คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : บททที่4 เรื่องทุกอย่างมันมีเหตุผล
บททที่4
เรื่องทุกอย่างมันมีเหตุผล
“สรุปว่า…”เจ้าสตาร์เอ่ยขึ้น
“ว่า….”ข้าเอ่ยต่อ
“ว่า…”
“ว่า….”
“วะ..”
“เจ้าจะว่าอีกนานไหมสตาร์ ข้าอยากรู้ว่าเจ้าฟรานบ้ามันเป็นอะไร”เจ้าสตาร์ยิ้มแห้งๆก่อนจะปัดผมสีเขียวน้ำทะเลของมันที่ยาวถึงกลางหลังไปไว้ด้านหลัง
“เจ้าฟรานของท่าน มันคงปรับตัวกับความเย็นของนรกไม่ได้ วิญญาณก็เลยขัดกันและปั่นป่วนบวกกับหมอนี่ที่นอนตายอยู่บนเตียงใหม่ที่เพิ่งยกมาไว้ในห้องท่านใช้บทผนึกทั้งๆที่ร่างกาย เอ๊ย ร่างวิญญาณไม่สมบูรณ์เลยมานอนม่องเท่งแหล่ มิม่องเท่งแหล่อยู่ตรงนี้แหละครับ”ข้าเกือบยกข้าถีบมันตั้งแต่มันพูดว่า’เจ้าฟรานของท่าน’แล้ว ถ้าไม่ติดที่มันอธิบายให้ข้าฟังข้าก็คงทำไปจริงๆ
“เออ ออกไปได้แล้ว”หมดประโยชน์แล้วก็ไสหัวไป
“สรุปแล้วท่านกับเจ้าฟรานนี่เป็นอะไรกันขอรับ”
“ยังไม่ออกไปอีก”
ข้าไล่เตพิดเจ้าสตาร์ให้ออกไปจากห้องของข้า ก่อนหันมองมองที่เจ้าฟรานเพราะกลัวมันจะตื่น เฮ้ย! ไม่ใช่นะที่ข้าพูดไปไม่มีอะไร ข้าไม่ได้ห่วงมัน ไม่ได้แคร์ดูแลมันซักนิด เสี้ยวในความคิดก็ไม่มี๊ไม่มี
“อือ…”แกจะตอบรับที่ข้าพูดหรือไงฟระ
ข้าเดินเข้าไปดูไอ้ตัวปรางตายที่ครางอยู่บนเตียง ใบหน้ามันซีดยิ่งกว่าเจ้าขุนนางนั่นบวกกับเจ้าซีโร่ตอนเห็นเจ้า
ฟรานครั้งแรกที่นี่อีก ข้ายื่นมือไปแตะหน้าผากของมัน พบว่าตัวมันเย็นเจี๊ยบถึงใจจริงๆ ข้าถอนหายใจอย่างปลงตก นี่ข้าต้องช่วยเจ้าใช่ไหม ถ้าไม่ช่วยนี่มันผิดศีลธรรมหรือเปล่าเนี่ย หลังจากลังเลอยู่นานพอควรเลยที่เดียว ตอนแรกข้าก็ตั้งใจว่าจะคิดให้นานกว่านี้แต่เกรงว่าไอ้หัวขาวตลอดชาตินี่มันจะม่องเท่งไปก่อนเลยได้แต่เดินไปนั่งลงบนเตียงข้างมันแล้วถอนหายใจอีกรอบ
“เจ้ามันตัวปัญหาโดยแท้ ฟราน”ข้าทาบมือลงบนหน้าอกของมันก่อนที่ผ่ามือข้าจะเกิดแสงสีขาวขึ้นพร้อมกับซึมหายลงไปในอกของฟราน ตอนนี้ข้ากำลังถ่ายพลังวิญญาณให้เจ้าฟรานอยู่ เพราะข้าเป็นราชวงศ์การสร้างพลังวิญญาณจึงไวกว่าชาวบ้านชาวช่องเขาเท่าหนึ่ง แต่พลังวิญญาณของฟรานนี่มันหายไปเยอะเอาการเล่นซะข้าที่ช่วยมันอยู่เริ่มหน้ามืดลงแล้วนะเนี่ย กว่ามันจะลืมตามามองข้าได้ก็เล่นเอาพลังข้าเกือบหมดตัว
“อลาว เจ้าทำอะไรข้าตอนที่ข้าหลับอยู่น่ะ”
“อย่ามาถามอะไรที่มันชวนเข้าใจผิดได้ไหมเนี่ย”ข้าตวาดมันแต่เสียงข้าเบาเหมือนพูดธรรมดา
“อลาวทำไมหน้าซีดขนาดนั้น!”
“เพราะเจ้าน่ะสิ ทำไมไม่บอกข้าว่าปรับตัวกับความหนาวที่นั่นไม่ได้แถมยังใช้พลังวิญญาณแบบฝืนๆอีก ถ้าเกิดเจ้าตายขึ้นมา…ข้าจะทำยังไง….กันเล่า”เสียงของข้าค่อยๆเบาลงก่อนความมืดมิดจะกลายเป็นสิ่งเดียวทีข้ารับรู้
ข้ามองดูคนสลบลงมาบนตัวของตัวเอง ข้าเป็นใครน่ะเหรอ ข้าก็ไวท์ทีเซอร์ ฟรานน่ะสิ ข้ามองอลาวที่หลับไม่ได้สติอยู่บนตัวข้า ก่อนจะค่อยขยับตัวเพื่อให้นาง เฮ้ย เขาได้นอนบนที่นอนอย่างสบายพร้อมกับลุกออกแล้วห่มผ้าให้ด้วย จะว่าไปเตียงนี่ใหม่กิ๊งเลยนะเนี่ย อย่าบอกว่าเตียงนี่มันคือของข้าน่ะ แต่ว่าตอนนี้ที่ข้าต้องสนไม่ใช่เตียงสุดหรูนี่แต่เป็นอลาวที่นอนสลบอยู่ต่างหาก ข้ารับรู้ได้ว่ากลิ่นไอวิญญาณของเขาเบาบางลงมาก อย่าบอกนะว่าเจ้าถ่ายพลังวิญญาณให้ข้า
ข้ามองคนที่หลับอยู่อย่างทึ่งๆ ข้าคิดว่าอลาวจะโกธรเรื่องที่ข้าแกล้งเล่นจนจะทิ้งขวางข้าซะแล้วนะเนีย แต่ว่าเขาก็ยังช่วยข้าอีก โอ้ท่านพ่อ(ก็พระเจ้านั่นแหละ)อลาวนี่ช่างดีไม่สมกับเป็นยมทูตเลยนะเนี่ยมันเป็นคำชมนะข้าจะบอกให้ ผิดกับข้าที่ตอนนี้ความคิดชั่วๆกำลังลอยเข้ามาในหัว แต่ข้าไม่ได้จะลักหลับอลาวนะข้าเลิกความคิดนั้นตั้งแต่รู้ว่าเขาเป็นผู้ชายแบบจริงแท้แน่นอน ที่ข้าทำหลังจากนั้นข้าก็แค่แกล้งเขาเล่นเฉยๆเพราะยังไงก็ไม่ต่างกันจะจูบกี่รอบก็เท่ากับว่าจูบไปแล้วอยู่ดี แต่ความคิดที่ข้ามาในหัวข้าคือข้าได้ยินมาว่าคนที่พอถ่ายพลังวิญญาณให้คนอื่นไปเกินครึ่งจะเพ้อสิ่งที่ตกตะกอนอยู่ในใจออกมา ไม่แน่นา อลาวอาจพูดว่า’ฟราน ข้ารักเจ้า’ก็ได้นะ
“อือ...”เสียงที่ดังออกมาทำให้ข้าหันไปมอง เอาล่ะเริ่มแล้วเริ่มแล้ว
“ท่านพี่…”หา อย่าบอกว่าเจ้ามีคู่หมั้นแล้วน่ะ เฮ้ย คิดในแง่ดีเข้าไว้ฟราน เขาอาจหมายถึงพี่แท้ๆของเขาก็ได้
“พวกท่านได้โปรดอย่าทิ้งข้าไป เหตุใดจึงไม่หันหลังกลับมามองข้า ข้าเจ็บปวด ข้าทรมานหากรอยยิ้มที่เคยคงอยู่มันไม่ได้อยู่กับข้าอีกแล้ว…”
ข้านั่งนิ่ง ไม่คิดว่าที่ตกตะกอนในใจของคนที่ออกแนวโวยวาย เฮฮา ใจดีและมักมีรอยยิ้มให้ใครจะกลับมีความเจ็บปวดเพียงนี้ สิ่งที่ข้าได้ยินทำให้ข้ารู้สึกหน้าตัวเองชาไปทั้งแถบเลยทีเดียว
“ทำไมพวกท่านถึงไม่อยู่กับข้า อย่าทิ้งข้าไว้คนเดียว ปล่อยข้าไว้เป็นเช่นนี้พวกท่านชอบใจงั้นหรือ หรือไม่เคยเห็นข้าเป็นน้องของพวกท่านเลยแม้แต่น้อย ทำไมท่านไม่หันหลังกลับมา กลับมาได้ไหม”จบประโยคที่ละเมอออกมาน้ำตาก็ไหลรินออกมาจากเปลือกตาที่ปิดทั้งสองข้างและไหลลงสู่หมอนสีขาวที่ลองรับศีรษะนั้นอยู่
“แม้เราจากกัน ใช่ข้าต้องสูญเสียท่านไปใช่หรือไม่ ข้าจะไม่เหนี่ยวรั้งท่านอีก ข้าจะไม่ถามเหตุผลท่านอีกเพียงแต่ขอให้ท่านจำไว้ว่าไม่มีใครแทนที่ท่านได้ ท่านพี่อลัวซ์ ท่านพี่อเล็กซ์”
“อลาว อลาว อลาว!”ข้าเรียกพร้อมทั้งเขย่าร่างนั้นให้ตื่นขึ้น ข้าไม่อยากให้เขาต้องเห็นถึงสิ่งที่ตนเจ็บปวดอีก และข้าก็ไม่อยากรับรู้แล้วด้วยว่าเขาเจ็บปวดมากแค่ไหน เปลือกตาบางเปิดขึ้นพร้อมนัยน์ตาที่สีเทาที่มีน้ำหล่อเลี้ยงมากเกินจำเป็น มากจนไหลลงมาอีก ข้าดึงเขาเข้ามากอดปลอบ ทีแรกข้าคิดว่าเขาจะผลักข้าแล้วด่าข้าอีก แต่เขากลับกอดข้าพร้อมกับฝังหน้ากับไหล่ข้าพร้อมร้องไห้หนักกว่าเดิม
“ไม่เป็นไรอลาวเจ้าร้องออกมาเถอะ ตอนนี้เจ้าเป็นผู้หญิงร้องเท่าไหร่ก็ไม่น่าอายหรอก”ดูเหมือนความเศร้าจะบดบังทุกสิ่งจนเขาไม่ใส่ใจคำพูดข้าและร้องไห้มากเข้าไปอีก
“ข้าว่าถ้าข้าไม่เจอเจ้าคงดี เจ้าก็ไม่ต้องมารับงานของทั้งหกหน่วยเพราประตูพังเพราะข้า ไม่ต้องโดนข้าขโมยจูบ ไม่ต้องเปิดเผยความลับ และเจ้าไม่ต้องถ่ายพลังวิญญาณให้ข้าจนต้องฝันเห็นสิ่งที่อยู่ในใจเจ้า ข้าไม่ควรมาอยู่กับเจ้าจริงๆ”ข้าพูดขึ้นมาเล่นๆแต่คนฟังกลับจริงจัง อลาวผลักข้าออกพร้อมกับตะโกนใส่หน้าข้าในคำที่ข้าคิดว่าไม่น่าจะได้ยินมากที่สุด
“เจ้าจะทิ้งข้าไปอีกคนหรือไง!!!”
บอกได้คำเดียวข้าอึ้ง อึ้งมาก และอึ้งที่สุดในชีวิตของข้าเองก็ได้มั้ง และดูเหมือนคนพูดจะไม่รู้ตัวว่าพูดอะไรออกมา
“แม้มันจะแค่สองวันที่ข้ากับเจ้ารู้จักกัน แม้เจ้าจะบ้าคิดไม่ซื่อกับข้าแค่ไหนแต่ข้าว่าเจ้าอาจเป็นเพื่อนที่เข้ากับข้าได้ดีที่สุดก็ได้ แม้เจ้าจะป่วนข้าไปบ้างแต่ข้ากลับรู้สึกได้ว่าอยู่กับเจ้าแล้วข้าสบายใจได้อย่างประหลาด”อันนี้ข้าอึ้งกว่า อึ้งชนิดอ้าปากค้างจนอลาวต้องดันคางข้าขึ้นฟันข้ากระแทกกันดังกึก
“เจ็บนะ นี่เจ้ามันพวกนิยมความรุนแรงหรือไงกัน”
แต่ดูเหมือนอลาวไม่ได้สนใจอะไรข้าแล้วเพราะเขาเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวแล้วเตรียมจะเข้าห้องน้ำไป
“อลาวข้าถามเจ้าสักคำ ทำไมต้องทำอะไรเพื่อข้าขนาดนี้”
เขายิ้มแบบที่ทำประจำ ข้าเพิ่งสักเกตว่ายิ้มนั้นต่างออกไปจากทุกที มันดูว่าออกมาจากใจจริงๆไม่ใช่ยิ้มเพราะมารยาท
“ไม่มีอะไร แค่สงสารลูกนกลูกกา ลูกราชาสวรรค์”น้ำเสียงนั้นเอ่ยแบบไม่ใส่ใจเท่าไหร่
“ขอบคุณนะ”ข้าว่าพลางยิ้มให้ ข้าเห็นอลาวหน้าแดงแจ๋เลย หรือว่าเขิน
“ไม่จำเป็นไม่ต้องขอบคุณก็ได้ อย่ามาสำคัญตัวผิดนะเจ้าบ้า”เสียงนั้นแอบสั่นเล็กๆ
ถึงเจ้าตัวจะพูดแบบนั้นข้าก็ยังอดมองหน้าเขาไม่ได้อยู่ดี
“มีอะไร! จะมองหน้าข้าไปถึงเมื่อไหร่กัน!”
สุดท้ายข้าก็โดนเขาตวาดอีกจนได้ ฮ่าๆเขินจริงๆด้วย
“ไม่มีอะไรหรอก เจ้าไปอาบน้ำล้างหน้าล้างตาเถอะข้าจะได้อาบบ้าง ทั้งน้ำมูกน้ำตาเจ้าเลอะเต็มเสื้อข้าไปหมดแล้ว”ข้าเห็น
อลาวหน้าแดง แต่ก็ไม่เท่าตอนโดนข้าจูบ รีบเข้าห้องน้ำไปพร้อมกับเสียงที่แว่วมา
“กำลังจะซึ้ง ทำเสียฟิวส์หมด”ข้าบ่นพลางถอดเสื้อผ้าตัวเองออก พร้อมสำรวจดูว่ารอยที่ต้นคอข้ามันลดลงไปบ้างหรือเปล่า ปรากฎว่ามันไม่ลดลงสักนิดหนึ่ง ตายล่ะตอนที่สู้คอข้าไม่ได้ปิดตัว เห็นกันไปหมดแล้วมั้งเนี่ย ภาวนาให้พวกมันไม่ทันสนใจทีเถอะ ข้ารีบใส่เสื้อผ้าเหมือนเดิมเพื่อออกไปตวาดแว้ดไอ้ตัวต้นเหตุ
“ฟราน! เจ้าดูฝีมือเจ้าซะ”ข้าชี้ที่ต้นคอตัวเองที่ยังแดงอยู่เป็นย่อมๆ
“มาให้ข้าแก้แค้นซะดีๆนะ”ข้าเอ่ยเสียงเขียว
“แก้แค้น เจ้าจะไซร้คอข้าคืนเหรอ ได้ๆไม่มีปัญหา”มันเอียงคอไปด้านขวาก่อนชี้ที่ซอกคอซ้ายของมัน ข้าไม่รีรอข้าพุ่งเข้าใส่ ดูมันจะตะลึงไม่น้อยที่ข้าพุ่งไป แต่อย่าได้ว่าข้าจะโรคจิตเอาคืนแบบที่เจ้าฟรานมันเสนอ ข้าแค่งับจมเขี้ยวเท่านั้นเอง
“อ๊ากกกกกกกก อลาวดี้ข้าเจ็บ”มันน้ำตาคลอเบ้าพร้อมผลักหัวข้าออก
“เป็นไง ฝีมือข้า”ข้าแอบรู้สึกว่ามีเลือดออกมาติดฟันข้าด้วยนะเนี่ย
เจ้าฟรานเอียงคอมองกระจกแล้วทำหน้าบึ้ง
“โถ่! คอขาวเนียนของข้า ถ้าเป็นแผลเป็นขึ้นมาจะว่าไงห๊ะ?อลาว เดี๊ยวข้าก็ทำคืนซะหรอก”
“เอ้า ก็เจ้าบอกว่าให้มาไซร้คอเจ้า ข้าไม่ประสีประสาก็ต้องแบบนี้แหละ”ข้าแถรไปเลื่อย ถ้ามีรางวัลนักแถรอวอร์ดข้าคงได้แบบไม่มีใครโต้แย้ง
“งั้นมานี่ ข้าจะสอนให้”มันดึงข้าที่สะใจจะเป็นจะตายอยู่ให้ลงไปนอนกับเตียง พร้อมคร่อมข้า เฮ้ยมันคร่อมข้าสี่รอบแล้วนะภายในสองวัน
แล้วไอ้สิ่งที่ข้ากลัวก็เปิดประตูเข้ามา
“ท่านอลาวดี้ สตาร์ฝากบอกว่ายานี่….อาจช่วย....ท่านฟราน...ได้”ซีโร่นิ่งค้างเติงเมิ่งอยู่หน้าห้อง ปกติเจ้านี่มันเคาะแล้วเปิดเลยมันถึงได้มาเห็นภาพที่เจ้าฟรานค้างอยู่ที่คอข้านี่ไง
“เอ่อ ข้าขอโทษที่มาขัดจังหวะ”พูดจบมันก็ออกไปแบบไม่ฟังคำอธิบายใดๆเลย ข้ายังแอบเห็นมันบ่นประมาณว่า รักกันตอนไหน สปาร์คกันเมื่อไหร่ ไว้ไฟเหลือเกิน เจ้าเข้าใจผิดมากไปแล้วนะ!!
“ฟราน ลุกออกไปจากตัวข้าเดี๊ยวนี้เลยนะ”
มันก็ยอมลุกออกแต่โดยดีจนน่าแปลกใจ
“ต้องให้ข้าบอกเจ้ากี่ครั้ง ว่าข้าเป็น….”ข้าสูดหายใจก่อนเอ่ยออกมา
“ผู้ชาย ผู้ชาย ผู้ชาย ผู้ชาย ผู้ชาย ผู้ชาย ผู้ชาย ผู้ชาย”ข้าย้ำมันไปอีกหลายรอบ แต่แทนที่มันจะว่าอะไรกลับก้มหน้านิ่งแล้วพูดเพียงว่า”ข้าขอโทษ ข้าทำให้พวกนั้นเข้าใจผิดเจ้าอีกแล้ว”แล้วมันก็เดินเข้าห้องน้ำไป มันเป็นอะไรมากหรือเปล่าเนี่ย อยากจะรู้ นี่ข้าปรับอารมณ์ตามมันไม่ทันแล้วนะ เดี๋ยวมันก็อบอุ่นดูพึ่งพาได้(?) เดี๊ยวมันก็หื่นสะบัดช่อ แล้วนี่จู่ๆมันก็หงอยเป็นหมาอดแทะกระดูก อะไรของมันฟระ
“เฮ้นี่ฟราน เจ้าเป็นอะไรไปน่ะ”ข้าถามทันทีที่มันเดินออกมาจากห้องน้ำ แต่มันไม่ตอบกลับแค่ส่ายหน้าเบาๆแล้วล้มตัวลงนอน แถมคลุมโปรงอีก
“นี่! ลุกขึ้นมาคุยกับข้านะ!”ข้าสั่งพร้อมดึงผ้าห่มของมันออก มันลืมตามองข้าแล้วกระพริบตา ก่อนจะลุกขึ้นมานั่งย่อนขาลงมาจากเตียง
“อะไรของเจ้า ผีเข้าหรือผีออกกันล่ะนั่น?”
มันไม่ตอบแล้วก้มหน้าลง ข้าเห็นแบบนั้นเลยเลิกที่จะใช้เสียงแข็งกับมัน
“ฟราน”ข้าเรียกเหมือนตอนที่อยู่ในการประชุม มันเงยหน้ามองข้าช้าๆ จะให้ข้าอธิบายไหม ตอนนี้สภาพมันคือ เส้นผมสีขาวที่หมาดๆลู่ลงติดกับใบหน้าขาวๆ ดวงตาสีม่วงเข้มส่อแววเศร้าๆ คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันบ่งบอกว่ามันหงอยสุดชีวิต ไม่อยากชมแต่มันดูดีเป็นบ้า! นี่ข้าจะโดนแฟนคลับมันรุมหรือเปล่าเนี่ยที่ปล่อยมันเศร้า
“ฟราน เจ้าเป็นอะไรไป”ข้านั่งลงข้างๆมัน ดูแล้วราวกับคุณแม่ที่กำลังปลอบลูกสาววัยรุ่นที่กลุ้มเพราะปัญหารักแรกอย่างนั้นแหละ
“ข้าแค่อยากรู้ว่าอะไรที่มันทำให้เจ้าทำสีหน้าแบบนี้หากเจ้าไม่บอกก็ไม่ไม่ใครรู้ว่าเจ้าเป็นอะไร แต่ข้าก็ไม่ได้จะบังคับให้เจ้าพูดออกมา เจ้าจะพูดหรือไม่นั่นคือสิทธิ์ของเจ้า เก็บไว้กับพูดออกมาอะไรที่ทำให้เจ้าอึดอัดมากกว่ากันล่ะ”มันเสนัยน์ตามองข้าเล็กน้อยก่อนจะถอนหายใจ ข้ารอมันพูด
หนึ่งนาทีผ่านไป…..
สามนาทีผ่านไป…..
ห้านาทีผ่านไป…..
หน้าข้าชักเริ่มตึง
สิบนาทีผ่านไป……
ข้าแทบจะโบกหัวมันอยู่แล้ว แต่มือที่ยกเตรียมจะโบกต้องเปลี่ยนมาลูบหัวมันแทนพอมันเริ่มเปล่งเสียงออกมา
“เอ่อ….ข้า….”แล้วมันก็ฟุบหน้าลงบนฝ่ามือตัวเอง แกจะทำตัวเหมือนเด็กสาววัยแรกรักไปไหน แล้วที่สำคัญข้าไม่ได้ทนรอเจ้าตั้งสิบนาทีเพื่อให้เจ้าพูดแค่สองคำนะเฟ้ย!
แล้วข้าก็ต้องรอมันต่อไปอีกสิบนาทีกว่ามันจะพูดอีกครั้ง แต่ว่าที่มันพูดออกมากลับทำให้ข้าเลิกคิ้วสูง
“ข้าแค่รู้สึกว่าข้าและเจ้าต่างกันเกินไป”มันพูดเสียงอ่อย ข้ามองมันเฉยๆไม่ได้ตวาดหรือโวยวายอะไรเพื่อรอให้มันพูดต่อ
“ทั้งที่เราก็ต่างมันเจ้าชายเหมือนกัน แต่ในขณะที่เจ้าเข้าประชุมกับพวกขุนนาง ข้ากลับวิ่งเล่นอยู่ที่โลกมนุษย์ ในขณะที่เจ้ากำลังออกเก็บวิญญาณ ข้ากลับนั่งกินนอนกินอยู่ที่วิหาร และในขณะที่เจ้ากำลังหยุดนักโทษแหกคุกข้ากลับกำลังเล่นปั่นแปะอยู่กับพวกพี่ๆ”
เฮ้ย!นี่เจ้าเล่นปั่นแปะด้วยเหรอ! เจ้านี่มันผิดศีลหลายข้อนะเนี่ย
“แล้วนี่ข้าก็ยังมาสร้างความเดือดร้อนให้เจ้า ทำประตูพัง ทำให้พวกหัวหน้าหน่วยติดอยู่บนนั้นตั้งหกคนแล้วงานทั้งหมดเจ้าก็รับผิดชอบโดยที่เจ้าไม่ได้ผิด แถมข้ายังทำให้เจ้าขายหน้าพวกหัวหน้าหน่วยถึงสองครั้ง ข้าขอโทษ ข้ามันไม่ได้เรื่อง”
ปึก!
ข้าดีดหน้าผากมันแรงๆจนมันหันมองหน้าข้าพร้อมกุมหน้าผากตัวเองด้วยสองมือ
“ฟราน ข้าคิดว่าข้าดูเจ้าผิดไปนะ”ข้าเว้นวรรคให้มันงงก่อนเอ่ยต่อ”ข้ามองว่าเจ้าเป็นเจ้าชายที่มองโลกในแง่ดี ร่าเริงอยู่ตลอด(แม้มันจะเกินไปก็ตาม)แต่เจ้ากลับมานั่งหดหู่เพราะความผิดที่มันเล็กเท่าฝุ่นเนี่ยนะ”
ข้าถอนหายใจอย่างเหนื่อยๆก่อนจะร่ายยาวใส่มัน”ข้ากับเจ้าน่ะเอามาเปรียบกันได้ที่ไหน ข้าน่ะเจ้าชายนรก เจ้ามันเจ้าชายสวรรค์ นรกมีแต่พวกคนเลวเท่านั้นที่ตายแล้วต้องมาที่นี่ มันทรมานถึงไม่มีคนอยากมา ยมทูตอย่างพวกข้าถึงต้องไปลากคอมันมา ที่มีนักโทษแหกคุกเพราะมันมีคนชั่วๆอยู่ถึงต้องสร้างคุกออกมา แล้วที่ต้องประชุมเกือบจะทุกวันก็เพราะตาแก่พวกนั้นมันเรื่องมาก แต่ที่สวรรค์มีแต่วิญญาณดีๆ ไม่มีพวกเลวๆก็ไม่มีคุกไม่มีนักโทษ แล้วเจ้าจะไปเอานักโทษที่ไหนมาแหกคุกหรือพ่อเจ้าจะถ่อสังขารมานรกเพื่อเอานักโทษไปไล่จับเล่นกัน แล้วที่ไม่มีการประชุมมันก็เรื่องของพวกเจ้า”
ฟรานมองหน้าข้าอย่างเหวอๆ นี่มันยาวที่สุดในบรรดาที่ข้าเคยพูดมาเลยหรือเปล่าเนี่ย
“ส่วนเรื่องที่เจ้าทำอะไรบ้าๆบอนั่น ข้าเองก็ผิดที่ทำตัวเป็นผู้หญิงไปหน่อย ไปแคร์เรื่องแค่นั้นอาจเพราะเจ้าพวกนางกำนัลมันกรอกหูข้ามา ข้าก็ไม่ได้โกธรอะไรเจ้าแล้วล่ะตอนนี้”
“เจ้าไม่โกธรข้าจริงเหรอ”มันถามแบบตื่นเต้นสุดๆ
“ก็ใช่น่ะสิ เรื่องแค่นั้นน่ะชั่งมันเหอะ ข้ามันก็โมโหไปหน่อย แล้วข้าเองก็โตแล้วนะ ในเมื่อเจ้าขอโทษเพราะรู้สึกผิดจากใจจริงไม่ได้เสแสร้ง ข้าเองก็มีน้ำใจพอจะให้อภัย”ข้าพูดพร้อมส่งรอยยิ้มไปให้มัน
“อุว้าว เจ้านี่ชั่งดีไม่สมกับเป็นยมทูตเลยนะ”
“ข้าจะถือว่านั่นคือคำชม!”ข้ากระชากเสียงตอบ แต่มันกลับยิ้มแบบที่มีดอกกุหลาบบานกับฟอกสบู่ลอยมาให้ข้า จะให้ข้าบอกกี่ครั้งว่าข้าไม่ชอบฟอกสบู่!!! กุกลาบด้วย!!
“เอาเถอะ ข้าจะไปอาบน้ำ”พอรู้สึกได้ว่ามันกลับมาเป็นเหมือนเดิมข้าก็ตัดบทง่ายๆ ก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไป
“อ่อ แล้วเจ้าก็นอนพักซะ พลังวิญญาณเจ้าจะได้กลับมาเป็นเหมือนเดิม”ข้าตะโกนออกมาก่อนจะเริ่มถอดเสื้อผ้าตัวเองอีกรอบ คราวนี้ข้าไปยืนใต้ฝักบัวก่อนจะเปิดน้ำไปพร้อมๆกับการคลายเวทย์แปลงเป็นผู้หญิง เพราะถ้าหากข้ายังคงเวทย์ไว้พลังวิญญาณข้ามันก็ไม่เต็มสักที ก็เหมือนกับการที่เติมน้ำไปด้วยพลางดูดกินไปด้วยนั่นแหละ จ้างให้มันก็ไม่เต็มให้เจ้าหรอก!!
ข้าเสยผมสีดำสนิทของตนขึ้นนี่แหละที่ข้าต้องการผมที่ยาวถึงต้นคอสีดำสนิท ไม่ใช่ผมที่ยาวถึงข้อเท้าสีเงินนั่น! ข้าอาบน้ำอย่างสบายอารมณ์แล้วเจ้าตัวบังเอิญของสามโลกมันก็วิ่งมาหาข้า(อีกแล้ว)
ก๊อกๆ
“ข้ามี….”เจ้าฟรานที่จู่ก็เคาะประตูแล้วเปิดเข้ามาแบบที่ข้าไม่ทันตั้งตัว มันนิ่งค้างครู่เดียวก่อนจะรีบปิดประตูดังปัง! ข้ารีบแต่งตัวอย่างไวที่สุดพลางร่ายเวทย์แปลงกาย
“เจ้าเห็นใช่ไหม!!!!”ข้าโพลงขึ้นทันทีที่เปิดประตูออกไป เจ้าฟรายยืนหันหลังให้ข้าก่อนจะค่อยๆหันมา
“อลาว…ร่างนั่น…”
“ร่างจริงข้า”ข้าเอ่ยพลางกัดริมฝีปากตัวเอง มันเบิกตาโพลงอย่างตกตลึง ที่ข้าห่วงไม่ใช่ร่างเปลือยแต่เป็นร่างผู้ชายของข้า!!
“อลาว…”
“ไว้คุยกันพรุ่งนี้เถอะ เราต้องคุยรายละเอียดอะไรกันอีกเยอะ วันนี้นอนเถอะทั้งข้าและเจ้าเหนื่อยกันมาทั้งวัน”ข้าตัดบทง่ายๆก่อนจะเดินไปที่เตียงตัวเอง ข้ารู้สึกเหมือนลืมอะไรไปหรือเปล่า?
“เป็นอะไรไปงั้นเหรอ”ฟรานที่กำลังจะดับไฟหันมาถามเมื่อเห็นข้านั่งอยู่บนเตียงมานอนแต่ไม่นอนสักที
“เปล่า แล้วเจ้าก็เลิกทำหน้าแบบนั้นได้แล้ว ที่ตะโกนออกมาข้าแค่ตกใจ”ว่าจบข้าก็ล้มตัวลงนอนทันที
ข้ารู้สึกว่าเช้านี้อากาศอบอุ่นเกินความจำเป็น(อีกแล้ว) ข้าลืมตาขึ้นและไม่เห็นหน้าเจ้าฟรานแต่….ข้าเห็นมือที่มันพาดมาจากด้านหลัง ข้าค่อยๆพลิกตัวก่อนจะเอ่ยเสียงหวาน”ฟราน…”
พลั่ก!!!
ข้าใช้เท้าถีบมันไปชนกำแพงดังโครม มันรีบลุกขึ้นพลางมองข้างงๆ
“อะไรกันอลาวดี้ เจ้าถีบข้าทำไม”
“ยังจะมาอะไร ทำไมอีก เจ้าคิดว่าข้ายกเตียงใหม่มารกห้องข้าทำบ้านตาแป๊ะหรือไง!!!”ข้าตวาดพลางชี้ไปที่เตียงของเจ้า
ฟราน แล้วมันก็ก้มหน้าหงุด เฮ้ย! อย่าบอกว่ามันจ๋อยอีกแล้วน่ะ อะไรมันจะอ่อนไหวขนาดน้านนนน มันค่อยๆเงยหน้าขึ้นก่อนจะเอ่ยคำที่ข้าอยากจะเอาส้นเท้าประทับหน้ามันยิ่งนัก
“อลาวดี้ที่น่ารักของข้า ตาแป๊ะนี่ใครกัน ที่เจ้าเคยพูดว่าทำบ้านแก ข้าพอจะเข้าใจว่าเป็นบ้านข้า แต่เตียงที่ยกมาทำบ้านตาแป๊ะนี่…ตาแป๊ะเนี่ยใคร แล้วทำไมเจ้าต้องเอาเตียงไปทำบ้านเขาด้วยล่ะ”มันมองข้าด้วยแววตาใสซื่อชนิดน่าถีบ ข้าค้างไปสิบวิ มันซื่อจริงหรือแกล้งข้ากันเนี่ย
“อลาวดี้ที่น่ารักของข้า….”
“ข้าให้เจ้าเรียกข้าว่าไง?!”
“ที่รักของข้า สรุปแล้วตาแป๊ะนี่ใคร แล้วเขาเป็นญาติฝ่ายไหนของเจ้ากัน”
“ว๊ากกกกก ตาแป๊ะคือเจ้าของร้านโชห่วยหน้าปากซอย พอใจมั๊ย?!”ข้าเดินกระแทกเท้าเข้าห้องน้ำไป ถามมาได้ตาแป๊ะเป็นใคร ข้ายังไม่รู้จักเลย! มันยังไม่วายตะโกนถามอีก
“ถ้าแค่เจ้าของโชห่วยหน้าปากซอยแล้วเจ้าจะยกเตียงไปทำบ้านเขาทำไมล่ะที่รักของข้า”
นี่ข้าต้องปวดหัวกับมันอีกนานไหมเนี่ย ไหนวันนี้ข้ายังต้องสรุปรายงานนักโทษแหกคุกเมื่อวานให้เจ้าตาแก่พวกนั้นฟังอีก สรุปรายงาน…….
“อ๊ากกกกกกกกก”ข้าที่กำลังเช็ดผมอยู่ในห้องน้ำตะโกนลั่นก่อนจะวิ่งออกมา
“มีอะไรอลาว”ฟรานถามสีหน้างงๆ
“ข้าลืมสรุปเรื่องนักโทษแหกคุกเมื่อวาน”ข้าบ่นพลางกุมขมับ
“อ้าว แล้วต้องสรุปเป็นลายลักษณ์อักษรไหม?”
“ปกติข้าจะสรุปเป็นแบบสคิปแล้วให้จัสตินรายงานแทน…จัสติน…เจ้านั่นมันไม่อยู่นี่หว่า อ๊ากกกกกกกก”
ฟรานมองข้าที่สติแตกอย่างขำๆข้าเลยตวาดสายตามองมัน
“ขำอะไร!”
“ขอโทษๆ แค่นี้ต้องงอนด้วย”
“ข้าไม่ได้งอนนะ เจ้าน่ะมาช่วยข้าคิดหาวิธีรายงานตาแก่พวกนั้นเลย”ข้าชี้หน้า มันเลยหันนิ้วชี้เข้าหาตัวเองก่อนจะยิ้มแบบกุหลาบมาพร้อมฟองสบู่ บอกแล้วไงข้าไม่ชอบกุหลาบกับฟองสบู่!!!
“เดี๊ยวข้าจัดการให้ก็ได้ แต่ตอนนี้เจ้าน่ะมานั่งตรงนี้”มันตบเบาะหน้าโต๊ะเครื่องแป้งพอเห็นข้ามองแบบงงมันก็เลยพูดต่อ”ผมเจ้ายุ่งไปหมดแล้ว เดี๊ยวข้าจัดการให้”มันว่าพลางยิ้มดูโอ้กุหลาบฟองสบู่อีกรอบ ข้าไม่ชอบฟองสบู่!!กุหลาบด้วยนะ!!
ข้านั่งลงอย่างว่าง่าย มันค่อยๆหวีผมข้าอย่างเบามือยอมรับเลยว่าเบากว่านางกำนัลข้าเสียอีก ผมหน้าม้าข้าถูกหวีเบาๆก่อนจะปัดไปทางซ้ายสามในสี่ ก่อนมันจะเริ่มหวีผมที่ยาวถึงข้อเท้าข้าแล้วเริ่มบิดไปมาพลางร้อยลูกปัดใส่เข้าไป ผมที่ยาวถึงข้อเท้าที่ตอนนี้ยาวแค่เอวถึงเบี่ยงมาไว้ทางขวาก่อนที่เจ้าฟรานจะวางรัดเกล้าลงบนหัวข้า
“เสร็จแล้ว อลาวดี้ของข้าสวยที่สุดเลย”มันว่าพลางยิ้มรับสายตาพิฆาตของข้า
“ข้ารู้ว่าเจ้ารำคาญผมที่ยาวถึงข้อเท้าของเจ้า ไปกันเถอะอลาวดี้ที่น่ารักของข้า เราต้องไปประชุมกันแล้วนะ”
*********************************************************TBC.*****************************************************************
ความคิดเห็น