ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Disney Lend! เปิดตำนานเจ้าหญิงพันธุ์ใหม่!

    ลำดับตอนที่ #12 : -- (ก็แค่)ร้องไห้ --

    • อัปเดตล่าสุด 29 เม.ย. 54


    “เจ้าชาย ฉันอึดอัด กอดหลวมๆหน่อยสิคะ”ผมบอกไอ้เจ้าชาย คนถูกขอร้องก้มหน้าลงมามองผมก่อนจะตอบด้วยรอยยิ้มพ่อพระ
    “ได้สิ แต่เธอต้องจับฉันไว้ให้แน่นๆนะ”จับแน่นแน่ ...แต่อีกไม่นานหรอกน่า
    “ค่ะ”ผมตอบรับ เจ้าชายจึงคลายอ้อมกอดลง ผมคว้าเสื้อเจ้าชายไว้ก่อนจะหาที่ดีๆสักหน่อย อืม ขอเลยไปอีกนิดก็แล้วกัน ...
    ...ตรงนี้ ไม่เอา มีกิ่งไม้เต็มไปหมด                                                                        
    ...ตรงนี้ล่ะ มีแต่หินอีก
    ...ตรงนี้ อี๋ เปียกน้ำ
    โอ๊ย! ทนไม่ไหวแล้วนะโว้ย โดดมันลงเลยก็แล้วกัน!
    ฟุ่บ!
    “อ๊ะ! องค์หญิง!!”ผมอาศัยจังหวะทำใจแล้วปล่อยมือการเสื้อเจ้าชายโดดหนีลงจากหลังม้าทันที!
    ตุ้บ!
    ผมล้มลงก่อนจะหมุนไปหลายตลบจนเวียนหัว โดนอะไรหลายอย่างข่วนใส่จนเจ็บไปหมด ผมพยายามเอามือมากันใบหน้าระหว่างกลิ้งไปด้วยจนในที่สุดก็หยุดเพราะชนกับต้นไม้เข้า
    “อูย...”ผมครางออกมาเบาๆก่อนจะพยายามลุกขึ้นอย่างทุลักทุเล เจ็บเป็นบ้าเลย ระบมไปหมดทั้งตัวเหมือนได้ควายมานวดให้ อา ...เจ็บกว่านี้มีอีกไหม จัดมาด่วนๆ!
    “องค์หญิง! เป็นอะไรไหม!?”เสียงไอ้เจ้าชายดังขึ้นก่อนจะพยายามบังคับให้ม้าตัวเองหันมาหน้าด้านหลังเพื่อจะพุ่งมาทางผม แต่ผมไม่อยู่ให้พาไปวังหรอกโว้ย!
    ตึกๆๆๆ!
    ผมรีบวิ่งหนีทันทีโดยไปทางที่มีต้นไม้มากๆเพื่อที่ไอ้เจ้าชายจะได้ไม่ตามเข้ามาได้ ใจจริงอยากจะหนีแบบเงียบเชียบ แต่พอรู้ว่าตัวเองหลงทาง แถมยังไม่รู้ว่ากระท่อมที่ผมทิ้งนิทานไว้อยู่ที่ไหน ผมเลยจำใจต้องตะโกนเรียกคนให้ช่วย
    “ไอ้หื่นนนนน!!! พวกแกอยู่ไหนหา! กระท่อมมมม!!!”คำหลังไม่ต้องสนใจนะครับ ผมพูดเผื่อกระท่อมมันเดินมาหาผมได้ ....กะ ก็ที่นี่มันโลกแห่งเทพนิยายนี่นา เผื่อกระท่อมมันเดินได้อ่ะ
    “ไอ้หื่นนนน หื๊นนนนน!!”เสียงผมสูงขึ้นเมื่อผมทั้งหอบทั้งเหนื่อยจนไม่มีแรงจะบังคับเสียงได้ รู้สึกว่าตัวเองเหนื่อยง่ายเป็นบ้า วิ่งแค่นิดเดียวก็หอบขึ้นแล้ว
    “โอ๊ย! ไอ้ร่างกายงี่เง่า! คำว่าทนน่ะมีไหมวะ! เป็นเจ้าหญิงใช่ว่าจะต้องอ่อนแอเซ่!!”ผมด่าร่างกายตัวเองอย่างพาลเต็มที่เพราะไม่มีใครให้พาล ยิ่งโมโหผมยิ่งฝืนร่างกายตัวเองวิ่งต่อไป ปัดหนามที่ขวางหน้าตัวเองอย่างไม่รู้จักเจ็บ
    เฮ้อ บางครั้งผมก็คิดว่าตัวเองซาดิสต์นะ ยิ่งโมโหยิ่งรุนแรงกับตัวเอง แต่ผมไม่มีคนพาลนี่ แบบนี้คงจะไม่ได้ซาดิสต์หรอกมั้ง
    “อ้ากกกกกก!! ไอ้ ปอร์เช่! ไอ้โคเล่! ไอ้หื่นนนน!”ผมตะโกนลั่นอย่างหมดความอดทนก่อนจะกำมือแน่นแล้วเตะต้นไม้ไปแรงๆทีหนึ่ง ...เจ็บครับ!
    “องค์หญิง! ออกมาหาข้าเถอะ ข้าไม่ใช่คนร้าย”ในที่สุดไอ้เจ้าชายก็ยอมลงจากหลังม้าเดินเข้ามาหาผมจนได้ ไม่เข้าใจเลย เป็นเจ้าชายต้องขี่ม้าขาวอย่างเดียวรึไงกัน
    “ออกไปนะ! ฉันไม่ต้องการไปกับแก! ถอยเซ่!”ผมพยายามตะโกนห้ามไอ้เจ้าชายที่เดินเข้ามาหาผมเหมือนจะฟังภาษาไทยไม่รู้เรื่อง ..เออ พูดถึงตรงนี้ พวกไอ้หื่นบอกว่าอยู่ประเทศมันฝรั่งหรืออะไรสักอย่าง แล้วมาพูดภาษาเดียวกับผมได้ไงวะ..
    อ๊ะ แล้วมันเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ตรงไหนวะเนี่ย
    “ว้อย ถ้าแกเข้ามานะ ฉันจะ ..จะ ..”ผมหันซ้ายขวาอย่างร้อนรนเพราะไม่รู้จะขู่อะไรดี สุดท้ายจึงใช้มุกความมืดก้มหน้าทำเป็นร้องไห้โดยให้ความมืดปกปิดสีหน้าที่แท้จริงของผม
    “ฉะ ฉันกินแอปเปิลไปแล้ว พิษโดนฉันแล้ว โปรดอย่าเข้ามา ฉันมีใบหน้าที่น่าเกลียด”ผมว่าพลางถอยหลังไปเรื่อยๆ ในขณะที่ไอ้เจ้าชายยืนอึ้งอยู่
    “โอ้ ได้โปรด ให้ข้าได้ดูใบหน้าท่าน”ดูทำไมวะ เอาไปโชว์เหรอ! ไม่ต้องมาแสดงรักแท้ชนะหน้าตาเลยนะ รีบขี่ม้าแล้วไปซะที
    “อย่าเลย อย่า ไปเสีย ไม่งั้นข้าจะ ...จะ ฆ่าตัวตาย!”เชื่อเถอะว่าผมพูดงั้นไป ผมหมดหนทางจริงๆ พูดอย่างนี้ไอ้เจ้าชายน่าจะหยุดเดินมาหาผมได้บ้างนั่นล่ะ
    “ไม่!!”แต่ผิดคาด ไอ้เจ้าชายร้องลั่นก่อนจะวิ่งเข้ามาหาผมด้วยใบหน้าแบบหัวใจสลายทันที อ้าว เฮ้ย เวรแล้วไอ้ชิบหายวิ่งมาห้ามทำไม!
    “เหวอๆ!”ผมร้องอย่างตกใจก่อนจะวิ่งหนีทันที นี่มันอะไรกัน ที่โลกนี้เวลามีคนจะฆ่าตัวตายต้องวิ่งมาห้ามเรอะ ไหนที่โลกผมพอมีคนพูดงั้นต้องชะงักแล้วเกลี้ยกล่อมล่ะวะ
    “อะไรวะเนี่ยๆๆ!
    โป๊ก!
    สงสัยผมจะตื่นเต้นไปหน่อย เลยไม่ทันสังเกตทาง ไม่เข้าใจ ..ไม่เข้าใจว่าผมผิดเหรอที่ชอบหักกิ่งไม้เล่นเลยต้องมาชดใช้กรรมโดยเอาหัวโขกต้นไม้บ่อยๆเนี่ย!?
    “อูย โอย ...อะไร ..เนี่ย”ผมถึงกับเซไปเซมาด้วยความมึนทันที ป่ามืดก็มืดจนมองไม่เห็นทาง พอมาเจอหัวเหม่งใส่ต้นไม้นี่มองไม่อะไรไม่ชัดไปเลย เจ็บจัง...
    “ยัยสโนว์ไวท์! อ๊ะ เจอแล้ว!”เสียงฝีเท้าดังขึ้นพร้อมกับไอ้หื่นคนหนึ่งที่พอเจอผมก็วิ่งเข้ามากอดฟัดผมทันที ก่อนจะยกตัวผมขึ้นแล้วหมุนไปมาราวกับผมเป็นเด็กๆ
    “หยุดๆๆ ฉันเวียนหัว โอย ..เจ็บหัวเป็นบ้า”
    “อ้าว เป็นอะไรไป”ไอ้หื่นขี้เล่นเปลี่ยนมาอุ้มผมไว้ด้านหน้าแทนพร้อมกับถามอย่างงงๆ
    “พิษแอปเปิลเหรอ..”
    “เอ๊ะ เธอมีแผลเต็มเลยนี่”
    “เจ้าชายมันทำเธอเหรอ”พวกหื่นรุมเข้ามาถามผม ผมถอนหายใจอย่างเซ็งๆ ก่อนจะตอบ
    “พาฉันกลับกระท่อมก่อน ฉันเหนื่อย”ผมพูดพลางซบลงกับไหล่ไอ้หื่นขี้เล่น แผลเต็มไปหมดทั้งตัวเลย ตอนนี้ผมอยากนอนเป็นบ้า
    “ได้ๆๆ”พวกหื่นรีบรับคำก่อนจะพาผมเดินกลับไปทันทีราวกับรู้ทาง
    “เดี๋ยว! พวกเจ้าจะพานางไปไหน! ข้าจะพานางไปยังราชวัง!”เสียงของไอ้เจ้าชายดังขึ้น แต่เหมือนจะไม่มีใครสนใจเพราะพวกไอ้หื่นเดินไปทำหูทวนลม แถมยังมีผิวปากอีกต่างหาก เจริญ ..ชิ
    “หยุดเดี๋ยวนี้นะ! พวกเจ้าจะทำอะไรนาง!? องค์หญิง!”ไอ้เจ้าชายยังคงตะโกนไล่หลังมา แต่ผมไม่เห็นหมอนั่นวิ่งตามมาเลย เหมือนจะห้ามแต่ก็ไม่อยากห้ามเลยแฮะแบบนี้
    “ขี้ขลาดชะมัด เฮอะ แน่จริงก็น่าจะเข้ามาซัดกับพวกแกซักตั้ง”ผมบ่นอย่างหัวเสีย อารมณ์ที่เก็บไว้มาตลอดก็จะลงที่พวกนี้แทน
    “นั่นสินะ เธอนี่ชอบแบบหล่อลุยเหรอ”
    “ไม่ชอบอะไรทั้งนั้น เมื่อไหร่จะถึงกระท่อมเนี่ย”ผมพูดอย่างหัวเสีย
    “โห แม่คุณ เท้าเดินนะไม่ใช่รถ พวกฉันไม่พาเธอหลงก็เท่าไหร่แล้ว”
    “เงียบนะ!! โธ่โว้ย ปล่อยฉันลง ฉันจะเดินเอง!”ผมว่าพลางดิ้นจะลงให้ได้ แต่ดิ้นแล้วเจ็บแผลไปหมด
    “ไม่เอาน่า เป็นประจำเดือนเหรอ ...”
    “ถ้าเป็นก็บอกมาเถอะ ไหนๆ เปื้อนไหม”
    “โอ๊ย!! เงียบนะ! ฮืออออ!”ผมไม่รู้ว่าทำไมตัวเองต้องร้องไห้ออกมา แค่รู้สึกโกรธมากจนร้องไห้ออกมาทั้งที่แต่ก่อนถ้าผมโมโหมากแบบนี้ ผมจะระบายอารมณ์มากกว่าร้องไห้
    “เฮ้ย อย่าร้องสิ โอ๋ๆ ขอโทษแล้วๆๆ”
    “เจ็บแผลเหรอเด็กดี เดี๋ยวกลับไปแล้วพวกฉันจะทำแผลให้น้า..”
    “โอ๋ๆ ไม่ร้องนะๆ อ่ะนี่ของเล่น ตุ๊กตาหมีไง”ผมคว้าตุ๊กตาหมีมาก่อนจะทึ้งมันอย่างรุนแรงด้วยความโมโห พวกหื่นจึงรีบคว้ามันหนีผมทันที
    “อ๊ะ อะไรของพวกนาย เอามานะ เอามา!!!”ผมตะโกนลั่นอย่างไม่พอใจ พอยิ่งตะโกนน้ำตายิ่งแตกปานท่อน้ำทะลุ ผมไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองต้องมาทำตัวยุ่งยากแบบนี้ ทำไมต้องร้องไห้ ทำไมต้องโวยวาย ทั้งที่ผมน่าจะด่าแล้วใช้กำลังไปซะให้จบ
    รู้แค่ว่าผมโมโหจนกลั้นอารมณ์ไม่ไหว
    “จ้าๆ เอาให้แล้วๆ ไม่โกรธสิ”ผมคว้าตุ๊กตาหมีมาอีกครั้งก่อนจะกอดมันแน่นแล้วเงียบ เพราะรู้สึกไม่ชอบตัวเองในเวลาแบบนี้นัก เลยตัดสินใจอยู่เงียบๆดีกว่า
    “อะไรวะ อยู่ๆก็โวยวาย ประหลาด”เสียงไอ้ปอร์เช่ดังขึ้น ก่อนจะถูกคนอื่นๆตะครุบปากทันที แต่มันก็สายไปแล้ว ..ผมได้ยินหมด
    “ฉันก็ไม่เข้าใจตัวเอง แต่ก่อนฉันไม่ใช่แบบนี้ ฉันหงุดหงิด แต่ก่อนฉันไม่ได้ร้องไห้แบบนี้เวลาโมโห ทำไมต้องร้องไห้ด้วยก็ไม่รู้ ...แล้วทำไมฉันต้องมาอธิบายให้พวกแกฟังกัน โว้ย!”ผมร้องดังๆทีหนึ่งก่อนจะกอดตุ๊กตาหมีไว้แน่นแล้วหลับตาลง
    พวกหื่นมองหน้ากันอย่างงงงวย ก่อนจะยักไหล่แล้วมุ่งหน้าไปยังกระท่อม
     
    “สโนว์ไวท์ คนดี ...”เสียงเรียกอันคุ้นเคยดังขึ้น ผมค่อยๆลืมตาขึ้นช้าๆ มองขึ้นไปก็เห็นหน้าของไอ้ชิน แต่พอเห็นหูกระต่ายที่ยื่นออกมาก็ต้องคิดใหม่
    “แรบบิท...”ผมพูดชื่อไอ้หูกระต่ายออกมาเบาๆ ในกระท่อมมืดไปหมด ดังนั้นผมจึงมองเห็นมัวๆเท่านั้น
    “ใช่ วันนี้เธอร้องไห้”แรบบิทบอกพลางลูบแก้มผมเบาๆ ผมค่อยๆเค้นความคิดออกมาซึ่งใช้เวลานานพอสมควรเพราะผมยังมึนๆอยู่
    หลังจากกลับมาที่กระท่อม พวกหื่นก็ทำแผลให้ผมแล้วให้ผมนอนบนห้องนอน พวกนั้นจะนอนด้านล่างแทน(อันที่จริงผมถีบพวกมันตกบันไดทีละคน เพื่อไล่ไปนอนด้านล่างเอง)
    “เออ แล้วไง อย่ามากวน ฉันจะนอน”แรบบิทเหมือนจะชะงักไปแล้วเริ่มพูดต่อ
    “การมาที่นี่ มันมีเหตุผลนะ ที่เธอร้องไห้ มันเพราะความรู้สึกด้านผู้หญิงของเธอมันทำงานไงล่ะ”
    “แล้ว...”ผมพูดเพื่อให้แรบบิทต่อ
    “ก็ยิ่งนานเข้า เธอจะยิ่งมีความเป็นผู้หญิงมากขึ้นไง เฮ้อ แต่พูดไปเธอคงไม่เข้าใจจุดประสงค์ฉันนัก”
    “ทำไม...”ผมถามสั้นๆ ทำไมผมจะไม่เข้าใจถ้าไอ้บ้านี่มันพูดภาษาที่ผมเข้าใจ แล้วถ้ามีความรู้สึกของผู้หญิงก็ดีสิ ผมจะได้เข้าใจผู้หญิงมากขึ้น พอกลับโลกเดิมได้จะได้จีบผู้หญิงง่ายขึ้นไง
    “ฉันคิดถึงเธอ..”แรบบิทว่าพลางก้มลงมาจูบผมอย่างเนิ่นนาน แต่ผมสะลึมสะลือมาตั้งนานแล้ว เลยเผลอหลับไปอย่างรวดเร็วโดยไม่สนใจอะไร...
    รวมถึงจุดประสงค์ของแรบบิท...  
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×