ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    No Limit คู่หูต่างขั่ว รั่วกำลังสอง

    ลำดับตอนที่ #27 : บทที่สิบเอ็ด รอยยิ้มที่เคยอยู่บนใบหน้า

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 189
      0
      30 ส.ค. 56


     

    บทที่สิบเอ็ด

    รอยยิ้มที่เคยอยู่บนใบหน้า

    “เดม่อน!!!”ข้าตะโกนเรียกร่างที่ช่วยกันวิ่งตามหาให้วุ่น ในที่สุดก็เจอสักที

                    ในตอนแรกพวกเราจับจิตเดม่อนไม่ได้เลยสักนิดแต่จู่ๆเหมือนกับผนึกมันคลายออก สัมผัสกลิ่นไอของเดม่อนรุนแรงมากจนพวกเราวิ่งตามกันมาที่นี่

    “เจ้าหายไปไหนมา??”ซีโร่ตรงเข้าไปกระชากคออีกฝ่าย มองก็รู้ว่าโมโหเพราะว่าห่วง

    “ข้าขอโทษ อย่าโกธรสิ”

                    เดม่อนยกสองมือขึ้นปรามร่างที่กระชากคอเสื้อเขาอยู่ ใบหน้าคมยิ้มออกมาแบบแปลกๆ แบบที่เห็นแล้วมันขัดลูกตาที่สุด มันไม่คอยเหมือนรอยยิ้มของเดม่อนเลยสักนิดมันดูหมองหม่นแล้วก็เศร้าๆทั้งๆที่ปกติรอยยิ้มนั้นมันจะแฝงความเรียบเฉยเอาไว้เท่านั้น ระหว่างที่หมอนี่หายไปเกิดอะไรขึ้น?

    “เดม่อน....”

    “ข้าว่าพวกรีบกลับไปที่พักก่อนดีกว่าไหม อยู่ที่นี่บางทีอาจจะไม่ปลอดภัย”

                    เรย์ขัดข้าที่กำลังจะเอ่ยถามเดม่อนถึงรอยยิ้มแปลกๆนั่น ข้าหุบปากฉับเพื่อฟังทุกคนคุยกันจนลืมเรื่องที่จะถามไปเสียสนิท พวกเราตัดสินใจที่จะกลับมาที่ที่พักเพราะคิดว่าการอยู่ด้านนอกอาจเสี่ยงต่อใครสักคนหายไปอีก

     “หืม?”

                    ข้าร้องในลำคอเมื่อได้กลิ่นหอมที่คุ้นเคยระหว่างที่เดินสวนกับชาวปีศาจในเมืองระหว่างเดินทางกลับ กลิ่นหอมอ่อนๆนี่ยังกับครีมอาบน้ำกลิ่นกุหลาบที่อลาวเกลียดเลยนะเนี่ย ข้าหยุดชะงักอยู่กับที่ก่อนจะได้ยินเสียงแว่วๆ

    “ถึงเวลาที่เจ้าจะต้องออกแรงวิ่งสุดแรงแล้วล่ะ...นัวร์”

                    ข้าหันควับทันทีที่ได้ยินชื่อในอดีตแต่รอบกายกับมีผู้คนเดินสวนไปมาจนลายตา สายตาพลันมองหารอบๆตัวอย่างคิดสงสัย...เสียงเมื่อครู่มันคุ้นมากเหมือนเคยได้ยินมาก่อนแต่จำไม่ได้ว่าเสียงของใคร

    “เป็นอะไร?”ท่านพี่ที่เห็นว่าข้าไม่เดินตามมาหันกลับมาถาม

    “เปล่า....”ข้าตอบแผ่วๆก่อนจะเดินตามทุกคนไป

                    ไม่เข้าใจคำพูดที่ได้ยิน ไม่เข้าใจว่าทำไมเจ้าของเสียงถึงต้องมาเตือนข้า หมายความว่าไงวิ่งสุดแรง?

    “ท่านพี่ ให้เตรียมตัววิ่งสุดแรงนี่มันหมายความว่าไง?”

                    ข้าตัดสินใจเร่งฝีเท้าไปเดินคู่ท่านพี่ก่อนจะเอ่ยถามสิ่งที่สงสัย ท่านพี่ดูแปลกใจเล็กๆกับคำถามก่อนจะหันหน้าไปอีกทางเพื่อใช้ความคิด

    “มันมีสองความหมาย...”

    “อะไรบ้าง?”

    “ไม่ให้หนีสุดแรงก็....”

    “วิ่งตามสุดกำลัง”

                    ข้าชะงักแล้วหยุดเดินกึกเหมือนหัวใจหล่นหวูบไปอย่างไงอย่างนั้น ใบหน้าอลาวลอยเด่นเข้ามาในความคิดข้าผิดเพียงแค่มันไม่ใช่อลาวคนเดิน ดวงตาสีโกเมนคู่เดิมก็จริงแจ่มันกลับว่างเปล่า ริมฝีปากคู่บางก็เผยให้เห็นเขี้ยวเล็กๆสีงาช้าง ข้าตัวเย็นราวกับถูกแช่แข็งอยู่ท่ามกลางขั้วโลกเหนือ

    “ฟราน”ท่านพี่เรียกเบาๆพอให้ข้าดึงสติกลับมา

                    ทั้งๆที่อาอาศโดยรวมร้อนถึงร้อนมากแต่ข้ากลับมือเย็นชืดเหมือนคนที่ตายไปแล้ว หัวใจมันหวั่นแบบแปลกๆ อลาวจะไม่เป็นอะไรใช่ไหม ข้าไม่แน่ใจตรงจุดนี้เลยพับผ่าเซ่!!  ข้าก้าวเท้านำท่าพี่ไปยังทางกลับโรงแรมและก้าวนำทุกๆคนไปเสียด้วย

    “รีบหน่อย ข้าคิดว่าเรื่องอลาวเราควรจะจริงจังกันได้แล้ว”ว่าจบข้าก็เดินทำทุกคนไป

    “ข้าเจ็บ!!!

    “แล้วมันได้ครึ่งหนึ่งกับที่ข้าเจ็บไหม? คนที่ข้าคิดว่าไว้ใจได้และให้ความสำคัญกับข้ากลับเป็นคนที่เก็บคนที่ข้ารักที่สุดไว้ ข้าควรจะต้องทำยังไงตอบข้าได้ไหมอลาว??”

     “แล้วเจ้าต้องการอะไร?”

    “คืนเดม่อนมาให้ข้า”

    “ไม่”

    ข้าเดินก้าวนำทุกคนไปด้านหน้าได้เพียงก้าวเดียวก็ต้องหยุดกึก เสียงที่ได้ยินแม้ไม่แน่ใจนักแต่มันคือเสียงอลาวแน่ๆ แต่อีกคน...ข้าไม่แน่ใจ รู้เพียงมันคุ้นมากเสียจนเหมือนเพิ่งเจอกันมาหมาดๆ

    “โอ๊ย!!!

                    ข้าร้องเสียงหลงเมื่อสัมผัสได้ถึงความร้อนของแหวนที่ห้อยอยู่บนคอของข้าเอง แหวนของอลาวทำไมจู่ๆถึงได้ร้อนวาบขึ้นมาเสียดื้อๆ

    “เป็นอะไรไปขอรับท่านฟราน???”ซีโร่ว่าเสียงตื่นพลางเข้ามาพลิกตัวข้าสำรวจ

    “แหวนอลาวมันร้อน”ข้าตอบเสียงแผ่ว

                    ความกังวลเริ่มเข้ากินจิตใจข้าทีละน้อยทีละน้อย ลางสังหรณ์บางอย่างว่าสถานการณ์ตอนนี้ชักร้ายแรงขึ้น รู้สึกได้ว่าตัวเองจะมาโอ้เอ้อะไรไม่ได้อีกแล้ว

     

                    ข้านอนหงายอยู่บนเตียงสีขาวสะอาดตาในห้องพักโรงแรมแห่งเดิม ตอนนี้ท่านพี่และเรย์พร้อมใจกันไปนอนที่ห้องอีกห้องที่เหลืออยู่เพราะเข้าใจว่าข้ากำลังต้องการสมาธิและไม่อยากให้มีเสียงการทะเลาะกันของทั้งสองคนเข้ามาวุ่นวายในเซลล์สมอง ข้ายกมือขวาก่ายหน้าผากอย่างเครียดๆ ไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงดีแต่ที่รู้ๆตอนนี้ข้ามีความรู้สึกว่าเหมือนอลาวไกลออกไป

    นายท่าน ระเบียง

                    เสียงที่ข้าจำได้ว่าคือเสียงของแหวนของข้าดังขึ้น ข้าลืมตาที่หลับลงเพื่อผ่อนคลายด้วยความตกใจก่อนจะรีบลุกขึ้นแล้วพุ่งไปยังระเบียงห้องทันที...สายลมพริ้วเข้ามาปะทะใบหน้าของข้าเหมือนตอนที่ข้าพบอลาวที่บ้านตัวเองไม่มีผิดเพี้ยน แต่พอก้มลงมองด้านล่างกลับเห็นเพียงปีศาจที่เดินไปมาดูวุ่นวาย

    ฟราน...ได้ยินเสียงข้าไหม??

                    ข้าเบิกตาโพลงอย่างไม่เชื่อหู นั่นมัน...เสียงของอลาวนี่!!! ข้ากำลังจะอ้าปากร้องเรียกชื่ออีกฝ่ายแต่กลับต้องหยุดเพราะทางนั้นแทรกมาเสียก่อน

    อย่าเรียกชื่อข้าฟราน มันจะทำเจ้าเดือดร้อน

                    ข้าเก็บปากฉับ ในใจรู้สึกดีใจจนแทบระเบิด ข้าไม่ได้คุยกับอลาวมานานมาก มันเป็นเวลาที่ยาวนานกว่าทุกทีหลายเท่า

    “เจ้าสบายดีไหม? นัวร์”

                    เหมือนเห็นใบหน้าแปลกใจของอีกฝ่ายพรุดเข้ามาก่อนจะได้ยินเสียงลมหายใขพร้อมรอยยิ้มนุ่มละมุนในมโนภาพ

    จะว่าแบบนั้นก็ได้ แต่เวลานี้ข้าไม่ได้มาเพียงคุยเล่นกับเจ้านะฟรานข้ามา....

    “อย่าเพิ่งรีบได้ไหมนัวร์ กว่าข้าจะได้พูดกับเจ้าสักคำมันนานแค่ไหน ขอข้าได้ยืนฟังเสียงเจ้าอีกสักนาทีเถอะ”ข้าอ้อนวอนด้วยน้ำเสียงอ่อนล้า รู้สึกเหมือนเหนื่อยทั้งกายและใจเหลือเกิน อลาวนิ่งเงียบไม่ตอบอะไรมาจึงเป็นข้าที่พูดต่อ

    “เจ้ารู้ไหมว่าข้ารู้สึกทรมานมากแค่ไหน ในวันนั้นข้าพบเจ้าที่ริมธารแต่เจ้ากลับไม่เห็นข้า”

    ข้าเห็น

    “เห็นแล้วทำไมเจ้าไม่ทักข้าเล่า!!!

    อย่าเสียงดังเซ่!!!’

                    ข้ารู้สึกเหมือนเห้นอลาวปิดปากตัวเองดังอุ๊บก่อนจะไอเบาๆแล้วพูดด้วยโทนน้ำเสียงแบบทีแรก ข้ามีความสามรถพิเศษคือทำอลาวหลุดกรอบได้ทุกๆสถานการณ์สินะ อา...ชั่งน่าดีใจโดยแท้

    ข้าเห็นเจ้าฟราน...เพียงแต่มันยังไม่ใช่เวลาที่เราจะอยู่ด้วยกัน มันถึงเวลาที่คนที่วิ่งตามจะเป็นผ่านถูกวิ่งตามเสียบ้าง

    “หมายความว่าไง??”

    เรื่องนั้นช่างมันเถอะฟราน แต่ข้ามาที่นี่เพื่อจะเตือนเจ้า

    “เตือน??”

                    ข้าทวนคำพลางเอียงคออย่างสงสัยแต่แล้วสิ่งที่ได้ยินกลับทำเอาข้านิ่งงัน

    “ถ้าพบกันคราวหน้า อย่าเข้าใกล้ข้าฟราน...ขอร้อง ข้าไม่อยากทำร้ายเจ้า”

                    น้ำเสียงท้ายประโยคทำเอาข้าใจสั่น ทำไมอลาวถึงพูดแบบนั้น ถ้าไม่เข้าใกล้แล้วข้าจะนำตัวเขากลับมาได้ยังไง???

    “หมายความว่ายัง!! พวกมันทำอะไรกับเจ้าบอกข้ามา!!!

                    ข้าตะโกนลั่นไม่สนใจว่าคนข้างล่างจะเหงยขึ้นมามองข้าแบบไหน

    ทำตามที่ข้าพูดเถอะนะฟราน ขอร้อง ข้าไม่อยากเสียเจ้าไป

                    ข้ารับรู้สึกสัมผัสที่สวมกอดจากด้านหลังเพียงชั่วครู่ก่อนจะเป็นน้ำเสียงแผ่วๆที่ข้างหู

    และเมื่อเจ้าได้รับเวทย์มนตร์บทนี้มันแปลว่าข้าไม่ใช่ข้าอีกต่อไป ลาก่อนสหายข้า

                    ข้าหมุนตัวตามสัมผัสที่เคลื่อนหายไป ก้าวเท้าไปไขว่คว้าสัมผัสที่อยู่กลางอากาศแต่สุดท้ายก็มีเพียงความว่างเปล่า

    “ข้าไม่เข้าใจอลาว...ทำไมต้องจากข้าไปด้วย”

     

     

                    เสียงฝีเท้าม้าดังกุบกับตลอดการเดินทาง ทั้งคนขี่และคนซ้อนต่างเงียบกริบไม่ส่งเสียงใดๆออกมา เรเวอร์เรียได้เพียงเงียบอยู่เช่นนั้นเพื่อที่จะรอใกห้ผู้เป็นนายเปิดปากพูดออกมาก่อน เขาไม่อยากไปทำลายความคิดที่อยู่กับตัวเองของอีกฝ่าย ถือเป็นเวลานานนับตั้งแต่แยกจากเดม่อนออกมา เมลลาเวียร์เอาแต่นั่งหันหลังชนเขาบนหลังม้า เจ้าของนัยน์ตาสองสีเองก็ขี้เกียจจะพูดให้อีกฝ่ายหันกลับมานั่งดี

    “พักก่อนไหม?”เสียงนุ้มเอ่ยถาม

    “อ่า”

                    คนซ้อนตอบเพียงสั้นๆก่อนที่ม้าจะหยุดลง เมลลาเวียร์กระโดดลงจากหลังม้าไปยังก้อนหินก้อนใหญ่ข้างทางในป่าทึบ ที่ทั้งคู่ยังไม่ถึงปราสาทเสียทีมีเพียงเหตุผลเดียวคือเรเวอร์เรียยังคงขี่ม้าวนในป่านี้ไปเรื่อยเพราะเขารู้ว่านายเหนือหัวนั้นอยากที่จะใช้ความคิดอยู่กับคนเองและยังไม่พร้อมจะกลับไปเจอหน้าอลาวตอนนี้

    “แผลเจ้า”

                    เรเวอร์เรียยกมือลูบรอยแผลที่เลือดแห้งกรังบนโหนกแก้มอีกฝ่าย มันอัตรธานหายไปในทันที ดวงตาสองสีจ้องมองผ่านเลนส์แว่นเข้าไปสู่ดวงตาไร้แววภายในที่แดงก่ำจากการร้องไห้ เขารู้สึกสงสารอีกฝ่ายจับใจ แม้อีกฝ่ายจะอ่อนแอก็จริงแต่เมลลาเวียร์ไม่เคยร้องไห้เลยสักครั้งนับตั้งแต่คนคนหนึ่งจากไป...เดม่อน

    “เรื่องนี้ใครผิด?”

                    น้ำเสียงแหบพร่าเอ่ยถามอย่างไร้เรี่ยวแรง เรเวอร์เรียระบายยิ้มอบอุ่นออกมาก่อนจะเลื่อนมือที่แตะอยู่ที่หน้าของเมลลาวียร์ไปยังเรือนผมสีน้ำตาลทอง

    “ผิดกันทั้งสองฝ่ายนายข้า ท่านโปรดอย่าโทษตนเองไป”

    “อย่าใช้สรรพนามแบบนั้น...ข้าไม่ชอบมัน มันทำให้เราห่างเหิน”

                    ดวงตาที่เสรมองออกไปหันหลับมามองร่างตรงหน้าอีกครั้ง แม้เรเวอร์เรียจะเข้าใจดีว่าเราของเมลลาเวียร์ไม่ได้หมายถึงเขาและอีกฝ่ายและถึงกระนั้นก็ยังคงยิ้มออกมาอยู่ดี

    “ข้าควรคิดตั้งนานแล้วกับท่าทีของอลาว ว่าคนขี้สงสัยอย่างอลาวทำไมถึงไม่ถามเกี่ยวกับเรื่องนั้นเลยทั้งๆที่ใครต่อใครต่างก็พูดออกมาให้เขาได้ยินบ่อยๆ ข้าไม่น่าไว้ใจเขา”

                    เจ้าของเรือนผมม่วงอ่อนสอดมือเข้าไปแทรกมือที่กำลังกำแน่นจนเล็บจิกเข้าสู่เนื้อตนเอง ร่างสูงระบายยิ้มอีกครั้งเมื่ออีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างไม่เข้าใจ

    “ข้าขอเจ็บแทนเจ้า...อย่าทำร้ายตนเองเลยเมลลาเวียร์ มันไม่ใช่วิธีที่ถูกนัก”

                    มือเรียวลูบผมสีน้ำตาลทองเบาๆก่อนจะละมือออกและลุกขึ้นมานั่งข้างอีกฝ่ายให้อีกฝ่ายได้พิงหลังเขาเอาไว้

    “ข้าผิดหรอเรเวอร์เรียที่ข้าไปช่วยเดม่อนไว้ไม่ทัน”

    “ไม่หรอก”

    “ข้าผิดงั้นหรอที่ยังคงอยากให้เขากลับมาหาข้า”

    “ไม่หรอก”

    “ข้าผิดหรอที่เลือกไว้ใจคนที่มีสายเลือดให้ตัวเหมือนข้าอย่างอลาว”

    “นั่นก็ไม่อีก”

                    เมลลาเวียร์หยุดนิ่งไปครู่หนึ่ง ทางด้านเรเวอร์เรียเองก็ไม่ได้ครั้นหรือหันมองอีกฝ่ายว่าทำอะไรอยู่หรือมีสีหน้าแบบไหน

    “ในเมื่อข้าไม่ผิดแล้วทำไมเดม่อนถึงได้เปลี่ยนไป ข้าไม่ผิดแล้วทำไมข้าถึงเหลือตัวคนเดียว ข้าไม่ผิดแล้วทำไมท่านพ่อถึงไม่เคยใยดีข้าเลย!!! ทำไมต้องเอาอลาวเข้ามา ทำไมต้องเอาเขามาในตำแหน่งที่มันควรจะเป็ยของข้า ณ เวลานี้ ทำไมเล่า!!! ทำไมใครๆต่างมองข้ามข้าไป!!

                    เมลลาเวียร์หันกลับมากระชากคอเสื้อร่างที่ให้เขาพิงหลังอย่างหมดความอดทนแต่ร่างนั้นยังคงยิ้มตอบเขาเสมอก่อนจะเป็นเมลลาเวียร์เองที่ปล่อยมือออกมาจากคอเสื้ออีกฝ่านและโผเข้ากอดร่างนั้นพร้อมร้องไห้ออกมาอย่างไร้การอดกลั้น เรเวอร์เรียยิ้มขำออกมาน้อยๆก่อนจะลูบหัวคนที่เป็นทั้งเจ้านายและเป็นเหมือนน้องชายของเขาก่อนรอยยิ้มนั้นจะแปลเปลี่ยนเป็นยิ้มเศร้าๆ

    “ต่อให้ใครต่อใครมองข้ามเจ้าแต่ข้าไม่เคยทำแบบนั้นเจ้าก็รู้...ชีวิตข้ากลายเป็นของท่านนับตั้งแต่วินาทีที่ท่านมอบชีวิตใหม่แต่ข้า จักรพรรดิเอ๋ย...สิ่งไหนที่เป็นของท่านมันย่อมไม่หลุดลอยไปไหนเสีย ข้าไม่ได้มาแทนใครและไม่ได้ทำหน้าที่ต่อกับใคร ข้าเป็นเพียงปีศาจผู้ซื่อสัตย์ที่จะทำตามหน้าที่ของตนให้ดีที่สุดและปกป้องนายเป็นที่รักอย่างซื่อตรง”

                    เสียงตอบรับมีเพียงเสียงลมหายใจที่ดังแว่วมาอย่างสม่ำเสมอ บนใบหน้ายังคงมีน้ำตาไหลออกมาเป็นสาย ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายหลับไปเสียตอนไหน ไม่รู้ว่าทันได้ฟังประโยคที่พูดจนสมบูรณ์หรือเปล่า?

    “ท่านยังเป็นที่รักของข้าเสมอต่อให้ท่านไม่เคยจะมองเห็นข้าเลยก็ตาม ท่านเอาแต่วิ่งตามหลังเขาโดยไม่สนใจข้าที่วิ่งตามหลังข้าแม้แต่น้อย...นายข้า”

     

    “เฮ้! กลับกันมาได้สักทีจะทิ้งให้ข้าอยู่คนเดียวหรือไงเนี่ย เกิดตาแก่นั่นทำอะไรข้าขึ้นมาจะทำยังไงกันล่ะหือ?”

                    เสียงคุ้นเคยดั่งแว่วมาทันทีที่เรเวอร์เรียและเมลลาเวียร์เดินเข้ามายังห้องโถง อลาวตีหน้ามุ่ยมองสองปีศาจที่เพิ่งเดินเข้ามาก่อนจะมีสีหน้าเหวอไปเล็กน้อยเมื่อเมลลาเวียร์เดินผ่านเขาไปอย่างไม่สนใจ

    “เมล...”

    “อย่ามายุ่งกับข้า!!!

                    เมลลาเวียร์สะบัดแขนที่ถูกเกาะกุมออกอย่างแรง ปลายแขนสะบัดไปโดนร่างที่เข้ามาหาของอลาวให้กระเด็นไปติดกำแพงอย่างไม่ตั้งใจ ไม่มีสีหน้าแตกตื่นมีเพียงความเงียบที่เข้ากินพื้นที่โดยรอบจนอลาวเริ่มอึดอัด มองปีศาจตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจปนสับสน เขาไม่เคยเห็นอีกฝ่ายเป็นแบบนี้แล้วทำไม...

    “เจ้าเป็นอะไรไป??”

    “อย่าเข้ามาถ้ายังไม่อยากถูกข้าฆ่าเจ้าตอนนี้”

                    น้ำเสียงเย็นเฉียบทำเอาอลาวชะงักกึกไม่ลุกขึ้นดั่งตั้งใจ ไอเย็นรอบๆที่ถูกปล่อยออกมามีมากพอให้อลาวรู้ตัวว่าอีกฝ่ายชักอันตราย อลาวมองตามร่างที่เดินหายเข้าไปด้านในอย่างไม่เข้าใจรู้สึกกลัวอีกฝ่ายขึ้นมาในทันที ทุกครั้งเมลลาเวียร์ไม่ใช่แบบนี้ เจ้าชายปีศาจอ่อนโยนอยู่เสมอ อ่อนโยนจนเขายอมรับว่าเป็นเจ้าชายที่ดีมากแบบที่เขาอาจจะไม่เท่า อย่างน้อยๆเมลลาเวียร์ก็ไม่ปากแข็งล่ะนะ...

    “เกิดอะไรขึ้นกัน...”

                   

                    เมลลาเวียร์เดินออกมาจากการอาบน้ำด้วยท่าทีเย็นขึ้นเล็กน้อย รู้สึกโมโหอลาวแบบสุดขีด แค่ได้กลิ่นอีกฝ่ายก็หงุดหงิดแล้ว ถ้าอีกฝ่ายยังดึงดันจะเข้าหาเขาหรือพบหน้าเขาต่อไปเขาคงจะเผลอฆ่าอีกฝ่ายเข้าสักวัน

    “เกิดอะไรขึ้นกันแน่เมล?”

                    ทุ้มเสียงคุ้นดังขึ้นทำให้เมลลาเวียร์ที่ยืนเช็ดผมอยู่หันไปมอง นึกแปลกใจเล็กน้อยที่อีกฝ่ายเข้ามาแต่รู้สึกโมโหสียมากกว่า

    “อลาว...ข้าขอเตือน ออกไปจากห้องข้าซะ”

    “ทำไม”

                    อลาวเข้าไปดึงแขนอีกฝ่ายเพื่อให้ร่างนั้นหันมอง ดวงตาสีแดงสองคู่สบกันอย่างอ่านความหมายในดวงตาก่อนจะเป็นเมลลาเวียร์ที่ปัดมืออีกฝ่ายออกไป

    “ออกไปซะ”

    “ข้าจะไม่ออกจนกว่าที่เจ้าจะตอบคำถามว่าเจ้าเป็นอะไร ตอบข้าได้ไหม? ข้าเป็นห่วงเจ้านะ”

    “หึ”

                    อลาวขมวดคิ้วขึ้นเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอ เมลลาเวียร์สาวเท้าเข้าหาเจ้าชายยมทูต ดวงตาสีแดงที่มองผ่านเรือนผมหมาดที่ตกลงมาปรกดวงตาดูน่ากลัวจนอลาวต้องถอยเท้าหนี

    “ถ้าจะให้ตอบคำถามเจ้า งั้นเจ้าก็ตอบคำถามข้ามาก่อน”

    “คำถามอะไร?”

    “ทำไมเจ้าไม่บอกข้าว่าเดม่อนอยู่กับเจ้า?”

                    อลาวเบิกตาโพลงถอยหลังติดกำแพงอย่างไม่ทันคิด”เจ้า...เจอเขา?”

    “ใช่ข้าเจอเขา เจ้ารู้ใช่ไหมว่าเขาเป็นใครและเป็นอะไรกับข้า...”

    “ข้ารู้...”

                    ปึง!!

                    หมัดขวาของเมลลาเวียร์ต่อยกำแพงเฉียดใบหน้าขวาอลาวไปเพียงไม่ถึงเซนติเมตร ร่างสูงยืนตัวแข็งทื่ออย่างตกใจ

    “แล้วทำไมไม่บอกข้า!!!!

                    มืออีกข้างที่ยังว่างยกขึ้นบีบหน้าอีกฝ่ายอย่างแรง

    “ข้าเจ็บ!!!

    “แล้วมันได้ครึ่งหนึ่งกับที่ข้าเจ็บไหม? คนที่ข้าคิดว่าไว้ใจได้และให้ความสำคัญกับข้ากลับเป็นคนที่เก็บคนที่ข้ารักที่สุดไว้ ข้าควรจะต้องทำยังไงตอบข้าได้ไหมอลาว??”

                    อลาวดึงมือเมลลาเวียร์ออกสุดแรงก่อนจะหันไปจ้องตากับอีกฝ่ายด้วยแววตาเย็นชาและน่ากลัวไม่แพ้กันเมื่อนึกถึงเดม่อนขึ้นมา

    “แล้วเจ้าต้องการอะไร?”

    “คืนเดม่อนมาให้ข้า”

    “ไม่”

                    อลาวตอบแบบไม่ต้องคิดในทันที ร่างสูงโดนผลักไหล่ไปจนแผ่นหลังกระแทกกำแพงดังปัง ดวงตาสีเดียวกันยังคงจับจ้องซึ่งกันอย่างไม่วางตา

    “ทำไม?? ทั้งที่เจ้ารู้ทุกอย่างดีแล้วทำไมถึงไม่คืนเดม่อนให้ข้า!!!

    “แล้วเจ้าจะให้ข้าคืนเดม่อนไปให้คนที่ทำร้ายเขามาอย่างงั้นน่ะเหรอ!!!

                    อลาวตวาดกลับ ร่างท่าสูงกว่าผงะเล็กนอยเมื่อรับรู้ได้ถึงกลิ่นไอวิญญาณของอลาวที่เริ่มครุกรุ่นขึ้นแบบกระทันหัน

    “เจ้าคิดว่ากว่าข้าจะทำให้เขากลับมายิ้มได้อีกหนมันนานมากแค่ไหน เจ้าคิดว่าสภาพตอนที่ข้าเจอเดม่อนเขามีสภาพยังไง ยืนยิ้มหรอ??? ใช่เขายิ้มแต่ยิ้มทั้งน้ำตาไงเล่า!!! ยิ้มให้กับความโง่ของตนเองและเสียน้ำตาให้กับการที่ถูกคนที่รักทรยศ เจ้าคิดว่าข้าควรคืนเขาให้เจ้าอีกงั้นเหรอ ให้ปีศาจบ้าๆอย่างพวกเจ้าทำเขาเสียใจอีกน่ะหรอ???”

                    เมลลาเวียร์ขมวดคิ้วเป็นปมก่อนจะดันไหล่อีกฝ่ายไปติดกำแพงไม่ให้หลุดออกไปไหนทั้งๆที่ยังคุยไม่จบ

    “แล้วข้าควรปล่อยเขาไว้กับคนที่ทำให้เขาเปลี่ยนไปหรือ?”เสียงเย็นรอดไรฟันออกมา

    “ข้าไม่ได้ทำเขาเปลี่ยน แต่เขาเปลี่ยนตัวเองเพื่อแข็งแกร่งขึ้นต่างหาก!

    “โกหก!!!

                    ดวงตาสองคู่จ้องกันอย่างไม่ยอมแพ้ ต่างผ่านต่างไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะมีแววตาแข็งกร้าวได้ขนาดนี้ก่อนจะเป็นเมลลาเวียร์ที่เริ่มแสยะยิ้มขึ้นมา

    “ได้...ข้าจะทำให้เจ้ารับรู้บ้างถึงความรู้สึกเมื่อคนที่รักที่สุดเปลี่ยนไป”

    “เจ้าจะทำอะไรเพื่อนข้า???”อลาวรู้สึกกลัวขึ้นมาทันที ไม่ว่าอีกฝ่ายจะทำอะไรเขายังไงเสียเขาก็ไม่หวั่นเพราะคงไม่รุนแรงไปกว่านี้ แต่ที่เหลือที่มาช่วยเขาล่ะ

    “ฟรานน่ะ....”เจ้าชายปีศาจกระซิบข้างหูของอลาว

    “เจ้าจะทำอะไรฟราน!!!

    “เปล่าเลย...ข้าไม่ได้จะทำอะไรเขาแต่จะทำให้เขารับรู้ถึงความรู้สึกของการที่ต้องพบคนที่รักเปลี่ยนไป ข้ารู้ว่าหากเขารู้สึกแบบไหนเจ้าจะรู้สึกมากกว่านั้นสองเท่าถูกไหมล่ะ อลาวดี้”

                    เมลลาเวียร์ผละออกจากข้างหูของอลาวก่อนจะเลื่อนมือที่จับไหล่ขึ้นไปบีบปากของอลาวเอาไว้ มืออีกข้างที่ว่างปรากฎขวดแก้วที่บรรจุของเหลวสีแดงสดเหมือนคราวก่อน อลาวเบิกตากว้างเพราะจำได้ว่าของเหลวนั้นมันคืออะไร

    “ไม่นะเมล...เจ้าอย่าทำแบบนี้!!

    “ถ้าข้าไม่ทำแบบนี้แล้วฟรานจะรู้สึกแบบที่ข้าเป็นไหมล่ะอลาว”

                    ของเหลวสีแดงสดไหลเข้าปากของอลาวไปจนหมดขวด เจ้าชายยมทูตจำต้องกลืนมันอย่างหยุดตัวเองไม่ได้ รสหวานของของเหลวนั้นมันดึงดูดเสียจนไม่อาจปฏิเสธได้ เมลลาเวียร์ปล่อยมือออกจากร่างของเจ้าชายยมทูต เจ้าของเรือนผมสีดำสนิททรุดตัวลงไปนั่งอยู่กับพื้นอย่างอ่อนล้า

    “คราวก่อนที่เจ้าได้ดื่มไปมันเป็นการผสมให้ดื่มที่ละน้อยทุกๆวัน แต่วันนี้เจ้าดื่มที่เดียวหมดขวด เพียงไม่นาน

    หรอกอลาว”

    “อึก!!!

                    ร่างที่นั่งหอบหายใจแรงด้วยใบหน้าแดงก่ำลงไปนอนคู้ตัวอยู่กับพื้น อลาวนอนกุมหน้าอกตรงบริเวรหัวใจของตัวเองอย่างเจ็บปวดและทรมานรู้สึกเหมือนร่างกายมันปั่นป่วนจนเหมือนจะแตกเป็นเสี่ยงๆ เหงื่อยเย็นชื้นเกาะพราวทั่วร่างกาย อลาวมองร่างที่ยืนอยู่ผ่านม่านน้ำตาที่ไหลออกมาด้วยความทรมาน เมลลาเวียร์ไม่แม้แต่จะลงไปดูอาการเขาเลยด้วยซ้ำ ทำเพียงยืนมองเขาอย่างเงียบเชียบและเฉยชา

    ข้าคิดว่าเจ้าจะไว้ใจได้

    “อ๊ากกกกกกกกกกกกกกก”

                    เสียงกรีดร้องดังออกมาจากปากของร่างที่นอนคุดคู้อยู่กับพืน อลาวกุมหน้าอกตัวเองแน่น น้ำจากดวงตารื่นลงบนแก้มเนียน เจ็บปวดทั้งทางรูปธรรมและนามธรรม เจ็บด้วยฤทธิ์ยาและเจ็บด้วยการโดนทำร้ายจิตใจ เรเวอร์เรียที่อยู่ด้านนอกวิ่งเข้ามาเพราได้ยินเสียงกรีดร้องของอลาว ร่างสูงมองภาพตรงหน้าด้วยหัวใจกระตุกวูบเพราะไม่คิดว่าเมลลาเวียร์จะกล้าทำแบบนี้ องค์รักษ์ซาตานมองหน้านายของตนด้วยหัวใจหล่นวูบ ดวงตาสีแดงสดไร้ซึ่งความรู้สึกใดๆกลายเป็นความด้านชาที่น่าขนลุก

    “เมล...ทำไมเจ้า?”สิ่งที่จะพูดกลืนหายเข้าไปในลำคอเมื่อสบเข้ากับดวงตาที่เคยคุ้น

                    สติที่ควรมีของอลาวดับพร่าลงในทันที ความคิดความอ่านหยุดนิ่งก่อนดวงตาที่ปิดจะเปิดขึ้นช้าๆ ทุกสิ่งทุกอย่างเงียบเชียบจนน่าอึดอัด เมลลาเวียร์ย่อตัวลงกรีดนิ้วผ่านเรือนผมสีดำสนิท

    “ในตอนที่เจ้าตื่นมา เจ้าจะไม่ใช่เจ้าของร่างนี้อีกต่อไป”

                    ดวงตาสีแดงเปิดขึ้นช้าๆพร้อมรอยยิ้มแสยะของเมลลาเวียร์

    “แล้วท่านก็ตื่นขึ้นมาเสียที องค์จักรพรรดิที่แท้จริง”

                    ร่างสูงลุกขึ้นยืนด้วยอาการเซเล็กๆก่อนมุมปากจะขยับยิ้มเมื่อเห็นเมลลาเวียร์

    “ข้าต้องการเลือด”
    *****************************************TBC.*********************************************

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×