ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic]All of Couple B.A.P EXO SJ

    ลำดับตอนที่ #13 : [BangDaeHim] Unlovable ไม่ขอเป็นคนที่ถูกรัก 1

    • อัปเดตล่าสุด 21 ต.ค. 55


    © Tenpoints!





     

    Unlovable   ไม่ ขอเป็นคนที่ถูกรัก



     

     

     

    “แล้วนี่นายมาทำอะไรตรงนี่ล่ะ ไม่ไปกินข้าวหรอ?”

     

     

    ซวยแล้วไง แล้วทีนี้จะให้ผมตอบพี่ฮิมชานยังไงล่ะ จะให้บอกหรอว่าผมมาที่นี่เพื่อมาแอบมองพี่เขาทุกวันน่ะ ไม่ได้นะ จะตอบว่าอะไรดีล่ะเนี่ยยยยยยยย!! ในขณะที่ผมกำลังวุ่นกับการหาคำตอบที่จะบอกพี่ฮิมชาน ก็มีเสียงหนึ่งตอบให้ผมก่อนแล้ว

     

     

    “มันก็มาแอบมองมึงแบบนี้ทุกวันอ่ะแหล่ะ”

     

     

    “แหกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!

     

     

    หลังจากนั้นสติผมก็ได้หลุดลอยไปเรียบร้อยแล้ว รู้ได้เพียงว่าก่อนที่สติผมจะดับวูบไปนั้น ได้มีใครบางคนโอบอุ้มผมไว้ก่อนที่จะล้มลงไปนอนราบกับพื้นดิน พร้อมกับเสียงอึกทึกโวยวายด้วยความตกใจ

     

     

    หลังจากที่เวลาผ่านไปได้สักพัก ผมก็รู้สึกว่าเหมือนมีคนกำลังอุ้มผมเดินไปที่ไหนสักแห่ง ผมมองเห็นภาพเบื้องหน้าแค่รางๆเท่านั้น อ๊ะ พี่ฮิมชานนี่นา พี่ฮิมชานเป็นคนอุ้มเรามาหรอเนี่ย ดีจังเลย หลังจากที่ได้รู้แล้วว่าใครเป็นคนอุ้มมา ผมก็ไม่ลืมที่จะรีบเอาใบหน้าซุกแผ่นอกนั่น เพราะคงไม่มีโอกาสที่จะได้ทำแบบนี้อีกแล้ว ผมจึงไม่รอช้าที่จะกอบโอกาสนั้น

     

     

    อ้อมกอดและแผ่นอกนี่ของพี่ฮิมชานอบอุ่นจังเลย ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเราถึงได้รักพี่ฮิมชานมากขนาดนี้ ไม่ผิดหวังจริงๆ

     

     

    อ่า..นี่มันที่ไหนกันนะ ห้องสีขาวๆแบบนี้ สวรรค์หรอ? นี่ผมตายไปแล้วหรอ? ไม่นะ ไม่เอา ผมยังไม่อยากตาย ไม่นะ

     

     

    “อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!!

     

     

    “โว๊ยยยย หยุดแหกปากสักวิจะได้ไหม? รำคาญ!!

     

     

    “เอ๋”

     

     

    เสียงนั่นมัน หมายความว่าไงผมยังไม่ตายหรอเนี่ย ดีใจจัง > <! พอผมมองดีๆก็พบว่านี่คือห้องพยาบาลของมหาลัยเอง และเสียงนั่นก็คือ ไอ้บ้ายงกุก

     

     

    “นี่ มาอยู่นี่ได้ไงกันน่ะ”

     

     

    “ก็มันเพราะใครกันล่ะ?”

     

     

    “แล้วพี่ฮิมชาน

     

     

    ผมพูดพร้อมมองไปรอบๆก็ไม่พบใครสักคนในสถานที่นี้ นอกจากผมและไอ้บ้ายงกุก ที่นั่งอยู่ข้างๆเตียงที่ผมนอนอยู่ แล้วพี่ฮิมชานล่ะไปไหน? กลับไปแล้วหรอ? แต่ก็ไม่เป็นไร แค่ได้มีพี่ฮิมชานอุ้มมาแบบนี้กดีแค่ไหนสำหรับเด็กที่ไม่มีอะไรดีอย่างผม^^

     

     

    “นี่ ถ้าคิดว่าไอ้ฮิมชานเป็นคนอุ้มมาล่ะก็ ขอแสดงความเสียใจด้วย ฉันนี่ที่อุ้มนายมา”

     

     

    “นายนี่นะ!

     

     

    ผมอุทานขึ้นมาด้วยความตกใจ ที่พบว่าคนที่อุ้มผมมาไม่ใช่พี่ฮิมชาน งั้นก็แปลว่าคนที่ผมซบอกตอนโดนอุ้มมานั่นก็…..

     

     

    “ไอ้บ้ายงกุก!! อ๊ากกกกกกกก อยากสลบ”

     

     

    ผมไม่พูดเปล่าแต่เตรียมล้มตึงไปกับที่นอนอีกครั้ง แต่อีกฝ่ายกับพูดขึ้นมาก่อน

     

     

    “นี่! ไม่ต้องมาสลบเลยนะ รู้ไหมนี่มันกี่โมงแล้ว!!!

     

     

    เอ๊ะ! ใช่แล้วนี่มันกี่โมงกันนะ ผมมองไปรอบๆก็พบว่าท้องฟ้านั้นได้มืดสนิท หาแสงจากดวงอาทิตย์ไม่ได้เลย อย่าบอกนะว่าผมสลบไปตั้งแต่เที่ยงจนถึงตอนนี้น่ะ!

     

     

    “แล้วนี่นายนั่งเฝ้าชั้นมาตลอดเลยหรอ?”

     

     

    “ก็ใช่น่ะสิ หิวแทบตายแล้วเนี่ย!

     

     

    เพียงแค่พูดเรื่องหิว ท้องผมก็ร้องขึ้นมาทันที ก็ผมยังไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เที่ยงแล้วนี่นา ผมไม่ใช่คนรวย คนมีอันจะกินเหมือนคนทั่วไปหรอกนะ ผมมันก็แค่คนหน้าตาบ้านๆ จนก็จน ไม่มีอะไรดี ผมรู้ว่าผมหวังผลสูงมากเกินไปที่จะชอบคนอย่างพี่ฮิมชาน แต่ผมก็ ไม่ได้ขอให้เขามารักผมหรอกนะ ผมขอแค่ได้แอบมองพี่ฮิมชานแบบนี้ก็พอแล้ว

     

     

    “นี่ฉันไปบ้านนายก่อนได้ไหม? หิวอ่า บ้านฉันอยู่ไกล ขี้เกียจไป”

     

     

    อยู่ๆไอ้ยงกุกนั่นก็มาขอผมไปที่บ้าน ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมคงไม่ให้มันมาที่บ้านผมหรอกนะ ผมเกียจมันอย่างกับอะไรดี ก็มันน่ะชอบเล่นแรงๆกับพี่ฮิมชานอยู่เรื่อยเลย  ไหนจะชอบตบหัว หรือชอบเอาเปรียบพี่ฮิมชานอยู่เรื่อย ผมล่ะเกียจมันจริงๆ แต่ที่ก็ยอมให้มันมาที่บ้าน ถือว่าชดใช้ส่วนที่มันต้องมานั่งเฝ้าผมทั้งวันอย่างนี้ละกัน

     

     

    “ตอนนี้ก็มีแต่มาม่าละนะ ขี้เกียจทำ”

     

     

    หลังจากที่กลับมาบ้านและทำการต้มมาม่าเรียบร้อย ผมก็ยกถ้วยมาม่ามาให้ยงกุกที่นั่งรออยู่ที่โต๊ะนั่น อย่างตั้งหน้าตั้งตารอ ผมก็หิวไปไม่น้อยกว่ากันหรอกนะ ประจำผมก็ไม่ได้กินข้าวกลางวันอยู่แล้ว เนื่องจากไม่มีเงินที่จะซื้อ และก็เก็บเวลาช่วงกลางวันไปแอบดูพี่ฮิมชาน พอเลิกเรียนก็กลับบ้านมาหาอะไรกิน แต่นี่กลับดึกมากแล้วจนป่านนี้ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย และด้วยความหิวผมจึงไม่ถอดผ้ากันเปื้อนออก เพราะกลัวเสียเวลาในการกิน ก่อนที่จะเริ่มโซ้ยมาม่าที่วางตรงหน้านี้อย่างอดอยาก

     

     

    “น่ากินนะ”

     

     

    อยู่ๆอีกฝ่ายก็พูดขึ้น ในขณะที่ผมรีบยัดมาม่าเข้าปาก อย่างไม่เกรงใจ

     

     

    “มันจะน่ากินอะไรนักหนา ก็แค่มาม่าธรรมดา ทำอย่างกับไม่เคยกิน?”

     

     

    ผมรีบตอบอีกฝ่ายไปอย่างส่ง            เพราะความหิวจัดมันได้ปะทุขึ้นมา จนผมต้องรีบกินมาม่านั่น เพื่อให้หายหิวโดยเร็ว

     

     

    “หึ”

     

     

    ผมได้ยินเสียงอีกฝ่ายหัวเราะในลำคอเล็กน้อย ก่อนที่อีกฝ่ายจะเริ่มจัดการมาม่านั่นเข้าปาก

     

     

    “นี่มันดึกแล้ว ขอนอนด้วยนะคืนนี้ ขอบใจ”

     

     

    หลังจากที่เราทั้งสองคนจัดการมาม่านั่นหมดเรียบร้อยแล้วทั้งคู่ ยงกุกก็ขอผมค้างด้วยคืนนี้ และยังไม่ทันที่ผมจะปฏิเสธอีกฝ่ายก็ถือวิสาสะเข้าไปในห้องผมซะแล้ว ส่วนผมก็มาจัดแจงล้างจานให้เรียบร้อย ก่อนที่จะจัดแจงถอดผ้ากันเปื้อนออก

     

    แต่ก็อย่างว่าบ้านผมมันเล็กนิดเดียว มีแค่ห้องเดียว ห้องน้ำเดียวในตัว ออกมาด้านนอกก็ไม่มีอะไรนอกจากอุปกรณ์เครื่องครัวและโต๊ะกินข้าว บ้านผมนั้นเล็กนิดเดียว ไม่ใหญ่อะไรมาก แต่ก็พออยู่สำหรับผม ที่ต้องอยู่บ้านคนเดียว งั้นคืนนี้ผมก็ต้องนอนกับไอ้บ้ายงกุกนั่นสินะ เฮ้อ!

     

     

    หลังจากที่จัดของให้เข้าที่เรียบร้อย ผมก็เดินเข้าไปในห้องของผมทันที่ ที่มียงกุกอยู่ข้างใน พอผมเดินเข้าไปก็ไม่เห็นร่างของยงกุกอยู่เลย ได้ยินแต่เสียงน้ำไหลที่ดังมาจากห้องน้ำ

     

     

    คงจะยังอาบน้ำไม่เสร็จ

     

     

    ช่วงเวลาที่รออีกฝ่ายอาบน้ำ ผมจึงเดินไปหยิบเสื้อผ้าเตรียมที่จะเอาเข้าไปเปลี่ยนข้างในห้องน้ำ หลังจากที่เตรียมเสื้อผ้าอะไรเรียบร้อยแล้ว ผมก็มานั่งรอยงกุกอาบน้ำเสร็จ ผมหันไปมองที่ประตูห้องน้ำ ก็พบอีกฝ่ายที่ร่างกายมีแต่หยดน้ำแพรวพราวเต็มไปหมดทั่วแผ่นอกและหน้าท้องที่แข็งแรง และซิกแพ็คสมชาย ผิวขาวเนียนยามมีหยดน้ำเกาะช่างดูเซ็กซี่ ส่วนผมที่เปียกน้ำจนลู่ลงมาปรกใบหน้าอูฐๆนั่น จนยุ่งกุกต้องเสยผมสีทองนั่นไปข้างหลัง เผยโครงหน้าให้เด่นชัดมากขึ้น

     

     

    “เหอะ! ดูดีตาย!

     

     

    ผมสบถออกมาเพราะความที่อยากจะอวดความเท่ห์และเซ็กซี่ของยงกุกต่อหน้าผม แต่ขอโทษด้วย ตราบใดที่ไม่ใช่พี่ฮิมชานมันก็ได้แค่เซ็กเสื่อมเท่านั้นแหล่ะ ผมเดินไปที่หน้าห้องน้ำ และไม่ลืมจะถอดแว่นตาออกและหยิบผ้าเช็ดตัวไปด้วย ก่อนที่จะเดินผ่านร่างของยงกุกเข้าไปในห้องน้ำ แต่ก็มีอีกเสียงหนึ่งดังขึ้นมา จนผมสะอึกเล็กน้อย แต่ก็เดินเข้าไปในห้องน้ำ โดยที่ไม่ได้ตอบกลับ

     

     

    “แล้วถ้าเป็นฮิมชานล่ะ นายจะพูดว่าไง?”

     

     

    ในขณะที่ผมอาบน้ำในหัวก็ไม่วายนึกถึงคำพูดของอีกฝ่าย ก่อนที่ผมจะเดินเข้ามาในห้องน้ำ คิดจะสื่ออะไรกันแน่? ผมคิดอย่างนั้นอยู่นานจนอาบน้ำเสร็จและกำลังจะเอื้อมมือไปหยิบเสื้อผ้าที่เตรียมไว้มาใส่ แต่เอ๊ะ! ผมคลำๆไปทั่วก็ไม่พบเสื้อผ้าของผมเลย ผมหันไปมองก็พบว่ามันไม่มีเสื้อผ้าของผมอยู่จริงๆ อย่าบอกนะว่าผมลืมเอาเข้ามา!!!

     

     

    สุดท้ายผมก็ต้องตัดสินใจเดินออกมาจากห้องน้ำด้วยผ้าเช็ดตัวผืนเดียวที่พันอยู่ท่อนล่าง แต่พอเดินออกมาก็พบเจอสิ่งที่น่าตกใจยิ่งกว่านั้น ก็คือไอ้บ้ายงกุกที่แต่งตัวอะไรเรียบร้อยแล้วกำลังจับกางเกงในของผมเล่น และเอาไปดม!!

     

     

    “ไอ้โรคจิต เอามานี่นะ!!

     

     

    เห็นดังนั้นผมจึงรีบเดินไปกระชากกางเกงใน และเสื้อผ้าของผมมาไว้ที่ตัวเอง และหันไปด่ามันอีกครั้ง ก่อนที่จะเดินไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องน้ำอย่างหัวเสีย

     

     

    “ไอ้โรคจิต!!

     

     

    ผมคิดผิดหรือคิดถูกกันล่ะเนี่ยที่ยอมให้มันมานอนด้วย ผมล่ะอยากจะบ้าตาย!! แต่ตอนมาถึงบ้านนี่ก็ล่อไปซะ 3 ทุ่มโน่น จะให้กลับบ้านก็ใจร้ายเกินไป แต่ตอนนี้ผมกลับอยากใจร้ายใส่ไอ้โรคจิตนี่จัง ในใจก็คิดด่าไอ้โรคจิตนั่นในใจ ส่วนมือก็จัดแจงใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อย ก่อนที่จะเดินออกจากห้องน้ำ ก็พบว่าที่นอนของผมได้ถูกยึดไปเรียบร้อยแล้ว

     

     

    “นี่ ใครบอกให้นายนอนบนที่นอนกัน ลงมาเดี๋ยวนี้เลยนะ ที่ของนายน่ะมันอยู่ข้างล่างนี่ต่างหาก”

     

     

    ผมเดินเข้าไปพยายามจะกระชากร่างควายๆของไอ้บ้ายงกุกให้ลงมานอนข้างล่าง แต่ตัวก็หนัก ร่างก็ใหญ่ ดึงยังไงก็ไม่ล่วงสักที ขนาดผมดึงสุดแรงแล้วนะ จะตัวควายไปไหน?

     

     

    “นี่ฉันลูกคุณหนูนะ จะให้ไปนอนที่แบบนั้น เหอะ ไม่เอาด้วยหรอก”

     

     

    และในขณะที่ผมเผลอนั้น อีกฝ่ายก็กระชากร่างของผมลงไปนอนที่เตียงแทนโดยมีตัวของอีกฝ่ายคร่อมอยู่ด้านบน

     

     

    “อ๊ะ!

     

     

    “ถ้าตัดสินไม่ได้ก็นอนด้วยกันนี่แหล่ะ”

     

     

    อีกฝ่ายพูดด้วยเสียงแหบพร่าในขณะที่ใบหน้าของเรานั่นใกล้กันมาก เพราะอีกฝ่ายเอาหน้าผากมาทาบทับไว้กับหน้าผากของผม สายตาของเราประสานกันอยู่นาน จนผมชักทนไม่ไหว จึงเอาเข่ากระแทกไปที่จุดศูนย์กลางของร่างกายอีกฝ่าย แต่เนื่องจากอีกฝ่ายกำลังคร่อมผมอยู่ พอผมเอาเข่าไปกระแทก จึงทำให้ร่างอีกฝ่ายล้มลงมาทับผม จากเดิมแค่คร่อมแต่ตอนนี้กลายเป็นนอนทับผมไปแล้ว แถมใบหน้าของอีกฝ่ายก็ซุกอยู่ที่ซอกคอผมอีกด้วย ลมหายใจอุ่นนั่นได้รินรดมาที่คอของผมจนรู้สึกขนลุกไปหมด

     

     

    “นี่ ขนลุกน่ะ….

     

     

    “ปวดขี้หรือไง?”

     

     

    “ไปตายซะไอ้บ้า!!!!!

     

     

    สุดท้ายผมกับไอ้บ้ายงกุกก็ต้องมานอนด้วยกันบนที่นอนที่สุดแสนจะเล็กจึงทำให้ผมต้องนอนเบียดกับอีกฝ่ายเป็นอย่างมาก มากจนถึงขั้นถ้าขยับเพียงนิดเดียว ร่างของผมคงร่วงลงไปนอนกับพื้นด้านล่างเป็นแน่ และความเงียบก็ได้ปกคลุมพื้นที่นี้เป็นที่เรียบร้อยๆ จนผมคิดว่าอีกฝ่ายคงหลับไปแล้ว แต่ไม่ใช่เลย เมื่อเสียงของอีกฝ่ายดังขึ้น

     

     

    “นี่ ทำไมถึงชอบฮิมชานล่ะ?”

     

     

    “นะ นายรู้ได้ไง?”

     

     

    ผมถามอีกฝ่ายด้วยความตกใจ ทั้งๆที่แผ่นหลังของเรายังคงชนกันอยู่ โดยไม่มีใครคิดที่จะหันหน้ามาคุยกันตรงๆ

     

     

    “ก็ฉันมองนายมานานแล้วนะ ฉันเห็นทุกเที่ยง นายมักจะมาแอบดูไอ้ฮิมชานใต้ต้นไม้นั่นทุกวันๆ และไม่ใช่แค่ตอนเที่ยงเท่านั้น ไม่ว่าเวลาไหนที่เจอกัน สายตาของนายก็จะมองไปที่ฮิมชาน และไม่ว่าจะไปที่ไหนฉันก็มักจะเห็นนายคอยเดินตามพวกเราตลอด และสายตานั่นก็ไม่เคยมองไปที่ใครเลย นอกจาก ฮิมชาน”

     

     

    “มันก็ ก็อย่างที่นายคิดนั่นแหล่ะ”

     

     

    ผมรู้สึกแปลกๆกับบรรยากาศแบบนี้จังเลย มันรู้สึกเหมือนบรรยากาศโดยรอบมีแต่ความโศกเศร้ายังไงไม่รู้ ผมไม่ชอบมันเลยแต่อยู่ๆ ผมก็รู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายเริ่มขยับตัวและกำลังหันตัวมาทางผม แต่เพราะเตียงมันเล็ก จึงทำให้ผมไม่ทันตั้งตัวล่วงลงไปที่พื้น แต่ก่อนจะล่วงลงไปนั้น ยงกุกก็ได้คว้าที่เอวของผมไว้ พร้อมกอดผมแน่นจากทางด้านหลัง

     

     

    “นี่ คนๆนั้นของนาย ขอเป็นฉัน แทนฮิมชานได้ไหม?”

     

     

    “ทะ ทำไมล่ะ?”

     

     

    ผมตกใจเป็นอย่างมากที่ได้ฟังคำนั้นของยงกุก แต่ก็พยายามเก็บความตกใจนั้นไว้ ก่อนที่จะตั้งใจฟังในสิ่งที่อีกฝ่ายกำลังจะบอก

     

     

    “ได้โปรดเถอะ ฉันเฝ้ามองนายมาตลอด รู้ไหม? ตอนที่รู้ว่านายได้เป็นน้องรหัสไอ้ฮิมชานฉันดีใจมากแค่ไหน? แต่สายตาของนายกลับไม่ได้มองมาที่ฉันเลย ฉันขอล่ะ คนนั้นของนาย ฉันขอเป็นเถอะนะ”

     

     

    น้ำเสียงอ้อนวอนของอีกฝ่ายทำให้ผมรู้สึกสงสาร แต่จะให้ผมทำไงได้ ในเมื่อผมไม่เคยคิดที่จะชอบเขาเลย ผมไม่ได้รักเขา แต่คนที่ผมรักคือพี่ฮิมชาน ถ้าพี่ฮิมชานเป็นคนมาบอกแบบนี้กับผม ผมคงรู้สึกดีกว่านี้เป็นเท่าตัว

     

     

    “คงไม่ได้หรอกนะ หัวใจของฉัน ฉันเก็บไว้ให้พี่ฮิมชานเท่านั้น และไม่คิดจะให้ใครด้วย หวังว่าคงเข้าใจนะ ฉันรักและเฝ้ารอพี่ฮิมชานมานาน ขอโทษด้วย ที่คนนั้นเป็นนายไม่ได้

     

     

    “ฉันก็รักและเฝ้ารอนายมาตลอดเลยนะ ฉันก็รักนายไปไม่น้อยกว่าที่นายรักไอ้ฮิมชานเลยนะ ได้โปรดล่ะ ฮึก”

     

     

    ในช่วงสุดท้ายของประโยคผมสัมผัสได้ว่าอีกฝ่ายกำลังร้องไห้ และเจ็บปวด แต่ผมไม่ต้องการให้ความหวังเขาไปมากกว่านี้ ผมจึงพยุงตัวเองให้ลุกขึ้น ก่อนที่จะหันไปหาอีกฝ่ายที่มีน้ำตาไหลเต็มใบหน้าก่อนที่จะพยุงตัวให้ลุกขึ้นมาประจันหน้ากับผม

     

     

    “ฉันตกใจนะที่นายมาพูดแบบนี้ แต่ฉันขอบอกไว้ก่อน ฉันไม่ได้รักนาย คนที่ฉันรักคือพี่ฮิมชาน คนเดียวเท่านั้น

     

     

    “ฉันเฝ้ารอวันที่จะได้พูดคำนี้มานาน ฉันขอไม่ได้หรอ? ได้โปรดเถอะ ฉันรักนายมากนะ แดฮยอน..

     

     

    “ถ้านายยังพูดไม่รู้เรื่องแบบนี้ ฉันคงให้นายนอนด้วยไม่ได้หรอกนะ ออกไปเลย กลับบ้านนายไปเลยนะ และไม่ต้องกลับมาอีก ออกไปสิ!!

     

     

    ผมตวาดใส่อีกฝ่ายไป ไม่ใช่ว่าผมไม่สงสาร แต่ผมไม่ต้องการให้ความสงสารของผมมาทำร้ายอีกฝ่ายทีหลัง เพราะยังไงหัวใจดวงนี้ผมก็มอบให้ใครไม่ได้ นอกเสียจากพี่ฮิมชาน ผมไม่ต้องการให้ใครมาเผ้ารอความรักจากผม

     

     

    “ก็ได้ ถ้านายต้องการ”

     

     

    เขาพูดจบก็เดินออกไปจากห้อง ส่วนผมก็เดินตามออกไป เพื่อล็อคประตูบ้าน เขาก็จะได้ไม่เข้ามาในบ้านอีก

     

     

    ในที่สุดผมก็ตัดสินใจพูดออกไป แม้มันจะดูทำร้ายจิตใจอีกฝ่ายมากไปหน่อย แต่ก็เพื่อตัวของเขาเอง ผมไม่ต้องการให้ใครมาเจ็บปวดกับการรักและเฝ้ารอผม ผมรู้ว่ามันเจ็บเพราะผมก็กำลังแอบรักคนๆนึงอยู่ แต่เพราะความคิดของผม ผมไม่ได้ขอให้เขามารักผมเหมือนที่ผมรักเขา แต่ผมต้องการเฝ้ามองและรักเขาแบบนี้ตลอดไป

     

     

    ปล.ไขข้อสงสัย จากการทิ้งปมในครั้งที่แล้ว ก็หมายความว่า ภายนอกที่สดใส ก็เปรียบเสมือนบุคลิกภายนอกของเฮียบังและเนื้อเรื่องที่ดูสดใสเฮฮา น่ารัก แต่ความจริงแล้วภายในขรุขระ ก็คือ ภายในจิตใจของเฮียนั้น มีแต่ความเศร้าหมองและเนื้อเรื่องที่ไม่ได้สดใสและน่ารักอย่างคิดไงล่ะ

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×