ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    No Limit คู่หูต่างขั่ว รั่วกำลังสอง

    ลำดับตอนที่ #30 : บทที่สิบสี่ ข้าคือตัวประกัน...จริงๆนะ[140%]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 198
      0
      30 ส.ค. 56


    บทที่สิบสี่

    ข้าคือตัวประกัน...จริงๆนะ

                    นัยน์ตาสีแดงดสรมองร่างที่อยู่ในอ้อมแขนของตน บนใบหน้ายังมีคราบน้ำตาอยู่เพียงแต่มันไม่ได้ทำให้เมลลาเวียร์รู้สึกใจอ่อนเลยสักนิด กลับกันเขากลับรู้สึกสะใจดีเสียมากกว่า ยิ่งอีกฝ่ายเจ็บปวดมากเท่าไหร่มันก็ยิ่งส่งผลดีต่อเขา...ไม่ใช่หรอ??

    “พาตัวฟรานมาด้วย เรเวอร์เรีย”เสียงนุ่มเอ่ยสั่ง

    “ฟราน?? ท่านจะพาเขากลับไปทำไมกัน??”

                    เรเวอร์เรียเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจพลางมองร่างที่ยังนอนกองอยู่บนพื้น

    “เพื่อความสนุกของข้า”

                    ว่าจบเมลลาเวียร์ก็เดินนำไปอย่างไม่รอให้เรเวอร์เรียได้ถามอะไรต่อ นัยน์ตาสองสีได้เพียงมองกลับไปที่ร่างของฟรานอย่างหมดหนทางก่อนจะประคองร่างนั้นขึ้นมา

    “ท่านเดินไหวอยู่ไหม ฟราน?”

     

                    ข้าลืมตาขึ้นมาท่ามกลางอาการปวดหัวตงิดๆถึงต่อให้ตลอดทางจะมีสติอยู่ตลอด...แต่การเสียเลือดนี่มันมึนหัวนะ รู้สึกว่ารอบๆตัวมันเย็นชื้นจนเดาได้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน...คุกใต้ดินสินะ เสียงน้ำบาดาลใต้ดินที่ไหลผ่านหยดติ๋งๆทำให้บรรยากาศรอบๆหลอนแปลกๆ ข้าพยุงตัวลุกขึ้นพร้อมเอามือกุมหัวไว้ด้วยอาการมึนเล็กน้อยก่อนจะสะบัดหัวไล่ความมึนออก หรี่ตาสำรวจรอบๆอย่างพิจารณา ที่นี่สว่างด้วยไฟคบเพลิงที่อยู่รอบๆ ด้านหน้าข้าเป็นซี่ลูกกรงที่ขอบอกเหอะว่าถีบก็กระเด็นแล้วต่อให้ลงเวทย์มนตร์ไว้สูงก็ตามแต่ แต่เชื่อเถอะว่ามันไม่เกินขีดจำกัดของข้า

    “ตื่นแล้วงั้นหรอ??”

                    ต้นเสียงเดินออกมาจากมุมมืดพร้อมรอยยิ้มแสยะที่เห็นแล้ววข้าคิดว่ามันแปลกเพียงแต่ไม่ได้แสดงออกไปจนมากมาย ข้าเพียงนั่งชันเข่าข้างหนึ่งพร้อมรอยยิ้มเหย่อหยิ่งที่มันอยู่ในสายเลือดชนชั้นสูง

    “เห็นว่าข้าหลับอยู่งั้นเหรอเนโรนัวร์ ลูซิเฟอร์ เมลลาเวียร์”

                    เจ้าของชื่อกระตุกยิ้มมุมปากไม่รู้ว่าด้วยสาเหตุอะไรแต่มันทำให้ข้าพอใจเอาเรื่อง

    “เจ้าพาข้ามาที่นี่ทำไม?”

    “ข้าพาเจ้ามาเที่ยว ทัศนศึกษากับโลกที่น่าอยู่นี่ที่เจ้าจะไม่มีวันได้เห็นหากอุดอู้อยู่แต่บนสวรรค์”

    “ไม่ใช่ว่ามีแผนอะไรหรอกเหรอ?”

                    มันจิ๊ปากรอบหนึ่งก่อนจะบ่นพึมพัมๆ”ข้าล่ะเกลียดคนรู้ทันจริงๆ”

    “ตอนแรกข้าว่าจะให้เจ้าอยู่แต่ในคุกนี่เสียหน่อย แต่ดูเจ้าท่าทางจะอยู่ที่นี่ไปคงไม่ดีเพราะคุกนี่มันไม่ไดมีไว้ขังพวกเวทย์สายบริสุทธิ์อย่างเจ้า”

                    แกร๊ก!

    “เดินตามข้ามาแล้วอย่างคิดตุกติก”

                    ข้าเดินตามเมลลาเวียร์ออกมาอย่างไม่ขัดขืนตามที่มันว่าเพราะนี่มันยังไม่ใช่เวลาที่สมควร ข้าเองก็ต้องมีแผนเหมือนกันแต่ตอนนี้คงไม่ใช่เวลามาอธิบายแผนอะไรเพราะเหมือนอีกฝ่ายจะลอบแอบอ่านใจข้าอยู่  เหอะ...อย่ามาทำเป็นฉลาดกว่าข้าหน่อยเลย

    “โอ๊ะโอ่..เหมือนเราจะเจอตัวละครสำคัญนะ”

                    ตัวละคร...??

    “อะ..อลาว”

                    ข้าจ้องร่างที่ปิดปากหาวเดินมาทางข้ากับ อาภรณ์สีดำขลับที่พริ้วไหวทุกครั้งที่ขยับตัวทำให้เขาดูเหมือน..ซานตานขึ้นทุกที เส้นผมสีดำยาวแบบที่ข้าไม่เคยเห็นนั่นอีกพอมาอยู่กับดวงตาสีแดงแล้ว นี่มันท่านอาชัดๆ

    “อรุณสวัสดิ์เมลลาเวียร์...อ้าว ทำไมเจ้าลูกมนุษย์ถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ??”

                    ร่างนั้นมาเดินวนรอบๆตัวข้าก่อนจะเงยหน้าขึ้นประมาณสิบห้าองศาเพื่อมองหน้าข้า

    “อลาว...เจ้าเตี้ยลงหรือเปล่า??”

    “ปากเสีย!! แง่ม! เลลาเวียร์ปล่อยข้านะข้าจะไปกัดคอมัน ปล๊อยยยยยยยยยยย”

                    ถึงจะเป็นปีศาจแต่อลาวก็ยังคืออลาว...ยั่ว(โมโห)ง่ายไม่เปลี่ยน เมลลาเวียร์พยายามอย่างสุดความสามารถทีจะรั้งตัวอลาวเอาไว้

    “งั้นไปกัดคอมันเลยขอรับ”

                    แล้วจะปล่อยมาทำไมเนี่ยเฮ้ย!!! ข้ากระโดดหลบร่างที่โถมเข้าใส่แบบสุดเนื้อสุดตัวแล้วได้แต่ปลงตก ที่เปลี่ยนไปมีแค่สปีชี่ย์กับผมที่ยาวขึ้นแค่นั้นใช่ไหมเนี่ย?? เอาไงดีหว่า...อ๋อ..รู้แล้ว

    “อลาว...นั่งลง!!

    “ช๊ะ!!!

                    นั่งด้วยวุ้ย...

    “ไอ้เจ้าบ้า!! แกใช้เวทย์มนตร์บ้าอะไรสั่งข้าเนี่ย!!!

    “ข้าพูดเฉยๆบ้างก็พอ หมอบ!!

    “แย๊กกกกกกกกกก”

                    อลาวโวยวายลั่นทางเดินเมื่อต้องทำตามคำสั่งข้าไปเสียทุกอย่าง สรุปนี่ว่าที่จักรพรรดิปีศาจหรือหมาน้อยลาบาดอแสนเชื่องเนี่ย???

    “อย่าให้มันมากนักนะฟรานนนนนนนนนนน”

    “พอแล้วน่าพอแล้ว เรเวอร์เรีย ข้าจะพาอลาวไปเก็บเจ้าช่วยพาแขกที่น่ารักของเราไปห้องโถงที”

                    เมลลาเวียร์ดึงคอเสื้ออลาวไว้พร้อมกับหันไปสั่งเรเวอร์เรียที่โพล่มาตอนไหนก็ไม่รู้ ปีศาจตาวองสีพยักหน้ารับก่อนจะเดินมาดึงมือขึ้นไปอย่าเงียบๆ แต่เดี๋ยวก่อนเมื่อครู่ข้าติดใจบางอย่างที่อลาวพูด....เขาเรียกชื่อข้า!! ได้ไงล่ะ??ก็ในเมื่อข้ายังไม่ได้แนะนำตัวและเขาเองก็จำข้าไม่ได้ด้วย ทีแรกยังเรียกข้าลูกมนุษย์อยู่เลย?? ชักจะมี...เบื้องหลังเบื้องหน้าซะแล้วสิ
    ++++++++++++++++++++++++++++++++++20%++++++++++++++++++++++++++++++++++++

    “ท่านน่ะ...ไม่เจ็บปวดบ้างหรอที่เห็นเพื่อนตัวเองจำตัวเองไม่ได้น่ะ??”

                    เสียงของเจ้าปีศาจที่ข้าเข้าใจว่าเป็นพ่อค้าเร่ในทีแรกดังขึ้นขัดความคิดข้า ข้าเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงแล้วคลี่ยิ้มน้อยๆให้ร่างที่หันมามอง

    “เจ็บปวดสิ ถึงข้าจะเป็นเทวดา เป็นยมทูต เป็นเทพแห่งความตาย ไม่ว่าข้าจะคงอยู่ในสถานะอะไรการที่ต้องมาเจอกับคนที่คุ้นเคยแต่ดันกลายมาเป็นคนเคยคุ้นมันก็ต้องเจ็บปวดเป็นธรรมดา มันก็ให้ความรู้สึกเหมือนตอนที่ไปเดินตลาดแล้วสวนเข้ากับแฟนเก่าที่บอกเลิกเราไปนั่นแหละ จี๊ดเป็นบ้า แต่สุดท้ายก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากเข้าไปทักเขาก่อนแล้วเริ่มต้นรู้จักกันใหม่ในฐานะเพื่อนที่ดี”

    “ท่านเองก็พูดมากเหมือนกันนะเนี่ย”

    “ข้าจะถือว่านั่นเป็นคำชม”

                    จะว่าไปมันก็จริง หรือว่าเมื่อข้าถึงช่วงอายุหนึ่งแล้วจะเป็นโรคพูดมากเกินความจำเป็นเหมือนกับที่ท่านพี่ฟีนเป็นอยู่ ตายแล้ว อย่างนี้มันก็เสียภาพพจน์คนหล่อมีสาระหมดน่ะสิ แต่เดี๋ยวก่อน...ข้าไม่นักเห็นท่านพี่เฟรนด์เป็นแหะ...

    “แล้วถ้าสมมติว่าเพื่อนที่ท่านรักที่สุดเปลี่ยนไปเพราะบางสิ่งบางอย่าง จากที่เคยร่าเริงก็เย็นชา เคยใจดีก็กลับใจร้าย จากที่เคยแสนดีและยิ้มให้ตลอดเวลาแต่สุดท้ายมีเพียงใบหน้าเรียบเฉยให้เป็นท่าน ท่านจะทำยังไง??”

                    ข้าเลิกขึ้นมอง ยกนิ้วก้อยขึ้นแหย่หูตัวเองเหมือนคนอาการเซ็งตก”เจ้านี่ถามมากจริงนะ”ข้าบ่นพลางถอนหายใจขญะเดินตามมันไม่หยุด

    “ในกรณีนี้ก็ต้องเปรีบยกับสถานการณ์คนที่กำลังจะโดนแฟนบอกเลิกสินะ”ข้ายกมือขึ้นลูบคางแล้วพยักหน้ากับตัวเอง”คนรักที่เคยดีเคยเอาใจค่อยๆห่างเหินไปอย่างไม่เหลียวแลช่างน่าสงสารแท้ จากที่เคยหวานสุดก็ขมขื่นจนต้องข่ม...ช่างมันเถอะถือว่าเมื่อครู่ข้าพูดผิด ถึงไหนแล้วนะ อ๋อใช่จากที่เคยแสนหวานก็ขมขื่น ในกรณีนี้อย่างแรกที่ต้องทำคือทำให้เขากลับมาเป็นเหมือนเดิมไงล่ะ แต่ก่อนอื่นเราต้องดูว่าที่เรียกว่าเปลี่ยนไปของเรานั้นมันเป็นแค่กับเราหรือเขาเองก็ทำแบบนี้กับคนอื่นๆเหมือนกัน...”

    “ก็เป็นกับทุกคนเลยไม่ใช่หรอ?”

    “เจ้าว่าไงนะ??”ข้าที่กำลังหลับตาพล่ามลืมตาขึ้นข้างหนึ่งเพื่อมองปีศาจที่บ่นพึมพัมๆ

    “อ๋อ เปล่าๆๆ เชิญท่านพล่ะ...พูดต่อเถอะ”

                    ข้าเห็น ข้าได้ยิน เมื่อครู่เจ้าจะพูดว่าข้า”พล่าม”ใช่ไหมล่ะ รู้ท่านหรอกน่า

    “ถึงไหนแล้ว อ๋อ ถ้าการที่เขาเปลี่ยนไปเฉพาะแค่กับเรามันแปลว่าความสัมพันธ์ของเราทั้งสองนั้นเริ่มสั่นคลอน แต่ถ้าเป็นกับทุกคนแปลว่ามันต้องมีปัจจัยอะไรบางอย่างที่ทำให้เขาเปลี่ยนไป จงหาปัจจัยนั้นซะแล้วดึงเขาให้กลับคืนมา ไม่ว่ายังไงจะคนรักหรือว่าเพื่อน ถ้าเขาเปลี่ยนไปเพราะปัจจัยใดปัจจัยหนึ่งเข้ามาทำร้ายจิตใจเขา เราต้องดึงเขาให้เป็นเหมือนเดิม....”

    “แต่ถ้าทำไม่ได้สุดท้ายก็ต้องทำใจและยอมรับชะตากรรมว่าเขาไม่อาจกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ ไม่ว่าจะเพื่อนหรือคนรักสุดท้ายถ้าทำอะไรไม่ก็คงต้องปล่อยเขาไป”

    “ปล่อย...งั้นหรอ”ร่างตรงหน้าหยุดกึก

    “เฮ้...เจ้าหยุดทำไมกันน่ะ”

    “อ่า...อ๋อ ถึงห้องที่ท่านต้องมาพักแล้วขอรับท่านฟราน”มันไขกุญแจก่อนจะหันมายิ้มให้ข้า เป็นรอยยิ้มที่ฝื้นยิ้มน่าดู เหอะ..

    “เรเวอร์เรีย”

    “ขอรับ??”

    “ข้ามั่นใจว่าเมลลาเวียร์ไม่ได้เป็นแบบนี้ตั้งแต่ทีแรก ถึงจะๆไม่รู้ว่าเพราะอะไร ยังไง แต่เจ้าต้องดึงเขากลับมาให้ได้ ไม่ว่าจะวิธีไหนก็ตาม”

                    ข้าพูดด้วยเสียงมดกระซิบ(ฮา)ในระยะเวลาที่เดินสวนกกับเรเวอร์เรียเข้าไปในห้อง ดวงตาสองสีเบิกขึ้นเล็กน้อยก่อนจะเปลี่ยนมายิ้มเศร้าผ่านดวงตา

    “ข้าจะพยายาม”

                    ข้าเดินเข้าสู่ห้องนอนอันกว้างขวางและกว้างมากจนน่าตีกอล์ฟ ข้าว่าข้านอกเรื่องแล้วล่ะ...เอาเถอะถือว่าผ่อนคลายในสถานการณ์แบบนี้ สิ่งที่คิดได้ตอนนี้คือว่าพวกท่านพี่จะเป็นยังไงบ้าง จะบอกว่าข้าผิดเองก็ใช่ที่ดึงดันตามมาอย่างไม่คิดหน้าคิดหลัง ทั้งๆที่ตัวเองก็รู้อยู่ในก้นบึ้งของจิตใจอยู่แล้วว่าปีศาจที่ทำร้ายท่านพี่ในคืนก่อนและที่ทำร้ายทุกคนในวันนี้คือปีศาจตนเดียวกันและนั่นก็คืออลาว..ใช่ข้ารู้ เพียงแต่ข้าเองมักจื่อในสิ่งที่พิสูจน์ได้มาแต่ไหนแต่ไร เพราะงั้นถ้าไม่เห็นกับตาข้าเองคงไม่มีทางปักใจเชื่อเรื่องนี้และเพราะนิสัยบ้าๆแบบนั้นถึงต้องมาอยู่ในที่แบบนี้ยังไงเล่า

                    น่าแปลกที่ข้าไม่ยักทุกข์ร้อนใจ พวกเจ้าคงคิดแบบนั้น เปล่าเลยข้าเองอยากจะหนีจากที่นี้จนแทบคลั่งแต่ทำยังไงได้ในเมื่อถ้าข้าจะหนี ข้าย่อมจะต้องพาอลาวไปด้วยอยู่แล้วดังนั้นมันจำเป็นจะต้องมีแผนบ้าง

    “เฮ้อ! ทำไมจู่ๆคนที่ใช้ชีวิตเรื่อยเปลือยแบบข้าต้องมานั่งคิดอะไรที่มันทำให้ปวดสมองแบบนี้ด้วยนะ”ข้าบ่นงึมงัมพลางทิ้งตัวลงกับเตียงกว้าง

                    ในหัวมีแต่เรื่องราวต่างๆเต็มไปหมด ทั้งเป็นห่วงท่านพี่ ทั้งเรื่องแผนที่คิดจะพาอลาวหนีไปด้วยและหลายเรื่องที่สงสัย ทั้งการที่อลาวมีสติกลับคืนมาชั่ววูบในวินาทีที่ดื่มเลือดของข้าเข้าไป ทั้งเรื่องที่อลาวเรีกชื่อข้า แล้วก็เรื่อง...ที่เมลลาเวียร์พาตัวข้ามาที่นี่ด้วย ยิ่งคิดยิ่งไม่เข้าใจ ทำไมเขาต้องพาศัตตรูเข้ามาในวังตัวเองแถมข้ามีสิทธิพาอลาวออกไปได้ทุกเมื่อ วาที่จักรพรรดิปีศาจกับเจ้าชายลำดับสามแห่งสวรรค์งั้นหรือ?? ขอบอกว่าพลังมันไม่ได้ต่างกันเท่าไหร่ อถมเรื่องเวทมนตร์ข้าเองก็มีความถนัดในการควบคุมมันได้ดีกว่าอลาวที่หลบๆซ่อนๆฝึกเป็นไหนๆ ต่อให้เป็นจักรพรรดิปีศาจหรือว่าที่ก็ตามแต่ของพรรค์นี้มันไม่ได้วัดที่สายเลือด มันวัดกันที่การฝึกฝนและความชำนาญในการใช้ พอคิดได้แบบนี้ข้าเองก็เอาตัวอลาวออกได้ง่ายๆด้วยเวทย์มนตร์พื้นๆเมลลาเวียร์เองก็น่าจะติดได้นะ แล้วเอาข้ามาด้วยทำไม

                    แน่นอนว่าข้าไม่คิดไปถึงเรื่องตอนที่เรเวอร์เรียพาพวกข้าเข้ามาที่นี่หรอก ข้ามั่นใจว่านั่นเป็นคำสั่งอีกทอดที่มาจากเมลลาเวียร์แน่ๆแต่นั่นมัน”เมื่อก่อน” ถึงเมื่อก่อนที่ว่ามันจะไม่นานเท่าไหร่ก็ตาม แต่เพราะด้วยการสังเกตของข้า แววตาเมลลาเวียร์ในตอนนี้กับตอนที่พบกันที่ริมธารมันต่างกันอย่างสิ้นเชิง ที่ลำธารดวงตาเขาดูอบอุ่นเมื่อทุ่งหญ้าปัมปัส...ประมาณทุ่งหญ้าเขตอบอุ่นล่ะนะ แต่ตอนนี้ถ้าบอกว่าขั่วโลกใต้ข้าก็พอรับได้ หรือถ้าบอกว่าก้นบึ้งมหาสมุทรก็ไม่ผิดเท่าไหร่ เพราะมันทั้งเย็นเยยือกและมืดมน...มืดมนลงจนอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเจ้าของนัยน์ตาทุ่งหญ้าปัมปัสนั่น...ข้าหมายถึงทุ่งหญ้าเขตร้อนพวกเจ้ารู้ใช่ไหม?? ห๊ะ? ที่แรกข้าบอกว่าเขตอบอุ่นหรอ อ่าใช่มันเขตอบอุ่นเมื่อครู่ข้าพูดผิดเองล่ะ ปัมปัสมันทุ่งหญ้าเขตอบอุ่นไม่ใช่เขตร้อน เอ๊ะ?หรือเขตร้อนกันนะ?

    “เวลาแบบนี้ หน้าสิ่วหน้าขวานขนาดนี้เจ้ายังจะมาไร้สาระได้อีกนะฟราน...”

                    ฉึก!!

                    มีดสีเงินวาวแทงผ่านปอยปมข้าไปเล็กน้อยก่อนปปักลงบนเตียง...ข้าหูข้า ข้าลืมตาโพลงมองคน...ปีศาจมากกว่ามั้งที่บุกเข้ามาหาข้าถึงในห้องแล้วก็ต้องถอนหายใจพรืด นึกว่าใครอลาวนี่เอง

    “อลาว...!!!!

    “เห็นเป็นแม่สาวอกสะบึ้มหรือไงจ๊ะ เบเบ้
    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++50%+++++++++++++++++++++++++++++++++++++


                    ข้าอ้าปากเหวอ มองร่างที่ยิ้มอวดเขี้ยวที่มุมปากสองข้างของตัวเอง แม้จะอยู่ในที่แบบนี้กับการผ่านสถานการณ์ชวนตายมาหมาดๆกับการโดนกัดต้นคอแต่ว่า...

    “อลาวดี้!!

                    ข้าลุกขึ้นกอดคนที่นั่งทับตัวเองอยู่เต็มแรง จนเจ้าของร่างเซไปด้านหลังหน่อยๆ

    “ข้าคิดถึงเจ้า คิดถึงมากด้วย!

    “ข้ารู้แล้ว แต่อย่าเสียงดังจะได้ไหมเจ้างั่งเอ๊ย”

                    เรียวแขนนั้นยกขึ้นกอดตอบข้าแน่นกว่าที่ข้ากอดเขาเสียอีก ใบหน้าเนียนๆนั่นฝังลงกับไหล่ข้าเหมือนโหยหาและต้องการที่พักพิงในเวลาเดียวกัน

    “ข้าเอง..ก็คิดถึงเจ้า”

    “หา??? จะ..เจ้าพูดอะไรนะ”

    “ไม่พูดแล้วเจ้าบ้าเอ๊ย!!

                    เขินด้วยวุ้ยนี่แหละอลาวตัวจริงฮ่าๆ...เอ๊ะ?? อลาว...ตัวจริง??

    “เฮ้ย!! อลาว เจ้า เจ้า เจ้า!!

    “ข้าทำไม??”

                    ร่างที่ข้าเพิ่งคลายอ้อมกอดแบบโดนไฟฟ้าช็อตเอียงคอมองข้าแบบงงๆ น่ารักวุ้ย-///- แต่นี่ไม่ใช่เวลามาชื่นชม!!

    “เจ้ากลายเป็นปีศาจไปแล้วไม่ใช่หรอ??”

    “อ่า...เรื่องนั้นก็ใช่ เมลลาเวียร์เอายากระตุ้นเลือดปีศาจให้ข้ากิน เลือกนางฟ้ากับมนุษย์ที่มีอยู่ก็เลยโดนกลืนกินไป ตอนนี้เลือดแวมไพร์กับซาตานกับลังสู้กันอยู่...มันควรจะเป็นแบบนั้น”

    “หมายความว่าไงที่มันควรจะเป็นแบบนั้นน่ะ??”

                    อลาวยู่หน้าหน่อยๆก่อนจะอธิบายเสียงเบา”มันควรจะเป็นแบบนั้นถ้าเกิดข้าไม่ได้ดื่มเลือดเจ้า”ว่าแล้วอลาวก็เอาเล็บยาวๆของตัวเองเกลี่ยคอข้าหน่อยๆ ข้าเลยรีบตะครุบมืออีกฝ่ายออกจากคอ

    “ขนลุกน่า แล้วไงต่อ”

    “ฮ่าๆๆ ก็พอดื่มเลือดเจ้าที่เป็นเลือดบริสุทธิ์ของชาวสวรรค์เข้าไปปุ๊บ มันก็เหมือนไปต่อต้านเลือดปีศาจในตัวข้าล่ะนะตอนนี้ข้ามีเลือดแวมไพร์สองส่วน ซาตานสองส่วน เลือดนางฟ้าอีกหนึ่งส่วนและเลือดยมทูตห้าส่วน ตอนนี้ส่วนลดลงเยอะเพราะตัดเลือดมนุษย์ออกไปได้อย่างสิ้นเชิง”อลาวว่าพลางยิ้มหน่อยๆ

    “เพราะงั้นเจ้าถึงได้คืนสติมาใช่ไหม??”

    “อ่าใช่แต่มันอาจจะไม่ถาวร ส่วนเหตุผลที่ข้าคืนสติสว่นหนึ่งนั่นอาจจะเป็นกลิ่นวนิลาอ่อนๆที่ตัวเจ้าตัว ตอนที่ลืมตาขึ้นมาแล้วได้กลิ่นนั้น โคตรอยากให้ตัวเองจมูกเพี้ยนเลย แล้วพอเงยหน้าขึ้นแล้วเห็นเจ้า อยู่ๆน้ำตามันก็ไหลออกมาเอง ในหัวมีแต่คำถามว่าทำไมต้องเป็นข้าอีกแล้วที่ทำร้ายเจ้า ทำไมต้องเป็นข้าที่ทำเจ้าเจ็บ เจ้าไม่โกธรข้าใช่ไหม?”

                    ข้ามองแววตาสีแดงสดที่เห็นมานานเกือบๆครึ่งปี แม้ว่าตลอดสองสามอาทิตย์มานี้มันจะดูไม่คุ้นไปบ้างก็ตาม ดวงตาสีแดงที่สดใสเหมือนลูกแก้วมันกลับดูหมองหม่นจนน่าใจหายแบบนี้มัน...ต้องแกล้งชิมิล่า~

    “อลาวข้าจะไม้โกธรเจ้าถ้าเจ้ายอมหนึ่งสิ่ง”

    “อะไรหรอ??”

                    คนที่ยังไม่รู้สึกตัวว่าตัวเองยังไม่ลงจากตักข้าทำหน้าตาเหมือนแมวน้อยแสนเชือง

    “ให้ข้า...กัดคอเจ้าคืนไงเล่า!! ที่รักจ๋า~”

    “ว๊ากกกกกกก เจ้าบ้า ปล่อยนะเว้ย!!

                    อลาวดันตัวข้าที่แกล้งพลิกตัวมาขึ้นคร่อมเขา ที่จริงควรจจะชินได้แล้วเพราะตั้งแต่ภาคแรกมา เปิดตัวข้ามา ข้าก็คร่อมเขาแล้ว^^ มันไม่มีอะไรในก่อไผ่นอกจากที่ว่าการแกล้งอลาวมันเป็นความสุขอย่างหนึ่งของข้า ถึงบางครั้งผลที่ได้รับมันจะไม่คุ้ม่าเท่าไหร่ก็ตาม

    “ท่านอลาว!! อ๊ะ??”

                    แล้วทหารรักษาการณ์ก็โพล่ออกมา...มันเป็นสคริปตายตัวของเรื่องนี้เลยหรือเปล่าเนี่ย?? แต่เหมือนสคริปข้าจะไม่ได้ตายตัวไหร่

    “อย่า-มา-ขัด-จัง-หวะ!

                    ข้าขู่เน้นทุกถ้อยคำจนทหารเหล่านั้นนิ่งอึ้งพร้อมถ้อยกรูออกไปอย่างพร้อมเพรียงและพร้อม...ปิดประตูลงกลอนให้เสร็จสัพ อาเมน...

    “จะ..เจ้าบ้า!! นี่เจ้าทำอะไรของเจ้าเนี่ย??”

    “ถือซะว่าแก้แค้นเรื่องเมื่อห้าพันปีก่อนก็แวกันนะนัวร์”

    “ห้าพันปีก่อน!! เจ้าจะบ้า บ้าไปแล้ว!! เป็นตาแก่เก่าเก็บที่ต้องคอยเอาเรื่องอดีตมาแก้แค้นหรือไงน่ะบลังซ์! ให้ตายเหอะน่า ไม่นะอนาคตข้า มืดมนเหลือเกิน ท่านพ่อข้าหนาว”

                    ข้ามองอลาวที่ดูท่าจะสติหลุดไปเรียบร้อยลงไปนั่งจิ้มมุมห้องอย่างมืดมนเห็นแล้วมันสงสารแท้หน่อ...

    “เอาน่าๆ เจ้าจะได้เข้าใจความรู้สึกข้าเมื่อตอนนั้นไงเล่านัวร์ เจ้าจะได้รู้ซะบ้างว่าข้ารู้สึกแบบไหน”

    “แต่ตอนนั้นกับตอนนี้มันไม่เหมือนกัน!!”อลาวพุ่งตัวมาจากมุมห้องพร้อมกับเขย่าคอเสื้อข้า

    “ตอนนั้นน่ะพวกองค์รักษ์นั่นไม่รู้ด้วยซ้ำว่าข้าเป็นเพศไหน”

    “แต่สุดท้ายพวกเขาก็รู้ไม่ใช่หรือไง เพราะเจ้าบอกน่ะ!

    “บลังซ์!!

    “นัวร์!!

    .

    .

    .

    .

    “เอ๊ะ??”

                    ข้าสองคนร้องขึ้นพร้อมกันอย่างงุนงง เพิ่งรู้สึกตัวว่าต่างฝ่ายต่างเรียกชื่อเก่าของอีกฝ่ายเข้าให้ ก่อนที่พวกข้าจะมองหน้ากันและหัวเราะออกมาในที่สุด มันเป็นเสียงหัวเราะที่สดใสที่หาใฝ่หามาตลอดการเดินทาง แม้รูปลักษณ์จะแปรเปลี่ยนแต่อะไรๆมันๆไม่ได้เปลี่ยนตามเสมอไป

    “ว่าแต่เจ้ารู้เรื่องในอดีตได้ยังไงอลาว??”ข้าหันไปถามคนที่ทิ้งตัวลงนอนกับเตียงพลางกลิ้งไปกลิ้งมา

    “ก็ไม่รู้สิ พักนี้ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ข้าก็ฝันเห็นเรื่องแบบนี้ตลอดเลย ตั้งแต่การพบกันที่ร้าน เรื่องในตรอก เรื่องที่ครอบครัวข้าในชาตินั้นเป็นเทวทูตที่โดนขับไล่ พอกำลังได้ที่ก็มักจะหายไปเฉยเลย”

                    สงสัยจะเป็นเพราะข้าตื่นแหะ...ประมาณว่าถ้าดวงจิตทั้งสองไม่ได้หลับไปพร้อมๆกันก็จะไม่เห็นสินะ

    “งั้นหรอ ข้าเองก็เห็นเหมือนกันนะเรื่องที่ผ่านมา ถึงตอนนี้จะยังไม่รู้ว่าเป็นยังไงต่อก็ตามเถอะ”

    “อือ”

    “นี่...อลาวเจ้าจะออกไปจากที่นี่พร้อมข้าไหม??”

    “....”

    “อลาว..นี่อลาว...อ้าว หลับไปแล้วหรอกหรอ??”

                    ข้าหันไปมองคนที่คู้ตัวอยู่กับที่นอนก่อนจะลุกขึ้นขยับผ้านวมมาห่มให้แล้วทิ้งตัวลงเบาๆข้างๆเขา เส้นผมสีดำยาวถูกข้าเกลี่ยๆไปไว้ด้านหลังจนหมดก่อนจะเพิ่งสังเกตุเห็นว่าที่ต้นคอมันว่างเปล่า...อลาวนอนตะแครงซ้ายทำให้ข้าเห็นต้นคอด้านขวาซึ่งมันเป็นต้ยคอด้านที่ข้าถูกกัด...ทั้งๆที่แผลข้ายังอยู่แล้ว...

    “แผลเจ้าหายไปไหน???”

     

                    กุกกักๆ

                    ข้าเริ่มรู้สึกตัวจากเสียงที่ดังแว่วมาก่อนจะเปิดนัยน์ตามองรอบๆอย่างงัวเงียท่ามกลางความมืดมิดของที่แห่งนี้นั่นก็คือห้องนอน...แสงจันทร์เต็มดวงสาดเขามาทางหน้าต่างบ้านใหญ่ เงาตะคุ่มๆขยับตัวอยู่ปลายเท้าก่อนจะค่อยๆคลืบคลานเข้ามาหาอย่างน่าสยดสยอง ข้าไม่ยักรู้ว่าที่นี่เองก็มีจำพวกวิญญาณอาฆาตหรือว่าผีอยู่ด้วย ปีศาจผีหรือผีปีศาจ?? ไม่ว่าจะอันไหนก็จ่ากลัวอยู่ดีแหละน่า! ข้ายื่นมือออไปข้างตัวหวังปลุกให้อีกร่างตื่นมาอยู่ร่สมชะตากรรมหรืออย่างน้อยก็ช่วยแหกปากให้ทหารทั้งหลายเข้ามาดูทีเถอะ แต่พอแตะไปยังที่ที่อลาวควรจะอยู่มันกลับว่างเปล่าซะเฉยชิบ...ข้าว่าไอ้ตรงหน้านี่มันคง...

    “ไงเจ้าลูกมนุษย์ข้าไม่ยักจำได้ว่ามานอนอยู่กับอาหารอันโอชะด้วย”

                    เต้งโต๊ดสามตัวบน! เอิ่ม...ข้าจำพวกพี่ๆมาน่ะข้าไม่ได้เล่นหรอกน่ะอย่ามองข้าแบบนั้น แต่เหมือนดูท่านี่จะไม่ใช่เวลามาแก้ตัวว่าข้าเล่นหวยหรือไม่?? ข้าตัวพวกเจ้าไม่มีตำรวจใช่ไหม??

                    ตุ้บ!

                    ข้ากระโดดสปริงตัวขึ้นนั่งบนที่นอนหลบปีศาจอลาวที่โถมตัวเข้าใส่ยังกับ..หมา ให้ตายเหอะน่า! ตั้งแต่ตอนกลางวันนี่เจ้าเองก็เป็นหมาไปเลยนะ! ปีศาจที่จู่โจมจิ๊ปากขัดใจนิดหน่อยทีข้าหลบพ้นเงื่อมือตัวเองไปได้ ไอ้โรคจิ๊ปากนั่มนเป็นกรรมพันธุ์หรือไงให้ตายเหอะน่า! ข้ากลิ้งตัวหลบร่างที่โถมเข้ามาอีกหน อลาวแยกเขี้ยวพลางขู่แง่ง....ไม่ใช่และ!! พวกเจ้าก็เชื่อข้าเนอะ ข้าค่อยๆถอยเท้าลงจากเตียงอลาวก็พุ่งตามมาพรอมกางกงเล็บ ข้ายกมือขึ้นจับมือนั้นเอาไว้ อลาวร่างปีศาจแรงดีเป็นบ้า!

    “ปล่อยแล้วมาเป็นอาหารให้ข้าซะ!!

    “ไม่!

                    เรื่องอะไร เรื่องอะไร เรื่องอะไร เรื่อง-อะ-ไร!! อย่ามานู่นนี่นั่นนะ ข้าไม่เคยยอมอลาวสักครั้ง...หมายถึงยอมให้เอิ่ม...จะว่าไปก็ยอมอยู่นะตั้งแต่ครั้งแรก หมายถึงตอนดูดเลือดนะ ทำไมยิ่งพูดมันยิ่งดูคิดลึกแปลกๆ เอ๋??...คิดลึกหรอ?? เหมือนสมองข้าจะคิดแผนชั่วๆที่ชาวบ้านไม่ค่อยอยากจะทำกันได้เฉยเลย หึหึ อลาวยังไงก็ยังคงเป็นอลาวเรื่องนั้ข้ารู้

    “ข้าจะยอมก็ได้”

    “ว่าง่ายๆอย่างนี้สิ หึ”

    “แต่ถ้าเจ้ากัดคอข้าข้าจะจูบเจ้า”

    “หา???”

                    อลาวชะงักปากที่กำลังจะจูบ..เอ๊ย! กัดคอข้าฉับพลัน เขาค่อยๆถอยออกห่างที่ละก้าวแต่กลับเป็นข้าเองที่ดึงตัวเขาเข้ามาแล้วดันไปชิดกำแพงดังตึง! อลาวหน้าเหวอทันทีที่ถูกข้าดึงแขนเขากับกำแพง

    “ทำไมล่ะอลาว เมื่อก่อน อะไรๆที่มากกว่านี้ก็เคยมาแล้วนี่”

    “ห่ะ..หา!! เจ้าพูดบ้าอะไร อย่ามาตลกน่ะเฟ้ย!!

    “ข้าก็ไม่ได้ตลกสักหน่อยนี่ ที่เมื่อก่อนเจ้าไม่เห็นจะเป็นแบบนี้เลยนี่ หื้ม??”

                    ข้าเฉยคางปีศาจที่ตัวสั่นพั่บๆขึ้น ใช้ดวงตาสีม่วงสวยสดใสของข้าจ้องดวงตาสีแดงนั่นด้วยแววตาแบบที่ใช่คั่วหญิง...ข้าหมายถึงจีบ ทำไมช่วงนี้ข้าใช้คำผิดปล่อยจังเลย

    “กลัวหรอ?? ข้าเพิ่งรู้ว่าว่าที่จักีพรรดิปีศาจกลัวอะไรแบบนี้ด้วย หรือนี่จะเป็นครั้งแรกของเจ้ากัน อินโนเซนส์จังนะ”

                    ข้าขยับยิ้มมุมปากแล้วเลื่อนหน้าเลยไปที่ซอกคอ อีกนิดเดียวที่จมูกจะแตะคอนั่นก็ทีเสียง”ปุ๋ง!!”แล้วก็เกิดควันจางๆขึ้น พอรู้อีกที่อลาวก็หายไปเสียแล้ว ข้าไหล่ตกก่อนถอนหายใจด้วยความโล่งและเหนื่อยจิต ถ้าเป็น

    อลาวตัวจริงป่านนี้ข้าตายไปนานแล้ว! ถึงจะบอกว่าอลาวก็คืออลาวแต่อลาวตัวจริงมีสติมากพอที่จะหาวิธีรับมือ(เนื่องจากโดนบ่อยสินะ:Cheekze)(อาจจะ....มั้ง:ฟราน)(เอ๊ะ???:คนอื่น)แต่เพราะนี่เป็นปีศาจที่เพิ่งเคยเจอก็เลยงงและอึนกำลังสาม นับว่านี่เป็นวิธีจัดการที่ค่อนข้างดีเลยที่เดียว แต่อาจจะได้ผลอีกสักครั้งสองครั้ง

     

    “อะ..อลาว??”

    “งื้อ!!

    “อลาว ท่านเป็นอะไรน่ะ”

    “งื้อ!!!!!!!!

    “นี่...อะไรเนี่ย”

    “แง่ง!!!!

    “เหวอ!!

                    เหมือนดูละครลิง...พวกเจ้ากำลังสงสัยแบบสุดขั้วสินะว่าไอ้บทสนทนาด้านบนมันอะไรกัน มันก็แค่

    อลาวดี้ในเวอร์ชั่นที่มีสติเป็นปีศาจกำลังหลบอยู่หลังเมลลาเวียร์ในช่วงเวลาที่ทั้งสองเดินสวนข้ากับเรเวอร์เรียในทางเดินเนื่องจากข้าหลงทิศง่ายดังนั้นจึงต้องมีเรเวอร์เรียอยู่ด้วย และในทันทีที่อลาวเห็นข้า(ไกลๆ)เขาก็รีบกระโจนไปหลบหลังเมลลาเวียร์ทันทีแม้ว่าความสูงของเจ้าชายปีศาจทุ่งหญ้าปัมปัสนี่มันจะไม่ได้ห่างจากอลาวมากมายจนบังเขาได้ แต่นิดหน่อยก็เอานะ พออลาวกระโจนเข้าไปแบบนั้นแน่นอนล่ะเมลลาเวียร์งงเต็กและก็เกิดบทสนทนาชวนปวดหัวเนื่องจากไม่รู้เรื่องนั่น

    “อย่าเข้ามานะ!!!

    “หื้อ??”ข้าร้องในลำคอพร้อมเลิกคิ้วสูง”ข้าแค่จะเดินผ่านไปห้องอาหารเท่านั้นเอง”

                    ว่าจบแล้วข้าก็เอามือล้วงกระเป๋าทำท่าจะเดินผ่านไปอย่างไม่ใส่ใจ

    “หน๊อย!! บอกว่าอย่าเข้ามาไง!!!

    “นั่งลง!!

    “อ๊ากกกกกกกกก”

                    อลาวกรีดร้องโหยหวน...มันก็ไม่ถึงขนาดนั้น ก็แค่เสียงร้องของคนที่โดนขัดใจก็เท่านั้นเอง เพราะทันทีที่ข้าจะเดินผ่านเขาก็ทำท่าจะกระโจนใส่พร้อกงเล็บข้าเลยจำเป็นจะต้องทำแบบนี้สิน่า ข้าหันไปยิ้มเย้ยนิดหน่อยพอเป็นพิธีเพื่อแสร้งว่าข้าไม่ได้เจ็บปวดอะไรกับการที่อลาวเป็นแบบนี้ เพราะเมลลาเวียร์อาจจะต้องการสีหน้าเจ็บปวดของข้าอยู่ก็เป็นได้ จะว่าไปข้านี่ก็เป็นตัวประกันที่อยู่สุขสบายเกินหน้าเกินตาตัวประกันทั่วไปแท้ ไปไหนมาไหนก็มีองค์รักษ์ซาตานคอยอยู่ด้วย แถมยังเป็นองค์รักษ์ซาตานของเจ้าชายปีศาจอีกต่างหากแน่ะ จะกินข้าวจะเดินเล่นก็อิสระ เสียอย่างเดียวแค่ออกจากที่นี่ไม่ได้ก็เท่านั้นเอง

    “เดี๋ยวก่อนฟราน”

    “เห้อ???”

                    ข้าเอี้ยวหลังไปมองคนที่ตัวเองใช้เป็นคำขยายไปหยกๆ เมลลาเวียร์มีอะไรกับข้าอีกล่ะ???

    “กินข้าวเสร็จเดินไปที่สนามประลองด้วย”

    “เห๊???”

                    เจ้าของเสียงยิ้มส่งท้ายก่อนจะเดินไปพร้อมๆกับอลาว ทำไมถึงได้รู้สึกว่าไอ้ยิ้มส่งท้ายนั่นมันดูไม่ชอบมาพากลยังไงก็ไม่รู้สิ...

     

    “เฮ้!!!!!!!!!

                    ข้าบอกหรือยังว่าข้าไม่ชอบเสียงดังหนวกหูน่ะ ทันทีที่ข้ากินข้าวเสร็จ ขอบอกว่ากับข้าวที่นี่อร่อยมากเลย ปลาเอย เนื้อเอยมัน...ห๊ะ?? มีคนเตือนข้าว่าอย่านอกเรื่องเพราะมันถึงขีดจำกัดของบทแล้วสินะ อ่าๆ เมื่อครู่ถึงไหนนะ? อ๋อ หลังจากที่ข้ากินข้าวเสร็จแล้วก็เดินออกมาจากห้องอาหารไปยังลานประลอง สนามประลอง หรืออะไรสักอย่างที่ไว้ใช้ประลองในทันที ทันทีที่ก้าวเข้ามาที่นี่ข้ารู้ได้ถึงพลังงานบางอย่างที่ซ่อนอยู่ ฟรานรู้สึกได้...ไม่ใช่และ ช่างมันเหอะเรื่องเสียงชาวปีศาจหรืออะไรสักอย่างที่ดังกระหึ่มยิ่งกว่าชุดโฮมเทียเตอร์นี่ ข้าเดนตามเรเวอร์เรียไปทรดตัวนั่งลงที่ข้างๆอลาว เจ้าของชื่อพอหันหน้ามาเจอข้าก็แทบจะกระโดดนั่งตักเมลลาเวียร์ที่อยู่ถัดไป ข้าควรดีใจที่ทำให้ว่าที่จักรพรรดิปีศาจกลัวได้....ลุงเมน(นอกเรื่องอีกแล้วเฮ้ย:Cheekze)

                    เป้งๆๆๆ

    “เอาล่ะๆท่านสุภาพบุรุษและสุภาพสตรีทั้งหลาย”

                    เสียง...ขวด นี่พวกเข้าใช้ขวดกันหรอกหรอเนี่ย?? บ้าจริงถ้าจนขนาดนั้นข้าออกเงินซื้อระฆังแก้วในก่อนก็ได้นะเออ..

    “หยุดพูดมากในใจได้แล้วเจ้าลูกมนุษย์ ความคิดไร้การไตร่ตรองของเจ้ามันทำข้าประสาทเสีย”อลาวหันมาขู่ๆแง่งๆใส่ข้า

    “มันก็เสียมาแต่แรกแล้วไม่ใช่หรือไง ข้าจะบอกให้ที่ข้ามีแนวคิดบ้าๆแบบนี้ประเด็นเพราะข้าขลุกอยู่กับเจ้า”ทั้งวันทั้งคืน”น่ะสิ”

                    แล้วข้าก็ตีกลับไป โฮมรันซะด้วยสิ อลาวถึงกับหุบปากเงียบหันหน้าหนี แถมหน้าขึ้นสีอีก นี่คิดไปถึงไหนกันเนี่ยถ้ามีคำว่า...

    “บ้า”

                    ...มากสักหน่อย...แหมเข้าล็อกเนาะ

    “วันนี้อย่างที่ทุกท่านทราบกันดี เรมีแขกพิเศษเป็นองค์ชายของเราที่ไม่ได้เห็นหน้าเท่าไหร่”

                    ออกแนวแขวะมั้งเนี่ย เมลลาเวียร์ลุกขึ้นโค้งคำนับเหมือนเด็กๆที่ทำความเคารพผู้ใหญ่ก่อนจะยอ้มออกมาหน่อยๆพอเป็นพิธีและนั่งลง เพื่อ???

    “แล้วเรายังมีว่าที่จักรพรรดิของพวกเรา!!

    “เฮ้!!!

    “ช่วยบอกให้พวกนั้นเงียบเสียงทีข้าหนวกหู!!/ช่วยบอกให้พวกนั้นเงียบเสียงทีข้าหนวกหู”รูปประโยคเดียวกันแต่คนละอารมณ์ดังมาจากข้าและอลาวในเวลาเดียวกัน อลาวสะบัดหน้ามองก่อนจะสะบัดหนีเหมือนไม่อยากจะต่อล้อต่เถียงแล้วลุกขึ้นแสยะยิ้มให้ว่าที่ราชฎรของเขา

    “และแขกพิเศษแสนพิเศษเหมือนก๋วยเตี๋ยวใส่ลูกชินเพิ่ม เจ้าชายสวรรค์ ฟราน!!

                    ไม่ฮา ขอบอกว่ามุกเมื่อครู่ไม่ผ่าน ทันทีที่มีเสียงประกาศตำแหน่งของข้าเสียงฮือฮาก็ดังเหมือนผึ้งแตกรัง แต่พอข้าลุกขึ้นเสียงนั้นก็เงียบลง เวลาแบบนี้ควรจะ...

    “สวัสดี”

                    แจกยิ้มสินะ...สาวน้อยสาวใหญ่เป็นลมล้มตายไปกว่าครึ่งสนามเล่นเอาซะข้าล่ะเหงื่อยตก ใครจะไปคิดว่าเสน่ห์ข้ามันจะใช้ได้ด้วย ข้าทรุดตัวนั่งลงอย่างงงๆแต่พอรู้ว่าอลาวลอบมองอยู่เลยหันไปยักคิ้วให้หน่อยๆ

    “สวัสดีประชาชนทุกท่าน”

                    เมลลาเวียร์ลุกขึ้นพูดผ่านไมค์ของเจ้าโคศกพูดมากนั่น เหมือนมันจะหยุดดูเรทติ้งก่อนจะยิ้มออกมาจางๆ”วันนี้ เป็นวันที่แสนพิเศษ เพราะอะไรพวกท่านรู้ไหม??”

                    ใครจะไปรู้ถ้าแกไม่บอก..

    “แน่จริงก็พูดออกมาเซ่”

                    รายนี้ก็แซะทุกสถานการณ์จริงๆสิน่า เดี๋ยวก็แก้แค้นจูบกลางงานเลย... อลาวหันมามองหน้าข้าอย่างหวั่นๆแล้วกระเถิบเข้าหาเมลลาเวียร์ประมาณเซนหนึ่งได้ ข้าได้ยินเสียงเรเวอร์เรียหัวเราะน้อยๆอยู่ข้างๆ มันก็น่าขำอยู่หรอก หน้าอลาวอย่างฮาเลย

    “หากพวกท่านไม่รู้ข้าขอเฉลย..”เออดี”...วันนี้เราจะมีการดวนพิเศษระหว่างอรสรพิษยักษ์แห่งโลกปีศาจและ...”

    “ท่านฟราน”

     

    ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++TBC.++++++++++++++++++++++++++

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×