

    พี่ฮิมชานถามผม เพราะผมมัวแต่เพ้อจนลืมที่จะนั่งไปเลย

     

     

    “อ่ะ เอ่อ นะ นั่งครับ พะ พี่ฮิม ชะ ชานก็ นะ นั่ง ด้วยกันซิครับ”

     

     

    “ฮ่าๆๆๆ แดฮยอนเป็นอะไรหรือเปล่า”

     

     

    หลังจากที่พี่ฮิมชานนั่งลงแล้ว ก็รีบถามผมด้วยความเป็นห่วง(คิดไปเอง)

     

     

    “มันเป็นโรคติดอ่างน่ะ อย่าถือสาเลย”

     

     

    “ฉันไม่ได้ติดอ่างนะ! ไอ้บ้ายงกุก!!

     

     

    “ฮ่าๆๆ ทีอย่างนี้ล่ะพูดชัดเชียวนะ น้องรหัสมึงแม่ งน่ารักว่ะฮิมชาน”

     

     

    และคนที่หัวเราะเป็นคนต่อมาก็คือยองแจนั่นเอง แต่ผมไม่ลอยเพราะคำชมนั่นหรอกนะ แต่คนที่ผมต้องการที่จะฟังคำว่าน่ารักจากปากพี่ฮิมชานมากกว่า แต่ผมขออย่ามาบอกว่าผมน่ารักตอนนี้เลย ผมไม่อยากสลบไปอีกรอบ > <!

     

     

    เรื่องนั้นมาแน่นอนอยู่แล้ว แล้วแดฮยอนมีอะไรจะพูดกับพี่หรอ?”

     

     

    กรี๊ดดดดดดด! พี่ฮิมชานพูดแบบนี้ ชมเราทางอ้อมหรือเปล่า ตายแล้วๆ หน้าผมคงแดงไปถึงหูแล้วสินะ ไม่ได้ๆ เก็บอาการไว้ ว่าแต่เราจะตอบพี่ฮิมชานว่าไงดีล่ะเนี่ย เพราะไอ้ยงกุกนั่นแท้ๆเลย

     

     

    “อะ เอ่อ คือ ผม จะ ขอโทษพี่ ฮะ ฮิมชานเรื่องเมื่อวานน่ะครับ ที่สลบไป”

     

     

    ผมรีบหาเรื่องพูดจนได้ และพยายามกลั้นเสียงไม่ให้สั่น ถึงแม้จะมีสั่นบ้าง แต่ก็ไม่มากเกินไปหรอกมั้ง

     

     

    “อ่อ เรื่องนั้นไม่เป็นไรหรอกครับ แล้วเราล่ะ เป็นไงบ้าน ดีขึ้นหรือยัง”

     

     

    “กะ ก็ดีขึ้นมาก ละ แล้วครับ”

     

     

    “ดีแล้วล่ะนะ”

     

     

    พี่ฮิมชานพูดจบก็ขยี้หัวผมเหมือนทุกครั้งที่เราเจอกัน และผมก็อยากจะเป็นแมวตัวน้อยๆ ที่มีพี่ฮิมชานลูบหัวแบบนี้ตลอดไปเลย

     

     

    “นี่ ต่อจากนี้ถ้าแดฮยอนเหงา มานั่งกับพวกเราก็ได้นะ พวกเราต้อนรับเสมอ”

     

     

    จงออบที่นั่งเงียบก็นานก็เอ่ยชวนผมให้เข้าไปนั่งร่วมกลุ่มกับพี่ฮิมชานได้ ดีใจเป็นบ้าเลย > <!

     

     

    “อย่าดีใจไป เพราะฉันไม่อนุญาต”

     

     

    “อย่าใจร้ายนักสิ ยงกุก”

     

     

    ยองแจหันไปบ่นยงกุกเล็กน้อย

     

     

    “บอกว่าไม่ได้ก็ไม่ได้สิ!!

     

     

    ยงกุกตวาดออกมาเสียงดังลั่น ก่อนที่จะเดินออกไปจากโต๊ะ ทิ้งไว้เพียงความงุนงงของทุกคนที่นั่งอยู่ เป็นบ้าอะไรของมันอีกล่ะเนี่ย แต่ผมก็ไม่ฟังหรอก เพราะคนที่ผมอยากเจอคือพี่ฮิมชาน ในเมื่อพี่ฮิมชานอนุญาตก็เพียงพอแล้ว

     

     

    หลังจากที่พวกเรานั่งคุยกันได้สักพักก็ต่างแยกย้ายกันไปเรียน วันนี้เป็นวันที่ผมมีความสุขมากจริงๆที่ได้มานั่งร่วมโต๊ะ ได้มานั่งคุยกับพี่ฮิมชานแบบนี้ และตอนพักเที่ยง แน่นอนผมต้องไปนั่งกับพี่ฮิมชานอีกเป็นแน่ เมื่อโอกาสมาถึง ผมก็ต้องรีบไขว่คว้าไว้สินะ



     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×