คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : ฝาแฝดต่างขั้ว
เช้าวันต่อมา
ผมค่อยๆกระพริบตาปรับสายตาให้เข้ากับแสงในยามเช้าทีรอดผ่านผ้าม่านเข้ามาในห้องอย่างงัวเงีย พรางเอื้อมผ้าห่มคลุมหัว และพลิกตัวคว้าหมอนข้างมากอดเพื่อช่วยไม่ให้แสงจากดวงอาทิตย์ภายนอกเข้ามาแยงตาได้อีก แต่ก่อนที่จะหลับตาลงอีกครั้งนั้น ผมก็สัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างที่แปลกไปจากเดิม
หมอนข้าง
หมอนข้างของผมมันแปลกไป จากที่เคยนุ่มนิ่ม กลับแข็งและมีสัดส่วนที่ผิดไปจากเดิม ผมเริ่มรู้สึกใจคอไม่ค่อยดี กลัวว่าเปิดผ้าห่มออกมาจะเจอกับอะไรที่ผมรับไม่ได้ เพราะเมื่อคืนผมเพิ่งไปที่สุสานคนตายมาน่ะสิ !!
แต่เดี๋ยวนะ...เมื่อคืนผมอยู่ที่สุสาน แล้วทำไมเช้ามาผมถึงมาอยู่ที่ห้องของผมได้ล่ะ ผมจำไม่ได้เลยนะว่าผมกลับมาตอนไหน อย่าบอกนะว่า....
เมื่อคิดได้ดังนั้น ผมก็ค่อยๆแง้มผ้าห่มออกมาทีละนิดๆกลัวว่าสิ่งที่อยู่ใต้ผ้านี่จะไม่ใช่คนที่ตัวเองกำลังคิดอยู่ จึงตัดสินใจหลับตาปี๋และเปิดผ้าห่มออกมาทีเดียว และค่อยๆเปิดม่านตาออกเล็กน้อย และก็ต้องตกใจมากขึ้นกว่าเดิม เมื่อทันทีที่ผมเปิดผ้าห่มออกเผยให้เห็นร่างของใครอีกคนใต้ผ้าห่มที่คว้าเอวผมเข้าไปกอดทันทีที่ผ้าห่มพ้นร่างกาย
พรึ่บ!
“เฮ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยย! เคนเนธ”
ผมตะโกนออกมาดังลั่นด้วยความตกใจ แล้วค่อยๆครางชื่อของอีกฝ่ายเบาๆ ขณะนี้ผมกำลังนอนอยู่บนที่นอนในห้องของผมโดยที่ยังใส่ชุดเดิมเหมือนเมื่อวานนี้ โดยไม่มีเสื้อผ้าชิ้นไหนถูกถอดออกเลย แม้กระทั่งรองเท้า เช่นเดียวกับเคนเนธที่กำลังนอนคว่ำหน้าอยู่หน้าท้องของผมตอนนี้ พร้อมกับแขนที่เพิ่งเอื้อมมากอดรอบเอวของผมหลังจากที่ผ้าห่มถูกเปิดออก
เมื่อสมองประมวลเหตุการณ์ทุกอย่างเข้าที่ดีแล้ว ผมก็ค่อยๆดึงแขนของเคนเนธออกจากเอวของผม เพราะผมกลัวว่าถ้าหากอีกฝ่ายตื่นมาและพบสภาพตอนนอนของตนเองในตอนนี้แล้วล่ะก็ มีอันวีนแตกเป็นแน่ ผมล่ะไม่อยากนึกสภาพ สีหน้าและแววตาเย็นชาที่พร้อมจะแช่แข็งผมและเผาผมด้วยไฟในเวลาเดียวกันเหมือนคนตรงหน้า
แต่ก็ไม่เป็นผล เมื่ออีกฝ่ายกอดเอวของผมแน่นมาก แกะเท่าไหร่ก็ไม่ออก ผมจึงตัดสินใจเรียกชื่ออีกฝ่ายพร้อมเขย่าร่างของอีกฝ่ายเพื่อเรียกสติ
“เคนเนธ เคนเนธ เฮ้! ตื่นได้แล้วเคนเนธ ฉันอึดอัดนะ!!”ในขณะที่เรียกอีกฝ่าย ผมก็ค่อยๆเพิ่มโวลลุ่มมากขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับแรงเขย่าที่มากขึ้นเรื่อยๆเช่นกัน เมื่อเคนเนธไม่มีทีท่าว่าจะลืมตาตื่นขึ้นมาเลยสักนิด
ไอ้ยมทูตขี้เซาเอ้ย
ผมได้แต่สบถแบบนั้นในใจ แต่แล้ว อยู่ๆอีกฝ่ายก็ค่อยๆขยับตัวส่ายหน้าไปมาอยู่ที่หน้าท้องของผม จนรู้สึกได้ถึงไอเย็นๆจากการหายใจของอีกฝ่ายจนรู้สึกขนลุก ก่อนร่างกายจะไวกว่าความคิด ผลักร่างของอีกฝ่ายจนกระเด็นไปที่ปลายเท้าเกือบจะตกเตียง และนั่นจึงทำให้อีกฝ่ายตื่นขึ้นมาจากความฝันอันแสนหวาน (คิดว่านะ) ของตนได้
และตอนนี้ผมก็ต้องเตรียมตัวรับกรรมที่ก่อ ที่บังอาจผลักยมทูตน้ำแข็งไฟ(ขอเรียกแบบนี้ละกัน เพราะแววตาที่ราวกับจะแช่แข็งคนตรงหน้า กับอารมณ์ที่ร้อนราวกับไฟ) จนเกือบร่วงเตียงแบบนั้น ผมได้แต่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนที่นอนด้วยความหวาดกลัวบุคคลตรงหน้า ที่ค่อยๆเงยหน้าขึ้นมาโดยมีผมที่เคยเป็นทรงแต่บัดนี้ปรกลงมาปิดใบหน้าจนไม่เห็นดวงตาแข็งกร้าวของอีกฝ่าย แต่ก็ยังสัมผัสได้ว่าอีกฝ่ายกำลังจ้องมองมาที่ผม ความรู้สึกของผมตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับการที่มีผีจูออนมานอนบนเตียงเวอร์ชันผู้ชายกับผม และตอนนี้ผีจูออนตนนั้นก็กำลังจะพุ่งเข้ามาฆ่าผม !!
“ไลแคนท์!!”
หือ!!??
ผมถึงกับอึ้งเมื่อเคเนธที่กำลังงัวเงียหลังการตื่นนอน พุ่งเข้ามากอดผมอย่างสนิทสนมจนผมถึงกับทำตัวไม่ถูก ร่างกายที่สั่นเทาเมื่อครู่ เริ่มผ่อนลงจนรู้สึกตัวรีบจากแรงกอดของเคนเนธที่มอบมาให้กับผม ผมถึงกับหน้าเหวอทำตัวไม่ถูก ได้แต่ปล่อยให้เคนเนธกอดผมด้วยความดีใจอะไรของอีกฝ่ายก็ไม่รู้ ซึ่งผิดกับเมื่อคืนจนผมถึงกับไปต่อไม่ถูก
“อะ..เอ่อ เคนเนธนาย...”ผมเอ่ยขึ้นอย่างกล้าๆกลัวๆ แต่แล้วอยู่ๆเคนเนธก็คลายอ้อมกอดออกจากตัวผม แล้วเงยหน้าขึ้นมามองผมในระยะประชิด
“ไม่ๆ อย่าเรียกฉันว่าเคนเนธสิ ฉันวินเชลล์ต่างหาก”
“ห๋า??”
ผมถึงกับอึ้งมากกว่าเก่าเมื่อเคนเนธที่ผมคุยด้วยเมื่อคืน บอกว่าตัวเองไม่ใช่เคนเนธแต่ชื่อวินเชลล์ ผมไม่ใช่พวกสมองเสื่อมที่จำไม่ได้ซะหน่อย ว่าคนที่ผมคุยด้วยเมื่อคืนที่แทบจะโดนอีกฝ่ายกินเลือดกินเนื้อตรงหน้านี้เป็นใคร เพราะเขาเป็นคนแนะนำตัวกับผมเอง ว่าตัวเองชื่อ ‘เคนเนธ’ เป็นยมทูตและเป็นเพื่อนของแวร์วูฟในภพคนตาย แล้วคนตรงหน้าผมตอนนี้จะไม่ใช่เคนเนธได้ยังไงกัน
“ไม่ต้องงงเลย ฉันชื่อวินเชลล์ เป็นฝาแฝดของเคนเนธ อ้อ แล้วก็ไม่ต้องสงสัยด้วยว่าเมื่อคืนนี้นายอยู่กับเคนเนธแท้ๆ แต่ทำไมตื่นมากลับเป็นฉันไม่ใช่เคนเนธ เพราะทุกๆ 6 โมงเช้าเมื่อไหร่ ฉันจะปรากฏตัวแทนเคนเนธ และเคนนธจะปรากฏตัวหลัง 6 โมงเย็นแทนฉัน หรือเรียกง่ายๆก็คือฝาแฝดในร่างเดียวกันยังไงล่ะ”
ผมถึงกับอึ้งเมื่อได้ฟังคำอธิบายที่ร่ายยาวของคนตรงหน้าที่บอกว่าตนเองชื่อ ‘วินเชลล์’ ด้วยสีหน้าและแววตาสดใส ผิดกับเมื่อคืนที่มีสีหน้าและแววตาอันแสนน่ากลัว และนี่ก็คงเป็นอีกจุดสังเกตหนึ่งสินะ ที่ผมต้องจำ ว่าวินเชลล์น่าคบหากว่าเคนเนธเยอะ ถ้าหากไม่ติดตรงที่ว่ามือของวินเชลล์นั้นกำลังยุ่มย่ามอยู่แถวๆใต้สะดือของผม พร้อกับแววตาที่ส่อแววอะไรบางอย่างมาให้ผมจนขนลุกซู่
ถ้าไม่ติดที่ว่าวินเชลล์ตัวใหญ่ แล้วเท่าที่ผมพิจารณาดูอีกฝ่ายจากประสบการณ์ที่ผมมี วินเชลล์ไม่มีทางเป็นฝ่ายรับแน่นอน เพียงแต่เป็นฝ่ายรุกที่อ้อนอีกฝ่ายให้หลงเชื่อเพื่อหลอกจับกดมากกว่า และที่สำคัญวินเชลล์เป็นฝาแฝดของเคนเนธที่แสนน่ากลัวนั่น ผมคงจับอีกฝ่ายกดไปแล้ว เพราะตอนนี้ผมเริ่มมีอารมณ์อย่างว่าจากการปลุกเร้าของวินเชลล์ที่มอบมาให้ผมอย่างจงใจ
นี่สินะที่เขาเรียกกันว่าฝาแฝดต่างขั้ว ผมคิดในใจ
จริงสิผมกำลังตามหาแวร์วูฟนี่นา และคืนนั้นที่ผมคุยกับเคนเนธผมก็ไม่แน่ใจว่าเราคุยกันไปถึงใน เพราะรู้สึกเหมือนกับว่าผมจะหลับไปกลางคัน จากการอ่อนเพลียที่ต้องนอนคิดเรื่องต่างๆมากมายที่เข้ามาใส่จนแทบปรับตัวไม่ทัน แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้เอ่ยปากถามอะไรอีกฝ่าย อยู่ๆวินเชลล์ก็โถมร่างกายของตนเองเข้ามาทับผม จนต้องเอนตัวลงไปนอนราบกับที่นอนอีกครั้ง โดยมีวินเชลล์นอนทับอยู่ด้านบนในระยะประชิดจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจเย็นๆจากวินเชลล์ต่างจากเคนเนธที่เป็นลมร้อน
“พวกนายนี่เป็นฝาแฝดที่น่ารักจังนะ ถูกใจฉันจริงๆ ไม่เล็กเกินไปและไม่ใหญ่เกินไป อ๊ะๆ อย่าคิดลึกนะ ฉันไม่ถึงขนาดตัวต่างหากล่ะ หึหึ”วินเชลล์หัวเราะในลำคออย่างมีเลศนัย และค่อยๆกวาดสายตามองเรือนร่างของผมที่เสื้อโค้ดตัวนอกเริ่มหล่นลงไปอยู่ที่แขน เหลือเพียงเสื้อยืดด้านในเพียงตัวเดียว และนั่นก็คงทำให้วินเชลล์รู้สึกหื่นกระหายเป็นอย่างมากเท่าที่ดูจากสีหน้าและแววตาคู่นั้น
“นายรู้ไหม ฉันมันพวกที่มีอารมณ์อย่างว่าตอนถูกใครบางคนขัดเวลาในการนอนมากที่สุดเลยล่ะ และยิ่งเป็นนายที่มีหน้าตาเหมือนแวร์วูฟแล้วล่ะก็ ฉันล่ะอยาก......”วินเชลล์ลากเสียงยาวตอนท้ายของประโยค พรางเหลือบตาขึ้นมามองสีหน้าของผมที่กำลังตกใจสุดขีดกับการลุกล้ำของอีกฝ่าย ก่อนจะถูกนิ้วเรียวยาวของวินเชลล์เกี่ยวเข้าที่กระดุมกางเกงจนหลุด และตามมาด้วยการปลดซิปลง
“เฮ้ยยยย!” พลั่ก !!
ยังไม่ทันที่กางเกงผมจะถูกนิ้วเรียวนั้นถอดออกผมก็ตั้งสติและพลั่กอีกฝ่ายออกเสียก่อน ก่อนที่น้องของผมจะตื่นไปมากกว่านี้ เพราะเพียงแค่เท่านี้ก็ทำให้มันตุงนูนอยู่ในกางเกงชั้นในจนโผล่พ้นออกมานอกกางเกงที่ถูกปลดซิปนั้นแล้ว ผมจึงรีบเอามือกุมปิดตรงน้องของผมเอาไว้ เมื่อเห็นสายตาโลมเลียของวินเชลล์
“หึหึ นายนี่หวงตัวไม่ต่างกับแวร์วูฟเสียจริงเลยนะ ไม่แปลกใจที่พวกนายเป็นแฝดกัน”ทันทีที่ชื่อของน้องชายฝาแฝดของผมหลุดออกมาจากปากของวินเชลล์ ผมก็ถึงกับเบิกตากว้างเพราะคิดว่าวินเชลล์ก็คงรู้อะไรเกี่ยวกับตัวแวร์วูฟไปไม่น้อยกว่าเคนเนธเช่นกัน เพราะพวกเขาอยู่ในร่างเดียวกันนี่!!
“หมายความว่าไง ที่นายพูดถึงแวร์วูฟน่ะ”ผมตัดสินใจที่จะถามออกฝ่ายออกไป แล้วรูดซิปกางเกงของตัวเองพร้อมติดกระดุมเพื่อปกปิดน้องชายของผมให้สงบจิตสงบใจอยู่ในนั้นก่อน และค่อยๆยันตัวเองลุกขึ้นนั่ง พร้อมสวมเสื้อคลุมให้เรียบร้อยเพื่อป้องกันการโจมตีของวินเชลล์ที่จะจู่โจมเข้ามาอีกตอนไหนก็มิอาจทราบได้
“คงเป็นห่วงน้องชายของตัวเองสินะตอนนี้น่ะ ไม่ต้องห่วงแวร์วูฟน่ะหวงตัวมากกว่านายหลายเท่าเลยล่ะ เข้าถึงตัวยาก แต่นั่นก็ทำให้ฉันอยากได้แวร์วูฟเข้ามาครอบครองมากขึ้นเหมือนกัน และสุดท้ายแวร์วูฟก็.....”
วินเชลล์ลากเสียงยาวเป็นการแกล้งผมอีกครั้ง เมื่อสีหน้าของผมบ่งบอกถึงความอยากรู้ถึงสิ่งที่วินเชลล์กำลังจะเล่าต่อไปนี้มากยิ่งขึ้น แต่วินเชลล์กลับกระเถิบเข้ามานั่งพิงหลังเข้ากับหัวเตียงข้างๆผม และจ้องหน้าผมด้วยสีหน้าและแววตาที่อธิบายยาก และประโยคต่อมาที่ผมกำลังรอฟังนั่นก็ทำให้ผมอึ้งมากขึ้นไปอีก
“และสุดท้ายแวร์วูฟก็เสร็จฉันยังไงล่ะ เซ็กซี่มากเลยนะแวร์วูฟน่ะ”
วินเชลล์พูดทั้งๆที่สายตาจ้องมองไปที่เพดานราวกับนึกถึงคืนอันแสนเร่าร้อนของตนเองกับแวร์วูๆอย่างมีความสุข จนผมรู้สึกเลือดขึ้นหน้าขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ก่อนจะลุกขึ้นจากที่นอนโดยที่ไม่หันไปมองวินเชลล์อีก และเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวก่อนจะมุ่งตรงไปที่ห้องน้ำด้วยความโมโหอะไรสักอย่างจากประโยคนั้น แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมตัวเองต้องโมโหขนาดนี้
โดยหารู้ไม่ว่า การกระทำนั้นของไลแคนท์นั้นได้เข้าแผนที่วินเชลล์วางไว้เพื่อแกล้งและพิสูจน์ใจของไลแคนท์ที่มีต่อแวร์วูฟต่างหาก....
ความคิดเห็น