ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    โครงการแข่งขันประกวดเรียงความ ครั้งที่2

    ลำดับตอนที่ #10 : นางสาวนริศรา ฉลองกุล

    • อัปเดตล่าสุด 17 ม.ค. 60


     

    เรื่อง:ร่มใจพ่อ

     

    "ในหลวงอย่าละทิ้งประชาชน"  เป็นคำกล่าวของราษฏรผู้หนึ่งที่ตะโกนบอกในหลวง ในขณะที่รถพระที่นั่งของพระองค์เคลื่อนผ่านกลุ่มชองราษฏรไป เพราะในหลวงจะทรงเดินทางไปศึกษาต่อยังประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ไม่มีใครรู้ว่าคนผู้นั้นเป็นใคร แต่ในหลวงทรงจดจำคำพูดของผู้นั้นมาตลอดและทรงตอบอยู่ในพระทัยเสมอว่า"หากประชาชนไม่ละทิ้งข้าพเจ้าแล้ว ข้าพเจ้าจะละทิ้งประชาชนได้เช่นไร"ซึ่งเป็นคำปรารภของในหลวงรัชกาลที่  ๙  แห่งสยามประเทศ  เจ็ดสิบกว่าปีที่พระองค์เฝ้าตอบย้ำความคิดครั้งก่อนเก่ามาโดยตลอด  และทรงปฏิบัติตามความคิดของพระองค์  หวังให้ประชาชนทุกคนอยู่ดีมีความสุข

    ภาพกษัตริย์ในความคิดของใครหลายๆคนนั้น คงจะต้องเสวยราชสมบัติอย่างสุขสบาย พร้อมด้วยข้าราชบริพาร และอาณาประชาราษฏร์ที่มากมาย แต่กษัตริย์ของดิฉันไม่ได้เป็นเช่นนั้น เพราะพระองค์ได้ทรงงานหนักมาตลอดระยะเวลาในการครองราชย์ของพระองค์ ภาพที่ดิฉันและคนไทยหลายๆท่านได้เห็น  ก็คงจะเห็นไม่ต่างจากฉันนั้นก็คือ ภาพข่าวของในหลวงที่ทรงไปยังพื้นที่ทุรกันดาร เพื่อเข้าไปช่วยเหลือประชาชนของพระองค์ ถึงแม้ว่าพื้นที่เหล่านั้นจะยากลำบากในการเดินทางสักเพียงใดพระองค์ก็มิได้ทรงย่อท้อพระทัยและได้เข้าไปให้ความช่วยเหลือและทรงนำโครงการในพระราชดำริของพระองค์ลงสู่พื้นที่ทุรกันดาร  เพื่อจะได้ช่วยแก้ปัญหาของประชาชนมาโดยตลอด และยังมีสิ่งของอยู่สองสิ่งที่พระองค์จะนำติดพระองค์ไว้เสมอ นั่นคือกล้องถ่ายภาพและแผนที่หลายๆท่านก็คงเข้าใจดีว่าแผนที่นั้นพระองค์จะทรงนำมาดูว่าพื้นที่ที่ประชาชนของพระองค์อยู่นั้น  เพื่อให้เห็นความเป็นอยู่ของราษฏรของพระองค์แต่กล้องถ่ายภาพของพระองค์นั้นกลับถ่ายแต่ภาพที่ไม่ได้สวยงามอะไรเลย อาทิเช่น ภาพภูเขาหัวโล้น ภาพไร่ฝิ่นในพื้นที่ดอยต่างๆในภาคเหนือ ภาพพื้นที่ดินเปรี้ยวไม่สามารถทำเกษตรกรรมได้เลย เป็นต้น หากเป็นเราหรือบุคคลทั่วไปก็คงจะถ่ายแต่ภาพที่สวยงามเก็บไว้เป็นความทรงจำ แต่เมื่อเวลาผ่านไปไม่นานนักพื้นที่ในภาพที่พระองค์ถ่ายนั้นก็เกิดเป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริและพื้นที่เหล่านั้นก็ถูกฟื้นฟูให้ดีขึ้นนั่นจึงทำให้ฉันได้รับคำตอบว่าในหลวงไม่ได้ต้องการถ่ายภาพที่สวยงาม แต่พระองค์ต้องกการถ่ายภาพถิ่นที่ทุรกันดาร  และความยากลำบากของราษฏรของพระองค์ที่ทรงได้ไปทอดพระเนตรมาจริงๆ และนำมาคิดค้นวิธีการแก้ปัญหาให้พวกเขาอีกหนึ่งความทรงจำดีๆที่ดิฉันอยากกล่าวถึงนั่นคือ คงไม่มีประเทศใดในโลกที่เรียกกษัตริย์ของตนว่า"พ่อ"นั่นเป็นเพราะพระองค์ทรงเป็นแบบอย่างให้แก่คนไทยในหลายๆด้าน อาทิ   เช่น ความประหยัดอดออม ความมีจิตเมตตา ความอดทนไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค เป็นต้น ทรงเป็นแบบอย่างที่ไม่ต้องสอนสั่งสิ่งใดๆ  เพราะคนไทยทุกๆคนได้เห็นว่าพระองค์ได้ทรงปฏิบัติจริง จึงเห็นได้เห็นว่าตัวอย่างที่ดีมีค่ามากกว่าคำสอน ดิฉันเองในฐานะพสกนิกรชาวไทยคนหนึ่ง จะขอน้อมนำหลักคำสอนของพระองค์มาปฏิบัติและจะตั้งใจเรียนรู้เพื่อพัฒนาตนเอง ถึงแม้ว่าในวันนี้ในหลวงของเราจะไม่ได้อยู่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรให้แก่ปวงชนชาวไทยแล้วแต่พระองค์ก็ได้ทรงมอบสิ่งที่มีค่ายิ่งไว้ให้แก่คนไทยได้หวงแหนนั่นคือโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริของพระองค์ ซึ่งจะอยู่เป็นรากฐานให้คนรุ่นหลังได้สืบต่อ   ดังนั้นพระองค์ทรงจากเราไปเพียงแค่พระวรกาย แต่พระองค์จะทรงเป็นมิ่งขวัญของปวงชนชาวไทย  และเราชาวไทยทุกคนก็จะอยู่ภายใต้ร่มใจของพ่อหลวงตลอดไป

                        พระราชกรณียกิจที่ในหลวงได้ทรงสร้างสรรค์ไว้มากมายนั้น สะท้อนให้เห็นถึงน้ำพระทัยอันเต็มเปี่ยมไปด้วยพระเมตตา ที่พระองค์ไม่ได้ทรงหวังอะไรมากไปกว่าที่จะให้ราษฏรของพระองค์จะอยู่ดีกินดีมีความสุขมากขึ้น หากประเทศไทยเราไม่มีพระมหากษัตริย์อย่างพระองค์  ประเทศก็คงจะไม่พัฒนามาได้ขนาดนี้ ดิฉันในฐานะเยาวชนคนหนึ่งจะมุ่งมั่น  ตั้งใจปฏิบัติตามคำสอนของพ่อหลวง  จะดูแลและเป็นส่วนหนึ่งของสังคมและเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้าเทียบเท่ากับอารยประเทศ  ดิฉันพูดได้อย่างภาคภูมิใจว่า"ฉันได้เกิดในรัชกาลที่๙ รัชกาลแห่งกษัตริย์นักพัฒนา"

     

     

    ชื่อ/นามสกุล: นางสาวนริศรา ฉลองกุล

    ระดับการศึกษา: ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔ (ระดับช่วงชั้นที่4)

    โรงเรียนอำมาตย์พานิชนุกูล

    ที่อยู่:7/1 ถ.นภาจรัส ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.กระบี่ 81000

    เบอร์โทรศัพท์: ๐๘๙ – ๗๓๑๒๐๘๓

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×